พระอาทิตย์ขึ้นในคืนหนาว # จุฬามณี (ลิขสิทธิ์ สนพ.มายดรีม)
เรื่องย่อ พระอาทิตย์ขึ้นในคืนหนาว

เป็นเรื่องราว ของ มาลี สาวน้อยวัย 20 ปี ลูกกำพร้าพ่อซึ่งเสียชีวิตเพราะโรคมะเร็ง มาลี กับแม่และน้องชาย มารุต อาศัอยู่กับญาติห่าง ๆ ข้างพ่อ ซึ่งทำรีสอร์ตและการท่องเที่ยงท้องถิ่นอยู่ที่อุ้มผาง..

วันหนึ่ง กลยุทธและคณะไปเที่ยวล่องแก่งน้ำตกทีลอซู แล้ว เขาชอบมาลีจึงสานความสัมพันธ์ ส่วนมาลีนั้น เจอลูกทัวร์จีบจนชาชิน แต่กลยุทธก็ทำให้มาลีหวั่นใจอยู่ไม่น้อย..

หลังจากคณะของกลยุทธกลับไป..ทางป้า ก็บีบบังคับให้มาลีไปเรียนต่อกรุงเทพฯ พักอยู่กับนันทาลูกสาว เพราะว่าต้องการให้อนันต์ลูกชายของตัวเองแต่งงานกับคนที่รวยกว่า..

มาลีมาอยู่กรุงเทพฯ โดยที่ชัชชัย เพื่อนของนันทา ซึ่งเคยไปหาข้อมูลเขียนหนังสือมารับที่แม่สอด(ชัชชัยอ้างว่ามาธุระแถวนั้นพอดี)..มาลีกับชัชชัยนั้นเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมา เพราะตอนที่ชัชชัยมาอยู่อุ้มผางเพื่อหาข้อมูลเขียนสารคดี ตามคำแนะนำของ นันทา (ชัชชัยเป็นเพื่อนกับนันทา) มาลีแกล้งชัชชัยเพราะว่าไม่ชอบผู้ชายไว้ผมยาวกับปากไม่ค่อยดี..

ที่บ้านทาวเฮ้าส์ของนันทานั้นอยู่หมู่บ้านเดียวกับกลยุทธที่มีน้องสาวชื่อกุลกัญญา และช่วงที่ยังไม่ได้เข้าเรียน ต่อที่รามคำแหงมาลีก็ได้คำแนะนำจากศรีวรรณเพื่อนข้างบ้านของนันทาให้ให้ไปทำงานฆ่าเวลาเป็นแม่บ้านบนตึกสูงกลางเมือง มาลีที่อยู่กับนันทาแบบคนใช้ (นันทากดไว้เพราะมาลีมาด้วยทุนของแม่) ที่คิดเบื่อบ้านจึงไปทำงานตามคำแนะนำของศรีวรรณ

และบนตึกสูงนั้น มาลีก็ได้รู้ว่าเธอทำงานในตำแหน่งแม่บ้านซึ่งมีกลยุทธทำงานที่นั่นด้วย และมาลีก็ได้รู้จักสังคมรอบ ๆ ตัวของกลยุทธมากขึ้น มาลีรู้ว่ากลยุทธเป็นที่หมายปรองของรมมณีย์ลูกสาวของเจ้าของประธาน
บริษัทฯ

กลยุทธนั้นอึดอัดกับความรักที่รมณีย์มีให้ เพราะเขาทนกับปากของเพื่อนร่วมงานไม่ได้ เขาสานความสัมพันธ์กับมาลีมากขึ้น จนกระทั่งรมณีย์ที่เป็นเพื่อนกับชัชชัย ต้องดึงชัชชัยมาช่วยทำให้มาลีกับกลยุทธเข้าใจผิดกัน...

ชัชชัยนั้นชอบมาลีเป็นอย่างมาก เขาพยายามเอาอกเอาใจมาลีสารพัด แต่มาลีคิดว่า ชัชชัยนั้นเป็นคู่รักของนันทา ทำให้มาลีไม่เปิดใจให้ชัยชัย..

และมาลีจะเลือกใครระหว่างกลยุทธกับชัชชัย..

Tags: รักสามเส้า เราสามคน

ตอน: 35. “ไม่มีวันนั้นเด็ดขาด”

35.

