มนตรากระดังงา
นางพริมา กีรติอนันต์ พัฒนภิรมย์ กับ นายภัทร์ พัฒนภิรมย์ คู่สามีภรรยาที่ครองรักกันมากว่า 6 ปี และมีพยานรักเป็นเด็กชายน่ารัก 2 คน ต้องจบชีวิตคู่ที่เริ่มจากรั้วมหาวิทยาลัยลงเพราะฝ่ายชายไปมีเมียน้อยซึ่งกำลังจะมีลูกสาวด้วยกัน หญิงสาวยอมหย่าให้และยอมเป็นแม่หม้ายในวัยเพียง 30 ปี ชีวิตคู่ที่พังทลายกลับสร้างพริมาคนใหม่ให้แกร่งกว่าเดิม เธอเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวขึ้น กระดังงาลนไฟดอกนี้จึงกลายเป็นที่หมายปองของชายหนุ่มทั้งหลาย รวมทั้งภัทร์ พัฒนภิรมย์ ที่เพิ่งสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของอดีตภรรยา จนทำให้ความรักที่เขาคิดว่าได้มอดเชื้อไปแล้วนั้นปะทุขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
รักครั้งใหม่กับคนเดิมจะสมหวังได้หรือไม่ เพราะฝ่ายชายก็มีครอบครัวใหม่แล้ว ส่วนฝ่ายหญิงก็มีชายหนุ่มมากมายมาเข้าแถวให้เลือก อานุภาพของความรักจะประสานรอยร้าวของหัวใจสองดวงให้กลับมาหลอมเป็นหนึ่งเดียวได้อีกครั้งหรือไม่ โปรดติดตาม......อาทิตา
รักครั้งใหม่กับคนเดิมจะสมหวังได้หรือไม่ เพราะฝ่ายชายก็มีครอบครัวใหม่แล้ว ส่วนฝ่ายหญิงก็มีชายหนุ่มมากมายมาเข้าแถวให้เลือก อานุภาพของความรักจะประสานรอยร้าวของหัวใจสองดวงให้กลับมาหลอมเป็นหนึ่งเดียวได้อีกครั้งหรือไม่ โปรดติดตาม......อาทิตา
Tags: รักร้าว มีเมียน้อย คืนดี
ตอน: ตอนที่ 15......70% แล้วค่ะ
ดีใจมากมายที่เปิดมาเจอเม้นต์กระจาย...ชื่นจาย ๆๆ ขอบคุณนะคะ
และขอบคุณเป็นพิเศษสำหรับท่านที่ช่วยท้วงติงคำที่ใช้ผิด สะกดผิด รวมทั้งพวกสำนวนที่ใช้คลาดเคลื่อนด้วยนะคะ คนเขียนไม่มีเวลาได้ตรวจทานเลยค่ะ เขียนเสร็จอ่านผ่าน ๆ ก็โพสเลย กลัวคนอื่นต้องรอนาน อิๆ ขอบคุณมาก ๆ ค่ะที่ทักท้วงมา
ช่วงนี้อาจหายบ้างช้าบ้างนะคะ แต่จะพยายามมาอาทิตย์ละครั้งเป็นอย่างน้อย ภาระงานเยอะแยะไปหมด ขอบคุณที่เข้าใจกันนะคะ
ส่วนอีกคนที่หน้าตาห่างไกลจากคำว่าความสุขอยู่มาก เพราะต้องเสียของรักทั้ง ๆ ที่ยังรักอยู่ไม่น้อย หน้าตาเลยปราศจากรอยยิ้มที่เคยใช้กระชากใจสาว ๆ มามากต่อมาก ภัทร์ไม่ได้ตั้งใจให้ชีวิตคู่ต้องจบลงแบบนี้เลยสักนิด…….....ถ้าแม่ของเขาไม่บังเอิญไปพบเขากับวิภาวีที่โรงพยาบาล เรื่องก็คงไม่ลงเอยแบบนี้ และเขาก็ไม่ต้องมารู้สึกหัวเสียกับข่าวของอดีตภรรยากับคนรักใหม่ เขาเองก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองหึงหรือเสียดายกันแน่ และเพราะมัวแต่หมกมุ่นกับข่าวของพริมา ภัทร์เลยไม่มีสมาธิในการอ่านรายงานประจำไตรมาสแรกก่อนเข้าประชุมพร้อมผู้บริหารระดับสูงและผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ๆ ของธนาคาร เขาไม่สามารถแสดงความคิดเห็น หรือตอบข้อซักคำถามเกี่ยวกับแนวทางในการดำเนินงานต่อไปของธนาคารให้กับผู้ถือหุ้นเหล่านั้นได้เลย และนั่นก็ทำให้อดีตนายธนาคารใหญ่ พัฒน พัฒนภิรมย์ ไม่พอใจเป็นอย่างมากจนถึงกับแสดงออกมาทางสีหน้าอย่างชัดเจน หลังการประชุมเสร็จสิ้น ลูกชายจึงถูกผู้เป็นพ่ออบรมเสียชุดใหญ่ ก่อนที่จะสรุปตอนท้ายเป็นข้อคิดให้ว่า
‘โป๊ปต้องรู้จักแยกแยะเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานหน่อยนะ ไม่อย่างนั้นมันจะเสียทั้งงานทั้งเรื่องส่วนส่วนตัวอย่างที่เป็นอยู่ บางอย่างที่พลาดไปแล้วก็ต้องปล่อยมันไป อย่าไปมัวหมกมุ่นจนเรื่องอื่นต้องรวนตามไปแบบนี้ เฮ้อ! นี่ถ้าแม่เขารู้เรื่องนี้เข้า เดี๋ยวก็พานจะโกรธเมียใหม่แกเข้าไปอีก’
‘ครับพ่อ’ เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของลูกชายคนเดียวและการยอมรับผิดอย่างจำนน คนเป็นพ่อก็อดห่วงไม่ได้ จึงถามออกไปว่า
‘มีอะไรหนักอกหนักใจนักหนาล่ะ’
‘ไม่มีอะไรหรอกครับพ่อ’
‘เรื่องหนูปริมเหรอ’
‘......’ ผู้เป็นบิดาคิดว่าไม่น่าจะคาดผิด
‘อย่าบอกนะว่าคิดเสียดายหนูปริมขึ้นมาน่ะ’
‘เอ่ออออ’
‘นี่ล่ะนะ เขาถึงว่า กว่าจะรู้คุณค่าของสิ่งที่มี ก็เมื่อมันสายไปเสียแล้ว ถ้ายายปั๊ปอยู่คงจะสมน้ำหน้าแกน่าดู’
‘ผมรู้ว่าปริมมีค่า และผมก็ยังรักเขามากนะครับพ่อ ผมไม่ได้ตั้งใจ...’
