เสน่ห์ร้าย นายมาเฟีย
ซานโตรใช้ปลายนิ้วเขี่ยเส้นผมที่ยาวระใบหน้า เส้นผมสีน้ำตาลราวกับเส้นไหมหยักศกน้อย ๆ ใบหน้าคมคายใส่แว่น สวมชุดยาวจนถึงกลางหลัง รองเท้าบูทไขว่ห้างราวกับกำลังนั่งอยู่ภายในห้องพักในบ้านของตัวเอง คิ้วหนารับกับจมูกโด่งเป็นสัน กับเรียวปากได้รูปราวกับรูปสลัก...
Tags: นิยาย,ความรัก,หวานละมุน,มาเฟีย
ตอน: ตอนที่ 4 ชายปริศนา
บทที่ 4
ชายปริศนา
“อืม” ซานโตรเอามือไว้ตรงคางเหมือนกำลังครุ่นคิด “รู้อะไรไหม ตอนนี้ผมกำลังคิดนะ ถึงสาเหตุที่คุณเอาแต่หลบหน้าถึงขั้นกระโดดน้ำ คงจะมีสาเหตุมาจากเรื่องผู้ชายใช่ไหม”
ลูเซียนาใจเต้นรัวเพราะไม่คิดว่าเขาจะพูดว่า
“ผมได้ยินคุณเอ่ยถึง ‘คาเมโอ’ เขาเป็นอะไรกับคุณ”
“คุณรู้ได้ยังไง” เธอตอบทันควัน
“ตอนนั้นผมได้ยินคุณเอ่ยชื่อนี้ออกมา ตอนที่ถูกช่วยเหลือตัวขึ้นมาจากน้ำ”
ดวงหน้าน่ารักผมยาวสลวยหน้าซีดก่อนจะเป็นสีเข้ม ซานโตรแม้จะไม่เอ่ยออกมาแต่เขาก็แลเห็นอาการสีหน้าแปลก ๆ นั้นชัดเจน คนที่ชื่อ ‘คาเมโอ’ ดูท่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับหญิงสาวไม่น้อย
“ไม่รู้ค่ะ ฉันจำไม่ได้ว่าพูดอะไรทำนองนี้ออกมาตอนไหน”
“ผู้ชายสินะ”
“เอ๊ะ”
“ตอนที่ผมบอกว่าเขาเป็นผู้ชายแล้วรอให้คุณพูดว่าไม่ใช่ คุณก็ไม่เห็นจะว่าอะไรตกลงเขาเป็น ‘ผู้ชาย’ ใช่ไหม” ซานโตรเหยียดยิ้ม ดวงตาภายใต้แว่นตากรอบหนาเป็นประกาย
ลูเซียนาคอแข็งขึ้นมาทันที เป็นเธอที่โดนหลอกไปถึงสองครั้งแล้ววันนี้
“มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ” เธอเน้นท้ายประโยค
“แฟนคุณเหรอ”
คำถามขวานผ่าซากของเขา ทำเอาลูเซียนาถึงกับแก้มแดงปลั่ง
“คนเลวร้ายอย่างเขา ไม่มีค่าให้เรียกว่าแฟนหรอก”
“งั้นก็คงเป็นคนเลว คุณถึงได้มีความหลังกับมัน” เขาเดาต่อ ซึ่งคราวนี้ลูเซียนาไม่คิดที่จะตกหลุมด้วย
“พอที เลิกพูดดีกว่า”
ลูเซียนาบ่นอุบหันไปทางอื่น ซานโตรจึงแสร้งทำหน้าเสียดาย ทั้งคู่จึงส่งอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะ ชั่วขณะที่ซานโตรกำลังยกถ้วยกาแฟขึ้นจรดริมฝีปาก ดวงตาคม ๆ ภายใต้แว่นตา ก็เหลือบไปเห็นหนุ่มร่างสูงผิวค่อนข้างขาวกำลังนั่งถือหนังสือพิมพ์แล้วกำลังมองมาทางนี้ ริมฝีปากของเขาดูเหมือนจะเหยียดยิ้มเล็กน้อย ซานโตรเปลี่ยนสีหน้าทันทีก่อนจะวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะช้า ๆ
“เจอจนได้นะ...” เขาเอ่ยเบา ๆ
“มีอะไรหรือคะ” ลูเซียนาเงยหน้ามองเขาหลังได้ยินเสียงเอ่ยเบา ๆ
“ไม่มีอะไรหรอก คุณสั่งอาหารเถอะ เอาเผื่อผมได้ชุดหนึ่ง”
“คุณจะไปไหนคะ”
ลูเซียนาเอ่ยถามหลังจากที่เห็นชายร่างสูงลุกขึ้นจากโต๊ะ ซานโตรยิ้มบาง ๆ
“ผมจะไปเดินเล่นแถวนี้หน่อย นึกขึ้นได้ว่ายังมีธุระยังไม่ได้ทำ”
ซานโตรเดินออกห่างออกไป โดยมีลูเซียนาหันมองตามไปจนลับตา จนกระทั่งพนักงานเสริ์ฟจะเดินมาหญิงสาวจึงหันกลับไปสั่งอาหารและเครื่องดื่ม เมือหันกลับไปมองที่ด้านหลังก็มองไม่เห็นนายแพทย์หนุ่มเสียแล้ว ลูเซียนาเหลียวมองด้านข้างแต่ก็พบเพียงความว่างเปล่า
“...หายไปไหนกันนะ”
ซานโตรก้าวยาว ๆ ไปเรื่อย ริมสระน้ำจนถึงแนวกำแพงจนถึงบริเวณที่ไม่มีคนพลุกพล่าน ที่ด้านหลังมีเพียงเสียงเดินเบา ๆ ดั่งสายลมของผู้ที่เข้ามาใหม่ ชายหนุ่มผิวขาวเส้นผมตัดสั้นสีดำนัยน์ตาสีเข้ม สวมชุดสีดำตัวยาวเดินมาเงียบ ๆ ซานโตรชำเลืองมองตามแล้วถอนหายใจยาว
“มาแล้วหรือ” ซานโตรเอ่ยเบา ๆ “ไม่ได้เจอกันนานนะ”
“ครับ”
“นายนี่ยังเหมือนเดิม พอไม่เรียกกลับปรากฏตัวพอจะเรียกใช้กลับหายหน้า”
ชายผมดำร่างสูงเหยียดยิ้มน้อย ๆ
“ผมจะมาเป็นช่วง ๆ ครับ โดยเฉพาะเวลามีเรื่องสำคัญต้องการแจ้งให้ทราบ”
“ไม่ต้องบอกก็รู้ ไอ้เรื่องโรคหัวใจนั่นสินะ” ซานโตรถอนหายใจยาว
“ครับ”
“หลอกคนเป็นหมอน่ะ มันยากยิ่งกว่าอะไรดีซะอีก แล้วทางโน้นล่ะว่ายังไงบ้าง”
“คุณแองเจโลบอกว่าจะไม่ยอมรักษา จนกว่าคุณซานโตรจะยอมรับปาก แต่ถ้าไม่ก็เตรียมจัดพิธีงานศพได้เลย” ชายผิวขาวหน้าจีนกล่าว
“เฮ้อ...บ้าชะมัดเลย” ซานโตรยกมือขึ้นทาบทับศีรษะราวกับเป็นเรื่องหนักใจ “จนป่านนี้แล้ว ยังอุตส่าห์ยอมรอฉันอีก”
“แล้วจะเอายังไงดีครับ ผมมีหน้าที่ต้องกลับไปรายงาน”
ซานโตรชำเลืองมองมือขวาที่ชื่อจีโอ พลางเอ่ยเบา ๆ
“กลับไปรายงานว่าไม่เจอฉันสิ หรือว่าความใจดีของกลุ่มเปลี่ยนใจนายซะแล้ว”
จีโอเหยียดยิ้มบาง ๆ นัยน์ตาวาววับ
“เปล่าครับ แต่การโกหกไม่ได้ช่วยอะไร”
“นั่นสินะ”
ซานโตรเหยียดยิ้มสองมือล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อตัวยาว เวลานี้เขาคือนายแพทย์เป็นอิสระและมีอาชีพเป็นส่วนตัวไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร ใบหน้าคมคายมีริ้วรอยเป็นสัน จมูกโด่งและริมผีปากได้รูป หากแต่ดวงตาที่ดูเหมือนจะมีร่องรอยสายเลือดเป็นอย่างดี ก็ต้องเอาแว่นตากรอบหนามาใส่ จีโอชำเลืองมองซานโตรขยับแว่นตาด้วยปลายนิ้วเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยเบาว่า
“ดวงตาของคุณมีปัญหาหรือครับ”
“เปล่าหรอก แค่ไม่อยากให้ใครเห็นเท่านั้น” ซานโตรเอ่ยเสียงเรียบ
“ทำไม”
“คนเป็นหมอจำเป็นต้องพูดกับคนไข้อยู่ตลอดเวลา จึงไม่อยากมีปัญหาน่ะ”
จีโอมองดูซานโตร พลางหวนคิดไปถึงดวงตาสีน้ำตาลที่คล้ายสีของนราเกต ทุกครั้งที่มองเห็นมันทุกคนก็ต้องหลีกเร้นไม่กล้าสบตาด้วย ดวงตาของเขาเหมือนกับถูกวาดออกมาให้เหมือนต้นแบบ แต่น่าเสียดายที่เหตุการณ์กลับไม่เป็นอย่างทิ่คิด
และเขาก็หลีกเลี่ยงที่จะเปิดเผยมัน...
“เมื่อกี้ผมเห็นคุณผู้หญิงมากับคุณด้วย” จีโอเอ่ยเสียงเรียบ “ใครกันหรือ”
“มองเห็นด้วยสินะ” ซานโตรเลิกคิ้วสูงสองมือล้วงกระเป๋าเสื้อ “จะว่ายังไงดีล่ะ”
“แฟน”
“ไม่ใช่แน่” คนตัวสูงรีบยกมือห้าม “นายเลิกเอาเรื่องยุ่ง ๆ มาให้ฉันทีเถอะ เขาก็แค่เป็นคนไข้แล้วที่ฉันให้มาอยู่ด้วยก็เพราะมีเหตุผลบางอย่าง”
จีโอชำเลืองมองซานโตรราวกับเป็นคำถาม
“นายรู้จักคาเมโอหรือเปล่า”
“รู้จักครับ เขาเป็นมาเฟียที่มีชื่อเสียงในด้านสกปรกชื่อเสียงไม่ค่อยจะดี ค้ายาเสพติดมีอะไรหรือ”
“ไม่รู้เหมือนกัน ฉันไม่ค่อยแน่ใจว่าใช่คนเดียวกันหรือเปล่า แต่หากว่าใช่จริง ๆ ล่ะก็ ลูเซียนาก็คงไม่ใช่คนไข้ธรรมดาอีกแล้ว”
“อาจจะเป็นอย่างนั้น” จีโอเอ่ยเบา ๆ “ถ้าคุณซานโตรต้องการทราบล่ะก็สั่งผมมาคำเดียวอีกไม่เกินสามวันเราน่าจะข้อมูลเพิ่มเติม”
“ไม่ต้องหรอก ลูเซียนาหลอกถามได้ง่าย ๆ เพียงแต่ฉันใช้คำพูดแต่ไม่กี่คำเธอก็ตกหลุมเกือบหมด” ซานโตรเหยียดยิ้มหัวเราะออกมาเบา ๆ “หลอกง่ายจริง ๆ”
จีโอเหยียดยิ้มบาง ๆ ดูท่าว่านิสัยจะแก้ไม่หายสักที
“คุณยังไม่ได้ตอบผมเลยนะครับ”
ซานโตรยกปลายนิ้วจรดแว่นตา ดูท่าว่าครั้งนี้เขาคงมีทางเลือกไม่มากนัก
“ถ้าคุณยอมตกลงไปเยี่ยมคุณแองเจโล เขาคงไม่บากหน้ามาสั่งผมหรอก”
“นั่นสินะ”
“คุณซานโตร”
“อาการแย่เลยหรือ จะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน” น้ำเสียงของซานโตรเครียดขรึมลง
“อย่างมากก็แค่ครึ่งปี..หรืออาจเร็วกว่านั้น”
ซานโตรมีสีหน้าสลดลง ความจริงนี่อาจเป็นช่วงเวลาเร็วนักที่ชายอายุเกือบหกสิบปีจะลาโลกไปด้วยโรคหัวใจ ช่วงเวลาหนึ่งที่เขาอาจเลือกหนทางให้กับชีวิตด้วยการเป็นหมอ แต่สุดท้ายอาชีพนั่นก็ได้กลายเป็นทางเลือกระหว่างการรักษาคำพูดและการตัดกองมรดก
ใบหน้าหล่อเหลาไม่มีอะไรต้องเสียใจ จะมีก็แต่มรดกทางสายเลือดที่สุดท้ายแล้วก็ตัดกันไม่ขาด เพราะหลังจากนั้นไม่นานก็เริ่มมีข่าวคราวและความคาดหวังที่จะให้ซานโตรกลับไปรับตำแหน่ง แน่ล่ะ...ซานโตรไม่คิดที่จะกลับไปรับตำแหน่งที่จมอยู่ในกองเลือดนั่นและออกปากปฏิเสธไปตั้งแต่วันแรก
สายเลือดย่อมข้นกว่าน้ำ
ข้อนี้...เขาเองก็ย่อมรู้ดี
“ก็เกิดว่ามีใครสักคนบริจาคให้ ผมก็ยินดีที่จะช่วย เพียงแต่...” จีโอหลุบตาลงต่ำ
“อาการทรุดลงหนักมากสินะ”
“ครับ”
ซานโตรถอนหายใจยาว...บางทีนี่อาจเป็นทางเลือกสุดท้ายแล้ว
“เอาล่ะ ฉันจะกลับไปคิดดู...บางทีจะลองไป”
คำตอบนั่น ทำให้จีโอยิ้มกว้างทันที
“ครับ ยินดีต้อนรับคุณกลับมา” ชายหนุ่มค้อมศีรษะ “ผมจะกลับไปรายงาน ลาก่อน”
เพียงแค่สายลมพัด จีโอผู้สวมสูทชุดดำก็เดินหายไปจากบริเวณนั้นทันที ซานโตรรู้ดีว่าไม่มีใครตามหาจนพบนอกจากจะกลายเป็นศพไปแล้ว...
