เพทายพ่ายตะวัน
เมื่อเธอคือ กุหลาบแดง แห่ง "เรือนกุหลาบ" และเขาคือ ศัลยแพทย์ ผู้มีฝีปากเชือดเฉือนยิ่งกว่ามีดผ่าตัด..ยุทธการปราบพยศครั้งนี้..มีหัวใจเป็นเดิมพัน!
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ ๕ ผู้แพ้ ๓/๓

กระไอเย็นจากแม่น้ำสายใหญ่ลอยอวลปะทะผิวกาย กลิ่นดิน กลิ่นใบไม้ประพรมน้ำฝนที่เพิ่งซาไปไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ สร้างบรรยากาศเป็นธรรมชาติ สดชื่นที่สุดเท่าที่เปี่ยมรักเคยสัมผัสมา

อันที่จริงร้านอาหารริมแม่น้ำเจ้าพระยา ยามค่ำคืน ซึ่งมีแสงไฟสลัวรางทอลำอยู่สองฟากฝั่ง เสียงเรือหางยาว คละเคล้ากับเสียงเรือครุยซ์ เรือสำราญแล่นผ่านแว่วมาใกล้ๆ มีลมรำเพยกับกลิ่นดอกราตรีลอยเตะจมูก บวกกับเสียงไวโอลินเอื่อยๆจากนักดนตรีมืออาชีพบรรเลงเสนาะโสต ใช่ว่าเปี่ยมรักจะไม่เคยสัมผัส ไม่เคยย่างกรายเข้ามา ออกจะบ่อยไปด้วยซ้ำสมัยยังเป็นนักศึกษาแพทย์

ทว่าสาเหตุของความอิ่มเอม ปลื้มปิติ หรือจะเรียกว่าสุขเกินคำบรรยายครั้งนี้ เนื่องด้วยพระเอกในดวงใจที่หล่อนเคยวาดไว้ในฝัน ไม่คิดว่าจะมีวันเป็นจริง เขากลับมาอยู่เคียงข้างหล่อนสองต่อสองในค่ำคืนนี้ หนำซ้ำยังเป็นฝ่ายชักชวนหล่อนมาออกเดท..ใช่! หล่อนขอเข้าข้างตัวเองไว้ก่อน ว่าเขาพาหล่อนมาเดทครั้งแรก และมันเป็นครั้งที่ประทับใจที่สุดในชีวิตลูกผู้หญิง ตั้งแต่เกิดมาก็มีแค่ตอนสมัยมัธยมต้น กับมัธยมปลาย ที่หล่อนมีป๊อปปี้เลิฟกับชายหนุ่ม ได้มีโอกาสไปเดทด้วยกัน ตามร้านอาหารที่เลิศหรูตามสมควรแก่ช่วงวัย ก่อนที่มันจะไม่มีบรรยากาศหวานชื่นผ่านเข้ามาในชีวิตอีกเลยตั้งแต่ก้าวเข้าสู่ชีวิตมหา’ลัย

ทั้งที่หญิงสาวคิดว่า ความสวยของตัวเองไม่ได้ลดน้อยถอยลงไปเลย แม้แต่ปลายก้อย..

แต่ช่างเถิด จะด้วยนิสัยไม่พึงประสงค์บางอย่าง โดยเฉพาะคำพูดที่มักไวกว่าความคิด ความเพ้อเจ้อไม่เป็นเวล่ำเวลาหรืออะไรก็ตามแต่ ซึ่งเป็นเหตุให้ผู้ชายหนีหายไปจากชีวิต

วันนี้ นาทีนี้ ณ จุดๆนี้ เปี่ยมรักรู้สึกเหมือนได้ทุกสิ่งทุกอย่างกลับคืน เติมเต็มส่วนที่ขาดหายหลายเท่ากว่าที่เคยเสียไป เมื่อศิระ..มานั่งส่งนัยน์ตาหวานระยิบระยับอยู่ตรงหน้าหล่อน เหมือนเช่นในฝัน!

“พี่มีเรื่องสำคัญจะบอกฝอยทอง..”