‘พอเถอะโป๊ป พูดไปมันก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา ถ้าลูกยังรักเขา ก็ต้องพิสูจน์อีกครั้ง ครั้งนี้คงต้องลงทุนลงแรงมากกว่าเมื่อก่อนแต่งงาน แต่ก่อนที่จะกลับไปนะ พ่อว่าโป๊ปช่วยจัดการตัวเองให้เรียบร้อยก่อนจะดีกว่า ไม่งั้น โอกาสที่จะชนะนักการทูตอะไรนั่นคงแทบไม่มีหรอกมั้ง’ นายพัฒนยังคงมีหูตากว้างไกลเสมอ
‘แล้วจะจัดการยังไงดีละครับพ่อ’ ภัทร์ถามพ่ออย่างกระตือรือร้นเพราะเป็นหนทางเดียวที่ทำให้เขามีความหวังอยู่บ้าง
‘ไม่รู้สิ’ คนฟังถึงกับหน้าถอดสี ผู้เป็นพ่อจึงต้องพูดอธิบายว่า
‘พ่อไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน คงช่วยอะไรแกไม่ได้หรอกเรื่องนี้’ นายพัฒนตอบตรง ๆ เพราะในสมัยหนุ่ม ๆ ตัวเขามัวแต่ทำมาหากินและสร้างเนื้อสร้างตัว ชีวิตของเขาไม่ได้สุขสบายเหมือนพวกลูก ๆ เมื่อมาพบคู่ชีวิตพวกเขาจึงตั้งหน้าตั้งตาช่วยกันสร้างครอบครัวให้สมบูรณ์พูลสุข ไม่ได้มีเวลาและทรัพย์สมบัติเหมือนที่เขาสร้างให้ลูก ๆ ......การใช้ชีวิตมันจึงแตกต่างกัน ดังนั้นก่อนที่จะลุกจากเก้าอี้เพื่อเดินตรงไปยังประตูห้องประชุม เขาจึงหันไปบอกกับลูกชายว่า
‘แกผูกเอง แกก็ต้องรู้สิว่าปมมันยุ่งเหยิงซับซ้อนยังไง มันเริ่มตรงไหนก็ต้องแก้ตรงนั้นล่ะมั้ง’
‘โธ่! พ่อ พูดแบบนี้มันยิ่งไม่ช่วยอะไรเลยนะครับ’
‘หึ! ทีตอนนี้ล่ะคิดอยากได้ตัวช่วยขึ้นมาเชียวนะ’
‘ตกลงพ่อมีอะไรจะแนะนำไหมละครับ’ ภัทร์ถามอย่างอ่อนแรง
‘ถ้าแกอยากได้ตัวช่วย อยากได้คำแนะนำแล้วล่ะก็ แกไปปรึกษาแม่แกโน่น คนนั้นน่ะกุนซือของแท้’
‘พ่ออะ!’
‘อ้อ! ไหน ๆ ก็พูดเรื่องนี้แล้ว ช่วยเตือนเมียใหม่แกด้วยนะว่าถ้าไม่จำเป็นไม่ต้องขึ้นมาที่ชั้นนี้ เขาไม่ใช่ผู้บริหาร แถมไม่ใช่พนักงานธนาคารอีกต่อไปแล้วด้วย ที่นี่เป็นที่ทำงาน มีอะไรก็ไปคุยกันที่บ้าน ไม่ก็รอที่ล็อบบี้รับรองแขก อย่าขึ้นมาเดินเพ่นพ่านบนนี้ ที่สำคัญยังไม่ได้แต่งงานแต่งการเป็นเรื่องเป็นราว ใคร ๆ จะมองและตำหนิเราเอาได้ว่าเพิ่งจะหย่าเมียเก่าไม่เท่าไร เมียใหม่ก็เที่ยวมาประกาศศักดาเสียแล้ว แกรู้ไหมว่าวันก่อนที่เมียแกเขามาตามหาแกกับคุณชวนพิศน่ะ คุณชวนพิศเขาโทรไปรายงานแม่แกด้วยนะ เห็นบอกกับแม่แกว่า มาทำท่ากร่างใส่เขา ไม่รู้จักหัวหงอกหัวดำ แกเตือน ๆ เขาไว้เสียบ้างนะ แล้วนี่หัวนอนปลายเท้าเขาเป็นยังไง แกรู้มั่งหรือเปล่า’
ภัทร์รู้สึกเสียหน้าทั้งจากสิ่งที่วิภาวีได้ทำลงไปและทั้งที่ไปที่มาของตัวเธอ เพราะเขาแทบไม่รู้จักประวัติของวิภาวีเลย.....เจอกันที่นี่ คุยกันตามร้านอาหาร และจบที่คอนโดฯเธอ....ไม่ได้ต้องใช้ความพยายามอะไรมากมายในการทำความรู้จักเลย สงสัยคงต้องนั่งคุยกันเป็นเรื่องเป็นราวสักครั้งแล้ว
‘แล้วผมจะพูดกับวิเองครับ ที่เขามาเมื่อวันก่อนนั้นก็เพราะเขาเอาแบบบ้านมาให้ผมตัดสินใจนะครับ’ ภัทร์พยายามหาข้อแก้ตัวให้วิภาวี เพราะถ้าระดับเจ้าของธนาคารอย่างเขาจะซื้อบ้านใหม่ทั้งที พวกพนักงานขายคงจะรีบวิ่งเข้าใส่ในทันที ไม่ต้องให้เขาวิ่งโร่ไปมาอย่างที่วิภาวีทำ......ทำโดยไม่ปรึกษาเขาเลย
‘โป๊ปแน่ใจแล้วใช่ไหม’ นายพัฒน์หมายถึงการใช้ชีวิตคู่ครั้งใหม่ของลูกชาย
‘ไม่รู้สิครับพ่อ เพราะอะไรที่ผมเคยแน่ใจ มันก็กลายเป็นไม่แน่นอนไปเสียแล้ว’
‘ที่มันเปลี่ยนไปเพราะใจของแกหรือเปล่าละ’ ผู้เป็นพ่อย้อนถามทันที
‘ผมไม่เคยเปลี่ยนใจ ผมไม่เคยรักใครนอกจากปริม’
‘แกมาบอกพ่อก็คงไม่มีประโยชน์อะไรหรอกนะ ไม่ใช่สิ ถึงแกบอกหนูปริมตอนนี้ ก็คงจะไม่มีอะไรดีขึ้น รักเขาแต่แกกลับทำให้เขาเจ็บช้ำแบบนั้นน่ะ ใครเขาจะเชื่อคำพูดแกอีก นี่ถ้าพ่อกับแม่หนูปริมเขากลับมาแล้ว แกต้องไปขอขมาพวกท่านด้วยนะ เคยรับปากอะไรเขาไว้ เมื่อทำไม่ได้ก็ต้องไปขอขมา พ่อต้องไปแล้วนะ อ้อ! อย่าลืมล่ะว่าแยกเรื่องงานกะเรื่องส่วนคัวออกจากกันให้ได้ อย่าให้มีเหตุการณ์แบบวันนี้อีก’
