บุหงาซ่อนกลิ่น (ช่องสามซื้อลิขสิทธิ์แล้ว)
ด้วยความรู้สึกผิด เขาจึงติดตามชดใช้
จนกลับกลาย...มาเป็นความรัก

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

สิมิลัน มายาวี เจ้าของฉายาสาวฮอตทะเลร้อนไม่เข้าใจเล้ย! ว่าทำไมในละครถึงชอบให้พระเอกข่มขืนนางเอก แล้วตอนท้ายนางเอกก็ดันไปหลงรักผู้ชายเฮงซวยจำพวกนั้นเสียด้วย

เพราะวันที่ฝันร้ายเกิดขึ้นกับเธอ หญิงสาวเกลียดปัณณ์ รัชนาถ จนแทบไม่อยากเห็นหน้า ถ้าฆ่าเขาให้ตายคามือได้โดยไม่ติดคุก เธอก็คงทำไปแล้วแน่ๆ

แต่แล้วเมื่อข่าวหลุดลอดออกไป แทนที่ผู้คนจะเห็นใจว่าเธอถูกกระทำ กลับหาว่าเธอจงใจยั่วซูเปอร์สตาร์หมายเลขหนึ่งของวงการ ทั้งยังวางแผนแบล็คเมล์กะจับเขาให้อยู่มือเสียอีก

โอ๊ย! โลกนี้มันเป็นอะไรกันไปหมดแล้วนี่!

ครั้นจะลุกขึ้นมาทวงศักดิ์ศรี ใครล่ะจะเชื่อ ในเมื่อเธอเป็นแค่ตัวอิจฉาคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่นางเอกที่จะเรียกร้องความเห็นใจจากใครได้เลย

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

“ค่าตัวแพงไม่เบานะ” เสียงห้าวที่ดังมาจากด้านหลังหยุดย่างก้าวของเธอได้ชะงัดนัก

หญิงสาวตัวชาวาบ หันขวับมาตวัดมองเจ้าของเสียงทันควัน ปัณณ์ในเครื่องแต่งกายชุดใหม่เดินลงบันไดโค้งมายืนอยู่ตรงหน้า

“ถึงฉันจะถ่ายแบบชุดว่ายน้ำมันก็ไม่ได้หมายความว่าฉันขายตัว”

“แต่งตัวยิ่งกว่าผู้หญิงกลางเมือง ยังจะปฏิเสธอีก เธอนี่โชคดีเหลือเกินนะ ยายเด็กปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม คืนเดียวเรียกได้ตั้งยี่สิบล้าน!”

ดวงตาสิมิลันวาวจ้าราวแม่เสือ กระนั้นกลับมีหยาดน้ำวาวๆ คลอเต็มหน่วย หญิงสาวกัดริมฝีปากแน่น รวบรวมทุกกำลังใจที่เหลืออยู่น้อยนิด ย้ำกับตัวเองว่าให้เข้มแข็งเข้าไว้ หากจะตายก็ขอไปตายที่อื่น อย่าให้ผู้ชายคนนี้เห็นความอ่อนแอของเธอเด็ดขาด อย่าให้เขาหัวเราะเยาะ เย้ยหยันเธอได้อีก

หญิงสาวเชิดหน้า แต้มยิ้มเหยียด “ก็คงไม่โชคดีเหมือนไอ้เฒ่าตัณหากลับอย่างคุณหรอก แก่ขนาดนี้แล้วยังอุตส่าห์ได้เคี้ยวหญ้าอ่อนอย่างฉันน่ะ”
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ ๒๓

หลังรับประทานอาหารไทยตามที่สิมิลันเป็นคนเลือกร้านแล้ว คนขับรถก็พาทั้งสองมาส่งที่ห้างสรรพสินค้าหรูใจกลางกรุงเทพมหานคร

“พี่มีที่หนึ่งอยากจะอวดหนู ไปด้วยกันนะ” ปัณณ์ทำท่านึกได้

“ที่ไหน”

“เอาน่า...ตามมาเถอะ เดี๋ยวก็รู้เอง” ชายหนุ่มไม่แตะต้องตัวเธอให้อีกฝ่ายระแวง แต่ใช้วิธีคว้าสายกระเป๋าสะพายลากสิมิลันให้ตามมาอย่างรวดเร็ว เขาพาเธอขึ้นบันไดเลื่อนไปยังโซนที่ค่อนข้างเงียบ และแทบไม่มีผู้คนเลย ร้านค้าสองฟากหรูหราไร้ที่ติ

ปัณณ์มาหยุดยืนที่หน้าร้านซึ่งกรุกระจกใส ชื่อบนกระจกบอกให้รู้ว่ามันคือโชว์รูมของแอบโซลูตเจมส์ ร้านตกแต่งด้วยเคาน์เตอร์ตู้กระจก ภายในจัดแสดงเครื่องเพชรหลากหลายแบ่งเป็นคอลเลกชันต่างๆ ไฟสีขาวอมส้มที่ฉาดฉายลงมาเบื้องล่างช่วยขับประกายวะวับวาววามของน้ำเพชรให้กระจ่างเล่นแสงไฟยิ่งขึ้น