ศิระเปิดประเด็นขึ้นมาอย่างไม่อ้อมค้อม ขณะที่บริกรชายเพิ่งเข้ามาเสิร์ฟออร์เดิฟชุดแรกเสร็จสรรพ เปี่ยมรักกำลังอยู่ในสถานะเหม่อลอย เข้าขั้นเลื่อนลอย หล่อนจึงได้ยินแต่เสียงทุ้มนุ่มของศิระดังอยู่ไกลๆ มีฉากหลังเป็นลูกโป่งหัวใจสีชมพูหวานแหววที่หล่อนจินตนาการขึ้นมาเองโดยไม่รู้ตัว

“น้องฝอย..ฟังพี่อยู่รึเปล่า?”
ศิระถามเสียงดังขึ้น เขาเน้นชื่อหล่อนด้วยคำย่อแบบจงใจ เพราะรู้ว่าเปี่ยมรักจะต้องรีบท้วงทุกครั้งที่ใครก็ตามเรียกชื่อหล่อนตกหล่น ซึ่งก็ได้ผลดังคาด

“ฝอยทองค่ะ..พี่เต้อ่ะ รู้ๆอยู่ว่าหนูไม่ชอบ ก็ยังจะเรียกแบบนี้อีก”

ศิระยกยิ้มขันๆที่มุมปากสองข้าง นัยน์ตาระยิบระยับนั้นผ่อนคลายลงเหมือนอารมณ์ที่เปิดโล่งทุกครั้งที่ได้สนทนากับหญิงสาวคนนี้ เปี่ยมรักมักทำให้คนที่อยู่ใกล้หล่อนทุกคนยิ้มขันอย่างนึกเอ็นดูหล่อนได้ แทบทุกสถานการณ์ แม้ว่าหล่อนจะไม่ได้ตั้งใจทำให้เป็นแบบนั้นก็ตาม

“เมื่อกี้พี่เต้ว่าอะไรนะคะ หนูได้ยินไม่ถนัด”
เมื่อศิระไม่เป็นฝ่ายแกล้งยวนหล่อนต่ออย่างเคย เปี่ยมรักจึงรู้สึกเก้อๆ เลยถามอย่างเอาสาระขึ้นมาบ้าง

“พี่มีเรื่องสำคัญจะบอกเรา..”
ศิระเอ่ยซ้ำเสียงนุ่มนวลกว่าเดิม ทำเอาเปี่ยมรักหัวใจฟูฟ่อง แทบไม่มีสติอยู่กับเนื้อกับตัว หล่อนตื่นเต้นกับการออกเดทครั้งแรกมากแล้ว จะให้มาเตรียมรับคำสารภาพรักซึ่งๆหน้าอีก..หล่อนเตรียมใจไม่ทันจริงๆ กระทั่งต้องขอเวลานอกแบบปุบปับ

“อย่าเพิ่งค่ะพี่เต้..อย่าเพิ่งพูดอะไร”
เมื่อจิตเตลิดเปิดเปิงไปไหนต่อไหน หล่อนจึงเอ่ยปากห้ามพร้อมเบรกเขาด้วยท่าปางห้ามญาติทั้งสองมือ พร้อมกับลุกขึ้นยืนพรวดพราด

“หนูขอตัวไปห้องน้ำสักห้านาที เดี๋ยวจะรีบกลับมาฟังค่ะ”
ไม่ทันให้ศิระเอ่ยรั้งอะไรต่อ เจ้าหล่อนก็ชูนิ้วทำเครื่องหมายโอเค ก่อนจะรีบสะพายกระเป๋าคล้องไหล่วิ่งหายไปในมุมหนึ่งของร้าน

“เป็นอะไรของเค้าวะ..ผู้หญิงนี่เข้าใจยากจริงๆ”
ศัลย์แพทย์ผู้ทรงเสน่ห์ยกมือเกาท้ายทอยแกรกๆ นึกภาวนาไพล่ไปถึงผู้หญิงอีกคน

“หวังว่าผู้หญิงอย่างคุณเพคงจะเข้าใจง่ายกว่านี้นะ..ให้ตายเถอะ”


หายลับเข้ามาในส่วนของสุขาหญิงไม่ถึงนาที ความตื่นเต้นตึกตักก็กลายเป็นใจหายวาบ เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองลืมของสำคัญไว้ที่บ้าน..ของขวัญกล่องสวยที่เตรียมไว้ให้ศิระ!

“ตายละฉัน..เบ๊อะบ๊ะจริงๆ ไม่น่าลืมเลย”
เปี่ยมรักยกฝ่ามือขึ้นลูบแก้ม มองเงาสะท้อนตัวเองในกระจก สภาพเหมือนหมาหูตกดีๆนี่เอง
“คุณพี่เพจะหายท้องเสียรึยังเนี่ย ช่วยคุณน้องด้วยเทิด..”