เมื่อคำตอบของวิจักษ์คลุมเครือ อารมณ์หงุดหงิดจึงเข้ามาแทนที่ แล้วนันทาก็ไม่คิดเก็บด้วยเธอมีที่ระบายคือ มาลี

“พี่นันทา”

มาลีแปลกใจที่สายเรียกเข้ามาเป็นเบอร์ของนันทา แล้วก็นึกได้ว่า นันทาคงโทรไปขอมาจากทางอุ้มผาง เรื่องของเธอกับทางบ้านนั้นคงยังไม่จบง่ายๆ หรอก

“จะทำอะไรก็ให้สะอาดหมดจดหน่อยได้ไหม ตกลงไปอยู่กับใครแน่ ทางนี้ก็ตามตัวกันให้วุ่นไปหมด จะถามอะไรหน่อย ก่อนจะจากกันไป ทำไมไม่ร่ำลากันเสียให้เรียบร้อย คนนั้นถาม คนนี้ถาม ฉันก็ตอบไม่ได้ คนอื่นๆ ก็พลอยว่าฉันใจยักษ์ใจมารคงทำอะไรไม่ดีเธอถึงได้หนีออกจากบ้านไป แล้วเบอร์เธอน่ะเปลี่ยนทำไม ตกลงจะให้ฉันบอกคนพวกนั้นอย่างไร บอกมาจะได้ปฏิบัติตาม”

มาลีค่อยๆ เอาโทรศัพท์ออกจากหูแล้วใบหน้าที่เพิ่งคลี่จากความเศร้าโศกน้อยเนื้อต่ำใจก็กลับไปเป็นแบบเดิม

ชัชชัยเงยหน้าจากบะหมี่ที่กำลังสาวเข้าปาก รู้ทันทีว่าคงมีเรื่องไม่ดีแน่ และเสียงที่แว่วๆ มานั้นคือเสียงของนันทา ชัชชัยดึงโทรศัพท์จากมือมาลีมาแนบที่หูตัวเอง

“พูดกับป้าอย่าง พูดกับแม่อย่าง ไม่มีอะไร ไม่มีผู้ชาย แล้วที่พากันไปเดินห้างเมื่อเย็นนั้นใคร อย่าคิดนะใครไม่รู้ไม่เห็น เพื่อนฉันในกรุงเทพฯ มากมายก่ายกอง โทรกันเข้ามาเยาะเย้ยจนหูฉันชาหมดแล้ว”

นันทาไม่เปิดโอกาสให้มาลีได้ตอบโต้ หญิงสาวยังคงพูดระบายอย่างเอาสะใจตนเอง โดยหารู้ไม่ว่าคนที่ฟังอยู่คือใคร?

“ฉันก็บอกกับเธอแล้วว่าเขาเป็นแฟนฉัน ใครๆ ก็เข้าใจว่าเรามีอะไรกันแล้ว แล้วเป็นไง นังน้องสาวตัวดีที่ฉันให้มาอาศัยอยู่ในบ้านมาฉกชิงไป งามหน้าไหมล่ะ คงคิดว่าเขารักจริงซิ เขาก็แค่คนพูดจาดี มีเงิน เป็นพ่อบุญทุ่ม อยากรู้ไหมว่า ไก่อ่อนแบบเธอนี่เขาเชือดมากี่คนแล้ว ไปให้รอด ยาคงยาคุมรู้จักกินหรือเปล่า แต่อย่างไรเขาก็คงไม่ปล่อยให้ท้องหรอก ลูกเศรษฐี เขาคงไม่อยากได้เผ่าพันธุ์จากคนบ้านป่าหรอก เจียมตัวเจียมใจไว้บ้างนะ ผิดหวังเสียใจขึ้นมา อย่าได้คิดฆ่าตัวตาย เพราะฉันขี้เกียจเอาศพของเธอกลับอุ้มผาง”

“ครับ” ชัชชัยตอบสั้นๆ แต่ปลายสายชะงัก

“ผมเพิ่งรู้วันนี้เองว่า แท้จริงแล้วเนื้อใจของคุณเป็นคนอย่างไร”

“ชัชชัย มาได้อย่างไง”

“คุณจำคำผมไว้นะนันทา เจ้าสาวของผมอย่างไรก็ต้องเป็นมาลี เมื่อถึงวันนั้นผมคงเชิญคุณมาเป็นสักขีพยานรักของเราด้วย”

