พระอาทิตย์ขึ้นในคืนหนาว # จุฬามณี (ลิขสิทธิ์ สนพ.มายดรีม)
เรื่องย่อ พระอาทิตย์ขึ้นในคืนหนาว

เป็นเรื่องราว ของ มาลี สาวน้อยวัย 20 ปี ลูกกำพร้าพ่อซึ่งเสียชีวิตเพราะโรคมะเร็ง มาลี กับแม่และน้องชาย มารุต อาศัอยู่กับญาติห่าง ๆ ข้างพ่อ ซึ่งทำรีสอร์ตและการท่องเที่ยงท้องถิ่นอยู่ที่อุ้มผาง..

วันหนึ่ง กลยุทธและคณะไปเที่ยวล่องแก่งน้ำตกทีลอซู แล้ว เขาชอบมาลีจึงสานความสัมพันธ์ ส่วนมาลีนั้น เจอลูกทัวร์จีบจนชาชิน แต่กลยุทธก็ทำให้มาลีหวั่นใจอยู่ไม่น้อย..

หลังจากคณะของกลยุทธกลับไป..ทางป้า ก็บีบบังคับให้มาลีไปเรียนต่อกรุงเทพฯ พักอยู่กับนันทาลูกสาว เพราะว่าต้องการให้อนันต์ลูกชายของตัวเองแต่งงานกับคนที่รวยกว่า..

มาลีมาอยู่กรุงเทพฯ โดยที่ชัชชัย เพื่อนของนันทา ซึ่งเคยไปหาข้อมูลเขียนหนังสือมารับที่แม่สอด(ชัชชัยอ้างว่ามาธุระแถวนั้นพอดี)..มาลีกับชัชชัยนั้นเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมา เพราะตอนที่ชัชชัยมาอยู่อุ้มผางเพื่อหาข้อมูลเขียนสารคดี ตามคำแนะนำของ นันทา (ชัชชัยเป็นเพื่อนกับนันทา) มาลีแกล้งชัชชัยเพราะว่าไม่ชอบผู้ชายไว้ผมยาวกับปากไม่ค่อยดี..

ที่บ้านทาวเฮ้าส์ของนันทานั้นอยู่หมู่บ้านเดียวกับกลยุทธที่มีน้องสาวชื่อกุลกัญญา และช่วงที่ยังไม่ได้เข้าเรียน ต่อที่รามคำแหงมาลีก็ได้คำแนะนำจากศรีวรรณเพื่อนข้างบ้านของนันทาให้ให้ไปทำงานฆ่าเวลาเป็นแม่บ้านบนตึกสูงกลางเมือง มาลีที่อยู่กับนันทาแบบคนใช้ (นันทากดไว้เพราะมาลีมาด้วยทุนของแม่) ที่คิดเบื่อบ้านจึงไปทำงานตามคำแนะนำของศรีวรรณ

และบนตึกสูงนั้น มาลีก็ได้รู้ว่าเธอทำงานในตำแหน่งแม่บ้านซึ่งมีกลยุทธทำงานที่นั่นด้วย และมาลีก็ได้รู้จักสังคมรอบ ๆ ตัวของกลยุทธมากขึ้น มาลีรู้ว่ากลยุทธเป็นที่หมายปรองของรมมณีย์ลูกสาวของเจ้าของประธาน
บริษัทฯ

กลยุทธนั้นอึดอัดกับความรักที่รมณีย์มีให้ เพราะเขาทนกับปากของเพื่อนร่วมงานไม่ได้ เขาสานความสัมพันธ์กับมาลีมากขึ้น จนกระทั่งรมณีย์ที่เป็นเพื่อนกับชัชชัย ต้องดึงชัชชัยมาช่วยทำให้มาลีกับกลยุทธเข้าใจผิดกัน...

ชัชชัยนั้นชอบมาลีเป็นอย่างมาก เขาพยายามเอาอกเอาใจมาลีสารพัด แต่มาลีคิดว่า ชัชชัยนั้นเป็นคู่รักของนันทา ทำให้มาลีไม่เปิดใจให้ชัยชัย..

