ภิรมย์รัก
กุลสตรี!

รุจิรดาแอบเบ้ปากด้วยความเบื่อหน่ายปนขุ่นเคือง
หากนับว่าการที่เธอยื่นมือออกไปช่วยเหลือน้องสาวของ หม่อมเจ้าอดุลย์วิทย์ นั้นไม่เป็นกุลสตรี
หญิงสาวก็ยอมรับตามความจริง
แต่เมื่อคนที่ชี้ความจริงข้อนี้ให้เธอรู้เป็นพี่ชายของคนที่เธอช่วยเอาไว้
หญิงสาวจึงรู้สึกเหมือนตนกำลังทำคุณบูชาโทษ
ต่อแต่นี้ไปก็อย่าได้มาเจอะมาเจอกันอีกเลยเป็นดีที่สุด!

หากภาวนาไปไม่พ้นสามวัน
คนที่เธอไม่อยากพบเจออีกในชาตินี้ กลับมาเป็นอาจารย์ของเธอเอง
คราวนี้คงต้องฟังแลกเชอร์ว่าด้วย “ความเป็นกุลสตรี” เสียจนหูชาแน่ๆ
เธอต้องหาทางหนีสถานเดียว!

แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร...
ยิ่งพยายามหนีให้ไกลจากดวงตาสีดำคูคมนั้นเท่าไหร่
กลับยิ่งเหมือนอีกฝ่ายจะไล่ตามมาไม่ปล่อยเสียอย่างนั้น!

Tags: ย้อนยุค,ศิษย์,อาจารย์,ท่านชาย,ท่านหญิง,ความรัก,พีเรียด

ตอน: บทที่ 4 [2/2]

หลังจากรับประทานอาหารว่างเสร็จแล้ว ท่านหญิงและมนต์ณัฐต่างก็แยกกันอ่านหนังสืออีกครั้งหนึ่ง

เนตรงามปรายมองด้วยทีท่าไม่ใส่พระทัยเท่าใด หากกลับจับจ้องทุกอากัปกิริยาของร่างสูงที่นั่งอยู่ตรงเบื้องพักตร์ได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นอาการกระวนกระวาย เงยหน้าขึ้นมองไปทางตัวตึกทุกๆ ครึ่งนาที หรือแม้แต่การเริ่มเคาะปากกาลงบนหนังสือเบาๆ

เพราะเห็นอย่างนั้น ท่านหญิงอรกัญญาจึงอดไม่ได้ที่จะทักเมื่อเห็นใบหน้าคมสันของพระสหายเงยขึ้นอีกครั้ง

“ณัฐ”

“เฮ้อ...”

มีเพียงเสียงถอนหายใจบางเบากับดวงตาเหม่อลอยไปข้างหน้าเท่านั้นที่ตอบพระองค์กลับมา ทว่านอกจากนั้นมนต์ณัฐก็ไม่มีทีท่ารู้ตัวเลยว่าทรงเรียกเขา

“ณัฐ... มนต์ณัฐ!”

“หือ... ฝ่าบาท เรียกกระหม่อมมีอะไรหรือ?”

ใบหน้าคมเหรอหราเมื่อมองสบเนตรงามที่ทอดพระเนตรด้วยแววเนตรแฝงความห่วงใย ท่านหญิงส่ายพักตร์น้อยๆ พลางรับสั่ง “ไม่มีอะไร แค่อยากรู้ว่าณัฐอ่านหนังสือรู้เรื่องหรือ?”

“หนังสือ? เอ่อ...”

“หญิงเห็นณัฐถอนหายใจสลับกับมองไปทางนั้นไม่รู้กี่ครั้งแล้ว” ทรงชี้ไปที่ทางเดินเล็กๆ ที่ทอดไปยังห้องครัว “มีอะไรกังวลอยู่หรือเปล่า?”

“เปล่ากระหม่อม” แม้จะตอบรับ หากดวงตาสีน้ำตาลเข้มก็ยังไม่วายเหลียวมองไปทางนั้นอีกครั้ง ก่อนจะหันกลับมาเอ่ยอย่างอดรนทนไม่ไหว “ฝ่าบาทว่า รดาเข้าไปในนั้นนานเกินไปหรือเปล่า?”

ขนงเรียวขมวดน้อยๆ ก่อนจะเหลือบมองนาฬิกาที่ผูกกับข้อหัตถ์บางแล้วรับสั่ง “เอ่อ... ยังไม่ถึงห้านาทีเลยนะ”

“กระหม่อมว่านานเกินไปหน่อย แค่ชงโกโก้ แล้วยกไปถวายเท่านั้นเอง ไม่น่าจะนานขนาดนี้นะ” น้ำเสียงมนต์ณัฐยังกังวล

“ทำไมหรือ?” ท่านหญิงแย้มโอษฐ์น้อยๆ พลางสรวลเสียงใส “ท่านพี่ไม่จับรดาเสวยหรอกน่า”

ชายหนุ่มมุ่ยหน้าเมื่อถูกปัดความกังวล ก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “รดานี่เขาน่ารักสดใสดีนะ เพื่อนร่วมคณะกระหม่อมที่เห็นเขาก็ชมว่าเขาน่ารักดี... อ๊ะ! ไม่ใช่ว่าฝ่าบาทไม่ทรงพระโฉมนะ พวกเพื่อนกระหม่อมบอกว่าทรงงามกว่ารดามากเลยล่ะ”

