เสน่หาในเพลิงแค้น
ความรักของ 'ธนาดล' ผลิบานท่ามกลางความแค้นที่รอวันสะสาง 'ธนาดล' จะทำเช่นไรหากต้องเลือกระหว่างความรักกับความแค้นที่มีตัวแปรชื่อ 'รัตติกาล' เจ้าของหัวใจที่หักห้ามรักร้อนจากเขาคนนั้น เมื่อปฏิเสธความรักอันหอมหวาน หากผลักไสแล้วใจกลับร้าวราน หัวใจดวงนี้ฤาไม่ใช่ของเธออีกต่อไป
Tags: สโนไวท์

ตอน: บทที่ 11

บทที่ 11

“กรี๊ด”

ชุติมาหวีดร้องสุดเสียงเพราะใบหน้าเปื้อนเลือด และดวงตาอาฆาตของเมรยายังตามหลอกหลอนหญิงสาวไม่ว่ายามหลับหรือยามตื่น แม้ว่าคนรับใช้ในคฤหาสน์อมรวัฒนกุลจะมีร่วมสิบคนก็ไม่อาจทำให้นายน้อยของบ้านรู้สึกอุ่นใจได้เลย

ผมยาวเคลียไหล่ของชุติมาเต็มไปด้วยเหงื่อ หญิงสาวเพลีย และอ่อนแรงราวกับเพิ่งผ่านการวิ่งระยะไกล ชุติมาฝันร้าย ฝันว่าโดนตำรวจจับข้อหาจ้างวานฆ่าเมรยา!

‘ถึงเวลาที่ฉันต้องทำอะไรสักอย่าง’

ร่างอรชรอ้อนแอ้นของชุติมาดูน่ามองแม้ในความมืด แสงจันทร์ที่ส่องผ่านกระจกเข้ามาทำให้เห็นว่าผิวขาวภายให้ชุดนอนเนื้อผ้าบางเบานั้นดูน่าเย้ายวนขนาดไหน หญิงสาวค่อยๆ ย่องลงมายังชั้นล่างของตัวบ้าน เธอไม่มีโอกาสได้รู้เลยว่าตนตกเป็นเป้าสายตาของชายผู้หนึ่งที่จ้องมองเธอด้วยอารมณ์บางอย่าง

เสียงลมกระทบผ้าม่านจากหน้าต่างบานหนึ่งที่คนรับใช้ลืมตรวจตราตามหน้าที่ทำให้ชุติมาสะดุ้ง หากครู่เดียวหญิงสาวก็สะดุ้งสุดตัวเมื่อชายชุดดำก้าวประชิดตัวเธอด้วยฝีเท้าอันเงียบเชียบ

“อุ๊บ...”

“เงียบ แล้วก็อย่าดิ้น”

ชุติมาทำตามอย่างว่าง่ายเมื่อรู้สึกถึงอันตรายจากวัตถุปลายแหลมที่จ่อบริเวณลำคอ ดวงตาวาวเบิกกว้างด้วยความกลัว

“ขึ้นไปบนห้องแกเดี๋ยวนี้นังเอ้”

หญิงสาวซึ่งถูกเรียกด้วยสรรพนามที่หยาบคายได้แต่เก็บความไม่พอใจไว้ ชุติมายอมถูกถูลู่ถูกังขึ้นไปบนบ้าน เธอภาวนาไม่ให้ตนต้องเสียชีวิตหรือเสียโฉมจากโจรย่องเบาใจทรามนี้

คิดสิเอ้ว่ามันต้องการอะไรจากเธอ

“เงิน แกต้องการเงินใช่ไหม เดี๋ยวฉันเขียนเช็คให้” ชายชุดดำตาโตเมื่อได้ยินคำว่า ‘เงิน’

หากเป็นเมื่อก่อนนิธิพนธ์คงไม่ขัดสนเงินทอง แต่ตอนนี้มันไม่ใช่อย่างนั้นแล้ว เมื่ออำนาจทางการเมืองของผู้เป็นบิดาเริ่มถึงคราวเปลี่ยนมือ เปลี่ยนอำนาจ เมื่อถูกบีบจากคนของสักรินทร์ นิธิพนธ์ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาชีวิตตน อะไรฉวยได้ก็ต้องฉวย รวมไปถึงการรับงานจากชุติมา นิธิพนธ์เกือบต้องเสียค่าโง่ด้วยการตกเป็นผู้ต้องหาฆ่าคนตายเมื่อคนหน้าซื่อใจคดอย่างชุติมาหักหลังเขา