..ไม่นานนักซานโตรก็เดินกลับมา ลูเซียนาเอียงคอมองอย่างสงสัย
“ไปไหนมาคะ ฉันพยายามองหาแต่ก็ไม่เจอ”
“แค่มีธุระบางอย่างต้องไปทำ” ซานโตรเดินเข้าไปนั่งฝั่งตรงกันข้ามเธอ “ตอนนี้เริ่มหิวขึ้นมาหน่อย ไหนล่ะคุณสั่งอะไรมาทาน”
“มักกะโรนีราดซอสมะเขือเทศนะค่ะ แล้วก็มีเฟตูชิเนราวิโอลี คุณลองทานดูสิ” ดวงหน้าน่ารักผมยาวเป็นลอนคลื่นยาวจรดกลางหลังยิ้มรับ
“แล้วคุณล่ะไม่กินหรือ”
“ก็รอคุณอยู่ไงคะ ทานอาหารคนเดียว มันไม่อร่อยเท่ากินกันสองคนหรอก”
ซานโตรยิ้มบาง ๆ ลองใช้ส้อมตักซอสมะเขือเทศกับเส้นมักกะโรนีใส่จานของเธอ
“งั้นก็กินซะสิ จะมัวรออะไรอยู่ล่ะ”
ลูเซียนาจึงทานอาหารที่อยู่ตรงหน้า ระหว่างนั้นซานโตรชำเลืองมองเธออยู่ห่าง ๆ หญิงสาวผมยาวเป็นคลื่นดูราวกับเด็ก ๆ หน้าตาน่ารักก็มีแพขนตาหนารับริมฝีปากระเรื่อ ยามที่เธอจ้องมองมาด้วยรอยยิ้ม ซานโตรก็อดนึกไม่ได้ว่าในโลกใบนี้จะมีผู้ชายเลวร้ายแค่ไหนกันนะที่กล้าลงมือทำร้ายเธอ
“เป็นอะไรไป”
“เปล่า แค่กำลังคิดอะไรเพลิน ๆ อยู่” เขาเหยียดยิ้ม
ระหว่างที่ทานอาหารเสร็จไปพักใหญ่ ระหว่างนั้นซานโตรมองดูลูเซียนาพลางคิดว่าถ้าแองเจโลมีลูกสาวแบบนี้อยู่ เธอจะเลือกแบบไหนระหว่างการที่เผชิญหน้าหรือว่าการหันหลังกลับ
“ลูเซียนา คุณมีครอบครัวหรือเปล่า”
ลูเซียนาชะงักไปทันที เงยหน้ามองเขาพร้อมกับคำถาม
“ฉันมีพ่อคนหนึ่งค่ะท่านเพิ่งเสียชีวิตไปได้ไม่นาน...ส่วนแม่ท่านจากไปนานแล้ว”
“ผมเสียใจด้วยนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันชินซะแล้ว”
“แล้วก็เกิดว่าคุณพ่อของคุณ เป็นคนร้ายกาจทำแต่เรื่องชั่วช้าล่ะคุณจะทำยังไง...ขอโทษนะพอดีผมมีเรื่องสำคัญให้คิดนิดหน่อยน่ะ” ซานโตรเอ่ยเสียงเรียบ
ลูเซียนาอึ้งไปพักหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามออกมาเบา ๆ
“คนไข้ที่คลินิกคุณเจอคนแบบนี้เหรอคะ”
“ก็ไม่เชิง แต่ผมค่อนข้างสนใจในคำตอบนะ”
“ถ้าเป็นฉัน...ถึงเขาจะเลวสักแค่ไหนหรือทำเรื่องชั่วช้ายังไง ฉันก็จะยอมรับเขาว่าเป็นพ่อค่ะ”
คำตอบของลูเซียนาไม่ต่างไปจากที่เขาคิดมากนัก ซานโตรลอบยิ้มบาง ๆ
“ไม่ว่าชั่วช้ายังไงรึ”
“ค่ะ”
“ฆ่าคนหรือไม่ยาเสพติดแบบนี้...คุณยังจะเรียกเขาว่าพ่อได้อยู่หรือเปล่า”
ลูเซียนาจ้องมองเข้าไปดวงตาสีน้ำตาล ทุกครั้งที่มองเห็นแววตาคู่นั้นของเขาเธอไม่รู้ว่า...คำพูดของนายแพทย์หนุ่มควรเชื่อหรือไม่ หญิงสาวกลืนก้อนแข็ง ๆ ลงในลำคอ
“ค่ะ...ฉันเชื่อว่าคนเราทุกคนต้องมีเหตุผลส่วนตัวค่ะ”
“คุณพูดถูก คนเราทุกคนต้องมีเหตุผลส่วนตัวเหมือนกันหมด” ซานโตรลอบยิ้ม “แต่มันก็ไม่ใช่สำหรับทุกคน”
หญิงสาวน่ารักผมเป็นลอนสวยขมวดคิ้วเมื่อยินเขาพูดถึงแต่ประโยคนี้
“ฉันตอบอะไรผิด”
“เปล่า คุณตอบถูกแล้ว”
“รู้อะไรมั้ยคะ เมื่อกี้ตอนฉันได้ยินเรื่องที่คุณเล่ามันทำให้ฉันคิดถึงเรื่องบางอย่าง” ลูเซียนาเอ่
“เรื่องอะไร”
“ก็เรื่องเล่าที่เกี่ยวกับชายผู้ไม่ต้องการบิดาไงล่ะคะ อยากฟังหรือเปล่า”
ซานโตรรวบช้อนส้อมเข้าด้วยกัน พลางหันไปหาแก้วน้ำดื่ม
“เล่ามาสิ”
“ฉันเคยได้ยินเรื่องเล่าเกี่ยวกับชายผู้ขยันขันแข็ง ทุกคนชายคนนี้ก็จะไปรับจ้างทำงานอาบเหงื่อต่างน้ำไปวัน ๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเก็บเงินเปิดร้านอาหารอิตาเลียนได้” ลูเซียนาเล่า “แต่ทุก ๆ วันบิดาของชายผู้นี้แกมีขาพิการเดินไปไหนมาไหนไม่ได้ ได้แต่นั่งรอความตายไปวัน ๆ”
ลูเซียนานัยน์ตาหลุบลงต่ำ
“ไม่นานชายผู้นี้ก็นึกอกตัญญู ว่าเมื่อไหร่จะเสียชีวิตไปเสียเขาจะได้ไม่ลำบาก”
ซานโตรมองดูลูเซียนาเล่าให้ฟังโดยสงบ
“แต่ว่าไม่นาน..” เธอเอ่ยปาก “ร้านที่ชายผู้นี้กำลังจะเปิดร้านอาหารอิตาเลียนก็เกิดขัดสนเงินทอง ไม่มีเงินมาปรับปรุงร้านทั้งที่เป็นโอกาสสุดท้าย ภายในหนึ่งอาทิตย์ร้านของเขาก็จะเปิดขาย...”
“...ในขณะที่เขากำลังลำบากอยู่นั่นเอง พ่อพิการของเขาก็ถือเงินมาก้อนหนึ่ง พร้อมกับพูดว่า ‘เงินนี่น่ะ พ่อเป็นคนหาอาจจะเป็นเงินสุดท้ายในชีวิต แต่ในที่สุดพ่อก็ได้ให้ผู้เป็นลูกเก็บเอาไว้ใช้เปิดร้าน ลูกเขาได้ยินแล้วถึงกับน้ำตาไหล ไม่คิดว่าเงินก้อนสุดท้ายนี้จะเป็นเงินเก็บที่พ่อให้ เอาไว้ใช้ยามที่ตัวเองลำบาก”
ลูเซียนาเหยียดยิ้มออกมา
“ยามที่เราลำบาก สุดท้ายท่านก็ยังรักเราอยู่ดี”
ซานโตรหรี่ลงต่ำราว คำพูดของลูเซียนาเปรียบเสมือนกระแสน้ำที่ไหลเย็นที่เอ่อล้นเข้ามาปลอบประโลมหัวใจอันด้านชาของเขา ในขณะเดียวกันคำพูดที่ออกมาจากหัวใจเธอก็บริสุทธิ์และงดงามเกินกว่าที่จะออกมาจากปากหญิงสาวตัวเล็ก ๆ ซึ่งตรงกันข้าม...
กับหัวใจที่ด้านชาของเขา
“นั่นสิ” เธอตอบยิ้ม ๆ “เอาล่ะ เห็นทีเราคงต้องไปพิพิธภัณฑ์ศิลปะอุฟฟิซีกันเสียที”
ซานโตรลุกขึ้นจากโต๊ะ หญิงสาวจึงลุกตามแล้วออกเดินตามไปจนทัน ไม่บ่อยครั้งนักที่หญิงสาวถูกพามาเที่ยวพิพิธภัณฑ์ของเมืองฟลอเรนซ์ ชื่อเสียงของที่นี่กับรูปภาพต่าง ๆ ที่ถูกนำมาจัดแสดง ทำให้ลูเซียนานึกถึงศิลปินที่หัดวาดเขียนอยู่ตามริมถนนแล้วมีชื่อเสียงก้องโลกเสียเหลือเกิน
พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งนี้แห่งนี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ ในตอนแรกยุคโคสิโมที่ 1 ได้ว่าจ้างให้จิออร์จิโอวาซารีเป็นผู้ออกแบบและดูแลการสร้างในช่วงปลายศตวรรษที่ 16 พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งนี้แบ่งเป็นออกเป็น 45 ห้อง ไล่ตามลำดับ มีทางเดินไปสู่ที่ทำงาน ยาวไปถึงสะพานเวคคิโอไปจนถึงอีกฟากหนึ่งของแม่น้ำอาร์โน ผ่านไปที่ด้านในของโบสถ์ ภายในมีภาพเขียนให้ชมกว่าหนึ่งพันภาพ เป็นศิลปะในสมัยศตวรรษที่ 17-18
ลูเซียนามองภาพฤดูใบไม้ผลิ เป็นภาพการเต้นรำของนิมฟ์และเหล่าเทพในสวนดอกไม้อันงดงาม ซานโตรเดินเข้าไปใกล้พลางกระซิบ
“นี่เป็นภาพของ Primavera คุณสนใจหรือ”
“ค่ะ มันสวยงามมาก ๆ เลย”
“ถ้าคุณเคยเห็นภาพวีนัส อาจจะคุ้นตามากกว่านี้”
“วีนัสที่อยู่บนเปลือกหอยเหรอคะ”
“ใช่”
“ฉันชอบดูศิลปินวาดภาพเหมือน ภาพนี้เป็นของดยุคและดัชเชสแห่งเออร์บิโน ดวงตาของพวกเขาดูราวกับมีชีวิตอยู่และกำลังมองมาที่เราราวกับภาพวาด” ลูเซียนากระซิบแผ่ว
“ชอบดวงตาสินะ”
“ค่ะ มันให้ความรู้สึกที่บอกไม่ถูก”
“ถ้าสายตาของคนที่ถูกวาดไม่บ่งบอกถึงอารมณ์ใด ๆ ก็คงดี แต่ถ้า...ในเวลานั้นเขาเกิดมีความรัก หรืออาจจะเก็บซ่อนความเกลียดชังหรือความเก็บกด คุณเองจะดูออกหรือเปล่า”
“คุณหมายความว่ายังไงคะ”
“มีคนบอกว่าศิลปินอาจหมายถึงตัวเราในบางขณะ ผมแค่อยากรู้ว่าเขาจะคิดเหมือนคุณหรือเปล่า” ซานโตรจ้องมองรูปภาพหญิงสาวที่กำลังมองมายังเขา
ลูเซียนามองตรงไปยังภาพวาด สายตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความหลงใหล ในบางครั้งอาจจะพูดได้ว่าจุดหมายของสายตามีความน่าสนใจหรือไม่ก็สิ่งที่น่าค้นหาในความแตกต่าง
“ไม่ทราบเหมือนกัน”
“เพราะอะไร”
“เพราะคนที่ถูกวาดภาพ สายตาจ้องไม่รู้ว่ามองไปทางไหน อาจเป็นศิลปินหรือว่าบางครั้งอาจหมายถึงคนที่ยืนอยู่ด้านหลังไม่ก็วิวทิวทัศน์ก็ได้” ลูเซียนาหันกลับไปมองที่ด้านหลัง “บางครั้งเราก็ไม่รู้ว่าอะไรทำให้เขามีสายตาน่าดึงดูดใจได้ เหมือนอย่างคุณไง”
ซานโตรขมวดคิ้วมุ่นอย่างสงสัย
“ผมหรือ”
“ใช่ค่ะ มีหลายครั้งที่ฉันเคยเห็นคุณซ่อนรอยยิ้ม ดูภายนอกเหมือนจะเป็นคนอารมณ์ดี แต่ความจริงภายในใจอาจมีอะไรหลายอย่างที่เราไม่อาจรู้ได้....บางที ฉันก็คิดว่าคนเราก็มีบางส่วนเหมือนกัน ที่ไม่ต้องการเปิดเผยออกมาให้คนอื่นได้ยิน”
ใบหน้าหล่อเหลายิ้มบาง ๆ เหมือนเช่นเดิม หลายครั้งเธอมองเห็นริมฝีปากของเขาเผยยิ้มออกแต่ทว่า...ดวงตาทอประกายกลับไม่เป็นอย่างที่คิด
...มันเพราะอะไรกัน
“คงไม่มีใครตอบได้นอกจากเขาเอง”
“ฉันเดาเอาค่ะ คิดถึงความเป็นไปได้กับคำตอบที่คุณอยากรู้” ใบหน้าน่ารักผมยาวเป็นคลื่นเอ่ยยิ้ม “แต่ถ้าถามถึงงานที่ศิลปินระดับโลกวาด ฉันคงตอบอะไรไม่ได้จริงเพราะความรู้ไม่ถึง”
“แค่นี้ก็ถือว่าเก่งแล้ว ไม่มีใครตอบได้อย่างคุณหรอก”
ลูเซียนายิ้มบาง ๆ
“คิดอะไรก็ตอบไปอย่างนั้น ว่าแต่...”
