พระอาทิตย์ขึ้นในคืนหนาว # จุฬามณี (ลิขสิทธิ์ สนพ.มายดรีม)
เรื่องย่อ พระอาทิตย์ขึ้นในคืนหนาว

เป็นเรื่องราว ของ มาลี สาวน้อยวัย 20 ปี ลูกกำพร้าพ่อซึ่งเสียชีวิตเพราะโรคมะเร็ง มาลี กับแม่และน้องชาย มารุต อาศัอยู่กับญาติห่าง ๆ ข้างพ่อ ซึ่งทำรีสอร์ตและการท่องเที่ยงท้องถิ่นอยู่ที่อุ้มผาง..

วันหนึ่ง กลยุทธและคณะไปเที่ยวล่องแก่งน้ำตกทีลอซู แล้ว เขาชอบมาลีจึงสานความสัมพันธ์ ส่วนมาลีนั้น เจอลูกทัวร์จีบจนชาชิน แต่กลยุทธก็ทำให้มาลีหวั่นใจอยู่ไม่น้อย..

หลังจากคณะของกลยุทธกลับไป..ทางป้า ก็บีบบังคับให้มาลีไปเรียนต่อกรุงเทพฯ พักอยู่กับนันทาลูกสาว เพราะว่าต้องการให้อนันต์ลูกชายของตัวเองแต่งงานกับคนที่รวยกว่า..

มาลีมาอยู่กรุงเทพฯ โดยที่ชัชชัย เพื่อนของนันทา ซึ่งเคยไปหาข้อมูลเขียนหนังสือมารับที่แม่สอด(ชัชชัยอ้างว่ามาธุระแถวนั้นพอดี)..มาลีกับชัชชัยนั้นเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมา เพราะตอนที่ชัชชัยมาอยู่อุ้มผางเพื่อหาข้อมูลเขียนสารคดี ตามคำแนะนำของ นันทา (ชัชชัยเป็นเพื่อนกับนันทา) มาลีแกล้งชัชชัยเพราะว่าไม่ชอบผู้ชายไว้ผมยาวกับปากไม่ค่อยดี..

ที่บ้านทาวเฮ้าส์ของนันทานั้นอยู่หมู่บ้านเดียวกับกลยุทธที่มีน้องสาวชื่อกุลกัญญา และช่วงที่ยังไม่ได้เข้าเรียน ต่อที่รามคำแหงมาลีก็ได้คำแนะนำจากศรีวรรณเพื่อนข้างบ้านของนันทาให้ให้ไปทำงานฆ่าเวลาเป็นแม่บ้านบนตึกสูงกลางเมือง มาลีที่อยู่กับนันทาแบบคนใช้ (นันทากดไว้เพราะมาลีมาด้วยทุนของแม่) ที่คิดเบื่อบ้านจึงไปทำงานตามคำแนะนำของศรีวรรณ

และบนตึกสูงนั้น มาลีก็ได้รู้ว่าเธอทำงานในตำแหน่งแม่บ้านซึ่งมีกลยุทธทำงานที่นั่นด้วย และมาลีก็ได้รู้จักสังคมรอบ ๆ ตัวของกลยุทธมากขึ้น มาลีรู้ว่ากลยุทธเป็นที่หมายปรองของรมมณีย์ลูกสาวของเจ้าของประธาน
บริษัทฯ

กลยุทธนั้นอึดอัดกับความรักที่รมณีย์มีให้ เพราะเขาทนกับปากของเพื่อนร่วมงานไม่ได้ เขาสานความสัมพันธ์กับมาลีมากขึ้น จนกระทั่งรมณีย์ที่เป็นเพื่อนกับชัชชัย ต้องดึงชัชชัยมาช่วยทำให้มาลีกับกลยุทธเข้าใจผิดกัน...

ชัชชัยนั้นชอบมาลีเป็นอย่างมาก เขาพยายามเอาอกเอาใจมาลีสารพัด แต่มาลีคิดว่า ชัชชัยนั้นเป็นคู่รักของนันทา ทำให้มาลีไม่เปิดใจให้ชัยชัย..

และมาลีจะเลือกใครระหว่างกลยุทธกับชัชชัย..

Tags: รักสามเส้า เราสามคน

ตอน: 36.“ผมไม่คิดว่าจะมีใครรักกุลจริงๆ”

36.

