The Final Love รักครั้งสุดท้าย ครั้งสุดท้ายที่จะรัก
บทนำ

แพรวา รณฤทธิ์ หญิงสาวที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมไปเสียทุกด้านทั้งรูปร่างหน้าตา ฐานะ และการศึกษา แต่ไฉนโชคชะตาจึงทำให้เธอต้องพบกับความผิดหวังในความรักซ้ำแล้วซ้ำเล่า
พชร เตชะรัตน์ คือ ชายหนุ่มคนแรกที่มาขอยกเลิกการแต่งงานเพียงสองอาทิตย์ล่วงหน้า
วัชรพล ทรัพย์วิจิตร คือ หนุ่มคนถัดมาที่หักอกเธออย่างยับเยิน
แพรวาจะได้พบกับรักแท้และจะสมหวังในรักครั้งใหม่หรือไม่ โปรดติดตามอ่าน......อาทิตา

Tags: รัก อกหัก รักใหม่ ผิดหวัง รักแท้

ตอน: ตอนที่ 2 ฟ้าหลังฝน

ตอนที่ 2 ฟ้าหลังฝน

แพรวารู้สึกตัวนานแล้ว หลังจากได้งีบหลับไปเมื่อสามชั่วโมงก่อน หญิงสาวยังคงนอนลืมตาโพลงอยู่บนเตียงเพราะไม่มีเรี่ยวแรงที่จะลุกออกไปรับแสงอรุณยามเช้า ยิ่งนอนคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาสด ๆ ร้อน ๆ น้ำตาก็รื้นขึ้นมาอีกอย่างรวดเร็ว หัวใจยังคงเจ็บแปลบกับเรื่องที่เกิดขึ้น.....เรื่องที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดขึ้นกับเธอ ความรักที่ผ่านมาดูสวยงามเหมือนดอกไม้ที่ค่อย ๆ บานจนแย้มกลีบดอกออกมาอวดโฉมสะพรั่ง แต่แล้วมันก็หักคาต้นอย่างยับเยินด้วยน้ำมือของคนที่ปลูกมันขึ้นมาเอง
ภาพวันวานที่แสนหวานต่างหมุนเวียนเข้ามาในหัวสมอง ภาพดอกกุหลาบช่อใหญ่ทุกวาเลนไทน์และวันเกิดของเธอ ภาพชายหญิงที่จูงมือกันไปไหนต่อไหนให้เป็นที่อิจฉาของเพื่อน ๆ ในมหาวิทยาลัย และภาพของคู่รักที่ยืนตระกองกอดกันเพื่อถ่ายรูปหวานสำหรับวันแต่งงาน รวมไปถึงสัมผัสอ่อนโยนและหวานซาบซ่าจากรสจูบที่ชายหนุ่มมอบให้ จูบที่บางครั้งชวนให้หญิงสาวที่อ่อนต่อโลกอย่างแพรวาเคลิบเคลิ้ม และเกือบจะยอมสานต่อความสัมพันธ์ทางกายให้แนบแน่น โชคยังดีที่สติไม่ยอมให้ความร่วมมือ
หญิงสาวหลับตาลงอีกครั้งเพื่อไล่หยาดน้ำตาให้เลือนหายไป เธอควรเก็บน้ำตาไว้ให้กับคนที่มีค่ามากกว่านี้ ไม่มีประโยชน์อะไรที่เธอจะมัวมานั่งคร่ำครวญในเมื่อเธอได้ตัดสินใจที่จะก้าวต่อไปข้างหน้าโดยไม่มีเขาอีกแล้ว.......ชีวิตที่ไม่ได้ลิขิตและไม่อยากให้ลงเอยแบบนี้แม้แต่นิดเดียว
เมื่อคิดได้ว่าชีวิตยังคงต้องดำเนินต่อไป แพรวาจึงลุกจากเตียงและตรงไปยังห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัวและเริ่มต้นวันใหม่ และชีวิตใหม่อีกครั้ง หลังจากอาบน้ำและแต่งตัวร่วมครึ่งชั่วโมงเสร็จเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวที่ใช้เครื่องสำอางลบรอยหมองเศร้าก็เดินออกมายังบริเวณห้องรับแขก และพบว่าพี่ชายที่แสนดีได้เตรียมอาหารเช้าไว้ให้เธอแล้ว
