พระอาทิตย์ขึ้นในคืนหนาว # จุฬามณี (ลิขสิทธิ์ สนพ.มายดรีม)
เรื่องย่อ พระอาทิตย์ขึ้นในคืนหนาว

เป็นเรื่องราว ของ มาลี สาวน้อยวัย 20 ปี ลูกกำพร้าพ่อซึ่งเสียชีวิตเพราะโรคมะเร็ง มาลี กับแม่และน้องชาย มารุต อาศัอยู่กับญาติห่าง ๆ ข้างพ่อ ซึ่งทำรีสอร์ตและการท่องเที่ยงท้องถิ่นอยู่ที่อุ้มผาง..

วันหนึ่ง กลยุทธและคณะไปเที่ยวล่องแก่งน้ำตกทีลอซู แล้ว เขาชอบมาลีจึงสานความสัมพันธ์ ส่วนมาลีนั้น เจอลูกทัวร์จีบจนชาชิน แต่กลยุทธก็ทำให้มาลีหวั่นใจอยู่ไม่น้อย..

หลังจากคณะของกลยุทธกลับไป..ทางป้า ก็บีบบังคับให้มาลีไปเรียนต่อกรุงเทพฯ พักอยู่กับนันทาลูกสาว เพราะว่าต้องการให้อนันต์ลูกชายของตัวเองแต่งงานกับคนที่รวยกว่า..

มาลีมาอยู่กรุงเทพฯ โดยที่ชัชชัย เพื่อนของนันทา ซึ่งเคยไปหาข้อมูลเขียนหนังสือมารับที่แม่สอด(ชัชชัยอ้างว่ามาธุระแถวนั้นพอดี)..มาลีกับชัชชัยนั้นเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมา เพราะตอนที่ชัชชัยมาอยู่อุ้มผางเพื่อหาข้อมูลเขียนสารคดี ตามคำแนะนำของ นันทา (ชัชชัยเป็นเพื่อนกับนันทา) มาลีแกล้งชัชชัยเพราะว่าไม่ชอบผู้ชายไว้ผมยาวกับปากไม่ค่อยดี..

ที่บ้านทาวเฮ้าส์ของนันทานั้นอยู่หมู่บ้านเดียวกับกลยุทธที่มีน้องสาวชื่อกุลกัญญา และช่วงที่ยังไม่ได้เข้าเรียน ต่อที่รามคำแหงมาลีก็ได้คำแนะนำจากศรีวรรณเพื่อนข้างบ้านของนันทาให้ให้ไปทำงานฆ่าเวลาเป็นแม่บ้านบนตึกสูงกลางเมือง มาลีที่อยู่กับนันทาแบบคนใช้ (นันทากดไว้เพราะมาลีมาด้วยทุนของแม่) ที่คิดเบื่อบ้านจึงไปทำงานตามคำแนะนำของศรีวรรณ

และบนตึกสูงนั้น มาลีก็ได้รู้ว่าเธอทำงานในตำแหน่งแม่บ้านซึ่งมีกลยุทธทำงานที่นั่นด้วย และมาลีก็ได้รู้จักสังคมรอบ ๆ ตัวของกลยุทธมากขึ้น มาลีรู้ว่ากลยุทธเป็นที่หมายปรองของรมมณีย์ลูกสาวของเจ้าของประธาน
บริษัทฯ

กลยุทธนั้นอึดอัดกับความรักที่รมณีย์มีให้ เพราะเขาทนกับปากของเพื่อนร่วมงานไม่ได้ เขาสานความสัมพันธ์กับมาลีมากขึ้น จนกระทั่งรมณีย์ที่เป็นเพื่อนกับชัชชัย ต้องดึงชัชชัยมาช่วยทำให้มาลีกับกลยุทธเข้าใจผิดกัน...

ชัชชัยนั้นชอบมาลีเป็นอย่างมาก เขาพยายามเอาอกเอาใจมาลีสารพัด แต่มาลีคิดว่า ชัชชัยนั้นเป็นคู่รักของนันทา ทำให้มาลีไม่เปิดใจให้ชัยชัย..

และมาลีจะเลือกใครระหว่างกลยุทธกับชัชชัย..

Tags: รักสามเส้า เราสามคน

ตอน: 32.“มาลีรักผมหรือเปล่าล่ะ”

32.

