พระอาทิตย์ขึ้นในคืนหนาว # จุฬามณี (ลิขสิทธิ์ สนพ.มายดรีม)
เรื่องย่อ พระอาทิตย์ขึ้นในคืนหนาว

เป็นเรื่องราว ของ มาลี สาวน้อยวัย 20 ปี ลูกกำพร้าพ่อซึ่งเสียชีวิตเพราะโรคมะเร็ง มาลี กับแม่และน้องชาย มารุต อาศัอยู่กับญาติห่าง ๆ ข้างพ่อ ซึ่งทำรีสอร์ตและการท่องเที่ยงท้องถิ่นอยู่ที่อุ้มผาง..

วันหนึ่ง กลยุทธและคณะไปเที่ยวล่องแก่งน้ำตกทีลอซู แล้ว เขาชอบมาลีจึงสานความสัมพันธ์ ส่วนมาลีนั้น เจอลูกทัวร์จีบจนชาชิน แต่กลยุทธก็ทำให้มาลีหวั่นใจอยู่ไม่น้อย..

หลังจากคณะของกลยุทธกลับไป..ทางป้า ก็บีบบังคับให้มาลีไปเรียนต่อกรุงเทพฯ พักอยู่กับนันทาลูกสาว เพราะว่าต้องการให้อนันต์ลูกชายของตัวเองแต่งงานกับคนที่รวยกว่า..

มาลีมาอยู่กรุงเทพฯ โดยที่ชัชชัย เพื่อนของนันทา ซึ่งเคยไปหาข้อมูลเขียนหนังสือมารับที่แม่สอด(ชัชชัยอ้างว่ามาธุระแถวนั้นพอดี)..มาลีกับชัชชัยนั้นเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมา เพราะตอนที่ชัชชัยมาอยู่อุ้มผางเพื่อหาข้อมูลเขียนสารคดี ตามคำแนะนำของ นันทา (ชัชชัยเป็นเพื่อนกับนันทา) มาลีแกล้งชัชชัยเพราะว่าไม่ชอบผู้ชายไว้ผมยาวกับปากไม่ค่อยดี..

ที่บ้านทาวเฮ้าส์ของนันทานั้นอยู่หมู่บ้านเดียวกับกลยุทธที่มีน้องสาวชื่อกุลกัญญา และช่วงที่ยังไม่ได้เข้าเรียน ต่อที่รามคำแหงมาลีก็ได้คำแนะนำจากศรีวรรณเพื่อนข้างบ้านของนันทาให้ให้ไปทำงานฆ่าเวลาเป็นแม่บ้านบนตึกสูงกลางเมือง มาลีที่อยู่กับนันทาแบบคนใช้ (นันทากดไว้เพราะมาลีมาด้วยทุนของแม่) ที่คิดเบื่อบ้านจึงไปทำงานตามคำแนะนำของศรีวรรณ

และบนตึกสูงนั้น มาลีก็ได้รู้ว่าเธอทำงานในตำแหน่งแม่บ้านซึ่งมีกลยุทธทำงานที่นั่นด้วย และมาลีก็ได้รู้จักสังคมรอบ ๆ ตัวของกลยุทธมากขึ้น มาลีรู้ว่ากลยุทธเป็นที่หมายปรองของรมมณีย์ลูกสาวของเจ้าของประธาน
บริษัทฯ

กลยุทธนั้นอึดอัดกับความรักที่รมณีย์มีให้ เพราะเขาทนกับปากของเพื่อนร่วมงานไม่ได้ เขาสานความสัมพันธ์กับมาลีมากขึ้น จนกระทั่งรมณีย์ที่เป็นเพื่อนกับชัชชัย ต้องดึงชัชชัยมาช่วยทำให้มาลีกับกลยุทธเข้าใจผิดกัน...

ชัชชัยนั้นชอบมาลีเป็นอย่างมาก เขาพยายามเอาอกเอาใจมาลีสารพัด แต่มาลีคิดว่า ชัชชัยนั้นเป็นคู่รักของนันทา ทำให้มาลีไม่เปิดใจให้ชัยชัย..

และมาลีจะเลือกใครระหว่างกลยุทธกับชัชชัย..

Tags: รักสามเส้า เราสามคน

ตอน: 38.เรื่องฐานะ มันมีผลกับเรื่องของหัวใจ พอๆ กับเรื่องเพศทีเดียว

38.

ในเวลาตีห้า กลยุทธจะเอื้อมมือไปกดนาฬิกาปลุกที่แผดเสียงดังลั่นบ้าน โดยลืมไปว่าที่ต้นแขนด้านขวาของเขานั้นไม่ได้ว่างเปล่าเช่นทุกวัน หญิงสาวผมหยิกยาวขยับกอดเขาจนแน่น คล้ายกับว่าเขาคือของมีค่าที่เธอจะไม่ยอมปล่อยให้หลุดมือไป กลยุทธเอื้อมมืออีกครั้งเสียงนาฬิกาสงบลง ชายหนุ่มก้มลงใช้ปลายจมูกแตะเบาๆ ที่เรือนกระหม่อมของเจ้าหล่อน

“คุณรมมี่ครับ ผมต้องแวะไปเยี่ยมกุลก่อนไปทำงานนะครับ”