เมื่อจัดแจงช่วยพี่ต้นอุ้มพี่จุ๋มขึ้นนอนบนเตียงพร้อมกับเปลื้องผ้าเจ้าหล่อนออก พี่ต้นก็สั่งให้วิจักษ์ช่วยใช้ริมฝีปากกัดเม้มบริเวณต้นคอของพี่จุ๋มสักสามสี่รอย วิจักษ์อยากจะปฏิเสธ แต่เพื่อให้สมจริงตามแผน วิจักษ์จึงต้องจำใจปฏิบัติตาม

“ดีมาก แบบนี้นังจุ๋ม มันคงมั่นใจว่า เสร็จจักษ์ไปแล้วตอนที่มันเมา พอแล้วแค่สามรอยก็พอ เป็นไง ผิวมันเค็มดีไหม ไปลงไปกัน นันทารอนานแล้ว”

เมื่อจัดการกับมื้อค่ำพร้อมกับเสียงหัวเราะกับเรื่องที่ผ่านไป รวมถึงเรื่องที่กำลังจะเข้ามา นันทาก็พาวิจักษ์แยกตัวจากพี่ต้น แล้วขับรถมาส่งวิจักษ์ด้วยหัวใจที่เป็นสุข
เธอจะต้องดันเขาให้ถึงจุดหมาย แม้ปลายทางนั้นเธออาจจะถูก ‘ถีบหัวส่ง’ อย่างที่พี่ต้นเปรยไว้ก็ตามที วิจักษ์ลงจากรถไปแล้ว นันทายังอ้อยอิ่งมองดูหุ่นกำยำที่เดินเนิบนาบเข้าบ้านไป

ใจจริงนันทาอยากชวนเขานั่งรถไปเป็นเพื่อนกลับอุ้มผางด้วย แต่อีกนั่นแหละ แล้วเธอจะแนะนำกับพ่อแม่อย่างไร

นันทาสลัดความคิด อยู่ที่นี่ เธอสามารถที่จะรับวิจักษ์ไว้ในบ้าน
ได้ แต่เพื่อนๆ เธอคงกัดไม่ปล่อย ไหนจะมาลีกับชัชชัยอีกคงจะยิ้มเยาะด้วยความสะใจ


เมื่อผลักประตูเข้าบ้าน วิจักษ์ก็พบว่าตรีทศอยู่ในชุดกางเกงขาสั้นเสื้อกล้าม เผยให้เห็นกล้ามเนื้อต้นแขนและผิวพรรณสะอาดตา เขานอนเอนกายอยู่บนโซฟาตัวยาวโดยมีขาพาดอยู่บนโซฟาเดี่ยวอีกตัว พี่ตรีทศหลับตาคล้ายเหนื่อยล้า เสียงเพลงเบาๆ นั่น วิจักษ์รู้ว่าคนฟังกำลังอยู่ในห้วงอารมณ์ไหน

“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” วิจักษ์ทักแล้วค่อยๆ เคลื่อนกายไปหาด้วยใจที่นึกเป็นห่วงเป็นใยจริงๆ “พี่ตรีทศ” วิจักษ์ถือโอกาสแตะแล้วเขย่าเบาๆ ตรีทศลืมตาขึ้นแล้วถอนหายใจออกมา

“พี่รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว คล้ายจะไม่สบายนะจักษ์ พอดียกตู้น้ำแข็งผิดท่าก็เลยปวดกล้ามเนื้อแขน แล้วก็เดินทั้งวันเลย ปวดขามาก”

“เมื่อยเหรอครับ” วิจักษ์เสียงสั่นทีเดียว

“เมื่อยหรือเหนื่อยก็ไม่รู้” ตรีทศยังคงหลับตานอนนิ่งอยู่อย่างนั้น

“จักษ์ไม่ทำงานเหรอวันนี้”

“ผมมีเรื่องจะบอกพี่ครับ”

“เรื่องอะไร” ตรีทศยังไม่ลืมตา

“ผมลาออกจากงานแล้วครับ”

“หางานใหม่ได้ซิ”

“เปล่าครับ แต่ว่าคงหา คือผมเออ ผม”

“พี่รู้หมดแล้ว” ตรีทศบอกพลางหันหน้ามาหาวิจักษ์ ตาสองคู่ประสานกัน

“ตอนนี้ในหัวจักษ์มีเรื่องอะไรบ้าง บอกให้พี่รู้ได้ไหม” น้ำเสียงของตรีทศกระเส่าจนเศร้าหมอง

“ผมนวดให้นะครับ”

“นวดที่ไหน”

“ที่ขาพี่แล้วกัน”

“ไม่รังเกียจพี่เหรอ”

“ไม่ครับ” ว่าแล้ววิจักษ์ก็ลุกขึ้นเดินไปยังทิศทางของขาตรีทศ ยกขาเขาขึ้นแล้วนั่งแทนที่บนโซฟา ก่อนจะดึงขาของตรีทศมาวางพาดไว้บนตัก ตรีทศลืมตามองวิจักษ์เต็มๆ ตา “ได้เงินมาเท่าไหร่”