ปัณณ์เปิดประตูกระจกรอท่าให้หญิงสาวก้าวเข้าไปด้วยความภาคภูมิ

“สวัสดีค่ะคุณปัณณ์ สวัสดีค่ะคุณสิมิลัน” พนักงานทำความเคารพอย่างนอบน้อม แล้วพาทั้งสองเข้าไปในห้องส่วนตัวที่กรุด้วยกระจกติดฝ้า ภายในมีชุดรับแขกขนาดย่อมสำหรับให้ลูกค้ามีความเป็นส่วนตัวขณะเลือกซื้อเครื่องเพชร

“คุณพาฉันมาที่นี่ทำไม” สิมิลันกลอกตามองรอบๆ อย่างไม่สบายใจ

“พี่ปริมบอกว่าผู้หญิงชอบของขวัญ พี่ก็เลยจะชวนหนูมาเลือกของขวัญยังไงล่ะ” ปัณณ์บอกอย่างมั่นใจ เมื่อพนักงานนำเครื่องดื่มเข้ามาบริการ เขาจึงออกคำสั่ง

“ขอคอลเลกชันที่ขายดีที่สุดออกมาให้คุณผู้หญิงดูอย่างละชุดซิ” พนักงานสาวค้อมศีรษะรับคำ แล้วกุลีกุจอออกจากห้องไปปฏิบัติตามคำสั่งด้วยความนอบน้อม

สิมิลันทิ้งตัวลงบนโซฟา หน้ามุ่ย “ฉันมีเยอะแล้ว ไม่อยากได้หรอก”

“ไปเอามาจากไหนมากมาย” ปัณณ์ขมวดคิ้ว

“ก็จากคุณนั่นแหละ ฉัน...ได้ไปห้าชุดไง จำไม่ได้เหรอ” คนพูดหน้าแดงขึ้นมาดื้อๆ

“จริงเหรอ หนูมาเลือกไปแล้วหรือ”

“ยังหรอก ฉันไม่รู้จะเอาไปเก็บไว้ไหน กลัวแม่เห็นแล้วจะสงสัย”

“งั้น...เลือกแล้วก็ฝากไว้ที่นี่สิ วันไหนอยากใส่ก็มาเบิกไปใช้ ไม่ยาก!” ปัณณ์พูดง่ายตามประสาคนที่มั่นใจว่าเงินซื้อความสะดวกสบายทุกอย่างในชีวิตได้

สิมิลันตวัดตามองคนพูดก็เห็นเขามีสีหน้าบริสุทธิ์ใจ มิได้มีเจตนาใดแอบแฝงจึงส่ายหน้า เธอรวบรวมความกล้าครู่ใหญ่จึงตัดสินใจโพล่งคำถามที่ค้างคาอยู่ในใจเรื่อยมา เป็นคล้ายเสี้ยนเล็กๆ ที่ปักอยู่ในหัวใจ แตะต้องครั้งใดก็เจ็บแปลบเสมอ

“ถามจริงๆ นะ คุณว่าฉันเรียกร้องเยอะไปจริงๆ หรือ”

“ตองหมายถึงอะไร” เขาขยับมานั่งบนโซฟาด้วยกัน โดยทิ้งระยะห่างไว้เล็กน้อยมิให้หญิงสาวอึดอัดหรือไม่พอใจ

“ก็...หมายถึงค่าเสียหายนั่นไง”

ปัณณ์หรุบตาลงต่ำ “หนูเก็บสิ่งที่พี่เคยพูดไปคิดมากล่ะสิ อย่าไปเอานิยมนิยามอะไรกับผู้ชายปากเสียเลยตอง ตอนนั้นพี่คิดแต่ว่าจะเอาชนะ จะทำยังไงให้หนูเจ็บปวดที่สุดเท่านั้นเอง ไม่ได้คิดหรือหมายความอย่างที่พูดไปจริงๆ หรอก”

“ทำไมต้องทำอย่างนั้นคะ”

“ก็...หลอกตัวเองไง ย้ำให้ตัวเองสบายใจ ไม่ต้องรู้สึกผิดน่ะ นึกออกไหม เป็นเหมือนกลไกการป้องกันตัวเองของคนขี้ขลาดบางจำพวก”

สิมิลันกลั้นยิ้ม “วันนี้คุณชมตัวเองบ๊อย บ่อย ผิดปกติมาก”

“แต่หนูช่างประชดเหมือนเดิม” ปัณณ์ย้อนทันควัน

สิมิลันงันไปนาน ก้มหน้าลงมองมือที่กุมกันแน่นอยู่บนตัก แล้วเอ่ยเสียงละห้อย “ไม่จริงหรอกค่ะ...ฉันไม่มีวัน ‘เหมือนเดิม’ อีกต่อไปแล้ว”

ปัณณ์ใจหายวาบ รู้สึกคล้ายมีหลาวแหลมปักลงที่กลางใจ เขาอ้าปากจะพูด แต่กลับไม่คำพูดหลุดรอดจากริมฝีปากสักนิด ดวงหน้าคมก้มสลด คอตก หมดมาดพระเอกซูเปอร์สตาร์โดยสิ้นเชิง ร่างสูงขยับลงไปคุกเข่าบนพื้น แหงนขึ้นสบตาหญิงสาวด้วยความรู้สึกผิดที่พร่างเต็มดวงตา

“อยากตบพี่สักสองสามทีไหม เผื่อมันจะทำให้ตองรู้สึกดีขึ้น”

สิมิลันชะงัก มองตาเขานิ่งๆ และก่อนที่ใครจะคาดคิด ฝ่ามือแบบบางก็เงื้อขึ้นฟาดลงบนใบหน้าของปัณณ์ รัชนาถ เต็มแรง เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังสนั่น

เพียะ!

