Melodies of fantasy
บนโลกใบนี้ มีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นมากมายในแต่ละวัน ยิ่งในอินเตอร์เน็ตด้วยแล้ว มีข้อมูลนับล้านๆ ข้อมูล ครอบคลุมไปหมดทุกเรื่อง แม้แต่สิ่งลี้ลับอย่าง แวมไพร์, พ่อมดแม่มด, เวทมนต์คาถา หรือแม้แต่ ผี!
Tags: ผจญภัย แฟนตาซี โรแมนติก

ตอน: ตอนที่ 3 ท่วงทำนองแห่งแฟนตาซี

เดลี่พรอเฟ็ตออนไลน์ เป็นโรงเรียนที่ใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุดในโลกเวทมนตร์ ก่อตั้งโดยแม่มดริต้าบริเวณโรงเรียนครอบคลุมพื้นที่กว่าหมื่นไร่ ตั้งอยู่ท่ามกลางดินแดนของเอลฟ์, พ่อมดแม่มด,แวมไพร์ และปีศาจ นักเรียนที่นี้จึงมีทุกประเภท

เวลาเย็นหลังเลิกเรียน เหล่านักเรียนแวมไพร์และปีศาจจะเฮโลกันไปที่โคโรเซียม (สนามประลอง คล้ายสนามกีฬา)กันอย่างคึกคัก การต่อสู้หรือการประลองเป็นกีฬายอดนิยมในหมู่นักเรียนที่มาจากดินแดนแห่งความมืด แต่สำหรับนักเรียนเอลฟ์และพวกพ่อมดแม่มดแล้ว พวกเขานิยมเล่นควิดดิชกันมากกว่า

และในวันนี้ แวมไพร์กับปีศาจก็ใช้อาวุธต่อสู้กันอย่างดุเดือด น่าหวาดเสียว และลุ้นระทึกทุกวินาที จนกระทั่งเหลือ ปีศาจ ไคยัม เพียงตนเดียว

“ใครอยากประลองอีกก็เข้ามา” ไคยัมตะโกนเสียงดัง พลางชี้นิ้วไปรอบโคโรเซียมอย่างท้าทาย

...............เงียบ......................

ณ มุมหนึ่งบนอัฒจันทร์ เจ้าชายเอลฟ์กับแวมไพร์ตนหนึ่งคุยกัน

“นายไม่อยากประลองกับเขาบ้างเหรอ ชิฟตี้” เจ้าชายตรัสถามพระสหายสนิท ขณะที่สายตายังจับจ้องปีศาจไคยัม

“แล้วฝ่าบาทล่ะพะยะค่ะ” แวมไพร์ย้อนถาม

“ความอหังการของเจ้าไคยัมนี่แหละ ที่ทำให้ฉันนึกอยากประลอง” ริคแฟลมตอบ

“กระหม่อมก็เช่นเดียวกัน แต่คงไม่ดีกว่าวันนี้ขี้เกียจเปลืองแรง” แวมไพร์ชิฟตี้ยิ้ม
สองหนุ่มหัวเราะเบาๆ และมองดูเหตุการณ์ในสนามต่อไป

“แน่จริงก็เข้ามา” ปีศาจไคยัมร้องถาม ด้วยท่าทีมั่นใจในชัยชนะครั้งนี้มาก และสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น

“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก ตุ้บ!!!!!!!”

ตัวผม ซิกนัส ผู้ถูกแม่มดด็อบบี้ เจ ผลักเข้ามาในเดลี่ฯ ปรากฏตัวเหนือสนามประลองราวสี่เมตร และตกลงมาตรงหน้าปีศาจไคยัมพอดิบพอดี...โชคดีเหลือเกินที่ลานประลองเป็นสนามหญ้ากอปรกับดินนุ่ม ทำให้ผม
ไม่เป็นอะไรมากเพียงแต่รู้สึกเจ็บที่ก้นเหลือเกิน