และมาลีจะเลือกใครระหว่างกลยุทธกับชัชชัย..

Tags: รักสามเส้า เราสามคน

ตอน: 39.“ผมสงสารเขาจังเลย”

39.

ทุกข์ใจกับเรื่องเงินๆ ทองพอว่า ยิ่งมาเห็นภาพบาดตาตำใจกลยุทธก็ยิ่งหงุดหงิด แต่เมื่อเขาเดินไปถึงแล้วมารยาททางสังคมจึงต้องหยิบออกมาใช้ อย่างน้อยทั้งมาลีและชัชชัยก็มาอยู่ตรงนี้เพื่อให้เขาอุ่นใจ อุ่นใจว่าหากกุลจากไป เขาจะไม่อ้างว้างเดียวดายเช่นที่ผ่านมา

“คุณยุทธผมมีเรื่องอยากคุยด้วย”

ชัชชัยวางขวดน้ำลง มาลีเปิดน้ำอีกขวดแล้วยื่นให้กลยุทธที่นั่งถัดจากชัชชัยไป

“ผมไม่รู้ตื้นลึกหนาบางเรื่องเงินทองของคุณหรอกนะครับ แต่กุลเจ็บปวดแบบนี้มานาน ผมเดาว่าคงเสียเงินไปเยอะแล้ว และครั้งนี้คงเป็นเงินจำนวนไม่น้อย”

กลยุทธนิ่งฟังเรื่องที่ตนกำลังทุกข์ใจ เงินเป็นแสนเขาจะหาได้รวดเร็วจากที่ไหน นอกจากขายหรือนำรถยนต์ไปเข้าบริษัทเงินด่วน

“ครับ” เขารับความจริงด้วยหน้าเศร้าๆ ถ้าเขาเต็มใจให้ชัชชัยช่วยเหลือ ก็เท่ากับว่าต่อไปเขาจะไม่สามารถเป็นคู่แข่งกับชัชชัยเรื่องของมาลีไปด้วย แต่ตอนนี้กุลกัญญาสำคัญที่สุด ใจของกลยุทธจะขาดลงเสียให้ได้

“กุลมีรายได้เป็นของตัวเองแล้วนะครับ เรื่องของกุลมีประมาณ400 หน้าเอสี่ ถ้าลงจนครบจะได้เงินเหยียบแสน ไหนจะค่าลิขสิทธิ์ตอนพิมพ์รวมเล่มอีก”

เมื่อได้ยินเขาพูดอย่างนั้น กลยุทธหันมามองหน้าชัชชัยแล้วยิ้มออกมาทั้งน้ำตา มาลีเองก็ยิ้มทั้งน้ำตาให้กับเขาและกุลกัญญาเช่นกัน

“ผมจะคุยกับคุณแม่ให้ครับ มันเป็นเงินของอนาคต แต่เราช่วยกันได้ครับ”

“ขอบคุณคุณมากๆ นะครับ ขอบคุณจริงๆ” กลยุทธยกมือพนมแต่ชัชชัยรีบรวบไว้แล้วกดลงไป

“ต้องขอบคุณมาลีครับ เขาพูดขึ้นมาเลยทำให้ผมนึกขึ้นมาได้”

เมื่อเขาโยนความดีมาให้ มาลีจึงรีบหันหน้าไปทางอื่นเสีย จะชมเขาก็ได้ แต่เธอคิดว่าเขาเป็นสุภาพบุรุษโดยที่ไม่ต้องสรรเสริญใดๆ



ด้วยอยู่ในห้องฉุกเฉินจึงไม่มีที่นอนเฝ้าคนป่วย มาลีกับชัชชัยขอตัวกลับบ้านไปแล้ว แต่กลยุทธยังนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น เขานั่งคนเดียวแบบนี้มากี่ครั้งกี่หน คราวที่กุลกัญญาโชคดีได้เปลี่ยนไตเร็วกว่ากำหนด เขาก็นั่งกระวนกระวายอยู่ตรงนี้ จนถึงวันนี้อุ่นใจได้ว่า กุลกัญญามีเพื่อนแท้ๆ สักคน แค่นี้เขาก็เป็นสุขแทนน้องสาว