“ว่ายังไง”
“คุณละคะ....เวลานี้จริง ๆ แล้วมีรอยยิ้มหรือเย็นชากันแน่”
ดวงตาสีน้ำตาลของซานโตรทอประกายวูบขึ้นมานิดหนึ่งก่อนจะกลับคืนสู่ความปกติ ภายใต้แว่นตากรอบหนาเขาแทบไม่คิดว่าจะมีใครในโลกที่มองเห็นตัวตนของเขาก็ซ่อนไว้ไม่ให้คนอื่นรู้ ความเย็นชาและความว่างเปล่าของตัวตนของเขา คือสิ่งที่ซานโตรเก็บซ่อนเอาไว้ภายใต้หน้ากากแห่งรอยยิ้ม ส่วนการที่จู่ ๆ มีหญิงสาวหน้าตาน่ารักเส้นผมยาวสลวย ดวงตากลมโตบริสุทธิ์มาพูดตามตรง
ค่อนข้างที่จะดูยากเกินหยั่งถึงไปหน่อย
“แล้วคุณเห็นผมว่าเป็นยังไงล่ะ” ซานโตรนึกสนุก “เย็นชามากกว่ารอยยิ้มที่พยายามแสดงออกหรือ”
“เปล่าค่ะ แค่สงสัยว่ารอยยิ้มของคุณช่างดูแตกต่างกับดวงตาสีน้ำตาลที่ดูเย็นชา”
“แตกต่าง”
“ค่ะ บางครั้งฉันก็มองเห็นคุณยิ้ม แต่บางทีก็มองเห็นดวงตาเย็นชา...บางครั้งสิ่งที่ฉันตอบอาจจะมาจากตัวคุณก็เป็นได้” ลูเซียนาประสานดวงตาของเขา
ซานโตรลอบยิ้มโดยการขยับแว่นตาเบา ๆ
“นี่ล่ะมั้ง ที่เขาชอบพูดกันว่าใจหญิงยากเกินหยั่งถึง”
“ยากเกินหยั่งถึงตรงไหนคะ” คำพูดของเขาทำเอาเธอไม่พอใจ
“ก็นิสัยชอบเอาเรื่องเอาราวมาเรียงกัน แล้วชอบพูดว่าเพราะเธอไม่มีเหตุผลยังไงล่ะ”
ลูเซียนาหน้าแดงจัดไปถึงใบหู
“อย่ามาพาลกันนะ ฉันแค่สงสัยเท่านั้นเองแต่ถ้าคุณไม่ยอมบอกใครจะไปรู้”
“นั่นสินะ...” ซานโตรขยับปลายนิ้วดึงแว่นตาออกห่างทางปลายจมูก หญิงสาวมองดวงตาของเขาในความมืดสลัวเงาสะท้อนสีน้ำตาลหม่น แลดูเย็นชาและมีบางอย่างที่น่าค้นหา หญิงสาวถูกสายตาของเขาจ้องมอง ไม่อาจฝืนหรือก้าวห่างออกมาได้เลยแม้แต่น้อย
“ตอนนี้คุณเห็นใบหน้าผมชัด ๆ แล้ว พอจะบอกได้หรือเปล่าว่าผมยิ้มหรือว่าหลอกลวงคุณ” ซานโตรเอ่ยเสียงเรียบนัยน์ตาเป็นประกาย
ลูเซียนารู้สึกเหมือนโดนดึงดูดเข้าไปดูนัยน์ตาคู่นั้น เธอบอกไม่ถูกว่ากำลังถูกดึงหรือว่าควรจะหนี
แต่สิ่งหนึ่งที่เธอจะบอกได้ คือรอยยิ้มนั้นดูแตกต่างไปจากดวงตาเย็นชาคู่นั้นอย่างชัดเจน...
“นัยน์ตาของคุณมันเย็นชาค่ะ” เธอบอกเบา ๆ
“อย่างนั้นหรือ...” ซานโตรเหยียดยิ้ม “ถ้าเช่นนั้นถ้าผมมองเข้าไปใกล้ ๆ คุณล่ะ”
“เอ๊ะ”
ซานโตรไม่ปฏิเสธก่อนจะดึงไหล่บางของใบหน้าน่ารักมีเส้นผมเป็นคลื่นจรดกลางหลังเข้าไปใกล้ด้านหลังของเสา ลูเซียนาลืมตาโตเมื่อถูกเขาโน้มลงมาประกบเรียวปากชนิดที่ว่าไม่มีช่องว่าง ปลายลิ้นอุ่นจัดชำแรกผ่านเข้าไปควานหาความหวานภายใน หญิงสาวหลับตาแน่นพยายามดันเขาออก ทว่าซานโตรกลับแทรกริมฝีปากไปด้านข้างไม่ให้เธอถอยหนี รอยจูบครั้งนี้คือความตั้งใจของซานโตรที่ต้องการแนบสนิทเรียวปากนุ่มละมุน ความอ่อนหวานนุ่มละมุนบังคับให้เธอต้องถอยหนีและเหวี่ยงมือเข้าที่แก้มขวาของซานโตรเต็มแรง
“คนเลว บ้าที่สุด”
ซานโตรยกมือขึ้นจับข้อมือของเธอไว้เต็มแรง พร้อมกับยิ้มบาง ๆ
“นี่ยังไงล่ะ สิ่งที่คุณอยากเห็น แต่น่าเสียดายที่ผมเป็นหมอไม่ใช่มาเฟียที่คุณกำลังฝัน
“อะไรนะ”
“บอกไว้ก่อน ถ้าคราวหน้ายังเป็นแบบนี้อีก ผมจะไม่รับประกันคุณอีกต่อไป”
ดวงตาของเขาแจ่มชัดและเย็นชา
เหมือนกับสิ่งที่เขาพูดถึง ‘มาเฟีย’ เหลือเกิน..
“เป็นอะไร หน้าคุณเหมือนคนไม่ได้นอนมาตลอดคืน”
ซานโตรเดินล้วงกระเป๋ากางเกงเดินตามลูเซียนาก็เดินตรงดิ่งเข้ามายังทางเดินไปคลินิกโดยไม่ยอมพูดจาอะไรเลยสักคำ เธอกำลังโกรธคนตัวสูงที่บังอาจขโมยจูบเธอ เธอเม้มริมฝีปากขณะเดินข้ามถนนโดยมีซานโตรคว้าจับแขนพาเดินข้ามไปโดยไม่สนใจลูเซียนาก็พยายามจะขัดขืน
“ปล่อยนะ นี่ปล่อยสิ”
พอมาถึงซานโตรก็ปล่อยมือทันที พร้อมกับยักไหล่เบา ๆ
“ได้สิ ทีนี้ช่วยบอกเหตุผลหน่อยว่าทำไมถึงได้ทำหน้าอย่างนั้น”
“ยังจะถามอีกเหรอ”
ซานโตรเลิกคิ้วสูงเป็นเชิงประหลาดใจ
“คุณยังโกรธเรื่องผมจูบ”
“คุณขโมยจูบ” ลูเซียนาเน้นย้ำหน้าแดง
“นั่นแล้วแต่คุณจะคิด เอาล่ะแต่ถ้าคุณจะโกรธก็หัดโกรธตัวเองหน่อยเถอะ ที่มาเน้นย้ำเรื่องดวงตาของผมว่าเย็นชา” ใบหน้าหล่อเหลาเหยียดยิ้ม
“นี่คุณ...”
“หรือจะให้ผมพูดว่าที่คุณพูดอย่างนั้นไม่ได้หวังผล”
“คนบ้า ๆ นี่หัวสมองของคุณคิดเป็นแต่เรื่องอย่างนี้หรือ” ลูเซียนาเริ่มโมโหจริง ๆ ก็คราวนี้ “ที่ฉันถามน่ะ ต้องการจะรู้ถึงสิ่งที่คุณกำลังคิดอยู่ต่างหาก แต่การกระทำของคุณมันเกินรับได้จริง ๆ”
“งั้นเหรอ ขอโทษจริง ๆ ที่ผมเข้าใจผิด”
“อะไร”
“ที่เข้าใจผิดคิดว่าคุณหวังอย่างหลัง”
“ฝันไปเถอะ อย่าหวังว่าฉันจะรื้อฟื้นถึงมัน”
ลูเซียนาหน้าหงิกหันหลังกลับเดินตรงไปยังคลินิกที่เปิดรออยู่ ซานโตรมองตามพลันยิ้มบาง ๆ เดินตามไปติด ๆ ภายในมีแสงไฟสีขาวสาดส่อง เวลานี้เป็นเวลาเป็นเวลาที่คลินิกปิดประตู ซานโตรไขกุญแจเข้าไปในช่องแล้วหมุนสลัก ภายในมีฝ้าสีขาวและพื้นสะอาด หากแต่เวลานี้ลูเซียนากลับหวนคิดเป็นกังวลว่ายังไง ๆ เขาก็เป็นผู้ชายแล้วเธอก็เป็นผู้หญิงอีกอย่างวันนี้เขาก็จูบเธอ
...แล้วแบบนี้จะอยู่ด้วยกันได้หรือ
“แถวนี้น่าจะมีห้องพักบ้างนะ” เธอบ่นเบา ๆ แต่ซานโตรหันหลังมาตอบชัดเจน
“ก็มีอยู่ แต่ว่าค่าจ้างผู้ช่วยแพทย์คงไม่พอจ่ายหรอกนะ”
ลูเซียนาสะดุ้งโหยง จ้องหน้าเขาราวกับจะหาเรื่อง
“รู้อยู่แล้ว ไม่เห็นจะต้องพูดเลย”
ซานโตรเหยียดยิ้มพลางส่ายหน้าด้วยความระอาใจ เขาถอดเสื้อตัวบนออกสองสามเม็ดพลางเปิดตู้เย็นเอาน้ำเย็นมาดื่ม ใบหน้าคมคายเริ่มมีร่องรอยโกนเล็กน้อย เส้นผมก็ยาวจรดต้นคอ แม้จะพูดว่าซานโตรคือคน ๆ เดียวกับอีตานายแพทย์ซอมซ่อคนนั้น ลูเซียนากลับมองเห็นเขาเป็นพวกซ่อนรูปแลดูดีเป็นพิเศษจริง ๆ เธอมองเขาเพลินอยู่ ๆ ก่อนที่ซานโตรจะหันสบตาแล้วยิ้มให้ ลูเซียนาสะดุ้งหันไปมองทางอื่นทันที
แย่จริง นี่เธอคิดอะไรอยู่นะ...
“อยู่ที่นี่เองหรือ...”
ชายผิวสองสีมีรอยเลือดอยู่ที่ริมฝีปาก รอยแผลจากการถูกมีดแทงที่หัวไหล่มีรอยเลือดซึมออกมา ใบหน้าแสยะยิ้มบนเรียวปากขณะที่ตัวของเขากุมแขนซ้ายเปรอะเปื้อนไหลเป็นทาง เดินตรงดิ่งเข้าไปเปิดประตูคลินิกและเดินโซซัดโซเซเข้าไป ลูเซียนาหันมาเห็นเข้าหน้าตาน่ารักซีดเผือด รีบวิ่งเข้ามาช่วยประคองทันที
“คุณเกิดอะไรขึ้นคะ”
“ฉันเกิดมีเรื่องแล้วโดนแทง...แขนซ้ายนี่เกือบจะขยับไม่ไหวอยู่แล้ว”
“ช่วยขึ้นไปนั่งที่บนเตียงก่อน”
ชายผิวสองสีไม่พูดอะไร ก่อนจะขึ้นไปนอนบนเตียงอย่างว่าง่าย สายตาของเขาชำเลืองมองเธอในขณะที่ลูเซียนาเริ่มหันไปหยิบเอาสำลีเช็ดบาดแผล
“เกิดอะไรขึ้น” ซานโตรเห็นคนไข้จึงเดินออกมาหา
“คน ๆ นี้บาดเจ็บค่ะ ช่วยดูบาดแผลให้หน่อย”
ซานโตรชำเลืองมองไปยังชายผิวคล้ำที่ตอนนี้หลบวูบสายตาไปทางอื่น เขายื่นมือไปจับแขนซ้ายแล้วถลกแขนเสื้อเพื่อดูรอยแผลที่บาดเจ็บ หลังจากมองเห็นรอยแผลคิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากัน เพราะเมื่อดูบาดแผลแล้วดูท่าว่าคนไข้รายนี้จะมีอะไรบางอย่างผิดปกติ
“คุณมีเรื่องมารึ”
“ใช่”
“คุณน่าจะไปที่ตำรวจสืบสวนมากกว่า ไม่ใช่มาที่นี่”
คำตอบของเขาทำให้ชายผิวสองสีหน้านิ่วคิ้วขมวด ชำเลืองมองสายตาไปยังแพทย์หนุ่มราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ก่อนจะขยับแขนขวากำไหล่ซ้ายด้วยท่าทางที่เหมือนคนเจ็บ
“แขนซ้ายของผมขยับไม่ได้ ผมจะไปหาตำรวจได้ยังไง ก่อนอื่นก็ต้องมาหาหมอให้ช่วยเอาออกก่อนสิรีบช่วยเร็ว ๆ หน่อยเถอะ เจ็บจะตายอยู่แล้ว” มันร้องลั่น
ลูเซียนากุมแขนเสื้อซานโตรพร้อมกระซิบแผ่ว
“ก่อนอื่นเราช่วยเอามีดออกให้ก่อนเถอะค่ะ ปล่อยไว้นานจะอักเสบเอา”
“นั่นสิ” ซานโตรหลุบตาลงต่ำ “ถ้าอย่างนั้น ฝากคุณช่วยทำแผลให้เขาหน่อยละกัน”
“ค่ะ”
ซานโตรเป็นฝ่ายเดินเข้าไปในห้องอุปกรณ์ ทิ้งให้ดวงหน้าน่ารักผมยาวเป็นคลื่นสลวยอยู่ภายในห้องกับคนไข้ตามลำพัง ชายผิวสองสีเหลือบตามองเธอขณะที่หญิงสาวใส่ยารักษาบาดแผลให้ รอยเจ็บที่บาดแผลยังเทียบกันไม่ได้เลยเมื่อสิ่งนั้นนำพาเขาให้มาที่นี่...