เพชรลุกขึ้นมาทำอาหารเช้าให้น้องสาว หลังจากได้ตัดสินใจโทรไปแจ้งเรื่องราวทั้งหมดกับทางบ้านตั้งแต่เช้ามืด อย่างน้อยการ์ดแต่งงานที่ยังแจกไม่หมดก็เหลืออยู่ไม่น้อย ถึงแม้จะห้ามปากคนไม่ได้ เพชรบอกให้คุณอาทั้งสองขึ้นมาหาแพรวาเพราะตอนนี้น้องน้อยของเขากำลังต้องการกำลังใจจากท่านทั้งสองเป็นอย่างมาก และพวกท่านจะต้องมารับการขอขมาจากไอ้พชรในสิ่งที่มันได้ทำลงไป คุณอาทั้งสองบอกว่าจะรีบเดินทางขึ้นมาให้เร็วที่สุดหลังจากจัดการกับปัญหาทางโน้นแล้ว เช่น การไปขอโทษและยกเลิกการเชิญแขกผู้ใหญ่ทั้งหลาย การแจ้งบอกข่าวญาติ ๆ รวมทั้งการยกเลิกการจองสถานที่จัดเลี้ยง เพชรดีใจที่คุณอาทั้งสองยังพอมีสติที่จะตั้งรับกับสถานการณ์นี้ได้ แถมอาพิมแม่ของแพรวายังพูดติดตลกออกมาอย่างคนมองโลกในแง่ดีอีกว่า
‘อย่างน้อยก็ไม่ใช่ลูกสาวเราที่ท้องโตก่อนแต่ง ไม่งั้นเสียชื่อลูกครูบาอาจารย์แย่เลย’
“แพร อีกสองสามวันพ่อกับแม่จะขึ้นมาเยี่ยมนะ” เพชรบอกกล่าวกับน้องสาวหลังจากที่หญิงสาวนั่งลงที่โต๊ะรับประทานอาหาร
“เอ่อ...พี่เพชรโทรไปบอกพ่อกับแม่แล้วเหรอคะ” น้ำตารื้นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้เมื่อนึกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นจะส่งผลวุ่นวายให้กับบุพการีขนาดไหน
“เอ้า! แล้วจะร้องไห้ทำไมอีกล่ะ พ่อกับแม่เราเขาไม่โกรธเราหรอกนะ แถมยังดีใจเสียด้วยซ้ำที่มารู้ตัวก่อนแต่ง อาน้อยยังบอกเลยว่าไอ้พชรมันยังมีดีอยู่บ้างที่ไม่หมกเม็ดเรื่องนี้เอาไว้ ซึ่งถ้ามันจะทำ มันก็ทำได้ เราก็จะกลายเป็นเมียแต่งไปโดยปริยายนะนั่น” เพชรเตือนสติน้องสาวอย่างติดตลก
“งั้นแพรต้องไปขอบคุณเขาไหมคะพี่เพชร” แพรวาย้อนกลับพี่ชาย
“แล้วแต่แพรสิ อีกสองสามวันพี่จะนัดมันมาที่นี่ มันต้องมากราบขอโทษคุณอา” เพชรพูดด้วยท่าทีขึงขัง จนลืมสังเกตไปว่าผู้ฟังนั้นตกใจแค่ไหนที่ต้องมารับรู้ชะตากรรมว่าจะต้องเผชิญหน้ากับเขาคนนั้นอีกครั้ง
“แพรทำไมเงียบไปล่ะ เป็นอะไรหรือเปล่า ถ้ายังไม่พร้อมก็ไม่ต้องออกมาเจอหน้ามันหรอก ยังไงก็เลิกกันแล้ว ตัดให้ขาดไปเลยยิ่งดี และพี่ก็หวังว่าแพรจะไม่กลับไปคืนดีกับมันอีกนะ” เพชรขู่น้องสาวเอาไว้เพราะรู้ดีว่าแพรวารักไอ้พชรมากขนาดไหน
“ค่ะ แพรรับปากพี่เพชร แต่ถึงพี่เพชรจะไม่ขอไว้ แพรกับเขาก็คงไม่มีทางจะกลับมา....รักกันได้อีกแล้วล่ะคะ เรื่องของเรามันจบลงแล้ว” แพรวาบอกด้วยเสียงอันเศร้าสร้อยในตอนท้าย ซึ่งเพชรก็เข้าใจดีว่าน้องสาวของเขาคงต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะลบภาพของ ‘ว่าที่เจ้าบ่าว’ ออกไปจากใจได้หมด เวลาร่วมสี่ปีที่คบหาดูใจกันมานั้นในหัวใจของแพรวาคงมีแต่ภาพของไอ้พชรอยู่เต็มไปหมด เขาจึงได้แต่หวังว่าเวลาจะช่วยเยียวยาและทำให้น้องสาวที่ร่าเริงและสดใสของเขากลับคืนมาเป็นปกติในเร็ววัน

