เสน่หาในเพลิงแค้น
ความรักของ 'ธนาดล' ผลิบานท่ามกลางความแค้นที่รอวันสะสาง 'ธนาดล' จะทำเช่นไรหากต้องเลือกระหว่างความรักกับความแค้นที่มีตัวแปรชื่อ 'รัตติกาล' เจ้าของหัวใจที่หักห้ามรักร้อนจากเขาคนนั้น เมื่อปฏิเสธความรักอันหอมหวาน หากผลักไสแล้วใจกลับร้าวราน หัวใจดวงนี้ฤาไม่ใช่ของเธออีกต่อไป
Tags: สโนไวท์
ตอน: บทที่ 12
บทที่ 12
“ไม่มีซีนีม่า ไม่มีสวิมมิ่ง ไม่มีช็อปปิ้ง อ้อ ไม่มีดอทเอด้วย!! ” เสียงเล็กร้องอย่างขัดใจ
ภานุมาศนั่งหน้าตูมเมื่อไม่สามารถทำกิจกรรมที่เด็กแนวอย่างเธอโปรดปราน จิตใจของหญิงสาวขุ่นมัวเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเพราะยังเคืองสักรินทร์ไม่หาย แค้นใจตนเองที่ต้องเสียตัว และเสียใจกับคนนิสัยไม่ดีอย่างเขา คนมีจุดยืนคือขาของตนอย่างภานุมาศไม่ปล่อยให้ความทุกข์อยู่กับตนนานจึงพยายามหาทางลดความหม่นหมองในจิตใจ
สักรินทร์ได้แต่ปรายตามองภรรยาเด็กของตนอย่างไม่เข้าใจนัก ชายหนุ่มหาข้อมูลว่าเจ้าดอทเอที่หญิงสาวนั้นมันคืออะไร อาจจะเป็นสัตว์เลี้ยงพันธุ์ใหม่หรือไม่ก็เครื่องดนตรีชนิดใหม่ มืคล้ามคลึงขมับตนเมื่อทราบว่าปริศนาที่กำลังหาอยู่นี้คือเกมที่ได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้ สักรินทร์พยายามใช้ความรู้ทั้งหมดทั้งมวลที่ตนเคยศึกษามาใช้ให้เกิดประโยชน์ แต่เขายังไม่เข้าใจเจ้าเกมดอทเอที่ว่านี้ว่ามันเป็นอย่างไรกัน
“เล่นอูคู่เลเล่ดีกว่า” ภานุมาศยึดเอาอูคู่เลเล่สีม่วง (กีตาร์ฮาวาย) ของสักรินทร์มาเป็นของตน หญิงสาวหัดเล่นโดยเซิร์ชหาจากอาจารย์กูเกิ้ล
เพียงไม่นานเสียงเจ้ากีตาร์สี่สายตัวเล็ก และเสียงร้องผิดคีย์ของภานุมาศก็ทำให้สักรินทร์หอบงานเข้าไปทำในห้องนอนแทบไม่ทัน!
“หรือเราจะแก่แล้ว”
สักรินทร์ถามตนเองขณะจ้องมองภาพสะท้อนในกระจก มือหนาลูบหน้าตนอย่างไม่มั่นใจ แม้ว่าใบหน้าของเขาจะไม่มีริ้วรอยใดๆ มาทำให้เสียความมั่นใจแต่ความแตกต่างระหว่างเขากับภานุมาศก็ทำให้สักรินทร์ต้องคิดหนัก
“เอาวะไอ้ริน มีเมียเด็กก็ต้องทำตัวเด็กด้วย” สักรินทร์ให้กำลังใจตนเองว่าต้องลองกันสักตั้ง
สักรินทร์จินตนาการถึงวันที่เขา และภานุมาศเล่นดอทเอด้วยกันอย่างเมามัน แล้วหญิงสาวต้องเป็นฝ่ายที่พ่ายแพ้!!
เสียงเคาะประตูทำให้สักรินทร์กลับสู่โลกความเป็นจริง
“เข้ามา” สักรินทร์บอกอนุญาตให้ผู้มารบกวนเข้ามาในห้องได้ เมื่อเห็นว่าเป็นใครจึงถามต่อว่า “งานคืบหน้าถึงไหนแล้วเมศร์”
“ทางเราสงสัยว่าคุณชุติมาจะอยู่เบื้องหลังการตายของคุณเมรยาครับ”
“น้องเอ้น่ะหรือ” สักรินทร์ถามเสียงสูง ชายหนุ่มไม่อยากจะเชื่อหูว่าหลานสาวแสนดีที่ธนาดลรักนักรักหนาจะทำการใหญ่ถึงเพียงนี้ “แล้วหลักฐาน”
“กล้องวงจรปิดบันทึกได้ว่าคุณชุติมาสั่งให้คนไปเก็บคุณเมรยาครับ” เมศร์ส่งแผ่นซีดีที่เขาทำคัดลอกไว้เป็นหลักฐานให้สักรินทร์แล้วบอกต่อว่า “ยังมีคลิปเสียงของเธอกับคนของเราอีกครับ”
“คนของเรา...ใคร” สักรินทร์ถามอย่างไม่เข้าใจเพราะรู้ดีว่าตนไม่มีสปายชั้นยอดอยู่ในมือที่สามารถทำให้ชุติมายอมคลายความลับ
“ครับ คนของเรา...นิธิพนธ์”
“นิธิพนธ์...นิธิพนธ์...อ๋อ เดี๋ยวนี้ทำงานกับลูกหลานนักการเมืองแล้วหรือ” สักรินทร์เก็บความแปลกใจไว้ไม่ได้
“เปล่าครับ ผมเสนอให้มันทำงานใช้หนี้”
“จุ๊ๆๆ ฉลาดไม่เบา”
“แล้วเรื่องคุณชุติมาล่ะครับ” เมศร์ถามอย่างกังวลเพราะเขาไม่ต้องการทำอะไรนอกเหนือคำสั่ง ที่สำคัญถ้าเขาทำอะไรรุนแรงกับบุคคลวีไอพีอย่างชุติมาลงไปแล้วเกรงว่าจะทำให้เจ้านายของตนกับเพื่อนรักจะมองหน้ากันไม่ติด
“หามือดีจับตามองไว้ก่อน...แล้วค่อยรอไอ้ดลกลับมาจัดการ”
“ครับ”
สักรินทร์ปิดแฟ้มเอกสาร เลิกสนใจกำไร และผลประโยชน์มหาศาลอีกต่อไป ชายหนุ่มครุ่นคิดถึงข้อมูลสดใหม่ที่เพิ่งได้รับ ตอนนี้ในหัวของเขาตื้อไปหมดเมื่อเหตุการณ์กลับตาลปัตร ทุกอย่างเริ่มคลี่คลายแล้วเขาจะจัดการเรื่องต่างๆ ได้อย่างไร ถ้าฆาตกรที่ต้องถูกลงโทษนั้นคือชุติมา!
แกร็ก
“คุณปอยมาขอพบครับ” เมศร์หน้าตาตื่นรีบเปิดประตูเข้ามาโดยไม่รอให้สักรินทร์อนุญาต
“ปอย...ปอยไหนวะ” คนเปลี่ยนคู่นอนราวกับเปลี่ยนเสื้อผ้าขมวดคิ้วถาม
“ไม่ทราบครับ ผมถามแล้ว แต่เธอบอกว่าคุณรินจำเธอได้”
“ใครจะไปจำได้วะ ผู้หญิงที่นอนกับฉันไม่ได้มีคนเดียวนี่หว่า...บอกว่าวันหลังค่อยมาใหม่ตอนนี้ฉันไม่ว่าง” สักรินทร์ชักยัวะที่ฝ่ายนั้นสำคัญตัวผิด
ไม่ว่างเพราะมีคุณพลัมอยู่แล้วหรือว่าไม่ว่างจริงๆ กันแน่ เมศร์มองด้วยสายตาที่รู้ทัน
“อย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนี้” สักรินทร์บอกอย่างไม่ชอบใจทำให้เมศร์รู้สึกตัว ไม่ทันที่เมศร์จะขอโทษก็ได้ยินเสียงโวยวายจากห้องข้างๆ
“โอ๊ย” ภานุมาศโดนตบโดยไม่ทันได้ตั้งตัว หญิงสาวสะบัดหน้ากลับ มือกุมแก้มที่ปรากฏรอยแดงบนใบหน้ามองคนที่รังแกตนอย่างโกรธแค้น
“แก...” คนโดนมองด้วยสายตาเอาเรื่องทำตัวไม่ถูกเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้ยอมให้ถูกทำร้ายอยู่ฝ่ายเดียว
พลั่ก!