เมื่อวางสายจากพี่ศรีวรรณ เรื่องแจ้งความต้องการลาออกจากงานของตัวเองแล้ว มาลีรู้สึกสบายใจขึ้น เมื่อขยับผังชีวิต ทุกๆ อย่างจึงเริ่มขยับตาม มาลีคิดถึงเรื่องที่พัก กลับไปจะไปหานิวัฒน์แต่ถึงอย่างไรก็สู้โทรไปหามันก่อนน่าจะดีกว่า

“มีอะไร” ปลายสายมีน้ำเสียงงัวเงีย

“ไม่ไปขายของหรือ เลิกตั้งแต่บ่ายแล้ว พาลูกสาวเขาไปเที่ยวอีกซิ อือ มีอะไรไหว้วานทำให้ได้ใช่ไหม หาหอหน้ารามราคาพอไหวให้หน่อยซิ ไม่ต้องถาม พรุ่งนี้ขายผลไม้หรือเปล่าจะไปหา ลาออกจากงานแล้ว จะไปดูเขาสมัครเรียนด้วย ยังหรอกอีกเป็นเดือน อีกอย่างอยากดูงานด้วย เล็งๆ งานให้ด้วยนะ เอาแบบทำงานไปด้วยได้ แล้วพอเรียนไปได้ เออหาหอที่มีเด็กรามอยู่เยอะๆ ก็ดีจะได้มีคนช่วยชี้แนะ มีเพื่อนอยู่แล้วเหรอ เออลืมไป เอ็งมันถึกจะครบแปดปีแล้วมั้ง”

พอได้คุยหยอกเอินกับเพื่อนเก่าที่คุยกันสบายๆ มาลีก็เริ่มรู้สึกผ่อนคลาย จนกระทั่งคุยไปคุยมา ความกังวลก็แล่นกลับเข้ามาหามาลีอีกรอบ

“อะไรนะ วิจักษ์ประกวดชายงามที่บาร์เกย์ แล้วได้ที่หนึ่งด้วย”

“เออ เห็นในเว็บไซต์น่ะ เมื่อคืนวันศุกร์ เมื่อวานนี้เอง นี่ยังโทรไปแซวมันเลย มันบอกว่าถูกหลอกไป คงมีปัญหากับไอ้ตรีทศแน่ ไอ้นั่นก็ยังไม่รู้ ไอ้จักษ์มันก็ไม่กล้าสารภาพผิดหรอก กลุ้มใจแทนมันเหมือนกัน ทำอะไรไม่ปรึกษารุ่นพี่”

“เอ็งอ่อนกว่าเขาไม่ใช่หรือ”

“บ้าแล้วรุ่นเดียวกันแค่ตกซ้ำชั้นบ่อยๆ จนเจอแก ลืมแล้วหรือ”

“เออไม่ลืมหรอก แล้วนี่ฉันต้องทำเป็นรู้เรื่องนี้ด้วยไหมเนี่ย”

“ทำเฉยไปซิ แค่นี้มันก็อายจะแย่แล้ว”

“แล้วแกไม่เคยไปทำแบบนี้บ้างเหรอ”

“เค้ย แต่ไม่ได้รางวัลอะไร ทำไมวะ ต้องกินต้องใช้ ปากกัดตีนถีบ ไม่ได้บ้านรวยนี่หว่า อีกอย่างมันก็ไม่ได้สึกหรออะไร ไม่ได้ฆ่าปล้นแกงใครเขานี่”

“คิดดีนะพ่อ เออแค่นี้แหละ อย่าลืมที่ขอร้องนะ บาย”

ด้วยได้ยินเสียงที่หน้าห้องมาลีจึงรีบวางสาย แล้วลูกบิดก็ถูกหมุน ก่อนประตูจะถูกผลักเข้ามาเผยให้เห็นคนที่ยืนอยู่ มาลีตาขวางเข้าใส่ทันที

“เสียมารยาทจริงๆ”

เมื่อตั้งเขาทั้งสองคนไว้ที่ตรงไหนแล้ว มาลีก็มีจุดยืนที่ชัดเจนของตัวเองขึ้น

“เป็นอะไร เศร้าไม่เลิกเลย อยากร้องไห้ต่อไหมล่ะจะได้ช่วยทำให้บ่อน้ำตาแตกอีก”

เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของชัชชัย มาลีจึงรีบลุกขึ้นจากที่นอนแล้วตรงดิ่งไปยังกระจก หยิบหวีจากกระเป๋ามาหวีผม หยิบแป้งออกมาทา โดยไม่ได้สนใจคนที่ยืนมองด้วยสายตาฉงนฉงายนั่น

“อารมณ์ไหนอีกเนี่ย”

“อารมณ์ไหนก็ได้ ตกลงมาทำอะไร เย็นค่ำแล้ว ได้ไหมงานคุณ แล้วพาเพื่อนมาตั้งฝูง งานจะได้ไหม” มาลีแกล้งว่าให้

“ได้ ไม่ได้ ผมรับผิดชอบตัวเองได้แล้วกัน ตัวเองเถอะ เป็นไงดีขึ้นหรือยัง เอ้อถ้าไม่ดีก็คงลุกขึ้นมาต่อปากต่อคำไม่ได้หรอกนะ”