ปัณณ์หลับตาปี๋ ใบหน้าชาหนึบสะบัดไปตามแรงตบ แล้วค้างนิ่งอยู่ในอิริยาบถนั้น

นาน...กว่าชายหนุ่มจะลืมตา เบือนหน้ากลับมามองคู่กรณี จึงพบว่าสิมิลันเบะปาก ดวงตาวาวด้วยหยาดน้ำใสๆ เธอกัดริมฝีปากแน่นฝืนข่มกลืนกลั้นน้ำตาไว้มิให้พร่างรินลงมา

“ไม่เห็นรู้สึกดีขึ้นเลย” เธอเอ่ยเสียงอ่อย พลางชูมือที่แดงเถือกให้เขาดู “เจ็บมือด้วย”

ชั่ววินาทีนั้น ปัณณ์อยากรวบตัวคนตรงหน้าเข้ามากอดเหลือเกิน มิใช่ด้วยความสนิทเสน่หา หรือด้วยอารมณ์ปรารถนาอย่างชายหญิง

ทว่าด้วยความเวทนา หวังให้บ่าของเขาเป็นที่ปกป้องคุ้มครอง มิใช่...รุกรานทำลายดังที่ผ่านมา!

แต่เขารู้...บาดแผลที่สร้างไว้ในใจสิมิลันฝังลึกเกินกว่าจะเลือนลบได้โดยง่าย การดึงตัวเธอเข้ามาโอบประโลมอาจให้ผลในทางตรงข้ามก็เป็นได้

“ถ้าพี่ตาย ตองจะมีความสุขขึ้นไหม” น้ำเสียงปัณณ์ขื่นเกินบรรยาย แต่ก็ยังไม่เท่ารอยขมร้าวในหัวใจ

ดูเถิด เรื่องสนุกเพียงชั่วคืนของเขา เปลี่ยนโลกของผู้หญิงคนหนึ่งไปโดยสิ้นเชิง

“ลองดูไหมคะ” คำถามฟังดูทีเล่นทีจริง แต่คนพูดเพียงกระเซ้าเล่นเท่านั้น ก็ขนาดให้ตบ เธอยังบอกว่าเจ็บมือเลย

ใครจะเชื่อ...เด็กผู้หญิงอายุแค่ยี่สิบ จะคิดอ่านลึกซึ้งกว่าเขาเสียอีก

ต่อให้ทำร้ายอีกฝ่ายเท่าไร ก็ใช่ว่าจะบรรเทาความเจ็บปวดในหัวใจสิมิลันได้

และแม้เขาจะชดใช้ด้วยชีวิต ก็ไม่สามารถเรียกย้อนสิ่งที่เธอสูญเสียไปให้กลับคืนมาได้เช่นกัน

ปัณณ์ซบศีรษะลงบนโซฟาข้างหญิงสาว ก่อนนิ่งอยู่อย่างนั้นอย่างหมดแรง จู่ๆ ก็นึกสงสัยขึ้นมาว่าอย่างเขานี่โบราณจะหาว่าแก่กะโหลกกะลาหรือเปล่าหนอ

เขาตื้นเขินกว่าเด็กสาวที่เคยหมิ่นแคลนว่า ‘เงินมาผ้าหลุด’ เสียอีก

สัมผัสนุ่มที่แตะบ่าเขาและบีบเบาๆ ทำให้ปัณณ์เงยหน้าขึ้นมอง จึงพบกับมือแบบบางวางอยู่บนนั้น เขามองไล่ไปตามเรียวแขนกลมกลึงจนไปหยุดสายตาที่ใบหน้าของสิมิลัน

สีหน้าเธอไม่บอกความรู้สึกใดก็จริง แต่เขาเห็น...รอยหวาดหวั่นไหวระริกในดวงตาคู่นั้นบางเบา ขณะริมฝีปากบางพยายามแต้มยิ้มยากเย็น

“เจ็บไหมคะ”

ชายหนุ่มเผลอแตะปลายนิ้วลงบนแก้มซีกที่โดนตบแผ่วเบา มันยังชาอยู่เลย แต่เขากลับตอบตรงข้าม

“ไม่หรอก หนูตัวนิดเดียว จะมีแรงตบสักเท่าไหร่กันเชียว”

“ต้องให้ตบอีกข้างจะได้แดงเท่ากัน” สิมิลันเปรย

คนฟังตาโต อ้าปากค้าง “แดงเลยเหรอ”

“ค่ะ เป็นรอยนิ้วเลยล่ะ”

ชายหนุ่มทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยม “แล้วพี่จะออกไปข้างนอกในสภาพนี้ได้ยังไง โดนล้อตายแน่เลย”

“ทำไมจะตายง่ายนักล่ะคะ อยู่อย่างตายทั้งเป็นแบบนี้ไปอีกนานๆ ดีกว่า สะใจฉันดี”

ปัณณ์สะอึก เกือบจะเชื่ออยู่แล้วว่าเธอหมายความตามนั้นจริงๆ จนกระทั่งสิมิลันหลุดขำออกมาเบาๆ