“กรี๊ด” หญิงสาวอีกคนร้องเสียงหลงเมื่อเจอกำปั้นของภานุมาศเสยให้เต็มเหนี่ยว “ฉัน...ฉันจะฟ้องคุณรินว่าแกชกฉัน”
“ตามใจ นี่ยังน้อยไปที่ทำอูคู่เลเล่ของฉันพัง” ภานุมาศบอกเสียงแข็งแล้วมองสภาพอูคู่เลเล่ที่พังยับหลังจากโดนผู้หญิงของสักรินทร์เหวี่ยงทิ้งอย่างไม่พอใจที่เห็นเธออยู่ในห้องนี้
โธ่ อูคู่เลเล่ลูกรักของแม่
“นังคนป่าเถื่อน” ปอยหมายจะตอบศัตรูหัวใจให้หายแค้นแต่เมื่อเห็นสายตาเอาจริงของภานุมาศก็หงอเสียเอง
“ตบฉันอีกที ฉันถีบเธอติดผนังแน่” ภานุมาศยกเท้ารอพร้อมขู่สำทับ “หรือจะเอา”
ปอยมองภานุมาศอย่างเจ็บใจ แต่แววตาราวกับแม่เสือหวงลูกทำให้ปอยคิดว่าตนไม่น่าไปหาเรื่องเจ็บตัวเลย ทันทีที่ประตูห้องเปิดปอยก็รีบถลาไปที่ประตู
“คุณริน...นังนี่ชกปอยคะ ปอยไม่ยอมนะคะ” ปอยเรียกสักรินทร์อย่างยินดี ได้ทีจึงรีบฟ้องหวังเรียกความสนใจจากเขา เธอโผเข้าหาชายหนุ่ม ออเซาะเกาะแขนเขา ทำตาปริบๆ ราวกับลูกนกหลงรัง
“ก็เธอไปทำอะไรเขาก่อนทำไมเล่า”
ไม่ว่าเปล่า สักรินทร์แกะมือปอยออกจนหล่อนเซไม่เป็นท่าแล้วเดินไปหาภานุมาศ ชายหนุ่มลูบแก้มหญิงสาวเบาๆ ราวกับว่ารอยแดงนั่นจะเลือนหายอย่างไรอย่างนั้น
“คุณเข้าข้างมัน”
“ผมต้องปกป้องคนของผม” ผู้หญิงของผม...สักรินทร์พูดในใจ “เอาล่ะ คุณไปได้แล้ว”
“ไม่นะคะ...เรื่องของเรา” ปอยร้องเสียงหลงที่ถูกไล่ซึ่งๆ หน้า
“ไม่มีเรื่องของเรา พูดตรงๆ เลยนะ ผมไปนอนกับคุณตอนไหน ผมจำคุณไม่ได้ด้วซำ้”
ภานุมาศตาโตกับคำพูดของสักรินทร์ ในเวลานี้เขาเหมือนคนไม่มีหัวใจ วาจาของเขาไม่รักษานำ้ใจผู้ฟังว่าจะรู้สึกอย่างไรจนหญิงสาวกลัวว่าวันหนึ่งเขาจะจำเธอไม่ได้เช่นกัน
“คุณน่ะ...” ปอยพูดอย่างไร้เรี่ยวแรงต่อต้าน ในเมื่อฝ่ายชายบอกปัดทุกกรณี หล่อนยอมเดินจากไปโดยไม่ต้องให้สักรินทร์เอ่ยปากไล่เป็นครั้งที่สอง
“เจ็บมากไหม” สักรินทร์ถามด้วยความห่วงใย ทว่าถ้อยคำเย็นชาเมื่อครู่ไม่ได้ทำให้ภานุมาศรู้สึกดีขึ้นเลย
“เจ็บแต่ไม่มาก...แต่นี่สิคะ” ภานุมาศก้มมองซากเศษไม้ที่เมื่อครู่ยังเป็นอูคู่เลเล่ของเธออยู่เลย
ไม่รู้ว่าเพราะรักหรือเสียดายอูคู่เลเล่ สำหรับภานุมาศนั้นคิดว่าทั้งสองอย่างจึงถือมันไว้ไม่ยอมปล่อย สักรินทร์แย่งมันมาไว้ในมือ
“พังแล้ว เดี๋ยวซื้อให้ใหม่”
“จริงอ่ะ”
“จริงสิ เดี๋ยวพาเลือกร้านคนรู้จัก”
“จริงๆ นะ” ภานุมาศเอียงคอถามอย่างไม่แน่ใจพลางเขย่ามือสักรินทร์ไปด้วย เมื่อชายหนุ่มพยักหน้า หญิงสาวจึงยิ้มกว้างดีใจก่อนสูดปากเพราะความแสบ “โอ๊ย”
“เดี๋ยวฉันเอานำ้แข็งประคบให้นะ” เมื่อสักรินทร์จะลุกไป ภานุมาศกลับรั้งชายหนุ่มไว้ในอ้อมกอด
“ไม่ต้องหรอกค่ะ”
ภานุมาศกอดสักรินทร์ไว้เพื่อซ่อนแววตาตื้นตันที่ชายหนุ่มได้แสดงความห่วงใย หญิงสาวต้องการซึมซับความสุขที่เหลือน้อยลงทุกทีเพื่อที่วันหน้าเธอและเขาจะจากไป เธอจะไม่เสียใจเลย
//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
เสียงเครื่องยนต์กระหึ่มดังเข้ามาเรื่อยๆ ก่อนล้อจะบดกับถนนดังเอี๊ยดหน้าบ้านแล้วตามด้วยเสียงฝีเท้าหนักเหยียบพื้นไม้ทำให้ธนาดลที่กำลังสอนรัตติกาลปลุกเขาตื่นเลเวลสองต้องผละออกจากหญิงสาวแทบไม่ทัน ธนาดลคาดเดาจากเสียงฝีเท้าว่าเป็นชายร่างใหญ่กว่าห้าคน ธนาดลอุ้มร่างบางพาไปยังห้องน้ำหลังบ้าน
“นิกซ์หลบอยู่ข้างในแล้วลงกลอนซะ” ธนาดลสั่งหน้าเครียดพลางเหลือบมองในบ้านอย่างร้อนรน
“แล้ว...คุณล่ะ” รัตติกาลยังละล้าละลังยังไม่ยอมปิดประตูห้องน้ำตามคำสั่งของธนาดลจนชายหนุ่มต้องสำทับอีกครั้ง ก่อนที่ธนาดลจะจากไปได้สั่งเสียถ้อยคำหวานซึ้งให้รัตติกาลหน้าแดง
‘ผมสัญญาว่าจะรีบกลับมาหานิกซ์เพราะผมคิดถึง...ใจจะขาด’ ธนาดลบอกแล้วใช้นิ้วชี้แตะริมฝีปากอิ่มก่อนผละไป
รัตติกาลเดินไปมาเป็นหนูติดจั่นในห้องนำ้เล็กๆ ในใจนึกเป็นห่วงว่าธนาดลจะได้รับอันตรายหรือไม่ จิตใจว้าวุ่นไปต่างๆ นานา มือเรียวประสานกันอย่างเป็นที่พึ่งสุดท้ายให้เธอในเวลานี้ แล้วรัตติกาลก็สะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูก่อนตามมาด้วยความโล่งใจเมื่อได้ยินเสียงทุ้มคุ้นหู
“นิกซ์ เปิดประตูหน่อย”
รัตติกาลรู้ทันทีว่าเป็นเสียงของธนาดล ทันทีที่เปิดประตูหญิงสาวถึงกับผวากอดชายหนุ่ม
“คุณดล”
“ไม่มีอะไรแล้วคนดี...เราจะไปจากที่นี่กัน” ธนาดลดีใจที่ทราบว่ารัตติกาลเป็นห่วงเขา
“ทำไมคะ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”
“เอ่อ เรื่องมันยาว และค่อนข้างจะซับซ้อน ผมจะเล่าให้นิกซ์ฟังระหว่างกลับกรุงเทพฯ นะครับ” ชายหนุ่มไม่รู้จะตอบคำถามของเธออย่างไรดี จึงต้องอธิบายเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น รวมทั้งเรื่องที่เกดขึ้นกับเมรยาให้เธอฟังพลางรั้งร่างบางให้เดินตามไป
ก่อนที่รัตติกาลจะขึ้นรถยุโรปคันที่พาเธอมาที่นี่ หญิงสาวหันไปมองบ้านหลังน้อยที่เธอเคยเกลียดชังมันนักหนา ทว่าตอนนี้มันกลับให้ความรู้สึกที่ตรงกันข้าม รัตติกาลรู้สึกปลอดภัย และอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
“ชอบหรือ...เอาไว้ว่างๆ ผมจะพามาอีก”
“ไม่บอกหรอก...แล้วก็ช่วยเขยิบให้ห่างนิกซ์ด้วย” รัตติกาลเอ็ดธนาดลเบาๆ เมื่อชายหนุ่มอยู่ใกล้เธอจนเกินงาม
“ครับๆ ห่างก็ห่าง” ธนาดลยังไม่อยากง้อแม่ทูนหัวให้เหนื่อยหัวใจ และให้อับอายขายหน้าลูกน้องของสักรินทร์จึงยอมทำตามประสงค์ของสาวเจ้า
“หัวเราะอะไรวะเมศร์” ธนาดลแปลกใจกับรอยยิ้มที่มุมปากของบอดี้การ์ดหน้าตายคนนี้
“ผมก็แค่แปลกใจครับ”
“แปลกใจอะไรวะ” ธนาดลยังถามต่อเมื่อคำตอบที่ได้รับนั้นยังไม่ให้ความกระจ่าง
“ทั้งคุณดล และคุณรินต่างมีผู้หญิงที่น่ารักเหมือนกัน”
รัตติกาลหน้าแดงกับคำว่า ‘ผู้หญิง’ ของเมศร์ หญิงสาวเชื่อสัญชาตญาณของตนว่าความหมายมันต้องมีอะไรแอบแฝงอยู่แน่นอน ครั้นจะถามก็ไม่กล้าเพราะเกรงว่าจะเข้าตัวจึงเงียบเสีย
ธนาดลพอใจกับคำว่า ‘ผู้หญิง’ ของเมศร์ ชายหนุ่มทราบดีว่าเมศร์ต้องการจะสื่อถึงอะไร เป็นที่รู้กันระหว่างเขากับเมศร์คือ ว่าที่ภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย
สี่ชั่วโมงต่อมา
ธนาดลถอนหายใจขณะเครื่องยนต์สี่ล้อเคลื่อนไปบนถนนอย่างเชื่องช้า การจราจรย่างใจกลางเมืองยังคับคั่งเหมือนเดิม...นี่แหละหนาสังคมเมือง
“คุณดลคะ”
“...”