“สองหมื่นครับ”

“พอใช้สำหรับเรียนต่อไหม”

“คงไม่พอหรอกครับ แล้วผมจะกลับบ้านด้วย เอาเงินไปให้พ่อแม่ใช้ แล้วไปงานแต่งอนันต์มันด้วย พี่ตรีทศรู้จักไหม”

“รุ่นน้องมั้ง จำหน้าไม่ได้หรอก แล้วทำไม”

“กลับมาผมยังอยู่กับพี่ได้เหมือนเดิมนะ”

“ถ้าให้อยู่ตลอดไป จักษ์จะอยู่ไหมล่ะ”

นอกจากคำตอบแบบคำถามนั่นแล้ว ดวงตาของตรีทศยังเป็นประกายเผยให้เห็นเนื้อความจากข้างใน วิจักษ์ยิ้มนิดๆ แล้วพยักหน้า

“กลับจากบ้านแล้ว ผมคงให้ไอ้วัฒน์หางานให้ทำ คงเป็นงานที่พอมีเวลาสำหรับเข้าชั้นเรียน แล้วก็” คนพูดรู้สึกละอาย กับฝันลมๆ แล้งๆ อันสูงส่ง

“มีคนชวนจักษ์ไปทำอย่างอื่นหรือยัง”

“มีแล้วครับ แต่ทางนั้นมันก็ไม่ใช่ง่ายๆ นะพี่”

“ทางนั้นมันเป็นทางพิเศษนะจักษ์ พี่ไม่ว่าอะไรหรอก ชีวิตของคนเราเอาแน่ไม่ได้ ไอ้วัฒน์มันบอกพี่มา จักษ์อยากทำอะไร จักษ์ทำไปเถอะนะ ได้ดิบได้ดีอย่าลืมพี่คนนี้แล้วกัน ขาดเหลืออะไรก็บอกพี่ได้พี่ยินดีช่วย”

“ครับ”

วิจักษ์ยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าที่ตรงนี้ยัง ‘อุ่น’ สำหรับเขาต่อไป เมื่อคุยกันถึงเรื่องความฝันพร้อมคนที่ต้องการดันอย่างพี่ ‘พี่ต้น’ ตรีทศก็มีสีหน้าหม่นลง ผู้จัดการเกย์กับดาราหนุ่ม หรือการขุดคุ้ยอย่างเสียๆ หายๆ ของซ้อเจ็ด แต่วันนั้นยังมาไม่ถึงนี่ อีกกี่ปีก็ไม่รู้ หรืออาจจะไม่มีวันนั้นเลยก็ได้ แล้วตรีทศ ‘ถอนหัวใจ’ไม่ขึ้นอีกครั้ง เมื่อเขาได้ยินวิจักษ์พูดว่า

“คืนนี้ผมขอนอนในห้องพี่นะครับ ผมอยากนวดให้พี่คลายเมื่อยมากกว่านี้”


ในเวลาเที่ยง เมื่อเดินกลับมาจากสมัครเรียนในคณะศึกษาศาสตร์ มาลีก็พบว่า กลยุทธซึ่งอยู่ในชุดกางเกงยีนเสื้อยืดคอเชิ้ต สวมรองเท้าผ้าใบ ยืนยิ้มให้เธอด้วยสีหน้าไม่มั่นใจตัวเองนัก มาลีซึ่งอยู่ในชุดกระโปรงสีดำเสื้อเชิ้ตทรงนักศึกษาสตรีแกล้งหันซ้ายหันขวาว่าเขายิ้มให้ใคร

“ไปไหนมา” มาลีถามด้วยน้ำเสียงห่างเหิน

“พากุลไปทำพาสปอร์ต แล้วก็มาสมัครเรียน”

เมื่อได้ฟังมาลีพยักหน้ารับ นึกถึงโปรแกรมที่คุณรมณีย์จะพากุลไปช็อปปิ้งที่ฮ่องกง

“ตอนนี้กุลอยู่ที่ไหน”

“ขอตัวกลับบ้านไปเอง”

“แล้วทำไมคุณไม่ไปส่งละคะ”

“อยากแวะมาหามาลี”

“ไม่ทำงาน”

“ลาทั้งวัน เบื่อๆ เซ็งๆ รู้ไหมพอมาลีไม่อยู่มีแต่คนพูดถึง”

“ในแง่ไหนคะ โล่งอกที่ฉันออกมาเสียได้”

“ผมกำลังหางานใหม่อยู่นะ ถ้าได้เงินเดือนเท่าเดิมตำแหน่งเดิมๆ ผมจะลาออก”