“นี่หนูแกล้งพี่อีกแล้วเหรอเนี่ย” คนพูดหน้าบูด ขยับตัวตรง ยังคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเธอดังเดิม “เกิดพี่ฆ่าตัวตายไปจริงๆ หนูต้องมีกรรมติดตัวไปถึงชาติหน้าเลยนะ”

“เซอร์ไพรส์นะเนี่ยที่ได้ยินว่าปัณณ์ รัชนาถ สะกดคำว่ากรรมเป็นด้วยน่ะ” สิมิลันย่นจมูก “ที่พูดเนี่ยก็เพราะฉันรู้ว่าผู้ชายอัตตาสูงอย่างคุณก็ปากดีให้ดูเป็นพระเอกไปอย่างนั้นเอง จ้างให้คุณก็ไม่ฆ่าตัวตายหรอก”

“จะว่าไปแล้ว...หนูรู้จักพี่มากกว่าที่พี่รู้จักตัวเองอีกนะ” ปัณณ์เปรยจากใจจริง

มีความเงียบเกิดขึ้นชั่วครู่

สิมิลันรับรู้ได้ถึงความรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาดที่ลอยวนอยู่ในอากาศ จึงทำลายความเงียบด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก “คนทั่วประเทศเขาก็รู้จักคุณแบบนี้กันทั้งนั้นแหละ”

“ไม่จริงหรอก คนอื่นเขาคิดว่าพี่เป็นพระเอกจริงๆ มีแต่หนูนี่แหละ ชอบหาว่าพี่เป็นผู้ร้ายปลอมตัวมาเป็นพระเอก”

“หรือคุณจะเถียงว่าคุณไม่ใช่ผู้ร้าย” เธอตวัดตาหลบไปทางอื่นทันควัน

“ขอแค่เคยเป็นได้ไหม ตอนนี้กลับตัวเป็นคนดีแล้วนะ”

“จ้างให้ก็ไม่เชื่อ” สิมิลันส่ายหน้า แต่แล้วก็นึกได้ “แต่ถ้าจ้างแพงๆ ก็ไม่แน่นะ”

ปัณณ์เบะปาก “รู้หรอกว่าต่อให้จ้างแพงแค่ไหน หนูก็ไม่เชื่ออยู่ดี”

สิมิลันมองเขาด้วยสายตาบอกความฉงนชัดเจน “ทำไมคราวนี้ไม่ถามคะ ว่าต้องจ้างเท่าไหร่”

“เคยถามแล้วหนูโกรธนี่ จะถามอีกทำไม”

“คุณจำได้ด้วยเหรอ”

“จำได้สิ หนูว่าแปลกไหมล่ะ”

“ไม่รู้”

เสียงเคาะกระจกดังขึ้นเบาๆ สิมิลันหันมาทางชายหนุ่ม ชี้โบ๊ชี้เบ๊ “คุณจะไม่กลับขึ้นมานั่งบนเก้าอี้เหรอ”

“ดีไหมล่ะ พนักงานเขาจะได้เข้าใจว่าพี่กำลังขอความรักหนูอยู่ไง”

“ใช่...แถมยังมีรอยนิ้วประทับอยู่บนหน้าอีก ตีความได้หลายอย่างมาก คุณขึ้นมานั่งข้างบนเถอะ แค่นี้ฉันก็อายเขามากพออยู่แล้ว”

ปัณณ์หน้ามุ่ย ยอมลุกขึ้นมานั่งบนโซฟาแต่โดยดี พร้อมกับตะโกนให้สัญญาณพนักงานเข้ามาในห้อง ขณะเดียวกันก็เอนตัวไปกระซิบบอกหญิงสาว

“มีแฟนแก่ก็อาจต้องอายชาวบ้านชาวช่องอย่างนี้แหละ ไม่เหมือนพี่นะ มีแต่คนมองตามด้วยความอิจฉา เพราะนอกจากแฟนจะสวยแล้ว ยังเด็กอีกด้วย”

สิมิลันเม้มริมฝีปากแน่น ไม่ตอบโต้ เนื่องจากบานประตูถูกเลื่อนออกกว้าง พนักงานประคองกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินสดประทับตราตัวอักษรย่อสีทองอร่ามสามกล่องเข้ามา เธอจึงหมดโอกาสตอบโต้ด้วยคำพูด ทว่ามือที่อยู่ข้างกายกลับเลื่อนไปแหนบเนื้อที่ท้องแขนชายหนุ่มด้วยความหมั่นไส้ได้อย่างแนบเนียน

“โอ๊ย”

“มีอะไรหรือเปล่าคะ” พนักงานซึ่งกำลังปลดล็อกที่กล่องกำมะหยี่ใบแรกตกใจ เงยขึ้นมามองทันที

“ไม่มีอะไรหรอก” ปัณณ์โบกมือปฏิเสธ แล้วเอื้อมไปคว้ากล่องเครื่องเพชรมาเปิดออกด้วยตนเองยื่นให้สิมิลันพิจารณาใกล้ๆ

เผยให้เห็นว่าภายในเป็นสร้อยคอ สร้อยข้อมือ ต่างหูและแหวนเพชรครบชุด เครื่องเพชรทุกชิ้นล้วนประดับด้วยเพชรเต็มตลอดทั้งสาย คัดแต่น้ำงามที่สุด เม็ดใหญ่ที่สุด เพื่อให้ส่งประกายระยิบระยับยามต้องแสงไฟ ไม่ต่างกับเกล็ดหิมะกลางเปลวตะวัน