เสียงเฮดังกระฮึมไปทั่วสนาม เป็นเหตุให้ผมเงยหน้าขึ้นมอง แล้วก็ต้องตะลึงเมื่อเห็น ผู้ชายตรงหน้า ทั้งตัวใหญ่และสูงเกือบแปดฟุต มีเล็บมือและเท้าที่แหลมคม ผิวหนังเป็นสีเขียว ยืนจังก้าจ้องหน้าผมเขม็งด้วย
นัยน์ตาสีแดงฉานของมัน ผมสะดุ้งเฮือก กลืนน้ำลายลงคอดังเอื๊อก

“นายแน่มาก” ปีศาจผิวคล้ำว่า พลางชี้หน้าผม แล้วเดินไปอีกฝั่งหนึ่งของสนาม

แวมไฟร์น้อยตนหนึ่งบินร่อนมาหา ในมือถือถาดเงินมาด้วย

“มนุษย์ผู้กล้าเลือกอาวุธค่ะ” แวมไพร์หมิงพูด พลางยื่นถาดเงินมาตรงหน้าผม ในถาดเงินมีอาวุธสี่อย่าง คือ แส้สีดำ ธนูสายฟ้า ดาบเงิน และไม้กายสิทธิ์

“นี่มันอะไรกัน” หนุ่มลูกครึ่งไทยอังกฤษถามอย่างงงๆ แวมไพร์น้อยชะโงกหน้ามา มองเหล็กดัดฟันของผมอย่างสนใจ

“โอ้....มนุษย์ฟันเหล็ก...ท่านมาที่นี่ทำไมล่ะ ...ถ้าไม่อยากประลองฝีมือ”

“ประลองฝีมือ ! ..ไม่...ผม....เออ...แม่มดด๊อบบี้เจ ผลักผมตกลงมา”

“มัวชักช้าอะไรอยู่ เลือกอาวุธเร็ว ๆ เข้าซิ” ปิศาจไคยัมตะโกนเสียงหงุดหงิดข้ามสนามมา

ผมและแวมไพร์น้อยต่างมองไปที่ไคยัม ผมไม่ใช่คนขี้ขลาด แต่ก็รู้สึกหวาดหวั่นมิใช่น้อย ใช่ ! ผมเรียนฟันดาบมาบ้าง แต่ไม่เคยมีคู่ต่อสู้ของผมคนไหน หน้ายังกับตัวเอกในเรื่อง The Hulk ผสม Freddy ยังไงยังงั้น

“ขอถอนตัว” ผมหันไปบอกแวมไพร์หมิงทันที แต่อีกฝ่ายส่ายหน้า

“ทำไม่ได้ค่ะ ใครเข้ามาในสนามประลองแล้ว ต้องสู้กันจนกว่าจะรู้ผลแพ้ชนะ จึงได้ออกจากสนามนี้ได้ มันเป็นกฎของพวกเราค่ะ”

“บ้าจริง !” ผมสบถ

ผู้ชมในอัฒจันทร์เป่าปากโห่ร้องที่ผมชักช้า

“คุณจะเป็นต้องเลือกอาวุธแล้วค่ะ...”

“นี่เรากำลังจะฆ่ากันนะ” ผมว่า

“อาวุธพวกนี้ไม่เป็นอันตรายหรอกค่ะ แค่ทำให้ตัวแข็งขยับไม่ได้ชั่วคราวเท่านั้น และถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ก็ยังมีแม่มดกรีนซึ่งเป็นพยาบาลคอยช่วยอยู่ข้างสนาม สบายใจได้ค่ะ” แวมไพร์น้อยยิ้มแฉ่ง
เสียงโห่จากคนดูดังขึ้นอีก บีบให้ผมต้องเลือกอาวุธในถาดเงิน

ธนูก็ใช้ไม่เป็น แส้หรือก็มีหวังพันตัวเองเสียมากกว่า โธ่เอ๊ย ! ไม้กายสิทธิ์ แล้วผมจะท่องคาถาไหนล่ะ” ผมครวญครางในใจ ก่อนตัดสินใจหยิบดาบเงินขึ้นมา นัยน์ตาสีฟ้าของผมจ้องคู่ต่อสู้นิ่ง แล้วลุกขึ้นยืนตัวตรง มือกระชับดาบแน่น

“เอาล่ะ เป็นไงเป็นกัน”