“ดีแล้ว หิวข้าวแล้วด้วย จะเลี้ยงอะไร”

ชัชชัยรู้สึกแปลกใจที่เห็นมาลีคนที่เขาเคยรู้จักที่อุ้มผางกลับมา

“ผีเข้าหรือเปล่า”

“พอร้องไห้แล้วจึงนึกอะไรออก ไม่มีอะไรหรอก”

ว่าแล้วมาลีก็เดินผ่านตัวเขาแล้วออกมานอกห้อง เขาเดินตามออกมาลี ดึงประตูล็อกแล้วดึงกุญแจติดมือมาด้วย


เมื่อออกมานอกห้อง มาลีพบว่ากลยุทธนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่ศาลาริมน้ำของรีสอร์ต หญิงสาวไม่รู้สึกกังวลกับเรื่องอะไรอีกแล้ว เมื่อเขาต้องการปล่อยเธอ เธอก็อยากคบหากับเขาแค่พี่ชายคนหนึ่งเท่านั้น และเพื่อต้องการให้เขาเห็นว่าเธอไม่ได้เลือกใครสักคน มาลีจึงเดินเข้าไปหาแล้วยิ้มให้ ก่อนจะถามถึงกุลกัญญา

“นอนหลับอยู่ในห้องผม”

“อ้าวแล้วทำไมไม่กลับมานอนในห้อง”

“นอนคุยไปมาก็หลับไปเอง เป็นอย่างนี้บ่อยๆ อีกอย่างมาในที่แบบนี้ด้วย อากาศ
ไม่เหมือนที่บ้าน ก็ต้องระวังกัน ร้อนๆ เย็นๆ แบบนี้ อันตราย”

ใบหน้าของเขาดูกังวล และมาลีก็เพิ่งสำรวจใจตัวเองจนค้นว่า ทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้ๆ กับเขาเธอจะรู้สึกเศร้าขึ้นมาเอง แต่เวลาที่อยู่กับนายชัชชัย เธอจะสนุกและพร้อมต่อปากต่อคำ

“เดี๋ยวค่ำนี้เราออกไปหาอะไรข้างนอกกินกัน อาหารจำพวกปลาและอาหารลาบๆ ยำๆ แบบอีสานที่นี่ขึ้นชื่อ” ชัชชัยเดินเข้ามาร่วมวงด้วย

“ผมกับกุลไม่ไปด้วยได้ไหมครับ เมื่อกี้ถามทางรีสอร์ตเห็นว่ามีอาหารจานด่วนด้วย”
“แล้วแต่รมมี่แล้วกันครับ ผมเองอะไรก็ได้”

ใจจริงเขาอยากบอกว่า สำหรับเขา สนใจแค่มาลีคนเดียวเท่านั้น แต่ถ้าพูดออกไปมีหวังแม่คุณคงค้อนขวับเข้าให้

“ไปด้วยกันเถอะค่ะ ไหนๆ ก็มาด้วยกันแล้ว แล้วนี่คุณรมมี่หายไปไหน”

กลยุทธแปลกใจ เมื่อเห็นว่ามาลีถามถึงอีกคนด้วยน้ำเสียงดูเป็นกันเองมากขึ้น
สำหรับมาลีนั้นเมื่อลาออกจากตรงนั้นแล้ว สถานะของเธอเปลี่ยนไปแล้ว ไม่มีพนักงานทำความสะอาดกับเจ้าของบริษัท เธอกับเขาเป็นคนเหมือนกัน จะต่างกันแค่มีเงินไม่เท่ากัน แต่ถึงกระนั้นมันก็เคยทำให้ค่าของตนเองลดลง


ได้เวลาอาหารเย็น กลยุทธเลี่ยงไปปลุกน้องสาวที่หลับเพราะฤทธิ์ยา เมื่อกุลกัญญากลับห้องพักมาอาบน้ำแต่งตัวใหม่แล้ว เขาก็เดินไปเคาะประตูห้องคุณรมณีย์ หญิงสาวเปิดประตูออกมา พร้อมกับหนังสือที่มีหน้าปกเป็นภาษาอังกฤษอยู่ในมือ

“คุณชัชชวนไปทานข้าวเย็นข้างนอกครับ คุณจะอาบน้ำก่อนไหม”

“ไปชุดนี้เลยแล้วกัน เดี๋ยวค่อยกลับมาอาบ แล้วคุณละ”

รมณีย์สำรวจดูแผงหน้าอกของชายหนุ่มในดวงใจ เมื่อเห็นสายตาของรมณีย์ กลยุทธนึกอยากจะถอยหนี แต่เมื่อกลิ่นน้ำหอมโชยมาเข้าจมูกอยู่เรื่อยๆ มันก็ทำให้เขารู้สึกปั่นป่วน