กลยุทธรีบเปลี่ยนเรื่อง มาลีมองหน้าเขา ไม่อยากสบตาที่พยายามบอกความนัยกับเธอ

“แล้ว” มาลีไม่รู้จะถามอะไรเขาดี

“ไปดูหนังกันไหม” เขารีบชวน

“ฉัน” มาลีครุ่นคิดหาคำแก้ตัว “ฉันว่าจะออกไปหางานทำ เหล่ไว้หลายที่แล้ว”

“พรุ่งนี้ได้ไหมล่ะ”

“ปากท้องมันรอเวลาไหมล่ะ” มาลีย้อนถาม กลยุทธมีสีหน้าเจื่อนลง

“ให้โอกาสผมอีกสักครั้ง”

“คุณยุทธ”

“ผมไม่รู้ว่ามาลีคิดอะไร แต่ว่าผม ผมตัดใจจากมาลีไม่ได้”

“คือฉัน”

“มีอะไรให้ผมช่วยผมยินดีทุกอย่างนะครับ”

มาลีอึกอัก เธอรู้สึกลำบากใจเหลือเกิน การที่เขาเดินมาบอกกับเธออย่างนี้ แสดงว่าเขาคิดดีแล้วเช่นกัน


เมื่อนั่งอยู่ในร้านฟาสต์ฟู้ดด้วยกันกับมาลี กลยุทธต้องแปลกใจเมื่อเห็นว่ากุลกัญญาเดินควงอยู่กับใครที่เขาไม่รู้จัก มาลีเองก็ทำเป็นไม่เห็น เพราะอยากรู้ว่าพี่ชายของกุลจะจัดการกับปัญหานี้อย่างไร แต่กลยุทธก็สะกิดถามมาลี “ใช่กุลใช่ไหม”

มาลีจึงต้องรีบมองไปตามที่เขาบอก พอดีกับที่สองคนนั้นเดินไปไกลลับตา “ไม่แน่ใจ”

มาลีช่วยกุลกัญญา กลยุทธถอนหายใจออกมา ก็กุลกัญญาบอกกับเขาว่าเมื่อสมัครเรียนแล้วจะกลับบ้านเอง เพราะต้องการให้เขากับมาลีอยู่ด้วยกันตามลำพัง แล้วนี่เตร็ดเตร่ออกมาเดินกับใคร ไว้ใจได้หรือ

“ถ้าเป็นกุลจริงๆ แล้วรู้สึกอย่างไร”

“ผมไม่คิดว่าจะมีใครรักกุลจริงๆ”

“ทำไมคะ” มาลีรีบซัก

“ก็” กลยุทธครุ่นคิดหาคำตอบที่มีเหตุผลมากกว่าความรู้สึกของตัวเอง เมื่อเขาเงียบมาลีจึงถามซ้ำ

“ก็ คุณสมบัติอย่างกุล ผู้ชายคนนั้นน่าจะร่วมทุกข์มากกว่าร่วมสุขนะครับ กุลมีลูกไม่ได้ กุลจะอยู่ได้ไม่นาน ถ้าเขาเลือกรักกุลเขาก็ต้องเลือกรับความเจ็บปวดไว้ด้วย”

“เหมือนที่มีใครมาเลือกรักมาลี” พูดไปก็อดนึกถึงผู้ชายอีกคนไม่ได้ มาลีลอบถอนหายใจออกมา อย่างไรเสียเธอกับเขาก็ไกลสุดเอื้อมมือถึง เขามันไฮโซ แต่เธอมันตรงกันข้ามเลย

เมื่อทานไก่ทอดเสร็จเรียบร้อยมาลีก็ยกมือพนม “ขอบคุณนะคะ”

“ทำไมต้องขอบคุณ ทำเหมือนผมเป็นคนอื่นคนไกล”

“ฉันยังเด็ก ยังอีกไกลค่ะ ถอยออกมาสักก้าวดีกว่านะ เป็นพี่เป็นน้องกัน”

“รวมถึงเขาด้วยไหม” กลยุทธหมายถึงชัชชัย

“ทุกๆ คนค่ะ เอาเป็นว่าเมื่อมาลีเรียนจบ วันนั้นคุณก็คงได้คำตอบสำหรับตัวเองเช่นกัน”

“แต่ผมอายุมากแล้วนะครับ จะสามสิบอยู่แล้ว”

“ถ้างั้นฉันก็เด็กเกินไปที่จะรับผิดชอบเรื่องใหญ่โตขนาดนั้น แล้วอีกอย่าง คุณยุทธก็มีคนที่คู่ควรอยู่แล้ว”

“ไม่ใช่ ไม่ใช่เขา” กลยุทธหมายถึงรมณีย์

“ถามตรงๆ นะคะ ฉันเทียบไม่ได้เลยกับเขา แล้วทำไม”