++++++++++++++++

ตึก ตึก ตึก

ระหว่างที่ผมกำลังตัดสินใจอยู่นั้น นักเรียนเอลฟ์คนหนึ่งก็วิ่งอย่างรวดเร็ว ไปที่ห้องประธานนักเรียนแล้วผลักประตู่เข้าไปโดยไม่ได้ขออนุญาต ...ภายในห้องนั้นเหล่ากรรมการนักเรียนชั้นซีเนียร์กำลังประชุมกันอยู่

“ข่าวใหญ่ค่ะ ... ท่านประธานบัตเตอร์...”เอลฟ์ฮะซุ รีบวิ่งเข้าไปรายงานต่อพอมดหนุ่มผู้เป็นประธานทันที

“ถ้าข่าวเล็กล่ะก็ เธอต้องถูกตัดชื่อออกจากงานเต้นรำแน่” ประธานบัตเตอร์เสียงเข้ม

“ใหญ่แน่ค่ะ ...ตอนนี้มีมนุษย์อยู่ในโรงเรียนของเรา ... และกำลังจะสู้กับไคยัม” เอลฟ์สาวรายงานอย่างตื่นเต้น

“ไปดูกันเถอะ” เจ้าหญิงแห่งเอลฟ์นามว่า จูเลียน่า เอ่ย น้ำเสียงกระตือรือร้นเป็นพิเศษ แน่ล่ะ ที่สนามประลองมีใครบางคนที่เจ้าหญิงอยากพบ และนั่นทำให้ประธานหนุ่มข่มความรู้สึกไม่พอใจเอาไว้ เจ้านั่น ! เป็นศัตรูหัวใจของเขาโดยแท้

ประธานบัตเตอร์ เจ้าหญิงจูเลียน่า และ เอลฟ์อาร์คาส เดินเข้ามาในโคโรเซียม ซึ่งตอนนี้นักเรียนเอลฟ์และพ่อมดแม่มดให้ความสนใจมาดูกันจนเกือบเต็มความจุของสนาม ทั้งสามนั่งลงบนอัฒจันทร์ฝั่งตรงข้ามกับ เจ้าชายเอลฟ์ริคแฟลม และแวมไพร์ชิฟตี้

“หึ หึ หุ่นอรชรแบบน้จะทำอะไรได้” ไคยัมกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจ พลางเลือกดาบเงินเช่นเดียวกับผม

“การต่อสู้ระหว่างมนุษย์ฟันเหล็กที่ตกลงมาจากท้องฟ้า กับปีศาจไคยัมผู้ไม่เคยแพ้ใครกำลังจะเริ่มขึ้น ณ บัดนี้แล้วค่ะ” แวมไพร์หมิงประกาศก้องผ่านไมโครโฟนจิ๋ว ก่อนจะบินไปยืนข้างสนาม แล้วเป่านกหวีด

“ปรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด” การต่อสู้เริ่มต้นขึ้น

“อ๊ากกกกกกกก” ไคยัมวิ่งเข้าใส่....เงื้อดาบฟันลงตรงกลางศีรษะของผมอย่างแรง โชคดี ! ผมหลบทัน แล้วฟันดาบสวนกลับไป ปีศาจตัวเขียวยกดาบขึ้นรับไว้ คมดาบกระทบกันจดเกิดประกายไฟ ผมรับคมดาบครั้งแล้วครั้งเล่า ปีศาจตัวใหญ่อาศัยจังหวะที่ผมเผลอเตะเข้าที่ขาจนหงายหลังล้มลง

“ฉึก !” ดาบไคยัมปักตามลงมา ... หนุ่มลูกครึ่งม้วนตัวหลบได้ทันอย่างฉิวเฉียด
เสียงคนดูครางกันทั้งสนาม

“มนุษย์ฟันเหล็กได้รับเสียงเชียร์จากพ่อมดแม่มด และพวกเอฟล์มากเหลือเกิน แหม ก็เขารูปร่างหน้าตาดีเหลือเกินนี่คะ ส่วนนักเรียนปีศาจทั้งหมดก็เชียร์ปีศาจไคยัมเต็มที่ ไม่น่าเชื่อค่ะ วันนี้คนดูเยอะจริง ๆ “ แวมไพร์หมิงบรรยาย อย่างออกรส

ผมฉวยโอกาสตอนที่ไคยัมดึงดาบจากพื้นดิน วิ่งหนีไปตั้งหลัก และคิดหาทางต่อสู้

บนอัฒจันทร์ .....