คนนะไม่ใช่พระอิฐพระปูน

“อะไรติดเสื้อคุณ”

รมณีย์ถือวิสาสะเอื้อมมือมาปัดเศษอะไรสักอย่างออกจากอกเสื้อยืดคอเชิ้ตของเขา ที่ตนเองเป็นคนซื้อให้

“ใส่พอดีตัวเลย” มือของหญิงสาวหยุดนิ่ง คล้ายจับจังหวะการเต้นหัวใจของชายหนุ่ม

“งั้นล็อกห้องไปนั่งรอที่ศาลาเถอะครับ”

รมณีย์หันกลับไปวางหนังสือแล้วหยิบกระเป๋าเงินมาถือไว้ ปิดประตูห้องแล้วเดินตามกลยุทธไปยังศาลาริมสระน้ำ แต่ด้วยบริเวณทางเข้าของรีสอร์ตเป็นสวนดอกไม้ รมณีย์จึงชวนให้เขาพาตนเองไปเดินเล่นบริเวณนั้น เพื่อรอชัชชัยกับสองสาว

อาบน้ำแต่งตัวแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อย มาลีก็เปิดประตูออกมาโดยทิ้งให้กุลกัญญาอยู่ในห้องตามลำพัง แล้วสายตาของมาลีก็ได้เห็นคนทั้งคู่เดินคุยกันด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เธอทำอย่างนี้ถูกต้องที่สุดแล้ว ถ้าไม่มีเธอสักคน ทุกอย่างก็จะลงเอยอย่างง่ายดาย แล้วมาลีก็ได้ยินเสียงกดชัตเตอร์จากที่ใกล้ๆ มาลีหันไปพบว่า ชัชชัยจงใจกดภาพความหวานชื่นระหว่างรมณีย์และกลยุทธเก็บไว้

“ขออนุญาตเจ้าตัวเขาหรือยัง” มาลีเปรยขึ้นมาเบาๆ

ชัชชัยจึงเล็งเลนส์มาที่คนพูดแล้วกดชัตเตอร์ไม่ยั้ง เมื่อเห็นว่าเขาแกล้ง มาลีจึงแยกเขี้ยวยิงฟันเข้าใส่ เมื่อปล่อยกล้องลง มาลีจึงได้เห็นรอยยิ้มของเขา ในนั้นมันมีความรักอยู่เต็มหัวใจ มาลีรับรู้ แต่เธอรักกับเขาไม่ได้หรอก เธอกับเขาต่างกันราวฟ้ากับดิน เธอกับเขาอีกไม่กี่วันก็จะเป็นเส้นขนานที่ไม่มีวันบรรจบ อย่าถลำตัวปล่อยใจ นึกถึงแม่กับน้องชายและอนาคตไว้มากๆ


พอกุลกัญญาแต่งตัวเรียบร้อย ทั้งหมดก็พากันมาขึ้นรถของชัชชัยโดยที่มีกลยุทธนั่งคู่กับคนขับ สามสาวนั่งข้างหลัง โดยมีกุลกัญญานั่งอยู่ตรงกลาง กุลกัญญาถามเรื่องน้ำตกเลื่องชื่อของจังหวัดนครนายก อันได้แก่ น้ำตกสาลิกา วังตะไคร้ และนางรอง

ชัชชัยอธิบายถึงน้ำตกทั้งสาม บอกเล่าถึงอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จนกระทั่งถึงการพัฒนาการท่องเที่ยวของที่นี่ ได้แก่ ล่องแก่ง ล่องห่วงยาง มีบ้านพักโฮมสเตย์ คล้ายกับว่าจงใจให้ใครบางคนได้ยินได้ฟังไว้

เมื่อรถถึงร้านอาหารริมทาง รมณีย์มองสภาพร้านแล้วทำหน้าย่น

“มีห้องแอร์ครับคุณหนู ผมรู้หรอกน่าว่าคุณได้แค่ไหน”

“เมืองไทยนี่ต้องระวังกันหน่อย”

“อยากไปเห็นเมืองที่มันเจริญกว่าบ้านเราจังเลย”

เมื่อกุลกัญญาพูดจบ รมณีย์ก็เล่าถึงความเจริญต่างประเทศที่เจ้าหล่อนคุ้นชินให้ทุกๆ คนได้รับฟัง ตลอดเวลาในโต๊ะอาหาร มาลีเลือกที่จะเงียบ ไม่ซักถามใดๆ กลยุทธเองก็ยกแก้วเบียร์ขึ้นจิบกับชัชชัยด้วยสีหน้าเย็นชา