พักตร์งามขึ้นสีระเรื่อน้อยๆ เมื่อได้ยินดังนั้น หากก็ยังรับสั่งขัด “แต่ณัฐไม่เห็นด้วยกับเพื่อนกระมัง”

“ใครว่า” เจ้าตัวเสียงสูง ก่อนเอ่ยขึงขัง “กระหม่อมเห็นว่าทรงงามที่สุด ยังไม่เคยเห็นใครงามเท่าฝ่าบาทมาก่อนเลยด้วยซ้ำ”

คำชมซึ่งๆ หน้านั้นทำให้พักตร์แดงก่ำ นิลเนตรดำสนิททอดมองเพียงหนังสือที่อยู่เบื้องพักตร์ หากยังรู้สึกพักตร์ร้อนผ่าวจากสายตาจริงจังที่ยังจ้องมองมาตรงๆ

“ทรงงามจริงๆ แต่... กระหม่อมว่ากระหม่อมชอบผู้หญิงแบบรดามากกว่า”

ประโยคไม่คาดฝันนั้นทำให้หทัยที่เต้นระรัวช้าลงอย่างประหลาด สีเรื่อบนพักตร์เผือดจนซีด เนตรงามช้อนขึ้นสบสายตาชายหนุ่มทั้งๆ ที่ยังเบิกกว้างด้วยความคาดไม่ถึง

“ทำไมทำพักตร์อย่างนั้นล่ะหญิงอร” มนต์ณัฐพูดเสียงกลั้วหัวเราะ ใบหน้าคมยิ้มแย้มเมื่อรำลึกถึงหญิงสาวอีกคนหนึ่ง “ฝ่าบาทน่ะกระหม่อมไม่อาจเอื้อมหรอก แต่รดา... กระหม่อมคิดว่ากระหม่อมคุยถูกคอกับผู้หญิงคนนี้ เราน่าจะเข้ากันได้ดีทีเดียวล่ะ อีกอย่างรดาเขาก็เป็นคนเก่ง กล้าหาญอย่างหาได้ยากด้วย ฝ่าบาทเองก็น่าจะรู้จักรดาดี น่าจะทรงเข้าพระทัยได้ไม่ยากว่าทำไมกระหม่อมถึงชอบเขา”

ริมโอษฐ์บางสีกุหลาบสั่นน้อยๆ เมื่อได้ยินประโยคทั้งหมด หทัยปวดปลาบด้วยความรู้สึกบางประการที่บอกไม่ถูกว่าเป็นสิ่งใด... หรือเกิดจากอะไร ความเจ็บปวดที่เพิ่มขึ้นกับหทัยทำให้ต้องยกหัตถ์ทาบกับอุระอย่างไม่รู้องค์

“ฝ่าบาท... ฝ่าบาท... เป็นอะไรไปกระหม่อม พักตร์ซีดเชียว หรือเพราะแดดแรงกัน แล้วทำไมถึงทรงแตะตรงนั้นเล่า เป็นอะไรไปหรือกระหม่อม” มนต์ณัฐชะงักเมื่อสังเกตเห็นว่าพักตร์เซียวลงมากกว่าปกติ ร่างสูงชะโงกข้ามโต๊ะมาสบสายเนตรอ่อนหวานนั้นในระยะประชิด พลางมองสำรวจไปทั่วดวงพักตร์งดงามอย่างร้อนรน

ท่านหญิงอรกัญญาเอนองค์ไปทางเบื้องหลังน้อยๆ ในทันที ถึงแม้ยังทรงรู้สึกเจ็บ หากความที่ถูกอบรมมานานจึงทรงหลีกห่างเขาเพื่อเว้นที่ว่างไม่ให้ชิดกับชายหนุ่มมากจนเกินงาม ความเจ็บปวดนั้นคลายลงเล็กน้อยเมื่อทรงสูดอัสสาสะ เข้าลึกอย่างช้าๆ ก่อนจะสบเนตรกับดวงตาแสดงความเป็นห่วงเป็นใยอย่างเปิดเผยพลางส่ายพักตร์น้อยๆ

“ไม่... ไม่เป็นไร”

หัตถ์บางนุ่มอีกข้างหนึ่งกำแน่นบนตัก นขาเจียนมน จิกลงอุ้งหัตถ์เต็มแรง

เจ็บปลาบที่อุ้งหัตถ์... หากเจ็บปวดที่หทัยมากกว่า

“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว” ร่างสูงยังไม่ยอมคลายใจ ต่อเมื่อได้เห็นว่าทรงลดหัตถ์ข้างนั้นลงแล้ว และพักตร์ก็กลับคืนมาเป็นปกติ ไม่ซีดมากเหมือนเมื่อครู่ก็วางใจมากขึ้นหน่อย ยอมที่จะถอยกลับไปนั่งอยู่ที่นั่งตนเอง “ต้องทรงดูแลพระพลานมัยด้วยสิ กระหม่อมล่ะเป็นห่วง ช่วงนี้เข้าหน้าหนาวแล้ว ถ้าไม่ทรงระวังจะประชวรเอาได้ง่ายๆ นา”

“หญิงไม่เป็นไรหรอก” รับสั่งตอบแผ่วเบา หากสิ่งที่ดำริในพระทัยกลับตรงข้าม

...ได้โปรด... อย่าพูดคำว่าเป็นห่วงเลย...