************************

สามเดือนต่อมา
แพรวาเดินเล่นอยู่ในรีสอร์ตเล็ก ๆ ของครอบครัวในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ รีสอร์ตที่เป็นน้ำพักน้ำแรงของพ่อและแม่หลังจากการเก็บหอมรอมริบมาจากอาชีพรับราชการ แพรวาอยู่ในเสื้อกล้ามสีขาวสะอาดตาและกางเกงขาสั้นสีเหลืองสด ในช่วงแรกแม้หญิงสาวจะผ่ายผอมลงไปเพียงเล็กน้อย แต่สำหรับผู้คนรอบข้างที่รักเธอต่างก็รู้สึกว่าเธอยังคงตรอมใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ผมยาวสลวยที่เคยมีถูกหั่นสั้นเหลือเพียงระต้นคอ สาวหวานกลับกลายเป็นสาวเปรี้ยวในทันที การตัดสินใจยอมหั่นผมยาวสลวยที่เลี้ยงไว้หลายปีทิ้งอย่างไม่เสียดายไม่ได้มีสาเหตุมาจากอาการอกหักรักคุดแต่อย่างใด เธอเพียงอยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง....แค่นั้นเอง แต่ก็ช่างเลือกมาเปลี่ยนในช่วงนี้ของชีวิตเข้าพอดี จึงถูกผู้คนรอบข้างตั้งข้อสงสัยว่า ‘ต้องการจะลบอดีตให้หมดไป’ ไม่ว่าใครจะคิดอย่างไรก็ไม่สำคัญ เธอเท่านั้นที่รู้ตัวดี ก่อนหน้านี้หลายต่อหลายครั้งที่แพรวาคิดจะตัดผมสั้นก็มักจะถูกอดีตแฟนหนุ่มห้ามปรามไว้ และเธอก็ยอมใจอ่อนเสียทุกครั้งเพียงเพราะคำหวานที่ว่า
‘พี่ชอบผู้หญิงผมยาว อย่าตัดเลยนะครับคนดี’
หญิงสาวกลับมาสวยสดใสเหมือนเดิมหลังจากผ่านมรสุมลูกหนึ่งในชีวิตได้แล้ว กำลังใจจากทุกคนในครอบครัวทำให้แพรวากลับมายืนหยัดได้อีกครั้ง และเมื่อแพรวาได้มองย้อนกลับไปก็พบว่าปัญหาของเธอนั้นเล็กนิดเดียวถ้าเทียบกับมรสุมชีวิตที่คนอื่น ๆ ต้องผ่านพบ ที่สำคัญเธอยังมีครอบครัวให้เป็นที่พึ่งพิงในยามอ่อนล้า อย่างไรก็ตามถึงแม้ภายนอกหญิงสาวจะดูร่าเริงและเหมือนทำใจได้บ้างแล้ว แต่ลึก ๆ ในจิตใจเธอก็ยังลบภาพของพชรออกไปได้ไม่หมด ทุกครั้งที่อยู่ตามลำพังภาพของพชรก็จะแวบเข้ามาในหัวสมองให้หัวใจได้เจ็บแปลบไปเสียทุกครั้ง ถึงแม้จะไม่มีน้ำตาแต่หัวใจก็ยังไม่หยุดเจ็บปวด
แพรวาแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าก่อนที่จะสูดเอาอากาศบริสุทธิ์ของชายทะเลฝั่งอ่าวไทยเข้าไปเสียเต็มปอด เธอหวนนึกถึงคำพูดของผู้เป็นป้าในวันแรกเมื่อสองเดือนที่ผ่านมา วันที่เธอกลับมาพักใจอยู่ที่บ้านเกิด
‘มีคนใหม่สิลูก อย่าปิดกั้นตัวเอง รักครั้งใหม่จะทำให้หนูลืมเขาได้ ถึงเขาจะเป็นรักแรก แต่ไม่ใช่ ‘คนแรก’ เพราะฉะนั้นไม่นานหรอกหนูก็จะทำใจและลืมเขาได้เอง แพรจำไว้นะลูก ความรักไม่ได้ทำให้ใครเจ็บปวดถ้าเรารู้จักรัก แต่ความไม่ซื่อสัตย์ ความไม่จริงใจต่อกัน และความไม่รู้จักพอต่างหากที่ทำให้รักให้ต้องจบลง และทำให้เราบาดเจ็บน่ะ จำไว้นะลูก สักวันหนึ่งหนูจะเจอคนที่ใช่ และคน ๆ นั้นจะเป็นความรักทั้งหมดของหนู’
“แล้วแพรจะมีวันนั้นไหมคะ” แพรวารำพึงออกมาเบา ๆ กับตัวเอง ก่อนที่จะเดินไปยังม้าหินอ่อนที่ตั้งหันหน้าเข้าหาทะเลหญิงสาวหย่อนก้นลงนั่งบนม้าหินอ่อนตัวกว้างที่ทางรีสอร์ตนำมาวางไว้ทั่วบริเวณสวนสวย เพื่อให้แขกที่มาพักได้นั่งพักผ่อนและเพลิดเพลินไปกับธรรมชาติรอบตัว
เมื่อธรรมชาติงดงามรอบตัวไม่ได้ทำให้หญิงสาวหยุดความคิด และหันมาชื่นชมสิ่งรอบตัวได้นาน แพรวาจึงหวนกลับไปคิดถึงเหตุการณ์เมื่อสามเดือนที่แล้วอีกครั้งหนึ่ง.....วันที่พชรเข้ามากราบขอโทษพ่อและแม่ของเธอถึงคอนโด