เมื่อตะบะแตกแล้ว นันทาก็ยั้งตัวเองไม่อยู่เช่นกัน

“เชอะ ทำตัวเป็นพระเอกขี่ม้าขาว ตอนนี้ก็พูดได้ซิ พูดเพื่อจะเอาให้ได้ เด็กมันคงเชื่ออยู่หรอก อย่างไรในฐานะพี่สาวมัน ในฐานะเพื่อนเก่ากัน ขอเมมคำพูดของชัชเก็บไว้ในสมองแล้วกัน หากวันใดผิดไปจากนี้ นันทานี่แหละจะคอยหัวเราะเยาะ”

“ไม่มีวันนั้นเด็ดขาด”

แล้วชัชชัยก็ได้ยินเสียงลมเสียงคล้ายโทรศัพท์กระแทกพื้น แต่มันคงจะทานทนไม่แตกสลาย เพราะว่าเสียงกรี๊ดๆ ของนันทายังแว่วเข้ามาให้เขาฟังเพื่อตอกย้ำว่า เขาทำอย่างไรกับมาลีต่อไป

เมื่อเขาส่งโทรศัพท์คืนให้มาลีก็ถึงกับนั่งเหม่อลอย

“ก่อนหน้านั้นผมไม่รู้ว่าเขาพูดอะไรบ้าง แต่ที่ผมได้ยิน ผมอยากบอกว่าผมกับเขาไม่เคยมีอะไรกันเกินเลย ผมสาบานได้”

มาลีเพ่งมองเขา เธอรู้ว่าเขาพูดจริง

“เราจะหมั้นกันก่อนที่ผมจะเดินทางไปเรียนต่อ”

มาลีทำหน้าไม่ยินดียินร้าย

“ผมไม่ได้พูดเล่นนะมาลี”

“คุณรักฉันขนาดนั้นเลยหรือคะ” ถ้อยคำลงท้ายมีน้ำหวานขึ้นมา พอเขาขยับปากจะพูดต่อ มาลีก็ชิงพูดขึ้นว่า

“ฉันสิบเก้า คุณยี่สิบสามยี่สิบสี่ เด็กด้วยกันทั้งคู่ คุณเป็นใครและฉันเป็นใคร ฉันส่องกระจกดูตัวเองทุกวัน ฉันเห็น คุณมีข่าวในวงสังคมชั้นสูงอยู่บ่อยๆ ส่วนฉันเดินดินกินข้าวแกง ขึ้นรถเมล์ อยู่หอพักถูกๆ เรียนรามค่าหน่วยกิตยังถูกกว่าค่าข้าวกรรมกร อย่าพูดให้ฉันดีใจเลย บางทีฉันว่าพี่นันทาเขาห่วงฉัน แต่วิธีการแสดงความเป็นห่วงของเขานั้น มันอาจจะเป็นการทำร้ายจิตใจ แต่ในขณะเดียวกัน เมื่อฉันได้สติยั้งคิด คิดตามคำของพี่เค้า เค้าอยู่ในเมืองมานานคงเห็นอะไรมาเยอะแยะ ฉันมันคนบ้านป่า เพิ่งจะมาเห็นแสงสี เห็นคน ฉันไม่มั่นใจว่าที่คุณพูดมานั้นจริงหรือหลอก อย่างไรก็คงต้องขอเวลา ฉันเป็นผู้หญิงก็คงต้องขอให้คุณพิสูจน์ตัวเอง สำหรับฉันเองนั้นบอกตามตรงเลยว่า ขอเก็บเรื่องหัวใจไว้เป็นลำดับสุดท้าย”

“แล้วอะไรสำคัญที่สุด”

“แม่ น้องและการศึกษา กับงานในอนาคตที่มั่นคงกว่าพนักงานทำความสะอาด กว่าลูกจ้างในรีสอร์ต กว่าชาวไร่ในอุ้มผาง”

“แล้วในหัวใจของมาลีมีผมบ้างไหม”

มาลีก้มหน้าแล้วผงกยอมรับ นั่นคือการบอกว่า ‘มี’ ชัชชัยตีความเข้าข้างตัวเอง

“งั้นผมจะพิสูจน์ให้มาลีเห็นว่าผมรักและต้องการให้มาลีเป็นเมีย
เป็นแม่ของลูกๆ”

มาลียิ้มนิดๆ ก่อนจะค่อยๆ เงยหน้ามาพร้อมหยาดน้ำตา

“ร้องไห้อีกแล้วร้องทำไม วันนี้ร้องมาแล้วกี่ครั้ง”