ร่างสูงยิ้มแย้มกว้างขวางดุจเดิม ไม่ได้สังเกตว่าพักตร์งามนั้นกลับซีดลงไปอีกครั้งหลังจากที่ตนกล่าวคำออกไป มนต์ณัฐย้อนกลับไปพูดถึงเรื่องที่ค้างอยู่ “เฮ้อ... กระหม่อมล่ะกลุ้มใจ ตอนแรกกระหม่อมติดใจว่ารดาเป็นคนกล้า เลยอยากรู้จักคบค้าด้วย แต่ไม่คิดเลยว่าพอได้คบเป็นเพื่อนกันเข้าจริงๆ กระหม่อมจะรู้สึกอย่างนี้กับเพื่อนเสียได้ นี่กระหม่อมไม่กล้าบอกให้รดาเขารู้หรอก กลัวเหลือเกินว่าเธอจะเลิกคบเอา”

วรองค์แบบบางนิ่งขึง มีเพียงหัตถ์นวลเท่านั้นที่ค่อยๆ บีบเข้าหากันแน่นขึ้นในทุกๆ ถ้อยคำที่อีกฝ่ายได้พูดออกมา ก่อนจะรับสั่งถามสุรเสียงแผ่ว

“ณัฐ... ชอบรดาที่ตรงไหนหรือ?”

ใบหน้าคมสันประดับรอยยิ้มอ่อนโยนยามเมื่อคิดถึงหญิงสาวอีกคน “ถ้าจะเทียบความสวยล่ะก็ เขาแพ้ฝ่าบาทหลุดลุ่ยเลยล่ะกระหม่อม” คนพูดยิ้มกว้างเมื่อนึกถึงครั้งที่ไปขี่ม้ากันสามคน รุจิรดาในสภาพมอมเป็นแมวคราวนั้นทำให้ชายหนุ่มหัวเราะออกมาน้อยๆ “คงเป็นที่นิสัยเขากระมัง ร่าเริง ยิ้มง่าย เข้ากับคนอื่นได้ง่าย อยากรู้อยากเห็นเหมือนเด็กๆ บางครั้งก็แสนซนเหลือใจ ไม่ทรงเห็นว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเสน่ห์หรือกระหม่อม”

ท่านหญิงอรกัญญาทำได้เพียงพยักพักตร์น้อยๆ เท่านั้น

“นั่นล่ะ แต่ตอนนี้กระหม่อมกลัวใจรดาเหลือเกิน จะบอกว่าชอบเธอตอนนี้คงเร็วเกินไป เพราะเรายังคบหากันได้ไม่นาน เพียงแค่เดือนเศษๆ เท่านั้น ขืนบอกไปรดาต้องหาว่ากระหม่อมใจเร็วเป็นแน่”

“หรือไม่จริงล่ะ” โอษฐ์งามยกแย้มเมื่อรับสั่ง ทว่าทุกครั้งที่แย้มสรวลก็รู้สึกขมฝาดในพระทัย

“เพราะฉะนั้นกระหม่อมเลยจะไม่พูดตอนนี้อย่างไรล่ะ” มนต์ณัฐยักคิ้วน้อยๆ ดวงหน้าฉายแววเจ้าเล่ห์ “กระหม่อมว่าจะรอให้นานกว่านี้อีกหน่อย ค่อยบอกเขาแล้วขอคบเป็นคนรักเสียเลย อย่างนี้ฝ่าบาทว่าดีหรือไม่กระหม่อม?”

ไม่ทันที่ท่านหญิงจะได้รับสั่งตอบว่าอย่างไร ร่างสูงมองนาฬิกาข้อมือก่อนผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว

“กระหม่อมว่าจะไปตามรดาดีกว่า หายไปนานเกินควรแล้ว สงสัยป่านฉะนี้โดนท่านชายทรงเอ็ดใส่เสียกระมัง ทรงไปด้วยกันกับกระหม่อมได้ไหมฝ่าบาท?”

แทนการตอบคำถามท่านหญิงอรกัญญากลับลุกพรวดขึ้นยืน หากไม่ทันมั่นคงดีก็วิงเวียนวูบขึ้นมาทันควัน ทว่าร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างๆ เอื้อมมือมาคว้าต้นพาหา ไว้ได้ ก่อนจะโอบประคองวรองค์แบบบางไว้ในอ้อมแขนอย่างรวดเร็ว

“ค่อยๆ ลุกสิฝ่าบาท ลุกเร็วอย่างนี้ก็วิงเวียนสิน่า”

น้ำเสียงทุ้มนุ่มเจือลมหายใจอุ่นนั้นแทบจะแนบลงกับกรรณเล็กที่แปรเปลี่ยนเป็นแดงก่ำด้วยพระโลหิตที่สูบฉีดขึ้นทั่วบริเวณพักตร์และลามมาถึงกรรณ การแนบเศียรกับแผ่นอกกว้างของชายหนุ่มทำให้ทรงได้ยินเสียงหัวใจเต้นเป็นจังหวะหนักแน่นชัดเจน

นิลเนตรอ่อนหวานเงยสบกับดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่มองมาด้วยความห่วงใย ก่อนที่จะทรงค่อยๆ ขยับองค์ออกจากอ้อมแขนอบอุ่นอย่างนุ่มนวล

“ขอบใจนะ”

รับสั่งแผ่วเบาพร้อมพักตร์แดงก่ำ ท่วงท่าหลบสายเนตรไปทางอื่นทำให้มนต์ณัฐรู้ว่าทรงเขินอายกับความใกล้ชิดที่ไม่ได้ตั้งใจเมื่อครู่ ทว่ายิ่งไปกว่านั้นคือเขาก็รู้สึกประหลาดเช่นกั้น

...คล้ายๆ จะเขินอายเหมือนที่ทรงเป็นตอนนี้...