“หรือคะ รมมี่ยังง่วงอยู่เลย ขอรมมี่นอนอีกสักนิดนะ”

“คุณนอนต่อได้ครับ แต่ผมต้องลุกไปอาบน้ำ”

“รมมี่อยากนอนกอดคุณ” ว่าแล้วหญิงสาวร่างบอบบางก็ใช้ท่อนแขนรัดอกเขาจนแน่น กลยุทธถอนหายใจออกมา ก่อนจะผลักท่อนแขนของรมณีย์ออกแล้วผละลงจากเตียง รมณีย์ก้มหน้าซุกกับหมอน จนถึงตอนนี้เธอก็ยังมั่นใจว่าเนื้อตัวที่พลีให้เขาแล้วนั้น หามัดใจเขาไว้ได้

กลยุทธรู้สึกแปลกใจ ที่เห็นว่าที่พื้นห้องหน้าโซฟานั้นมีคนนอนคลุมโปงอยู่บนเสื่อพลาสติกแบบพับเก็บได้ ชายหนุ่มแลไปทางด้านประตูระเบียง พอดีกับมาลีเปิดประตูกลับเข้ามาด้านใน

“อ้าว มาแต่เช้าเลย”

สายตาของเขาจับอยู่บนพื้น

“คุณชัชชัยเขาอยากอยู่เป็นเพื่อน ฉันนอนบนโซฟา เพิ่งตื่นไปดูวิว” มาลีรีบอธิบาย
เขาถอนหายใจออกมา แล้วเดินไปยังเตียงคนป่วย ที่แขนของน้องสาวยังมีเข็มน้ำเกลือ เขาเอื้อมมือไปสัมผัสรู้สึกว่าผิวเนียนนั้นซีดเผือดลงและยังร้อนรุมๆ
พอมือเขาสัมผัส กุลกัญญาก็ค่อยๆ ลืมตาตื่น

“พี่ยุทธ กุลยังปวดหัวอยู่เลย” หญิงสาวฟ้องคนเป็นพี่ชายเพื่อเรียกร้องความสนใจทันที

“กุลเหนื่อย หายใจไม่ค่อยออก”

“บอกหมอหรือเปล่า”

“เพิ่งเป็นค่ะ”

ซักอาการกันได้สักพัก กลยุทธก็เดินไปหามาลีเพิ่งออกมาจากห้องน้ำแล้วเดินออกไปรับลมที่ระเบียง เมื่อเดินไปยืนเคียงกัน เขาควักเงินส่งให้มาลี 500 บาท

“เอาไว้ซื้อหาอะไรกิน รับไว้เถอะ เฝ้าคนป่วยมันเซ็ง กินแล้วก็หาหนังสืออะไรมาอ่านฆ่าเวลา และถ้าวันนี้หมอให้ออกจากโรงพยาบาลได้ ก็เอาบัตรนี่” เขาส่งบัตรเอทีเอ็มให้หญิงสาว มาลีรับมาถือไว้

“มีอะไรก็โทรถามรหัสบัตรจากผม หรือไม่ก็กดเงินพากุลนั่งแท็กซี่กลับบ้านด้วยแล้วกัน หรือมีอะไรก็โทรหาผมได้ตลอดเวลา”

น้ำเสียงเขาดูเนือยๆ มาลีมองหน้าเห็นว่าดวงตาของเขาอิดโรย และตรงซอกคอมีรอยแดงเป็นวงกว้างสีจางๆ

“คอเป็นอะไร”

มาลีอดถามด้วยความเป็นห่วงไม่ได้ แต่ผลจากคำถามก็คือว่า กลยุทธมีสีหน้าตกใจก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบบริเวณต้นคอ

“ผมไปทำงานก่อนนะ มีอะไรโทรหาแล้วกัน” เขารีบเดินจากไป มาลีมองตามด้วยความสงสัย


เมื่อถึงที่ทำงาน กลยุทธไม่กล้าเดินออกไปยังห้องน้ำ เมื่อลูกน้องมาส่งงาน เขาก็จะพยายามเอี้ยวตัวไม่ให้ใครเห็นรอยแดงที่เกิดจากฝีมือของคุณรมณีย์ แต่ถึงอย่างไรเขาก็อดชะแง้ไปยังห้องของ GM ไม่ได้ เมื่อคืนนี้รสเสน่หาที่มอบให้เจ้าหล่อนนั้นหาได้ออมแรงสักนิด เมื่อเช้าเธอลุกจากที่นอน แต่งตัวแล้วขับรถออกจากบ้านพร้อมกันกับเขา จูบก่อนจากลาทำให้เขาปั่นป่วน แต่ป่านนี้ทำไมถึงยังไม่ถึงที่ทำงาน สาวไฟแรงสูงคงหมดแรง

“เฮ้ย เป็นอะไรใจลอย” สุชินแกล้งทิ้งแฟ้มลงบนโต๊ะ พร้อมกับเพิ่มกำลังเสียงให้ดูน่าสนใจ

“กุลไม่สบายเข้าโรงพยาบาล”

“คราวนี้โรคอะไรอีก”

“ตากฝน ยังไม่รู้เลยว่าจะมีอะไรแทรกซ้อนอีก”