‘ครับพ่อ ผมให้สัญญา’
หลังจากที่ผู้เป็นพ่อออกจากห้องประชุมไปแล้ว ภัทร์ก็นั่งหลับตาลงเพื่อพักสายตาและคลายความว้าวุ่นใจทั้งเรื่อง ‘เมียเก่าและเมียใหม่’ ลง.....แต่เพราะเสียงเตือนจากโทรศัพท์มือถือที่ดังขัดจังหวะขึ้น เขาจึงต้องล้วงมือลงไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อหยิบมันออกมาดู มีข้อความขึ้นที่หน้าจอว่า
‘อย่าลืม ซื้อของขวัญวันเกิดให้เพื่อนพี่ป๊อปด้วยนะคะ’ ข้อความเตือนที่ส่งมาจากพริมา นี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งของความวุ่นวายที่ค่อย ๆ เข้ามาในชีวิตของเขา.....จะไปโทษใครได้เมื่อเขาเป็นคนเปิดประตูรับมันเข้ามาเอง ตั้งแต่หย่าขาดจากกันแล้ว พริมาก็เลือกที่จะสื่อสารกับเขาผ่านทางเทคโนโลยีสมัยใหม่ไม่ว่าจะเป็นการส่งข้อความทางมือถือ การแชท หรือแม้แต่การทิ้งข้อความเสียงไว้ให้ฟังต่างหน้าหากเขาบังเอิญต้องปิดมือถือ เธอพยายามไม่เผชิญหน้ากับเขา ทุกวันนี้ในวันที่ลูกต้องไปโรงเรียน พริมาจะเป็นคนรับส่ง ตกเย็นเมื่อลูกทำกิจกรรมพิเศษต่าง ๆ เสร็จแล้ว เธอก็จะเป็นคนสอนการบ้าน อ่านหนังสือกับลูก ๆ และพาพวกเขาเข้านอน เมื่อลูกนอนหลับแล้วเธอก็จะขลุกอยู่แต่ในห้องส่วนตัวของเธอซึ่งอยู่ติดกับห้องนอนลูก เธอไม่เหยียบเข้ามาในห้องนอนใหญ่อีกเลย
พอถึงเสาร์และอาทิตย์ เขาก็ต้องมารับหน้าที่ดูแลลูก ๆ ต่อ เขาต้องพาลูกชายคนโตไปเรียนเทนนิสในเช้าวันเสาร์ และเรียนเทควันโดในช่วงบ่าย เมื่อต้องเข้ามารับผิดชอบและร่วมเลี้ยงดูลูก ๆ มากขึ้น ภัทร์ก็เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมเมื่อก่อนพริมาถึงไม่มีเวลาให้กับเขามากนัก กิจกรรมที่ส่งเสริมพัฒนาการของลูกในแต่ละวันทำให้คนเป็นแม่อย่างเธอต้องจัดตารางเวลาต่าง ๆ ให้สมดุล ลูกจะได้ทั้งเล่นและเรียนรู้ไปอย่างสนุกสนาน ทุกกิจกรรมที่เธอเลือกให้ลูกนั้น ล้วนมาจากความต้องการของลูกแทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการเรียนดนตรี ว่ายน้ำ หรือวาดรูป เพียงแค่เดือนเดียวภัทร์เองยังต้องยอมรับว่าพริมาทุ่มเทเวลาให้กับลูกอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยเลย ยิ่งถ้าย้อนไปในช่วงก่อนที่จะหย่ากันนั้น นับได้ว่าเธอต้องรับหน้าที่ดูแลลูก ๆ ทั้ง 7 วันเต็ม ๆ ไม่มีวันไหนเป็นวันพักของเธอเลย ณ ตอนนี้ภัทร์จึงเข้าใจความรู้สึกของอดีตภรรยาได้เข้าใจมากขึ้นแล้ว ในช่วงที่ผ่านมาพริมายังคงเฝ้าดูลูก ๆ อยู่ไม่ห่างถึงแม้จะเป็นวันที่เธอได้พัก เขาเคยได้ยินเธอพูดกับมารดาของเขาว่า
‘ต้องรอให้เด็ก ๆ ปรับตัวเข้ากับวงจรใหม่นี้ก่อนน่ะค่ะคุณแม่ ปริมถึงจะพาพวกแกไปนอนที่คอนโด ถ้าปล่อยพี่โป๊ปคนเดียวเลยอาจทำให้ลูกรู้สึกว่าถูกแบ่งแยก ปริมค่อย ๆ ให้พี่โป๊ปเข้ามาดูแลพวกแกในช่วงวันหยุด แล้วปริมก็ค่อย ๆ ถอยห่างออกมาทีละก้าว ๆ อีกไม่นานพวกแกก็จะปรับตัวได้ค่ะ’ คนแอบฟังรู้สึกใจหายอยู่ไม่น้อยเมื่อได้ยินประโยคที่ว่า ‘แล้วปริมก็ค่อย ๆ ถอยห่างออกมาทีละก้าว ๆ’ หัวใจมันรู้สึกโหวงเหวงพิกล
พรุ่งนี้เป็นวันเสาร์และเขาจะต้องพาลูกชายคนโตไปงานวันเกิดของเพื่อนร่วมชั้นเรียน คราวนี้พริมาบอกให้เขาพาลูกฉายเดี่ยวได้เลย เพราะลูกน่าจะคุ้นเคยกับการไปไหนมาไหนกับพ่อตามลำพังในช่วงวันหยุดแล้ว และเพราะสาเหตุนี้เองที่ทำให้วิภาวีเริ่มแสดงอาการไม่พอใจ ถึงกับร่ำร้องโวยวายว่าเขาไม่มีเวลาดูแลเธอและลูกในท้อง
‘วันธรรมดาก็ต้องทำงาน พอเสาร์อาทิตย์ก็ต้องเลี้ยงลูก ๆ บ้านโน้น แล้ววิล่ะคะ ไม่ต้องมาดูแลเลยหรือไง ในท้องนี่ก็ลูกคุณเหมือนกันนะคะ’ วิภาวีคิดว่านี่คงเป็นแผนการของพริมาที่ต้องการให้ดึงเวลาของภัทร์ไปจากเธอ
‘ลูกยังไม่คลอด จะให้ผมทำอะไรล่ะ’
‘ก็แหม วิอยากไปเดินเล่น ไปกินข้าว ไปช็อปปิ้งบ้างนี่คะ’