“คุณดล”
“หือ...ว่าไงครับ” ธนาดลรู้สึกตัวเมื่อมือเรียวแตะแขนของเขา
“คุณจะพานิกซ์ไปด้วยเหรอคะ นิกซ์ไม่ได้ว่างพอที่จะตะลอนไปไหนกับคุณแบบนี้นะ”
“ยังไม่ถึงเวลา” คำตอบเนือยๆ ของเขาทำให้คิ้วบางของรัตติกลครุ่นคิด
โธ่ คนแก่ที่น่าสงสาร คุณต้องเป็นโรคขาดความรักแน่ๆ เลย...ฉันอยู่เป็นเพื่อนก็ได้
รัตติกาลตัดสินใจว่าเป็นไงเป็นกัน หญิงสาวไม่ทราบว่าตนยังคงปกติดีหรือว่าการไปเชียงใหม่กับเขาไม่กี่วันทำให้เธอทำอะไรแผลงๆ
ธนาดลไม่ได้รู้สึกดีไปกว่าเดิมเลย เขากำลังจะยุติปัญหาที่ยืดเยื้ออยู่แล้วเชียว จนกระทั่งเมรยาต้องจบชีวิตลง ชายหนุ่มไม่อยากให้ใครต้องมาเดือดร้อนกับเรื่องเลวร้ายในครอบครัวเขาอีก โดยเฉพาะจากนำ้มือคนในครอบครัวของเขา
บรรยากาศภายในรถยนต์คันหรูช่างน่าอึดอัดสำหรับธนาดล เครื่องปรับอากาศใช้คลายความร้อนไม่อาจทำให้ความร้อนรุ่มในจิตใจชายหนุ่มลดลงได้เลย ธนาดลกดปิดไอพอดแล้วส่งคืนเมศร์ก่อนถอนหายใจอย่างอ่อนล้า
“เดี๋ยวเมศร์ส่งฉันที่โรงพยาบาล แล้วช่วยพาคุณนิกซ์ไปส่งที่บ้านที” ธนาดลตัดสินใจปุบปับ ชายหนุ่มคิดว่านี่เป็นหนทางที่ดีที่สุด
ธนาดลทำใจไม่ได้กับเรื่องที่เกิดขึ้นว่าเป็นฝีมือของหลานสาวสุดที่รักจึงอยากไปหาพี่สาว เผื่อบางทีการอยู่คนเดียวเงียบๆ จะทำให้เขาคิดอะไรออก และจะหาทางออกที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน
“ไม่ นิกซ์จะไปกับคุณ”
“อ้าว นิกซ์ไม่อยากกลับบ้านแล้วหรือครับ”
“ก็ตอนนี้นิกซ์เปลี่ยนใจแล้วนี่” คำตอบของรัตติกาลทำธนาดลตามเธอไม่ทัน
“แต่ผมอยากให้นิกซ์กลับ...ผมเป็นห่วง”
“ขอนิกซ์ไปด้วยนะ” รัตติกาลรีบบอกเมื่อรถเข้ามาถึงเขตโรงพยาบาล
“อย่าทำให้ผมเป็นห่วง” ธนาดลยังไม่เปลี่ยนใจ
เมศร์แทบจะกลั้นไม่อยู่กับการต่อปากต่อคำของคู่รักต่างวัยอีกคู่
“ถ้าคุณเป็นห่วงนิกซ์ คุณดลต้องดูแลนิกซ์ให้ดีๆ อย่าให้นิกซ์เป็นอะไรสิ ไม่ใช่ทิ้งนิกซ์ไปอย่างนี้ ไหนคุณขอโอกาสนิกซ์ไง นิกซ์ก็ให้โอกาสคุณแล้ว คุณจะโยนมันทิ้งไม่ได้นะ” เมื่อธนาดลก้าวลงจากรถเพื่อขึ้นไปเยี่ยมภราดา รัตติกาลก็รีบตามไปคว้าแขนชายหนุ่มไว้ เสียงที่เคยแหบกลับแหลมบอกประโยคยาวๆ ทำให้ธนาดลตาสว่าง “นะ คุณดลนะ นิกซ์ไม่ดื้อ ไม่ซน ไม่กินจุ”
ธนาดลอมยิ้มกับคำพูดเอาแต่ใจของรัตติกาลที่โฆษณาชวนเชื่อตน
“นี่นะ กินไม่จุ” สายตาคมปลาบมองไปทั่วร่างของหญิงสาว ธนาดลแปลกใจว่ากับข้าวที่เจ้าหล่อนับประทานเหมือนยัดนุ่นไปนั้นถูกเก็บไว้ส่วนไหนของร่างกาย
“อย่ามองนิกซ์แบบนี้นะ นิกซ์ไม่ชอบ นิกซ์โตแล้ว” รัตติกาลประกาศกร้าวกับสายตาเหยียดๆ จากเขาที่มองราวกับว่าเธอยังเด็ก
“ไม่ชอบก็กลับไปก่อน ไว้ผมจะแวะไปหา”
“ไม่เอาหรอกค่ะ ให้นิกซ์อยู่เป็นเพื่อนดีกว่า คนเดียวหัวหายสองคนเพื่อนตาย” รัตติกาลไม่สนใจว่าเขาจะปฏิเสธอย่างไร “แล้วอีกอย่าง...นิกซ์ก็บอกให้คุณเมศร์วนรถออกไปเลย”
“อยากตามก็ตามให้ตลอดก็แล้วกัน”
ว่าแล้วร่างสูงก็หันหลังเดินหนี รัตติกาลยิ้มแฉ่งแล้วกึ่งวิ่งกึ่งเดินเพื่อตามให้ทันธนาดล
สองชั่วโมงที่แล้ว
เสียงเรียกเข้าเป็นเพลงที่นิยมของวัยรุ่นดังขึ้น ชุติมาเอาหมอนใบนุ่มปิดหูอย่างขัดใจ ทว่าเสียงน่ารำคาญไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง
“อะไรกันนักกันหนา” ชุติมาโผล่หน้าออกจากหมอนแล้วกรอกเสียงอย่างหงุดหงิด “ฮัลโหล”
“...”
ไม่รู้ว่าปลายสายพูดอะไร ชุติมาจึงผลุนผลันลงจากเตียงแล้วคว้าเสื้อคลุมอาบน้ำเข้าไปในห้องน้ำ
ร่างอ้อนแอ้นราวกับนางแบบกระหืดกระหอบเข้ามาในโรงพยาบาลด้วยดวงตาตระหนกบนใบหน้าที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางจัดอย่างที่เคยเป็นมา
ธนาดลแปลกใจที่ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายเล็ดลอดจากประตูที่ปิดไม่สนิทของห้องผู้ป่วยพิเศษของนางภราดา อมรวัฒนกุล ชายหนุ่มไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟัง ทว่าบทสนทนาดังกล่าวทำให้เขาแทบล้มทั้งยืน
“อ้าวคุณ อยู่นี่เอง นิกซ์ตามหาตั้งนาน” รัตติกาลเรียกสติของชายหนุ่มให้กลับคืนมา ไม่ได้สังเกตใบหน้าซีดของเขาเลยแม้แต่น้อย “ไม่เข้าไปหรอคุณ”
“ชู่ว...ว” ธนาดลเอานิ้วชี้ป้องปากเป็นสัญญาณว่าให้เงียบ
รัตติกาลเงี่ยหูฟังด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่าธนาดลแอบฟังอะไรอยู่
“ไหนแกบอกไงว่าแม่ฉันไม่มีทางหาย” เสียงของชุติมาตวาดอย่างไม่พอใจ
“หนูไม่ได้บอกว่าไม่หายนะคุณเอ้ แค่บอกว่า...”
