เพทายพ่ายตะวัน
เมื่อเธอคือ กุหลาบแดง แห่ง "เรือนกุหลาบ" และเขาคือ ศัลยแพทย์ ผู้มีฝีปากเชือดเฉือนยิ่งกว่ามีดผ่าตัด..ยุทธการปราบพยศครั้งนี้..มีหัวใจเป็นเดิมพัน!
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ ๖ รางวัลตอบแทนยกที่ ๑ ๑/๒

เปี่ยมรักนั่งมองกล่องของขวัญสีสวยบนโต๊ะเครื่องแป้งผ่านม่านน้ำตา ศิระมาส่งหล่อนถึงบ้านก่อนเที่ยงคืน บอกลาด้วยความเป็นห่วงเป็นใย ก่อนจะฝากฝังเรื่องของเพทายทิ้งท้ายให้หล่อนเจ็บแปลบเล่น

นอกจากเสียงทุ้มนุ่มของผู้ชายที่ทำร้ายจิตใจหล่อนโดยไม่ได้ตั้งใจแล้ว ยังมีเสียงแหบห้าวของคนขับรถประจำบ้านสะท้อนแผ่วเบาในโสตประสาท เมื่อหล่อนเดินมาถึงเชิงบันได ก่อนจะขึ้นห้องนอนว่า..

“ขอบคุณคุณหนูมากนะครับ แต่ผมคงรับไว้ไม่ได้ คุณหนูเอาไปให้กับคนที่สมควรจะได้..คนที่คุณหนูตั้งใจซื้อให้จริงๆเถอะครับ”

สมศักดิ์บอกหล่อนเสียงค่อย บ่งบอกความเจียมเนื้อเจียมตัวเป็นอย่างดี แต่ในขณะเดียวกันก็เหมือนแฝงไปด้วยความรู้เท่าทันอะไรบางอย่าง จนหล่อนชักไม่แน่ใจว่าเขา “รู้” อะไรจริงๆหรือเปล่า ในช่วงเวลานั้นทั้งสมอง ทั้งจิตใจไม่เหลือสภาพให้ตอบโต้ หรือ ปฏิเสธอะไรอีก หญิงสาวจึงรับกล่องของขวัญคืนมาแบบเนือยๆ และรอยยิ้มอันแห้งแล้ง เสียงของสมศักดิ์เลือนหายไป แทนที่ด้วยความเจ็บปวดเป็นริ้วๆ ยากจะทานทน

“พี่เต้..พี่ทำร้ายหนูทำไม?!”

เปี่ยมรักรำพึงกับตัวเองพลางฉีกกระดาษสีสวยออกจากกล่องใบนั้น จนกระทั่งเหลือเพียงกล่องสีขาวทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าปราศจากลวดลายใดๆ เสื้อเชิ้ตตัดเย็บด้วยผ้าเนื้อดีจากแบรนด์ดังถูกคลี่ออกวางบนพื้นกระจก

หล่อนค่อยๆไล่เรียวนิ้วทั้งห้าบนเสื้อตัวนั้น หยดน้ำใสร่วงหล่นกระทบเสื้อสีคลาสสิคจนเป็นรอยด่างดวง ความรู้สึกทั้งเสียดาย ทั้งแสนรัก และแสนแค้นปะปนกันจนแทบแยกออกไม่ได้

เปี่ยมรักเลื่อนสายตาขึ้นมาจากเสื้อ ก็ปะทะกับภาพถ่ายในกรอบรูปลายกุหลาบแดง เพทายนั่งกอดคอกับหล่อนบนชิงช้าในสวนหลังบ้าน องค์ประกอบของภาพที่มีแมกไม้สีเขียวรายล้อม กับรอยยิ้มเปี่ยมสุขของทั้งหล่อนและรุ่นพี่คนเก่ง เมื่อก่อนมันเคยสร้างความประทับใจ และเป็นความทรงจำที่ดีตลอดมา

ทว่าวินาที..หล่อนกลับรู้สึกเป็นขั้วตรงข้าม!
“พี่เพ..พี่ทำร้ายหนู!”