“เธอมาทำงานอยู่ที่นี่นานแล้วหรือ” เสียงของเขาแหบห้าว
“เปล่าค่ะ เพิ่งมาที่นี่ได้สองวัน” ลูเซียนาเอ่ยปากพลางเช็ดแผลเขาเบา ๆ “อาจจะเจ็บเล็กน้อยนะคะ”
ชายผิวสองสีนิ่วหน้ากัดริมฝีปาก ขณะที่เธอกำลังหันหลังไปล้างมือ คนไข้ผู้นี้ก็ได้โอกาสที่จะล้วงมือเข้าไปยังที่ซ่อนเพื่อหยิบผ้าเช็ดหน้าที่มียาสลบ เขารอจนกระทั่งลูเซียนาหันกลับมาแล้วโปะยาสลบจนได้โอกาสลากตัวออกไป หญิงสาวหันหลังกลับมามองแล้วก็ต้องตกใจ เมื่อชายนัยน์ตาวาววับโผเข้าใส่พร้อมผ้าในมือทันที
“หลับซะเถอะ” ชายผู้นั้นตะโกน
ลูเซียนาหวีดร้องพร้อมกับยกมือขึ้นป้องกันทันที
“อย่านะ”
โชคดีที่ซานโตรคอยระวังอยู่แล้วก้าวเท้าเข้าช่วยเอาแขนบังเอาไว้ ลูเซียนาถูกดึงไปซ่อนตัวเอาไว้ด้านหลังในขณะที่ชายผิวสองสีกัดฟันด้วยความแค้น ซานโตรจึงสวนหมัดขวาเข้าใส่ใบหน้านั้นสุดแรงจนร่างบึกบึนนั่นร่วงไปชนกับอุปกรณ์แตกเกลื่อนกระจาย
“น่าเสียดาย นายแพทย์ที่นี่ไม่ชอบแขกที่ไม่ได้รับเชิญ” เขาเอ่ยยิ้มขณะชายผิวกร้านแดดยกหลังมือเช็ดเลือดที่ไหลออกจากปากเบา ๆ
“ให้ตายเถอะ นายนี่มันมารคอหอยจริง ๆ”
ตะโกนลั่นจบ ชายผิวคล้ำก็ฉวยหยิบเอามีดด้ามเล็กที่วางอยู่ข้างกายขึ้นมากระโจนเข้าใส่กลางอกของอีกฝ่าย ลูเซียนาร้องตะโกนบอกให้เขาหลบ แต่ซานโตรเพียงแต่มองดูชายที่พุ่งตรงมาจากนั้นก็เบี่ยงตัวหลบแล้วใช้เท้าค้ำยันขาอีกกรฝ่ายจนเขาล้มลงไปกับพื้นอุปกรณ์แตกกระจายเกลื่อน
“น่าเสียดายนะ ที่ค่ารักษานายยังไม่เท่าค่าขวดยาที่แตกกระจายเกลื่อนเล
“แก ไปลงนรกซะ”
ชายผิวคล้ำพุ่งมีดเข้าหาใส่กลางอกของซานโตรแต่เขาก็เบี่ยงกายหลบได้อย่างคล่องแคล่ว ลูเซียนามองภาพเบื้องหน้าด้วยความตกใจ ซานโตรเบี่ยงกายหลบทั้งซ้ายและขวาราวกับมือโปรหรือไม่ก็เป็นพวกที่ชอบหลบหลีกเรื่องพวกนี้ นายแพทย์ที่มีท่าทางเงียบขรึม เก็บซ่อนความเป็นมืออาชีพได้ถึงขนาดนี้เชียวหรือ
มันเป็นไปได้อย่างไรกัน...
“ซานโตรระวัง” ลูเซียนาร้องตะโกน
ซานโตรเบี่ยงกายหลบไปด้านหลัง แต่ถูกชายผิวสองสีเล่นงานที่ด้านข้างโดยเปลี่ยนมืออีกด้านหนึ่งที่จับด้ามมีดแล้วพุ่งสวนเข้าเต็มแรง โชคดีที่เขาเบี่ยงกายหลบได้อย่างฉิวเฉียดผิวเนื้อที่ฉีกขาดออกไปมีเพียงรอยเสื้อและผิวหนังด้านนอกเท่านั้น ใบหน้าคมคายจึงคว้าข้อมือชายผิวสองสีเข้ามาและสวนเข่าเข้าใส่กลางลำตัวเต็มแรง
“อั่กก”
“ไปนอนเสียดี ๆ เถอะ อย่าให้ฉันต้องออกแรงกับคนไข้มากเกินไปเลย”
“แก ไอ้เลว” ชายผิวสองสีพยายามจะพุ่งมีดเข้าใส่ซานโตร แต่อีกฝ่ายก็คว้ามือเอาไว้ได้ก่อน
“ในเมื่อพูดดี ๆ ไม่รู้เรื่อง งั้นก็ช่วยไม่ได้แฮะ”
พูดจบซานโตรก็สวนเข่าเข้าใส่กลางลำตัวคนไข้เต็มแรง จนคนไข้จุกจนทำมีดร่วงหลุดออกมาจาก นอนลงเอามือกุมท้องรอยแผลบนหัวไหล่ซ้ายก็ชุ่มเลือดจนเจ้าตัวหมดสติลง ซานโตรเป่าลมออกจากปาก มองไปยังสภาพเละเทะในห้องทำแผลแล้วก็ต้องถอนหายใจยาว
“แบบนี้มีหวังเอสตาคงได้บ่นกันยาว”
ดวงหน้าน่ารักผมยาวเป็นคลื่นสลวย ยืนหน้าซีดอยู่ทางด้านหลังเนื้อตัวสั่นเทา
“เป็นอะไร”
“เปล่าค่ะ แค่...ตกใจไม่หายเท่านั้น”
ซานโตรชำเลืองมองเธอที่กำลังมองไปที่คนเจ็บเล็กน้อย เขาก้มลงประคองแขนของคนเจ็บลุกขึ้นไปนอนหงายอยู่บนเตียงทั้งที่ยังหมดสติ จัดการฉีกเสื้อแขนยาวของเขาออกเผยให้เห็นรอยมีดกับรอยเลือดจาง ๆ ดวงตาสีน้ำตาลมองเห็นรูปรอยสลักบนไหล่เสื้อเป็นรูปสัญลักษณ์อะไรบางอย่าง
“นี่มันยาสลบ” เขาถือผ้าเช็ดหน้ามาดม “เขาตั้งใจจะพาคุณไปจากที่นี่ อย่างนั้นใช่ไหม”
ลูเซียนาหน้าซีดเผือด นัยน์ตามองไปทางอื่น
“ฉันไม่ทราบค่ะ”
“งั้นหรือ”
“คิดว่าน่าจะเป็นผ้าเช็ดหน้าที่เขาเก็บติดตัวเอาไว้ และคิดว่าน่าจะใช้โปะคนที่ไม่มีทางสู้เพื่อที่จะนำไปเรียกค่าไถ่ โชคดีที่มีคุณอยู่ด้วย...ไม่อย่างนั้นแล้วฉันก็คงจะโดนพวกมันจับตัวไปเหมือนกัน” ลูเซียนาพยายามกล่าวคำโกหก
“แล้วทำไมเขาถึงจ้องคุณ ไม่ใช่พวกที่อยู่ริมถนน”
“เขาคงจะมาทำแผล แล้วเห็นฉันอยู่คนเดียวน่าจะลงมือได้ง่ายกว่
เธอรู้ดีว่า...
ผู้ชายคนนี้ตามมาเก็บตัวเธอหรือไม่ก็...พยายามนำเธอกลับไปให้ผู้ชายคนนั้น
ซานโตรชำเลืองมองเธอด้วยรอยยิ้ม มองไปในดวงตากลมโตอย่างค้นหา
“ผมก็ว่าอย่างนั้น” เขากล่าวเสียงเรียบ “คุณเองต่อไปก็ต้องระวังตัวหน่อย อย่าให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้”
“เข้าใจแล้วค่ะ”
“เพราะว่าผมเองก็ไม่ได้อยู่กับคุณยี่สิบสี่ชั่วโมง”
น้ำเสียงของเขาดูต่ำลึกกว่าที่เคย ลูเซียนาหันไปมองทางอื่นโดยอัตโนมัติเมื่อเห็นว่าเขาจ้องมองอยู่ คำพูดนั้นอาจตีความหมายได้หลายอย่างคืออาจหมายถึงให้เธอคอยระวังตัวอย่าให้เกิดเรื่องขึ้น หรืออีกอย่างหนึ่งก็คือถ้าวันนี้เขาไม่อยู่บางที...เธออาจจะเสียท่าไปแล้วก็ได้
“รอยแผลนี่เป็นแผลที่เขาน่าจะสร้างขึ้นเอง ไม่ใช่รอยแผลจากการถูกแทง”
“อะไรนะคะ”
“ดูด้ามมีดนี่สิ มันหงายขึ้นไปเหมือนเขาเป็นคนจับแล้วแทงตัวเอง ถ้าเป็นคนอื่นทำน่ะมีหวังคงแทงตรงกลางอกหรือไม่ก็ตัดขั้วหัวใจไปแล้ว” ซานโตรกล่าวเบา ๆ
ลูเซียนามองดูบาดแผล เพิ่งสังเกตเห็นว่ารอยแผลและคราบเลือดดูเหมือนจะตื้นเกินไป
“จริงด้วย เขาทำแบบนี้ทำไม”
“รอให้เขาตื่นก่อนแล้วเราค่อยถามเถอะ” ซานโตรยิ้มบาง ๆ ฉวยหยิบเอาอุปกรณ์ขึ้นมาดึงเอามีดที่ฝังในไหล่เขาออก ลูเซียนาหน้าซีดเผือดรีบหันไปมองทางอื่นทันที ซานโตรชำเลืองมองพร้อมกับเอ่ยเบา ๆ
“คุณออกไปรอข้างนอกก่อนเถอะ”
“แต่ว่า...” ลูเซียนาทำท่าจะอ้าปากค้าน แต่ซานโตรเอ่ยขัด
“เลือดและผ้าพันแผลนี่คงไม่เหมาะกับคุณเท่าไหร่ คุณไปนอนเถอะเอาไว้เขาตื่นขึ้นมาแล้วผมไปจะเรียกคุณ”
ลูเซียนามองไปยังผู้ชายที่ยังหมดสติอยู่บนเตียงกับอุปกรณ์เปื้อนเลือดของเขายังอยู่ในมือ แล้วก็หันหลังกลับรีบวิ่งขึ้นไปชั้นสองปิดประตูเสียงดังสนั่น ซานโตรถอนหายใจยาวมองดูชายผิวคล้ำพลางชำเลืองมองไปที่แขนซ้ายของเขาที่มีสัญลักษณ์เป็นรูปหัวกะโหลกสีแดง
“วาลโลโซหรือ...” เขากระซิบแผ่ว
....ลูเซียนาหลังเข้าไปในห้องและจัดการลงกลอน ภายในหัวสมองของเธอก็พลันหวนคิดไปถึงภาพในอดีตและชายที่กำลังจะทำร้ายเธอ หญิงสาวหลับตาลงแนบแน่นภาพที่ฝังแน่นอยู่ในใจ คือภาพที่โหดร้ายและความอำมหิตของผู้ชายคนนั้น ที่พยายามจะเอื้อมมือเข้ามาหาเธอหวังจะเอาไปครอบครอง ภาพใบหน้าขาวสะอาดเส้นผมสีทอง รูปร่างสูงมีรอยยิ้มที่มุมปากเธอก็ข่มความกลัวไว้ไม่อยู่
“ไม่นะ ออกไปให้พ้น” เธอยกมือขึ้นอุดหู “ฉันไม่มีวันยอมกลับไปเป็นอันขาด”
ชายผู้นั้นหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง...
คาเมโอ !?
“ถ้าให้ฉันเลือก” เธอหลับตาแผ่วเบาแผ่วบาง “ขอให้ฉันอยู่คนเดียวเถอะ...”