พ่อและแม่ได้เดินทางมาถึงกรุงเทพฯ หลังจากจัดการแก้ไขกับปัญหาทั้งหมดที่บ้านได้แล้ว บุพการีทั้งสองก็รีบตรงมาเข้ากรุงเทพฯ เพื่อมาปลอบขวัญลูกสาวเพียงคนเดียว แพรวาโผเข้ากอดแม่ทั้งน้ำตานองหน้า พร้อมทั้งพร่ำขอโทษที่ทำให้ท่านทั้งสองต้องวุ่นวายและเสียหน้าขนาดไหน ผู้เป็นพ่อปลอบโยนลูกสาวโดยการลูบศีรษะพร้อมทั้งกล่าวออกมาว่า
‘พ่อและแม่ภูมิใจมากต่างหากที่แพรวาไม่ได้สูญเสียอะไรไปมากกว่านี้ กำลังใจที่เสียไป สร้างขึ้นมาใหม่ได้นะลูก พ่อกับแม่ไม่ได้คิดว่าการยกเลิกแต่งงานในครั้งนี้เป็นการเสียหน้า พ่อกับแม่กลับได้หน้ากลับมาต่างหาก พ่อภูมิใจที่แพรวายอมถอยออกมา ไม่ไปยื้อแย่งกับผู้หญิงคนนั้น แพรวาทำถูกแล้วนะลูก ยังไงซะก็ให้คิดเสียว่าเขามีลูกด้วยกันแล้ว อย่างน้อยแพรวาก็ได้ช่วยสงเคราะห์เด็กคนนั้นให้ได้มีทั้งพ่อและแม่ สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความผิดของหนูนะลูก คิดเสียว่าลูกกับเขาน่ะไม่ใช่เนื้อคู่กัน’ แพรวาโผเข้ากอดผู้เป็นพ่อหลังจากได้ยินความในใจของบิดา เพราะความที่เป็นครูมาตลอดชีวิต ได้เห็นเรื่องราวของลูกศิษย์ที่มีทั้งดีและชั่วมามากมาย นายพิพัฒน์จึงเข้าใจความเป็นไปของโลกได้อย่างง่ายดาย เขาสามารถระงับความโกรธต่อพชรแทนบุตรสาวได้
วันรุ่งขึ้นพชรก็มาพบพ่อและแม่ของเธอพร้อมกับมารดาของเขาตามการนัดหมายที่เกิดขึ้นโดยพี่เพชรของเธอ ในวันนั้นแพรวาหลบอยู่แต่ในห้อง เธอยังไม่พร้อมที่จะให้อภัยเขา ทุกอย่างดำเนินไปด้วยดี มารดาของพชรขอยกสินสอดให้ทั้งหมดเพื่อเป็นการไถ่โทษแต่พ่อและแม่ของเธอก็ยืนกรานว่าจะไม่รับเพราะถือว่ายังไม่ได้หมั้นหมายกันอย่างเป็นทางการ นอกจากนั้นพ่อและแม่ของเธอต่างก็ยอมรับและอโหสิให้กับการขอขมาของพชร แต่ปฏิเสธที่จะให้เขาได้พบหน้ากับเธออีกสักครั้ง ถึงแม้พชรจะพร่ำขอร้องอย่างไรพ่อและพี่เพชรก็ไม่ยอม
‘ให้มันจบ ๆ กันไปเถอะ ยายแพรไม่อยากพบ ไม่อยากพูดอะไรกับแกอีกแล้ว ตอนนี้เสร็จเรื่องแล้ว แกก็กลับไปได้แล้ว’ เพชรพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว
‘คุณอาครับ ผมขอพบกับแพรเป็นครั้งสุดท้ายเถอะครับ’ พชรถึงกับลงทุนคุกเข้าขอร้องอดีตว่าที่พ่อตา
‘ไม่ใช่อาที่ไม่ให้พบ แต่ยายแพรต่างหากที่ไม่อยากพบ กลับไปเถอะพัช ไปหาคนที่เขาต้องการพัช แพรวาเขาอยู่ได้ถึงแม้จะไม่มีพัชแล้วก็ตาม’ พิพัฒน์ตัดบัวไม่เหลือใยด้วยวาจานิ่ม ๆ ตามมาดพ่อพิมพ์ของชาติ
เมื่อได้ยินดังนั้นพชรจึงรีบลุกขึ้นและพุ่งตัวไปยังประตูห้องนอนของแพรวา พร้อมทั้งทุบประตูเสียงดังโครมคราม สร้างความตื่นตระหนกให้ทั้งกับคนที่หลบซ่อนตัวอยู่ข้างในและคนที่ต้องคอยขัดตาทัพอยู่ด้านนอก
‘แพร! แพร! ออกมาคุยกับพี่ก่อน แพร ออกมานะ พี่ขอร้อง’ สิ้นเสียงคร่ำครวญของพชร เพชรก็เข้าไปดึงตัวชายหนุ่มรุ่นน้องเพียงสองปีให้ออกห่างจากประตู แต่ทันใดนั้นประตูห้องนอนก็เปิดออกจากคนด้านใน
‘แพร! แพรยอมออกมาพบพี่แล้วใช่ไหม’ พชรแอบหวังอยู่ลึก ๆ ว่าแพรวายังคงเหลือเยื่อใยให้กับเขา ชายหนุ่มจึงกระชากตัวเองให้หลุดพ้นจากการยื้อยุดของเพชร พร้อมพุ่งรี่เข้าไปหาหญิงสาวที่ยังอยู่ในห้วงความนึกคิดทุกลมหายใจเข้าออก
‘แพรขอคืนให้พี่ค่ะ’ แพรวายื่นแหวนเพชรเม็ดงามคืนให้กับพชรในทันทีที่ชายหนุ่มเข้าประชิดตัว แหวนวงนี้พชรซื้อให้กับเธอในวันที่ขอเธอแต่งงาน