ชายหนุ่มปัดความรู้สึกเบาบางไม่ชัดเจนออกไป ก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้งหนึ่ง

“ไปตามรดากันดีว่ากระหม่อม”


หญิงสาวได้แต่เบิกตากว้างด้วยความอัศจรรย์ใจเมื่อก้าวเข้ามาในห้องทรงงาน

สิ่งแรกที่สะดุดตามากที่สุดในห้องนี้เห็นจะเป็นชั้นวางหนังสือติดผนัง ที่ยาวตั้งแต่เพดานจรดพื้น และยังมีหลายชั้น คล้ายห้องสมุดมากกว่าห้องทรงงาน หนังสือหลายเล่มที่หายากทั้งในและต่างประเทศถูกนำมาจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ ห้องกว้างขวางนั้นยังมีเก้าอี้นวมนุ่มน่าสบายที่วางอยู่ใกล้กับหน้าต่างบานยาวแบบฝรั่งเศส คล้ายกำลังยั่วยวนให้เธอหยิบหนังสือสักเล่มแล้วเอนตัวลงนั่งอ่านที่ตรงนั้น...

ไม่ได้ๆ เธอต้องเอาเครื่องดื่มนี่ไปวางที่โต๊ะทรงงาน แล้วก็เดินออกไปเสียก่อนที่เจ้าของห้องจะทรงกลับมา

เมื่อครู่รุจิรดายืนเคาะประตูได้สักพักหนึ่ง เมื่อไร้เสียงคนตอบรับเธอจึงถือวิสาสะเปิดประตูเข้ามาโดยพลการ จุดประสงค์แรกเพียงต้องการวางถ้วยโกโก้ที่กำลังถืออยู่เท่านั้น แต่เมื่อเปิดเข้ามาและถูกดึงดูดด้วยหนังสือมากมายละลานตา ร่างโปร่งบางจึงมองหาโต๊ะทรงงานเพื่อวางภาระนี้ลงเสีย

เมื่อเห็นโต๊ะตัวใหญ่ที่ทำจากไม้เนื้อแข็งสีน้ำตาลเกือบดำ จัดวางข้าวของอย่างเป็นระเบียบอยู่ข้างหน้าต่างเช่นเดียวกัน รุจิรดาเดินไปวางถ้วยโกโก้ลงกับโต๊ะ ก่อนจะบอกให้ตนเองเดินออกไปจากห้อง ปิดประตู แล้วไปสมทบกับสองคนข้างล่างนั่นเสียที

ก็ได้แต่บอกตนเองอย่างนั้น หากร่างโปร่งบางกลับเดินเข้าไปหาชั้นหนังสืออย่างอดใจไม่ได้ ก่อนจะยื่นมือไปไล้สันหนังสืออย่างกระหายอยากหยิบออกมา

...ขออีกประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น ประเดี๋ยวก็จะออกไปจากห้องนี้แล้ว...

มือเรียวหยุดที่สันหนังสือเล่มหนึ่ง ก่อนที่รุจิรดาจะดึงออกมาจากชั้นอย่างลืมตัวเมื่อเห็นว่าชื่อหนังสือ ใบหน้านวลยิ้มกว้างอย่างตื่นเต้น

“The Price ” สุรเสียงทุ้มหากราบเรียบไม่บ่งพระอารมณ์ใดๆ ดังขึ้นข้างหลังเธอ “ในฐานะนักเรียนรัฐศาสตร์และวิชากฏหมาย เธอคงรู้ว่าคนเขียนคือใคร”

รุจิรดาพยายามผ่อนลมหายใจให้เบาที่สุดพลางนึกเคืองวรองค์สูงที่เข้ามาประทับอยู่กลางห้องเมื่อใดก็สุดรู้

...ฝีพระบาทเบาอย่างกับแมว

หญิงสาวนึกค่อนในใจ หากตีสีหน้าเรียบเฉยพอๆ กับอีกฝ่ายแล้วเอ่ยตอบ “นิโคโล แมคเคียวเวลลี เพคะ”

ทรงพยักพักตร์น้อยๆ ก่อนรับสั่งถามต่อ “เธอเคยอ่านต้นฉบับหรือยัง”

“ไม่เคยอ่านหรอกเพคะ”

“แล้วเคยอ่านแบบไหนล่ะ?”