“คุณยุทธ”

ร่างแบบบางของรมณีย์มาหยุดลงข้างๆ มือของหญิงสาวพาดอยู่ที่หัวไหล่อย่างไม่ได้นึกขวยเขิน

“มีอะไร ทำไม ไม่เอ่ยปากบอกกัน” น้ำเสียงของรมณีย์ดูน้อยอกน้อยใจ กลยุทธถอนหายใจออกมา เอ่ยออกไปได้หรือ เขาเป็นผู้ชาย ควรหรือที่จะคบหากับผู้หญิงสักคนเพราะผลประโยชน์

เมื่อนั่งลงเคียงกัน มือเรียวๆ ทั้งสองข้างของรมณีย์เคลื่อนมาประกบใบหน้าของเขาไว้ เขาเงยหน้าขึ้น ตาสองคู่ประสานกัน

“เราเป็นคนคนเดียวกันแล้วนะคะ คุณทุกข์ รมมี่ก็ทุกข์ด้วย”

“ผมมีค่าพอให้คุณทุกข์ด้วย” เขาพูดไม่ทันจบประโยค รมณีย์ก็โน้ม ริมฝีปากเข้าหาเรียวปากได้รูปของเขา

“คุณมีค่าสำหรับรมมี่นะคะ คุณยุทธมีค่าพอที่จะทำให้ฉันเสียสละผลประโยชน์ทางอื่นมากมายทีเดียว”

กลยุทธรู้ว่าทางคุณพ่อของหญิงสาวนั้นแม้ไม่รังเกียจเขา แต่ก็ไม่ปลื้มนักหากจะได้เขาไปเป็นลูกเขยแทนบรรดาลูกเศรษฐีด้วยกัน ริมฝีปากของรมณีย์ยังอ้อยอิ่งอยู่กับปากได้รูปของชายหนุ่ม จนกระทั่งมีคนกำลังจะเดินผ่านมากลยุทธจึงผงะออก

“ทำเรื่องย้ายโรงพยาบาลเถอะค่ะ ที่นี่หมอไม่เก่ง จ่ายเท่าไหร่รมมี่จะช่วยคุณเอง”

“คุณรมณีย์ครับ ผม”

“อย่าปฏิเสธฉันเลยนะคะยุทธ ชีวิตกุลเราช้าไม่ได้นะคะ เมื่อกี้รมมี่แวะคุยกับคุณหมอแล้วค่ะ รมมี่ว่าดูใจเย็นเกินไป รมมี่ก็เลยโทรปรึกษาเพื่อนหมอที่รู้จักกัน ทำเรื่องย้ายเถอะค่ะ รมมี่จะติดต่อโรงพยาบาลอีกแห่งให้”

กลยุทธเริ่มคิดหนัก ที่นี่ก็ถือว่าหนักแล้วสำหรับเขา ถ้าย้ายโรงพยาบาลไปอีกแห่ง

“นะคะ ถึงคุณไม่เห็นแก่รมมี่ ไม่เห็นแก่ความรักของรมมี่ ก็ให้เห็นแก่กุลนะคะ”

เมื่อได้ยินประโยคน้อยเนื้อต่ำใจนั้น กลยุทธจึงมองหน้าของรมณีย์จนเต็มๆ ตา ที่ผ่านมาเขาวางตัวอย่างไรถึงทำให้เธอคิดว่าเขาไม่มีใจให้สักนิด


“คุณยุทธมีอะไรหรือคะ”

“ผมย้ายกุลไปอีกโรงพยาบาลนะครับ”

“อ้าว แล้วทางนี้”

“คุณรมณีย์เขาบอกว่าอาการของกุลดูแย่ลง ที่โน่นหมอเก่งกว่า ก็เลยเป็นธุระจัดการให้”

“ฉันกำลังจะออกจากหอไปหาพอดี แล้วทำอย่างไรคะ คืนนี้คุณจะเฝ้ากุลไหม หรือจะให้ฉันไปช่วย”