‘พูดเหมือนทุกวันนี้คุณไม่ได้ทำเรื่องพวกนั้นเลยนะ ผมเห็นคุณแทบไม่อยู่บ้านเลย ตะลอน ๆ ทั้งที่ท้องเริ่มโตแบบนี้’
‘ก็วิไปตระเวนเลือกดูบ้านนั้นแหละค่ะ’
‘จะเลือกอะไรนักหนา เอาทำเลที่สะดวกในการเดินทางก็พอแล้ว ส่วนเรื่องราคาน่ะผมไม่มีปัญหาหรอก’ อันที่จริงที่วิภาวีพยายามประวิงเวลาในการเลือกซื้อบ้านออกไป เพราะเธออยากให้เขาพาเธอย้ายเข้าไปอยู่ในรั้วเดียวกันกับคฤหาสน์ พัฒนภิรมย์ ต่างหาก เธอรู้ว่าอีกไม่นานพริมาก็จะย้ายออกไปอยู่คอนโดฯ บ้านหลังนั้นก็จะไร้ซึ่ง ‘คุณนายเจ้าของบ้าน’ เธอจึงรอเวลาที่จะได้เข้าไปครอบครองอย่างเต็มภาคภูมิ แต่เมื่อเห็นภัทร์ทำเสียงเข้มขึ้น วิภาวีจึงเริ่มงัดลูกอ้อนออกมาใช้ หญิงสาวเดินเข้าไปคล้องแขนพ่อของลูก พลางจีบปากจีบคอพูดว่า
‘แหม! บ้านราคาเป็นล้าน ๆ นะคะ วิก็ต้องเลือกหน่อยสิคะ ต้องดูเพื่อนบ้านว่าโอเคไหม ดูว่าสิ่งแวดล้อมจะปลอดภัยกับลูกของเราไหม ไหนจะการจราจรอีก วิก็ต้องค่อย ๆ คิด ค่อย ๆ เลือกสิคะ’ วิภาวีพูดพลางลูบไล้อกที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของภัทร์ ซึ่งก็ทำให้น้ำเสียงของภัทร์อ่อนโยนลง
‘คุณก็ต้องดูแลตัวเองบ้างนะ ผมเห็นคุณไม่ค่อยทานอะไรเลย เห็นเด็กรับใช้บอกว่าคุณทานแต่สลัดทุกวัน แล้วลูกจะเอาสารอาหารมาจากไหนล่ะ’
‘ก็วิกลัวอ้วนนี่คะ นี่ก็ขึ้นมาตั้ง 7 กิโลแล้ว ไม่รู้คลอดแล้วจะลงได้สักกี่โล’
‘อ้วนก็ลดได้ ตอนนี้คุณต้องห่วงลูกในท้องไว้ก่อนสิ ตอนปริมเขาท้องนะ ผมเห็นเขาทานแต่ของมีประโยชน์ ทานก็เยอะ แต่ก็ไม่เห็นเขาจะอ้วนอะไร พอคลอดแล้วน้ำหนักก็ลงมาเท่าเดิม’ ภัทร์ที่เห็นความแตกต่างของผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นเมียของเขาทั้ง 2 คน พูดเปรียบเทียบออกมาโดยไม่รู้ตัว เขาจำได้ว่าพริมาดูแลสุขภาพของลูกในท้องเป็นอย่างดี เธอไม่กลัวที่จะอ้วน แต่เพราะการดูแลตัวเองเป็นอย่างดีและตามคำแนะนำของหมอ น้ำหนักของพริมาที่คิดมาในช่วงตั้งครรภ์จึงไม่ได้เกินมาตรฐานทั้ง ๆ ที่เธอไม่ได้ควบคุมน้ำหนักแต่อย่างใด ผิดกับวิภาวีที่ห่วงแต่รูปร่างของตัวเองมากกว่าสุขภาพของลูก แต่เพราะความจริงที่ได้สังเกตเห็น ภัทร์จึงไม่รู้ตัวว่าการโดนเปรียบเทียบกับอดีตเมียหลวงผู้เพียบพร้อมนั้น ได้สร้างความหงุดหงิดให้กับคนฟังมากขนาดไหน วิภาวีพยายามเก็บอาการไม่พอใจ แล้วปรับสีหน้าให้ดูสดใสก่อนที่จะออดอ้อนไปว่า
‘คุณปริมเขาเป็นคนสวยนี่คะ วิไม่ใช่คนสวยก็ต้องดูแลตัวเองมากกว่า ไม่ใช่วิไม่ห่วงลูกนะคะ วิก็ทานนมทุกวัน แต่ที่ไม่ค่อยทานอย่างอื่นเพราะวิแพ้ท้องน่ะค่ะ วิทานไม่ค่อยลง’ วิภาวีแกล้งซบลงกับอกหนั่นของภัทร์ก่อนที่จะเบียดตัวเข้าไปอยู่ในอ้อมกอด แล้วแสร้งมารยาว่า
‘วิขอโทษนะคะที่ทำให้คุณโกรธ วิจะปรับปรุงตัวเองค่ะ ต่อไปนี้วิจะพยายามทานให้มากขึ้น แต่ถ้าวิอ้วนเป็นหมูพะโล้ คุณโป๊ปห้ามว่าวินะคะ’ พูดเสร็จหญิงสาวก็เงยหน้าขึ้นจูบคางมนของสามีทางพฤตินัยเบา ๆ
‘หายโกรธวินะคะ’ หญิงสาวส่งสายตาหวานเชื่อมให้ชายหนุ่ม
‘โอเคครับ ๆ ถ้าวิแพ้ท้องก็ไม่ต้องทรมานตัวเอง กินเท่าที่คุณกินได้ก็แล้วกัน และถ้าอยากกินอะไรเป็นพิเศษก็บอกผมมา ผมจะหาซื้อมาให้’ ภัทร์ก้มลงจูบกระหม่อมหญิงสาวกลับคืน เพียงแค่นี้ก็สร้างรอยยิ้มให้คนที่อยู่ในอ้อมแขนได้มากโขแล้ว วิภาวีค่อย ๆ เงยหน้าสบตาหวานซึ้งกับภัทร์เพื่อสื่อความนัย เธอเบียดตัวเข้าไปชิดชายหนุ่มมากยิ่งขึ้น ก่อนที่จะแกล้งพูดขึ้นเบา ๆ ว่า
‘คุณหมอไม่ห้ามหรอกค่ะ ถ้าไม่รุนแรง’
************************
และขอบคุณเป็นพิเศษสำหรับท่านที่ช่วยท้วงติงคำที่ใช้ผิด สะกดผิด รวมทั้งพวกสำนวนที่ใช้คลาดเคลื่อนด้วยนะคะ คนเขียนไม่มีเวลาได้ตรวจทานเลยค่ะ เขียนเสร็จอ่านผ่าน ๆ ก็โพสเลย กลัวคนอื่นต้องรอนาน อิๆ ขอบคุณมาก ๆ ค่ะที่ทักท้วงมา