“นี่คอลเลกชันราชินีหิมะค่ะ ขายดีที่สุด ราคาแพงที่สุดของเรา ถ้าจัดเต็มชุดจะมีเทียร่าด้วยนะคะ” พนักงานทำหน้าที่แนะนำสินค้าอย่างแข็งขัน

ปัณณ์เหลือบตามองคนข้างๆ แล้วออกคำสั่ง “งั้นก็ไปเอาเทียร่ามาด้วยสิ”

“คะ!” สาวใหญ่ทำเสียงสูงด้วยความตกใจ แม้ปัณณ์จะเป็นผู้บริหารสูงสุดของบริษัท และพนักงานต่างก็รู้ดีว่าเขาเรียกเครื่องเพชรไปกำนัลให้คู่ควงเสมอ แต่ที่ผ่านมาปัณณ์ไม่เคยพาผู้หญิงมาเลือกเครื่องเพชร ‘ทั้งชุด’ แบบนี้

ข่าวคราวที่เขาประกาศตัวเป็นแฟนกับสิมิลัน มายาวี ทำให้หลายคนเคลือบแคลงสงสัยว่าอาจเป็นแค่กระแสรักโปรโมต แต่จากที่เห็นตรงหน้าแล้ว...เชื่อได้ไม่ยากเลยว่าปัณณ์อาจจะจริงจังกับผู้หญิงคนนี้ ก็ดูคำสั่งนั่นหน่อยเถอะ ฟังก็รู้ว่าตามอกตามใจกันขนาดหนัก

เขารู้หรือเปล่าว่าเทียร่าในชุดราชินีหิมะแค่วงเดียวมูลค่ากี่ล้าน

“เอ้อ...”

ปัณณ์ขึงตาใส่พนักงาน ซึ่งรีบรับคำเสียงเบา แล้วกระวีกระวาดออกไปจัดการตามที่เขาสั่ง

ชายหนุ่มหันกลับมาปลดสร้อยคอจากกล่องกำมะหยี่ เสนออย่างหวังดี

“ลองสวมดูไหม พี่ช่วย”

“ไม่ต้องค่ะ ของแพงๆ อย่างนั้น เกิดทำเพชรหลุดร่วงไปเม็ดหนึ่ง ฉันจะเอาปัญญาที่ไหนมาใช้คืนคุณ” สิมิลันถอยกรูด ตาจ้องสายสร้อยเส้นยาวส่งประกายวาววามราวกับมองสิ่งมหัศจรรย์ของโลก

“นี่เพชรของแอบโซลูตเจมส์นะ ใช้ช่างฝีมือดีที่สุดเท่าที่หาได้ในเมืองไทยประกอบเพชรเกี่ยวด้วยหนามเตยทีละเม็ด ไม่หลุดหรอก ลองดูหน่อยดีกว่า พี่อยากเห็นว่าหนูใส่แล้วจะสวยแค่ไหน”

ปัณณ์ไม่สนใจคำปฏิเสธ แต่ขยับไปนั่งซ้อนที่ด้านหลัง สวมสายสร้อยแล้วกลัดตาขอให้อย่างนุ่มนวล ไม่วายแกล้งให้คนที่นั่งตัวแข็งอยู่ใจตุ้มๆ ต่อมๆ เล่นด้วยการเป่าปลายหูเธอเบาๆ

สิมิลันทะลึ่งพรวดลุกขึ้นยืนทันที ใบหน้าแดงก่ำอย่างเห็นได้ชัด

“คุณ!”

“พี่ยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ” เขาแบมือทั้งสองข้างออกพลางยักไหล่

“แต่คุณเจตนาไม่ดี”

“หนูคิดมากไปหรือเปล่า” ปัณณ์หัวเราะร่า หันไปหยิบสร้อยข้อมือจากกล่อง ทำท่าจะเอื้อมไปทาบกับข้อมือบางของหญิงสาว

ทว่าเพียงสิมิลันเหลือบมาเห็นสร้อยเส้นบางประดับเพชรรอบตลอดสาย ดวงหน้างามก็เผือดลง เธอเอนท่าวจนเบียดชิดกับโซฟาด้านหนึ่ง ดวงตาที่เบิกกว้างตวัดมองชายหนุ่มเหมือนกวางระแวงไพร

ปัณณ์มองสร้อยในมือ แล้วจึงระลึกได้ว่ามันเหมือนเส้นที่เขายัดเยียดให้เธอในคืนนั้น

เขา...พลาดอีกแล้ว

ชายหนุ่มวางสร้อยกลับคืนลงในกล่อง ละล่ำละลัก “ขอโทษ พี่ไม่ได้ตั้งใจจะให้ตองคิดมากนะ”

สิมิลันเบือนหน้าไปทางอื่นทันควัน มือกุมหน้าอกที่หัวใจเต้นกระหน่ำจนแทบพลัดออกมาเบื้องนอก

ปัณณ์เกือบจะคว้าแขนเธอ แต่เมื่อระลึกได้ถึงบางสิ่งจึงเปลี่ยนใจ เหลือเพียง

“ตอง...ตกใจหรือ” เขาถามเสียงอ่อน รีบหันไปปิดกล่องกำมะหยี่งับเข้าด้วยกันแล้วเลื่อนไปให้พ้นสายตาทันที