สุชินถอนหายใจออกมาอย่างแสดงให้รู้ว่าเขารู้สึกเห็นใจ เข้าใจในความยุ่งยากใจของเพื่อน

“แล้วแกเป็นไงบ้าง”

“ไงคืออะไร” สุชินถามคืน

“ก็ พวกบรรดาอีหนูที่แกดูแลอยู่เป็นไง”

“เบื่อแล้วว่ะ อยากมีเป็นตัวเป็นตนขึ้นมาแล้ว ลอยไปลอยมา เที่ยวเตร่แบบนี้เงินทองไม่มีเหลือ”

“คิดได้แล้ว”

“จะสามสิบอยู่นะโว้ย คิดไม่ได้ ได้ไง”

“คุณอ๋อเป็นอย่างไรบ้าง”

“ดีขึ้นนะ แต่ก็ยังเศร้าๆ อยู่ คุณวรรณ คุณจ๊ะ เขาตามประกบเลย เลิกงานแล้วก็พากันไปเดินเที่ยวเพื่อให้ลืมผู้ชายระยำนั่น” ดวงตาคนพูดมีประกายของความโกรธแค้น

“แล้วน้องมาลีเป็นไง”

“เรียนต่อที่รามฯ เหมือนกุล”

“คิดจริงจังหรือเปล่าวะ” คนถามจ้องหน้า

กลยุทธทำตาครุ่นคิด แล้วสายตาของเขาก็เห็นคุณรมณีย์อยู่ในชุดพริ้งเพราเดินนวยนาดผ่านพนักงานไปยังห้องทำงานของตน และสายตาที่แลไปนั้นก็สบเข้ากับสายตาของเธอ ในนั้นเขาเห็นอาวรณ์ที่หญิงสาวมีให้

“เขาขอเวลาหน่อย อยากเรียนให้จบก่อน ขอหยุดแค่พี่ชายกับน้องสาว”

“สี่ปี หมดน้ำยาพอดีไอ้ยุทธ”

“น้ำยาอะไรวะ” สมศักดิ์เดินเข้ามาสมทบ

“น้ำยาผลิตลูกครับท่าน ไอ้ยุทธมันบอกว่ามาลีให้รอไปจนกว่าจะเรียนจบ” ท้ายประโยคนั้น สุชินลดเสียงลง ก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง

“แล้วเองล่ะไอ้ศักดิ์ คืบหน้าบ้างไหม ถ้าไม่คืบก็แผนการขั้นสุดท้ายเลยนะเพื่อน”

“ไม่เอาหรอก รักจริงหวังแต่งโว้ย แม่ของลูกนะมึง ทำอย่างนั้นได้ที่ไหน”

“มึงคิดอะไรอยู่” สุชินถามคืน

“ก็มึงจะให้กูปล้ำเขาไม่ใช่รึ”

“กูกำลังจะบอกให้มึงเข้าหาผู้ใหญ่ต่างหาก ไปบ้านเขาเลย คนไทยเชื้อสายจีนเหมือนๆ กัน น่าจะคุยกันง่าย เอาพ่อเอาแม่มึงไปเลยก็ได้

“เออว่ะ ดีเหมือนกัน ทำไมมึงเพิ่งแนะนำวะ”

“ก็เพิ่งมั่นใจว่ามึงเอาจริง” สุชินย้อน แล้วสมศักดิ์ก็ถามคืนด้วยน้ำเสียงเบาลง จนคนฟังทั้งคู่รู้ว่านี่คือเรื่องลับเฉพาะ

“มึงเหอะ ตกลงคราวนี้แค่อยากช่วยเพื่อนให้ดีขึ้น หรืออยากเข้าไปแทนที่วะ” สมศักดิ์หมายถึงกรณีที่สุชินทำดีกับอรชุมา ในช่วงที่เธอผิดหวังเรื่องที่เอกชัยมีเมียอยู่ก่อนแล้ว

สุชินทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

“ชัดเจนเร็วๆ นะโว้ยชิน อย่าแทงกั๊ก กูรู้ว่ามึงไม่ได้ถือสาเรื่องที่
เขามีมาแล้ว แต่มึงกำลังกลัวว่าคุณสมบัติอย่างมึง เขาจะไม่ชายตาแล”

“มึงเดาใจกูถูกได้ไง” สุชินกระซิบถามคืน

“ก็คบมึงมากี่ปีแล้วล่ะ ยุทธ มึงสังเกตให้ดีนะโว้ย เอาใหม่ มึงลองหลับตานึกซิว่า ที่ผ่านๆ มา ไอ้ชินมันคิดจีบคุณอ๋อเขาหรือเปล่า”

พูดแค่นั้นกลยุทธก็หัวเราะออกมา ใช่แล้วสุชินคิดจีบอรชุมา แต่อรชุมาเธอคบหากับเอกชัยก่อน สุชินก็เลยทำตัวเพลย์บอยเหมือนเดิม เมื่ออรชุมากลับมาเป็นโสดแบบไม่ได้ตั้งใจ สุชินก็คงมีหวัง

“ทำงานก่อนเว้ย หัวนงหัวหน้าก็บ้ากับมันไปด้วย ไปไอ้ศักดิ์ทำงาน” สุชินพูดจบโทรศัพท์สำนักงานเครื่องบนโต๊ะของกลยุทธก็ดังขึ้น