“ถ้าคุณหยุดใส่น้ำตาลเมื่อไหร่ฉันก็เลิกร้องแล้ว” ว่าแล้วมาลีก็ยิ้มแฉ่งออกมา

------------
เมื่อได้หมายเลขโทรศัพท์ใหม่ของมาลีมาจากพี่ศรีวรรณแล้ว กลยุทธก็ถือมันจ้องมองอยู่อย่างนั้น เวลาผ่านไปจนกระทั่งตีสองกว่า กุลกัญญาก็หอบตุ๊กตาเดินลงบันไดมาหาด้วยใบหน้าสะลึมสะลือ

“พี่นอนไม่หลับ” กลยุทธไม่คิดปิดบังความรู้สึกของตัวเองกับน้องสาว

“พี่ไม่เข้าใจว่ามาลีทำอย่างนี้ทำไม”

“เขาคงเบื่อพี่นันทา”

“แล้วทำไมเขาถึงต้องเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ แบบนี้ดูจงใจจะบอกให้พวกเรารู้ว่าไม่อยากคบหาพวกเราต่อ”

“ก็น่าคิด”

เมื่อได้ฟังความในใจของพี่ชาย ดวงตาของกุลกัญญาเริ่มแจ่มใสพร้อมกับหัวสมองเริ่มโลดแล่น

“มาลีตั้งใจหนีแม้กระทั่งคุณชัชชัย ตั้งใจหนีทุกคน กุลโทรไปหานิว”

“ใครนิว”

คนเป็นพี่ชายทำน้ำเสียงแปลกใจ กุลกัญญารู้ตัวว่าพลาด แต่เธอก็ไม่ได้คิดปิดบังพี่ชายเรื่องนี้ไปนานกว่านี้อยู่แล้ว

“เพื่อนของมาลีค่ะเคยเจอกันที่รามฯ โทรไปถามเขาก็บอกว่า ไม่รู้เหมือนกัน”

“กุลจะลองโทรคุยกับเขาไหม”

“ทำไมพี่ไม่โทรคุยกับเขาเองล่ะ”

“พี่กำลังตัดใจจากเขาอยู่ หากได้ยินเสียง พี่ก็ลืมเขาไม่ได้ซิ”

“ลืมไม่ได้ แล้วทำไมไม่ทำให้เขารักละคะ”

“เขาคงเลือกไอ้หนุ่มผมยาวนั่น”

“เขาอยากให้พี่ชัดเจนมากกว่านี้หรือเปล่า พี่ยุทธพี่คิดดูนะคะ พี่รมณีย์พูดอะไรออกไปบ้าง พี่รมมี่ยัดเยียดมาลีให้คุณชัช ทั้งที่พี่กับเขาคบหากันอย่างเป็นแฟน แต่พี่ก็ไม่เคยปริปากแก้คำตู่นั่น กุลมานึกๆ ดูแล้ว ถ้าเป็นกุล กุลก็แย่เหมือนกัน”
เมื่อได้ยิน กลยุทธพยักหน้าเข้าใจ

“ถ้ามาลีไม่รักพี่แล้ว เขาจะทนนั่งมอเตอร์ไซค์ไปทำงานกับพี่ทำไม ลองอีกสักตั้งนะ ผู้หญิงหากผู้ชายยิ่งตื๊อก็แสดงว่าเขารักเราจริง เชื่อกุล เชื่อกุล”



เมื่อได้ลูกยุจากกุลกัญญาแล้วกลยุทธมองโทรศัพท์ในมือ ที่ผ่านมาเป็นเพราะเขาไม่ชัดเจน ทำให้มาลีขาดความมั่นใจ ระหว่างคุณรมณีย์กับมาลี ช่างต่างกันราวฟ้ากับดินทีเดียว ถ้าเขาเลือกมาลีคุณรมณีย์จะเป็นอย่างไรกลยุทธนึกถึงสีหน้ารอยยิ้มชื่นเปิดเผยทุกๆ ครั้งที่เห็นหน้าเขา ในบางคราวมันมีความเก้อเขิน

แต่คุณรมณีย์ก็ข่มมันไว้ ด้วยความเสน่หา ทำไมเขาถึงรักคุณรมณีย์ตอบไม่ได้ล่ะ
เมื่อหลับตานึกถึงฐานะอันแตกต่างกัน ภาพงานวิวาห์ใหญ่โตโก้หรู ชนิดต้องเป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์อย่างที่เคยอ่าน ทองล่มในหนอง แล้วงานเขากับคุณรมณีย์ กลยุทธยกมือลูบหน้าตัวเอง

เป็นไปได้หรือ


แล้วโทรศัพท์ของมาลีก็ดังขึ้น มาลีกดรับสายอย่างไม่รั้งรอ ด้วยมั่นใจว่าเรื่องของเธอคงไม่เป็นความลับอีกแล้ว