เปี่ยมรักจ้องดวงหน้าของหญิงสาวผมซอยสั้น แววตากลมดุ เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มมั่นใจไม่ยอมคนในภาพถ่าย ด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ ความรู้สึกชั่ววูบบันดาลให้หล่อนคว้ากรอบรูปใบนั้นขึ้นมาทันที พร้อมกับดึงแผ่นกระดาษมันวับชิ้นนั้นออกมา

ก่อนที่มือสองข้างจะกระทำการแยกภาพถ่ายใบนั้นออกเป็นสองส่วน ความทรงจำส่วนดีก็กระตุกวาบเข้ามาในห้วงมโนสำนึก

“อกหักดีกว่ารักไม่เป็นนะแก..ดูอย่างฉันสิ ตั้งแต่เกิดมายังไม่รู้จักรักใครเท่ารักตัวเอง สงสัยจะตายด้านเสียรึเปล่าก็ไม่รู้”

เสียงแหลมใสของเพทายดังก้องในโสตประสาท ภาพรุ่นพี่สาวเข้ามาโอบไหล่ ตบบ่าให้กำลังใจในวันวาเลนไทน์ปีที่แล้ว ผุดขึ้นมาเหมือนฉายหนังเก่า เมื่อหล่อนไปแอบรักชายหนุ่มในคณะเดียวกันคนหนึ่ง แล้วพบว่าเขามีคู่หมั้นคู่หมาย กำลังจะแต่งงานกันทันทีที่เรียนจบ แถมยังอุตส่าห์มีน้ำใจเอาการ์ดเชิญมาแจกหล่อนเสียอีก

“ไม่เป็นไร..ถือซะว่าวันนี้ยังไม่ใช่วันของเรา ไม่มีใครที่ประสบความสำเร็จในชีวิต แล้วไม่เคยล้มหรอกหนูฝอย”

หล่อนยังจำคำปลอบโยนแบบห้าวๆ ในวันที่แม้แต่พี่ชายของหล่อนก็ไม่ใส่ใจจะอยู่เป็นเพื่อนหล่อน วันที่หล่อนล้ม พลาดโอกาสเรียนต่อเฉพาะทางเป็นศัลยแพทย์ เพราะมีเพื่อนรุ่นเดียวกันที่เส้นใหญ่กว่า แย่งเก้าอี้ไปอย่างฉิวเฉียด ทั้งที่หล่อนมั่นใจเต็มร้อยว่าต้องได้เรียน

หล่อนยังจำได้..วันนั้นตักนุ่มๆอุ่นๆของเพทายที่เอื้อเฟื้อให้หล่อนล้มตัวเอาหน้าซุกทั้งน้ำตา เป็นแรงใจอย่างดีที่ทำให้อยากมีชีวิต มีลมหายใจสู้ต่อจนถึงวันนี้..

เพียงความทรงจำดีๆ ของคนน้ำใจดีอย่างเพทาย ฉายวาบเข้ามาไม่กี่ฉากกี่ตอน ก็มีอานุภาพมากพอจะเรียกสติสัมปัชชัญญาของหล่อนกลับคืนมา

เปี่ยมรักรำพึงกับตัวเอง ก่อนจะเสียบรูปใบเก่ากลับคืนกรอบกุหลาบแดงตามเดิมอย่างเบามือ
“พี่เพไม่เคยทำร้ายหนู..หนูต่างหากที่ทำร้ายตัวเอง คนดีอย่างพี่ สมแล้ว..ที่อยู่เฉยๆก็มีคนมารักได้”


ย้อนไปถึง “คนดี” ที่เพิ่งพลาดท่าเสียคะแนนให้กับแมลงสาบเพียงตัวเดียว เจ้าหล่อนคงไม่รู้หรอกว่ากำลังทำให้ชายคนหนึ่งปั่นป่วนรวนหัวใจสักแค่ไหน และในขณะเดียวกันก็ทำให้รุ่นน้องตาใสเจ็บโดยไม่ได้ตั้งใจ และไม่รู้ตัว

นับแต่ขอเวลานอก เข้าไปตั้งหลักในห้องส้วม อ้างว่าท้องเสีย ถ่ายเหลวขึ้นมากะทันหัน ทั้งที่คนฉลาดอย่างหล่อนก็รู้อยู่เต็มอก ว่าเหตุผลมันช่างประหลาด และไม่น่าเชื่อถือเท่าที่ควร แต่ ณ สถานการณ์แบบนั้น หล่อนคิดอะไรไม่ออก อับอายก็อับอาย แค้นก็แค้น แค้นทั้งสัตว์สกปรกตัวจิ๋ว แค้นทั้งน้องรักอย่างเปี่ยมรัก ไม่รู้จะวี้ดว้ายทำไมให้หล่อนเสียสมาธิในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน

ปกติเพทาย ไม่ใช่คนผิดคำพูด หรือผิดสัญญาอะไรเทือกนั้น รับปากใครไว้ ก็มักทำอย่างที่พูด แต่หล่อนไม่อยากนับรวมกับครั้งนี้ ที่ตัดสินใจท้าทายนายหมอผีนั่นออกไป หล่อนมั่นใจในตัวเองเกินไป ว่าต้องชนะเขาได้แน่ๆ

และที่จริงมันก็ควรจะเป็นเช่นนั้น ถ้าไม่เกิด “อุบัติเหตุ” ขึ้นมาก่อน..
หล่อนเป็นคนมีความสามารถด้านการมองคนค่อนข้างสูง ถึงแม้จะเจอกันไม่กี่ครั้ง หญิงสาวก็มั่นใจว่าชัดเจน “ไม่ธรรมดา” ทั้งในแง่ความบ้าบิ่น ทั้งฝีปาก ทั้งอีโก้ เหล่านี้..คนอย่างเขามีดีกรีสูง ผิดธรรมดาจากคนเดินดินทั่วไป

แล้วถ้าเขาเกิดไม่ชอบขี้หน้าใครขึ้นมา อย่างที่ไม่ชอบหล่อนอยู่ในตอนนี้ มีโอกาสจู่โจมเมื่อใด เขาไม่มีทางยั้งมือแน่

“เชอะ!..คิดว่าคนอย่างฉันจะกลัวเรอะ”

ปากก็ว่าไม่กลัว แต่สายตาก็สอดส่องเล็งแลจนกระทั่งพบแสงสว่างรำไรลอดมาทางช่องโหว่ของกระจกฝ้าในห้องส้วมอย่างหรูที่หล่อนกำลังใช้เป็นที่กำบังชั่วคราวจากศัตรูหมายเลขหนึ่ง

นับเป็นโชคดี ที่สุขาแห่งนี้บังเอิญมีรูรั่วรอการซ่อมแซมของฝ้ากระจก โชคดีที่ยังไม่มีใครตามช่างมาซ่อม หรือตามแล้วช่างยังมาไม่ถึงในเวลานี้ก็เอาเถิด

เอาเป็นว่ารอยโหว่บนตำแหน่งที่หล่อนแหงนคอขึ้นไปเห็นพอดิบพอดี มีขนาดกว้างยาวพอจะปีนป่ายเอาผู้หญิงตัวเล็กๆรอดออกไปได้คนหนึ่ง

“ฉันไม่ได้หนีนายสักหน่อย..แค่ขอตั้งหลักแป๊บเดียว”

เพทายพยายามเข้าข้างตัวเอง..ก็หล่อนเคยต้องหนีเอาตัวรอดหัวซุกหัวซุนแบบนี้เสียที่ไหน

ด้วยความที่เป็นคนร่างเล็กปราดเปรียว จึงไม่ยากอะไรที่หล่อนจะใช้ขาสองข้างก้าวขึ้นไปเหยียบบนอ่างล้างมือโดยที่เครื่องสุขภัณฑ์ไม่หักพังลงมา ก่อนจะห้อยโหนมือตุ๊กแกอีกสองข้างขึ้นไปเกาะบนขอบผนังที่มีรอยโหว่ของกระจกฝ้าตรงนั้น ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มียันตัวขึ้นไปนั่งคร่อม ห้อยขาข้างหนึ่งลงสู่กำแพงด้านนอกจนได้

ฝนเริ่มลงเม็ดแหมะลงบนหน้าผากโค้งมนของหล่อนหยดหนึ่ง กลิ่นหญ้าตัดสั้นเตียนบนพื้นสนามเบื้องล่างผสมกลิ่นดินชื้นๆจากหยาดพิรุณ ทำให้เพทายรู้สึกสดชื่น และโล่งอกเป็นพิเศษ แถมมองเลยออกไปไม่ไกลก็ยังเห็นแผงกั้นไม้ไผ่ฝั่งบ้านพักคนรับใช้ ซึ่งหล่อนรู้ดีว่าจะเป็นทางลัดให้หลบหนีออกจากบ้านหลังนี้โดยไม่ผ่านสายตาศัตรูหมายเลขหนึ่งของหล่อน

“รีบๆลงมาเถอะคุณ..นั่งยังงั้นนานตะคริวกินแย่เลย”
เปรี้ยง!