“เป็นฉบับภาษาอังกฤษ นานเสียจนหม่อมฉันจำไม่ค่อยได้แล้วล่ะเพคะ”

“อ้อ... “ ทรงลากสุรเสียงยาวคล้ายเพิ่งเข้าพระทัย ทว่าเนตรคมมีประกายประหลาดบางอย่างแวบผ่านเมื่อรับสั่งต่อ “เมื่อครู่เห็นท่าทางตื่นเต้น เลยนึกว่าอ่านอิตาลิโน (ภาษาอิตาลี) ออกเสียอีก”

สำเนียงยามรับสั่งภาษาอิตาลีชัดเจนเสียจนหญิงสาวนึกทึ่ง หากเมื่อตรองดูก็ไม่เห็นแปลกอะไร ทรงเป็นทูตนี่นะ หากจะทรงรับสั่งได้หลายๆ ภาษาก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

ที่แปลกตอนนี้คือเธอที่มาอยู่ในห้องทรงงานนี่ล่ะ

“เอ่อ...” รุจิรดากลืนน้ำลาย สบสายเนตรคมกริบที่ทอดมองอย่างกระอักกระอ่วน เพิ่งเห็นชัดเจนว่าดวงเนตรนั้นฉายแววฉงนเช่นกันที่เห็นเธอมาปรากฎตัวอยู่ตรงนี้ “หม่อมฉันยกเครื่องดื่ม... เอ้อ! พระสุธารส...”

“เรียกง่ายๆ เถอะ เครื่องดื่มก็คือเครื่องดื่ม แล้วทำไมเธอต้องยกมาเองด้วย”

วรองค์สูงรับสั่งพลางดำเนินไปที่โต๊ะทรงงาน ก่อนจะประทับนั่ง สายเนตรดำสนิทที่ยังทอดเนตรมาทางเธอ เป็นการบังคับกลายๆ ให้หญิงสาวเดินเข้าไปหา

รุจิรดาเดินมาหยุดอยู่เบื้องหน้าโต๊ะใหญ่อย่างขัดไม่ได้ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนมองตามหัตถ์ใหญ่ที่ยกถ้วยโกโก้ขึ้นเสวยอย่างหวาดๆ

...ก็เกิดไม่พอพระทัยว่าเธอเปลี่ยนเครื่องดื่มของพระองค์กะทันหัน เธอคงไม่แคล้วถูกเอ็ดอีกรอบหนึ่งของวันแน่ๆ

ขนงเข้มขมวดน้อยๆ ยามเมื่อเธอเห็นทรงดื่มโกโก้ถ้วยนั้นลงไป ก่อนที่จะทรงลดแก้วลงแล้วรับสั่งสุรเสียงเรียบเช่นทุกครั้ง

“เมื่อครู่เธอยังไม่ได้ตอบคำถามฉัน”

รุจิรดาเม้มริมฝีปากบางน้อยๆ แล้วจึงตอบอย่างระมัดระวัง “แม่แผ้วชงกาแฟแล้วเพคะ แต่บังเอิญ... เกิดอุบัติเหตุเล็กน้อย ไม่สามารถยกมาถวายด้วยตนเองได้ หม่อมฉันเลยอาสามาเพคะ”

เนตรคมหรี่ลงน้อยๆ ยามจับจ้องดวงหน้านวลนิ่ง “’อุบัติเหตุ’ ที่ว่า คงไม่ได้หมายถึงแก้วใบโปรดของฉันแตกหรอกนะ”

ใบหน้าที่พยายามรักษาความสงบเฉยกระตุกน้อยๆ ก่อนเอ่ยปลายเสียงอ่อย “ทรง... รู้ได้อย่างไรเพคะ”

“ไม่แปลก ปกติแผ้วไม่เปลี่ยนแก้วของฉันอยู่แล้ว” สุรเสียงเรียบคล้ายตอกย้ำกับเธอว่าไม่มีอะไรที่จะเล็ดลอดสายพระเนตรสีรัตติกาลนี้ไปได้ “นี่คงทำแก้วเราแตกสิท่า จึงไม่กล้าขึ้นมาสู้หน้า เห็นทีคงจะต้องชำระความกันหน่อยกระมัง”

“อย่าเพคะ!” หญิงสาวเผลอร้องเสียงสูง ก่อนจะเม้มริมฝีปากน้อยๆ เมื่ออีกฝ่ายทอดพระเนตรมา “คือ... หม่อมฉันคิดว่าแม่แผ้วหรือใครก็ตามไม่ได้ตั้งใจทำให้แก้วของฝ่าบาทแตกหรอกเพคะ ฝ่าบาททรงเป็นผู้เป็นใหญ่ในวังนี้ หม่อมฉันเชื่อว่าทรงไม่ถือสาหาความในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ นี้เป็นแน่”

“ช่างเจรจาเสียจริง” สุรเสียงกลั้วเสียงสรวลน้อยๆ ที่ไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ เลยทำให้ร่างโปร่งบางอดย่นจมูกใส่คนตรงหน้ามิได้เมื่ออีกฝ่ายหันไปมองเอกสารตรงเบื้องพักตร์ กิริยาคล้ายไม่ใยดี “แสดงว่าถ้าฉันเอาเรื่องแม่แผ้ว เธอก็จะคิดว่าฉันเป็นคนใจแคบ ไม่เป็นผู้ใหญ่ ถือสาเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างนั้นสินะ”