“แม่มันเรียกเข้าไปกินนมแน่ๆ เลยวะ” สุชินพูดเบาๆ ก่อนจะลากสมศักดิ์ออกไปจากมุมของผู้จัดการแผนก

“อยากชวนไปทานข้าวกลางวันด้วย แต่ว่ารมมี่ต้องออกไปทำธุระกับคุณพ่อเสียแล้ว คิดถึงนะคะ คิดถึงรมมี่บ้างไหม” เป็นเสียงออดอ้อนของรมณีย์ที่ทำให้กลยุทธใจสั่นและมือสั่น

“ยังไม่พูดเลย”

“คะคิดถึงครับ” เขาจำต้องปล่อยคำปดออกไป

“เย็นนี้ไปเยี่ยมกุลด้วยกันนะ เอารถคุณจอดไว้ที่นี่ แล้วคืนนี้รมมี่จะไปนอนด้วย แค่นี้นะคะจุ๊บๆ คิดถึงจัง จุ๊บ”

------------------------
นันทารู้สึกแปลกใจ ที่เห็นวิจักษ์เดินออกมาจากห้องน้ำของปั๊มน้ำมันที่ตั้งอยู่บนถนนเส้นนครสวรรค์-กำแพงเพชร วิจักษ์เองก็แปลกใจที่เห็นนันทาก้าวลงจากรถเก๋งส่วนตัว

“จักษ์จะไปไหน” นันทาเป็นฝ่ายร้องทักขึ้นมาก่อน

“กลับบ้านที่อุ้มผางครับ คุณล่ะ”

“ฉันก็กลับบ้าน เหมือนกัน” นันทาละคำว่า ที่อุ้มผางไว้ แล้วก็พูดต่อไปว่า “กลับด้วยกันไหม”

“บ้านคุณอยู่ที่ไหนละครับ”

“อุ้มผาง”

เมื่อได้ยินวิจักษ์ยิ้มออกมา ตอบตกลง แล้วเดินไปขอกระเป๋าคืนจากพนักงานต้อนรับบนทัวร์สายแม่สอด-กรุงเทพฯ


แม้ระยะทางยาวไกลจะเต็มไปด้วยขุนเขาและทางโค้ง แต่นันทารู้สึกว่าการเดินทางกลับบ้านในครั้งนี้ใช้เวลาเพียงน้อยนิด รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเธอกับวิจักษ์มีอยู่ตลอดเวลา วิจักษ์เองก็ดีใจที่รู้ว่านันทานั้นเป็นน้องสาวของอนันต์ แต่ในขณะเดียวกันความหม่นเศร้าก็แล่นเข้ามา เขาเป็นใครและนันทาเป็นใคร ลูกชาวไร่หรือจะคู่ควรกับลูกของนายทุน

เมื่อรถแล่นถึงอุ้มผางในเวลาบ่ายสี่โมงเย็น วิจักษ์เริ่มกังวลกับเรื่องที่ต้องเผชิญ เขาถามนันทาว่าจะบอกกับผู้ใหญ่อย่างไรเรื่องที่เดินทางกลับมาด้วยกัน นันทาครุ่นคิด ถ้าแม่รู้ว่ามากับวิจักษ์ก็คงไม่ชอบเหมือนกัน หญิงสาวบอกไปตามตรง ทั้งที่ในใจนั้นอยากจะบอกกับวิจักษ์ว่า ‘เราเป็นแฟนกัน’

วิจักษ์ขอร้องให้นันทาขับรถเลยไปส่งเขาที่บ้านหนองหลวง เมื่อหอบกระเป๋าเป้ลงจากรถ นันทาก็รีบถอยรถออกจากบริเวณหน้าบ้านไม้สักธรรมดาๆ ของเขาไป เขาเดินเข้าบ้าน น้องชายวิ่งมาหาแล้วรับกระเป๋าที่ข้างในมีขนมของฝากจากต่างประเทศของพี่ตรีทศ

“มากับใคร” ผู้เป็นแม่ส่งภาษาถิ่นเมื่อวิจักษ์ยกมือทำความเคารพ

“เพื่อนครับ” วิจักษ์ตอบสั้นๆ และก็ได้คิด

เรื่องฐานะ มันมีผลกับเรื่องของหัวใจ พอๆ กับเรื่องเพศทีเดียว

วิจักษ์คิดถึงมาลีที่ต้องถูกส่งตัวไปอยู่กรุงเทพฯ เพราะเรื่องฐานะ หากเขาต้องตกอยู่ภาวะนั้นด้วย ดูแล้วนันทาต่างหากที่เป็นฝ่ายเลือกปฏิบัติต่อเขา



ในงานกินเลี้ยงวิจักษ์ นั่งอยู่กับกลุ่มเพื่อนๆ ที่ยังประกอบสัมมาอาชีพในอุ้มผาง ส่วนใหญ่ก็พูดถึงเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวที่ร่ำรวยและต่อไปจะกลายเป็นผู้มีอิทธิพลของที่นี่