‘แพรเก็บเอาไว้เถอะ คิดเสียว่าเป็นของขวัญจากพี่’ พชรถือโอกาสกุมมือของหญิงสาวพร้อมทั้งยัดแหวนเพชรเม็ดงามกับเข้าไปในอุ้งมือ สายตาของชายหนุ่มที่จ้องมองหญิงสาวตรงหน้านั้นยังคงเต็มไปด้วยความรัก ความห่วงหาอย่างเต็มปรี่ แต่สายตาของหญิงสาวที่มองหลับมาทำให้พชรถึงกับใจเสีย เพราะดวงตาคู่งามที่มองเขานั้นปราศจากความรัก ความอาทรที่เคยมีให้กันและกัน ดวงตาของแพรวาที่มองเขากลับเต็มไปด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว และตัดพ้อต่อว่าไปในตัว เขาทำให้หญิงสาวตรงหน้าต้องเจ็บปวดถึงเพียงนี้เลยหรือ
‘ไม่ค่ะ แพรไม่อยากเก็บไว้ พี่พัชเอากลับไปเถอะ’ แพรวายังคงยืนกรานจะคืนแหวนให้กับชายหนุ่มพร้อมทั้งพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลลงมา หญิงสาวรู้สึกสงสารชายหนุ่มตรงหน้า สภาพของเขาและเธอไม่ได้แตกต่างกันเลย ทั้งสองต่างซูบผอมลงในเวลาไม่กี่วันที่ผ่านมา หน้าตาก็มัวหมอง แววตาไม่สดใสดังเช่นเคย และมีรอยคล้ำใต้ตาที่แสดงให้เห็นว่าต้องทนทุกข์ทรมานกันมากขนาดไหน
‘แพร พี่ขอโทษนะครับ แพรยกโทษให้พี่ได้ไหม แพรรอพี่นะ หลังพิ้งค์คลอดลูกแล้ว พี่จะกลับมาหาแพรนะ แพรรอพี่นะ อย่าเพิ่งมีคนอื่น แพรต้องรอพี่นะ แพรรับปากพี่นะครับ’ พชรเฝ้าขอร้องคำสัญญาจากแพรวา เพราะความที่ยืนหันหลังให้กับคนอื่น ๆ พชรจึงไม่ได้เห็นสีหน้าที่กราดเกรี้ยวอย่างสุดขีดของเพชร ชายหนุ่มรุ่นพี่พุ่งเข้าไปกระชากไหล่ชายหนุ่มผู้ก่อเรื่องอื้อฉาวให้หันมาประจันหน้าก่อนที่จะซัดโครมเข้าให้ที่ใบหน้าหล่อเหลาของพชร
‘ไอ้เลว! มึงยังจะให้น้องกูมานั่งรอมึงอีกเหรอ มึงคิดว่าตัวเองมีค่าขนาดนั้นเลยเหรอ’ เพชรปล่อยหมัดขวาเข้าไปอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ส่งผลให้คิ้วซ้ายของพชรแตกในทันที หลังจากหายมึนงงพชรก็ไม่ยอมถูกทำร้ายอยู่ฝ่ายเดียว ชายหนุ่มทั้งสองต่างแลกหมัดกันอุตลุด เพชรค่อนข้างได้เปรียบด้วยพละกำลังที่มีมากกว่าคนที่อดหลับอดนอนมาหลายคืนเพราะมัวแต่ดื่มเหล้าดับทุกข์อย่างพชร หลังจากที่หายตกอกตกใจกันแล้วทั้งแพรวา พ่อ แม่ และมารดาของพชรต่างก็รีบเข้ามาแยกชายหนุ่มเลือดร้อนทั้งสองให้ออกจากกัน
‘เพชร! พอแล้ว อาบอกให้หยุดไงล่ะ’ นายพิพัฒน์สั่งให้หลานชายหยุดพร้อมทั้งรั้งร่างของชายหนุ่มให้แยกห่างจากรัศมีของอีกฝ่าย
‘พัชด้วย พอแล้ว จะหาว่าอาไม่มีมารยาทก็เถอะ พัชกลับไปได้แล้ว เราจบกันแค่นี้ ไม่มีอะไรจะต้องเกี่ยวข้องกันอีก และก็ขอให้จำไว้ด้วยว่า แพรวาจะไม่มีวันเฝ้ารอพัชให้กลับมาหาเป็นอันขาด’ นายพิพัฒน์กล่าวด้วยเสียงอันดังและเฉียบขาด ไม่เหลือมาดคุณครูผู้ใจดีอีกเลย
ในที่สุดพชรและมารดาก็กลับไปในสภาพที่ยับเยิน ไม่รู้ว่าหน้าตาที่แตกยับนั้นจะหายทันงานแต่งที่จะเกิดขึ้นในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้าหรือไม่ ส่วนแพรวาสาวน้อยที่พลาดหวังในรักครั้งแรกก็ได้แต่ยืนร้องไห้ซบกับอกอุ่นของผู้เป็นแม่........หญิงสาวยอมรับว่าใจหายเมื่อได้ยินคำพูดของบิดาที่กล่าวตัดรอนความสัมพันธ์ของเธอและพชรให้จบลง ‘ขอให้จำไว้ด้วยว่า แพรวาจะไม่มีวันเฝ้ารอพัชให้กลับมาหาเป็นอันขาด’
‘พ่อคงอยากให้แพรจำเอาไว้ ว่าห้ามเฝ้ารอพี่พัชอีกเป็นอันขาด จบแล้วสินะ จบแล้วจริง ๆ รักแรกของเธอ’