ใบหน้างดงามมีเส้นยาวยาวสลวยปล่อยให้น้ำตาไหล ชั่ววินาทีหนึ่งที่เธอใกล้จะหมดความอดทน ใบหน้าคมคายก็หันมายิ้มให้กับเธอเป็นดวงตาที่เย็นชากับรอยเหยียดยิ้มที่เธอคาดว่าไม่น่าจะเห็น เธอลืมตาขึ้นมาช้า ๆ ซานโตรงั้นหรือที่จะช่วยคุ้มครองเธอในเมื่อเขาเป็นแค่คนธรรมดา
ธรรมดาจริงเหรอ...เธอเห็นเขารับมือกับชายคนที่มีมีดได้ราวกับมือโปร
ซานโตรเป็นแค่นายแพทย์ธรรมดาทั่วไปจริง ๆ น่ะหรือ
*****************
ชายปริศนา
“อืม” ซานโตรเอามือไว้ตรงคางเหมือนกำลังครุ่นคิด “รู้อะไรไหม ตอนนี้ผมกำลังคิดนะ ถึงสาเหตุที่คุณเอาแต่หลบหน้าถึงขั้นกระโดดน้ำ คงจะมีสาเหตุมาจากเรื่องผู้ชายใช่ไหม”
ลูเซียนาใจเต้นรัวเพราะไม่คิดว่าเขาจะพูดว่า
“ผมได้ยินคุณเอ่ยถึง ‘คาเมโอ’ เขาเป็นอะไรกับคุณ”
“คุณรู้ได้ยังไง” เธอตอบทันควัน
“ตอนนั้นผมได้ยินคุณเอ่ยชื่อนี้ออกมา ตอนที่ถูกช่วยเหลือตัวขึ้นมาจากน้ำ”
ดวงหน้าน่ารักผมยาวสลวยหน้าซีดก่อนจะเป็นสีเข้ม ซานโตรแม้จะไม่เอ่ยออกมาแต่เขาก็แลเห็นอาการสีหน้าแปลก ๆ นั้นชัดเจน คนที่ชื่อ ‘คาเมโอ’ ดูท่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับหญิงสาวไม่น้อย
“ไม่รู้ค่ะ ฉันจำไม่ได้ว่าพูดอะไรทำนองนี้ออกมาตอนไหน”
“ผู้ชายสินะ”
“เอ๊ะ”
“ตอนที่ผมบอกว่าเขาเป็นผู้ชายแล้วรอให้คุณพูดว่าไม่ใช่ คุณก็ไม่เห็นจะว่าอะไรตกลงเขาเป็น ‘ผู้ชาย’ ใช่ไหม” ซานโตรเหยียดยิ้ม ดวงตาภายใต้แว่นตากรอบหนาเป็นประกาย
ลูเซียนาคอแข็งขึ้นมาทันที เป็นเธอที่โดนหลอกไปถึงสองครั้งแล้ววันนี้
“มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ” เธอเน้นท้ายประโยค
“แฟนคุณเหรอ”
คำถามขวานผ่าซากของเขา ทำเอาลูเซียนาถึงกับแก้มแดงปลั่ง
“คนเลวร้ายอย่างเขา ไม่มีค่าให้เรียกว่าแฟนหรอก”
“งั้นก็คงเป็นคนเลว คุณถึงได้มีความหลังกับมัน” เขาเดาต่อ ซึ่งคราวนี้ลูเซียนาไม่คิดที่จะตกหลุมด้วย
“พอที เลิกพูดดีกว่า”
ลูเซียนาบ่นอุบหันไปทางอื่น ซานโตรจึงแสร้งทำหน้าเสียดาย ทั้งคู่จึงส่งอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะ ชั่วขณะที่ซานโตรกำลังยกถ้วยกาแฟขึ้นจรดริมฝีปาก ดวงตาคม ๆ ภายใต้แว่นตา ก็เหลือบไปเห็นหนุ่มร่างสูงผิวค่อนข้างขาวกำลังนั่งถือหนังสือพิมพ์แล้วกำลังมองมาทางนี้ ริมฝีปากของเขาดูเหมือนจะเหยียดยิ้มเล็กน้อย ซานโตรเปลี่ยนสีหน้าทันทีก่อนจะวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะช้า ๆ
“เจอจนได้นะ...” เขาเอ่ยเบา ๆ
“มีอะไรหรือคะ” ลูเซียนาเงยหน้ามองเขาหลังได้ยินเสียงเอ่ยเบา ๆ
“ไม่มีอะไรหรอก คุณสั่งอาหารเถอะ เอาเผื่อผมได้ชุดหนึ่ง”
“คุณจะไปไหนคะ”
ลูเซียนาเอ่ยถามหลังจากที่เห็นชายร่างสูงลุกขึ้นจากโต๊ะ ซานโตรยิ้มบาง ๆ
“ผมจะไปเดินเล่นแถวนี้หน่อย นึกขึ้นได้ว่ายังมีธุระยังไม่ได้ทำ”
ซานโตรเดินออกห่างออกไป โดยมีลูเซียนาหันมองตามไปจนลับตา จนกระทั่งพนักงานเสริ์ฟจะเดินมาหญิงสาวจึงหันกลับไปสั่งอาหารและเครื่องดื่ม เมือหันกลับไปมองที่ด้านหลังก็มองไม่เห็นนายแพทย์หนุ่มเสียแล้ว ลูเซียนาเหลียวมองด้านข้างแต่ก็พบเพียงความว่างเปล่า
“...หายไปไหนกันนะ”
ซานโตรก้าวยาว ๆ ไปเรื่อย ริมสระน้ำจนถึงแนวกำแพงจนถึงบริเวณที่ไม่มีคนพลุกพล่าน ที่ด้านหลังมีเพียงเสียงเดินเบา ๆ ดั่งสายลมของผู้ที่เข้ามาใหม่ ชายหนุ่มผิวขาวเส้นผมตัดสั้นสีดำนัยน์ตาสีเข้ม สวมชุดสีดำตัวยาวเดินมาเงียบ ๆ ซานโตรชำเลืองมองตามแล้วถอนหายใจยาว
“มาแล้วหรือ” ซานโตรเอ่ยเบา ๆ “ไม่ได้เจอกันนานนะ”
“ครับ”
“นายนี่ยังเหมือนเดิม พอไม่เรียกกลับปรากฏตัวพอจะเรียกใช้กลับหายหน้า”
ชายผมดำร่างสูงเหยียดยิ้มน้อย ๆ
“ผมจะมาเป็นช่วง ๆ ครับ โดยเฉพาะเวลามีเรื่องสำคัญต้องการแจ้งให้ทราบ”
“ไม่ต้องบอกก็รู้ ไอ้เรื่องโรคหัวใจนั่นสินะ” ซานโตรถอนหายใจยาว
“ครับ”
“หลอกคนเป็นหมอน่ะ มันยากยิ่งกว่าอะไรดีซะอีก แล้วทางโน้นล่ะว่ายังไงบ้าง”
“คุณแองเจโลบอกว่าจะไม่ยอมรักษา จนกว่าคุณซานโตรจะยอมรับปาก แต่ถ้าไม่ก็เตรียมจัดพิธีงานศพได้เลย” ชายผิวขาวหน้าจีนกล่าว
“เฮ้อ...บ้าชะมัดเลย” ซานโตรยกมือขึ้นทาบทับศีรษะราวกับเป็นเรื่องหนักใจ “จนป่านนี้แล้ว ยังอุตส่าห์ยอมรอฉันอีก”
“แล้วจะเอายังไงดีครับ ผมมีหน้าที่ต้องกลับไปรายงาน”
ซานโตรชำเลืองมองมือขวาที่ชื่อจีโอ พลางเอ่ยเบา ๆ
“กลับไปรายงานว่าไม่เจอฉันสิ หรือว่าความใจดีของกลุ่มเปลี่ยนใจนายซะแล้ว”
จีโอเหยียดยิ้มบาง ๆ นัยน์ตาวาววับ
“เปล่าครับ แต่การโกหกไม่ได้ช่วยอะไร”
“นั่นสินะ”
ซานโตรเหยียดยิ้มสองมือล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อตัวยาว เวลานี้เขาคือนายแพทย์เป็นอิสระและมีอาชีพเป็นส่วนตัวไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร ใบหน้าคมคายมีริ้วรอยเป็นสัน จมูกโด่งและริมผีปากได้รูป หากแต่ดวงตาที่ดูเหมือนจะมีร่องรอยสายเลือดเป็นอย่างดี ก็ต้องเอาแว่นตากรอบหนามาใส่ จีโอชำเลืองมองซานโตรขยับแว่นตาด้วยปลายนิ้วเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยเบาว่า
“ดวงตาของคุณมีปัญหาหรือครับ”
“เปล่าหรอก แค่ไม่อยากให้ใครเห็นเท่านั้น” ซานโตรเอ่ยเสียงเรียบ
“ทำไม”
“คนเป็นหมอจำเป็นต้องพูดกับคนไข้อยู่ตลอดเวลา จึงไม่อยากมีปัญหาน่ะ”
จีโอมองดูซานโตร พลางหวนคิดไปถึงดวงตาสีน้ำตาลที่คล้ายสีของนราเกต ทุกครั้งที่มองเห็นมันทุกคนก็ต้องหลีกเร้นไม่กล้าสบตาด้วย ดวงตาของเขาเหมือนกับถูกวาดออกมาให้เหมือนต้นแบบ แต่น่าเสียดายที่เหตุการณ์กลับไม่เป็นอย่างทิ่คิด
และเขาก็หลีกเลี่ยงที่จะเปิดเผยมัน...
“เมื่อกี้ผมเห็นคุณผู้หญิงมากับคุณด้วย” จีโอเอ่ยเสียงเรียบ “ใครกันหรือ”
“มองเห็นด้วยสินะ” ซานโตรเลิกคิ้วสูงสองมือล้วงกระเป๋าเสื้อ “จะว่ายังไงดีล่ะ”
“แฟน”
“ไม่ใช่แน่” คนตัวสูงรีบยกมือห้าม “นายเลิกเอาเรื่องยุ่ง ๆ มาให้ฉันทีเถอะ เขาก็แค่เป็นคนไข้แล้วที่ฉันให้มาอยู่ด้วยก็เพราะมีเหตุผลบางอย่าง”
จีโอชำเลืองมองซานโตรราวกับเป็นคำถาม
“นายรู้จักคาเมโอหรือเปล่า”
“รู้จักครับ เขาเป็นมาเฟียที่มีชื่อเสียงในด้านสกปรกชื่อเสียงไม่ค่อยจะดี ค้ายาเสพติดมีอะไรหรือ”
“ไม่รู้เหมือนกัน ฉันไม่ค่อยแน่ใจว่าใช่คนเดียวกันหรือเปล่า แต่หากว่าใช่จริง ๆ ล่ะก็ ลูเซียนาก็คงไม่ใช่คนไข้ธรรมดาอีกแล้ว”
“อาจจะเป็นอย่างนั้น” จีโอเอ่ยเบา ๆ “ถ้าคุณซานโตรต้องการทราบล่ะก็สั่งผมมาคำเดียวอีกไม่เกินสามวันเราน่าจะข้อมูลเพิ่มเติม”
“ไม่ต้องหรอก ลูเซียนาหลอกถามได้ง่าย ๆ เพียงแต่ฉันใช้คำพูดแต่ไม่กี่คำเธอก็ตกหลุมเกือบหมด” ซานโตรเหยียดยิ้มหัวเราะออกมาเบา ๆ “หลอกง่ายจริง ๆ”
จีโอเหยียดยิ้มบาง ๆ ดูท่าว่านิสัยจะแก้ไม่หายสักที
“คุณยังไม่ได้ตอบผมเลยนะครับ”
ซานโตรยกปลายนิ้วจรดแว่นตา ดูท่าว่าครั้งนี้เขาคงมีทางเลือกไม่มากนัก
“ถ้าคุณยอมตกลงไปเยี่ยมคุณแองเจโล เขาคงไม่บากหน้ามาสั่งผมหรอก”
“นั่นสินะ”
“คุณซานโตร”
“อาการแย่เลยหรือ จะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน” น้ำเสียงของซานโตรเครียดขรึมลง
“อย่างมากก็แค่ครึ่งปี..หรืออาจเร็วกว่านั้น”
ซานโตรมีสีหน้าสลดลง ความจริงนี่อาจเป็นช่วงเวลาเร็วนักที่ชายอายุเกือบหกสิบปีจะลาโลกไปด้วยโรคหัวใจ ช่วงเวลาหนึ่งที่เขาอาจเลือกหนทางให้กับชีวิตด้วยการเป็นหมอ แต่สุดท้ายอาชีพนั่นก็ได้กลายเป็นทางเลือกระหว่างการรักษาคำพูดและการตัดกองมรดก
ใบหน้าหล่อเหลาไม่มีอะไรต้องเสียใจ จะมีก็แต่มรดกทางสายเลือดที่สุดท้ายแล้วก็ตัดกันไม่ขาด เพราะหลังจากนั้นไม่นานก็เริ่มมีข่าวคราวและความคาดหวังที่จะให้ซานโตรกลับไปรับตำแหน่ง แน่ล่ะ...ซานโตรไม่คิดที่จะกลับไปรับตำแหน่งที่จมอยู่ในกองเลือดนั่นและออกปากปฏิเสธไปตั้งแต่วันแรก
สายเลือดย่อมข้นกว่าน้ำ
ข้อนี้...เขาเองก็ย่อมรู้ดี
“ก็เกิดว่ามีใครสักคนบริจาคให้ ผมก็ยินดีที่จะช่วย เพียงแต่...” จีโอหลุบตาลงต่ำ
“อาการทรุดลงหนักมากสินะ”
“ครับ”
ซานโตรถอนหายใจยาว...บางทีนี่อาจเป็นทางเลือกสุดท้ายแล้ว
“เอาล่ะ ฉันจะกลับไปคิดดู...บางทีจะลองไป”
คำตอบนั่น ทำให้จีโอยิ้มกว้างทันที
“ครับ ยินดีต้อนรับคุณกลับมา” ชายหนุ่มค้อมศีรษะ “ผมจะกลับไปรายงาน ลาก่อน”
เพียงแค่สายลมพัด จีโอผู้สวมสูทชุดดำก็เดินหายไปจากบริเวณนั้นทันที ซานโตรรู้ดีว่าไม่มีใครตามหาจนพบนอกจากจะกลายเป็นศพไปแล้ว...