มาลีมองอาหารเลิศรสบนโต๊ะ แม้อากาศจะเย็นสบาย แต่มาลีกลับรู้สึกแย่ลง กลับไปถึงกรุงเทพฯ เมื่อไหร่พวกเขาทั้งหมดจะไม่มีในหัวสมองของมาลีอีกเป็นอันขาด


พอกลับมาถึงที่พัก กุลกัญญาขอตัวไปนอนที่ห้องของพี่ชาย โดยอ้างว่าเผื่อเป็นอะไรกลางดึกพี่ชายจะได้ช่วยจัดยาให้ได้ มาลีถอนหายใจออกมารู้สึกว่ามีอะไรเคลือบแคลง ยิ่งเห็นสายตาของนายชัชชัยหลังจากเบียร์หมดไปครึ่งโหลแล้ว มาลีรู้สึกกริ่งเกรง

เมื่อสำรวจกลอนประตูเรียบร้อย มาลีก็โทรศัพท์กลับไปหาแม่ที่อุ้มผาง แจ้งเรื่องไม่สามารถกลับไปงานแต่งของพี่อนันต์ ซึ่งแม่ก็ตอบกลับมาว่า ตามใจ แล้วมาลีก็ขอให้แม่ตามใจเธออีกสองเรื่อง

เรื่องแรก มาลีต้องการออกมาหาเงินเรียนเองโดยไม่ต้องการให้ป้าส่งเสีย
เรื่องที่สอง มาลีจะย้ายออกจากบ้านนันทา

แม่ถามถึงเหตุผลแต่มาลีไม่ขอตอบ โดยเพียงให้คำมั่นสัญญาว่าจะเป็นเด็กดี ให้แม่เชื่อใจว่าลูกสาวคนนี้จะไม่ทำตัวเหลวไหลและจะตั้งใจเรียนให้จบ และสุดท้ายหากไม่มีญาติเจ็บไข้ถึงป่วยตาย มาลีจะไม่กลับไปที่บ้านในอุ้มผางจนกว่าเธอจะเรียนจบ หรือมีการงานที่พอนำความภาคภูมิใจไปให้

เมื่อได้ยินถ้อยคำแข็งกร้าวผสมความน้อยเนื้อต่ำใจ คนเป็นแม่ก็ร้องไห้ออกมา เมื่อแม่ร้องไห้ มาลีก็ร้องไห้บ้าง บางครั้งน้ำตาก็ทำให้คนเรามีพลังขึ้นมา


วางโทรศัพท์แล้วมาลีได้ยินเสียงร้องเพลงเบาๆ ที่หน้า ห้องพัก เป็นเสียงอ้อแอ้ของชัชชัยที่ต้องการบอกอะไรกับคนในห้อง

“อยากบอกให้รู้ฉันยัง อยู่ตรงนี้ฉันยังอยู่จะคอยดูแลหัวใจของเธอให้เข้มแข็ง อยากบอกให้รู้ ฉันยังอยู่ ตรงนี้หรือเมื่อไหร่ จับมือกันไว้แล้วเดินไป พรุ่งนี้จะเป็นอย่างไรก็พร้อมเคียงข้างเธอ”

มาลีเช็ดน้ำตาที่ค่อยๆ หลั่งริน แล้วเธอก็มั่นใจว่า ค่ำคืนนี้ พรุ่งนี้ หากเธอเหน็บหนาว อ่อนล้าหรือไม่ไหว เขาจะเป็นพระอาทิตย์ให้กับเธอ


นิวัฒน์ โทรมาแซวเรื่องภาพการประกวดหนุ่มรูปงามจากเวทีของจีผับ วิจักษ์ก็เริ่มตื่นกลัวผลที่จะตามมา เช้าวันอาทิตย์ตรีทศออกจากบ้านแต่เช้า เขาลงมาจากชั้นบนมาส่งโดยการรอปิดประตูรั้วให้ เขาอยากจะเป็นคนสารภาพความผิดนั้น แต่อีกใจเขาก็กลัว กลัวถูกตำหนิว่าเป็นถึงผู้ชายอกสามศอก แต่คิดเอาเรือนกายหาเงินหาทอง

เมื่อไม่สบายใจ วิจักษ์นึกถึงคนที่ช่วยเหลือเขาในค่ำคืนนั้นขึ้นมา เมื่อวานเขาแวะไปเยี่ยมที่บ้านของหญิงสาว เมื่อได้อยู่กันตามลำพัง เขารู้สึกว่านันทาเริ่มเปิดเผยความในใจมากขึ้น แต่ถึงอย่างไร เขาก็ยังรู้สึกกริ่งเกรงความสัมพันธ์กับผู้หญิงในเมือง แต่เมื่อความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาเดินมาถึงขั้นนี้ ตามแรงบันดาลจากสิ่งใดก็แล้วแต่ แสดงว่าความสัมพันธ์นั้นมันจะต้องยืดยาวไปกว่านี้