คือคนเดียวที่หล่อนนึกถึงในตอนนี้ เปี่ยมรักรีบกดโทรศัพท์ไปยังเลขหมายปลายทางของบุคคลที่นึกถึงเป็นคนแรก ทว่าเจ้าของดันปิดเครื่องเสียอย่างนั้น

“เฮ้ย! หน้าสิ่วหน้าขวาน ปิดมือถือหาพระแสงของ้าวทำไมเนี่ยคุณพี่ ตายๆๆ”
หล่อนบ่นงึมงำอยู่หน้ากระจกห้องน้ำเหมือนคนสติแตก ลูกค้าที่เดินสวนออกมาห้องแล้วห้องเล่า ต่างต้องเหลียวหลังกลับมามองหล่อนอย่างไม่ไว้วางใจ

“โทรไปเบอร์บ้านก็ได้..หวังว่าคงประทับอยู่นะ แม่เจ้าประคุณ”
เปี่ยมรักกดเลขหมายไปยังห้องรับรองแขกในบ้านตัวเอง เสียงใสแจ๋วของเด็กรับใช้หน้าละอ่อนดังตอบกลับมาเพียงไม่กี่อึดใจ

“บ้านหมอนลัศค่ะ”
“ฉันเอง..นี่คุณเพทายกลับออกไปรึยังเอ๋ย”

เด็กรับใช้ผู้ถูกเรียกว่า ‘เอ๋ย’ รีบตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงมั่นใจมากขึ้น เมื่อรู้ว่าเป็นเจ้านายของตน

“ยังไม่เห็นออกจากห้องน้ำเลยค่ะคุณหนู”
เท่านั้นแหละ เสียงอุทานของปลายสายก็ดังกระแทกโสตประสาทสาวใช้สมน้ำสมเนื้อกับริมฝีปากที่เผยอกว้างสุดขีดของเจ้าตัว

“ฮ้า!..เธอล้อฉันเล่นรึเปล่า นี่มันสี่ห้าชั่วโมงเข้าไปแล้ว คนอะไรจะท้องเสียได้นานขนาดน้าน”
เอ๋ย ยกหูโทรศัพท์ออกห่างเพื่อปรับคลื่นความถี่อันแสนรบกวนโสตประสาทอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบยืนยันเสียงหนักแน่น

“จริงๆค่ะ นี่หนูก็นั่งเฝ้าตามคำสั่งของคุณนัทอยู่ตลอดเลยนะคะ ไม่เห็นออกมาจริงๆ”
ใบหน้ากวนประสาทของใครคนหนึ่งแวบเข้ามาในมโนภาพ เปี่ยมรักจึงรีบซัก

“แล้วไอ้คุณพี่ชัดเจนนั่นล่ะ อยู่ไหน?”
คราวนี้สาวใช้ทำเสียงเหมือนสะดุด งงงันไปชั่วขณะ
“ว่าอะไรนะคะคุณหนู?”

“ฉันหมายถึงหมอชัดเจนนั่นแหละ อยู่ไหนแล้ว”
น้ำเสียงเจ้านายน้อยเริ่มบ่งอารามหงุดหงิด เอ๋ยจึงรีบระล่ำระลักบอก

“รายนี้ก็เหมือนกันค่ะ หายเงียบเลย จะว่ากลับออกไปแล้วก็ไม่น่าใช่นะคะ ไม่เห็นได้ยินเสียงรถ..อ้อ นั่นไงคะ รถคุณหมอเค้ายังจอดอยู่ที่เดิมเลย แต่ตัวไปไหนแล้วก็ไม่ทราบค่ะ”

เปี่ยมรักยิ่งฟังยิ่งปวดขมับ หล่อนโบกไม้โบกมือกับลมแล้งพลางบอกอย่างไม่อยากใส่ใจเรื่องนี้อีก

“เอาเถอะๆ..จะหายหัวหายตัวไปไหนก็เรื่องของเค้า แต่ตอนนี้ฉันต้องของความช่วยเหลือจากเธอแล้วล่ะเอ๋ย”
สาวใช้ถามกลับเสียงซื่อปนระแวง