..ไม่นานนักซานโตรก็เดินกลับมา ลูเซียนาเอียงคอมองอย่างสงสัย
“ไปไหนมาคะ ฉันพยายามองหาแต่ก็ไม่เจอ”
“แค่มีธุระบางอย่างต้องไปทำ” ซานโตรเดินเข้าไปนั่งฝั่งตรงกันข้ามเธอ “ตอนนี้เริ่มหิวขึ้นมาหน่อย ไหนล่ะคุณสั่งอะไรมาทาน”
“มักกะโรนีราดซอสมะเขือเทศนะค่ะ แล้วก็มีเฟตูชิเนราวิโอลี คุณลองทานดูสิ” ดวงหน้าน่ารักผมยาวเป็นลอนคลื่นยาวจรดกลางหลังยิ้มรับ
“แล้วคุณล่ะไม่กินหรือ”
“ก็รอคุณอยู่ไงคะ ทานอาหารคนเดียว มันไม่อร่อยเท่ากินกันสองคนหรอก”
ซานโตรยิ้มบาง ๆ ลองใช้ส้อมตักซอสมะเขือเทศกับเส้นมักกะโรนีใส่จานของเธอ
“งั้นก็กินซะสิ จะมัวรออะไรอยู่ล่ะ”
ลูเซียนาจึงทานอาหารที่อยู่ตรงหน้า ระหว่างนั้นซานโตรชำเลืองมองเธออยู่ห่าง ๆ หญิงสาวผมยาวเป็นคลื่นดูราวกับเด็ก ๆ หน้าตาน่ารักก็มีแพขนตาหนารับริมฝีปากระเรื่อ ยามที่เธอจ้องมองมาด้วยรอยยิ้ม ซานโตรก็อดนึกไม่ได้ว่าในโลกใบนี้จะมีผู้ชายเลวร้ายแค่ไหนกันนะที่กล้าลงมือทำร้ายเธอ
“เป็นอะไรไป”
“เปล่า แค่กำลังคิดอะไรเพลิน ๆ อยู่” เขาเหยียดยิ้ม
ระหว่างที่ทานอาหารเสร็จไปพักใหญ่ ระหว่างนั้นซานโตรมองดูลูเซียนาพลางคิดว่าถ้าแองเจโลมีลูกสาวแบบนี้อยู่ เธอจะเลือกแบบไหนระหว่างการที่เผชิญหน้าหรือว่าการหันหลังกลับ
“ลูเซียนา คุณมีครอบครัวหรือเปล่า”
ลูเซียนาชะงักไปทันที เงยหน้ามองเขาพร้อมกับคำถาม
“ฉันมีพ่อคนหนึ่งค่ะท่านเพิ่งเสียชีวิตไปได้ไม่นาน...ส่วนแม่ท่านจากไปนานแล้ว”
“ผมเสียใจด้วยนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันชินซะแล้ว”
“แล้วก็เกิดว่าคุณพ่อของคุณ เป็นคนร้ายกาจทำแต่เรื่องชั่วช้าล่ะคุณจะทำยังไง...ขอโทษนะพอดีผมมีเรื่องสำคัญให้คิดนิดหน่อยน่ะ” ซานโตรเอ่ยเสียงเรียบ
ลูเซียนาอึ้งไปพักหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามออกมาเบา ๆ
“คนไข้ที่คลินิกคุณเจอคนแบบนี้เหรอคะ”
“ก็ไม่เชิง แต่ผมค่อนข้างสนใจในคำตอบนะ”
“ถ้าเป็นฉัน...ถึงเขาจะเลวสักแค่ไหนหรือทำเรื่องชั่วช้ายังไง ฉันก็จะยอมรับเขาว่าเป็นพ่อค่ะ”
คำตอบของลูเซียนาไม่ต่างไปจากที่เขาคิดมากนัก ซานโตรลอบยิ้มบาง ๆ
“ไม่ว่าชั่วช้ายังไงรึ”
“ค่ะ”
“ฆ่าคนหรือไม่ยาเสพติดแบบนี้...คุณยังจะเรียกเขาว่าพ่อได้อยู่หรือเปล่า”
ลูเซียนาจ้องมองเข้าไปดวงตาสีน้ำตาล ทุกครั้งที่มองเห็นแววตาคู่นั้นของเขาเธอไม่รู้ว่า...คำพูดของนายแพทย์หนุ่มควรเชื่อหรือไม่ หญิงสาวกลืนก้อนแข็ง ๆ ลงในลำคอ
“ค่ะ...ฉันเชื่อว่าคนเราทุกคนต้องมีเหตุผลส่วนตัวค่ะ”
“คุณพูดถูก คนเราทุกคนต้องมีเหตุผลส่วนตัวเหมือนกันหมด” ซานโตรลอบยิ้ม “แต่มันก็ไม่ใช่สำหรับทุกคน”
หญิงสาวน่ารักผมเป็นลอนสวยขมวดคิ้วเมื่อยินเขาพูดถึงแต่ประโยคนี้
“ฉันตอบอะไรผิด”
“เปล่า คุณตอบถูกแล้ว”
“รู้อะไรมั้ยคะ เมื่อกี้ตอนฉันได้ยินเรื่องที่คุณเล่ามันทำให้ฉันคิดถึงเรื่องบางอย่าง” ลูเซียนาเอ่
“เรื่องอะไร”
“ก็เรื่องเล่าที่เกี่ยวกับชายผู้ไม่ต้องการบิดาไงล่ะคะ อยากฟังหรือเปล่า”
ซานโตรรวบช้อนส้อมเข้าด้วยกัน พลางหันไปหาแก้วน้ำดื่ม
“เล่ามาสิ”
“ฉันเคยได้ยินเรื่องเล่าเกี่ยวกับชายผู้ขยันขันแข็ง ทุกคนชายคนนี้ก็จะไปรับจ้างทำงานอาบเหงื่อต่างน้ำไปวัน ๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเก็บเงินเปิดร้านอาหารอิตาเลียนได้” ลูเซียนาเล่า “แต่ทุก ๆ วันบิดาของชายผู้นี้แกมีขาพิการเดินไปไหนมาไหนไม่ได้ ได้แต่นั่งรอความตายไปวัน ๆ”
ลูเซียนานัยน์ตาหลุบลงต่ำ
“ไม่นานชายผู้นี้ก็นึกอกตัญญู ว่าเมื่อไหร่จะเสียชีวิตไปเสียเขาจะได้ไม่ลำบาก”
ซานโตรมองดูลูเซียนาเล่าให้ฟังโดยสงบ
“แต่ว่าไม่นาน..” เธอเอ่ยปาก “ร้านที่ชายผู้นี้กำลังจะเปิดร้านอาหารอิตาเลียนก็เกิดขัดสนเงินทอง ไม่มีเงินมาปรับปรุงร้านทั้งที่เป็นโอกาสสุดท้าย ภายในหนึ่งอาทิตย์ร้านของเขาก็จะเปิดขาย...”
“...ในขณะที่เขากำลังลำบากอยู่นั่นเอง พ่อพิการของเขาก็ถือเงินมาก้อนหนึ่ง พร้อมกับพูดว่า ‘เงินนี่น่ะ พ่อเป็นคนหาอาจจะเป็นเงินสุดท้ายในชีวิต แต่ในที่สุดพ่อก็ได้ให้ผู้เป็นลูกเก็บเอาไว้ใช้เปิดร้าน ลูกเขาได้ยินแล้วถึงกับน้ำตาไหล ไม่คิดว่าเงินก้อนสุดท้ายนี้จะเป็นเงินเก็บที่พ่อให้ เอาไว้ใช้ยามที่ตัวเองลำบาก”
ลูเซียนาเหยียดยิ้มออกมา
“ยามที่เราลำบาก สุดท้ายท่านก็ยังรักเราอยู่ดี”
ซานโตรหรี่ลงต่ำราว คำพูดของลูเซียนาเปรียบเสมือนกระแสน้ำที่ไหลเย็นที่เอ่อล้นเข้ามาปลอบประโลมหัวใจอันด้านชาของเขา ในขณะเดียวกันคำพูดที่ออกมาจากหัวใจเธอก็บริสุทธิ์และงดงามเกินกว่าที่จะออกมาจากปากหญิงสาวตัวเล็ก ๆ ซึ่งตรงกันข้าม...
กับหัวใจที่ด้านชาของเขา
“นั่นสิ” เธอตอบยิ้ม ๆ “เอาล่ะ เห็นทีเราคงต้องไปพิพิธภัณฑ์ศิลปะอุฟฟิซีกันเสียที”
ซานโตรลุกขึ้นจากโต๊ะ หญิงสาวจึงลุกตามแล้วออกเดินตามไปจนทัน ไม่บ่อยครั้งนักที่หญิงสาวถูกพามาเที่ยวพิพิธภัณฑ์ของเมืองฟลอเรนซ์ ชื่อเสียงของที่นี่กับรูปภาพต่าง ๆ ที่ถูกนำมาจัดแสดง ทำให้ลูเซียนานึกถึงศิลปินที่หัดวาดเขียนอยู่ตามริมถนนแล้วมีชื่อเสียงก้องโลกเสียเหลือเกิน
พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งนี้แห่งนี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ ในตอนแรกยุคโคสิโมที่ 1 ได้ว่าจ้างให้จิออร์จิโอวาซารีเป็นผู้ออกแบบและดูแลการสร้างในช่วงปลายศตวรรษที่ 16 พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งนี้แบ่งเป็นออกเป็น 45 ห้อง ไล่ตามลำดับ มีทางเดินไปสู่ที่ทำงาน ยาวไปถึงสะพานเวคคิโอไปจนถึงอีกฟากหนึ่งของแม่น้ำอาร์โน ผ่านไปที่ด้านในของโบสถ์ ภายในมีภาพเขียนให้ชมกว่าหนึ่งพันภาพ เป็นศิลปะในสมัยศตวรรษที่ 17-18
ลูเซียนามองภาพฤดูใบไม้ผลิ เป็นภาพการเต้นรำของนิมฟ์และเหล่าเทพในสวนดอกไม้อันงดงาม ซานโตรเดินเข้าไปใกล้พลางกระซิบ
“นี่เป็นภาพของ Primavera คุณสนใจหรือ”
“ค่ะ มันสวยงามมาก ๆ เลย”
“ถ้าคุณเคยเห็นภาพวีนัส อาจจะคุ้นตามากกว่านี้”
“วีนัสที่อยู่บนเปลือกหอยเหรอคะ”
“ใช่”
“ฉันชอบดูศิลปินวาดภาพเหมือน ภาพนี้เป็นของดยุคและดัชเชสแห่งเออร์บิโน ดวงตาของพวกเขาดูราวกับมีชีวิตอยู่และกำลังมองมาที่เราราวกับภาพวาด” ลูเซียนากระซิบแผ่ว
“ชอบดวงตาสินะ”
“ค่ะ มันให้ความรู้สึกที่บอกไม่ถูก”
“ถ้าสายตาของคนที่ถูกวาดไม่บ่งบอกถึงอารมณ์ใด ๆ ก็คงดี แต่ถ้า...ในเวลานั้นเขาเกิดมีความรัก หรืออาจจะเก็บซ่อนความเกลียดชังหรือความเก็บกด คุณเองจะดูออกหรือเปล่า”
“คุณหมายความว่ายังไงคะ”
“มีคนบอกว่าศิลปินอาจหมายถึงตัวเราในบางขณะ ผมแค่อยากรู้ว่าเขาจะคิดเหมือนคุณหรือเปล่า” ซานโตรจ้องมองรูปภาพหญิงสาวที่กำลังมองมายังเขา
ลูเซียนามองตรงไปยังภาพวาด สายตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความหลงใหล ในบางครั้งอาจจะพูดได้ว่าจุดหมายของสายตามีความน่าสนใจหรือไม่ก็สิ่งที่น่าค้นหาในความแตกต่าง
“ไม่ทราบเหมือนกัน”
“เพราะอะไร”
“เพราะคนที่ถูกวาดภาพ สายตาจ้องไม่รู้ว่ามองไปทางไหน อาจเป็นศิลปินหรือว่าบางครั้งอาจหมายถึงคนที่ยืนอยู่ด้านหลังไม่ก็วิวทิวทัศน์ก็ได้” ลูเซียนาหันกลับไปมองที่ด้านหลัง “บางครั้งเราก็ไม่รู้ว่าอะไรทำให้เขามีสายตาน่าดึงดูดใจได้ เหมือนอย่างคุณไง”
ซานโตรขมวดคิ้วมุ่นอย่างสงสัย
“ผมหรือ”
“ใช่ค่ะ มีหลายครั้งที่ฉันเคยเห็นคุณซ่อนรอยยิ้ม ดูภายนอกเหมือนจะเป็นคนอารมณ์ดี แต่ความจริงภายในใจอาจมีอะไรหลายอย่างที่เราไม่อาจรู้ได้....บางที ฉันก็คิดว่าคนเราก็มีบางส่วนเหมือนกัน ที่ไม่ต้องการเปิดเผยออกมาให้คนอื่นได้ยิน”
ใบหน้าหล่อเหลายิ้มบาง ๆ เหมือนเช่นเดิม หลายครั้งเธอมองเห็นริมฝีปากของเขาเผยยิ้มออกแต่ทว่า...ดวงตาทอประกายกลับไม่เป็นอย่างที่คิด
...มันเพราะอะไรกัน
“คงไม่มีใครตอบได้นอกจากเขาเอง”
“ฉันเดาเอาค่ะ คิดถึงความเป็นไปได้กับคำตอบที่คุณอยากรู้” ใบหน้าน่ารักผมยาวเป็นคลื่นเอ่ยยิ้ม “แต่ถ้าถามถึงงานที่ศิลปินระดับโลกวาด ฉันคงตอบอะไรไม่ได้จริงเพราะความรู้ไม่ถึง”
“แค่นี้ก็ถือว่าเก่งแล้ว ไม่มีใครตอบได้อย่างคุณหรอก”
ลูเซียนายิ้มบาง ๆ
“คิดอะไรก็ตอบไปอย่างนั้น ว่าแต่...”