“คิดว่าเงินของมึงจะสาสมกับสิ่งที่มึงทำกับกูหรือไง” หมาจนตรอกอย่างนิธิพนธ์กระชากผมสวยของชุติมาอย่างแรงจนหญิงสาวหน้าหงาย

ชายหนุ่มไม่มีโอกาสได้เห็นว่าใบหน้าของชุติมาซีดเผือดเมื่อได้ยินคำพูดที่เต็มไปด้วยความพยาบาทของเขา

“ฉัน...ฉันขอโทษนะเต้ ฉันไม่ได้ตั้งใจ” ชุติมากัดริมฝีปากข่มความเจ็บจนห้อเลือดแล้วละลำ่ละลักบอกชายหนุ่ม

“หึ...กูไม่โง่ให้มึงหลอกเป็นครั้งที่สองหรอกนังเอ้”

“ฉันไม่...”

“มึงไม่ต้องมาแก้ตัว ตอนนี้ตำรวจตามตัวกูให้ควั่กก็เพราะคนทรยศอย่างมึงคนเดียว ถ้ากูจะติดคุกกูนะ กูไม่ยอมให้มึงเสวยสุขอยู่คนเดียวหรอก มึงได้ไปอยู่กูแน่” นิธิพนธ์ตวาดอย่างโกรธจัด แค่เขาหลงเชื่อคำพูดของชุติมาที่ว่า ‘งานเบาเงินสบาย’ ก็เกือบถูกหมายจับ

นิธิพนธ์ และชุติมาเคยคบหาดูใจกันเป็นเวลาสั้นๆ ครั้งทั้งคู่ยังเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ฝ่ายหนึ่งจัดเป็นหญิงสาวที่มาจากชาติตระกูลที่ดี และที่สำคัญรวยล้นฟ้า และอีกฝ่ายทายาทคนเดียวของนักการเมือง รวยทั้งรูปโฉมและทรัพย์สมบัติ นิสัยเอาแต่ใจที่ต่างฝ่ายต่างเป็นลูกคนเดียวทำให้ทั้งคู่เข้ากันไม่ได้ ชุติมาเป็นฝ่ายบอกเลิก นิธิพนธ์เองก็ไม่ได้เสียใจกับความรักครั้งนั้น ตรงกันข้ามทั้งคู่ยังนัดเจอกันบ้างแล้วแต่ความสะดวกของเวลา และผลประโยชน์ร่วมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนัดเจอกันเพื่อสานสัมพันธ์ทางกายที่ทั้งคู่เข้ากันได้ดี

นิธิพนธ์บังคับให้ชุติมาพาเขาไปที่ห้องของเธอ ชุติมาไม่อาจปฏิเสธ ได้แต่ทำตามคำสั่งของชายหนุ่ม สุดแต่ว่าเขาจะบัญชาไปเช่นไร

แคว่ก

นิธิพนธ์ใช้มีดคมกริบกรีดชุดนอนของชุติมาให้หลุดออกจากกันก่อนโยนมีดให้ตกไปข้างเตียง มือหนากระชากชุดนอนเนื้อดีหลุดจากร่างอ้อนแอ้นของหญิงสาวอย่างง่่ายดาย นิธิพนธ์ใช้หน้าขากักกันชุติมาไว้ใต้อาณัติขณะที่ถอดเสื้อของตนออก เพียงชั่วครู่เขาก็ผละออกจากตัวของหญิงสาว สลัดกางเกงไปคนละทางอย่างเร่งรีบ

ชุติมาขัดขืนในตอนแรกแต่สุดท้ายหญิงสาวก็ตกเป็นทาสเสน่หาของนิธิพนธ์ ร่างเปลือยเปล่าของนิธิพนธ์ และชุติมากอดก่ายกันบนเตียงนุ่ม ชุติมาปรือตามองก็พบดวงตาเจาเล่ห์ของนิธิพนธ์มองอย่างคนถือไพ่เหนือกว่า

“เป็นไงบ้างเอ้ เห็นหรือยังว่าฉันแน่แค่ไหน”

เมื่อได้ระบายอารมณ์กับชุติมาจนสาแก่ใจ นิธิพนธ์อารมณ์ดีอย่างเห็นได้ชัด สรรพนามแทนตัวหญิงสาวจึงเปลี่ยนไปด้วย

“แก...ไอ้...อ๊ะ” ไม่ทันที่เธอจะอุทานอะไรต่อก็ถูกมือหนาลูบไล้บริเวณใต้ร่มผ้าด้วยความจาบจ้วง