“เรา...ไปกันเถอะ ไว้ค่อยมาเลือกใหม่เนอะ” ปัณณ์ตัดสินใจฉับไว หยิบกระเป๋าสะพายของหญิงสาวแล้วลุกขึ้น ก้าวยาวๆ ไปเลื่อนประตูกระจกไว้คอยท่า ให้สิมิลันออกจากห้องก่อน แล้วเดินตามไปติดๆ

“เอ้อ...คุณปัณณ์คะ สร้อยคอ...” เจ้าหน้าที่คนเดิมวิ่งตามมาเอ่ยเตือนตะกุกตะกัก

สิมิลันเพิ่งนึกได้ จึงทำท่าจะถอดสร้อย แต่ปลดตาขอซึ่งเป็นล็อกสองชั้นไม่ออกเสียที

ปัณณ์ขยับเข้าไปจะช่วยเหลือ แต่เธอก็ถอยหลังกรูดด้วยความลืมตัว

ชายหนุ่มจึงหันไปสั่งพนักงานแทน “ช่วยถอดสร้อยให้คุณสิมิลันหน่อยซิ”

นักแสดงสาวรีบรวบผมขึ้น หมุนกายให้ฝ่ายนั้นทันที สีหน้าดูโล่งใจอย่างเห็นได้ชัดเมื่อสร้อยเพชรมูลค่าหลายล้านถูกปลดออกจากคอ

“เกิดมาก็เพิ่งเคยเจอผู้หญิงที่รังเกียจสร้อยเพชร” ปัณณ์เปรยล้อเลียน

หญิงสาวปรายตาสังเกตรอบๆ ก็เห็นพนักงานที่ประจำอยู่ตามเคาน์เตอร์ลอบมองมากันแทบเป็นตาเดียวจึงออกตัวเบาๆ พอให้ได้ยินกันแค่สองคน

“เราไปกันเสียทีดีไหมคะ ฉันอึดอัด”

“ได้สิ” ปัณณ์รับคำแล้วผายมือให้เธอ ฉวยจังหวะนั้นสำรวจใบหน้าตัวเองในกระจกด้วยความกังวล แล้วก็เป่าลมหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่ารอยนิ้วที่สิมิลันพูดถึงจางลงจนแทบมองไม่เห็นแล้ว

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเปิดประตูคอยท่าให้สองหนุ่มสาวก้าวออกไปได้สะดวก

“ไปไหนกันต่อดีจ๊ะ”

“ฉันอยากกลับบ้าน” หญิงสาวเอ่ยเสียงเบา

คนฟังหัวใจอ่อนยวบ ทั้งสงสารทั้งเวทนาระคนกัน ขืนปล่อยเธอกลับบ้านในสภาพนี้ มีหวังหญิงสาวคงคิดมากซ้ำๆ แต่เรื่องเดิมแน่นอน

เขารู้...ว่าต้องทำอย่างไรให้เธอลืมโหมดเศร้าๆ นี้ จะไปยากอะไรก็แค่...แหย่ให้เธออารมณ์เสียเท่านั้นเอง

“จริงเหรอ ถ้าหนูกลับบ้านตอนนี้ งั้นก็แปลว่าพี่ชนะพนันสิเนอะ” ปัณณ์แกล้งทำเสียงสดใสเกินเหตุ “เอ...คิดไปแล้วก็ดีเหมือนกันนะ ต่อไปนี้หนูจะได้พูดเพราะๆ กับพี่ พี่ปัณณ์คะ พี่ปัณณ์ขา หนูอย่างโน้น หนูอย่างนี้ โอ้โห...แค่คิดก็มีความสุขแล้วนะนี่”

ปัณณ์ยิ้มกว้างก้มลงมองคนข้างๆ จงใจยั่ว “ตกลงตามนี้แล้วใช่ไหม”

สิมิลันเงยขึ้นมองเขาทันควัน “อะไรนะ”

“ก็...เราตกลงกันแล้วไง จำไม่ได้หรือจ๊ะ” เขาทอดเสียงหวานสนิทหูยิ่งกว่าเดิม

และสิมิลันก็หลงกลง่ายดาย “ไม่มีทาง ฉันไม่ให้คุณชนะพนันง่ายๆ หรอก”

“ของมันเห็นกันอยู่นะจ๊ะคนดี พี่ว่าหนูแพ้เห็นๆ”

“ใครบอกล่ะ ฉันจะ...” หญิงสาวเชิดหน้าเท้าเอว ทำสีหน้าครุ่นคิด “ฉันอยากกินไอศกรีม”

“อะไรนะ” คราวนี้กลับเป็นปัณณ์เสียเองที่ตระหนก ผู้ชายอายุสามสิบสามอย่างเขาเนี่ยนะ จะไปนั่งร้านไอศกรีมที่มีแต่เด็กผู้หญิงกับวัยรุ่นเดินกันให้เกลื่อน

ตายแน่!