ช่วงนี้อาจหายบ้างช้าบ้างนะคะ แต่จะพยายามมาอาทิตย์ละครั้งเป็นอย่างน้อย ภาระงานเยอะแยะไปหมด ขอบคุณที่เข้าใจกันนะคะ
ส่วนอีกคนที่หน้าตาห่างไกลจากคำว่าความสุขอยู่มาก เพราะต้องเสียของรักทั้ง ๆ ที่ยังรักอยู่ไม่น้อย หน้าตาเลยปราศจากรอยยิ้มที่เคยใช้กระชากใจสาว ๆ มามากต่อมาก ภัทร์ไม่ได้ตั้งใจให้ชีวิตคู่ต้องจบลงแบบนี้เลยสักนิด…….....ถ้าแม่ของเขาไม่บังเอิญไปพบเขากับวิภาวีที่โรงพยาบาล เรื่องก็คงไม่ลงเอยแบบนี้ และเขาก็ไม่ต้องมารู้สึกหัวเสียกับข่าวของอดีตภรรยากับคนรักใหม่ เขาเองก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองหึงหรือเสียดายกันแน่ และเพราะมัวแต่หมกมุ่นกับข่าวของพริมา ภัทร์เลยไม่มีสมาธิในการอ่านรายงานประจำไตรมาสแรกก่อนเข้าประชุมพร้อมผู้บริหารระดับสูงและผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ๆ ของธนาคาร เขาไม่สามารถแสดงความคิดเห็น หรือตอบข้อซักคำถามเกี่ยวกับแนวทางในการดำเนินงานต่อไปของธนาคารให้กับผู้ถือหุ้นเหล่านั้นได้เลย และนั่นก็ทำให้อดีตนายธนาคารใหญ่ พัฒน พัฒนภิรมย์ ไม่พอใจเป็นอย่างมากจนถึงกับแสดงออกมาทางสีหน้าอย่างชัดเจน หลังการประชุมเสร็จสิ้น ลูกชายจึงถูกผู้เป็นพ่ออบรมเสียชุดใหญ่ ก่อนที่จะสรุปตอนท้ายเป็นข้อคิดให้ว่า
‘โป๊ปต้องรู้จักแยกแยะเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานหน่อยนะ ไม่อย่างนั้นมันจะเสียทั้งงานทั้งเรื่องส่วนส่วนตัวอย่างที่เป็นอยู่ บางอย่างที่พลาดไปแล้วก็ต้องปล่อยมันไป อย่าไปมัวหมกมุ่นจนเรื่องอื่นต้องรวนตามไปแบบนี้ เฮ้อ! นี่ถ้าแม่เขารู้เรื่องนี้เข้า เดี๋ยวก็พานจะโกรธเมียใหม่แกเข้าไปอีก’
‘ครับพ่อ’ เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของลูกชายคนเดียวและการยอมรับผิดอย่างจำนน คนเป็นพ่อก็อดห่วงไม่ได้ จึงถามออกไปว่า
‘มีอะไรหนักอกหนักใจนักหนาล่ะ’
‘ไม่มีอะไรหรอกครับพ่อ’
‘เรื่องหนูปริมเหรอ’
‘......’ ผู้เป็นบิดาคิดว่าไม่น่าจะคาดผิด
‘อย่าบอกนะว่าคิดเสียดายหนูปริมขึ้นมาน่ะ’
‘เอ่ออออ’
‘นี่ล่ะนะ เขาถึงว่า กว่าจะรู้คุณค่าของสิ่งที่มี ก็เมื่อมันสายไปเสียแล้ว ถ้ายายปั๊ปอยู่คงจะสมน้ำหน้าแกน่าดู’
‘ผมรู้ว่าปริมมีค่า และผมก็ยังรักเขามากนะครับพ่อ ผมไม่ได้ตั้งใจ...’
‘พอเถอะโป๊ป พูดไปมันก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา ถ้าลูกยังรักเขา ก็ต้องพิสูจน์อีกครั้ง ครั้งนี้คงต้องลงทุนลงแรงมากกว่าเมื่อก่อนแต่งงาน แต่ก่อนที่จะกลับไปนะ พ่อว่าโป๊ปช่วยจัดการตัวเองให้เรียบร้อยก่อนจะดีกว่า ไม่งั้น โอกาสที่จะชนะนักการทูตอะไรนั่นคงแทบไม่มีหรอกมั้ง’ นายพัฒนยังคงมีหูตากว้างไกลเสมอ
‘แล้วจะจัดการยังไงดีละครับพ่อ’ ภัทร์ถามพ่ออย่างกระตือรือร้นเพราะเป็นหนทางเดียวที่ทำให้เขามีความหวังอยู่บ้าง
‘ไม่รู้สิ’ คนฟังถึงกับหน้าถอดสี ผู้เป็นพ่อจึงต้องพูดอธิบายว่า
‘พ่อไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน คงช่วยอะไรแกไม่ได้หรอกเรื่องนี้’ นายพัฒนตอบตรง ๆ เพราะในสมัยหนุ่ม ๆ ตัวเขามัวแต่ทำมาหากินและสร้างเนื้อสร้างตัว ชีวิตของเขาไม่ได้สุขสบายเหมือนพวกลูก ๆ เมื่อมาพบคู่ชีวิตพวกเขาจึงตั้งหน้าตั้งตาช่วยกันสร้างครอบครัวให้สมบูรณ์พูลสุข ไม่ได้มีเวลาและทรัพย์สมบัติเหมือนที่เขาสร้างให้ลูก ๆ ......การใช้ชีวิตมันจึงแตกต่างกัน ดังนั้นก่อนที่จะลุกจากเก้าอี้เพื่อเดินตรงไปยังประตูห้องประชุม เขาจึงหันไปบอกกับลูกชายว่า
‘แกผูกเอง แกก็ต้องรู้สิว่าปมมันยุ่งเหยิงซับซ้อนยังไง มันเริ่มตรงไหนก็ต้องแก้ตรงนั้นล่ะมั้ง’
‘โธ่! พ่อ พูดแบบนี้มันยิ่งไม่ช่วยอะไรเลยนะครับ’
‘หึ! ทีตอนนี้ล่ะคิดอยากได้ตัวช่วยขึ้นมาเชียวนะ’
‘ตกลงพ่อมีอะไรจะแนะนำไหมละครับ’ ภัทร์ถามอย่างอ่อนแรง
‘ถ้าแกอยากได้ตัวช่วย อยากได้คำแนะนำแล้วล่ะก็ แกไปปรึกษาแม่แกโน่น คนนั้นน่ะกุนซือของแท้’
‘พ่ออะ!’