“ว่ายังไง”
“คุณละคะ....เวลานี้จริง ๆ แล้วมีรอยยิ้มหรือเย็นชากันแน่”
ดวงตาสีน้ำตาลของซานโตรทอประกายวูบขึ้นมานิดหนึ่งก่อนจะกลับคืนสู่ความปกติ ภายใต้แว่นตากรอบหนาเขาแทบไม่คิดว่าจะมีใครในโลกที่มองเห็นตัวตนของเขาก็ซ่อนไว้ไม่ให้คนอื่นรู้ ความเย็นชาและความว่างเปล่าของตัวตนของเขา คือสิ่งที่ซานโตรเก็บซ่อนเอาไว้ภายใต้หน้ากากแห่งรอยยิ้ม ส่วนการที่จู่ ๆ มีหญิงสาวหน้าตาน่ารักเส้นผมยาวสลวย ดวงตากลมโตบริสุทธิ์มาพูดตามตรง
ค่อนข้างที่จะดูยากเกินหยั่งถึงไปหน่อย
“แล้วคุณเห็นผมว่าเป็นยังไงล่ะ” ซานโตรนึกสนุก “เย็นชามากกว่ารอยยิ้มที่พยายามแสดงออกหรือ”
“เปล่าค่ะ แค่สงสัยว่ารอยยิ้มของคุณช่างดูแตกต่างกับดวงตาสีน้ำตาลที่ดูเย็นชา”
“แตกต่าง”
“ค่ะ บางครั้งฉันก็มองเห็นคุณยิ้ม แต่บางทีก็มองเห็นดวงตาเย็นชา...บางครั้งสิ่งที่ฉันตอบอาจจะมาจากตัวคุณก็เป็นได้” ลูเซียนาประสานดวงตาของเขา
ซานโตรลอบยิ้มโดยการขยับแว่นตาเบา ๆ
“นี่ล่ะมั้ง ที่เขาชอบพูดกันว่าใจหญิงยากเกินหยั่งถึง”
“ยากเกินหยั่งถึงตรงไหนคะ” คำพูดของเขาทำเอาเธอไม่พอใจ
“ก็นิสัยชอบเอาเรื่องเอาราวมาเรียงกัน แล้วชอบพูดว่าเพราะเธอไม่มีเหตุผลยังไงล่ะ”
ลูเซียนาหน้าแดงจัดไปถึงใบหู
“อย่ามาพาลกันนะ ฉันแค่สงสัยเท่านั้นเองแต่ถ้าคุณไม่ยอมบอกใครจะไปรู้”
“นั่นสินะ...” ซานโตรขยับปลายนิ้วดึงแว่นตาออกห่างทางปลายจมูก หญิงสาวมองดวงตาของเขาในความมืดสลัวเงาสะท้อนสีน้ำตาลหม่น แลดูเย็นชาและมีบางอย่างที่น่าค้นหา หญิงสาวถูกสายตาของเขาจ้องมอง ไม่อาจฝืนหรือก้าวห่างออกมาได้เลยแม้แต่น้อย
“ตอนนี้คุณเห็นใบหน้าผมชัด ๆ แล้ว พอจะบอกได้หรือเปล่าว่าผมยิ้มหรือว่าหลอกลวงคุณ” ซานโตรเอ่ยเสียงเรียบนัยน์ตาเป็นประกาย
ลูเซียนารู้สึกเหมือนโดนดึงดูดเข้าไปดูนัยน์ตาคู่นั้น เธอบอกไม่ถูกว่ากำลังถูกดึงหรือว่าควรจะหนี
แต่สิ่งหนึ่งที่เธอจะบอกได้ คือรอยยิ้มนั้นดูแตกต่างไปจากดวงตาเย็นชาคู่นั้นอย่างชัดเจน...
“นัยน์ตาของคุณมันเย็นชาค่ะ” เธอบอกเบา ๆ
“อย่างนั้นหรือ...” ซานโตรเหยียดยิ้ม “ถ้าเช่นนั้นถ้าผมมองเข้าไปใกล้ ๆ คุณล่ะ”
“เอ๊ะ”
ซานโตรไม่ปฏิเสธก่อนจะดึงไหล่บางของใบหน้าน่ารักมีเส้นผมเป็นคลื่นจรดกลางหลังเข้าไปใกล้ด้านหลังของเสา ลูเซียนาลืมตาโตเมื่อถูกเขาโน้มลงมาประกบเรียวปากชนิดที่ว่าไม่มีช่องว่าง ปลายลิ้นอุ่นจัดชำแรกผ่านเข้าไปควานหาความหวานภายใน หญิงสาวหลับตาแน่นพยายามดันเขาออก ทว่าซานโตรกลับแทรกริมฝีปากไปด้านข้างไม่ให้เธอถอยหนี รอยจูบครั้งนี้คือความตั้งใจของซานโตรที่ต้องการแนบสนิทเรียวปากนุ่มละมุน ความอ่อนหวานนุ่มละมุนบังคับให้เธอต้องถอยหนีและเหวี่ยงมือเข้าที่แก้มขวาของซานโตรเต็มแรง
“คนเลว บ้าที่สุด”
ซานโตรยกมือขึ้นจับข้อมือของเธอไว้เต็มแรง พร้อมกับยิ้มบาง ๆ
“นี่ยังไงล่ะ สิ่งที่คุณอยากเห็น แต่น่าเสียดายที่ผมเป็นหมอไม่ใช่มาเฟียที่คุณกำลังฝัน
“อะไรนะ”
“บอกไว้ก่อน ถ้าคราวหน้ายังเป็นแบบนี้อีก ผมจะไม่รับประกันคุณอีกต่อไป”
ดวงตาของเขาแจ่มชัดและเย็นชา
เหมือนกับสิ่งที่เขาพูดถึง ‘มาเฟีย’ เหลือเกิน..
“เป็นอะไร หน้าคุณเหมือนคนไม่ได้นอนมาตลอดคืน”
ซานโตรเดินล้วงกระเป๋ากางเกงเดินตามลูเซียนาก็เดินตรงดิ่งเข้ามายังทางเดินไปคลินิกโดยไม่ยอมพูดจาอะไรเลยสักคำ เธอกำลังโกรธคนตัวสูงที่บังอาจขโมยจูบเธอ เธอเม้มริมฝีปากขณะเดินข้ามถนนโดยมีซานโตรคว้าจับแขนพาเดินข้ามไปโดยไม่สนใจลูเซียนาก็พยายามจะขัดขืน
“ปล่อยนะ นี่ปล่อยสิ”
พอมาถึงซานโตรก็ปล่อยมือทันที พร้อมกับยักไหล่เบา ๆ
“ได้สิ ทีนี้ช่วยบอกเหตุผลหน่อยว่าทำไมถึงได้ทำหน้าอย่างนั้น”
“ยังจะถามอีกเหรอ”
ซานโตรเลิกคิ้วสูงเป็นเชิงประหลาดใจ
“คุณยังโกรธเรื่องผมจูบ”
“คุณขโมยจูบ” ลูเซียนาเน้นย้ำหน้าแดง
“นั่นแล้วแต่คุณจะคิด เอาล่ะแต่ถ้าคุณจะโกรธก็หัดโกรธตัวเองหน่อยเถอะ ที่มาเน้นย้ำเรื่องดวงตาของผมว่าเย็นชา” ใบหน้าหล่อเหลาเหยียดยิ้ม
“นี่คุณ...”
“หรือจะให้ผมพูดว่าที่คุณพูดอย่างนั้นไม่ได้หวังผล”
“คนบ้า ๆ นี่หัวสมองของคุณคิดเป็นแต่เรื่องอย่างนี้หรือ” ลูเซียนาเริ่มโมโหจริง ๆ ก็คราวนี้ “ที่ฉันถามน่ะ ต้องการจะรู้ถึงสิ่งที่คุณกำลังคิดอยู่ต่างหาก แต่การกระทำของคุณมันเกินรับได้จริง ๆ”
“งั้นเหรอ ขอโทษจริง ๆ ที่ผมเข้าใจผิด”
“อะไร”
“ที่เข้าใจผิดคิดว่าคุณหวังอย่างหลัง”
“ฝันไปเถอะ อย่าหวังว่าฉันจะรื้อฟื้นถึงมัน”
ลูเซียนาหน้าหงิกหันหลังกลับเดินตรงไปยังคลินิกที่เปิดรออยู่ ซานโตรมองตามพลันยิ้มบาง ๆ เดินตามไปติด ๆ ภายในมีแสงไฟสีขาวสาดส่อง เวลานี้เป็นเวลาเป็นเวลาที่คลินิกปิดประตู ซานโตรไขกุญแจเข้าไปในช่องแล้วหมุนสลัก ภายในมีฝ้าสีขาวและพื้นสะอาด หากแต่เวลานี้ลูเซียนากลับหวนคิดเป็นกังวลว่ายังไง ๆ เขาก็เป็นผู้ชายแล้วเธอก็เป็นผู้หญิงอีกอย่างวันนี้เขาก็จูบเธอ
...แล้วแบบนี้จะอยู่ด้วยกันได้หรือ
“แถวนี้น่าจะมีห้องพักบ้างนะ” เธอบ่นเบา ๆ แต่ซานโตรหันหลังมาตอบชัดเจน
“ก็มีอยู่ แต่ว่าค่าจ้างผู้ช่วยแพทย์คงไม่พอจ่ายหรอกนะ”
ลูเซียนาสะดุ้งโหยง จ้องหน้าเขาราวกับจะหาเรื่อง
“รู้อยู่แล้ว ไม่เห็นจะต้องพูดเลย”
ซานโตรเหยียดยิ้มพลางส่ายหน้าด้วยความระอาใจ เขาถอดเสื้อตัวบนออกสองสามเม็ดพลางเปิดตู้เย็นเอาน้ำเย็นมาดื่ม ใบหน้าคมคายเริ่มมีร่องรอยโกนเล็กน้อย เส้นผมก็ยาวจรดต้นคอ แม้จะพูดว่าซานโตรคือคน ๆ เดียวกับอีตานายแพทย์ซอมซ่อคนนั้น ลูเซียนากลับมองเห็นเขาเป็นพวกซ่อนรูปแลดูดีเป็นพิเศษจริง ๆ เธอมองเขาเพลินอยู่ ๆ ก่อนที่ซานโตรจะหันสบตาแล้วยิ้มให้ ลูเซียนาสะดุ้งหันไปมองทางอื่นทันที
แย่จริง นี่เธอคิดอะไรอยู่นะ...
“อยู่ที่นี่เองหรือ...”
ชายผิวสองสีมีรอยเลือดอยู่ที่ริมฝีปาก รอยแผลจากการถูกมีดแทงที่หัวไหล่มีรอยเลือดซึมออกมา ใบหน้าแสยะยิ้มบนเรียวปากขณะที่ตัวของเขากุมแขนซ้ายเปรอะเปื้อนไหลเป็นทาง เดินตรงดิ่งเข้าไปเปิดประตูคลินิกและเดินโซซัดโซเซเข้าไป ลูเซียนาหันมาเห็นเข้าหน้าตาน่ารักซีดเผือด รีบวิ่งเข้ามาช่วยประคองทันที
“คุณเกิดอะไรขึ้นคะ”
“ฉันเกิดมีเรื่องแล้วโดนแทง...แขนซ้ายนี่เกือบจะขยับไม่ไหวอยู่แล้ว”
“ช่วยขึ้นไปนั่งที่บนเตียงก่อน”
ชายผิวสองสีไม่พูดอะไร ก่อนจะขึ้นไปนอนบนเตียงอย่างว่าง่าย สายตาของเขาชำเลืองมองเธอในขณะที่ลูเซียนาเริ่มหันไปหยิบเอาสำลีเช็ดบาดแผล
“เกิดอะไรขึ้น” ซานโตรเห็นคนไข้จึงเดินออกมาหา
“คน ๆ นี้บาดเจ็บค่ะ ช่วยดูบาดแผลให้หน่อย”
ซานโตรชำเลืองมองไปยังชายผิวคล้ำที่ตอนนี้หลบวูบสายตาไปทางอื่น เขายื่นมือไปจับแขนซ้ายแล้วถลกแขนเสื้อเพื่อดูรอยแผลที่บาดเจ็บ หลังจากมองเห็นรอยแผลคิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากัน เพราะเมื่อดูบาดแผลแล้วดูท่าว่าคนไข้รายนี้จะมีอะไรบางอย่างผิดปกติ
“คุณมีเรื่องมารึ”
“ใช่”
“คุณน่าจะไปที่ตำรวจสืบสวนมากกว่า ไม่ใช่มาที่นี่”
คำตอบของเขาทำให้ชายผิวสองสีหน้านิ่วคิ้วขมวด ชำเลืองมองสายตาไปยังแพทย์หนุ่มราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ก่อนจะขยับแขนขวากำไหล่ซ้ายด้วยท่าทางที่เหมือนคนเจ็บ
“แขนซ้ายของผมขยับไม่ได้ ผมจะไปหาตำรวจได้ยังไง ก่อนอื่นก็ต้องมาหาหมอให้ช่วยเอาออกก่อนสิรีบช่วยเร็ว ๆ หน่อยเถอะ เจ็บจะตายอยู่แล้ว” มันร้องลั่น
ลูเซียนากุมแขนเสื้อซานโตรพร้อมกระซิบแผ่ว
“ก่อนอื่นเราช่วยเอามีดออกให้ก่อนเถอะค่ะ ปล่อยไว้นานจะอักเสบเอา”
“นั่นสิ” ซานโตรหลุบตาลงต่ำ “ถ้าอย่างนั้น ฝากคุณช่วยทำแผลให้เขาหน่อยละกัน”
“ค่ะ”
ซานโตรเป็นฝ่ายเดินเข้าไปในห้องอุปกรณ์ ทิ้งให้ดวงหน้าน่ารักผมยาวเป็นคลื่นสลวยอยู่ภายในห้องกับคนไข้ตามลำพัง ชายผิวสองสีเหลือบตามองเธอขณะที่หญิงสาวใส่ยารักษาบาดแผลให้ รอยเจ็บที่บาดแผลยังเทียบกันไม่ได้เลยเมื่อสิ่งนั้นนำพาเขาให้มาที่นี่...