“ฝ่าบาทว่าใครชนะ” แวมไพร์ชิฟตี้เอ่ยถามเจ้าชายที่นั่งอยู่ด้านข้าง

“เรื่องพละกำลังเจ้าปีศาจเป็นต่ออยู่ .... แต่ตัวมันใหญ่เคลื่อนไหวช้า .... อืม .... แล้วนายคิดว่ายังไงล่ะ”

“ขึ้นอยู่กับมนุษย์ผู้นั้นพะยะค่ะ ... ว่าเขาจะใช้ความไวได้ดีแค่ไหน”

สิ่งที่สองหนุ่มบนอัฒจันทร์คุยกัน เป็นสิ่งที่ไรอันรู้อยู่แก่ใจ หากปะทะกันซึ่งหน้าผมสู้แรงไคยัมไม่ไหวแน่ มีทางเดียวเท่านั้นที่จะชนะครั้งนี้ได้ ว่าแล้วผมก็วิ่งสุดกำลังไปที่ขอบกำแพงอัฒจันทร์ซึ่งยกสูงจากพื้นสี่เมตรรมีผู้ชมนั่งอยู่ด้านบน ปีศาจไคยัมไล่ตามมาติด ๆ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ผมต้องการ ยิ่งตามมาติดๆ ยิ่งดี พอใกล้ถึงตัวผม ไคยัมก็โถมตัวเข้าแทง ผมกระโดดตัวลอยใช้เท้าไต่กำแพง ก่อนจะใช้แรงทั้งหมดพลิกตัวเตะเข้าที่กกหูของไคยัมอย่างแรงจนมันเซถลา แล้วแทงดาบเงินเข้าที่กลางลำตัวสูงใหญ่ของไคยัม

ผู้ชมเงียบกริบทั้งโคโรเซียม ขณะที่ผมยืนหอบ มองดูร่างยักษ์ล้มลงนอนแข็งทื่อกับพื้น....ดาบเงินที่ปักอยู่หายไป และการต่อสู้สิ้นสุดลง.....

“บราโว ! “ ริคแฟลมร้องเสียงดังท่ามกลางความเงียบ เจ้าชายลุกขึ้นตบมือแสดงความยินดี แล้วทุกคนก็ส่งเสียงเฮพร้อมกับลุกขึ้นตบมือดังกึกก้องไปทั่วโคโรเซียม หมิงบินมากระซิบถามชื่อผม และประกาศออกมา

“ ซิกนัส เป็นผู้ชนะ มนุษย์ฟันเหล็กจากท้องฟ้าเป็นผู้ชนะ”

เฮ เฮ เฮ

นักเรียนหลายคนอยากมาแสดงความยินดีกับไรอัน แต่ถูกประธานบัดเตอร์สั่งห้าม เพราะไรอันเป็นมนุษย์ที่ต้องถูกควบคุมตัวไว้ก่อน เพื่อความปลอดภัยของที่นี่ ทำให้ทุกคนผิดหวังไปตาม ๆ กัน

ไรอันไม่ได้ยินที่บัตเตอร์พูด เพราะมัวตะลึงกับนักเรียนเอลฟ์ ที่สวยน่ารักกันทั้งนั้น โดยเฉพาะสองสาวที่ยืนอยู่บนอัฒจันทร์

“ระวังสายตาหน่อย...ถ้านายไม่อยากถูกกัดที่คอ” เจ้าชายริคแฟลมพูดอย่างขำ ๆ
ซิกนัสเริ่มได้สติ หันไปมองชายหนุ่มรูปหล่อ ผมสีทอง และมีใบหูด้านบนแหลมตามลักษณะของเอลฟ์

“น้องสาวของฉันเองชื่อจูเลียน่า กับเพื่อนของเขาชื่ออาร์คาส” เจ้าชายริคแฟลมตรัสแนะนำ พลางโบกมือทักทายสองสาวที่ถูกพูดถึง แล้วพวกเธอก็โบกมือตอบกลับมา