“นังพยาบาล แกกล้าเถียงฉันเหรอ” คนเสียมารยาทได้ยินเสียงกรีดร้อง
พยาบาลพิเศษกรีดร้องเสียงหลงเมื่อนิ้วเรียวของชุติมาจะประทับไว้ที่แก้มตน พยาบาลสาวโชคร้ายยกมือไหว้ว่ากลัวสุดขีด
“พอได้แล้วเอ้” ทั้งคู่ได้ยินเสียงผู้ชายร้องห้าม
ไอ้บวร ธนาดลนึกกัดฟันกรอดในใจ
“พ่อไม่ต้องมายุ่ง พ่อไม่เคยช่วยหนูเลย พ่อใจร้าย” ชุติมาบอกอย่างคนเอาแต่ใจอย่างร้ายกาจ
“นี่แกว่าฉันไม่ช่วยแกหรอ ที่แม่แกอยู่ในสภาพนี้ไม่ใช่เพราะแกหรอกหรือ”
“พ่อ หนูบอกแล้วไงว่าอย่าพูดเรื่องนี้อีก” ชุติมาพยายามข่มอารมณ์ในจิตใจ
“หรือแกรับความจริงไม่ได้ ฉันจะบอกให้นะว่าแกไม่มีทางได้ไอ้ดลมาเป็นผัวหรอก ฉันอยากจะบอกมันจริงเชียวว่าหลานสาวของมันอยากจับหน้าชายมาทำผัวใจจะขาด”
“พ่อ!!!” และแล้วความพยายามของชุติมาก็สิ้นสุดยิ่งได้ฟังคำพูดจี้ใจดำของบิดา
ธนาดลตาเบิกกว้างกับสิ่งที่ตนได้ยิน จะให้รู้สึกอย่างไรกับความอัปยศของครอบครัวของภราดา ผู้หญิงที่ตนรักและนับถือว่าเป็นพี่สาว
“ฉันเบื่อเรื่องี่เง่าของแกเต็มทนแล้ว นี่แม่แกนะเอ้ ผู้ชายแกจะหาอีกกี่คนก็ได้ อีกอย่างยังไงไอ้ดลก็น้าชายแก” บวรไม่อาจโยนความผิดให้เป็นของภรรยาเพียงคนเดียว ในเมื่อเขาเป็นพ่อที่ไม่ได้เรื่อง ไม่ได้เอาใจใส่ อบรมสั่งสอนลูกชายเท่าที่ควร
“พ่อไม่ช่วยก็อยู่เฉยๆ ไปเลย แล้วอย่ามาบอกให้เอ้เปลี่ยนใจเสียให้ยากเลย เอ้รักคุณดล...ได้ยินไหมว่าเอ้รักคุณดล”
“คุณดล แหม เรียกได้ไม่อายปากเลยหรือไง ต่อหน้าก็น้าดลอย่างนู้น น้าดลอย่างนี้” บวรมองลูกสาวอย่างสมเพช
ธนาดลไม่ได้เตรียมใจมาก่อนว่าชุติมาจะคิดอกุศลกับเขา ชายหนุ่มแทบไม่เชื่อหูตนเองกับสรรพนามเที่ผิดแผกไป
รัตติกาลเองก็กลืนไม่เข้าคลายไม่ออกกับสถานการณ์ดังกล่าว
“แกว่าฉันไม่ช่วยอะไรแกเลยใช่ไหม เท่าที่ฉันก็ปวดหัวพอแล้วต้องวิ่งเต้นปิดเรื่องนี้เงียบ ไม่ให้ตำรวจสาวมาถึงแก”
“ถ้าเรื่องนังเมรยาล่ะก็ พ่อไม่ต้องห่วง คนของเอ้ไว้ใจได้”
“แล้วแกกี่คนที่ต้องตายเพราะแก”
แล้วไพ่ใบสุดท้ายถูกเปิดออกท่ามกลางริมฝีปากที่สั่นระริกของธนาดล
ชุติมาก้มลงกราบที่ตักของบวร นำ้ตาแห่งความยินดีปนเปกับความเสียใจเปรอะแก้มนวล ก่อนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อเดือนที่แล้ว
‘ลูกเอ้จะไปไหนคะ’ ภราดาถามอย่างแปลกใจเมื่อเห็นลูกสาวคนเดียวของตนหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าออกมาจากห้องนอน
‘อ้าวคุณแม่ ยังไม่ไปทำงานหรือคะ’ ชุติมาวางกระเป๋าลงแล้วกอดมารดาอย่างประจบ
‘วันนี้แม่ไม่เข้าบริษัทค่ะ ลูกเอ้ยังไม่ได้บอกคุณแม่เลยว่าลูกจะไปไหนคะ’
‘เอ้จะไปเชียงใหม่ค่ะ’ คำตอบของลูกสาวทำให้ภราดาไม่พอใจนัก
‘ลูกเอ้จะไปเชียงใหม่ทำไมคะ’
แม้ภราดาจะพยายามเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ มีหรือที่จะไม่ทราบความต้องการของลูกสาวที่เธอเฝ้าฟูมฟักมาแต่เล็กแต่น้อยดุจไข่ในหิน ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าลูกสาวรักอะไร ชอบอะไรหรือเกลียดอะไร
‘เอ้จะไปหาคุณดลค่ะ’ เสียงหวานตอบเสียงดังฟังชัดทำเอาหัวใจผู้เป็นมารดาหล่นไปตาตุ่ม
‘แม่ว่าเราพูดเรื่องคุณ...เอ่อ น้าดลเรียบร้อยแล้วนะ’
‘ค่ะ สำหรับคุณแม่อาจจะจบ แต่สำหรับเอ้ยัง” ชุติมาเชิดหน้าพูดเสียงดังฟังชัด
‘ลูกเอ้จะรักใครชอบใครคุณแม่ไม่ว่า แต่คุณดล...คุณดลเขาเป็นน้าชายลูกนะ’ ภราดาพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ
‘เอ้ไม่มีน้าชายค่ะคุณแม่...ไม่มี เข้าใจไหมคะ เอ้รักคุณดล’ คำพูดเพียงสี่คำทำเอาภราดาแทบลมจับ ว่าแล้วชุติมาก็คว้ากระเป๋าเดินฉับๆ ลงบันไดไป
‘แต่แม่ไม่ให้ลูกไป เข้าใจไหมชุติมา’ สรรพนามที่เปลี่ยนไปจากคำว่า ‘ลูกเอ้’ เป็น ‘ชุติมา’ ทำให้ร่างอ้อนแอ้นที่กำลังจะลงบันไดหยุดกึก พร้อมกันนั้นภราดาก็เดินมาขวางทางไม่ให้ลูกสาวเดินผ่านไป
น้อยครั้งนักที่ภราดาจะเรียกลูกสาวแบบนี้
‘แต่เอ้จะไป คุณแม่ห้ามเอ้ไม่ได้หรอก’
เป็นเวลาเดียวที่เมรยาต้องเอาเอกสารด่วนมาให้ภราดาเซ็น หญิงสาวต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงตวาดดังลั่นของท่านประธานฯ หญิงสาวหมายจะเดินไปให้เบาเสียงลงหน่อยเพราะเธอสนิทกับครอบครัวอมรวัฒนกุลพอสมควร แต่เธอก็ตะลึงกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า
‘กรี๊ด!!! ’ เสียงกรีดร้องของภราดาทำให้เมรยาต้องยกมือขึ้นมาปิดปากอย่างตกใจ หญิงสาวได้แต่มองตามร่างของผู้เป็นนายกลิ้งลงมาตามขั้นบันไดจนแทบเท้าเธอ
เมรยามองร่างของภราดาอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ชุดสูทสีขาวของภราดากลับย้อมด้วยสีแดงสด โลหิตไหลเป็นวงกว้างทำให้เธอเขยิบเท้าหนีแทบไม่ทัน
‘คุณแม่!!’ชุติมาเองก็ไม่ได้ตั้งใจ เพียงแค่เธอจะผลักให้แม่เธอพ้นจากทาง...ก็เท่านั้นเอง
//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
มีแต่คนบอกว่าลงน้อยจัง ยังไงนุ่นจะพยายามลงเยอะๆ ให้ทันใจนักอ่านที่รักทุกคนค่ะ :]
@ คุณ ปูสีนำ้เงิน หวังว่าบทนี้คงไม่ทำให้ผิดหวังนะคะ เดี๋ยวบทต่อไปจะรีบมาอัพทันทีเลยค่ะ
@ คุณ lovemuay นุ่นเอาบทใหม่มาแก้ตัวแล้วค่ะ จะไม่ทำให้ผิดหวังอีกนะคะ
“ไม่มีซีนีม่า ไม่มีสวิมมิ่ง ไม่มีช็อปปิ้ง อ้อ ไม่มีดอทเอด้วย!! ” เสียงเล็กร้องอย่างขัดใจ
ภานุมาศนั่งหน้าตูมเมื่อไม่สามารถทำกิจกรรมที่เด็กแนวอย่างเธอโปรดปราน จิตใจของหญิงสาวขุ่นมัวเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเพราะยังเคืองสักรินทร์ไม่หาย แค้นใจตนเองที่ต้องเสียตัว และเสียใจกับคนนิสัยไม่ดีอย่างเขา คนมีจุดยืนคือขาของตนอย่างภานุมาศไม่ปล่อยให้ความทุกข์อยู่กับตนนานจึงพยายามหาทางลดความหม่นหมองในจิตใจ
สักรินทร์ได้แต่ปรายตามองภรรยาเด็กของตนอย่างไม่เข้าใจนัก ชายหนุ่มหาข้อมูลว่าเจ้าดอทเอที่หญิงสาวนั้นมันคืออะไร อาจจะเป็นสัตว์เลี้ยงพันธุ์ใหม่หรือไม่ก็เครื่องดนตรีชนิดใหม่ มืคล้ามคลึงขมับตนเมื่อทราบว่าปริศนาที่กำลังหาอยู่นี้คือเกมที่ได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้ สักรินทร์พยายามใช้ความรู้ทั้งหมดทั้งมวลที่ตนเคยศึกษามาใช้ให้เกิดประโยชน์ แต่เขายังไม่เข้าใจเจ้าเกมดอทเอที่ว่านี้ว่ามันเป็นอย่างไรกัน
“เล่นอูคู่เลเล่ดีกว่า” ภานุมาศยึดเอาอูคู่เลเล่สีม่วง (กีตาร์ฮาวาย) ของสักรินทร์มาเป็นของตน หญิงสาวหัดเล่นโดยเซิร์ชหาจากอาจารย์กูเกิ้ล
เพียงไม่นานเสียงเจ้ากีตาร์สี่สายตัวเล็ก และเสียงร้องผิดคีย์ของภานุมาศก็ทำให้สักรินทร์หอบงานเข้าไปทำในห้องนอนแทบไม่ทัน!