“คุณหนูจะให้เอ๋ยช่วยอะไรคะ?”
“สมศักดิ์ยังอยู่ใช่มั้ย พี่นัทคงไม่ได้ใช้ให้ออกไปไหนละมัง เห็นเขาขับรถออกไปเอง”
“อยู่ค่ะคุณหนู”

เปี่ยมรักเริ่มยิ้มออก ปัญหาเริ่มคลี่คลาย ไม่ได้มีแต่ทางตันปะหน้าอย่างตอนแรก
“เธอขึ้นไปบนห้องนอนฉันนะเอ๋ย ฉันไม่ได้ล็อก แล้วไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง เธอจะเห็นกล่องของขวัญสีฟ้าใบใหญ่ๆอยู่ใบนึง หยิบมันออกมา แล้วฝากสมศักดิ์ขับรถออกมาให้ฉัน ตามที่อยู่นี้..”

แล้วหล่อนก็ร่ายรายละเอียดพอสังเขปถึงร้านอาหารริมแม่น้ำที่หล่อนมา “ออกเดท” กับชายในฝันครั้งแรก ห้านาทีผ่านพ้นไป สีหน้าสีตาเปี่ยมรักดูสดชื่น และมั่นใจกว่าตอนแรกอย่างมากทีเดียว เมื่อหล่อนกลับมานั่งเผชิญหน้า รอฟังเรื่อง “สำคัญ” ที่ศิระกำลังจะบอก

“หนูพร้อมแล้วค่ะ พี่เต้รีบบอกมาได้เลย บอกมาให้หมดเปลือก ไม่ต้องเกรงใจ ไม่ต้องกั๊ก”
บทจะมั่น หล่อนก็มั่นเสียจนชายหนุ่มปั้นหน้าไม่ถูก ศิระยิ้มปุเลี่ยนๆ ก่อนจะเริ่มเข้าประเด็นอย่างจริงจัง

“พี่อยากจะบอกว่า..พี่ชอบ..”

ฟังแค่นี้หัวใจดวงน้อยก็บินถลาแล่นลมสมฤดี ถึงไหนต่อไหนแล้ว เปี่ยมรักรู้ตัวดีว่าตอนนี้หล่อนยิ้มไม่หุบ ไม่มีปิดบัง แก้มแดงปลั่งยิ่งกว่าลูกตำลึงเสียอีก

“บอกมาเลยค่ะพี่เต้..ไม่ต้องอาย”
ศิระยิ้มเขิน หลุบตาลงต่ำ เขาจะรู้บ้างไหมว่ารอยยิ้มทั้งริมฝีปากและดวงตาอันแสนอบอุ่นของเขา มันหลอมละลายหัวใจผู้หญิงตรงหน้าจนแทบประกอบกลับมาเป็นรูปเป็นร่างไม่ได้แล้ว

“จะให้พี่บอกจริงๆหรือครับ”
แน้..มีการกั๊กเสียด้วย การจะสารภาพรักผู้หญิงสักคน ไม่เห็นต้องยืดยื้อให้มันยุ่งยากไปเลย เปี่ยมรักคิดในใจพลางยิ้มปากแทบฉีกถึงใบหู

เมื่อเห็นหล่อนเอาแต่ยิ้มม้วนต้วนไปมา ศิระก็ไม่เห็นประโยชน์ที่จะมาทำชักช้าอะไรกันตอนนี้ เขาคิดทึกทักไปว่า เปี่ยมรักอาจจะแอบรู้ความในใจของเขามาก่อน แล้วเขินแทนอีกคน

“พี่ชอบคุณเพ..ชอบมาก ไม่เคยชอบผู้หญิงคนไหนเท่านี้มาก่อน จะเรียกว่าประทับใจก็ได้ เอาเป็นว่ามันคือความรู้สึกดี แล้วก็วิเศษที่สุด ที่ได้เจอคนอย่างคุณเพทาย”

เปรี้ยง!!
คุณเคยรู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่าลงกลางกระหม่อม ทั้งที่ฝนยังไม่ตก ผืนฟ้ามืดสนิทแบบนี้บ้างไหม..

หากไม่เคยรู้สึก ก็ขอให้รู้ไว้ ว่านั่นล่ะ ความรู้สึกที่เปี่ยมรักกำลังเผชิญอยู่ในห้วงเวลานี้
พี่เต้..ทำไม..ทำร้ายกันได้ลงคอ!