‘อ้อ! ไหน ๆ ก็พูดเรื่องนี้แล้ว ช่วยเตือนเมียใหม่แกด้วยนะว่าถ้าไม่จำเป็นไม่ต้องขึ้นมาที่ชั้นนี้ เขาไม่ใช่ผู้บริหาร แถมไม่ใช่พนักงานธนาคารอีกต่อไปแล้วด้วย ที่นี่เป็นที่ทำงาน มีอะไรก็ไปคุยกันที่บ้าน ไม่ก็รอที่ล็อบบี้รับรองแขก อย่าขึ้นมาเดินเพ่นพ่านบนนี้ ที่สำคัญยังไม่ได้แต่งงานแต่งการเป็นเรื่องเป็นราว ใคร ๆ จะมองและตำหนิเราเอาได้ว่าเพิ่งจะหย่าเมียเก่าไม่เท่าไร เมียใหม่ก็เที่ยวมาประกาศศักดาเสียแล้ว แกรู้ไหมว่าวันก่อนที่เมียแกเขามาตามหาแกกับคุณชวนพิศน่ะ คุณชวนพิศเขาโทรไปรายงานแม่แกด้วยนะ เห็นบอกกับแม่แกว่า มาทำท่ากร่างใส่เขา ไม่รู้จักหัวหงอกหัวดำ แกเตือน ๆ เขาไว้เสียบ้างนะ แล้วนี่หัวนอนปลายเท้าเขาเป็นยังไง แกรู้มั่งหรือเปล่า’
ภัทร์รู้สึกเสียหน้าทั้งจากสิ่งที่วิภาวีได้ทำลงไปและทั้งที่ไปที่มาของตัวเธอ เพราะเขาแทบไม่รู้จักประวัติของวิภาวีเลย.....เจอกันที่นี่ คุยกันตามร้านอาหาร และจบที่คอนโดฯเธอ....ไม่ได้ต้องใช้ความพยายามอะไรมากมายในการทำความรู้จักเลย สงสัยคงต้องนั่งคุยกันเป็นเรื่องเป็นราวสักครั้งแล้ว
‘แล้วผมจะพูดกับวิเองครับ ที่เขามาเมื่อวันก่อนนั้นก็เพราะเขาเอาแบบบ้านมาให้ผมตัดสินใจนะครับ’ ภัทร์พยายามหาข้อแก้ตัวให้วิภาวี เพราะถ้าระดับเจ้าของธนาคารอย่างเขาจะซื้อบ้านใหม่ทั้งที พวกพนักงานขายคงจะรีบวิ่งเข้าใส่ในทันที ไม่ต้องให้เขาวิ่งโร่ไปมาอย่างที่วิภาวีทำ......ทำโดยไม่ปรึกษาเขาเลย
‘โป๊ปแน่ใจแล้วใช่ไหม’ นายพัฒน์หมายถึงการใช้ชีวิตคู่ครั้งใหม่ของลูกชาย
‘ไม่รู้สิครับพ่อ เพราะอะไรที่ผมเคยแน่ใจ มันก็กลายเป็นไม่แน่นอนไปเสียแล้ว’
‘ที่มันเปลี่ยนไปเพราะใจของแกหรือเปล่าละ’ ผู้เป็นพ่อย้อนถามทันที
‘ผมไม่เคยเปลี่ยนใจ ผมไม่เคยรักใครนอกจากปริม’
‘แกมาบอกพ่อก็คงไม่มีประโยชน์อะไรหรอกนะ ไม่ใช่สิ ถึงแกบอกหนูปริมตอนนี้ ก็คงจะไม่มีอะไรดีขึ้น รักเขาแต่แกกลับทำให้เขาเจ็บช้ำแบบนั้นน่ะ ใครเขาจะเชื่อคำพูดแกอีก นี่ถ้าพ่อกับแม่หนูปริมเขากลับมาแล้ว แกต้องไปขอขมาพวกท่านด้วยนะ เคยรับปากอะไรเขาไว้ เมื่อทำไม่ได้ก็ต้องไปขอขมา พ่อต้องไปแล้วนะ อ้อ! อย่าลืมล่ะว่าแยกเรื่องงานกะเรื่องส่วนคัวออกจากกันให้ได้ อย่าให้มีเหตุการณ์แบบวันนี้อีก’
‘ครับพ่อ ผมให้สัญญา’
หลังจากที่ผู้เป็นพ่อออกจากห้องประชุมไปแล้ว ภัทร์ก็นั่งหลับตาลงเพื่อพักสายตาและคลายความว้าวุ่นใจทั้งเรื่อง ‘เมียเก่าและเมียใหม่’ ลง.....แต่เพราะเสียงเตือนจากโทรศัพท์มือถือที่ดังขัดจังหวะขึ้น เขาจึงต้องล้วงมือลงไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อหยิบมันออกมาดู มีข้อความขึ้นที่หน้าจอว่า
‘อย่าลืม ซื้อของขวัญวันเกิดให้เพื่อนพี่ป๊อปด้วยนะคะ’ ข้อความเตือนที่ส่งมาจากพริมา นี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งของความวุ่นวายที่ค่อย ๆ เข้ามาในชีวิตของเขา.....จะไปโทษใครได้เมื่อเขาเป็นคนเปิดประตูรับมันเข้ามาเอง ตั้งแต่หย่าขาดจากกันแล้ว พริมาก็เลือกที่จะสื่อสารกับเขาผ่านทางเทคโนโลยีสมัยใหม่ไม่ว่าจะเป็นการส่งข้อความทางมือถือ การแชท หรือแม้แต่การทิ้งข้อความเสียงไว้ให้ฟังต่างหน้าหากเขาบังเอิญต้องปิดมือถือ เธอพยายามไม่เผชิญหน้ากับเขา ทุกวันนี้ในวันที่ลูกต้องไปโรงเรียน พริมาจะเป็นคนรับส่ง ตกเย็นเมื่อลูกทำกิจกรรมพิเศษต่าง ๆ เสร็จแล้ว เธอก็จะเป็นคนสอนการบ้าน อ่านหนังสือกับลูก ๆ และพาพวกเขาเข้านอน เมื่อลูกนอนหลับแล้วเธอก็จะขลุกอยู่แต่ในห้องส่วนตัวของเธอซึ่งอยู่ติดกับห้องนอนลูก เธอไม่เหยียบเข้ามาในห้องนอนใหญ่อีกเลย