“หรือเราจะแก่แล้ว”
สักรินทร์ถามตนเองขณะจ้องมองภาพสะท้อนในกระจก มือหนาลูบหน้าตนอย่างไม่มั่นใจ แม้ว่าใบหน้าของเขาจะไม่มีริ้วรอยใดๆ มาทำให้เสียความมั่นใจแต่ความแตกต่างระหว่างเขากับภานุมาศก็ทำให้สักรินทร์ต้องคิดหนัก
“เอาวะไอ้ริน มีเมียเด็กก็ต้องทำตัวเด็กด้วย” สักรินทร์ให้กำลังใจตนเองว่าต้องลองกันสักตั้ง
สักรินทร์จินตนาการถึงวันที่เขา และภานุมาศเล่นดอทเอด้วยกันอย่างเมามัน แล้วหญิงสาวต้องเป็นฝ่ายที่พ่ายแพ้!!
เสียงเคาะประตูทำให้สักรินทร์กลับสู่โลกความเป็นจริง
“เข้ามา” สักรินทร์บอกอนุญาตให้ผู้มารบกวนเข้ามาในห้องได้ เมื่อเห็นว่าเป็นใครจึงถามต่อว่า “งานคืบหน้าถึงไหนแล้วเมศร์”
“ทางเราสงสัยว่าคุณชุติมาจะอยู่เบื้องหลังการตายของคุณเมรยาครับ”
“น้องเอ้น่ะหรือ” สักรินทร์ถามเสียงสูง ชายหนุ่มไม่อยากจะเชื่อหูว่าหลานสาวแสนดีที่ธนาดลรักนักรักหนาจะทำการใหญ่ถึงเพียงนี้ “แล้วหลักฐาน”
“กล้องวงจรปิดบันทึกได้ว่าคุณชุติมาสั่งให้คนไปเก็บคุณเมรยาครับ” เมศร์ส่งแผ่นซีดีที่เขาทำคัดลอกไว้เป็นหลักฐานให้สักรินทร์แล้วบอกต่อว่า “ยังมีคลิปเสียงของเธอกับคนของเราอีกครับ”
“คนของเรา...ใคร” สักรินทร์ถามอย่างไม่เข้าใจเพราะรู้ดีว่าตนไม่มีสปายชั้นยอดอยู่ในมือที่สามารถทำให้ชุติมายอมคลายความลับ
“ครับ คนของเรา...นิธิพนธ์”
“นิธิพนธ์...นิธิพนธ์...อ๋อ เดี๋ยวนี้ทำงานกับลูกหลานนักการเมืองแล้วหรือ” สักรินทร์เก็บความแปลกใจไว้ไม่ได้
“เปล่าครับ ผมเสนอให้มันทำงานใช้หนี้”
“จุ๊ๆๆ ฉลาดไม่เบา”
“แล้วเรื่องคุณชุติมาล่ะครับ” เมศร์ถามอย่างกังวลเพราะเขาไม่ต้องการทำอะไรนอกเหนือคำสั่ง ที่สำคัญถ้าเขาทำอะไรรุนแรงกับบุคคลวีไอพีอย่างชุติมาลงไปแล้วเกรงว่าจะทำให้เจ้านายของตนกับเพื่อนรักจะมองหน้ากันไม่ติด
“หามือดีจับตามองไว้ก่อน...แล้วค่อยรอไอ้ดลกลับมาจัดการ”
“ครับ”
สักรินทร์ปิดแฟ้มเอกสาร เลิกสนใจกำไร และผลประโยชน์มหาศาลอีกต่อไป ชายหนุ่มครุ่นคิดถึงข้อมูลสดใหม่ที่เพิ่งได้รับ ตอนนี้ในหัวของเขาตื้อไปหมดเมื่อเหตุการณ์กลับตาลปัตร ทุกอย่างเริ่มคลี่คลายแล้วเขาจะจัดการเรื่องต่างๆ ได้อย่างไร ถ้าฆาตกรที่ต้องถูกลงโทษนั้นคือชุติมา!
แกร็ก
“คุณปอยมาขอพบครับ” เมศร์หน้าตาตื่นรีบเปิดประตูเข้ามาโดยไม่รอให้สักรินทร์อนุญาต
“ปอย...ปอยไหนวะ” คนเปลี่ยนคู่นอนราวกับเปลี่ยนเสื้อผ้าขมวดคิ้วถาม
“ไม่ทราบครับ ผมถามแล้ว แต่เธอบอกว่าคุณรินจำเธอได้”
“ใครจะไปจำได้วะ ผู้หญิงที่นอนกับฉันไม่ได้มีคนเดียวนี่หว่า...บอกว่าวันหลังค่อยมาใหม่ตอนนี้ฉันไม่ว่าง” สักรินทร์ชักยัวะที่ฝ่ายนั้นสำคัญตัวผิด
ไม่ว่างเพราะมีคุณพลัมอยู่แล้วหรือว่าไม่ว่างจริงๆ กันแน่ เมศร์มองด้วยสายตาที่รู้ทัน
“อย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนี้” สักรินทร์บอกอย่างไม่ชอบใจทำให้เมศร์รู้สึกตัว ไม่ทันที่เมศร์จะขอโทษก็ได้ยินเสียงโวยวายจากห้องข้างๆ
“โอ๊ย” ภานุมาศโดนตบโดยไม่ทันได้ตั้งตัว หญิงสาวสะบัดหน้ากลับ มือกุมแก้มที่ปรากฏรอยแดงบนใบหน้ามองคนที่รังแกตนอย่างโกรธแค้น
“แก...” คนโดนมองด้วยสายตาเอาเรื่องทำตัวไม่ถูกเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้ยอมให้ถูกทำร้ายอยู่ฝ่ายเดียว
พลั่ก!