วิจักษ์ครุ่นคิดถึงตัวเอง อายุจนป่านนี้แล้ว ยังไม่เป็นโล้เป็นพาย หน้าตาที่หล่อเหลาผิดถิ่นกำเนิดกำลังจะร่วงโรย กลับไปคราวนี้คงเป็นการดิ้นเฮือกสุดท้าย หากสมใจเขาก็จะกลายเป็นดารา แต่ถ้าไม่ได้ อย่างน้อยเขาก็ต้องเรียนให้จบและต้องหาอาชีพที่มั่นคงทำให้ได้

ในวงสนทนาเริ่มพูดพาดพิงถึงเรื่องนันทา น้องสาวของเจ้าบ่าวที่หายจากบ้านไปนาน ทุกคนชมว่านันทาสวยงาม แต่บางคนก็กล้าพูดว่าน้อยกว่ามาลี วิจักษ์คิดว่า ถ้าเจ้าสาวเป็นมาลี งานในค่ำคืนนี้คงไม่ใหญ่โตเท่านี้ ดีแล้วที่มาลีไม่กลับมา เขาโทรไปหาก็ไม่มีสัญญาณตอบรับ โทรไปหานิวัฒน์มันก็ไม่รับสายเช่นกัน ถึงรับมันก็คงไม่กลับมาให้เปลืองค่ารถและเสียเวลาทำมาหากิน

นันทาไม่เฉียดมาทางโต๊ะเขาสักนิด หญิงสาวยืนอยู่กับแม่อย่างไว้ตัวตลอดเวลา วิจักษ์เริ่มกวาดสายตาไปรอบๆ คงมีลูกชายนายทุนใหญ่ของที่นี่เริ่มหมายตานันทา เขาลอบถอนหายใจออกมาก่อนยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่ม เมื่อเบียร์ตกถึงท้องเขาก็นึกถึงพี่ตรีทศขึ้นมาอย่างรุนแรง วิจักษ์เลี่ยงออกจากงาน แล้วเดินไปตามถนน จนพ้นระยะที่เสียงเพลงจะไม่รบกวนเสียงโทรศัพท์

“ถึงบ้านหรือยังจักษ์” วิจักษ์รู้สึกได้ถึงความห่วงใยที่แล่นข้ามฟ้ามาสู่หัวใจ

“เอาขนมให้น้องหรือยัง เอาเสื้อผ้าและเงินในซองให้พ่อให้แม่ แล้วก็กราบงามๆ กลับมาเผื่อชีวิตมันจะเปลี่ยน” ตรีทศพูดถึงเรื่องที่พูดกันก่อนที่เขาจะเดินทางมาอีกรอบ

“แล้วกินเบียร์หรือเปล่า”

“กินครับ”

“อย่าให้เมานะ” วิจักษ์ยิ้มเพราะรู้ว่าตรีทศหมายถึงอะไร

“หวงผมเหรอ” วิจักษ์แกล้งลืมตัว ‘ไม้เอก’ไปเสีย แต่ตรีทศก็ได้ยินว่าคำนั้น ‘หวง’ นั้นมีไม้เอกอยู่ด้วย

“ห่วงซิ ขี่รถล้มลงไป แล้วจะเป็นอย่างไร คนที่อยากปั้น ก็หมดโอกาส”

แต่วิจักษ์กลับได้ยินคำว่า ‘ปั้น’ เป็น ‘ปล้ำ’ แทนเสียได้ เขายังคงพูดจาหยอกเอินกับตรีทศอยู่พักใหญ่ แล้วในที่สุด เขาก็ต้องพูดคำว่า “คิดถึงนะครับ” ออกไป มิฉะนั้น คืนนี้ เขาก็คงได้แต่อิจฉาคู่บ่าวสาวที่ต้อนรับแขกเหรื่อด้วยใบหน้ายิ้มแป้น ผิดกับเหตุที่เขาเคยรู้มาก่อนที่ทั้งคู่จะแต่งงานกัน

อนันต์เคยรักมาลี เคยคิดปฏิเสธเจ้าสาวด้วยคิดเองว่าคงไม่ใช่หญิงบริสุทธิ์ผุดผาด แต่วันนี้เขาไม่มีทางเชื่ออย่างเด็ดขาดว่าความรู้สึกนั้นจะยังคงอยู่ หากมาลีมาด้วย วิจักษ์อยากรู้เหลือเกินว่า อนันต์มันจะทำหน้าอย่างไร ว่าแต่อนันต์ ตัวเขาเองล่ะ ใบหน้าที่เคยหวานกินใจของมาลีหายไปไหน ไม่น่าอับอายยิ่งกว่าหรือที่กับกลายเป็นใบหน้าของคนเพศเดียวกันขึ้น


กลยุทธต้องแปลกใจ เมื่อเปิดประตูห้องพักผู้ป่วยแล้วไม่พบน้องสาวและมาลีอยู่ที่นั่น ชายหนุ่มยกโทรศัพท์ขึ้นมากดทันที จังหวะนั้นมาลีก็โทรกลับเข้ามา กลยุทธใจเต้นแรงด้วยรู้แล้วว่ามันเป็นเรื่องผิดปกติ

“อยู่ไหนคะ ที่ห้องเหรอ มาที่หน้าห้องฉุกเฉินที่ชั้นสองด่วนเลยนะคะ มาเลยค่ะ”