หญิงสาวปล่อยตัวไปตามอารมณ์ใคร่ของเขาด้วยความต้องการไม่แพ้กัน มือบางของเธอโอบลำคอของเขาไว้แน่นราวกับกลัวว่าเขาจะหยุดกิจกรรมที่ได้ทำอยู่ เรียกเสียงพึงพอใจในลำคอของนิธิพนธ์

เมื่อสิ้นสุดบทเพลงรักที่สอง นิธิพนธ์เอามือพันผมเผ้ายุ่งเหยิงของชุติมาเล่นอย่างสบายอารมณ์ ผิดกับหญิงสาวที่อารมณ์ขุ่นมัว เธอเกรงว่าคนใช้ในบ้านจะมาเห็น

“ว่าไง เรื่องเงิน”

“ฉันไม่เบี้ยวแกหรอกน่า” ชุติมาไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับนิธิพนธ์อีกจึงลุกไปหยิบสมุดเช็คที่โต๊ะมุมห้องทั้งที่ไม่สวมอะไรติดตัวสักชิ้น “แกเป็นแค่ผู้ต้องสงสัย อย่าทำตีตนไปก่อนไข้เลย ส่วนเรื่องนังเมรยา นังนั่นมันสมควรตายเพราะมันรู้เรื่องของฉันมากเกินไป”

สองวันก่อน นิธิพนธ์ได้รับโทรศัพท์จากเธอ...ชุติมา

‘นี่ฉันมีงานให้แกทำ’

‘งานอะไร ฉันทำได้ทุกอย่างยกเว้นฆ่าคน’ กับชุติมา นิธิพนธ์ไม่จำเป็นต้องรักษาความเป็นสุภาพบุรุษ

‘คนมีแต่ตัวอย่างแกเลือกได้ด้วยหรือ’ ชุติมาบอกอย่างเหยีดๆ เพราะทราบดีว่าสถานภาพทางการเงินของนิธิพนธ์ยำ่แย่ถึงเพียงไหน

‘งานอะไรก็พูดมาเลยดีกว่า’ นำ้เสียงเหยียดหยามทำให้นิธิพนธ์กำหมัดแน่น อยากวางหูใส่ชุติมานัก แต่ชายหนุ่มทราบดีว่ามันไม่ใช่การกระทำที่ฉลาดนัก

‘ก็ไม่มีอะไรมาก แค่หาทางสั่งสอนนังเมรยาให้มันหลาบจำ...หรือให้หายไปจากโลกนี้เลยก็ได้’

นิธิพนธ์ฟังข้อเสนอของชุติมาอย่างสนใจ ค่าจ้างของเขานั้นมากพอที่จะนำไปใช้หนี้สักรินทร์ และยังเหลือเงินจำนวนหนึ่งให้เขาหนีไปกบดานประเทศเพื่อนบ้านได้หลายเดือน

‘ตกลงตามนี้นะ ฉันโอนเงินก้อนแรกให้แกก่อน เสร็จงานฉันจะโอนส่วนที่เหลือให้’


///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////


อากาศเย็นในยามเช้าไม่ได้ปลุกให้รัตติกาลตื่น แต่เป็นแขนแข็งแรงของธนาดลพาดที่หน้าท้อง มือที่เตรียมประทุษร้ายชายหนุ่มลดลงเมื่อเห็นใบหน้าคมเข้มยังจมดิ่งในห้วงนิทราแล้วรัตติกาลก็พบว่าตนได้ลุกล้ำอาณาเขต เห็นได้จากธนาดลนอนชิดขอบเตียงอย่างหมิ่นเหม่ ชายหนุ่มยังใจดีให้นอนหนุนแขนของเขาทั้งคืน

“หยวนๆ ให้แล้วกัน” รัตติกาลกระซิบบอกก่อนลุกขึ้นนั่ง บิดขี้เกียจสองสามที แล้วหยิบนาฬิกาเรือนแสนของธนาดลที่ถูกถอดทิ้งไว้ข้างเตียงขึ้นดูก็พบว่าวันนี้เธอตื่นสายกว่าปกติ

เสียงกรนเบาๆ ของธนาดลทำให้เช้าวันใหม่ของรัตติกาลเต็มไปด้วยความอุ่นใจ ถ้อยคำหวานที่ชายหนุ่มฝากไว้ยังตราตรึงในความทรงจำ รัตติกาลคลี่ผ้าห่มให้เขาอย่างเบามือก่อนเอื้อมมือไปปัดผมที่ปรกหน้าผาก กลัวว่าเขาจะรำคาญ