รุจิรดาตอบอุบอิบ “หม่อมฉันไม่ได้พูดยาวขนาดนั้น”

“ก็ไม่ได้บอกว่าพูด บอกว่าคิด”

“หม่อมฉันไม่บังอาจถึงปานนั้น”

“คำว่า ‘ไม่บังอาจ’ ไม่ได้หมายความว่าไม่ได้คิดหรอกนะ” เนตรดำสนิทคมกริบเหลือบขึ้นทอดพระเนตรใบหน้าขึ้นสีน้อยๆ พลางรับสั่งต่อ “ฉันจะไม่เอาเรื่อง แต่แม่แผ้วต้องรับโทษ”

“อ้าว!” หญิงสาวอุทานลั่น “ไหนบอกว่าจะไม่เอาเรื่องอย่างไรเพคะ”

โอษฐ์หยักได้รูปแย้มออกนิดๆ เมื่อรับสั่ง “ไม่ใช่เรื่องถ้วยกาแฟ แต่เป็นเรื่องการทำผิดแล้วไม่ยอมรับผิดอย่างคนกล้า ไม่ยอมสู้หน้า กลับหลีกเร้นอยู่หลังคนอื่นเสียอย่างนั้น การกระทำไร้ความรับผิดชอบอย่างนี้ฉันต้องทำโทษให้หลาบจำ ไม่อย่างนั้นอีกหน่อยเขาจะหาทางหลบหลีกความผิดไปอีกเสมอๆ”

รุจิรดานิ่งอึ้ง คิ้วเรียวขมวดน้อยๆ ขุ่นใจตนเองที่ไม่สามารถหาเหตุผลอื่นใดมาแย้งรับสั่งนี้ของหม่อมเจ้าอดุลยวิทย์ได้เลย แต่ในที่สุดเธอก็รวบรวมความกล้าเอ่ยขึ้นอีกครั้ง

“หากจะลงโทษก็สมควรลงโทษหม่อมฉันด้วย เพราะการกระทำของหม่อมฉันทำให้แม่แผ้วกลายเป็น ‘คนไร้ความรับผิดชอบ’ ในความเข้าพระทัยของฝ่าบาทไปเสียแล้ว ตอนแรกแม่แผ้วก็จะขึ้นมารับผิดกับฝ่าบาทอยู่แล้ว แต่เพราะหม่อมฉันเห็นเธอกระวนกระวายนัก จึงอาสาเอาโกโก้ถ้วยนั้นขึ้นมาให้ฝ่าบาทเอง เพราะฉะนั้นหม่อมฉันก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้แม่แผ้วตัดสินใจไม่ขึ้นมาสู้พักตร์ฝ่าบาท ดังนั้นจึงควรลงโทษหม่อมฉันด้วยให้เท่าเทียมเพคะ”

“แล้วใช่เธอด้วยหรือเปล่าที่เป็นคนชงโกโก้นี้มา ปกติแม่แผ้วชงเครื่องดื่มชนิดนี้ไม่เป็น” รับสั่งพลางชี้ไปที่ถ้วยโกโก้ซึ่งมีน้ำสีน้ำตาลเหลืออยู่ไม่ถึงครึ่งแก้ว

“เพคะ”

ไม่ทันจะได้เจรจาอะไรกันอีกก็ได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆ ดังมาจากภายนอก ก่อนที่กรอบประตูห้องจะถูกเคาะ

“พี่ชายขา หญิงเข้าไปนะคะ”

ไม่รอประทานอนุญาต วรองค์แบบบางประหนึ่งตุ๊กตาแก้วเจียระไนก็ดำเนินเข้ามาในห้อง ตามติดด้วยร่างสูงโปร่งของมนต์ณัฐที่แทบปราดมาหาหญิงสาวทันทีท่ามกลางสายพระเนตรสองคู่ที่ทอดมองภาพตรงหน้าด้วยแววเนตรต่างกัน

...ครุ่นคิด และเจ็บปวด...

“มีอะไรหรือหญิงถึงขึ้นมาหาพี่ ไหนว่าอ่านหนังสือกับเพื่อนอย่างไรล่ะ?”

การอบรมบ่มให้ท่านหญิงอรกัญญาระงับ ‘อะไรบางอย่าง’ ไว้ได้ ก่อนจะรับสั่งตอบคล้ายมิมีสิ่งใดผิดปกติเลยแม้แต่น้อย “ก็หม่อมฉันกับณัฐเห็นรดาหายมานานเหลือเกิน ณัฐ...เขากลัวว่าจะทรงจับรดากินเสียแล้ว จึงพากันมาตามเพื่อนกลับไปอ่านหนังสือนี่แหละเพคะ”

เนตรคมกริบปรายมองชายหนุ่มที่เป็นพระสหายของขนิษฐาแล้วจึงรับสั่ง “เรากำลังคุยกัน และฉันก็ไม่ใช่ยักษ์มารจึงจะจับใครกิน”

“เอ่อ...” ชายหนุ่มหันไปมองพักตร์หวานคล้ายจะตัดพ้อว่า... ทำกันได้นะฝ่าบาท... “กระหม่อมก็ไม่ได้คิดอะไรอย่างนั้นเลย ทว่าเห็นรดาเขาขึ้นมานาน จึงมาตามเท่านั้นล่ะกระหม่อม”