เมื่อได้ฟังถ้อยคำเนือยๆ คล้ายวิ่งหนีของมาลีกลยุทธถอนหายใจออกมา

“เค้ามันดอกฟ้าผมมันแค่แจกันดิน ไปด้วยกันได้รึครับ คุณเองก็เหมือนกัน มาลีก็รู้อยู่แก่ใจว่าคุณชัชชัยเป็นใครแล้วตนเองเป็นใคร ดอกหญ้าหรือจะคู่กับแจกันหยก เพราะฉะนั้นเมื่ออายุเท่านี้ บางทีผมก็คิดเรื่องหัวใจด้วยหัวใจไม่ได้ มันก็ต้องมีเหตุผลประกอบกัน”

“แล้วคุณเลือกฉันจะไม่ยิ่งทำให้คุณลำบากหรือคะ ทำไมคุณไม่เห็นแก่ตัวเลือกความสุขสบาย”

“แต่สุดท้ายผมก็เลือกเอาหัวใจนำทางครับ”

พูดจบตาของกลยุทธก็สบที่สายตาของมาลี มาลีรีบเมินหน้าหนีทันที

“แต่ฉันยังไม่ได้คิดกับคุณถึงขนาดนั้น”

“มาลีจะบอกว่าที่ผ่านมาก็แค่”

“แค่ลมพัดเย็นดี ลมพัดหัวใจไหว เอาเป็นว่า ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ใจกันดีกว่าค่ะคุณยุทธ วันนี้เรายังไปมาหาสู่กันแบบพี่น้องได้ค่ะ ถ้าฉันว่างๆ ฉันจะไปหากุล จะโทรชวนกุลออกไปข้างนอก ถ้าคุณไม่ทำงานอยากพาฉันไปไหน ก็มารับได้ ถ้าฉันว่างฉันจะไป ถ้ามีนัดมิตติ้งกันตอนเย็นๆ ค่ำๆ อยากให้ฉันไปแจมฉันก็จะไป แต่ขอไปแบบไม่ใช่แฟนนะคะ”


กลยุทธต้องแปลกใจเมื่อเห็นว่ากุลกัญญายังไม่กลับเข้าบ้าน แสดงว่าคนที่เขาเห็นเพียงแวบๆ นั่นคือกุลกัญญาจริงๆ แล้วกุลกัญญาเดินควงอยู่กับใคร น้องสาวเขามีแฟนแล้วอย่างนั้นหรือ

เมื่อเปิดประตูเข้าบ้าน กลยุทธก็ล้มตัวลงนอนบนโซฟา วันนี้แน่ชัดแล้วว่ามาลีไม่ได้มีใจให้เขา ไม่ได้มีใจให้ใครด้วย มาลีขอร้องให้เริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปศึกษาดูใจกันไป เขาจะสามสิบแล้วนะ อีกสี่ปีห้าปี ปีไหนก็ไม่รู้
ด้วยอากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝน ทำให้ดวงตาของกลยุทธปรือจะหลับ แล้วเสียงออดก็ดังขึ้นจนเขาต้องรีบลุกจากโซฟาไปยังประตูบ้าน ที่นั่นมีคุณรมณีย์ยืนยิ้มชื่นให้เขา

“มาดูคนเกเรหน่อยว่าเป็นอย่างไรบ้าง”

รมณีย์พูดพลางเดินผ่านประตูรั้วที่เขาดึงเปิดให้ หญิงสาวก้าวเท้าเข้ามาแล้วก็หยุดประชิด จนร่างของตนห่างจากหน้าอกกว้างของเขาเพียงฝ่ามือ รมณีย์จ้องที่ดวงตาแลลงมาที่ไรหนวดเคราครึ้มของเขา ยอมรับกับตัวเองว่าใจเต้นแรงเช่นทุกๆ ครั้ง

“ทำไมคุณบ่อยให้ฝุ่นจับที่เสื้อบ่อยๆ”

ว่าพลางเจ้าหล่อนก็เอื้อมมือไปปัดเบาๆ ที่เนินอกของชายหนุ่ม จนกระทั่งสัมผัสได้ถึงการเต้นของหัวใจที่แรงขึ้น หากขยับเข้ากันอีกคนละนิดเท่านั้น รมณีย์เชื่อว่าไฟจากร่างทั้งสองก็จะวิ่งเข้าหากันทันที แต่แล้วกลยุทธก็ต้องเป็นฝ่ายเบี่ยงตัวหลบ รมณีย์ยังขยับไปจนประชิดเกาะแขนทำนองคลอเคลียกันเข้าบ้านทีเดียว
เมื่อส่งรมณีย์ที่โซฟาแล้ว กลยุทธก็รีบเดินเข้าไปในครัวเพื่อหาน้ำให้กับแขกที่ไม่ได้รับเชิญ