“ว๊าย”

รัตติกาลสะดุ้งเมื่อจู่ๆ คนที่นอนนิ่งคว้าร่างเธอให้หงายตึงล้มลงด้วยกัน หญิงสาวใจเต้นระทึกเมื่อใบหน้าคมคายอยู่ห่างจากใบหน้าเธอเพียงไม่กี่เซ็น

“จะปลุกเจ้าชายนิทราหรือครับ” ธนาดลเอ่ยเสียงพร่าทำให้คนฟังใจเต้น

“บ้าน่าคุณดล เขามีแต่เจ้าหญิงนิทรา”

“แต่ผมอยากเป็นเจ้าชายนิทราของนิกซ์นี่นา”

“เอ นิกซ์ว่าจ้าชายนิทราอย่างคุณต้องปลุกด้วยวิธีพิเศษ...แบบนี้” รัตติกาลอาศัยจังหวะที่ธนาดลเผลอเสยหมัดเข้าที่ใบหน้าชายหนุ่ม

ธนาดลหลบกำปั้นลุ่นได้อย่างเฉียดฉิว พร้อมทั้งคว้ามือของหญิงสาวไว้ไม้ยอมปล่อยแม้ว่าเธอจะขัดขืนสักเพียงใด

“นิกซ์แรงมาผมก็แรงตอบนะ”

“อย่าบอกนะว่าคุณจะต่อยฉัน” น้ำเสียงหวาดหวั่นของรัตติกาลทำให้ธนาดลเกือบจะหัวเราะพรืด ชายหนุ่มทำหน้าเคร่งซ่อนรอยยิ้ม

รัตติกาลยังไม่ยอมแพ้ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นที่ริมฝีปากอิ่ม ทว่าขาที่เตรียมทำร้ายชายหนุ่มกลับเคลื่อนไหวไม่ได้เมื่อท่อนขาแข็งแรงกดทับลงมาเต็มน้ำหนัก

ฟู่....

ลมหายใจอุ่นๆ ของธนาดลเป่ารดใบหูของหญิงสาวแล้วแนบจมูกกับแก้มเนียน แต่รัตติกาลกลับเบือนหน้าหนี ทำให้เขาได้สูดดมกลิ่นหอมกรุ่นจากลำคอระหงแล้วเคลื่อนไปที่ใบหูก่อนใช้ฟันขบพอหวิวๆ ทำให้รัตติกาลลืม

“สองทีแล้วนะ ผมไม่ปล่อยให้นิกซ์ทำร้ายผมฝ่ายเดียวหรอก ตอนนี้ผมขอเอาคืนบ้างนะ”

ไม่ทันที่เธอจะได้ว่าอะไร ริมฝีปากอิ่มของเธอก็ถูกครอบครองเสียแล้ว

หลังจากที่รัตติกาลถูกธนาดลบังคับให้ปลุกเขาด้วยวิธีพิเศษแล้วหญิงสาวยังถูกชายหนุ่มเอาทำโทษแบบถึงเนื้อถึงตัวเลยทีเดียว เป็นเวลานานกว่าธนาดลจะยอมปล่อยให้รัตติกาลเป็นอิสระ

รัตติกาลนอนหอบ หายใจแรงบนเตียง มือบางขยำผ้าปูที่นอนจนยับยู่ยี่ เสียงหัวใจของหญิงสาวเต้นเร็วจนเธอกลัวว่ามันจะหลุดออกมาเสียแล้ว รสชาติหอมหวานละมุนนุ่มลิ้นยังติดอยู่ที่ริมฝีปาก

“นิกซ์ต้องปลุกผมอย่างนี้ทุกเช้านะ” ธนาดลบอกอย่างคนเห็นแก่ได้ ชายหนุ่มอมยิ้มกับท่าทางไม่ประสีประสาของหญิงสาว

“นิสัยไม่ดีเลย คุณนี่” รัตติกาลว่าขณะลุกจากเตียงพลางสำรวจเสื้อผ้าหน้าผมของตนให้เรียบร้อย

ธนาดลมองคนผมยุ่งสวมเสื้อยืดตัวโตของเขา เรียวขายาวๆ ของรัตติกาลโผล่จากกางเกงขาสั้นตัวจิ๋วทำให้ธนาดลไม่อยากปล่อยเธอไกลตัวเลย

“นิสัยไม่ดีตรงไหน นิกซ์ทำกับผมเหมือนเป็นคนอื่น ทั้งๆ ที่เรารู้จักกันทุกซอกทุกมุม”