“เจ้าหญิงจูเลียน่าเป็นคู่หมั้นของฉัน” ประธานบัตเตอร์พูดแทรกขึ้นมาทันที แม้จะพูดกับไรอัน แต่สายตากลับจ้องไปที่ แวมไพร์ชิฟตี้ หนุ่มผู้มีนัยน์ตาและผมสั้นสีดำ

ทันใดนั้น เอลฟ์สาวฮะซุ ผู้เป็นกระจอกข่าวแห่งเดลี่ฯ วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาในโคโรเซียม

“ประธานนนนนนน... แย่แล้ว.......เด็กใหม่ชาวปีศาจ ตีกันอีกแล้วค่ะ”

“อย่างที่คิดเลย.....พวกไร้อารยะ” น้ำเสียงของบัตเตอร์ห้วนและเยาะหยัน พลางส่งสายตาไปที่แวมไพร์หนุ่มคนเดิม

เอลฟ์ฮะซุเร่ง ทำให้บัตเตอร์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ หันมาสั่งแกมขอร้องกับ เจ้าชายริคแฟลม

“ฝ่าบาทช่วยกักตัวมนุษย์แปลกหน้าผู้นี้ไว้ก่อนเถอะ เสร็จธุระแล้ว กระหม่อมจะมาควบคุมเขาเอง”
และไม่รอคำตอบ พ่อมดบัตเตอร์ก็เดินตามฮะซุออกไปจากโคโรเซียม เหลือเพียงหนุ่มสาวห้าคน กับพวกปีศาจสองสามตนที่ช่วยกันยกร่างแข็งทื่อของไคยัมไปให้ แม่มดกรีนรักษา

“น้องจะยืนอยู่ตรงนั้นกับเพื่อน โดยไม่ลงมาทักทายแขกผู้มาใหม่งั้นหรือ” ริคแฟลมตะโกนถามจูเลียน่าที่ยืนอยู่บนอัฒจันทร์

“แล้วทำไมพวกผู้ชายถึงไม่ให้เกียรติผู้หญิง โดยขึ้นมาหาก่อนล่ะเพคะ” ธิดาเอลฟ์ผู้น่ารักที่สุดในเดลี่ฯ ตอบ
เจ้าชายหัวเราะ แล้วชวนทุกคนออกไปข้างนอก

หนุ่มสาวทั้งห้าทำความรู้จักกัน ไรอันเล่าว่า ถูกแม่มดที่ชื่อด๊อบบี้เจ ผลักเข้าไปในกระจก แล้วเขาก็ตกลงมาที่นี่

“แม่มดด๊อบบี้ เจ !” เอลฟ์อาร์คาสตาโต “คุณรู้ไหมว่า เธอเป็นแม่มดอาวุโสที่สุดของโลกเวทมนต์เชียวนะ คุณเป็นมนุษย์ที่โชคคดีที่สุดในโลกเลย”

“ใช่ ใช่ อีกสามวันที่นี่จะมีงานเต้นรำ คุณเป็นมนุษย์เพียงคนเดียวในโลก ที่ได้มาร่วมงานกับพวกเรา คิดดูซิ มันเยี่ยมแค่ไหน” องค์หญิงจูเลียน่าพูด

“นายว่าวันนี้ เป็นวันเกิดนายใช่ไหม มาเถอะ ฉันจะพานายขี่มังกรบินเที่ยวทัวเดลี่ฯ เลย” เจ้าชายคล้องคอซิกนัส

“มังกร !!” ซิกนัสตาโตขึ้นมาทันที “โอ้ ผมไม่เคยเห็นของจริงเลย นี่ผมจะได้สัมผัสและขี่มันจริง ๆ เหรอ...วิเศษ”

หนุ่มทั้งสามตกลงกันว่า นอกจากออกไปเที่ยวข้างนอกเดลี่ฯ แล้ว คืนนี้จะไปร่วมงานฟลูมูนปาร์ตี้ของเหล่านักเรียนแวมไพร์... พรรคพวกเพื่อนฝูงของชิฟตี้ที่ป่าปีศาจด้วย แต่เมื่อสองสาวเดินตามมาข้างหลัง ....