“ผมอยากอยู่กับกุลจนกว่าเขาจะหายเหมือนทุกๆ ครั้ง” พูดแค่นั้นดวงตาเขาก็ชื้นขึ้นมา ทำไมนะ ทำไมเขาสามารถอ่อนแอต่อหน้ามาลีได้

“ฉันขอไปอยู่เป็นเพื่อนนะคะ”

เมื่อวางโทรศัพท์ลงแล้วมาลีนึกถึงไอ้นิว หญิงสาวโทรศัพท์ออกไปอีกรอบ เสียงผู้หญิงรับสาย มีการแย่งโทรศัพท์กัน มีเสียงต่อว่าต่อขาน มาลีตัดสินใจกดตัดสัญญาณ หากกุลกัญญาได้ยินเสียงเหล่านี้เอง กุลกัญญาคงจะยิ่งบอบช้ำ

แต่อย่างไรกุลกัญญาก็รู้แล้วว่า ความสุขและความเจ็บปวดจากความรักเป็นอย่างไร คิดถึงหัวอกลูกผู้หญิงด้วยกัน แค่นั้นมาลีก็มีน้ำตาเพราะปลดปลง จะมีผู้ชายสักกี่คนที่รักเดียวใจเดียว

เมื่อเดินลงจากบันได มาลีก็ได้รับโทรศัพท์อีกรอบ

“รมณีย์โทรบอกว่าทำเรื่องย้ายกุลไปอีกโรงพยาบาล แล้วทางรมมี่เขาจะเป็นธุระเรื่องเงินทั้งหมด คุณทำอะไรอยู่”

“ฉันคิดว่าจะไปอยู่เป็นเพื่อนคุณยุทธ คุณไม่ว่านะคะ”

“งั้นผมก็เดาถูกนะซิ ผมถึงบ้านอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและก็ขับรถออกมาแล้ว ใกล้ถึงหน้ารามแล้วครับ มาลีรออยู่ที่หน้าถนนได้เลยนะ”

“คุณชัช” มาลีทำเสียงซาบซึ้ง

“ผมก็รู้จักกุลเหมือนกันนะครับ คุณยุทธเขาก็คนดี รมณีย์ก็เพื่อนผม คุณก็คนรักของผม แล้วทำไมผมจะลำบากด้วยไม่ได้”

“เน่าสนิท” มาลีมีแก่ใจพูดเล่น เขาหัวเราะ



เพื่อนแท้พิสูจน์ได้ในยามยาก เย็นวันถัดมาหลังจากที่คนในบริษัทรู้ว่ากลยุทธลาหยุดงานไปเพราะอะไร ต่างพากันมาเยี่ยมไข้กุลกัญญา บ้างมาไม่ได้ก็ฝากของกิน ขนมและช่อดอกไม้มาเป็นกำลังใจ

“นกรู้ไง เอาหน้าไว้ก่อน ว่าที่สามีจีเอ็มแล้วจะเป็นอะไรล่ะ”

เมื่อคนชอบเอาหน้ากลับไปกันแล้ว สมศักดิ์กระซิบกับสุชินให้กลยุทธได้ยิน

“คุณก็ดีแต่มองโลกในแง่ร้าย” วรรณาว่าพลางปอกแอปเปิ้ลไปด้วย

“หัดคิดไปทางเดียวกันซิครับ จะได้ลงตัวกันโดยเร็ว”

สุชินหยอกคืนช่วยสมศักดิ์ วรรณาเบ้หน้า ก่อนจะหันไปหาอรชุมาที่นั่งน้ำตาคลอ

“คุณอ๋อทานผลไม้ค่ะ”

วรรณาเลื่อนจานผลไม้มาให้ กลยุทธที่นั่งอยู่ข้างๆ เลื่อนจานมาให้อรชุมาตามมารยาท อรชุมากล่าวคำว่าขอบคุณ แล้วนั่งมองจานผลไม้ที่ปอกเรียงอย่างสวยงามอยู่อย่างนั้น

“กินอะไรบ้างนะครับ เดี๋ยวจะเป็นอะไรไปอีกคน”