“น้องกุลไปไหนคะ”

“ออกไปข้างนอกครับ ผมพาเธอไปทำพาสปอร์ต แล้วก็พาไปสมัครเรียน”

“กับมาลีหรือคะ”

“ไม่เจอกันครับ เขาย้ายออกไปจากซอยนี้แล้ว”

กลยุทธตอบตามตรง ขณะวางแก้วน้ำลงตรงหน้าหญิงสาวผู้มีกลิ่นกายกรุ่น รมณีย์ไม่ถามอะไรเกี่ยวกับมาลีอีก สายตาของเจ้าหล่อนยังจับอยู่ที่ดวงหน้าชายหนุ่ม จนเขาต้องรีบเดินไปนั่งอีกฝั่งของโซฟา

“แล้วคุณมีพาสปอร์ตหรือเปล่า”

“ทำไว้นานแล้วครับ แต่ยังไม่ได้ใช้ไปไหนเลย”

“ไปด้วยกันไหมคะ”

“ไม่ดีกว่าครับ”

“รมมี่อยากให้คุณไปด้วยกันนะ”

รมณีย์ทำเสียงออดอ้อน กลยุทธหลบสายตาลงต่ำ แล้วเสียงฟ้าข้างนอกก็ร้องดังคำรามให้รู้ว่าอีกไม่นานหรอก เม็ดฝนก็จะตามมา กลยุทธผุดลุกขึ้นแล้วเดินออกไปยังประตู

“ทำอะไรคะ” รมณีย์รีบลุกขึ้นตามไป

“เก็บผ้าขี้ริ้วครับ”

เขาเดินออกไปเก็บผ้าขี้ริ้วที่ตากไว้ ขณะเดินกลับมาเม็ดฝนก็มาพร้อมกับลมที่กระโชกแรง สีหน้ากลยุทธมีความปริวิตกเกิดขึ้น เมื่อนึกถึงน้องสาวที่อยู่ข้างนอก กุลกัญญาป่วยไข้ได้ง่าย ลมฝนแบบนี้ หากเดินอยู่ข้างถนนจะอันตราย

“กุลยังไม่กลับมาเลย”

เขาโยนผ้าขี้ริ้วลงบนพื้นบ้านแล้วปรี่ไปยังโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะกระจก เขาหยิบมันขึ้นมา ไม่มีสัญญาณตอบรับ ลมแรงขึ้นเรื่อยๆ เขาวางโทรศัพท์แล้วรีบไปยังหน้าต่างพร้อมกับดึงปิด รมณีย์เห็นว่าเขาวุ่นวายจึงรีบเข้าช่วย

“ไม่ต้องหรอกครับ ผมทำเองได้”

กลยุทธพูดด้วยน้ำเสียงเกรงใจแต่รมณีย์ก็ยังไม่ลดละ จนกระทั่งเขาปิดหน้าต่างข้างล่างเสร็จก็รีบก้าวขึ้นบันได ด้วยอยากเห็นว่าชั้นบนห้องหนุ่มโสดโดยเฉพาะห้องนอนนั้นเป็นอย่างไร รมณีย์จึงรีบสาวเท้าตามโดยไม่ได้นึกถึงกาลเทศะ

เมื่อเขาปิดหน้าต่างห้องกุลกัญญา แล้วก็ต้องแปลกใจที่เห็นว่าในห้องนอนใหญ่ของเขา คุณรมณีย์กำลังวุ่นวายอยู่กับการเปิดมุ้งลวด แล้วใช้มือผ่านช่องเหล็กดัดไปดึงหน้าต่างกลับเข้ามา ท่ามกลางกระแสลมและเม็ดฝนที่เริ่มหนักขึ้น

“ระวังนะครับ ไม่ต้องหรอกเดี๋ยวผมทำเอง”

รมณีย์หาฟังไม่ หญิงสาวยังคงตื่นเต้นกับการทำงานแข่งกับเวลา กลยุทธรีบปรี่ไปยังหน้าต่างทางทิศที่ลมพัดนำน้ำฝนเข้ามา ตรงนั้นมีถึงสามบาน จนถึงบานสุดท้าย หูของเขาก็ได้ยินเสียงอุ เขารีบหันกลับมาพบว่าคุณรมณีย์กุมปลายนิ้วปอยๆ กลยุทธรีบก้าวกลับมาหาพร้อมกับจับมือของหญิงสาวขึ้นมา

“เป็นไงบ้างครับ”