เบอร์โทรศัพท์ของนันทาถูกเลื่อนขึ้นมา

วิจักษ์ครุ่นคิด ดีหรือไม่ที่จะโทรหาเจ้าหล่อนอีกครั้ง แล้วเหมือน
เทวดาจะเป็นใจ เสียงกริ่งสัญญาณดังขึ้นมาเอง แถมเป็นชื่อของนันทาที่
โชว์หราอยู่หน้าจอ วิจักษ์รีบกดรับในทันที

“วันนี้ว่างไหมจักษ์”

“ว่างครับ มีอะไร คุณเป็นอย่างไรบ้าง”

“ดีขึ้นแล้ว ขอบคุณขนมยูโร่ที่จักษ์ซื้อมาฝากเมื่อวานนี้นะ”

“ผมก็ต้องขอบคุณ คุณนันทาเหมือนกัน ถ้าไม่ได้คุณ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นอย่างไร”

“ก็มีเมียเป็นกะเทยสี่คน ไม่ชอบหรือไง”

“ไม่ครับ ผมชอบผู้หญิง” วิจักษ์พูดตรงๆ

“แล้วมีแฟนเป็นผู้หญิงหรือยังล่ะ” นันทามีอารมณ์หยอกเขาคืนบ้าง

“ผมคนจน ใครจะมาสนใจผมครับ”

“อือ ใช่”

นันทายอมรับว่าตนเองสนใจเขา แต่ก็ติดที่เขาจนและดันเป็นคนบ้านเดียวกันเสียอีก เธอมาอยู่ถึงกรุงเทพฯ ถ้าได้คนบ้านเดียวกันที่มีฐานะยากจนมาเป็นคู่ครอง คงอายพี่อนันต์ที่อยู่แต่ในป่าแต่กลับได้ลูกสาวเศรษฐีมีเงินที่ย้ายไปปักหลักที่นั่น แต่เอาเถอะ บางทีความรักในครั้งนี้ มันอาจทำให้เธอมีความสุขชั่ววันชั่วคืนใกล้ๆ นี้ สุขแค่นี้ก็ดีกว่าที่จะไปคิดถึงวันคืนที่ยาวนานในวันข้างหน้า

“วันนี้ฉันรับไปดูหนังด้วยกันสักเรื่องนะ แล้วค่ำนี้มีอะไรจะเซอร์ไพรส์ด้วย แต่งตัวให้ดูดีด้วยล่ะ อีกชั่วโมงเจอกัน”

นันทาวางสายไปแล้ว วิจักษ์ก้มมองสภาพตัวเองแล้วเดินขึ้นไปยังห้องนอนส่วนตัวที่ตรีทศมอบให้ เมื่ออยู่ที่นี่เขาดูเหมือนลูกชายคนมีเงิน บ่อยครั้งที่พี่ตรีทศซื้อเสื้อยืดเนื้อดีจากต่างประเทศมาฝากพร้อมกับถ้อยคำที่ว่า

‘เสื้อผ้ามันช่วยทำให้เราดูดีได้ แต่งตัวให้เป็น วางตัวให้เป็น อย่าให้ใครมาว่าคนบ้านป่าไม่มีการศึกษาหรือไม่มีสกุลรุนชาติ ความเจริญเข้าไปถึงอุ้มผางนานแล้ว พวกเรารู้จักพัฒนาตนเอง ไม่ใช่คนหลังเขาแล้ว’

พี่ตรีทศจะมีประโยคเด็ดทำให้เขาสู้ชีวิตอยู่เสมอ หากวันนี้พี่ตรีทศรู้เรื่องนี้จากใครสักคนหนึ่ง เย็นนี้เขาจะทำอย่างไร


เช้าตรู่วันนั้น มาลีรีบลุกจากที่นอนเพื่อออกไปยืนรอดูพระอาทิตย์ขึ้น แม้วันนี้เธอไม่ได้อยู่บนยอดดอยหัวหมดเช่นช่วงเทศกาลท่องเที่ยวในอุ้มผาง แต่พระอาทิตย์ดวงนี้ก็คือดวงเดียวกันกับที่โน่น

“ตื่นแต่เช้าเลย”

“นอนไม่หลับ ได้ยินเสียงแมวมาครางหงิงๆ ที่หน้าห้อง”

“ฟังรู้เรื่องด้วยหรือ แล้วเข้าใจเสียงครางของมันไหม”

“เข้าใจก็บ้าแล้ว” มาลีก็เฉไฉเอาตัวรอดไปจนได้

“ไปปั่นจักรยานเล่นกัน”

“คนอื่นล่ะ”