สมศักดิ์พูดเสียงดังๆ ตามมาสมทบ ด้วยเห็นว่าทุกๆ คนหวังดี อรชุมาจึงใช้ส้อมจิ้มชิ้นแอปเปิ้ลแล้วส่งเข้าปากเคี้ยว แต่พอเคี้ยวไปยังไม่ทันหมดคำ น้ำตาของเจ้าหล่อนก็ค่อยๆ ทะลักออกมา

“อ๋อ” วรรณารีบวางมือจากผลไม้ที่กำลังปอกแล้วรีบลงมานั่งกุมมือหญิงสาวไว้

“ไม่มีอะไรคะ ไม่มีอะไร อ๋อ จะไม่อ่อนแออีก คุณยุทธคะ อ๋อกลับก่อนนะคะ ภาวนาช่วยให้น้องกุลหายเร็วๆ” ว่าแล้วอรชุมาก็คว้ากระเป๋าสะพายแล้วลุกขึ้น

“ให้ไอ้ชินไปส่งแล้วกันนะครับ” สมศักดิ์ช่วยเพื่อนเต็มที่ อรชุมาเปิดประตู สุชินรีบก้าวตามไป

“อย่าดีกว่าค่ะ ฉันกลับรถเมล์ได้”

“ให้มันไปเถอะครับคุณอ๋อ อยู่ก็ไม่มีประโยชน์อะไรแถวนี้”

สมศักดิ์คะยั้นคะยอด้วยรู้ว่า สุชินนั้นเขินที่จะเป็นฝ่ายเสนอตัวเข้าไปดามหัวใจคนที่เคยได้ชื่อว่าเป็นเพื่อน

อรชุมาไม่ตอบว่าอะไร สุชินจึงดึงประตูไว้เพื่อจะก้าวตามไป

“กลับก่อนนะยุทธมีอะไรโทรหาได้ตลอดเวลานะโว้ย เอาใจช่วยนะ เข้มแข็งนะเพื่อน ไปล่ะ”

“โชคดี” กลยุทธยิ้มนิดๆ ให้ แล้วล้มตัวลงพิงโซฟา ก่อนจะถอนหายใจออกมา

“คุณอ๋อร้องไห้ทำไม” สมศักดิ์ยังสงสัย วรรณามองหน้าแล้วตอบออกไปตามความคาดเดา

“คงเคยปอกผลไม้ให้คุณเอกชัยกินมั้ง คงป้อนกันแหละถึงเก็บเอามาตอกย้ำใจตัวเอง”

“แล้วคุณวรรณาเคยมีภาพเจ็บช้ำย้ำๆ แบบนี้บ้างไหม”

สมศักดิ์หยอกคืน วรรณาเบ้หน้าเข้าใส่แล้วหันกลับมาสนใจกับเรื่องที่สงสัย เพราะคราวนี้กุลกัญญาพักรักษาตัวถึงในห้องวีไอพีของโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่

“คุณยุทธเอาเงินที่ไหนจ่ายค่ารักษา”

“มันมีแล้วกันน่า ไอ้ยุทธมันไม่ปล่อยให้กุลตายง่ายๆ หรอก”

สมศักดิ์พอรู้ความจริงมาบ้างแล้วว่า คุณรมณีย์เป็นคนยื่นมือมาช่วยในเรื่องนี้ หากแต่มันออกมาจากปากกลยุทธก็คงไม่ดีนัก

ทั้งสามคนนั่งทานผลไม้เงียบๆ โดยสายตาของกลยุทธนั่งมองผ่านกระจกไปยังร่างของกุลกัญญาที่ยังหลับใหล หากกุลไม่ได้กลับบ้านเขาจะทำอย่างไร


แล้ววันถัดมา ขณะที่เขาเปลี่ยนให้มาลีอยู่เฝ้า แล้วตนเองกลับบ้านไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า มาลีก็โทรตามไปด้วยน้ำเสียงตกอกตกใจ

“รีบมาเร็วๆ นะคะหมอบอกว่ากุลแย่กว่าที่คิด”