กลยุทธรีบผลักประตูออกไปพร้อมกับซอยเท้าเร็วๆ ไปยังจุดหมาย เมื่อไปถึงที่นั่น เขาพบมาลีที่รีบผุดลุกขึ้นยืนแล้วก้าวมาหาเขาด้วยสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก

“กุลเป็นอะไร”

เขารู้สึกผิดที่เลิกงานแล้วยอมไปทานไอศกรีมกับคุณรมณีย์ในห้างหรู โดยคิดแต่ว่า ตรงนี้กุลกัญญาจะไม่เป็นอะไร แต่นี่

“หมอบอกว่ามีอาการแทรกซ้อนค่ะ ปอดบวม”

เมื่อได้ยินกลยุทธผ่อนลมหายใจออกมาทางปาก แล้วเดินผ่านมาลีไปยังหน้าห้องฉุกเฉิน แม้จะก้มมองผ่านกระจกเข้าไปได้ เขาก็ไม่เห็นว่าหมอรักษาน้องสาวเขาอย่างไร

“คงไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะ” มาลียังใจเย็น

“กุลไม่ใช่คนปกติอย่างเราๆ นะมาลี กุลพร้อมตายเมื่อไหร่ก็ได้”

พูดแค่นั้นคนพูดก็ทิ้งเม็ดน้ำตาลงมาอย่างไม่ได้นึกอายสาวเจ้าที่เขาเองหวังฝากหัวใจ มาลีรับรู้ถึงความรักความอาทรที่สองพี่น้องมีต่อกัน หากเธอจะใจดำตัดใจจากคุณกลยุทธไม่ได้ ก็ตรงความอาทรและความเสียสละอันยิ่งใหญ่เพื่อคนที่ตัวเองรักได้นี่แหละ หัวใจของเขาเป็นทองคำจริงๆ

มาลีมองดูไรหนวดของเขาที่เปื้อนน้ำตา แล้วรีบดึงกระดาษทิชชูจากกระเป๋าอกเสื้อออกมาส่งให้เขา เขาเม้มปากสบตามาลี มาลีจึงถือโอกาสปลอบใจเขาโดยการใช้กระดาษแตะไปเบาๆ ที่ปลายคางชายหนุ่ม

“ไม่รู้จะกล่าวคำใดๆ ออกมา เอาเป็นว่า ครั้งนี้ผมขอบคุณคุณมากๆ นะครับ ถ้าไม่ได้คุณวันนี้ผมก็คงแย่”

“เราเพื่อนกันนี่คะ กุลก็เพื่อนฉัน”

มาลียังยืนยันคำเดิมก่อนจะรีบหมุนตัวกลับไปนั่งรอที่เก้าอี้ข้างผนัง กลยุทธตามไปทรุดตัวลงนั่งข้างๆ

“กุลบรรยายฉากเศร้าได้เก่งจังเลยค่ะ อ่านแล้วฉันซึมเลย ครอบครัวคุณคงอบอุ่นนะคะ”

มาลีพูดถึงนวนิยายเรื่องเป็นวิมานอยู่บนดิน ตอนที่ 1 ที่ลงในนิตยสารเลดี้วีคฉบับล่าสุด

“ถึงชีวิตที่เหลืออยู่มันจะดูโหดร้ายกับผม แต่อย่างน้อยช่วงเวลาหนึ่งผม พวกเราก็เคยอยู่อย่างมีความสุข พ่อแม่อยู่กันอย่างพอเพียง เก็บเล็กผสมน้อยสร้างฐานะกันมา มาลี ผมไม่ได้หวังร่ำรวย ผมไม่ได้หวังเป็นลูกเขยเศรษฐี ผมคิดแค่ว่าแค่ผู้หญิงธรรมดาที่มีความขยัน กตัญญูสักคนเท่านั้น แล้วผมก็บังเอิญพบคุณ ทั้งที่ผมมีโอกาสเจอผู้คนเจอโอกาสดีๆ มากมาย บางครั้งผมคิดว่า ทำไมต้องเป็นมาลี”

มาลีไม่คิดว่า เขาจะอ้อนขอความรักในเวลาที่กำลังมีเรื่องเศร้าๆ ในหัวใจ
หญิงสาวรู้สึกว่าใจตัวเองสั่นไหว แต่ใจของมาลีเริ่มเต้นโครมคราม มันเป็นการต่อสู้กันอย่างรุนแรง ระหว่างเขาทั้งสองคน มาลีนึกถึงฝ่ามือของพี่ศรีวรรณครั้งที่เอ่ยออกไปว่า ‘รักสองคนเท่ากัน’ มันดูกร้านโลกแต่ใครไม่มาเป็นมาลีก็คงไม่รู้ว่า ผู้ชายดีๆ สองคนผ่านเข้ามาให้เลือกพร้อมกันนั้น น้ำหนักของตาชั่งคือหัวใจ ขยับเอนไปทางไหนสักทางได้ยากเย็นจริงๆ

แต่ก็อีกนั่นแหละ

เวลาจะเป็นตัวพิสูจน์ใจคน ใจพวกเขาและตัวเธอเอง มาลีเริ่มท่องไว้ในใจ เพื่อเอาตัวเองให้รอด 4 ปี แม่และมารุตกับอนาคตที่มีเกียรติยศมากกว่าอาชีพแม่บ้านอยู่โยงเลี้ยงลูก