************************

‘*ใคร สักคนที่เกิดมาเพื่อผูกพัน ใครที่เกิดมาคู่กับฉัน ใครคือคนนั้นช่วยมาบอกฉันที’ เสียงโทรศัพท์มือถือของใครคนหนึ่งปลุกแพรวาให้กลับมาสู่ห้วงเวลาในปัจจุบันอีกครั้ง หญิงสาวหันหน้าไปหาที่มาของเสียงที่มาจากทางด้านหลังของเธอ ดวงตาคู่งามจึงได้สบกับดวงตาคมเข้มของชายหนุ่มที่ยืนอยู่เยื้องด้านหลังของเธอไปไม่ไกล
*เพลงใคร ของ บอย โกสิยพงษ์
‘คงเป็นแขกของรีสอร์ต’ แพรวาคาดคะเนในใจแล้วจึงส่งยิ้มบาง ๆ ให้อย่างมีไมตรี
“ขอโทษครับที่มารบกวนคุณ” เสียงทุ้มน่าฟังของชายหนุ่มคนดังกล่าวดังขึ้นเพื่อขอโทษหญิงสาว พร้อมกับกดวาง
สาย
“ไม่เป็นไรค่ะ ที่นี่เป็นสวนของรีสอร์ต แขกทุกคนมีสิทธิ์จะใช้บริการได้เหมือนกัน” แพรวาตอบ
“คุณเป็นแขกของที่นี่เหมือนกันหรือครับ ผมวัชรพล เรียกพลเฉย ๆ ก็ได้ครับ” วัชรพลแนะนำตัวเองอย่างง่าย ๆ ชายหนุ่มอยู่ในชุดลำลองเหมาะกับการมาพักผ่อนแต่ก็ยังดูดีไม่น้อยเลย ทั้งเสื้อกล้ามสีขาวตัวในและเสื้อเชิ้ตลายกราฟฟิกที่ปลดกระดุมออกทั้งหมด เข้าชุดกับกางเกงขาสั้นมีลวดลายกราฟฟิกแบบคนที่ชอบเล่นเซิร์ฟทำให้ชายหนุ่มดู ‘สบาย ๆ’ เข้ากับบรรยากาศได้เป็นอย่างดี
“แพรวาค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก” แพรวาลุกขึ้นแนะนำตัวก่อนที่จะกล่าวต่อว่า
“แต่แพรไม่ได้เป็นแขกของที่นี่หรอกค่ะ แพรเป็นลูกสาวของเจ้าของรีสอร์ตค่ะ” แพรวาอธิบาย หญิงสาวส่งยิ้มให้ชายหนุ่มอีกครั้งเมื่อแน่ใจว่าเขาไม่ได้กำลังขายขนมจีบเธออยู่ ชายหนุ่มตรงหน้ามีความสูงประมาณ 180 เซ็นติเมตร หน้าตาถือว่าหล่อเหลา คิ้วเข้ม จมูกโด่งได้รูปสวย แถมมีไรหนวดจาง ๆ ทั้งเหนือปากและเหนือคางช่วยเพิ่มเสน่ห์ได้ไม่น้อย รูปร่างก็ไม่หนามาก อาจจะถือว่าบอบบางเสียด้วยซ้ำหากเทียบกับผู้ชายบางคน เช่น พี่เพชรของเธอผู้ที่ชอบออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ๆ เพื่อสร้างมัดกล้ามไว้มัดใจสาว ๆ ส่วนผิวพรรณของหนุ่มตรงหน้าก็ค่อนข้างขาวเหมือนคนที่ไม่ค่อยจะโดนแดดสักเท่าไร และดูค่อนข้างสำอางอย่างคนที่รักการแต่งตัวแตกต่างจากพี่พัชของเธอที่ดูมาดแมนกว่านี้อย่างหนุ่มวิศวกรทั่ว ๆ ไป แพรวารีบสลัดความคิดถึงใครคนนั้นออกไป ใครที่เธอยังตัดได้ไม่ขาดสักที
“งั้นผมก็โชคดีนะสิครับที่มาเจอลูกสาวเจ้าของรีสอร์ตเข้าพอดี เพราะผมกำลังจะไปถามพนักงานของรีสอร์ตว่าพอจะแนะนำร้านอาหารอร่อย ๆ ของที่นี่ให้สักร้านได้ไหม” วัชรพลบอกจุดประสงค์ของตนให้หญิงสาวทราบ
“ด้วยความยินดีค่ะ งั้นแพรขอแนะนำร้าน “ริมหาด” นะคะ ห่างจากที่นี่ไปสัก 3 กิโลเมตรเองค่ะ อาหารสดและก็อร่อยมากค่ะ จะไปทานเย็นนี้ใช่ไหมคะ เดี๋ยวแพรโทรไปจองโต๊ะให้ก็ได้ค่ะ” แพรวาเสนอบริการพิเศษให้ด้วยความเต็มใจ