มาลีกังวลใจขึ้นมา ถึงอย่างไรเธอก็ไม่อยากให้กลยุทธรู้สึกแย่ๆ ขึ้นมาในเวลานี้ เขาบอกว่า เขาจะรอเธอ แต่เธอจะทำให้เขาเห็นว่าเธอไม่ได้เลือกใครเลย เธอเลือกตัวเองเท่านั้น แต่ถึงอย่างไรมาลีก็ทนเสียงรบเร้าและความน่าสนใจจากปากของชัชชัยไม่ไหว

“บางทีเธออาจจะประยุกต์สิ่งที่ได้เห็นจากที่นี่ไปใช้ในหมู่บ้านของเธอได้นะ ผมเห็นลำน้ำแม่กลองเก่าแล้ว ผมยังนึกเลยว่าทำไมไม่มีใครเอาห่วงยางไปให้นักท่องเที่ยวล่องเล่นกันในตอนเย็น ขับรถไปปล่อยที่ต้นแม่น้ำแล้วก็ไปรอเก็บในอำเภอ”
มาลีนึกตาม

“ติดฝายที่ชาวบ้านกั้นน้ำไว้นะซิ”

“ถ้ารวมใจกัน มันน่าจะเพิ่มคุณค่าให้กับแหล่งท่องเที่ยวนะ แค่คิดเล่นๆ ส่วนเรื่องปฏิบัติเป็นเรื่องของคนที่นั่น ผมก็แค่เห็นอะไรตรงนี้ตรงนั้นมาเยอะแยะ”

เมื่อเห็นเรื่องที่เขาพูดจะเป็นประโยชน์กับตัวเอง มาลีจึงปั่นจักรยานตามเขาไป โดยระหว่างทางเขาก็จะแวะถ่ายรูปดอกไม้ ใบหญ้า ผีเสื้อ ต้นไม้ สายน้ำ ขุนเขา และภาพคนที่กำลังประกอบกิจกรรมในตอนเช้า เช่นใส่บาตรพระ ยืนเก็บผักอยู่ริมรั้ว รวมถึงคนเฒ่าคนแก่ที่ออกมากวาดลานบ้านก่อกองไฟไล่แมลง หรือผิงฝ่ามือสร้างความอบอุ่น

รอยยิ้มคำทักทายจากเขาถึงคนที่เจอะระหว่างทางไม่เคยจางหายไป เมื่อไปหาข้อมูลด้วยกันในอุ้มผางเมื่อกลางปี 2549 เขาก็เป็นอย่างนี้ ไม่มีการถือเนื้อตัวว่าเป็นลูกคนรวย เขาเคยพูดหรือเปล่าหนอว่าอยากมีชีวิตสงบๆ อยู่กับแบบชาวบ้านธรรมดาคนหนึ่ง มาลีเริ่มครุ่นคิด เขาเคยพูดแต่เธอไม่ได้เก็บมาใส่ใจ
เมื่อทั้งคู่ปั่นจักรยานวนรอบหมู่บ้านแล้ว ชัชชัยก็พามาจอดรถที่ริมลำธาร

“อยากไปเขื่อนที่กั้นลำน้ำแม่กลองใช่ไหม มาลีเคยพูดผมจำได้”

“เคยพูดหรือ” มาลีแกล้งทำให้เขาดูเหมือนคนเพ้อพก

“ตอนนั้นละเมอมั้ง” เขาตาขวางเข้าใส่ มาลีรีบเบือนหน้าไปทางอื่น

“ได้งานคุณหรือยัง แล้ววันนี้จะทำอะไรบ้างเนี่ย อยากกลับบ้านแล้ว เดี๋ยวพี่นันทาด่าอีก”

“ทำเหมือนกลัวเขานะ”

“ก็เกรงๆ บ้าง แล้วคุณไปในที่แบบนี้เกือบทุกทริปเลยหรือ”

“ก็มีบ้าง บางทีแหล่งท่องเที่ยวที่คนนิยมกันแล้วมันก็งั้นๆ อยากนำเสนอในมุมที่ช่วยให้ชาวบ้านได้ประโยชน์จากการเดินทางไปบ้าง อยากเปิดตานักท่องเที่ยวให้เห็นสิ่งสวยงามและมีค่าตามข้างทางบ้าง รูปถ่ายจะสวย ไม่จำเป็นต้องใช้ฉากหลังเป็นน้ำตกทีลอซูหรอกนะ ทุ่งนาที่มีทิวเขาโอบล้อม ถ้ามองดีๆ ก็น่าถ่ายรูปไม่น้อยเหมือนกัน”

“ดูคุณมีความสุขทุกวัน”

“อ้าว แล้วจะทุกข์ไปทำไม ทุกข์แล้วได้อะไร แต่จริงๆ ก็เริ่มเป็นทุกข์แล้วตั้งแต่ได้รู้จักกับมัน”