กว่าที่คิด เชื้อกระจายเข้าสู่กระแสเลือด กลยุทธรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วขณะยืนหวีผมอยู่ตรงโต๊ะเครื่องแป้ง อารามรีบร้อนเมื่อวางหวีมือของเขาก็ถูกขวดน้ำหอมร่วงลงมาแตกกระจาย ใจของเขาหายวาบ

กลยุทธรีบออกจากห้องปิดประตูวิ่งลงบันได เสียงตึงๆ ที่ดังตามมาคล้ายเป็นเสียงเร่งเร้าให้เขารีบก้าวโดยไว ยิ่งรีบก็ยิ่งติดขัด เขาหากุญแจบ้านไม่เจอ เคยวางไว้บนโต๊ะเมื่อไขเข้ามา ก็กลับไม่มี เขาวิ่งกลับไปบนบ้านอีกรอบ

กลิ่นน้ำหอมคละคลุ้ง กุญแจวางอยู่บนเตียง เขาคงถือติดมือขึ้นมา และแวบนั้นเขารู้สึกว่า กุลกัญญานอนยิ้มอยู่บนเตียงแล้วร้องเรียกชื่อของเขา

กลยุทธขยี้ตาแล้ววิ่งลงจากบ้าน ปิดประตูบ้าน ออกไปนอกรั้วล็อกกุญแจ รีบขึ้นรถแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว แต่ถึงกระนั้นเขาก็รู้สึกว่ามันช้าเหลือเกิน

“ถึงไหนแล้ว”

มาลียังคงโทรตามเสียงสั่นเครือ เจ้าหล่อนคงตื่นเต้น หมอคงเข้ามารุมล้อมที่เตียงคนป่วย มาลีคงถูกกันให้ออกมาข้างนอก มันเป็นช่วงชุลมุนที่เขาเคยประสบยามพ่อกับแม่จะจากลา เมื่อนึกถึงตรงนี้มือไม้ของกลยุทธอ่อนแรงขึ้น หากวันนี้ไม่มีกุลกัญญาอีกคน เขาจะเหลือใครเป็นเพื่อน

เมื่อวางสายจากกลยุทธแล้วมาลีโทรหานิวัฒน์อีกรอบ คราวนี้มันบอกว่ากำลังจะไปที่โรงพยาบาล เพราะหลับไปแล้วฝันว่ากุลกัญญาส่งข้อความมาหา กุลกัญญาส่งมาหาว่า ‘คิดถึง’

เมื่อนิวัฒน์มาถึง มันก็รีบเดินเร็วๆ มายังหน้าห้องคนป่วย มาลีอยากจะฟาดมันสักที แต่อีกใจ กุลกัญญาคงอยากพบมันเป็นครั้งสุดท้าย กลยุทธวิ่งมาถึงด้วยสีหน้าตื่นตระหนก

เมื่อทีมแพทย์รู้ว่าญาติของคนป่วยมาแล้ว การอนุญาตให้ร่ำลากันเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะเปลี่ยนเครื่องช่วยหายใจเป็นแบบใส่ท่อที่หลอดลมจะเกิดขึ้น

กลยุทธ มาลี และนิวัฒน์ ก้าวเข้าห้องผู้ป่วยไปพร้อมกัน คนป่วยเผยอปากอย่างอ่อนแรง หมอจึงอนุญาตให้ปลดเครื่องช่วยหายใจ แล้วเสียงแหบแห้งเหนื่อยล้าของกุลกัญญา ก็ทำให้มาลีรีบไปแอบข้างหลัง กลยุทธแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้น
เมื่อเห็นสภาพของกุลกัญญาเพราะตนเองเป็นต้นเหตุ นิวัฒน์ก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว

“กุล นิวขอโทษ”

“กุล เข้มแข็งไว้นะกุล” เสียงของกลยุทธสั่นเครือ

“พี่ยุทธ กุล ขอบคุณ กุลขอโทษ”

“ไม่ กุล ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น หมอ กุลยังอยู่ได้ใช่ไหมครับ”