เหมือนเสียงฟ้าผ่าดังกระแทกเต็มสองรูหู ทั้งที่ไม่มีฟ้าแลบแปลบปลาบเป็นสัญญาณให้เห็นเลยแม้แต่นิดเดียว เพทายค่อยๆก้มลงมองสู่พื้นเบื้องล่าง ภาวนาให้ตัวเองหูฝาด หรือไม่ก็เป็นเพียงความฝัน เสียงกวนๆแบบนี้..ก็มีอยู่คนเดียวนั่นแหละ!

“เฮ้ย!”

หล่อนอุทานเสียงดัง เมื่อกะพริบตาหลายรอบแล้วภาพเบื้องล่างก็ยังเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง ชัดเจนยืนวางมาด กอดอก แหงนมองหล่อนด้วยรอยยิ้มและแววตาขันๆ

ไม่กี่วินาทีถัดจากนั้น เพทายรู้สึกเหมือนตัวเองจะเป็นไข้จับสั่น สายตาพร่ามัว เห็นลางๆว่าเขาคลายมือจากการกอดอก แล้วทำท่าเหมือนจะวิ่งถลาเข้ามาใกล้พร้อมบอก

“ระวังนะคุณ..”

ไม่ทันขาดคำ ร่างปลิวลมของหล่อนก็ถลาแล่นลมลงสู่พื้นหญ้า ได้ยินเสียงกระดูกข้อเท้าข้างขวาลั่นดังกรอบ พร้อมกับก้นจ้ำเบ้าลงกับพื้นอย่างเต็มรัก

พอสติสตางกลับคืนมา เพราะความเจ็บลึกถึงกระดูกเป็นเหตุ เพทายก็ใช้มือหนึ่งกุมข้อเท้าข้างที่บาดเจ็บ ส่วนมืออีกข้างกุมบั้นท้าย หล่อนกัดริมฝีปากบางจนได้ลิ้มรสคาวเลือดเค็มปร่า เจ็บแสนเจ็บแค่ไหน หล่อนก็ไม่มีวันร้องโอดโอยให้อับอายขายหน้าเป็นอันขาด

“ทำบ้าอะไรของคุณ..”

หล่อนได้ยินเสียงของชัดเจนดังแข่งกับสายฝนเทกระจาดลงมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
“นั่งซักผ้าอยู่มั้ง”

แม้จะเจ็บเกินทนขนาดนี้ หล่อนก็ยังตอบยวนๆอย่างนึกหมั่นไส้คนถามที่เหมือนกับต้องการต่อว่าหล่อนมากกว่าเห็นใจ

“ผมนึกอยู่แล้วเชียวว่าคุณต้องหนี ไม่งั้นไม่หายมานานขนาดนี้หรอก”

เขาเอ่ยเสียงเยาะๆ ไม่สนใจหน้าตาและน้ำเสียงกวนประสาทของหล่อนแม้แต่น้อย

“ถ้าคุณกลัวผม ทำไมไม่บอกกันตรงๆ ผมจะได้เห็นใจ ไม่รับข้อเสนอที่คุณอุตส่าห์ยื่นให้ฟรีๆ”

เพทายคิดว่าตัวเองไม่ได้หูฝาด ที่ได้ยินเสียงหัวเราะอย่างผู้ชนะเล็ดลอดออกมาจากลำคอของเขาครู่หนึ่ง

“โตป่านนี้แล้วยังทำตัวเหมือนเด็ก ปีนขึ้นไปทำไมบนนั้น นี่โชคดีเท่าไหร่แล้วที่คอไม่หัก..”