“คุณยุทธ” มาลีทักทายเขาไปด้วยน้ำเสียงแจ่มใส

“นอนหรือยัง”

“กำลังจะหลับค่ะ มีอะไรหรือคะ”

“ทำไม ไม่ร่ำลากันเลย มีอะไรทำไม ไม่คุยกัน เบื่อผมกับกุลด้วยหรือเปล่า”

“เป็นเรื่องส่วนตัวค่ะ คุณกับกุลไม่ได้รวมอยู่ด้วยหรอกค่ะ” มาลีตัดสินใจโกหกกลับไป

“ออกจากงานแล้วจะทำอะไร”

“เรียนอย่างเดียวค่ะ”

“มีเงินพอหรือ”

“เดี๋ยวจะหางานพาร์ทไทม์ทำแถวๆ หน้ารามฯ มีเยอะแยะค่ะ ถามเพื่อน ถามพี่ๆ ในหอ แล้วก็เปิดหน้าหนังสือจัดหางานคิดว่าพอไหว ปีนี้ว่าจะหาประสบการณ์ใหม่ๆ สักปี ดูผลการเรียนไปด้วย”

มาลีเล่าแผนการของชีวิตคร่าวๆ ด้วยน้ำเสียงสนุกสนาน กลยุทธรับฟัง แล้วก็จบลงที่ว่า

“พรุ่งนี้ตอนเย็นหลังเลิกงานผมไปหาได้ไหม อยากทานข้าวเย็นด้วย”

เมื่อได้ยิน มาลีรีบปฏิเสธทันที

“อย่าเลยค่ะ อย่ามาเลย”

“มาลี วันนั้นผมพูดด้วยอารมณ์”

“คุณยุทธคะ ถามใจตัวเองให้ดีๆ นะคะ”

เมื่อมาลีพูดจบปลายสายเงียบไปชั่วอึดใจ ก่อนจะพูดว่า “งั้นพรุ่งนี้จะเจอกันนะ คืนนี้ขอนอนก่อน พรุ่งนี้ต้องไปทำงานแต่เช้า”

กลยุทธวางสายไปแล้ว มาลีครุ่นคิด ทำไมเขาวกกลับมาหาเธออีก


นันทาต้องแปลกใจเมื่อเห็นว่ายามที่เฝ้าเคาน์เตอร์ในเช้าวันนี้ไม่ใช่วิจักษ์ เมื่อถึงโต๊ะทำงาน พี่จุ๋มยังไม่มา นันทาจึงหยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรหา

“ผมลาออกแล้วครับ กำลังจะโทรหาคุณอยู่เหมือนกัน คือผมจะเข้าไปรับเงินจากพี่จุ๋ม หากว่ามีปัญหาขึ้นมา”

“มีปัญหาขึ้นมา จักษ์จะให้ฉันช่วยอย่างนั้นหรือ แล้วตกลงอะไรกับเขาไว้บ้างล่ะ”
“ถ้าได้รางวัล เขาจะให้ผมสองหมื่น ตัวเขาเองเอาไปหนึ่งหมื่นครับ”

“แล้ววันนี้จักษ์จะเข้าบริษัทไหม”

“อยู่บนรถเมล์แล้วครับ”

“เออพี่จุ๋มมาพอดี แล้วค่อยเข้ามาคุยกัน”

นันทาตัดสัญญาณแล้วถอนหายใจออกมา พี่จุ๋มเชิดหน้าเข้าใส่อย่างหงุดหงิด

“อ้อยจะเข้าปากช้างเสือกเอาคานเข้ามาสอด”

พี่จุ๋มเปรยเสียงดังๆ พร้อมกับใช้มือโบกพัดแล้วก็ชายตาแลมาทางนันทา
ด้วยรู้ว่า ถ้าเพลี่ยงพล้ำต่อล้อต่อเถียงไป เธอกับวิจักษ์จะเสียผลประโยชน์ นันทาจึงต้องสงบปากสงบคำไว้

“พี่จุ๋ม วิจักษ์ลาออกจากงานแล้วนะ”

“ต๊าย ทำไมทำอย่างนั้น แล้วจะเอาอะไรกิน เธอจะเลี้ยงดูเขาเหรอ”

เสียงของพี่จุ๋มสูงปรี๊ด จนคนอื่นๆ ในที่ทำงานปรายตามองด้วยความอยากรู้ นันทานับหนึ่งถึงสิบอีกหลายรอบ