เมื่อหมออนุญาตให้เข้าไปในห้องฉุกเฉิน กลยุทธก็ถึงกับเสียน้ำตาอีกรอบ ร่างแบบบางของกุลกัญญาดูทรุดโทรมลงไปถนัดตา ใบหน้าเล็กในกรอบผมม้าที่ยาวสยายไปกับที่นอน ดูเรียวซีดไร้เลือดหล่อเลี้ยง อุปมาหรือเปล่าที่เขาเห็นว่าครั้งนี้กุลกัญญาเหมือนกับสภาพของศพนอนอยู่ หน้ากากที่ครอบช่วยหายใจไว้เป็นส่วนเกิน ที่ทำให้ดวงหน้าน่ารักประหนึ่งตุ๊กตาของเธอมีตำหนิ กลยุทธกรากเข้าไปยืนอยู่ข้างๆ มือเล็กๆ ที่วางไว้ขยับพร้อมกับเปลือกตาที่ดูหนักอึ้งถูกเปิดขึ้น

ในดวงตาที่เอ่อล้นไปด้วยหยาดน้ำตานั้น กลยุทธรู้ว่า กุลกัญญาเอ่ยชื่อของเขา จะปะเหลาะน้องว่าอย่างไร ถึงจะทำให้น้องสบายใจ

จะพูดว่า เดี๋ยวหมอก็ให้กลับบ้านอย่างนั้นหรือ เขาเคยพูดคำนี้มากี่พันรอบแล้ว กุลกัญญาเคยบอกเขาว่าอยากไปอยู่กับพ่อกับแม่ให้พ้นทุกข์ทรมานนี้เสียมากกว่า น้องยังไปจากเขาไม่ได้ แต่เขาก็จะแสดงความอ่อนแอให้น้องเห็นไม่ได้เช่นกัน
มือใหญ่หนาทั้งสองข้างบีบมือเล็กไว้ ทุกความรู้สึกที่ส่งออกไปกุลกัญญารับรู้ ค่ารักษาแพงแค่ไหนเขาต้องหามาให้ด้วยความเต็มใจ ป่วยครั้งนี้จะกี่วัน เขาก็จะไม่ปริปากออกไป ถ้าหนักขนาดนี้ค่ารักษาจะเท่าไหร่ กลยุทธเริ่มมองหาหนทาง หาเงิน


เมื่อทางโรงพยาบาลติดต่อมาว่าต้องการพบญาติผู้ป่วย กลยุทธจึงผละออกไปจากห้อง มาลีรีบเปิดประตูตามออกมา พบว่าเขาเดินเนือยๆ ไปทางลิฟต์ ค่ารักษาพยาบาลในครั้งนี้คงไม่ใช่น้อย มาลีนึกถึงชัชชัยขึ้นมา ถ้าเธอปรึกษาให้ช่วยเขา เขาต้องช่วย แต่คุณกลยุทธจะยอมไหม

มาลีนึกถึงบัตรเอทีเอ็มที่เขาฝากไว้ ค่าของมันเท่าไหร่มาลีไม่รู้ ขณะครุ่นคิดแล้วโทรศัพท์ของมาลีก็ดังขึ้น

“กุลเป็นอย่างไรบ้าง” คนปลายสายมีเสียงหอบแฮกๆ มาด้วย

“หนักว่ะ”

“จริงเหรอ ดูเหมือนไม่เป็นอะไรนะ” นิวัฒน์ยังไม่รู้สึกอะไรเพราะไม่ได้มีความรู้เรื่องโรคที่กุลกัญญาเป็นอยู่

“อยากให้แกมานะ มาอยู่เป็นเพื่อนกัน” นั่นคือสิ่งที่กุลกัญญาต้องการที่สุด

“ไม่ว่าง คืนนี้มีออดิชั่น”

“ตามใจเอ็งแล้วกัน จะมาก็มานะ”

แล้วมาลีก็ตัดสายทิ้งด้วยความหงุดหงิด สายเลือดเดียวกันอย่างไรมันก็ดีกว่าแฟนร้อยเท่าพันเท่า แล้วมาลีก็นึกถึงชัชชัยขึ้นมา หากเธอจะเป็นจะตายแบบนี้บ้าง เขาจะทำอย่างไร ก็อีกนั่นแหละเพราะเธอแข็งแรงสมบูรณ์เขาก็เลยมารัก แล้วอารมณ์พาลก็สงบลง เมื่อเจ้าตัวเดินยิ้มมาพร้อมกับถุงก๊อปแก๊ปใบอ้วนและช่อกุหลาบเล็กๆ ในมือ

“กุลเป็นไงบ้าง”

“หนัก หมอบอกว่าปอดบวม ไม่รู้ว่าจะติดเชื้อหรือเปล่า คุณยุทธมาถึงร้องห่มร้องไห้ใหญ่เลย”

“สงสารเขาซิ”

“อือ สงสารกุลด้วย”

พูดจบมาลีก็ถอนหายใจออกมา แต่ลึกๆ ก็อุ่นใจ อย่างไรเสียเขาก็ดีกว่าไอ้นิวที่กุลกัญญามอบหัวใจให้