“ถ้าอย่างนั้นหญิงพาเพื่อนลงไปเลยนะคะพี่ชาย... อ๊ะ!” ท่านหญิงอรกัญญาขมวดขนงน้อยๆ เมื่อชี้ดรรชนี ไปที่หนังสือที่เพื่อนสาวถือไว้อย่างลืมตัว “รดาได้หนังสือที่จะเอามาอ้างอิงแล้วหรือ พี่ชายให้รดายืมหรือเพคะ”

ประโยคท้ายทรงหันมาถามพระเชษฐา รุจิรดาจึงเพิ่งรู้ว่าตนเองนั้นถือหนังสือ The Prince ติดมืออยู่จนกระทั่งท่านหญิงรับสั่งทัก หญิงสาวหันไปตอบแผ่วเบา

“ไม่ใช่หรอกเพคะ หม่อมฉันเพียงเจอหนังสือเล่มนี้ที่นี่เท่านั้น มิได้หยิบยืมอะไรหรอกเพคะ”

“แต่รดาบอกว่าอยากได้หนังสือเล่มนี้ กับอีกสองสามเล่มมาทำรายงานส่งตอนท้ายเทอมไม่ใช่หรือจ๊ะ วิชาของท่านพี่ด้วยนี่นา?” ท่านหญิงรับสั่งถามอย่างฉงน “หญิงก็ลืมบอกไปว่ารายชื่อหนังสือที่รดาอยากได้ พี่ชายมีทั้งหมดนั่นแหละ... จะไปลำบากยืมที่หอสมุดก็เห็นว่าคนอื่นยืมไปแล้วนี่นา”

“ก็...” หญิงสาวอึกอัก

จริงอย่างที่ท่านหญิงรับสั่ง ตอนนี้หนังสือที่ห้องสมุดก็ไม่มีเหลือแล้ว แต่เธอก็ยังคงตะขีดตะขวงใจอยู่ดีที่จะเอ่ยปากยืมหนังสือจาก ‘อาจารย์’ องค์นี้

ถือกล้าเอ่ยจริง ก็คงจะให้ยืมอยู่หรอก ดูก็รู้ว่าทรงหวงหนังสือขนาดไหน

แต่ชะรอยว่าวรองค์แบบบางมิได้ดำริเช่นเดียวกับเธอ พักตร์งามหันไปหาเชษฐาพลางรับสั่งขออ่อนหวาน “พี่ชายคะ พี่ชายให้รดายืมหนังสือนะคะ”

หม่อมเจ้าอดุลยวิทย์แย้มโอษฐ์น้อยๆ ให้ขนิษฐา หากเนตรคมกลับจรดจ้องอยู่ที่ร่างโปร่งบางนิ่ง “น้องไม่ถามเขาก่อนหรือหญิงอรว่าเขาอยากได้หรือเปล่า พี่ไม่เห็นเขาพูดอะไรเลย มีแต่เรานั่นแหละพูดให้เขา”

รับสั่งราบเรียบนั้นกระตุ้นให้รุจิรดาอยากเอาชนะสุรเสียงทุ้มเรียบนั้นขึ้นมาทันควัน หญิงสาวเม้มริมฝีปากก่อนเอ่ยเสียงดัง “หม่อมฉันอยากยืมหนังสือพวกนี้เพคะ”

“ได้” รับสั่งตอบรับง่ายดายเสียจนคนขออ้าปากค้างเพราะความประหลาดใจ “แต่มีข้อแม้ ว่าหนังสือพวกนี้จะเอากลับบ้านไม่ได้ หากต้องการใช้จะต้องเข้ามาใช้ที่ห้องนี้เท่านั้น ห้ามเอาออกไปข้างนอก และหากจะยืมก็ต้องมาเริ่มอ่านตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป”

ข้อแม้หลากหลายนั้นไม่ทำให้หญิงสาวประหลาดใจได้มากอีกแล้ว มนต์ณัฐทำท่าจะแย้งหากรุจิรดากลับตอบรับเสียก่อน “ได้เพคะ”

พักตร์คมเข้มทอดพระเนตรหญิงสาวนิ่ง ก่อนจะออกรับสั่งชัดเจน “เช่นนั้นพรุ่งนี้หลังเลิกเรียน ก็ต้องมาที่นี่ เข้าใจหรือไม่”

“ได้เพคะ” ร่างโปร่งบางตอบรับง่ายดาย ให้อย่างไรเธอก็ไม่ได้มีทางเลือกมากมายอยู่แล้ว “หม่อมฉันจะมาเพคะ”

“เช่นนั้นก็ดีแล้ว ดีใจด้วยนะรดา” ท่านหญิงอรกัญญาแย้มสรวลให้เพื่อนอย่างสดใส ก่อนออกโอษฐ์ต่อ “เห็นไหม เราบอกแล้วว่าท่านพี่น่ะใจดี...”

“อรกัญญา”

สุรเสียงที่ไม่ได้ดังขึ้นกว่าปกติ หากออกพระนามเต็มเท่านั้น ท่านหญิงอรกัญญาก็รู้ความหมายที่แฝงอยู่ในสุรเสียงราบเรียบดังเคย

จะมีอะไรเสียนอกจากเรื่องรับสั่งเสียงดัง กิริยาท่าทางไม่เหมาะไม่ควร ฯลฯ อีกเล่า...