จังหวะนั้นฟ้าก็ร้องคำรามแล้วเสียงเปรี๊ยะเปรี้ยงก็ดัง คล้ายเหตุเกิดตรงใกล้ๆ กับหู รมณีย์ถึงกับโผกอดเขาจนแน่น กลิ่นกายสาวแล่นเข้าจมูก ความเต่งตึงถูกสัมผัสที่บริเวณหน้าอก ฟ้ายังคำรามอีกครั้งแล้วเม็ดฝนก็ทิ้งลงมาอย่างหนัก จนไม่ได้ยินสรรพสำเนียงอื่นใด

ไฟฟ้าดับลง รมณีย์ซุกตัวหาอ้อมกอดที่เริ่มกระชับแน่นจนเธอ
รู้สึกร้อนไปทั่วเรือนกาย แล้วจมูกโด่งได้รูปของเขาก็ซุกลงที่บริเวณต้นคอ
ก่อนจะกดแน่นิ่งแล้วค่อยๆ เคลื่อนผ่านสู่ริมฝีปากได้รูป

เสียงฟ้ายังคงคำราม สายฝนยังคงกระหน่ำ ลมยังพัดรุนแรง แต่คนทั้งสองที่อยู่ในห้องส่วนตัวหาได้รู้สึกถึงความน่าหวาดกลัวนั้น


มาลีรีบวิ่งลงจากชั้นสองเมื่อได้รับโทรศัพท์จากนิวัฒน์เมื่อเปิดประตูหอพัก ฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ทำให้มาลีเห็นว่าทั้งกุลกัญญาและนิวัฒน์นั้นเปียกปอน และซ้ำร้ายไปกว่านั้นใบหน้าของกุลกัญญามีรอยขีดข่วนจนเป็นริ้วรอย ที่คอเสื้อฉีกขาดจนกุลกัญญาต้องใช้มือเรียวงามกุมไว้ กุลกัญญาร้องไห้สะอึกสะอื้น มาลีรีบดึงกุลกัญญาเขามาด้านใน

“เกิดอะไรขึ้น”

“พาขึ้นไปข้างบนก่อนเถอะกุลหนาวมาก”

มาลีรีบปฏิบัติตามคำสั่ง ด้วยยังไม่พลบค่ำ ไม่มีใครอยู่ตรงนั้น มาลีจึงอนุญาตให้นิวัฒน์ประคองกุลกัญญาขึ้นยังห้องตัวเอง

เมื่อเปิดประตูเข้าไป มาลีรีบวิ่งหาผ้าขนหนูออกมาให้กุลกัญญา

“ไปในห้องน้ำดีกว่านะกุล”

ว่าแล้วมาลีก็รับกุลกัญญาไปยังห้องน้ำ เมื่อผลักกุลกัญญาเข้าไปพร้อมผ้าเช็ดตัวแล้ว มาลีก็เดินกลับมาเปิดตู้ แล้วโยนผ้าขนหนูผืนเล็กตามด้วยเสื้อยืดคอกลมเบอร์แอลของตนให้เพื่อนชาย ก่อนจะหันมาหยิบเสื้อยืดกางเกงของตน เดินไปหากุลกัญญาที่ห้องน้ำ

“มีอะไรกัน” มาลีทำเสียงกระซิบกระซาบ

นิวัฒน์ถอนหายใจออกมา “ตบกับหลิน”

มาลียกมือทาบอก นึกถึงคนที่เธอพบที่ห้องน้ำ มาลีไม่อยากนึกถึงสภาพของเพื่อนสองคนที่ตบกันเพราะพิษรักแรงหึง “ตายห่าแล้ว” มาลีทำเสียงสูงเมื่อนึกถึงปัญหาที่จะตามมา

วันนี้เธอเห็นนิวัฒน์กับกุลกัญญา แต่ว่าเธอทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นแล้วเป็นอย่างไร คนสองคนนิ่งเงียบ แล้วมาลีก็ได้ยินเสียงสะอื้นฮักๆ ของกุลกัญญาจากห้องน้ำ

“เขาเป็นเพื่อนกันด้วยนะ”

“ฉันรู้แล้ว ฝั่งนั้นเป็นอย่างไรบ้าง”

“ก็ว่าจะฟ้องแม่เค้าที่ข้านอกใจ”

“มีไรกันแล้วซิ”

“ไม่มีจะเป็นอย่างนี้รึ เฮ้ย กลุ้ม”

“กุลเขารักแกมากนะนิว”

“ยอมเรียกชื่อใหม่แล้วเหรอ”

“ไม่ใช่เวลาพูดเล่นนะเว้ย”