“กรี๊ด” หญิงสาวอีกคนร้องเสียงหลงเมื่อเจอกำปั้นของภานุมาศเสยให้เต็มเหนี่ยว “ฉัน...ฉันจะฟ้องคุณรินว่าแกชกฉัน”
“ตามใจ นี่ยังน้อยไปที่ทำอูคู่เลเล่ของฉันพัง” ภานุมาศบอกเสียงแข็งแล้วมองสภาพอูคู่เลเล่ที่พังยับหลังจากโดนผู้หญิงของสักรินทร์เหวี่ยงทิ้งอย่างไม่พอใจที่เห็นเธออยู่ในห้องนี้
โธ่ อูคู่เลเล่ลูกรักของแม่
“นังคนป่าเถื่อน” ปอยหมายจะตอบศัตรูหัวใจให้หายแค้นแต่เมื่อเห็นสายตาเอาจริงของภานุมาศก็หงอเสียเอง
“ตบฉันอีกที ฉันถีบเธอติดผนังแน่” ภานุมาศยกเท้ารอพร้อมขู่สำทับ “หรือจะเอา”
ปอยมองภานุมาศอย่างเจ็บใจ แต่แววตาราวกับแม่เสือหวงลูกทำให้ปอยคิดว่าตนไม่น่าไปหาเรื่องเจ็บตัวเลย ทันทีที่ประตูห้องเปิดปอยก็รีบถลาไปที่ประตู
“คุณริน...นังนี่ชกปอยคะ ปอยไม่ยอมนะคะ” ปอยเรียกสักรินทร์อย่างยินดี ได้ทีจึงรีบฟ้องหวังเรียกความสนใจจากเขา เธอโผเข้าหาชายหนุ่ม ออเซาะเกาะแขนเขา ทำตาปริบๆ ราวกับลูกนกหลงรัง
“ก็เธอไปทำอะไรเขาก่อนทำไมเล่า”
ไม่ว่าเปล่า สักรินทร์แกะมือปอยออกจนหล่อนเซไม่เป็นท่าแล้วเดินไปหาภานุมาศ ชายหนุ่มลูบแก้มหญิงสาวเบาๆ ราวกับว่ารอยแดงนั่นจะเลือนหายอย่างไรอย่างนั้น
“คุณเข้าข้างมัน”
“ผมต้องปกป้องคนของผม” ผู้หญิงของผม...สักรินทร์พูดในใจ “เอาล่ะ คุณไปได้แล้ว”
“ไม่นะคะ...เรื่องของเรา” ปอยร้องเสียงหลงที่ถูกไล่ซึ่งๆ หน้า
“ไม่มีเรื่องของเรา พูดตรงๆ เลยนะ ผมไปนอนกับคุณตอนไหน ผมจำคุณไม่ได้ด้วซำ้”
ภานุมาศตาโตกับคำพูดของสักรินทร์ ในเวลานี้เขาเหมือนคนไม่มีหัวใจ วาจาของเขาไม่รักษานำ้ใจผู้ฟังว่าจะรู้สึกอย่างไรจนหญิงสาวกลัวว่าวันหนึ่งเขาจะจำเธอไม่ได้เช่นกัน
“คุณน่ะ...” ปอยพูดอย่างไร้เรี่ยวแรงต่อต้าน ในเมื่อฝ่ายชายบอกปัดทุกกรณี หล่อนยอมเดินจากไปโดยไม่ต้องให้สักรินทร์เอ่ยปากไล่เป็นครั้งที่สอง
“เจ็บมากไหม” สักรินทร์ถามด้วยความห่วงใย ทว่าถ้อยคำเย็นชาเมื่อครู่ไม่ได้ทำให้ภานุมาศรู้สึกดีขึ้นเลย
“เจ็บแต่ไม่มาก...แต่นี่สิคะ” ภานุมาศก้มมองซากเศษไม้ที่เมื่อครู่ยังเป็นอูคู่เลเล่ของเธออยู่เลย
ไม่รู้ว่าเพราะรักหรือเสียดายอูคู่เลเล่ สำหรับภานุมาศนั้นคิดว่าทั้งสองอย่างจึงถือมันไว้ไม่ยอมปล่อย สักรินทร์แย่งมันมาไว้ในมือ
“พังแล้ว เดี๋ยวซื้อให้ใหม่”
“จริงอ่ะ”
“จริงสิ เดี๋ยวพาเลือกร้านคนรู้จัก”
“จริงๆ นะ” ภานุมาศเอียงคอถามอย่างไม่แน่ใจพลางเขย่ามือสักรินทร์ไปด้วย เมื่อชายหนุ่มพยักหน้า หญิงสาวจึงยิ้มกว้างดีใจก่อนสูดปากเพราะความแสบ “โอ๊ย”
“เดี๋ยวฉันเอานำ้แข็งประคบให้นะ” เมื่อสักรินทร์จะลุกไป ภานุมาศกลับรั้งชายหนุ่มไว้ในอ้อมกอด
“ไม่ต้องหรอกค่ะ”
ภานุมาศกอดสักรินทร์ไว้เพื่อซ่อนแววตาตื้นตันที่ชายหนุ่มได้แสดงความห่วงใย หญิงสาวต้องการซึมซับความสุขที่เหลือน้อยลงทุกทีเพื่อที่วันหน้าเธอและเขาจะจากไป เธอจะไม่เสียใจเลย
//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
เสียงเครื่องยนต์กระหึ่มดังเข้ามาเรื่อยๆ ก่อนล้อจะบดกับถนนดังเอี๊ยดหน้าบ้านแล้วตามด้วยเสียงฝีเท้าหนักเหยียบพื้นไม้ทำให้ธนาดลที่กำลังสอนรัตติกาลปลุกเขาตื่นเลเวลสองต้องผละออกจากหญิงสาวแทบไม่ทัน ธนาดลคาดเดาจากเสียงฝีเท้าว่าเป็นชายร่างใหญ่กว่าห้าคน ธนาดลอุ้มร่างบางพาไปยังห้องน้ำหลังบ้าน
“นิกซ์หลบอยู่ข้างในแล้วลงกลอนซะ” ธนาดลสั่งหน้าเครียดพลางเหลือบมองในบ้านอย่างร้อนรน
“แล้ว...คุณล่ะ” รัตติกาลยังละล้าละลังยังไม่ยอมปิดประตูห้องน้ำตามคำสั่งของธนาดลจนชายหนุ่มต้องสำทับอีกครั้ง ก่อนที่ธนาดลจะจากไปได้สั่งเสียถ้อยคำหวานซึ้งให้รัตติกาลหน้าแดง
‘ผมสัญญาว่าจะรีบกลับมาหานิกซ์เพราะผมคิดถึง...ใจจะขาด’ ธนาดลบอกแล้วใช้นิ้วชี้แตะริมฝีปากอิ่มก่อนผละไป
รัตติกาลเดินไปมาเป็นหนูติดจั่นในห้องนำ้เล็กๆ ในใจนึกเป็นห่วงว่าธนาดลจะได้รับอันตรายหรือไม่ จิตใจว้าวุ่นไปต่างๆ นานา มือเรียวประสานกันอย่างเป็นที่พึ่งสุดท้ายให้เธอในเวลานี้ แล้วรัตติกาลก็สะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูก่อนตามมาด้วยความโล่งใจเมื่อได้ยินเสียงทุ้มคุ้นหู
“นิกซ์ เปิดประตูหน่อย”
รัตติกาลรู้ทันทีว่าเป็นเสียงของธนาดล ทันทีที่เปิดประตูหญิงสาวถึงกับผวากอดชายหนุ่ม
“คุณดล”
“ไม่มีอะไรแล้วคนดี...เราจะไปจากที่นี่กัน” ธนาดลดีใจที่ทราบว่ารัตติกาลเป็นห่วงเขา
“ทำไมคะ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”
“เอ่อ เรื่องมันยาว และค่อนข้างจะซับซ้อน ผมจะเล่าให้นิกซ์ฟังระหว่างกลับกรุงเทพฯ นะครับ” ชายหนุ่มไม่รู้จะตอบคำถามของเธออย่างไรดี จึงต้องอธิบายเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น รวมทั้งเรื่องที่เกดขึ้นกับเมรยาให้เธอฟังพลางรั้งร่างบางให้เดินตามไป
ก่อนที่รัตติกาลจะขึ้นรถยุโรปคันที่พาเธอมาที่นี่ หญิงสาวหันไปมองบ้านหลังน้อยที่เธอเคยเกลียดชังมันนักหนา ทว่าตอนนี้มันกลับให้ความรู้สึกที่ตรงกันข้าม รัตติกาลรู้สึกปลอดภัย และอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
“ชอบหรือ...เอาไว้ว่างๆ ผมจะพามาอีก”
“ไม่บอกหรอก...แล้วก็ช่วยเขยิบให้ห่างนิกซ์ด้วย” รัตติกาลเอ็ดธนาดลเบาๆ เมื่อชายหนุ่มอยู่ใกล้เธอจนเกินงาม
“ครับๆ ห่างก็ห่าง” ธนาดลยังไม่อยากง้อแม่ทูนหัวให้เหนื่อยหัวใจ และให้อับอายขายหน้าลูกน้องของสักรินทร์จึงยอมทำตามประสงค์ของสาวเจ้า
“หัวเราะอะไรวะเมศร์” ธนาดลแปลกใจกับรอยยิ้มที่มุมปากของบอดี้การ์ดหน้าตายคนนี้
“ผมก็แค่แปลกใจครับ”
“แปลกใจอะไรวะ” ธนาดลยังถามต่อเมื่อคำตอบที่ได้รับนั้นยังไม่ให้ความกระจ่าง
“ทั้งคุณดล และคุณรินต่างมีผู้หญิงที่น่ารักเหมือนกัน”
รัตติกาลหน้าแดงกับคำว่า ‘ผู้หญิง’ ของเมศร์ หญิงสาวเชื่อสัญชาตญาณของตนว่าความหมายมันต้องมีอะไรแอบแฝงอยู่แน่นอน ครั้นจะถามก็ไม่กล้าเพราะเกรงว่าจะเข้าตัวจึงเงียบเสีย
ธนาดลพอใจกับคำว่า ‘ผู้หญิง’ ของเมศร์ ชายหนุ่มทราบดีว่าเมศร์ต้องการจะสื่อถึงอะไร เป็นที่รู้กันระหว่างเขากับเมศร์คือ ว่าที่ภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย
สี่ชั่วโมงต่อมา
ธนาดลถอนหายใจขณะเครื่องยนต์สี่ล้อเคลื่อนไปบนถนนอย่างเชื่องช้า การจราจรย่างใจกลางเมืองยังคับคั่งเหมือนเดิม...นี่แหละหนาสังคมเมือง
“คุณดลคะ”
“...”