“คนอะไร น่าไม่อายจริง” รัตติกาลทำหน้าไม่ถูกกับคำพูดพิลึกพิลั่นของธนาดลที่ดูเหมือนจะติดใจสัมผัสรักเป็นพิเศษ

“อายอะไร นิกซ์ก็ออกจะหุ่นดี คืนนั้น...เราสองคนมีความสุขกันมากๆ เลย”

“คุณดล!! ถ้าคุณพูดอีก นิกซ์จะ...จะโกรธคุณจริงๆ ด้วย” รัตติกาลหน้าแดงกับคำพูดสองแง่สองง่ามของเขา หัวสมองของว่าที่บัณฑิตเกียรตินิยมอันดับสองรีบหาทางหนีที่ไล่ก่อนที่จะถูกธนาดลต้อนจนมุม

ฉันคิดผิดไหมเนี่ยที่สู้กับคุณด้วยวิธีนี้

“โอเคๆ ผมจะไม่ทำให้นิกซ์ต้องอายด้วยคำพูดของผมอีก” ธนาดลยันกายลุกจากเตียง ชูนิ้วก้อยให้รัตติกาลแทนสัญญา ก่อนกระซิบบอกเธอว่า “เอาไว้ผมจะสอนภาคปฏิบัติให้นิกซ์ใหม่ตั้งแต่ต้นจนจบ”
ใบหน้าสดชื่นของรัตติกาลงองำ้ สะบัดหน้าพรืดออกไปจากห้องทันที


///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////


ความเจ็บปวดจู่โจมร่างกายของภานุมาศเพียงหญิงสาวเปลี่ยนท่านอน ภานุมาศไม่อาจข่มความเจ็บปวดนอนต่อได้ ร่างกายของหญิงสาวสัมผัสกับผ้าห่มผืนบางจึงรู้ตัวว่าไม่มีเสื้อผ้าติดตัวสักชิ้น ครั้นหันไปมองก็พบเสื้อผ้าของตนเองกองอยู่บนพื้นรวมกับเสื้อผ้าของสักรินทร์ ร่างบางเอาผ้าห่มพันกายหมายจะลุกไปเอาเสื้อผ้า หากเดินได้เพียงก้าวเดียวก็ล้มไปกองกับพื้น ภานุมาศกุมท้องด้วยความเจ็บปวดเป็นเวลาเดียวกันที่สักรินทร์ออกจากห้องน้ำ ชายหนุ่มมีเพียงผ้าขนหนูปกคลุมท่อนล่างไว้

“โอ๊ย!!!”

“อ้าว พลัมลุกมาทำไม แล้วเป็นอะไรน่ะ”

“ก็คุณนั่นแหละทำฉัน...เจ็บ” กว่าจะรู้ตัวก็พลาดไปแล้วที่คำถามของชายหนุ่ม

อ๊าย นี่ทำไมไม่มีใครบอกเลยว่ามีอะไรกับผู้ชายมันเจ็บอย่างนี้

“อ๊ะ” ภานุมาศอุทานเมื่อขาไม่แตะพื้น หากมือไวพอที่จะคล้องคอของชายหนุ่มไว้

สักรินทร์อุ้มหญิงสาวไว้แล้วค่อยๆ วางเธอไว้บนเตียงอย่างเบามือ

ภานุมาศหน้าแดงเมื่อเห็นรอยโลหิตหยดเล็กๆ เป็นวงกลางผ้าปูสีขาวสะอาด ความรู้สึกละอายแล่นเข้ามาในจิตใจ อาการเจ็บหนึบบริเวณหน้าขาทำให้ภานุมาศก้มหน้านิ่งด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก

สักรินทร์ปลอบหญิงสาวที่สะอื้นฮึกอย่างช่วยไม่ได้ สำหรับชายหนุ่มแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้มีคุณค่าอะไรมาก มันก็แค่เยื่อบางๆ ที่คนทั้งโลกอุปโลกน์ขึ้นมากันเอง “ไม่เอาน่า ที่รัก”

“ใครที่รักคุณ อย่ามายุ่งกับฉัน” เสียงหวานแหวอย่างไม่พอใจ

“ไม่ยุ่งได้ไง เมียทั้งคน” คำพูดของสักรินทร์ทำให้หญิงสาวแทบเต้น ภานุมาศระบายอารมณ์กับที่นอน สองมือทุบตีจนแดงเถือกทว่าเทียบไม่ได้กับความเจ็บปวดในใจ