“ขอประทานอภัยเพคะพี่ชาย” ท่านหญิงยังคงแย้มสรวลน้อยๆ ไว้บนพระพักตร์ ก่อนจะหันไปทางมนต์ณัฐ “ไปเถอะ เสร็จธุระตามรดากลับไปได้แล้วนะ ตอนนี้ก็ลงไปอ่านหนังสือกันต่อดีกว่า”

ร่างสูงโปร่งค้อมศีรษะคำนับเจ้าของห้องที่ประทับนั่งอยู่ที่โต๊ะทรงงานก่อนจะเดินออกไป ท่านหญิงทำความเคารพก่อนจะดำเนินตามออกไปติดๆ

รุจิรดาที่ไม่รู้จะทำอย่างไรกับหนังสือที่ตนกำลังถืออยู่ในมือ หากท่านชายกลับรับสั่งง่ายๆ “เอาวางกลับไปไว้ที่ชั้นหนังสือ”

“เพคะ”

หญิงสาวเดินเอาหนังสือไปสอดเก็บไว้ที่เดิม ขณะที่จะเดินออกไปจากห้องก็มีรับสั่งขึ้นมาอีกครั้ง “รุจิรดา”

“เพคะ?”

พักตร์คมคายไม่บ่งบอกอารมณ์ใดเลยเมื่อรับสั่งถาม “โกโก้ถ้วยนี้เธอใส่อะไรเพิ่มลงไปหรือเปล่า?”

“เอ่อ... อบเชยเพคะ” เธอตอบตามจริง “ตอนแรกแม่แผ้วจะยกสุธารสชามาถวาย ทว่าหม่อมฉันจำได้ว่าทรงเสวยกาแฟไปแล้วตอนที่มาถึงใหม่ๆ เกรงว่าหากเสวยอีกจะบรรทมไม่หลับ หม่อมฉันจึงเสนอให้ชงโกโก้มาถวายดีกว่า ส่วนอบเชยนั้นปกติแม่ของหม่อมฉันจะใส่ในโกโก้หน่อยหนึ่งเสมอ เพราะมันทำให้รสชาติกลมกล่อมขึ้น แต่ถ้าฝ่าบาทไม่โปรดหม่อมฉันก็ขอประทานอภัยเพคะ”

รุจิรดาจบประโยคยาวเหยียดด้วยการค้อมศีรษะก่อนจะก้าวเท้าเดินออกไปจากห้องทรงงานอีกครั้ง ทว่าสุรเสียงเรียบก็ดังขัดขึ้นอีกคราก่อนที่เธอจะได้ก้าวออกจากห้องนั้นสมใจ

...รับสั่งบางอย่างที่ทำให้หญิงสาวแอบยิ้ม

“พรุ่งนี้และวันต่อๆ ไปที่เธอมาที่นี่ ช่วยชงโกโก้แบบนี้มาให้ฉันด้วยก็แล้วกัน”



.......................................
ทักทายกันหน่อยค่ะ ^^

คุณ wind บางคำในนี้จะเรียกไม่เหมือนกันค่ะ ขึ้นอยู่กับว่าใครเรียกอะไร ส้มใส่เชิงอรรถแล้วนะคะในเวิร์ด แต่มาลงนิยายที่นี่เชิงอรรถลงไม่ได้ซะงั้น T^T

คุณ lovemuay อันนี้ต้องตามต่อไปนะคะ ^^

คุณ mhengihy อ่านแล้วคดีพลิกตามที่คิดมั้ยคะ? ^^

คุณ ม่านฟ้า ก็โดนสั่งให้มาเป็นเบ๊ซะอย่างนั้นล่ะค่ะ ^^

คุณ ukkanirut อารมณ์คงคล้ายๆ คุณแม่บ้านคุมคนใช้สินะคะ 555+



ปณัชญา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 31 ต.ค. 2555, 02:25:42 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 31 ต.ค. 2555, 02:34:17 น.

จำนวนการเข้าชม : 2514





<< บทที่ 4 [1/2]   บทที่ 5 [1/2] >>
lovemuay 31 ต.ค. 2555, 06:08:39 น.
ท่าทางณัฐเองก็อาจจะชอบท่านหญิงอยู่เหมือน แต่มัวแต่คิดเรื่องความต่าง เลยเข้าใจผิดคิดว่าชอบนาวเอกรึป่าว?


mhengjhy 31 ต.ค. 2555, 07:53:11 น.
เริ่มติดใจรสมือ ต่อไปจะติดใจอะไรหนอ อิอิ


ม่านฟ้า 31 ต.ค. 2555, 08:18:03 น.
หุหุหุ เขินแทน


wind 31 ต.ค. 2555, 08:52:35 น.
ติดใจโกโก้ซะแล้ว


ukkanirut 31 ต.ค. 2555, 09:36:30 น.
ไม่น่าจะใช่คุณแม่บ้านหรอกค่ะ น่าจะได้อารมณ์หม่อมของบ้านมากกว่า คุมนังเล็กๆในครัว .. งี้
ระวังข้อแม้ทำให้แพ้ใจนะคะท่านชาย


หนอนฮับ 31 ต.ค. 2555, 11:10:56 น.
อ๊ายยยย เขินอ่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account