“คุณดล”
“หือ...ว่าไงครับ” ธนาดลรู้สึกตัวเมื่อมือเรียวแตะแขนของเขา
“คุณจะพานิกซ์ไปด้วยเหรอคะ นิกซ์ไม่ได้ว่างพอที่จะตะลอนไปไหนกับคุณแบบนี้นะ”
“ยังไม่ถึงเวลา” คำตอบเนือยๆ ของเขาทำให้คิ้วบางของรัตติกลครุ่นคิด
โธ่ คนแก่ที่น่าสงสาร คุณต้องเป็นโรคขาดความรักแน่ๆ เลย...ฉันอยู่เป็นเพื่อนก็ได้
รัตติกาลตัดสินใจว่าเป็นไงเป็นกัน หญิงสาวไม่ทราบว่าตนยังคงปกติดีหรือว่าการไปเชียงใหม่กับเขาไม่กี่วันทำให้เธอทำอะไรแผลงๆ
ธนาดลไม่ได้รู้สึกดีไปกว่าเดิมเลย เขากำลังจะยุติปัญหาที่ยืดเยื้ออยู่แล้วเชียว จนกระทั่งเมรยาต้องจบชีวิตลง ชายหนุ่มไม่อยากให้ใครต้องมาเดือดร้อนกับเรื่องเลวร้ายในครอบครัวเขาอีก โดยเฉพาะจากนำ้มือคนในครอบครัวของเขา
บรรยากาศภายในรถยนต์คันหรูช่างน่าอึดอัดสำหรับธนาดล เครื่องปรับอากาศใช้คลายความร้อนไม่อาจทำให้ความร้อนรุ่มในจิตใจชายหนุ่มลดลงได้เลย ธนาดลกดปิดไอพอดแล้วส่งคืนเมศร์ก่อนถอนหายใจอย่างอ่อนล้า
“เดี๋ยวเมศร์ส่งฉันที่โรงพยาบาล แล้วช่วยพาคุณนิกซ์ไปส่งที่บ้านที” ธนาดลตัดสินใจปุบปับ ชายหนุ่มคิดว่านี่เป็นหนทางที่ดีที่สุด
ธนาดลทำใจไม่ได้กับเรื่องที่เกิดขึ้นว่าเป็นฝีมือของหลานสาวสุดที่รักจึงอยากไปหาพี่สาว เผื่อบางทีการอยู่คนเดียวเงียบๆ จะทำให้เขาคิดอะไรออก และจะหาทางออกที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน
“ไม่ นิกซ์จะไปกับคุณ”
“อ้าว นิกซ์ไม่อยากกลับบ้านแล้วหรือครับ”
“ก็ตอนนี้นิกซ์เปลี่ยนใจแล้วนี่” คำตอบของรัตติกาลทำธนาดลตามเธอไม่ทัน
“แต่ผมอยากให้นิกซ์กลับ...ผมเป็นห่วง”
“ขอนิกซ์ไปด้วยนะ” รัตติกาลรีบบอกเมื่อรถเข้ามาถึงเขตโรงพยาบาล
“อย่าทำให้ผมเป็นห่วง” ธนาดลยังไม่เปลี่ยนใจ
เมศร์แทบจะกลั้นไม่อยู่กับการต่อปากต่อคำของคู่รักต่างวัยอีกคู่
“ถ้าคุณเป็นห่วงนิกซ์ คุณดลต้องดูแลนิกซ์ให้ดีๆ อย่าให้นิกซ์เป็นอะไรสิ ไม่ใช่ทิ้งนิกซ์ไปอย่างนี้ ไหนคุณขอโอกาสนิกซ์ไง นิกซ์ก็ให้โอกาสคุณแล้ว คุณจะโยนมันทิ้งไม่ได้นะ” เมื่อธนาดลก้าวลงจากรถเพื่อขึ้นไปเยี่ยมภราดา รัตติกาลก็รีบตามไปคว้าแขนชายหนุ่มไว้ เสียงที่เคยแหบกลับแหลมบอกประโยคยาวๆ ทำให้ธนาดลตาสว่าง “นะ คุณดลนะ นิกซ์ไม่ดื้อ ไม่ซน ไม่กินจุ”
ธนาดลอมยิ้มกับคำพูดเอาแต่ใจของรัตติกาลที่โฆษณาชวนเชื่อตน
“นี่นะ กินไม่จุ” สายตาคมปลาบมองไปทั่วร่างของหญิงสาว ธนาดลแปลกใจว่ากับข้าวที่เจ้าหล่อนับประทานเหมือนยัดนุ่นไปนั้นถูกเก็บไว้ส่วนไหนของร่างกาย
“อย่ามองนิกซ์แบบนี้นะ นิกซ์ไม่ชอบ นิกซ์โตแล้ว” รัตติกาลประกาศกร้าวกับสายตาเหยียดๆ จากเขาที่มองราวกับว่าเธอยังเด็ก
“ไม่ชอบก็กลับไปก่อน ไว้ผมจะแวะไปหา”
“ไม่เอาหรอกค่ะ ให้นิกซ์อยู่เป็นเพื่อนดีกว่า คนเดียวหัวหายสองคนเพื่อนตาย” รัตติกาลไม่สนใจว่าเขาจะปฏิเสธอย่างไร “แล้วอีกอย่าง...นิกซ์ก็บอกให้คุณเมศร์วนรถออกไปเลย”
“อยากตามก็ตามให้ตลอดก็แล้วกัน”
ว่าแล้วร่างสูงก็หันหลังเดินหนี รัตติกาลยิ้มแฉ่งแล้วกึ่งวิ่งกึ่งเดินเพื่อตามให้ทันธนาดล
สองชั่วโมงที่แล้ว
เสียงเรียกเข้าเป็นเพลงที่นิยมของวัยรุ่นดังขึ้น ชุติมาเอาหมอนใบนุ่มปิดหูอย่างขัดใจ ทว่าเสียงน่ารำคาญไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง
“อะไรกันนักกันหนา” ชุติมาโผล่หน้าออกจากหมอนแล้วกรอกเสียงอย่างหงุดหงิด “ฮัลโหล”
“...”
ไม่รู้ว่าปลายสายพูดอะไร ชุติมาจึงผลุนผลันลงจากเตียงแล้วคว้าเสื้อคลุมอาบน้ำเข้าไปในห้องน้ำ
ร่างอ้อนแอ้นราวกับนางแบบกระหืดกระหอบเข้ามาในโรงพยาบาลด้วยดวงตาตระหนกบนใบหน้าที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางจัดอย่างที่เคยเป็นมา
ธนาดลแปลกใจที่ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายเล็ดลอดจากประตูที่ปิดไม่สนิทของห้องผู้ป่วยพิเศษของนางภราดา อมรวัฒนกุล ชายหนุ่มไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟัง ทว่าบทสนทนาดังกล่าวทำให้เขาแทบล้มทั้งยืน
“อ้าวคุณ อยู่นี่เอง นิกซ์ตามหาตั้งนาน” รัตติกาลเรียกสติของชายหนุ่มให้กลับคืนมา ไม่ได้สังเกตใบหน้าซีดของเขาเลยแม้แต่น้อย “ไม่เข้าไปหรอคุณ”
“ชู่ว...ว” ธนาดลเอานิ้วชี้ป้องปากเป็นสัญญาณว่าให้เงียบ
รัตติกาลเงี่ยหูฟังด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่าธนาดลแอบฟังอะไรอยู่
“ไหนแกบอกไงว่าแม่ฉันไม่มีทางหาย” เสียงของชุติมาตวาดอย่างไม่พอใจ
“หนูไม่ได้บอกว่าไม่หายนะคุณเอ้ แค่บอกว่า...”