“เตรียมเงินไว้ให้เขาด้วยแล้วกัน”

“เงินอะไรยะ”

“เงินอะไรพี่ก็รู้อยู่แก่ใจแล้วจะให้ฉันพูดอะไร”

“พูดอะไร เงินอะไร เธอเกี่ยวอะไรด้วย มันเป็นเรื่องของพี่กับวิจักษ์เขา”

นันทานิ่งเงียบในทันที แต่ในใจนั้นยังเดือดเหมือนหม้อน้ำตั้งอยู่บนเตาไฟ หญิงสาวลุกไปห้องน้ำเพื่อดับอารมณ์ นั่งแช่อยู่ในนั้นเป็นนานสองนาน หากเธอไม่ได้พบวิจักษ์ที่นี่ นันทานึกถึงพี่ต้นขึ้นมา เธอจะพาเขาเข้าสู่วงการไหวไหม แล้วจะให้วิจักษ์ทำงานอะไรจึงจะเหมาะสมกับตำแหน่งว่าที่ดาราของเขา และหากวิจักษ์ไปไม่ถึงดวงดาว นันทาเริ่มถอนหายใจออกมา เธอพร้อมอยู่กับคนรักที่มีแต่ตัวและการศึกษาต่ำๆ อย่างนั้นหรือ

ทำไมชะตาชีวิตเธอถึงได้เป็นอย่างนี้นะ

แล้วนันทาก็นึกถึงมาลี ทำไมชัชชัยถึงได้ชอบมาลีนัก ถ้าเทียบกับตัวเธอ มาลีไม่มีอะไรดีกว่าสักนิดเดียว ความสวยรึ มีจริง แต่การแต่งเนื้อแต่งตัวก็ครึสิ้นดี และถ้าไม่ใช่เธอ ชัชชัยมีผู้หญิงในแวดวงไฮโซเข้ามารายล้อมมากมาย แล้วทำไมต้องเป็นมาลี

อารมณ์หงุดหงิดตั้งแต่เมื่อคืนยังกรุ่น กับพี่จุ๋มหากมีปัญหาขึ้นมาจะเป็นอย่างไร
เมื่อนันทาออกมาจากห้องน้ำ พบว่าวิจักษ์นั่งรออยู่ที่โซฟารับแขกของบริษัท วันนี้เขาแต่งตัวดูดีเหมือนวันที่ไปเยี่ยมเธอถึงที่บ้าน เขาเอาเงินจากไหนมาซื้อเสื้อผ้าราคาแพงๆ ใส่นะ

“หล่อเชียว” นันทาพูดไปตรงๆ วิจักษ์ยิ้มเขินให้

“เจอพี่จุ๋มหรือยัง” นันทานั่งลงใกล้ๆ กัน สนทนาพร้อมกับจ้องอยู่ที่วงหน้าของเขา
“ผมให้คุณแดงต้อยต่อสายเข้าไปแล้วครับ แต่ไม่เห็นออกมา”

นันทาถอนหายใจ กลัวว่าความกังวลจะเป็นจริงขึ้นมา

“ถ้าเขาโกงจักษ์จะทำอย่างไร”

“ทำอย่างไร” วิจักษ์ครุ่นคิด ถ้าเขาไม่ได้เงินก้อนนี้ ก็ยังไม่ควรออกจากงานนี้ แล้ววิจักษ์ก็ครุ่นคิดถึงคนอีกคน หากพี่ตรีทศรู้ถึงเหตุผลที่เขาออกจากงาน พี่ตรีทศจะว่าอย่างไรนะ

“อ้าวมาแล้วหรือ”

พี่จุ๋มพาร่างใหญ่ของตนมาหยุดอยู่หน้าหนุ่มกับสาวที่หน้าตาจัดว่าดีทั้งคู่
นันทารู้ว่าไม่ใช่เวลาของตน จึงลุกขึ้นแล้วเดินออกไปโต๊ะทำงาน

“ออกจากงานทำไมจักษ์”

“เออ ผม คือ” วิจักษ์อึดอัดใจขึ้นมา

“คือ ผมตั้งใจจะลาออกตั้งแต่แรกแล้วครับ คือ ม.ราม ใกล้เปิดเรียน แล้วพี่ชายผมเค้าอยากให้ผมไปเรียนต่อให้จบปริญญาตรี”