พอถึงเสาร์และอาทิตย์ เขาก็ต้องมารับหน้าที่ดูแลลูก ๆ ต่อ เขาต้องพาลูกชายคนโตไปเรียนเทนนิสในเช้าวันเสาร์ และเรียนเทควันโดในช่วงบ่าย เมื่อต้องเข้ามารับผิดชอบและร่วมเลี้ยงดูลูก ๆ มากขึ้น ภัทร์ก็เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมเมื่อก่อนพริมาถึงไม่มีเวลาให้กับเขามากนัก กิจกรรมที่ส่งเสริมพัฒนาการของลูกในแต่ละวันทำให้คนเป็นแม่อย่างเธอต้องจัดตารางเวลาต่าง ๆ ให้สมดุล ลูกจะได้ทั้งเล่นและเรียนรู้ไปอย่างสนุกสนาน ทุกกิจกรรมที่เธอเลือกให้ลูกนั้น ล้วนมาจากความต้องการของลูกแทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการเรียนดนตรี ว่ายน้ำ หรือวาดรูป เพียงแค่เดือนเดียวภัทร์เองยังต้องยอมรับว่าพริมาทุ่มเทเวลาให้กับลูกอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยเลย ยิ่งถ้าย้อนไปในช่วงก่อนที่จะหย่ากันนั้น นับได้ว่าเธอต้องรับหน้าที่ดูแลลูก ๆ ทั้ง 7 วันเต็ม ๆ ไม่มีวันไหนเป็นวันพักของเธอเลย ณ ตอนนี้ภัทร์จึงเข้าใจความรู้สึกของอดีตภรรยาได้เข้าใจมากขึ้นแล้ว ในช่วงที่ผ่านมาพริมายังคงเฝ้าดูลูก ๆ อยู่ไม่ห่างถึงแม้จะเป็นวันที่เธอได้พัก เขาเคยได้ยินเธอพูดกับมารดาของเขาว่า
‘ต้องรอให้เด็ก ๆ ปรับตัวเข้ากับวงจรใหม่นี้ก่อนน่ะค่ะคุณแม่ ปริมถึงจะพาพวกแกไปนอนที่คอนโด ถ้าปล่อยพี่โป๊ปคนเดียวเลยอาจทำให้ลูกรู้สึกว่าถูกแบ่งแยก ปริมค่อย ๆ ให้พี่โป๊ปเข้ามาดูแลพวกแกในช่วงวันหยุด แล้วปริมก็ค่อย ๆ ถอยห่างออกมาทีละก้าว ๆ อีกไม่นานพวกแกก็จะปรับตัวได้ค่ะ’ คนแอบฟังรู้สึกใจหายอยู่ไม่น้อยเมื่อได้ยินประโยคที่ว่า ‘แล้วปริมก็ค่อย ๆ ถอยห่างออกมาทีละก้าว ๆ’ หัวใจมันรู้สึกโหวงเหวงพิกล
พรุ่งนี้เป็นวันเสาร์และเขาจะต้องพาลูกชายคนโตไปงานวันเกิดของเพื่อนร่วมชั้นเรียน คราวนี้พริมาบอกให้เขาพาลูกฉายเดี่ยวได้เลย เพราะลูกน่าจะคุ้นเคยกับการไปไหนมาไหนกับพ่อตามลำพังในช่วงวันหยุดแล้ว และเพราะสาเหตุนี้เองที่ทำให้วิภาวีเริ่มแสดงอาการไม่พอใจ ถึงกับร่ำร้องโวยวายว่าเขาไม่มีเวลาดูแลเธอและลูกในท้อง
‘วันธรรมดาก็ต้องทำงาน พอเสาร์อาทิตย์ก็ต้องเลี้ยงลูก ๆ บ้านโน้น แล้ววิล่ะคะ ไม่ต้องมาดูแลเลยหรือไง ในท้องนี่ก็ลูกคุณเหมือนกันนะคะ’ วิภาวีคิดว่านี่คงเป็นแผนการของพริมาที่ต้องการให้ดึงเวลาของภัทร์ไปจากเธอ
‘ลูกยังไม่คลอด จะให้ผมทำอะไรล่ะ’
‘ก็แหม วิอยากไปเดินเล่น ไปกินข้าว ไปช็อปปิ้งบ้างนี่คะ’
‘พูดเหมือนทุกวันนี้คุณไม่ได้ทำเรื่องพวกนั้นเลยนะ ผมเห็นคุณแทบไม่อยู่บ้านเลย ตะลอน ๆ ทั้งที่ท้องเริ่มโตแบบนี้’
‘ก็วิไปตระเวนเลือกดูบ้านนั้นแหละค่ะ’
‘จะเลือกอะไรนักหนา เอาทำเลที่สะดวกในการเดินทางก็พอแล้ว ส่วนเรื่องราคาน่ะผมไม่มีปัญหาหรอก’ อันที่จริงที่วิภาวีพยายามประวิงเวลาในการเลือกซื้อบ้านออกไป เพราะเธออยากให้เขาพาเธอย้ายเข้าไปอยู่ในรั้วเดียวกันกับคฤหาสน์ พัฒนภิรมย์ ต่างหาก เธอรู้ว่าอีกไม่นานพริมาก็จะย้ายออกไปอยู่คอนโดฯ บ้านหลังนั้นก็จะไร้ซึ่ง ‘คุณนายเจ้าของบ้าน’ เธอจึงรอเวลาที่จะได้เข้าไปครอบครองอย่างเต็มภาคภูมิ แต่เมื่อเห็นภัทร์ทำเสียงเข้มขึ้น วิภาวีจึงเริ่มงัดลูกอ้อนออกมาใช้ หญิงสาวเดินเข้าไปคล้องแขนพ่อของลูก พลางจีบปากจีบคอพูดว่า
‘แหม! บ้านราคาเป็นล้าน ๆ นะคะ วิก็ต้องเลือกหน่อยสิคะ ต้องดูเพื่อนบ้านว่าโอเคไหม ดูว่าสิ่งแวดล้อมจะปลอดภัยกับลูกของเราไหม ไหนจะการจราจรอีก วิก็ต้องค่อย ๆ คิด ค่อย ๆ เลือกสิคะ’ วิภาวีพูดพลางลูบไล้อกที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของภัทร์ ซึ่งก็ทำให้น้ำเสียงของภัทร์อ่อนโยนลง
‘คุณก็ต้องดูแลตัวเองบ้างนะ ผมเห็นคุณไม่ค่อยทานอะไรเลย เห็นเด็กรับใช้บอกว่าคุณทานแต่สลัดทุกวัน แล้วลูกจะเอาสารอาหารมาจากไหนล่ะ’
‘ก็วิกลัวอ้วนนี่คะ นี่ก็ขึ้นมาตั้ง 7 กิโลแล้ว ไม่รู้คลอดแล้วจะลงได้สักกี่โล’