ส่ำเสียงตัดพ้อวนเวียนซ้ำไปซ้ำมาในประโยคเดิม มันดังก้องทั้งในสมอง..ทั้งในหัวใจ จนกระทั่งแทบไม่ได้ยินคำสาธยายเกี่ยวกับคุณงามความดีของผู้หญิงอีกคนที่ชายหนุ่มกำลังพยายามพร่ำพรรณนาบอก โดยไม่รู้เอาเสียเลย ว่าคนฟังอยากจะติดปีกบินหนีไปให้ไกลสุดกู่สักแค่ไหน

“คุณเพเธอเป็นผู้หญิงที่มีจุดยืน มีเอกลักษณ์ ไม่เหมือนใครเลยจริงๆ เธอทั้งน่ารัก ทั้งมีเสน่ห์ ทั้งเก่ง..ฉลาด ปราดเปรียว..”

ศิระคงจะไม่หยุดถ้อยคำทำร้ายจิตใจเปี่ยมรักลงแค่นี้ หากเขาไม่สังเกตเสียก่อนว่าหล่อนหน้าซีดแทบไม่มีสีเลือด ดวงตาเหม่อลอยผิดไปจากตอนแรกที่ยังสุกสกาวมีชีวิตชีวา

“ฝอยทอง...เป็นอะไรรึเปล่า”
เปี่ยมรักสั่นศีรษะปฏิเสธเขา ทั้งที่ในใจหล่อนกำลังร่ำร้องเสียงดังชัดเจน อยากจะบอกเขาเหลือเกินว่า..เป็นสิ..เป็นมาก..มากจนแทบจะตายไปต่อหน้าเขาอยู่แล้ว

“เปล่าค่ะ..ไม่ได้เป็นอะไร”
หล่อนได้ยินเสียงตัวเองตอบเขาไปอย่างแผ่วเบา

“เรื่องพี่เพ..พี่เต้มาบอกหนู..”
คำถามต่อมาว่า..เพื่ออะไร กลืนหายไปในลำคอเสียก่อน เมื่อศิระรีบทำหน้าตากระตือรือร้นบอก

“พี่เห็นฝอยทองสนิทกับคุณเพ..เราน่าจะช่วยพี่ได้ แล้วถ้าเราต้องการให้พี่ช่วยอะไร พี่จะช่วยเราเต็มที่”

เขายังมามีหน้าทำเสียงจริงจังราวกับจะให้สัญญา..คงคิดว่าข้อเสนอของเขาจะทำให้หล่อนปลื้มสุดฤทธิ์เสียล่ะ


เปี่ยมรักรู้สึกว่าน้ำตาของหล่อนใกล้จะร่วงเผลาะลงมานองหน้าอยู่รอมร่อ ทั้งๆที่ฝืนยิ้มยินดีให้เขาแบบนั้น จะโชคดีหรือเปล่าไม่รู้ เมื่อมีเสียงเรียกเข้าจากเบอร์คนขับรถประจำบ้านดังแทรกขัดจังหวะขึ้นมา

“ผมมาถึงแล้วครับคุณหนู..จะให้ผมเอาของขวัญขึ้นไปให้เลยไหมครับ คุณหนูนั่งอยู่โต๊ะไหน..”
เปี่ยมรักรีบตอบกลับเสียงขื่น

“ไม่ต้องแล้วสมศักดิ์ คงไม่มีใครต้องการมันแล้ว..ฉันยกให้นาย ให้เป็นของขวัญวันเกิดล่วงหน้าก็แล้วกัน”

หล่อนจบบทสนทนาลงแค่นั้น ท่ามกลางบรรยากาศขมุกขมัวที่มีศิระนั่งทำหน้าปั้นยากอยู่ใกล้ๆ



ศิลาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 พ.ย. 2555, 22:29:58 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 พ.ย. 2555, 22:29:58 น.

จำนวนการเข้าชม : 1686





<< ผู้แพ้ ๒/๓   บทที่ ๖ รางวัลตอบแทนยกที่ ๑ ๑/๒ >>
sai 5 พ.ย. 2555, 23:07:09 น.
สงสารฝอยทองที่สุดดด


หมีสีชมพู 5 พ.ย. 2555, 23:50:40 น.
สงสารฝอยทอง

แล้วเพทายไปทำอะไรในห้องน้ำเนี่ย นอน


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account