“ถ้าแบบนี้ พี่กับเพื่อนก็สามารถปั้นจักษ์เป็นดาราได้ง่ายหน่อยนะซิ จักษ์รู้ไหม เมื่อคืนนี้ พี่กับเพื่อนๆ เริ่มแผนการปล้ำ เอ๊ย ปั้นจักษ์กันยกใหญ่แล้วนะ”

พี่จุ๋มเริ่มขายฝันอีกรอบ วิจักษ์ก็ได้แต่นิ่งฟังจนกระทั่งถึงเวลาของเรื่องสำคัญ

“จักษ์เอาไปก่อนหนึ่งหมื่นได้ไหม อีกหมื่นพี่จะนัดให้ในทีหลัง”

“ขอวันนี้ได้ไหมครับ ผมจะกลับบ้านที่อุ้มผางครับ อยากเอาเงินที่ได้นี้ไปให้พ่อแม่ได้ใช้บ้าง”

“แต่พี่มีเงินมาไม่พอนี่ พี่เอาเงินไว้ที่ห้อง ถ้าจักษ์อยากได้เงินเร็วๆ เย็นนี้ไปหาพี่คอนโดได้ไหม”

วิจักษ์มีสีหน้ากระอักกระอ่วนใจ

“เอาตามนี้แล้วกันพี่ต้องทำงานนะ” ว่าแล้วพี่จุ๋มก็หยิบเงินออกจากกระเป๋าถือมาให้วิจักษ์หนึ่งหมื่นบาท พร้อมกับมีกระดาษโน้ตเบอร์โทร ที่อยู่ แผนที่ พร้อมรายละเอียดการเดินทาง

เมื่อพี่จุ๋มผละออกไปแล้ว วิจักษ์ยืนขึ้นแล้วชะแง้เข้าไปหานันทา เขาเห็นหญิงสาวมีสีหน้าเคร่งเครียดแล้วก็ยังมีอาการเอามือกุมท้องอยู่เหมือนเดิม



ได้เวลานัดหมาย วิจักษ์ไปเคาะประตูที่ห้องพักของพี่จุ๋ม เจ้าของห้องเปิดประตูออกมารับด้วยสีหน้าแช่มชื่นเต็มกำลัง

“มาเข้ามาในห้องก่อน พี่เพิ่งกลับมาจากที่ทำงาน หิวมากๆ ก็เลยซื้ออาหารมารอจักษ์ มาเข้ามาข้างใน กินกันไป คุยกันไป”

“เรื่องอะไรครับ” วิจักษ์ทำเป็นไร้เดียงสา

“เรื่องอะไรล่ะ ก็เรื่องงานแหละ”

เมื่อวิจักษ์นั่งลงแล้วกวาดสายตาไปทั่วๆ ห้อง พี่จุ๋มก็วุ่นวายกรี๊ดกร๊าดหยิบนั่นหยิบนี่จัดอาหารดูวุ่นวายไปหมด แล้วอาหารจากถุงพลาสติกก็มาวางอยู่บนจาน พร้อมกับเบียร์หนึ่งขวดกับแก้วสองใบ

“เบียร์เย็นๆ กับแก้วเบียร์ที่แช่แข็งไว้รับรองเลยว่าจักษ์จะติดใจ” ว่าแล้วพี่จุ๋มก็รินเบียร์แล้วเลื่อนแก้วให้วิจักษ์

“พี่ครับ ก่อนกินให้เมา ผมคุยเรื่องเงินก่อนได้ไหมครับ”

“ได้ซิ ได้เลย”

“ผมขอเงินก่อนได้ไหมครับ เผื่อพี่เมาแล้วผมจะได้มั่นใจว่าจะได้เงินกลับบ้าน ขอผมเอามาใส่กระเป๋าไว้เลยดีกว่านะครับ”

“งั้นจักษ์ดื่มเบียร์ก่อน”

“ขอเงินผมก่อนดีกว่าครับ”

วิจักษ์เสตักกับแกล้มเข้าปาก พี่จุ๋มเห็นว่าเหยื่อตายใจแน่ จึงลุกขึ้นเดินไปยังกระเป๋าสะพายที่อยู่บนเตียง หยิบเงินออกจากกระเป๋ามานับพร้อมกับตบลงบนฝ่ามือด้วยความหมายมาด

“ผมรินเบียร์ให้พี่แล้วครับ”

วิจักษ์ส่งแก้วเบียร์ให้พี่จุ๋ม ก่อนจะยกแก้วของตัวเองขึ้นกระดกจนเบียร์พร่องไปครึ่งแก้ว