กลยุทธจับมือของกุลกัญญาที่บีบมือเขาไว้จนแน่น หมอยิ้มให้แต่ดวงตานั้นหม่นเศร้า กุลกัญญาไอหนักขึ้น กลยุทธก้มลงกอดที่ทรวงอก “กุล กุล อย่าจากพี่ไปนะ แล้วพี่จะอยู่กับใคร กุล”

“เลือก-คน-ที่-เขา-รัก-พี่-นะคะ...มาลี กุล-ฝาก-พี่-ยุทธ-ด้วย”

“กุล กุล” นิวัฒน์ผละมาหาที่ใบหน้าของกุลกัญญาที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาบ้าง “นิวรักกุลนะ นิวไม่คิดว่าเวลาของเราจะมีน้อยแค่นี้” พูดจบ นิวัฒน์ก็ก้มลงไปจูบเบาๆ ที่หน้าผากของกุลกัญญา หญิงสาวยิ้มก่อนที่เปลือกตาจะปิดลง

“พ่อครับแม่ครับมารับกุลไปอยู่ด้วยนะ” พูดได้เพียงแค่นั้นแล้วกลยุทธก็ทรุดฮวบลงไป

กุลกัญญาอยู่ในอาการโคม่าอีกสามวัน ยาที่ดีที่สุดก็ไม่สามารถรั้งชีวิตของหญิงสาวไว้ได้

คนเรามีความตายเป็นธรรม ไม่สามารถล่วงพ้นความตายไปได้



ในงานศพของกุลกัญญาที่ตั้งสวดสามคืน มีเพื่อนร่วมงาน ของกลยุทธเป็นส่วนใหญ่ที่มาร่วมฟังสวดพระอภิธรรม ดังนั้นใครๆ ต่างก็พูดถึงคนที่มาร่วมงานเพียงคืนเดียวในนามบริษัทแล้วหายตัวไปอย่างรมณีย์ กลยุทธเข้าใจว่าเธอหายไปไหน หญิงสาวไม่อยากไปพบลูกค้าที่อเมริกาด้วยอยากอยู่เป็นเพื่อนเขาตลอดเวลา เขาเองต่างหากที่ต้องขอร้องให้เจ้าหล่อนทำเพื่อบริษัทมากกว่าเรื่องส่วนตัว

คืนแรกที่กุลกัญญาเสียชีวิตไป รมณีย์ยังคงแวะไปหาเขาที่บ้าน แต่คืนนั้นเขาไม่มีอารมณ์ตอบสนองความต้องการของหญิงสาว ความหม่นเศร้ากลายเป็นผลักไส กลยุทธแน่ใจว่าเธอเองก็โมโหที่เขาทำเป็นใจไม้ไส้ระกำกับอารมณ์พิศวาสนั่น การขอร้องให้ไปต่างประเทศเป็นอีกชนวน ที่คุณรมณีย์ถืออ้างว่าเขาต้องการอยู่ใกล้ๆ กับมาลีในงานของน้องสาว หลังจากมีอะไรกันแล้ว อารมณ์หึงหวงของรมณีย์มีมากขึ้น

นั่นคือผู้หญิง ต้องการครอบครองเป็นเจ้าของทั้งตัวและหัวใจ

ค่ำคืนอันแสนเจ็บปวดผ่านไปอย่างยากเย็น กลยุทธยังจำวันที่แม่เสียชีวิต วันนั้นบ้านเย็นยะเยือกแต่ เขายังมีพ่อและกุลกัญญา ตอนพ่อเสีย เขาก็ยังมีกุลกัญญาเป็นเพื่อนร้องไห้ แต่วันนี้ รูปถ่ายของกุลกัญญาจากสตูดิโอคล้ายปลอบประโลม เมื่อเดินเข้าไปในห้องของกุลกัญญา น้ำตาก็ไหลออกมาอย่างสุดระงับ
ไม่มีกุลกัญญาแล้วเขาจะอยู่อย่างไร