‘อ้วนก็ลดได้ ตอนนี้คุณต้องห่วงลูกในท้องไว้ก่อนสิ ตอนปริมเขาท้องนะ ผมเห็นเขาทานแต่ของมีประโยชน์ ทานก็เยอะ แต่ก็ไม่เห็นเขาจะอ้วนอะไร พอคลอดแล้วน้ำหนักก็ลงมาเท่าเดิม’ ภัทร์ที่เห็นความแตกต่างของผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นเมียของเขาทั้ง 2 คน พูดเปรียบเทียบออกมาโดยไม่รู้ตัว เขาจำได้ว่าพริมาดูแลสุขภาพของลูกในท้องเป็นอย่างดี เธอไม่กลัวที่จะอ้วน แต่เพราะการดูแลตัวเองเป็นอย่างดีและตามคำแนะนำของหมอ น้ำหนักของพริมาที่คิดมาในช่วงตั้งครรภ์จึงไม่ได้เกินมาตรฐานทั้ง ๆ ที่เธอไม่ได้ควบคุมน้ำหนักแต่อย่างใด ผิดกับวิภาวีที่ห่วงแต่รูปร่างของตัวเองมากกว่าสุขภาพของลูก แต่เพราะความจริงที่ได้สังเกตเห็น ภัทร์จึงไม่รู้ตัวว่าการโดนเปรียบเทียบกับอดีตเมียหลวงผู้เพียบพร้อมนั้น ได้สร้างความหงุดหงิดให้กับคนฟังมากขนาดไหน วิภาวีพยายามเก็บอาการไม่พอใจ แล้วปรับสีหน้าให้ดูสดใสก่อนที่จะออดอ้อนไปว่า
‘คุณปริมเขาเป็นคนสวยนี่คะ วิไม่ใช่คนสวยก็ต้องดูแลตัวเองมากกว่า ไม่ใช่วิไม่ห่วงลูกนะคะ วิก็ทานนมทุกวัน แต่ที่ไม่ค่อยทานอย่างอื่นเพราะวิแพ้ท้องน่ะค่ะ วิทานไม่ค่อยลง’ วิภาวีแกล้งซบลงกับอกหนั่นของภัทร์ก่อนที่จะเบียดตัวเข้าไปอยู่ในอ้อมกอด แล้วแสร้งมารยาว่า
‘วิขอโทษนะคะที่ทำให้คุณโกรธ วิจะปรับปรุงตัวเองค่ะ ต่อไปนี้วิจะพยายามทานให้มากขึ้น แต่ถ้าวิอ้วนเป็นหมูพะโล้ คุณโป๊ปห้ามว่าวินะคะ’ พูดเสร็จหญิงสาวก็เงยหน้าขึ้นจูบคางมนของสามีทางพฤตินัยเบา ๆ
‘หายโกรธวินะคะ’ หญิงสาวส่งสายตาหวานเชื่อมให้ชายหนุ่ม
‘โอเคครับ ๆ ถ้าวิแพ้ท้องก็ไม่ต้องทรมานตัวเอง กินเท่าที่คุณกินได้ก็แล้วกัน และถ้าอยากกินอะไรเป็นพิเศษก็บอกผมมา ผมจะหาซื้อมาให้’ ภัทร์ก้มลงจูบกระหม่อมหญิงสาวกลับคืน เพียงแค่นี้ก็สร้างรอยยิ้มให้คนที่อยู่ในอ้อมแขนได้มากโขแล้ว วิภาวีค่อย ๆ เงยหน้าสบตาหวานซึ้งกับภัทร์เพื่อสื่อความนัย เธอเบียดตัวเข้าไปชิดชายหนุ่มมากยิ่งขึ้น ก่อนที่จะแกล้งพูดขึ้นเบา ๆ ว่า
‘คุณหมอไม่ห้ามหรอกค่ะ ถ้าไม่รุนแรง’
************************
อาทิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 ต.ค. 2555, 00:41:51 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 ต.ค. 2555, 00:41:51 น.
จำนวนการเข้าชม : 2045
<< ตอนที่ 15.....40% | ตอนที่ 15 ครบ 100% แล้วค่ะ...ลงใหม่ทั้งตอนนะคะ >> |
violette 27 ต.ค. 2555, 00:47:48 น.
กรี๊ดดดดดด จบค้างแบบนี้อยากตบเมียน้อยมากค่ะ (อินค่ะ)
ไม่อยากให้คืนดีเลยจริงๆยังยืนยันว่าไม่เห็นความดีอะไรในตัวอิตานี่ที่พอจะทำให้คืนดีได้เลย
อยู่แบบนี้ดีกว่า ในเมื่อตัดเมียน้อยไม่ได้เนี่ย เฮ้อ
กรี๊ดดดดดด จบค้างแบบนี้อยากตบเมียน้อยมากค่ะ (อินค่ะ)
ไม่อยากให้คืนดีเลยจริงๆยังยืนยันว่าไม่เห็นความดีอะไรในตัวอิตานี่ที่พอจะทำให้คืนดีได้เลย
อยู่แบบนี้ดีกว่า ในเมื่อตัดเมียน้อยไม่ได้เนี่ย เฮ้อ
wind 27 ต.ค. 2555, 05:17:25 น.
โง่ได้อีก ไปคว้าผู้หญิงอะไรมาเนี่ย
โง่ได้อีก ไปคว้าผู้หญิงอะไรมาเนี่ย
konhin 27 ต.ค. 2555, 08:15:42 น.
เพี้ยๆๆๆๆๆๆ อยากตบนังเมียน้อยยยยยยยยยยย อ๊ากๆๆๆๆๆ ของขึ้นอ่ะ อย่าให้ได้กลับไปหาปริมอีกเลย ทำแบบนี้ไม่แม้แต่จะสำนึก เกลียดๆๆๆๆ ชายชั่วหญิงเลววววววว
เพี้ยๆๆๆๆๆๆ อยากตบนังเมียน้อยยยยยยยยยยย อ๊ากๆๆๆๆๆ ของขึ้นอ่ะ อย่าให้ได้กลับไปหาปริมอีกเลย ทำแบบนี้ไม่แม้แต่จะสำนึก เกลียดๆๆๆๆ ชายชั่วหญิงเลววววววว
pumkin 27 ต.ค. 2555, 14:08:35 น.
555 เริ่มเห็นด้วยกับทุกคนแล้วค่ะ
555 เริ่มเห็นด้วยกับทุกคนแล้วค่ะ
poy 1 พ.ย. 2555, 08:53:13 น.
ใครมากำจัดนังวิออกไปที
ใครมากำจัดนังวิออกไปที