“เอ้านี่เงินของจักษ์ บอกตรงๆ นะจักษ์ พี่คิดว่าอย่างจักษ์ไปถึงดวงดาวแน่ หากได้คนปั้นดีๆ อย่างพี่และเพื่อนๆ พี่อยากชวนจักษ์เซ็นสัญญากันไว้ก่อน”

“ผมต้องปรึกษาพี่ชายผมก่อนครับ”

วิจักษ์บ่ายเบี่ยง ขณะรับเงินมานับแล้วขยับตัวยัดมันลงไปในกระเป๋ากางเกงยีน

“พี่ชายจักษ์ทำงานอะไร”

“สจ๊วตครับ”

“พี่ชายแท้ๆ เลยหรือ”

“เปล่าครับ คนหมู่บ้านเดียวกัน”

“มีอะไรกันหรือยัง”

พี่จุ๋มถามตรงๆ ใบหน้าของวิจักษ์ระเรื่อขึ้นมาทันที เมื่อนึกถึงพี่ตรีทศ แล้ววิจักษ์คล้ายกับว่าได้กลิ่นกายของเขาติดอยู่ที่ปลายจมูกนี่เอง

“สมัยนี้นะจักษ์ กว่าจะถึงจุดหมายปลายทางที่ดีดั่งใจได้ ผู้ชายเขาก็เอาตัวเข้าแลกเหมือนกัน อย่าหาว่าพี่อย่างนั้นอย่างนี้เลย จักษ์ต้องทำใจนะ”

“ครับ”

วิจักษ์ตอบรับด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา การที่เขาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับเหตุที่เกิดขึ้นจากพี่ตรีทศ ก็เพราะความคิดอย่างนี้ด้วยหรือเปล่านะ

“ถ้าจักษ์คิดเดินอยู่ในวงการ แล้วพื้นฐานจักษ์เป็นแบบนี้ จักษ์ก็ต้องกล้าเสี่ยง มีเยอะแยะนะจักษ์ที่เริ่มต้นแบบนี้ แล้วตอนนี้เป็นอย่างไร แม้ไม่ได้เป็นพระเอกเบอร์หนึ่งแต่เขาก็มีงานเข้ามามากมายทีเดียว เราต้องคิดก่อนว่าเราจะยืนอยู่ในวงการลักษณะไหน”

วิจักษ์นิ่งฟัง พี่จุ๋มรินเบียร์ให้เขาอีก เมื่อเบียร์หมดแก้ว วิจักษ์คะยั้นคะยอให้พี่จุ๋มกินและเขาก็รินเพิ่มให้บ้าง เวลาผ่านไปเพียงสิบนาทีเท่านั้น ในสายตาของวิจักษ์ พี่จุ๋มค่อยๆ ตาปรือแล้วม่อยหลับไปบนโซฟา

วิจักษ์หัวเราะออกมา ก่อนจะหยิบโทรศัพท์โทรหานันทากับพี่ต้นที่รออยู่ข้างล่าง










จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 พ.ย. 2555, 09:23:31 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 พ.ย. 2555, 09:23:31 น.

จำนวนการเข้าชม : 1746





<< 34. “แค่อยากยืนอยู่ด้วยตัวเองเท่านั้น”   36.“ผมไม่คิดว่าจะมีใครรักกุลจริงๆ” >>
จุฬามณีเฟื่องนคร 3 พ.ย. 2555, 09:24:13 น.
ขอบคุณจากทุก ๆ กำลังใจนะครับ


mottanoy 3 พ.ย. 2555, 09:47:21 น.
I like the sweet :)


โซดา 3 พ.ย. 2555, 12:05:19 น.
อ่านไปแล้วน้ำตาคลอเลยค่ะ


nateetip 3 พ.ย. 2555, 18:55:51 น.
น่ารักมากค่ะ ชอบคุณชัชค่ะ..


อ้อย 3 พ.ย. 2555, 21:38:12 น.
กรี๊ดๆๆๆ สมน้ำหน้า นันทา ชัชชัยได้รู้เสียทีว่าทนมีเพื่อนจิตใจแบบนี้ได้ไง


konhin 4 พ.ย. 2555, 02:00:19 น.
เกลียดยัยนันทา คนแบบนี้ถ้าตกต่ำมีแต่คนคอยซ้ำอ่ะ


Orathai 6 พ.ย. 2555, 16:16:12 น.
ชัชชัยคะแนนนำขึ้นมาเยอะเลย
วิจักษ์ก็คะแนนตามมนติดๆ
รุู้สึกว่ากลยุทธรั้งท้ายนะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account