“หนูหมายถึงซื้อกลับไปกินที่บ้านใช่ไหม” แม้มีความหวังน้อยนิด แต่ปัณณ์ก็ไม่เลิกพยายามง่ายๆ

“ใครว่าล่ะ ฉันอยากไปนั่งกินที่ร้านมากกว่า ปกติช่วงที่งานไม่เยอะอย่างนี้ หลังเลิกเรียนฉันไปนั่งกินขนมกับเพื่อนที่ร้านค้าข้างหอสมุดบ่อยๆ พักนี้ไม่ได้กินไอติมนานแล้ว ไหนๆ วันนี้ก็ว่างทั้งที แถมยังอุตส่าห์มากับแฟนด้วย ก็ต้องไปกินไอติมด้วยกันเหมือนวัยรุ่นทั่วๆ ไปหน่อยสิเนอะ” คนพูดย้ำสถานะด้วยสีหน้ายียวน แถมยังย้ำความแตกต่างระหว่างวัยด้วยการพาดพิงถึง ‘วัยรุ่น’ อีกด้วย เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้คิดอย่างที่เอ่ยสักนิด แค่ต้องการจะแหย่ให้เขาจนด้วยคำพูดมากกว่า

ปัณณ์นึกอยากจะจับศีรษะที่เชิดไหวๆ อยู่ตรงหน้าขยี้เสียเหลือเกิน เขารู้มาตั้งนานแล้วว่าเธอแสบ แต่คิดไม่ถึงเท่านั้นละว่ายามแผลงฤทธิ์ สิมิลันช่างมีวิธีกวนอารมณ์เขาได้เก่งกาจเหลือเกิน ทั้งยังทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ล้อเลียนได้สนิทสนมนักอีกด้วย

“เปลี่ยนจากไอศกรีมเป็นขนมเค้กหรืออย่างอื่นไม่ได้หรือไง” ปัณณ์เสนอเสียงอ่อย หารู้ไม่ว่ายิ่งเป็นการย้ำให้อีกฝ่ายเห็นถึงจุดอ่อนของเขาชัดเจนยิ่งขึ้น

“ได้ค่ะ งั้น...กินเค้กหลังไอติมก็แล้วกันนะ”

ดูเถิด...จากที่มีแค่ไอศกรีมอย่างเดียว เขากลับเสียท่าให้เธอมัดมือชกยัดเยียดร้านขนมเค้กใส่ไว้ในรายการเพิ่มขึ้นอีกด้วย

“หนูไม่กลัวคนมองหรือ” ปัณณ์ยื้อฟางเส้นน้อยที่ลอยมาตามมหาสมุทรด้วยความหวังลางเลือน

“ฉันเป็นดารา มีคนมองเยอะๆ สิดี” เธอย้ำเหตุผลที่เคยใช้มาแล้ว “ไปกันค่ะ ลงบันไดเลื่อนนี้ไปก็เจอร้านสเวนเซนแล้ว”

“เดี๋ยว!” ปัณณ์รั้งไว้ก่อน นึกถึงร้านไอศกรีมที่เจ้าหล่อนเอ่ยแล้วเห็นภาพตัวเองนั่งหน้าแก่ที่สุดอยู่กลางหมู่วัยรุ่นได้ชัดเจน หัวสมองหมุนจี๋พยายามทบทวนร้านไอศกรีมที่เคยผ่านตาสมัยศึกษาอยู่ที่ต่างประเทศและได้ข่าวว่ามาเปิดสาขาในเมืองไทย

“เอ้อ...หนูคงกินสเวนเซนบ่อยแล้ว พี่ว่าเราลองไปร้านโมเวนพิกดีกว่าไหม หนูเคยชิมไหมจ๊ะ ไอศกรีมจากสวิตเซอร์แลนด์นะ อร่อยเชียว หรือจะไปฮาเก้น-ดาสก็ได้” แน่ล่ะ...แม้เขาจะไม่เคยเข้าร้านพวกนั้น แต่เวลาไปรับประทานอาหารตามโรงแรมหรู ก็มักจะมีไอศกรีมยี่ห้อเหล่านี้ให้บริการ นอกจากนี้เขาเคยได้ยินดาราในกองถ่ายพูดให้ฟังว่ามันเป็นไอศกรีมที่ราคาค่อนข้างสูง ทำให้ไม่ค่อยพลุกพล่านคนเยอะจนน่ากลัว

สิมิลันตาโต “จริงด้วย เคยได้ยินชื่อมาตั้งนาน วันนี้ไปชิมดูก็ดีเหมือนกันนะ”
เจ้ามือผ่อนลมหายใจออกเบาๆ อย่างโล่งอก ยอมให้คนรับเลี้ยงรู้ไม่ได้เด็ดขาดว่าเขารู้สึกอย่างนั้น เพราะขืนสิมิลันรู้ เธอหาเรื่องใหม่มาป่วนเขาแน่นอน

เด็กอะไร้...น่าจับมาตีก้นชะมัด!



สิริณ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 ต.ค. 2555, 01:47:06 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 ต.ค. 2555, 01:47:06 น.