“เอาเบอร์โทรของร้านมาก็พอครับ เดี๋ยวผมจัดการเอง เกรงใจคุณแพรวาน่ะครับ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แพรไปทานที่ร้านนั้นเป็นประจำอยู่แล้ว สนิทกับเจ้าของร้านเป็นอย่างดีค่ะ ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ ยังไงคุณวัชรพลก็เป็นแขกของที่นี่ ถือซะว่าเป็นบริการเสริมก็แล้วกันค่ะ” แพรวาเจื้อยแจ้วอย่างอารมณ์ดี อาจเป็นเพราะรู้สึกถูกชะตากับเพื่อนใหม่คนนี้ด้วยท่าทางที่เป็นมิตรน่าคบหา แตกต่างจากหนุ่ม ๆ คนอื่นที่มักเข้ามาทำท่ากะลิ้มกะเหลี่ยกับเธออย่างโจ่งแจ้งทั้ง ๆ ที่บางคนก็รู้ว่าตอนนั้นเธอกำลังคบหากับพชรอยู่แล้ว
“งั้นฝากจองโต๊ะประมาณ 1 ทุ่มก็แล้วกันครับ แล้วคุณแพรพอจะมีรายการอาหารที่จะแนะนำด้วยไหมครับ” วัชรพลเอ่ยถาม
“เอาที่แพรเคยทานและก็กล้ารับประกันว่าอร่อยสุด ๆ ก็แล้วกันนะคะ ยำปูม้าก็อร่อยค่ะ ห่อหมกทะเลก็ขื้นชื่อ กุ้งผัดน้ำมะขามก็สุดยอดค่ะ ต้มยำน้ำข้นก็แซบถึงใจค่ะ อ้อ! อย่าลืมสั่ง “ข้าวผัดริมหาด” ด้วยนะคะ รับรองว่าไม่ผิดหวังค่ะ” แพรวาเอียงคอถามพร้อมส่งยิ้มให้จนคู่สนทนาที่ไม่เคยหวั่นไหวง่าย ๆ กับสาวคนไหนมาก่อน ยังอดยอมรับในใจไม่ได้ว่าสาวน้อยตรงหน้ายิ้มได้หวานจับจิตจับใจ แต่หากดวงตาคู่งามจะยิ้มไปด้วยคงจะสวยกว่านี้มากขึ้นไปอีก ‘เธอซ่อนความทุกข์อะไรไว้นะ ชักอยากรู้จัง’
“โอ้โห นี่คุณแพรเป็นลูกสาวเจ้าของร้านอาหารด้วยหรือเปล่าครับ” วัชรพลแซวหญิงสาวที่สามารถร่ายรายการอาหารออกมาได้มากมาย
“ก็บอกแล้วนี่ค่ะว่าไปทานเป็นประจำ แล้วตกลงจะให้แพรจองกี่ที่ดีคะ”
“ที่เดียวครับ เพราะช่วงนี้ผมปลีกวิเวกมาสงบจิตสงบใจสักพัก มาชาร์จแบตให้ตัวเองน่ะครับ” วัชรพลตอบอย่างไม่อ้อมค้อม ก่อนที่จะเอ่ยปากชวนหญิงสาวน้ำใจงามว่า
“ถ้าคุณแพรไม่รังเกียจ ไปทานด้วยกันสิครับ ถือเสียว่าเป็นการเลี้ยงฉลองที่เราได้รู้จักกัน แต่ถ้าไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรนะครับ เอาเป็นว่ารบกวนโทรจองโต๊ะและก็ช่วยเขียนแผนที่ให้ผมก็พอครับ”
“โอ๊ย! มีเจ้ามือทั้งที แพรไม่ปฏิเสธหรอกค่ะ ยิ่งร้านประจำแบบนี้ ไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว ว่าแต่คุณวัชรพลไม่เปลี่ยนใจแน่นะคะ” หญิงสาวตกปากรับคำไปอย่างง่ายดายเพราะถือว่าถิ่นนี้เป็นถิ่นของเธอ คงไม่น่าจะมีอันตรายใด ๆ เกิดขึ้น ยิ่งร้านที่ไปก็รู้จักและสนิทสนมกับครอบครัวของเธอเป็นอย่างดี แถมทุกคนในระแวกนี้ก็รู้จักเธอดีโดยเฉพาะตั้งแต่เป็นหม้ายงานแต่ง ชื่อเสียงของเธอก็ยิ่งขจรขจายไปทั่ว ที่สำคัญชายหนุ่มตรงหน้าก็ไม่ได้มีทีท่าน่ากลัวหรือจะเป็นอันตรายต่อเธอแต่อย่างใด
“ขอบคุณครับที่ให้เกียรติ งั้นเรามาเจอกันที่ล็อบบี้สักหกโมงครึ่งดีไหมครับ” วัชรพลถาม
“ได้ค่ะ เดี๋ยวแพรจะไปล้างท้องรอนะคะ แล้วเจอกันค่ะ” แพรวายกมือโบกลาก่อนที่จะออกเดินไปยังล็อบบี้ของรีสอร์ตเพื่อไปแจ้งให้บุพการีทราบว่าจะพาแขกออกไปรับประทานอาหาร ซึ่งทั้งพ่อและแม่ต่างก็แปลกใจที่ลูกสาวยอมออกไป ‘ดินเนอร์’ กับคนแปลกหน้าที่เพิ่งรู้จัก แต่ก็ไม่ได้ห้ามปรามอะไรเพราะเห็นบุคลิกท่าทางของแขกหนุ่มคนนี้แล้วไม่น่าจะเป็นผู้ร้ายในคราบผู้ดี และอย่างน้อยก็ดีกว่าที่จะทนเห็นลูกสาวนั่งเงียบ ๆ เหงา ๆ อยู่ตามลำพัง ทั้งสองคนต่างแอบนึกในใจว่าบางทีผู้ชายคนนี้อาจจะเป็นคนที่ทำให้แพรวากลับมาสดใสได้อีกครั้งก็เป็นได้