นี่ถ้ารัตติกาลอยู่ด้วยคงรู้ว่านี่แหละอาการองค์ลงของภานุมาศ

“ใจเย็นๆ น่า” สองมือหนาลูบต้นแขนเธอเบาๆ จนร่างบางโอนอ่อนอย่างเห็นได้ชัดเป็นเหตุให้อีกฝ่ายปล้นจูบได้ง่ายๆ ภานุมาศทำหน้าไม่ถูกเมื่อสายตาวาววับของสักรินทร์จ้องมอง

“อย่ามาแตะต้องฉันนะ แล้วก็ไปไกลๆ ด้วย” ว่าแล้วเธอก็ปัดมือเขาออกอย่างรังเกียจ

“แล้วเมื่อคืน...”

“กะอีแค่นอนด้วยกันคืนเดียว คุณจะเอาอะไรกับฉัน” ภานุมาศพูดอย่างไม่สบอารมณ์...ต๊าย ฉันพูดอะไรออกไปนะเนี่ย ธัมโม ธัมมัง

“จะนอนด้วยกันคืนเดียวหรือหลายคืน คุณก็เป็นเมียของผมแล้วผมก็เป็นผู้ชายคนแรกของคุณ เพราะฉะนั้นคุณเป็นของผมได้ยินไหมพลัมว่าผมมีสิทธิ์เต็มที่...แล้วที่สำคัญคุณชอบผม” คนเจ้าเล่ห์อ้างความรู้สึกของภานุมาศอย่างเป็นต่อ

ร่างบางชะงักไปทันที ภานุมาศนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้น หญิงสาวคิดว่าสักรินทร์อาจไม่ได้นึกชอบเธอเลยก็เป็นได้ แต่เป็นเพราะความใคร่หรืออะไรก็ตามแต่ทำให้เกิดเหตุการณ์เมื่อคืนก่อน

“ขอให้ฉันอยู่คนเดียวสักพักเถอะ” ภานุมาศเกลียดตนเองยิ่งนัก...จะโทษใครได้ในเมื่อเธอเสนอตัวให้เขาก่อน

“พลัมเป็นอะไรมากหรือเปล่า หรือว่ายังเจ็บ...อยู่” สักรินทร์เข้าพยุงร่างบางอย่างเป็นห่วง หากภานุมาศยังขืนตัวไว้...ใช่เธอเจ็บแต่เจ็บใจต่างหาก

“ฉันไม่ตายง่ายๆ หรอก คุณไม่ต้องห่วง”

“ไปอาบน้ำซะ เดี๋ยวผมจะให้คนยกอาหารมาให้” สักรินทร์อุ้มหญิงสาววางบนอ่างอาบน้ำอย่างเบามือ

“คุณเคยคิดจะรักฉันบ้างไหม” คำถามที่แผ่วเบาหลุดออกจากปากของภานุมาศเมื่อประตูห้องน้ำปิดลงไปแล้ว หากสักรินทร์ไม่มีโอกาสได้รับฟัง ภานุมาศสะอื้นไห้ในห้องน้ำ

เป็นเวลานานกว่าภานุมาศจะชำระความสกปรกออกจากร่างกาย มือบางขัดตัวแรงๆ ราวกับว่าจะสามารถลบสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก่อนได้ เมื่อคิดว่าเธอให้ใจไปกับคนที่ไม่เคยจะมีใจให้ ที่สำคัญเธอได้กระทำการน่าเกลียดอยากได้เขาจนตัวสั่น โดยไม่รู้ตัวภานุมาศถูตัวแรงขึ้นจนแดงไปทั้งตัวพร้อมกับน้ำตาที่รินหลั่ง

สักรินทร์มองร่างไร้วิญญาณของภานุมาศที่เดินออกห้องน้ำด้วยความเป็นห่วง ดวงตาที่เขาว่าสวยกลับแดงก่ำเพราะผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก

“พลัม”

“...”

“เป็นอะไรไปน่ะ หันมามองผมหน่อยสิ” ภานุมาศหันมามองสักรินทร์แล้วทำเฉยราวกับเขาเป็นธาตุอากาศ

“...”

“พลัม ผมเป็นห่วงคุณนะ” สักรินทร์ยังไม่ยอมแพ้ ชายหนุ่มกอดหญิงสาวไว้แต่เธอกลับนิ่ง ไม่ดิ้น แต่ก็ไม่กอดตอบ

“...”

“เป็นอะไรไป ทำไมไม่พูด” สักรินทร์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ รอให้หญิงสาวมีปฏิกิริยาตอบสนองอยู่นาน

“...”