หญิงสาวกำลังจะขยับปากสวนกลับเขาบ้าง แต่ชัดเจนก็ไม่เปิดช่องให้หล่อนพูดแทรกเขาได้เลย ชายหนุ่มยังร่ายต่อไม่เว้นจังหวะ

“คุณอาจจะหลอกคนอื่นได้นะ แต่คุณหลอกผมไม่ได้หรอก ผมรู้นะว่าคุณไม่ได้ท้องเสีย คุณแค่อยากหลบหน้าผมตามประสาคนขี้แพ้ ใจเสาะ”

ถึงประโยคนี้ เพทายลืมความเจ็บปวดทางกายที่มีอยู่ลงไปทันที หล่อนหน้าแดง..แดงด้วยความโกรธสุดขีด

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ..ฉันไม่ได้ใจเสาะอย่างที่คุณกล่าวหาสักหน่อย”
ชัดเจนกระตุกยิ้มมุมปาก แววตาไม่ได้บอกความเชื่อถือหล่อนสักนิด

“โอเค คุณจะให้ฉันทำอะไรเป็นการตอบแทนล่ะ ...ฉันพูดคำไหนคำนั้น”
คราวนี้ชัดเจนยิ้มกว้างขึ้นจนเห็นไรฟันขาวสะอาด เขาถามย้ำเสียงเบาแต่ชัดเจนสมชื่อ

“คุณพูดเองนะ..”
เพทายเลิกคิ้วขึ้นสองข้างแทนการรับคำ

แล้วหล่อนก็ต้องประหลาดใจเมื่อจู่ๆ เขาหงายมือออกแล้วยื่นมือมาตรงหน้าหล่อนอย่างอ่อนโยน

“มาสิ..ผมจะพาไปโรงพยาบาล กระดูกข้อเท้าคุณคงมีปัญหา”
เพทายเลิกคิ้วครั้งที่สอง แต่คราวนี้เป็นไปด้วยความฉงน ชัดเจนอ่านคำถามจากนัยน์ตาหล่อนออก เลยรีบบอก

“นี่แหละ สิ่งตอบแทนที่ผมจะขอ คุณแค่ยอมไปโรงพยาบาล”
เพทายค่อยยิ้มออก

“อื้ม ก็ดีนี่ ข้อตอบแทนง่ายดี”
ชัดเจนยังยื่นมือค้างอยู่ ไม่ขยับไปไหน หญิงสาวเลยสะบัดมือไล่

“ไม่ต้องหรอก ฉันลุกเองได้”
ฝนตกหนักขึ้นเรื่อยๆ จนชายหนุ่มต้องเพิ่มระดับเสียงแข่งกับสายน้ำ

“คุณลุกเองไม่ได้หรอก เสียเวลาน่า”
เพทายขมวดคิ้ว เริ่มไม่พอใจกับความเจ้ากี้เจ้าการของเขา

“ฉันบอกว่าได้ก็ได้สิ นี่ไง..โอ๊ย”

ไม่ทันขาดคำ ขณะที่หล่อนพยายามยันตัวขึ้นจากพื้น เสียงข้อเท้าขวาก็ดังกรอบขึ้นมาอีก จนหล่อนต้องกลับลงไปนั่งยองตามเดิม สองมือกุมข้อเท้าแน่น

และไม่ทันคาดคิด ชัดเจนไม่เสียงเวลาย้ำคำพูดใดๆ เขาฉุดข้อมืออีกข้างของหล่อนขึ้นมาพรวดพราดโดยไม่ขออนุญาต และไม่เปิดโอกาสให้หล่อนสะบัดข้อมือหนีได้แม้แต่น้อย



ศิลาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 พ.ย. 2555, 18:19:13 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 พ.ย. 2555, 18:23:00 น.

จำนวนการเข้าชม : 1653





<< บทที่ ๕ ผู้แพ้ ๓/๓   บทที่ ๖ รางวัลตอบแทนยกที่ ๑ ๒/๒ >>
sai 10 พ.ย. 2555, 21:41:44 น.
เอ๊ะๆๆๆๆ ชัดเจนยังไงๆนะเนี่ยย:P


หมีสีชมพู 12 พ.ย. 2555, 01:10:45 น.
ดีนะเนี่ยที่ฝอยทองยังมีสติ ไม่ลุกมาเป็นนางร้าย


mhengjhy 12 พ.ย. 2555, 07:56:31 น.
ต้องอุ้มแล้ว นายชัด 55555


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account