“นังพยาบาล แกกล้าเถียงฉันเหรอ” คนเสียมารยาทได้ยินเสียงกรีดร้อง
พยาบาลพิเศษกรีดร้องเสียงหลงเมื่อนิ้วเรียวของชุติมาจะประทับไว้ที่แก้มตน พยาบาลสาวโชคร้ายยกมือไหว้ว่ากลัวสุดขีด
“พอได้แล้วเอ้” ทั้งคู่ได้ยินเสียงผู้ชายร้องห้าม
ไอ้บวร ธนาดลนึกกัดฟันกรอดในใจ
“พ่อไม่ต้องมายุ่ง พ่อไม่เคยช่วยหนูเลย พ่อใจร้าย” ชุติมาบอกอย่างคนเอาแต่ใจอย่างร้ายกาจ
“นี่แกว่าฉันไม่ช่วยแกหรอ ที่แม่แกอยู่ในสภาพนี้ไม่ใช่เพราะแกหรอกหรือ”
“พ่อ หนูบอกแล้วไงว่าอย่าพูดเรื่องนี้อีก” ชุติมาพยายามข่มอารมณ์ในจิตใจ
“หรือแกรับความจริงไม่ได้ ฉันจะบอกให้นะว่าแกไม่มีทางได้ไอ้ดลมาเป็นผัวหรอก ฉันอยากจะบอกมันจริงเชียวว่าหลานสาวของมันอยากจับหน้าชายมาทำผัวใจจะขาด”
“พ่อ!!!” และแล้วความพยายามของชุติมาก็สิ้นสุดยิ่งได้ฟังคำพูดจี้ใจดำของบิดา
ธนาดลตาเบิกกว้างกับสิ่งที่ตนได้ยิน จะให้รู้สึกอย่างไรกับความอัปยศของครอบครัวของภราดา ผู้หญิงที่ตนรักและนับถือว่าเป็นพี่สาว
“ฉันเบื่อเรื่องี่เง่าของแกเต็มทนแล้ว นี่แม่แกนะเอ้ ผู้ชายแกจะหาอีกกี่คนก็ได้ อีกอย่างยังไงไอ้ดลก็น้าชายแก” บวรไม่อาจโยนความผิดให้เป็นของภรรยาเพียงคนเดียว ในเมื่อเขาเป็นพ่อที่ไม่ได้เรื่อง ไม่ได้เอาใจใส่ อบรมสั่งสอนลูกชายเท่าที่ควร
“พ่อไม่ช่วยก็อยู่เฉยๆ ไปเลย แล้วอย่ามาบอกให้เอ้เปลี่ยนใจเสียให้ยากเลย เอ้รักคุณดล...ได้ยินไหมว่าเอ้รักคุณดล”
“คุณดล แหม เรียกได้ไม่อายปากเลยหรือไง ต่อหน้าก็น้าดลอย่างนู้น น้าดลอย่างนี้” บวรมองลูกสาวอย่างสมเพช
ธนาดลไม่ได้เตรียมใจมาก่อนว่าชุติมาจะคิดอกุศลกับเขา ชายหนุ่มแทบไม่เชื่อหูตนเองกับสรรพนามเที่ผิดแผกไป
รัตติกาลเองก็กลืนไม่เข้าคลายไม่ออกกับสถานการณ์ดังกล่าว
“แกว่าฉันไม่ช่วยอะไรแกเลยใช่ไหม เท่าที่ฉันก็ปวดหัวพอแล้วต้องวิ่งเต้นปิดเรื่องนี้เงียบ ไม่ให้ตำรวจสาวมาถึงแก”
“ถ้าเรื่องนังเมรยาล่ะก็ พ่อไม่ต้องห่วง คนของเอ้ไว้ใจได้”
“แล้วแกกี่คนที่ต้องตายเพราะแก”
แล้วไพ่ใบสุดท้ายถูกเปิดออกท่ามกลางริมฝีปากที่สั่นระริกของธนาดล
ชุติมาก้มลงกราบที่ตักของบวร นำ้ตาแห่งความยินดีปนเปกับความเสียใจเปรอะแก้มนวล ก่อนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อเดือนที่แล้ว
‘ลูกเอ้จะไปไหนคะ’ ภราดาถามอย่างแปลกใจเมื่อเห็นลูกสาวคนเดียวของตนหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าออกมาจากห้องนอน
‘อ้าวคุณแม่ ยังไม่ไปทำงานหรือคะ’ ชุติมาวางกระเป๋าลงแล้วกอดมารดาอย่างประจบ
‘วันนี้แม่ไม่เข้าบริษัทค่ะ ลูกเอ้ยังไม่ได้บอกคุณแม่เลยว่าลูกจะไปไหนคะ’
‘เอ้จะไปเชียงใหม่ค่ะ’ คำตอบของลูกสาวทำให้ภราดาไม่พอใจนัก
‘ลูกเอ้จะไปเชียงใหม่ทำไมคะ’
แม้ภราดาจะพยายามเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ มีหรือที่จะไม่ทราบความต้องการของลูกสาวที่เธอเฝ้าฟูมฟักมาแต่เล็กแต่น้อยดุจไข่ในหิน ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าลูกสาวรักอะไร ชอบอะไรหรือเกลียดอะไร
‘เอ้จะไปหาคุณดลค่ะ’ เสียงหวานตอบเสียงดังฟังชัดทำเอาหัวใจผู้เป็นมารดาหล่นไปตาตุ่ม
‘แม่ว่าเราพูดเรื่องคุณ...เอ่อ น้าดลเรียบร้อยแล้วนะ’
‘ค่ะ สำหรับคุณแม่อาจจะจบ แต่สำหรับเอ้ยัง” ชุติมาเชิดหน้าพูดเสียงดังฟังชัด
‘ลูกเอ้จะรักใครชอบใครคุณแม่ไม่ว่า แต่คุณดล...คุณดลเขาเป็นน้าชายลูกนะ’ ภราดาพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ
‘เอ้ไม่มีน้าชายค่ะคุณแม่...ไม่มี เข้าใจไหมคะ เอ้รักคุณดล’ คำพูดเพียงสี่คำทำเอาภราดาแทบลมจับ ว่าแล้วชุติมาก็คว้ากระเป๋าเดินฉับๆ ลงบันไดไป
‘แต่แม่ไม่ให้ลูกไป เข้าใจไหมชุติมา’ สรรพนามที่เปลี่ยนไปจากคำว่า ‘ลูกเอ้’ เป็น ‘ชุติมา’ ทำให้ร่างอ้อนแอ้นที่กำลังจะลงบันไดหยุดกึก พร้อมกันนั้นภราดาก็เดินมาขวางทางไม่ให้ลูกสาวเดินผ่านไป
น้อยครั้งนักที่ภราดาจะเรียกลูกสาวแบบนี้
‘แต่เอ้จะไป คุณแม่ห้ามเอ้ไม่ได้หรอก’
เป็นเวลาเดียวที่เมรยาต้องเอาเอกสารด่วนมาให้ภราดาเซ็น หญิงสาวต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงตวาดดังลั่นของท่านประธานฯ หญิงสาวหมายจะเดินไปให้เบาเสียงลงหน่อยเพราะเธอสนิทกับครอบครัวอมรวัฒนกุลพอสมควร แต่เธอก็ตะลึงกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า
‘กรี๊ด!!! ’ เสียงกรีดร้องของภราดาทำให้เมรยาต้องยกมือขึ้นมาปิดปากอย่างตกใจ หญิงสาวได้แต่มองตามร่างของผู้เป็นนายกลิ้งลงมาตามขั้นบันไดจนแทบเท้าเธอ
เมรยามองร่างของภราดาอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ชุดสูทสีขาวของภราดากลับย้อมด้วยสีแดงสด โลหิตไหลเป็นวงกว้างทำให้เธอเขยิบเท้าหนีแทบไม่ทัน
‘คุณแม่!!’ชุติมาเองก็ไม่ได้ตั้งใจ เพียงแค่เธอจะผลักให้แม่เธอพ้นจากทาง...ก็เท่านั้นเอง
//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
มีแต่คนบอกว่าลงน้อยจัง ยังไงนุ่นจะพยายามลงเยอะๆ ให้ทันใจนักอ่านที่รักทุกคนค่ะ :]
@ คุณ ปูสีนำ้เงิน หวังว่าบทนี้คงไม่ทำให้ผิดหวังนะคะ เดี๋ยวบทต่อไปจะรีบมาอัพทันทีเลยค่ะ
@ คุณ lovemuay นุ่นเอาบทใหม่มาแก้ตัวแล้วค่ะ จะไม่ทำให้ผิดหวังอีกนะคะ
เรียงอักษร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 พ.ค. 2554, 22:15:22 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 พ.ค. 2554, 22:15:22 น.
จำนวนการเข้าชม : 2192
<< บทที่ 11 | บทที่ี่่่ 13 >> |
ida 20 พ.ค. 2554, 03:18:27 น.
โอ้โห ... ทำไมลูกร้ายอย่างนี้นี่
โอ้โห ... ทำไมลูกร้ายอย่างนี้นี่
angle101 20 พ.ค. 2554, 10:12:41 น.
ชอบทุกตอนเลย มีให้น่าติดตามตลอดดดดด
ชอบทุกตอนเลย มีให้น่าติดตามตลอดดดดด
lovemuay 20 พ.ค. 2554, 12:55:05 น.
อ่านยังไงก็ไม่เคยพอค่ะ สำหรับเรื่องนี้ อิอิ
ตลกคุณรินทร์จังเลยค่ะ "หรือเราจะแก่แล้ว" ชอบประโยคนี้มากเลยค่ะ +55
อ่านยังไงก็ไม่เคยพอค่ะ สำหรับเรื่องนี้ อิอิ
ตลกคุณรินทร์จังเลยค่ะ "หรือเราจะแก่แล้ว" ชอบประโยคนี้มากเลยค่ะ +55