“โธ่เว้ย!!!” สักรินทร์หมดความอดทนกับคนตรงหน้า ระเบิดน้ำเสียงกับภานุมาศว่า“ให้มันได้อย่างนี้สิ มีเมียคนก็ดันเป็นใบ้”

“ใช่ ฉันเป็นเมียคุณแต่ฉันไม่ได้เป็นใบ้” สถานะที่สักรินทร์ยัดเยียดให้ทำให้ภานุมาศกระแทกเสียงตอบโต้อย่างเผ็ดร้อนไม่แพ้กัน

“เออ รู้แล้วไม่ต้องเสียงดังก็ได้ ผมไม่ลืมหรอกว่าคุณเป็นเมียผมคนหนึ่ง” สักรินทร์ว่าผลักเธอให้ล้มลงบนเตียง กระแทกเท้าเดินออกจากห้องไป

เมื่อประตูปิดดังปัง ความอดทนของภานุมาศก็หมดไปด้วย หญิงสาวร้องไห้อย่างน่าสงสารไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของเธออย่างนี้

ร้องไห้กับคนใจร้ายเสียให้พอ ภานุมาศ

เสียงปิดประตูทำให้คนที่เพิ่งเข้ามาในห้องทำงานสะดุ้ง สักรินทร์ชะงักก่อนปรับสีหน้าให้เป็นปกติ แต่น้ำตา และความรู้สึกที่มีต่อภานุมาศนั้นทำให้ชายหนุ่มทำได้ยากเย็น สักรินทร์นั่งหันหลังฟังธุระของเมศร์ เขาหวังว่าจะใช้เวลาดังกล่าวปรับอารมณ์ของตนได้

“อะไรนะ ผีอย่างนั้นหรือ” คำบอกเล่าของเมศร์ทำให้สักรินทร์หมุนเก้าอี้กลับมา ชายหนุ่มขมวดคิ้วแล้วเงยหน้ามองลูกน้องของตนอย่างไม่เชื่อหู

“ครับ” เมศร์ก้มหน้าก้มตาตอบสักรินทร์

“เป็นไปได้ไหมว่าหูฝาด” สักรินทร์ยังไม่ปักใจเชื่อนัก ชายหนุ่มมองเมศร์อย่างประเมินสถานการณ์ก่อนลุกไปชงวิสกี้ใส่แก้วสี่เหลี่ยมให้เมศร์

เมศร์ยังชั่งใจอยู่ชั่วครู่หลังจากเครื่องดื่มสีอำพันพร่องไปครึ่งแก้ว “ผมรู้ว่ามันเชื่อยาก แต่ไม่ใช่แค่ผมนะครับที่โดนผีคุณเมเล่นงาน ป้าอรกับสะอิ้งก็โดนกันถ้วนหน้าครับคุณริน”

“เฮ้อ มันเชื่อยากอย่างที่นายว่าจริงๆ นั่นแหละ” สักรินทร์จุดบุหรี่สูบพลางขบคิดปัญหาชิ้นใหญ่ “แต่ก็ใช่ว่าจะเชื่อไม่ได้”

“ขอบคุณคุณรินที่เชื่อผม...แล้วเราจะทำอย่างไรต่อไปดี” เมศร์บอกอย่างคนสิ้นไร้ไม้ตอก ใบหน้าของชายหนุ่มดำคล้ำ ไม่สดใสอย่างที่เคยเป็น

สักรินทร์มองดวงตาแห้งผากของเมศร์แล้วอัดบุหรี่เข้าเต็มปอดก่อนบอกเมศร์ว่า “เจอผีแค่หนเดียวทำเอาไปไม่ถูกเลยหรือไอ้เสือ”

“โธ่คุณริน สองมือกับหนึ่งโป้งของผมสู้กับผีไม่ได้นะครับ” คำพูดติดตลกของสักรินทร์ทำให้เมศร์ตลกไม่ออก ขอความเห็นใจจากสักรินทร์

“ต้องให้ข้าไปขอของดีมาให้ไหมวะ”

“ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอกครับ ผมว่าผมจัดการได้” เมศร์ไม่ได้ขยายความต่อว่าเขาวิ่งหน้าตั้งไปขอเครื่องรางของขลังจากเจ้าอาวาสทันทีที่โดนผีเมรยาหลอกเรียบร้อยแล้ว