จำนวนการเข้าชม : 2663





<< ตอนที่ ๒๒   ตอนที่ ๒๔ >>
พันธุ์แตงกวา 17 ต.ค. 2555, 01:50:27 น.
ดีใจได้เป็นคนแรก


สิริณ 17 ต.ค. 2555, 01:50:48 น.
ขออภัยที่มาลงนิยายช้านะคะ
วันนี้ติดภารกิจสำคัญ
กว่าจะว่างก็ล่วงเข้าวันใหม่ไปแล้ว ^^

สำหรับตอนนี้...ก็อย่างที่เห็นล่ะค่ะ อิอิ
พระเอกโดนไปอีกฉาดแล้ว
และคาดว่า...กว่าจะจบคงจะโดนอีกไม่น้อย :p

ขอบคุณทุกคนที่ช่วยกันกดไล้ค์นะคะ
จำนวนคนไล้ค์ของตอนที่แล้ว เท่าเดิมเป๊ะเลย ๖๔ คน
ขอบอกว่าสิริณแอบสะบัดบ๊อบ น้อยใจอีกหลายๆคนนะคะ
อ่านของเค้า ชอบพระเอกเค้า เชียร์นางเอกเค้า
แต่ไม่ยอมกดไล้ค์ให้เค้า ชิส์!

ไม่รู้ล่ะ...ไม่กดไล้ค์ไม่ว่านะ
เดี๋ยวนิยายวางแผง ยังไงต้องช่วยอุดหนุนด้วย
ไม่งั้น...งอลลลลลลลลล จริงๆนะเออ :D


สิริณ 17 ต.ค. 2555, 01:52:13 น.
อ๊างงงงงงงง คุณพันธุ์แตงกวา น่าร้ากกกกก
มาคนแรก คอมเม้นต์คนแรก และกดไล้ค์คนแรกด้วย
ขอบคุณค้าาาาาาาาา
ถ้าหากไปงานหนังสือตรงกับวันที่สิริณไปประจำที่บูธร้านนายอินทร์
ขอกอดทีนะคะ ^________________________^


alecigor 17 ต.ค. 2555, 02:17:17 น.
มาดึกแต่ก็ดีใจที่มาค่ะ ว่าแล้วอยากไปสังเกตการณ์ที่ร้านกาแฟจังเลย


หมูอ้วน 17 ต.ค. 2555, 06:09:32 น.
ตามติดค่ะ ใครจะชนะพนันหนอ


พันธุ์แตงกวา 17 ต.ค. 2555, 06:34:14 น.
อยากไปมาก แต่ก็อยู่ไกลมากค่ะ
กอดกันออกอากาศตอนนี้เลยก็แล้วกันนะคะ555
รอตอนต่อไปค่ะ ย้ำคำเดิม รักตาลุง!


ิboomnakha 17 ต.ค. 2555, 06:38:06 น.
อยากรู้นางเอกป่วยเป็นอะไร


Siang 17 ต.ค. 2555, 08:41:37 น.
ลุงยังน่ารักเรื่อยๆ แต่ว่าโดนแค่ฉาดเดียวยังน้อยไป


konhin 17 ต.ค. 2555, 08:44:08 น.
อ๊ากก ไม่รู้เรื่องเลยว่าคนเขียนเปลี่ยนนามปากกา อ่า เข้ามาแบบหลงทางแต่ไม่ไปไหน จมปุ๊ก อ่านรวดจนถึงตอนนี้เลยค่ะ นับไลค์ใหม่รวมก้อนหินอีกคนแล้วกันค่ะ สนุกมากค่ะ นางเอกไม่ท้องแน่ๆแต่ป่วยเป็นอาไรหว่าาา ต้องใกล้ตายด้วยนะเนี่ยถึงได้ทำประกันโคตรแพงแบบนี้ ง่ะ รักษาไม่ได้เหรอ ตอนนี้น่ารักมากๆค่ะ


sai 17 ต.ค. 2555, 10:44:27 น.
อ๊ายยยย ตาลุงน่ารักได้อีกกก เริ่มเข้าใจตองมากขึ้นแล้ววว


bloomberg 17 ต.ค. 2555, 11:40:49 น.
กว่าหนูตองจะเลิกผวา เฮียปัณณ์ก็นิสัยคงเป็นผู้เป็นคนขึ้นเนาะ
เชียร์ ๆ


violette 17 ต.ค. 2555, 13:20:45 น.
กว่าหนูตองจะใจอ่อน หน้าลุงคงช้ำกร๊ากๆๆๆ สมน้ำหน้า (เอ๊ยังไง


nunoi 17 ต.ค. 2555, 14:43:24 น.
คุณลุงเริ่มน่ารักขึ้นเรื่อยๆ เลย


mhengjhy 17 ต.ค. 2555, 19:58:54 น.
ตอนแรกหมั่นไส้ แต่ตอนนี้เชียร์คุณปัณณ์สุดใจ อี่อี่


SaturnStar 17 ต.ค. 2555, 21:13:21 น.
แวะมาสารภาพว่าตอนที่แล้วเค้ายังไ่ม่ได้กดไลค์ให้เลย
แบบว่าลืมล็อกอินอ่ะค่ะ น่าตีจริงเลยเนอะ ^^"


แล่นแต๊ 17 ต.ค. 2555, 21:42:33 น.
ลุงปัณณ์น่ารักขึ้นเรื่อยๆนะนี่


ธราธาร 18 ต.ค. 2555, 10:00:31 น.
like ที่ 65


Niceday 18 ต.ค. 2555, 19:36:58 น.
like!


bloomberg 19 ต.ค. 2555, 17:38:01 น.
ไลค์ทะลุปรอทแล้ว ถือธงโบกสะบัด ร่วมแสดงความยินดีกับไรเตอร์ค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account