“เธอมาทำงานอยู่ที่นี่นานแล้วหรือ” เสียงของเขาแหบห้าว
“เปล่าค่ะ เพิ่งมาที่นี่ได้สองวัน” ลูเซียนาเอ่ยปากพลางเช็ดแผลเขาเบา ๆ “อาจจะเจ็บเล็กน้อยนะคะ”
ชายผิวสองสีนิ่วหน้ากัดริมฝีปาก ขณะที่เธอกำลังหันหลังไปล้างมือ คนไข้ผู้นี้ก็ได้โอกาสที่จะล้วงมือเข้าไปยังที่ซ่อนเพื่อหยิบผ้าเช็ดหน้าที่มียาสลบ เขารอจนกระทั่งลูเซียนาหันกลับมาแล้วโปะยาสลบจนได้โอกาสลากตัวออกไป หญิงสาวหันหลังกลับมามองแล้วก็ต้องตกใจ เมื่อชายนัยน์ตาวาววับโผเข้าใส่พร้อมผ้าในมือทันที
“หลับซะเถอะ” ชายผู้นั้นตะโกน
ลูเซียนาหวีดร้องพร้อมกับยกมือขึ้นป้องกันทันที
“อย่านะ”
โชคดีที่ซานโตรคอยระวังอยู่แล้วก้าวเท้าเข้าช่วยเอาแขนบังเอาไว้ ลูเซียนาถูกดึงไปซ่อนตัวเอาไว้ด้านหลังในขณะที่ชายผิวสองสีกัดฟันด้วยความแค้น ซานโตรจึงสวนหมัดขวาเข้าใส่ใบหน้านั้นสุดแรงจนร่างบึกบึนนั่นร่วงไปชนกับอุปกรณ์แตกเกลื่อนกระจาย
“น่าเสียดาย นายแพทย์ที่นี่ไม่ชอบแขกที่ไม่ได้รับเชิญ” เขาเอ่ยยิ้มขณะชายผิวกร้านแดดยกหลังมือเช็ดเลือดที่ไหลออกจากปากเบา ๆ
“ให้ตายเถอะ นายนี่มันมารคอหอยจริง ๆ”
ตะโกนลั่นจบ ชายผิวคล้ำก็ฉวยหยิบเอามีดด้ามเล็กที่วางอยู่ข้างกายขึ้นมากระโจนเข้าใส่กลางอกของอีกฝ่าย ลูเซียนาร้องตะโกนบอกให้เขาหลบ แต่ซานโตรเพียงแต่มองดูชายที่พุ่งตรงมาจากนั้นก็เบี่ยงตัวหลบแล้วใช้เท้าค้ำยันขาอีกกรฝ่ายจนเขาล้มลงไปกับพื้นอุปกรณ์แตกกระจายเกลื่อน
“น่าเสียดายนะ ที่ค่ารักษานายยังไม่เท่าค่าขวดยาที่แตกกระจายเกลื่อนเล
“แก ไปลงนรกซะ”
ชายผิวคล้ำพุ่งมีดเข้าหาใส่กลางอกของซานโตรแต่เขาก็เบี่ยงกายหลบได้อย่างคล่องแคล่ว ลูเซียนามองภาพเบื้องหน้าด้วยความตกใจ ซานโตรเบี่ยงกายหลบทั้งซ้ายและขวาราวกับมือโปรหรือไม่ก็เป็นพวกที่ชอบหลบหลีกเรื่องพวกนี้ นายแพทย์ที่มีท่าทางเงียบขรึม เก็บซ่อนความเป็นมืออาชีพได้ถึงขนาดนี้เชียวหรือ
มันเป็นไปได้อย่างไรกัน...
“ซานโตรระวัง” ลูเซียนาร้องตะโกน
ซานโตรเบี่ยงกายหลบไปด้านหลัง แต่ถูกชายผิวสองสีเล่นงานที่ด้านข้างโดยเปลี่ยนมืออีกด้านหนึ่งที่จับด้ามมีดแล้วพุ่งสวนเข้าเต็มแรง โชคดีที่เขาเบี่ยงกายหลบได้อย่างฉิวเฉียดผิวเนื้อที่ฉีกขาดออกไปมีเพียงรอยเสื้อและผิวหนังด้านนอกเท่านั้น ใบหน้าคมคายจึงคว้าข้อมือชายผิวสองสีเข้ามาและสวนเข่าเข้าใส่กลางลำตัวเต็มแรง
“อั่กก”
“ไปนอนเสียดี ๆ เถอะ อย่าให้ฉันต้องออกแรงกับคนไข้มากเกินไปเลย”
“แก ไอ้เลว” ชายผิวสองสีพยายามจะพุ่งมีดเข้าใส่ซานโตร แต่อีกฝ่ายก็คว้ามือเอาไว้ได้ก่อน
“ในเมื่อพูดดี ๆ ไม่รู้เรื่อง งั้นก็ช่วยไม่ได้แฮะ”
พูดจบซานโตรก็สวนเข่าเข้าใส่กลางลำตัวคนไข้เต็มแรง จนคนไข้จุกจนทำมีดร่วงหลุดออกมาจาก นอนลงเอามือกุมท้องรอยแผลบนหัวไหล่ซ้ายก็ชุ่มเลือดจนเจ้าตัวหมดสติลง ซานโตรเป่าลมออกจากปาก มองไปยังสภาพเละเทะในห้องทำแผลแล้วก็ต้องถอนหายใจยาว
“แบบนี้มีหวังเอสตาคงได้บ่นกันยาว”
ดวงหน้าน่ารักผมยาวเป็นคลื่นสลวย ยืนหน้าซีดอยู่ทางด้านหลังเนื้อตัวสั่นเทา
“เป็นอะไร”
“เปล่าค่ะ แค่...ตกใจไม่หายเท่านั้น”
ซานโตรชำเลืองมองเธอที่กำลังมองไปที่คนเจ็บเล็กน้อย เขาก้มลงประคองแขนของคนเจ็บลุกขึ้นไปนอนหงายอยู่บนเตียงทั้งที่ยังหมดสติ จัดการฉีกเสื้อแขนยาวของเขาออกเผยให้เห็นรอยมีดกับรอยเลือดจาง ๆ ดวงตาสีน้ำตาลมองเห็นรูปรอยสลักบนไหล่เสื้อเป็นรูปสัญลักษณ์อะไรบางอย่าง
“นี่มันยาสลบ” เขาถือผ้าเช็ดหน้ามาดม “เขาตั้งใจจะพาคุณไปจากที่นี่ อย่างนั้นใช่ไหม”
ลูเซียนาหน้าซีดเผือด นัยน์ตามองไปทางอื่น
“ฉันไม่ทราบค่ะ”
“งั้นหรือ”
“คิดว่าน่าจะเป็นผ้าเช็ดหน้าที่เขาเก็บติดตัวเอาไว้ และคิดว่าน่าจะใช้โปะคนที่ไม่มีทางสู้เพื่อที่จะนำไปเรียกค่าไถ่ โชคดีที่มีคุณอยู่ด้วย...ไม่อย่างนั้นแล้วฉันก็คงจะโดนพวกมันจับตัวไปเหมือนกัน” ลูเซียนาพยายามกล่าวคำโกหก
“แล้วทำไมเขาถึงจ้องคุณ ไม่ใช่พวกที่อยู่ริมถนน”
“เขาคงจะมาทำแผล แล้วเห็นฉันอยู่คนเดียวน่าจะลงมือได้ง่ายกว่
เธอรู้ดีว่า...
ผู้ชายคนนี้ตามมาเก็บตัวเธอหรือไม่ก็...พยายามนำเธอกลับไปให้ผู้ชายคนนั้น
ซานโตรชำเลืองมองเธอด้วยรอยยิ้ม มองไปในดวงตากลมโตอย่างค้นหา
“ผมก็ว่าอย่างนั้น” เขากล่าวเสียงเรียบ “คุณเองต่อไปก็ต้องระวังตัวหน่อย อย่าให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้”
“เข้าใจแล้วค่ะ”
“เพราะว่าผมเองก็ไม่ได้อยู่กับคุณยี่สิบสี่ชั่วโมง”
น้ำเสียงของเขาดูต่ำลึกกว่าที่เคย ลูเซียนาหันไปมองทางอื่นโดยอัตโนมัติเมื่อเห็นว่าเขาจ้องมองอยู่ คำพูดนั้นอาจตีความหมายได้หลายอย่างคืออาจหมายถึงให้เธอคอยระวังตัวอย่าให้เกิดเรื่องขึ้น หรืออีกอย่างหนึ่งก็คือถ้าวันนี้เขาไม่อยู่บางที...เธออาจจะเสียท่าไปแล้วก็ได้
“รอยแผลนี่เป็นแผลที่เขาน่าจะสร้างขึ้นเอง ไม่ใช่รอยแผลจากการถูกแทง”
“อะไรนะคะ”
“ดูด้ามมีดนี่สิ มันหงายขึ้นไปเหมือนเขาเป็นคนจับแล้วแทงตัวเอง ถ้าเป็นคนอื่นทำน่ะมีหวังคงแทงตรงกลางอกหรือไม่ก็ตัดขั้วหัวใจไปแล้ว” ซานโตรกล่าวเบา ๆ
ลูเซียนามองดูบาดแผล เพิ่งสังเกตเห็นว่ารอยแผลและคราบเลือดดูเหมือนจะตื้นเกินไป
“จริงด้วย เขาทำแบบนี้ทำไม”
“รอให้เขาตื่นก่อนแล้วเราค่อยถามเถอะ” ซานโตรยิ้มบาง ๆ ฉวยหยิบเอาอุปกรณ์ขึ้นมาดึงเอามีดที่ฝังในไหล่เขาออก ลูเซียนาหน้าซีดเผือดรีบหันไปมองทางอื่นทันที ซานโตรชำเลืองมองพร้อมกับเอ่ยเบา ๆ
“คุณออกไปรอข้างนอกก่อนเถอะ”
“แต่ว่า...” ลูเซียนาทำท่าจะอ้าปากค้าน แต่ซานโตรเอ่ยขัด
“เลือดและผ้าพันแผลนี่คงไม่เหมาะกับคุณเท่าไหร่ คุณไปนอนเถอะเอาไว้เขาตื่นขึ้นมาแล้วผมไปจะเรียกคุณ”
ลูเซียนามองไปยังผู้ชายที่ยังหมดสติอยู่บนเตียงกับอุปกรณ์เปื้อนเลือดของเขายังอยู่ในมือ แล้วก็หันหลังกลับรีบวิ่งขึ้นไปชั้นสองปิดประตูเสียงดังสนั่น ซานโตรถอนหายใจยาวมองดูชายผิวคล้ำพลางชำเลืองมองไปที่แขนซ้ายของเขาที่มีสัญลักษณ์เป็นรูปหัวกะโหลกสีแดง
“วาลโลโซหรือ...” เขากระซิบแผ่ว
....ลูเซียนาหลังเข้าไปในห้องและจัดการลงกลอน ภายในหัวสมองของเธอก็พลันหวนคิดไปถึงภาพในอดีตและชายที่กำลังจะทำร้ายเธอ หญิงสาวหลับตาลงแนบแน่นภาพที่ฝังแน่นอยู่ในใจ คือภาพที่โหดร้ายและความอำมหิตของผู้ชายคนนั้น ที่พยายามจะเอื้อมมือเข้ามาหาเธอหวังจะเอาไปครอบครอง ภาพใบหน้าขาวสะอาดเส้นผมสีทอง รูปร่างสูงมีรอยยิ้มที่มุมปากเธอก็ข่มความกลัวไว้ไม่อยู่
“ไม่นะ ออกไปให้พ้น” เธอยกมือขึ้นอุดหู “ฉันไม่มีวันยอมกลับไปเป็นอันขาด”
ชายผู้นั้นหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง...
คาเมโอ !?
“ถ้าให้ฉันเลือก” เธอหลับตาแผ่วเบาแผ่วบาง “ขอให้ฉันอยู่คนเดียวเถอะ...”
ใบหน้างดงามมีเส้นยาวยาวสลวยปล่อยให้น้ำตาไหล ชั่ววินาทีหนึ่งที่เธอใกล้จะหมดความอดทน ใบหน้าคมคายก็หันมายิ้มให้กับเธอเป็นดวงตาที่เย็นชากับรอยเหยียดยิ้มที่เธอคาดว่าไม่น่าจะเห็น เธอลืมตาขึ้นมาช้า ๆ ซานโตรงั้นหรือที่จะช่วยคุ้มครองเธอในเมื่อเขาเป็นแค่คนธรรมดา
ธรรมดาจริงเหรอ...เธอเห็นเขารับมือกับชายคนที่มีมีดได้ราวกับมือโปร
ซานโตรเป็นแค่นายแพทย์ธรรมดาทั่วไปจริง ๆ น่ะหรือ
*****************
เบลินญา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 ต.ค. 2555, 11:15:25 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 ต.ค. 2555, 11:15:25 น.
จำนวนการเข้าชม : 2260
<< ตอนที่ 3 เด็กตัวเล็ก ๆ เธอชื่อดอนนา | ตอนที่ 5 มืดที่คมเหมือนมีดโกน >> |
เบลินญา 16 ต.ค. 2555, 15:11:23 น.
ใบบัวน่ารัก >>> ชอบเหมือนกันค่ะ ^_^
ใบบัวน่ารัก >>> ชอบเหมือนกันค่ะ ^_^
แว่นใส 16 ต.ค. 2555, 17:23:05 น.
เจ้าเล่ห์นะ
เจ้าเล่ห์นะ
ใบบัวน่ารัก 17 ต.ค. 2555, 00:14:44 น.
อยากจ้องมองตาบ้างจัง
อยากจ้องมองตาบ้างจัง
เบลินญา 17 ต.ค. 2555, 09:26:19 น.
ขอบคุณทุกคนมากค่า
ขอบคุณทุกคนมากค่า
Zephyr 24 ต.ค. 2555, 22:36:32 น.
คุณหมอชักจะไม่ใช่คุณหมอเข้าไปทุกทีๆ
คุณหมอชักจะไม่ใช่คุณหมอเข้าไปทุกทีๆ