************************

การพูดคุยสนทนาบนโต๊ะอาหารริมทะเลเป็นไปอย่างสนุกสนาน แพรวารู้สึกเป็นกันเองกับวัชรพลได้อย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มเป็นคนร่าเริงและมีความรอบรู้รอบตัวมากมายและน่าสนใจเพราะต้องเดินทางบ่อย ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทำให้มีมุมมองและข้อคิดในการใช้ชีวิตที่น่าสนใจ แต่ถึงแม้แพรวาจะให้ความสนิทสนมและเป็นกันเองกับวัชรพล แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เธอกล้าเล่าเรื่องราวที่ผ่านมาทั้งหมดให้เขาฟัง.....ไม่ใช่ไม่ไว้ใจ แต่เพราะไม่อยากไปสะกิดแผลของตัวเองที่เพิ่งจะตกสะเก็ดได้ไม่นานต่างหาก
หนุ่มสาวทั้งสองคนร่วมรับประทานอาหารและพูดคุยกันนานถึงสามชั่วโมง นับเป็นครั้งแรกหลังจากผ่านเหตุการณ์ร้าย ๆ มาที่ทำให้แพรวารู้สึกปลอดโปร่งแบบนี้ วัชรพลเป็นเพื่อนคุยที่ใช้ได้ไม่เลวเลย หลังจากพูดคุยกันอยู่นาน แพรวาจึงได้รู้ว่าวัชรพลชายหนุ่มวัย 28 ปีคนนี้มีบริษัทท่องเที่ยวเป็นของตัวเอง และเขากำลังต้องการเลขาฯที่ต้องเป็นกึ่งผู้ช่วยไปในตัวอยู่สักคน เพราะกิจการกำลังเป็นไปได้ดี เมื่อคนกำลังหางานอย่างแพรวามาเจอกับคนที่มีงานให้ทำ แพรวาจึงตกปากรับคำกับวัชรพลไปว่าอีกสองอาทิตย์จะลองไปสมัครงานที่บริษัทของวัชรพลดู แพรวาคิดว่าการทำงานจะช่วยให้เธอไม่ว่างจนมีเวลาเหลือมาคิดเรื่องเก่า ๆ อีก
“รับปากผมแล้วนะครับ อย่าเบี้ยวกันล่ะ” วัชรพลกล่าวสำทับอีกครั้ง
“ค่าาาาา ว่าแต่แน่ใจนะคะว่าจะรับแพรเข้าทำงานจริง ๆ อ่ะ แพรไม่มีประสบการณ์เลยนะคะ”
“ก็ลองมาทดลองงานก่อนไงครับ ถ้าทำไม่ได้ ผมก็ต้องเชิญออก” วัชรพลพูดติดตลกตามนิสัยของคนอารมณ์ดี
“โอ้โห! เขี้ยวชะมัด” แพรวาแกล้งทำหน้าง้ำ ก่อนที่จะหัวเราะออกมาและกล่าวต่อว่า
“แต่ก็เอาเถอะ ได้ทั้งกินข้าวฟรี แถมยังได้งานดี ๆ ทำอีก ถือว่าได้โชคสองชั้นก็แล้วกัน คงไม่มีใครจะโชคดีแบบแพรอีกแล้ว”
วัชรพลยิ้มออกมาอย่างสุขใจที่ได้เห็นสาวน้อยตรงหน้าหัวเราะร่าอย่างอารมณ์ดี ร่องรอยหมองเศร้าค่อย ๆ จางหายจากดวงตาคู่สวย
“ผมชอบให้คุณแพรยิ้มแบบนี้ หัวเราะแบบนี้จัง คุณแพรดูสดใสขึ้นเยอะเลย”
แพรวาหยุดหัวเราะในทันทีเมื่อได้ยินถ้อยคำของชายหนุ่ม เพราะคำพูดแบบนี้เคยผ่านหูเธอมาเมื่อนานมาแล้ว คำพูดจากคนที่เคยรับปากว่าจะทำให้เธอมีความสุขตลอดไป แต่เขาก็รักษาสัญญานั้นไว้ไม่ได้
“เรากลับกันเถอะค่ะ ดึกแล้ว เดี๋ยวพ่อกับแม่จะรอ” แพรวาเพียงยิ้มบาง ๆ ให้กับวัชรพลที่พอจะรู้ตัวว่าคำพูดของเขาคงไปสะกิดความรู้สึกบางอย่างที่แพรวาพยายามจะลืม และเขาก็ขอเดาว่าคงเป็นเรื่องของความรักที่ไม่สมหวังเป็นแน่ ผู้หญิงจะมีปัญหาอะไรให้ทุกข์โศกไปมากกว่านี้ได้อีก ชายหนุ่มจึงไม่กล่าวอะไรออกไปเพราะกลัวว่าจะกระทบกระเทือนความรู้สึกของหญิงสาวให้เจ็บปวดไปมากกว่านี้ เขาต้องให้เวลาเธอรักษาแผลเก่าให้หายดีเสียก่อน ไม่เป็นไรเขามีเวลาให้เธอเสมอ....แพรวาผมจะรอคุณ

************************
ขอบคุณสำหรับทุก ๆ คอมเม้นต์นะคะ
คุณ violette คะ สงสัยจะมีแต่ข้อมูลแนวนี้อะค่ะ 5555 ถ้าไม่มีคนท้วงก็ยังไม่รู้ตัวว่าเราเขียนแต่แนวนี้ ขอบคุณมากค่ะ



อาทิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 ต.ค. 2555, 14:07:15 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 ต.ค. 2555, 14:07:15 น.

จำนวนการเข้าชม : 1774





<< ตอนที่ 1 จุดจบของรักแรก    ตอนที่ 3 เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง....50% >>
violette 14 ต.ค. 2555, 00:01:26 น.
ไม่ได้ทท้วงเหรอค่า แต่ทักเฉยๆ แต่เรื่องนี้สนุกนะคะ ดูทีมสดใสกว่าเรื่องของปริมเยอะ (แต่ก็ชอบค่ะ รออ่านต่อเช่นกัน


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account