“อะไร” มาลีทำหน้าสงสัย

“ความรัก” ชัชชัยตอบเต็มถ้อยคำแถมยังจ้องหน้าคนถามอีกด้วย

“น่าเขียนนิยายแข่งกับกุลจริงๆ เลย”

พูดจบมาลีก็เบือนหน้าไปทางอื่น แต่หัวใจนั้นเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ ชัชชัยยังยืนคร่อมบนจักรยาน มาลีเองก็ยังอยู่ในท่าเช่นนั้น แล้วคำถามเดิมที่ทำให้มาลีสติแตกจนร้องไห้ออกมาในเวลาเมื่อวาน ก็กลับมาหามาลีอีกรอบ

“ตกลงอยากไปอยู่เมืองนอกบ้างไหม”

มาลีค้อนขวับมาหาด้วยอารมณ์พลุ่งพล่านขึ้นมาอีก

“รู้อยู่แล้วว่าฉันไม่มีปัญญาไป แล้วจะถามทำไม”

“หมั้นกับผมก็สามารถไปได้แล้ว”

“คุณชัช” มาลีเรียกชื่อเขาเพื่อเรียกสติคืน

“พูดจริงๆ นะมาลี”

“บ้าแล้ว”

มาลีรีบปั่นจักรยานหนีทันที เขาบ้าแล้วแน่ๆ เลย หมายความว่าไง หมั้นก่อนไป ใจหนึ่งก็ลิงโลด แต่อีกใจ เขาแกล้งให้เธอดีใจแน่ๆ เพราะเมื่อวานนี้ในวงอาหาร คุณรมณีย์พูดเรื่องไปฮ่องกงกับกุลกัญญา แล้วเธอก็ละเลียดอาหารฟังเงียบๆ ไม่แสดงสีหน้าและถอยคำยินดียินร้ายกับความรู้สึกดีใจของกุล ด้วยคิดว่าพวกเขากำลังจะเป็นพี่น้องกัน เธอเป็นคนอื่น แถมเป็นคนจนที่ต้องเจียมตัวอย่างมากอีกด้วย

“มาลีหยุดคุยกันก่อน” แล้วจักรยานของชัชชัยก็แซงไปแล้วเลี้ยวกลับดักทางมาลีไว้

“ผมรักมาลีนะ ระระรักมากจนไม่อยากจากไปไหนไกลๆ ผมต้องไปเรียนต่อตามความต้องการของคุณพ่อเป็นเวลาสองปี”

มาลีก้มหน้าอยู่กับมือที่จับแฮนด์รถ เขาลงจากรถตั้งขาค้ำยัน แล้วเดินมาหาพร้อมกับเชยคางมาลีขึ้น

“เร็วไปหรือไง” มาลีสะบัดหน้าให้พ้นจากฝ่ามือของเขา

“เป็นไปได้หรือ”

“มาลีรักผมหรือเปล่าล่ะ”

“ไม่ได้รัก” มาลีตอบชัดถ้อยชัดคำทั้งที่ตรงข้ามกับความรู้สึกที่แท้จริงในใจ

“รักหมอนั่นซินะ”

มาลีเงียบ

“สู้รมมี่เขาไหวก็รักกันต่อไปเถอะ”

ว่าแล้วชัชชัยก็เดินกลับไปที่จักรยานแล้วปั่นนำหน้าไป โดยไม่สนใจว่ามาลีจะปั่นตามหลังไปหรือเปล่า








จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 31 ต.ค. 2555, 20:32:10 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 31 ต.ค. 2555, 20:32:10 น.

จำนวนการเข้าชม : 1944





<< 31.“ไม่ ไม่ปล่อย รักแล้ว ถอยไม่ได้”   33.“มันทนอยู่ไม่ได้เลยหรือ” >>
จุฬามณีเฟื่องนคร 31 ต.ค. 2555, 20:32:42 น.
หยึยยยยยยยยยยย ปล่อยไก่ตัวเบ่อเริ่มเลยอ่ะ............


รอให้เป็นเล่ม 31 ต.ค. 2555, 20:33:48 น.
อิอิ ตอนใหม่มาแล้ว

แอบเห็นรูปไรท์เตอร์บนหน้าเวบด้วยแหละค่ะ ทรงผมใหม่จึ๊ดมากกกกก


วรรณ 31 ต.ค. 2555, 20:36:24 น.
ไม่เป็นไรค่ะ
เหล่ารีดเดอร์ทั้งหลาย ร่วมแรงร่วมใจ
ต้อนไก่เข้าเล้า สำเร้จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 555


จุฬามณีเฟื่องนคร 31 ต.ค. 2555, 20:40:25 น.
เลยต้องโพสต์อีกตอนให้...แบบว่า...เพล้งงงงงงงง!!!


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account