“กันไว้ดีกว่าแก้ เอานี่ไปก็แล้วกัน” สักรินทร์ขยี้บุหรี่กับที่เขี่ยบุหรี่แล้วถอดเบี้ยแก้ที่ใส่ติดคอไว้เป็นประจำให้เมศร์ อีกฝ่ายถึงกับอึ้งเมื่อเห็นว่าผู้เป็นนายเป็นห่วงถึงขนาดนี้ เพราะเมศร์ไม่เคยเห็นสักรินทร์ยอมถอดเบี้ยแก้เลยตั้งแต่ที่รู้จักกัน

“จะดีหรือครับ...ผม”

“เอาน่า เสร็จงานแล้วค่อยคืน” เมื่อเห็นเมศร์อ้ำอึ้ง สักรินทร์จึงยัดเบี้ยแก้ใส่มือเมศร์ “แล้วคดีของเมรยาล่ะ ตำรวจว่ายังไงบ้าง”

“อุบัติเหตุครับ สงสัยงานนี้เราต้องเหนื่อยกันอีกแล้ว ไม่ได้ความร่วมมือจากตำรวจ และวิวัฒนกุลเลย...คนของตัวแท้ๆ ” น้ำเสียงของเมศร์บอกว่าเขาไม่สบอารมณ์เป็นอย่างยิ่ง หากคำพูดสุดท้ายเขางึมงำอย่างคนน้อยเนื้อต่ำใจ

“เอาน่า โลกนี้ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ หรอก เขาไม่ให้ เราก็หาเอง”

“เห็นอยู่ว่าเธอโดนฆาตกรรม แต่ไม่มีใครสักคนสนใจจะหาคนร้ายมาลงโทษ” คนรักความยุติธรรมบอกอย่างร้อนรน เมศร์ทนไม่ได้ที่เพื่อนมนุษย์ด้วยกันจะถูกกระทำอย่างทารุณ

“เมรยาจะต้องไม่ตายเปล่า เชื่อฉันสิ” สักรินทร์พูดคล้ายกับให้คำมั่นสัญญากับเมศร์

“ผมก็หวังว่าอย่างนั้นครับคุณริน” เมศร์ค่อยคลายความกังวลใจ ดื่มวิสกี้ที่ก้อนน้ำแข็งละลาย เปลี่ยนรูปร่างไปแล้วจนหมด

“แล้วตรวจสอบกล้องวงจรปิดไปถึงไหนแล้ว”

“คนของเรากำลังเร่งอยู่ครับ รับรองว่าไม่เกินบ่ายนี้”

สักรินทร์พยักหน้าเชิงรับทราบ แล้วตัดสินใจสั่งงานสำคัญ “วันพรุ่งนี้ขึ้นไปรับไอ้ดลที่เชียงใหม่ด้วย”



///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

บทที่ 11 มาแล้วค่ะ เดี๋ยวบทหน้าทุกคนก็จะมาช่วยกันสืบคดีฆาตกรรมกันแล้ว เอาใจช่วยคนกลัวผีอย่างคุณเมศร์หน่อยนะคะ อิอิ

@ คุณ lovemuay มาเสิร์ฟแล้วค่ะ บทที่ 11 นานหน่อยอย่าเพิ่งโกรธกันนะคะ

@ คุณ angle101 สงสัยนุ่นจะใช้นำ้มันตาเต่าถึงไม่่อยทันใจคุณ angle101 เลย

@ คุณ pattisa รีบสุดชีวิตแล้วค่ะ

@ คุณ teaw ชอบแบบหวานๆ หรือโหดๆ เถื่อนๆ คะ??

@ คุณ ปูสีนำ้เงิน คนเขียนก็รอตอบคอมเมนท์ทุกคนเหมือนกันค่ะ




เรียงอักษร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 พ.ค. 2554, 00:14:05 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 พ.ค. 2554, 00:15:28 น.

จำนวนการเข้าชม : 2314





<< บทที่ 10   บทที่ 12 >>
ปูสีน้ำเงิน 19 พ.ค. 2554, 00:46:12 น.
ก็รู้นะคะว่าที่ลงให้อ่านนะมันยาวพอสมควรแล้ว
แต่ปูก็ยังรู้สึกว่าปูใช้เวลาอ่านแค่แป๊บเดียวเอง
เหมือนมันไม่จุใจยังไงก็ไม่รู้


lovemuay 19 พ.ค. 2554, 13:24:52 น.
เห็นด้วยกะคุณปู มันสนุกมากเลยอ่ะค่ะ อยากอ่านเยอะๆ อิอิ


angle101 20 พ.ค. 2554, 10:06:38 น.
คริ คริ ก้อแต่ละตอนมันน่าลุ้น น่าตามตลอดเลยยT_T


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account