“น้องสาวที่รัก .... จะไปไหน” ริคแฟลมถามจูเลียน่า

“น้องกับอาร์คาสอยากไปด้วย” เจ้าหญิงเอลฟ์ตอบ

“บัตเตอร์คงไม่พอใจ”

“บัตเตอร์? เกี่ยวอะไรด้วย นี่ก็อีก ทำไมท่านพ่อถึงเห็นดีเห็นงามคิดจะยกอัญมณีที่มีค่าที่สุดของท่าน ซึ่งก็คือตัวน้องให้แก่พ่อมดผอมแห้งผมสีเงินผู้นี้”

“พี่เข้าใจว่า น้องอยากปฏิเสธเกียรตินั้น”

“ถูกต้อง”

“แต่บัตเตอร์เป็นพ่อมดที่เก่ง เป็นประธานนักเรียน และตอนอยู่ในโคโรเซียม เขาก็ประกาศว่า น้องเป็นคู่หมั้นของเขา”

“เหลวไหล !” จูเลียน่าร้องเสียงสูง พลางหันไปมองแวมไพร์ชิฟตี้แวบหนึ่ง แล้วหันกลับมาพูดกับพี่ชาย ด้วยน้ำเสียงที่ดัง เพื่อให้อีกคนได้ยิน

“ถ้าเรื่องนั้นเป็นความจริง น้องควรมีสิทธิ์รู้ก่อนใคร แต่นี่ไม่ใช่ บัดเตอร์แอบอ้างทั้งเพ...ใช่ ท่านพ่ออาจพูดทำนองว่าอยากได้เขามาเป็นลูกเขย แต่เรายังไม่ได้ตกลงกัน”

ซิกนัสเหลือบมองแวมไพร์หนุ่มซึ่งยื่นอยู่ด้านข้าง ความสนใจของชิฟตี้อยู่ที่เจ้าหญิงจูเลียน่า แสงแดดยามเย็นฉายให้เห็นอารมณ์เจ้าตัว แววตาที่เจ็บปวด ศักดิ์ศรีที่ไม่อาจจะละทิ้ง และความโหยหาภายในจิตใจ ซิกนัสรู้ในทันทีว่า แวมไพร์ชิฟตี้หลงรักน้องสาวของเจ้าชายริคแฟลม ซึ่งเป็นเอลฟ์ !

“เจ้าชายริคแฟลมรู้เรื่องนี้ไหม” ซิกนัสคิด และไม่ต้องถาม จู่ ๆ เจ้าชายก็พูดโพล่งออกมา

“บัตเตอร์แอบอ้างก็จริง แต่เขาเหมาะสมกับน้องทุกประการ ดีกว่ามีลูกเลือดผสมที่เกิดจากแม่เป็นเอลฟ์และพ่อเป็นแวมไพร์ .... ซึ่งก็คงไม่ต่างไปจากการจับคู่แม่พันธ์แท้ชั้นดีกับพ่อที่ไร้ชาติตระกูล”

ราวกับฟ้าผ่าใส่ทุกคน คำพูดที่หลุดออกจากปากเจ้าชาย สร้างความตกตะลึงและเจ็บปวดต่อผู้ที่ถูกว่าอย่างแสนสาหัส ใครจะคิดว่า ริคแฟลมจะดูถูกพระสหายคนสนิทได้ถึงเพียงนี้ เจ้าหญิงจูเลียน่านั้นแทบช็อค อาร์คาร์ตวัดสายตามองเจ้าชาย ซิกนัสหายใจแรง ราวกับสงครามกำลังจะเกิดตรงหน้า

แวมไพร์หนุ่มก้าวเข้ามาเผชิญหน้าเอลฟ์ผมทอง ด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย แต่นัยน์ตาสีดำลุกวาวด้วยความโกรธ

“บางครั้งการมีเลือดผสมเข้ามาปะปนก็มีประโยชน์ต่อสายพันธุ์ที่กำลังจะสูญพันธุ์” ชิฟตี้กล่าวหนักแน่น

“และบางครั้งก็เป็นอันตราย ....เอลฟ์ที่ต้องอยู่ในแสงสว่าง กับ แวมไพร์ที่ชอบอยู่ในความมืด... พระอาทิตย์กับพระจันทร์มันขนานเส้นกัน ไม่มีวันบรรจบกันได้” เจ้าชายย้อน