ขณะที่ทั้งสองคนสนทนากันด้วยน้ำเสียงซุบซิบ กุลกัญญาก็เปิดประตูแล้วเดินออกมา โดยมีผ้าเช็ดตัวคลุมผมที่เปียกชื้น “เช็ดหัวให้แห้งนะกุลมานี่มา มาลีเช็ดให้”
เมื่อกุลกัญญานั่งลงแบบหันหลังให้ชายหนุ่ม มาลีก็มองไปยังนิวัฒน์

“แกกลับไปก่อนไป เดี๋ยวทางนี้ฉันจัดการเอง”

“งั้นฝากดูกุลด้วยนะมาลี กุล นิวกลับก่อนนะ ไม่ดีกว่า เอาเป็นว่า เดี๋ยวนิวนั่งรออยู่ข้างล่างละกัน นิวจะนั่งแท็กซี่ไปส่งกุลที่บ้านนะ คุยกับมาลีไปก่อน”

ความหมายนั้นก็คือให้มาลีหาวิธีช่วยกันเรื่องแก้ตัวกับพี่ชาย เมื่อผู้ชายพ้นจากห้องไปแล้ว กุลกัญญาก็หันมากอดมาลีแล้วสะอึกสะอื้น “เรื่องเป็นมาอย่างไร”

“เขาหลอกกุล นิวเขาหลอกกุล หลิน หลินเป็นเมียของนิว แล้วกุลล่ะ กุลเป็นอะไร”

“ก็กุลยังไม่ได้เสียอะไรให้มันไม่ใช่เหรอแล้วกุลจะเป็นอะไร”

“ใช่ แล้วกุลจะเป็นอะไร” ว่าแล้วกุลกัญญาก็ร้องไห้จนตัวโยน ไม่ใช่แค่เสียใจเรื่องที่รู้ความจริงว่านิวัฒน์เป็นคนอย่างไร แต่กุลกัญญาเสียใจที่ต้องเสียเพื่อนชื่อหลิน เสียใจที่มาถูกทำร้ายจนอับอายริมถนนคนเดิน ไหนจะพี่ชายของเธอที่เฝ้าทะนุถนอมเธอเหมือนไข่ในหินอีก พี่ยุทธเหน็ดเหนื่อยทำงานหาเงินเพื่อจะยื้อยุดเธอจากพญามัจจุราชไว้ แล้วที่ผ่านมาเธอโชคดีขนาดไหนที่สามารถได้ไตจากผู้บริจาค ได้คืบจะเอาศอก แค่มีชีวิตอยู่ แค่เรื่องได้ตีพิมพ์ในนิตยสารในดวงใจ เธอก็หาพอใจ สวดมนต์ไหว้พระก็ยังอ้อนวอนขอให้ได้พบรักแท้ แล้วเป็นอย่างไร กุลกัญญาคลำที่ใบหน้าตัวเองหยาดน้ำตาที่ไหลลงมา ทำให้รู้สึกเจ็บแสบ
แผนการที่จะไปฮ่องกงกับพี่รมณีย์คงต้องถูกเลื่อน

“กุลหยุดร้องได้แล้วนะ ร้องมากๆ เหนื่อยนะกุล กระเป๋า”

มาลีเหลือบไปมองกระเป๋าที่เปียกปอนเช่นคนถือมา “กุลเอายามาหรือเปล่า” ว่าแล้วมาลีก็เอื้อมมือไปหยิบกระเป๋ามาค้นหายาที่กุลจะต้องกิน

“กุล กุล เฮ้ย...กุล กุลเป็นอะไร” กุลกัญญาแน่นิ่งไป มาลีรีบกดโทรศัพท์หาพี่ชายของหญิงสาวทันที





จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 พ.ย. 2555, 08:52:27 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 พ.ย. 2555, 08:52:27 น.

จำนวนการเข้าชม : 2024





<< 35. “ไม่มีวันนั้นเด็ดขาด”   37.“สำคัญขนาดนั้นเลยหรือ” >>
จุฬามณีเฟื่องนคร 5 พ.ย. 2555, 08:53:06 น.
ขอบคุณจากทุก ๆ กำลังใจนะครับ


nateetip 5 พ.ย. 2555, 09:20:35 น.
ชอบค่ะชอบ รู้สึกตื่นเต้น ลุ้นขึ้นเรื่อยๆ..^.^


innam 5 พ.ย. 2555, 11:23:00 น.
ตามเป็นกำลังใจ


konhin 5 พ.ย. 2555, 21:38:06 น.
ลุ้นๆๆ


evelover 6 พ.ย. 2555, 07:29:58 น.
โอ๊ย..... อยากอ่านตอนต่อไปอีกอ่ะ


Orathai 6 พ.ย. 2555, 16:27:36 น.
เป็นไงต่อละ ลุ้นแฮะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account