“หิวไหมซื้อของกินมาเพียบเลย กลัวคนเฝ้าไข้ทรุดไปอีกคน”

มาลียิ้มที่มุมปาก เมื่อเขานั่งลง แล้วเปิดปากถุงออกมา มาลีทรุดตัวลงไปนั่งตาม

“ดอกไม้” เขาส่งให้มาลี มาลีรับมาถือไว้ กลิ่นดอกกุหลาบโชยเข้าจมูก แต่คงไม่เหมาะที่จะไปวางให้คนป่วยในห้องฉุกเฉินยามนี้

“ให้มาลี” เขาตามมาอีกประโยค มาลีทำหน้าฉงน เขาหันกลับมาจ้องหน้าแล้วมองตาเชื่อมกับตามาลีจนเยิ้ม

“ทำคะแนนหัวใจเพิ่ม กลัวว่าจะสงสารคุณยุทธ จนตัดสินใจตกลงปลงใจกับเขาซะก่อน”

“บ้า” มาลีหน้าแดงระเรื่อขึ้นมา

“คนดีมีน้ำใจแบบนี้ใครปล่อยให้หลุดมือไปก็บ้าแล้ว”

ชัชชัยยังคงขายขนมจีบ มาลียกช่อกุหลาบขึ้นดมแก้เขิน แต่เมื่อกลิ่นของมันเข้าจมูก มาลีรู้สึกว่าในหัวใจมีชัชชัยเข้าไปวิ่งเล่นมากขึ้นๆ

“คุณชัช ฉันมีเรื่องอยากปรึกษา” มาลีตัดสินใจพูดออกไปซะก่อนที่คุณกลยุทธจะกลับมา

“คือ ฉัน คิดว่า ค่ารักษากุลครั้งนี้คงไม่น้อย คือโรงพยาบาลเอกชนมันต้องแพงแน่ๆ คือว่า ฉันเกรงว่าคุณกลยุทธเขาจะไม่พร้อมเรื่องเงิน คืออยากให้คุณเอ่ยปากให้เขายืมเงินไว้ก่อน หากเขาไม่มีจริงๆ เขาจะได้อุ่นใจ”

ชัชชัยมองหน้ามาลี จ้องดวงตา เขาเห็นแววบริสุทธิ์ใจ

“ได้ซิ ผมจะเอ่ยปากกับเขาก่อน ตอนนี้เขาอยู่ไหนล่ะ”

“เขาไปพบเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล ขอบคุณนะคะ ฉันคงไม่ทำให้คุณอึดอัด”

“แต่คุณก็กล้าเอ่ยปากออกมาแล้วนี่”

“หรือฉันไม่ควรพูดออกมา” มาลีเริ่มรู้สึกไม่ดี

“พูดออกมาแบบนี้ดีแล้ว ผมก็ได้เห็นว่ามาลีน่ารักเพียงไหน แต่ในทางกลับกัน คุณเอ่ยปากเรื่องทุกข์ร้อนใจมาแบบนี้ หากผมช่วยไม่ได้ มันก็อาจทำให้เราผิดใจกัน ผมเสียคะแนนนิยม งานนี้บอกตามตรงว่าลำบากใจ ถ้าผมเอ่ยออกไปคุณยุทธก็ลำบากใจ ถ้าเขารู้ว่าคุณช่วยพูด เขาอาจไม่รับเงินผมหรอก ศักดิ์ศรีของลูกผู้ชาย แต่อีกนั่นแหละ เขาก็รักกุลมากด้วย ถ้าผมจะเอ่ยปาก ผมก็จะมีวิธีที่ทำให้สบายใจทุกฝ่าย”

มาลีจ้องดวงตาของเขาคืนบ้าง เขาแกล้งมองไปทางอื่น แต่มาลียังไม่เลิกจ้อง ก็มันอบอุ่นขึ้นมาอย่างประหลาดทีเดียว

เขาหยิบกล่องขนมทองหยิบออกมาเปิดฝา แล้วใช้ส้อมพลาสติกจิ๋วจิ้มแล้วยัดเข้าปากเคี้ยวยั่วน้ำลายมาลีเล่น

“กินเปล่า” เขาถาม

มาลีสั่นหัว เขาจึงจิ้มมาจ่อที่ปากแล้วใช้สายตาถามอีกรอบ ด้วยเห็นว่าน่าอร่อย มาลีจึงยอมให้เขาป้อนและจังหวะนั้นกลยุทธก็เดินตัวตรงเข้ามาหาด้วยใบหน้าไม่สู้ดีนัก







จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 พ.ย. 2555, 08:54:20 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 พ.ย. 2555, 08:56:13 น.

จำนวนการเข้าชม : 1957





<< 37.“สำคัญขนาดนั้นเลยหรือ”   39.“ผมสงสารเขาจังเลย” >>
จุฬามณีเฟื่องนคร 8 พ.ย. 2555, 08:55:24 น.
ขอบคุณจากทุก ๆ กำลังใจเช่นเดิมนะครับ ....


konhin 8 พ.ย. 2555, 09:16:58 น.
อืมมมมม กุลจะจากไปเลยหรือนี่


Orathai 8 พ.ย. 2555, 11:26:19 น.
หวังว่าคงคงไม่....น่าสงสารนะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account