“แต่.......” จูเลียน่าจะเถียง แต่ชิฟตี้แตะแขนห้ามไว้

“น้องสาวของฝ่าบาทเป็นคนสวยน่ารัก และอบอุ่นพะยะค่ะ....และ.....กระหม่อมทราบดีว่าไม่คู่ควรกับองค์หญิง ไม่จำเป็นที่ฝ่าบาทจะต้องบอกกระหม่อม หรือ กระหม่อมจะต้องอยู่ฟัง”
แวมไพร์หนุ่มยืดอก พลางถอยห่างจากจูเลียน่าและคนอื่นๆ เดินไปทางป่าปีศาจ

“เดี๋ยวก่อน” เจ้าชายริคแฟลมเรียก

“นายเป็นองครักษ์ของฉัน และได้รับการยอมรับจากเพื่อนนักเรียนเอลฟ์ นายจะไปไหนไม่ได้จนกว่าจะได้รับอนุญาตจากฉันเสียก่อน และนายก็ยังไม่ได้รับอนุญาต”

ชิฟตี้หันกลับมา เขากระชากตราสัญลักษณ์ของเจ้าชายซึ่งติดอยู่ที่หน้าอกออก แล้วโยนมันทิ้งต่อหน้า
ริคแฟลมอย่างไม่ใยดี ก่อนจะหันหลังกลับไปยังที่ที่เขาควรอยู่

“ชิฟตี้ !” เจ้าหญิงร้อง ร่างสูงเพรียวสง่างามชะงักนิดหนึ่ง แต่เขาไม่หันกลับมา ปีกสีดำงอกออกจากแผ่นหลังแล้วบินหายเข้าในป่าปีศาจ ถิ่นของเหล่านักเรียนแวมไพร์

“พี่ไม่เคยเป็นแบบนี้....ไม่มีเหตุผล ดูถูกผู้อื่น...ทำไม” จูเลียน่าตะคอก จ้องหน้าพี่ชายด้วยความโกรธ ดวงตาแดงกร่ำ...และขอบตามีน้ำตาเอ่อล้นออกมา

“คิดซิ !” เจ้าชายดุ องค์หญิงปล่อยโฮออกมา แล้ววิ่งจากไป

“นั่นคือการสูญเสีย แล้วฝ่าบาทจะรู้สึก” อาร์คาสพูดใส่หน้าริคแฟลม ก่อนจะวิ่งตามเจ้าหญิงไป
หนุ่มสองคนต่างนิ่งเงียบ ซิกนัสเห็นเจ้าชายริคแฟลมถอนหายใจยาว

“เขาต้องตัดสินใจ” ริคแฟลมเอ่ยเสียงแผ่วเบา

“ฝ่าบาททำลายศักดิ์ศรีของคุณชิฟตี้” ซิกนัสพูด

“ศักดิ์ศรีของแวมไพร์ต่างหากที่ต้องถูกกำราบ วันนี้แค่บัตเตอร์คนเดียวที่ดูถูกเขา แต่ต่อไปยังมีญาติพี่น้อง ประชาชนเอลฟืของฉันอีกเล่า....เขาจะรับได้ไหม”

“แล้วทำไมต้องตอนนี้ เดี๋ยวนี้ด้วยล่ะ กระหม่อม”

“เพราะอีกสามวันจะมีงานเลี้ยงฉลองครบรอบหนึ่งหมื่นปีของอาณาจักรเดลี่....ผู้นำทุกคนจะมาที่นี่ รวมถึงพ่อฉันด้วย นายคิดว่าจูเลียน่าควรแนะนำใครให้ท่านรู้จักดีล่ะ” เจ้าชายริคแฟลมยิ้มกว้าง แม้ไม่เต็มที่นัก

ซิกนัสพยักหน้าเข้าใจ “คุณชิฟตี้ต้องตัดสินใจจริงๆ”

+++++++++++++++++

คืนแรกของการมาอยู่เดลี่ฯ ไรอันได้พักในปราสาทของพวกนักเรียนเอลฟ์ โชคดีมีห้องนอนเหลืออยู่หนึ่งห้อง มันอยู่ติดกับห้องเปียโน ความเพลียจากการต่อสู้ทำให้เขาเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำ แต่กลางดึกคืนนั้นเขาต้องตื่นขึ้นมา เพราะได้ยินเสียงเพลงที่แสนเศร้าดังมาจากห้องเปียโน.....เสียงผู้หญิง...เจ้าหญิงจูเลียน่า !”

เพลง Melodies of life (คำแปล โดย คุณหิมะเดือนหก แห่งบอร์ดเดลี่ฯ)

“ในความมืดมิด....เพียงลำพัง.....
ฉันค้นหาเศษเสี้ยวความรักที่คุณทิ้งไว้ในใจ....ที่อ้างว้างของฉัน
เพื่อจะสานรักขึ้นใหม่ จากชิ้นส่วนที่แตกสลายและยังคงเหลืออยู่
เป็นท่วงทำนอง...บทเพลงแห่งชีวิต “รักมิอาจรั้ง”

ฉันเองก็บอกไม่ได้.....ว่าเพราะอะไรเส้นทางเดินชีวิตของเราจึงมาบรรจบกัน
เราพบกัน....เราหัวเราะด้วยกัน....เรารักกันอย่างรวดเร็ว แล้วจากนั้น เราก็บอกลา...
จะมีใครบ้างไหม.... ได้ยินเสียงสะท้อนของตำนานที่ไม่เคยถูกเล่าขานนี้
ให้มันดังกังวาลต่อไป.....จนกว่าพวกเขาจะได้รับรู้.....

ในความทรงจำที่ยังตราตรึง ฉันเห็นคุณร่ำร้องเรียกหาฉัน
ถึงแม้นว่าคุณจะจากไปแล้ว ... ฉันยังคงเชื่อเสมอว่า สักวันหนึ่งคุณจะกลับมา
สำเนียงจากอดีตของเราทั้งสอง จะเพิ่มความไพเราะกลมกลืนให้กับบทเพลง
และมันจะเพิ่มขึ้นอย่างนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า...

ท่วงทำนองบทเพลงแห่งชีวิต ... จะดังกังวาลไปทั่วฟ้า
ผ่านนกที่โบยบิน ตลอดกาลตราบนิจนิรันดร์....

ไกลสุดขอบฟ้า....
ไกลเท่าที่นกจะบินไปถึงได้
ผ่านเงาของเมฆที่พาดผ่านท้องฟ้า
ฉันฝากความฝันและความทรงจำไว้กับปีกนกที่โบยบิน

ทิ้งทุกอย่างไว้ที่นั่น ไม่ว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร....
ความทรงจำที่ยังตราตรึงของคุณ....ยังจำได้หรือเปล่าว่าเคยรักฉัน?
หรือเป็นเพราะพรหมลิขิต ที่นำให้เรามาพบกัน แล้วพรากคุณไปจากฉัน?

เสียงจากอดีตของเราทั้งสอง จะเพิ่มความไพเราะกลมกลืนให้กับบทเพลง
และมันจะเพิ่มขึ้นอย่างนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า...

ท่วงทำนองบทเพลงแห่งชีวิต ... จะดังกังวาลไปทั่วผ่านนกที่โบยบิน ตลอดกาลตราบนิจนิรันดร์...
ถ้าฉันจากโลกที่อ้างว้างใบนี้ไปแล้ว เสียงของคุณจะยังคงจำอยู่ในท่วงทำนองเพลงของเรา
ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่า เราจะไม่มีวันทิ้งมันไป

“ท่วงทำนองบทเพลงแห่งชีวิต” จะรายล้อมและหยั่งรากลึกในใจของเราทั้งสอง ตราบนานแสนนนานเท่าที่เรายังระลึกถึง”

---------------------------------------------- จบตอน 3 ---------------------------------------------------
http://www.youtube.com/watch?v=Ye7BGnlTZmQ



เกร็ดหิมะ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 ต.ค. 2555, 22:55:58 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 ต.ค. 2555, 22:55:58 น.

จำนวนการเข้าชม : 1001





<< ตอนที่ 2 ปีศาจ&แม่มด   ตอนที่ 4 งานเต้นรำ (ตอนจบ) >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account