กลยุทธนึกถึงมาลี แต่ความดีและน้ำใจของชัชชัยที่มอบให้เขาก็มากมายเสียเหลือเกิน ตั้งแต่กุลกัญญาสิ้นชีวิตลง ตัวเขาเองความคิดอ่านหดหาย ทั้งชัชชัยและมาลีวิ่งเต้น จนกระทั่งศพของกุลกัญญาไปตั้งอยู่ในวัด จัดแจงเป็นแม่งานโดยสำรองเงินก่อนทุกบาททุกสตางค์

เขาไม่ได้เสียแค่กุลกัญญา แต่เขาเสียมาลีไปด้วย

กลยุทธล้มตัวลงนอนบนเตียงของกุลกัญญาที่อวลไปด้วยกลิ่นหอม มีสายของมาลีที่เรียกเข้ามา ขาเอื้อมมือปิดโทรศัพท์ รู้ว่ามาลีห่วงยเขาแบบพี่ชายกับน้องสาว แต่เขาไม่ต้องการตำแหน่งนั้น


มาลีระบายลมหายใจออกมาเมื่อรู้ว่าสัญญาณถูกตัดทิ้ง

“ฉันห่วงคุณยุทธ” มาลีบอกคนที่นั่งทานข้าวผัดด้วยกันอยู่ในร้านริมถนนในซอย

“จะไปหาเขาที่บ้านไหม คืนนี้คงผ่านไปอย่างยากเย็นทีเดียว”

“น่าจะไปนะ ไหนๆ เราก็เป็นเพื่อนเขามาแต่แรก ก็น่าจะเป็นเพื่อนกันให้ถึงที่สุด”

“ผมสงสารเขาจังเลย”

“ฉันก็สงสารเขา”

“แต่ผมก็เสียคุณให้เขาไม่ได้” ชัชชัยพูดพลางดูดน้ำอัดลมด้วยทีท่าสบายๆ มาลีจึงหยิกให้

“หวานได้ทุกเวลานะคุณ ถามจริงๆ เถอะ เคยมีแฟนไหมเนี่ย”

“ถ้าบอกว่าไม่เคยจะเชื่อไหมล่ะ”

“เชื่อก็บ้าแล้ว”

“ถามรมณีย์ได้เลยนะ รู้จักกันมานาน ฝรั่งผมทองติดผมตรึม แต่ผมชอบคนผมดำตาดำหน้าขาวๆ ท่าทางคล่องแคล่ว ขยัน ปากเก่ง แล้วก็ขี้งกด้วย”

“ไปเถอะ ห่วงคุณยุทธ ไม่รู้ทานข้าวเย็นหรือยัง ไปๆ กัน”

มาลีลุกขึ้นพลางดึงแขนของชัชชัยให้ลุกขึ้นตาม


เมื่อถึงหน้าบ้านของกลยุทธ ไม่มีรถยนต์จอดอยู่ มาลีมีสีหน้าแปลกใจ“เขาไม่อยู่บ้าน หายไปไหน”

มาลีกดโทรศัพท์อีกรอบ ไม่มีสัญญาณตอบรับ ด้วยวันนี้เป็นคืนวันพฤหัสบดี พรุ่งนี้เป็นวันศุกร์ มาลีมั่นใจว่าอย่างไรเขาจะต้องกลับมาทำงานวันจันทร์ แต่สามวันนี้เขาจะไปอยู่ตรงไหน มาลีตัดสินใจโทรหาวรรณา ปลายสายบอกว่า ไม่ได้นัดหมายกันไปไหน มาลีขอเบอร์สมศักดิ์มาโทรหา ซึ่งทางนั้นก็บอกว่า ไม่ได้นัดหมายอะไรกัน
มาลีกลับมานั่งหน้ารถชัชชัยด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก

“พรุ่งนี้เช้าถ้าเขาไม่กลับบ้านแสดงว่า เขาจงใจปิดตัวเอง”

“ไปบวชหรือเปล่านะ” ชัชชัยเปรยออกมาเบาๆ

“โทรหาคุณรมณีย์หน่อยซิ เผื่อออกไปด้วยกัน”

“ไม่รู้กลับมาจากต่างประเทศหรือยัง”

“ลองโทรหน่อยนะ เป็นห่วงเขาจริงๆ”

“แค่เป็นห่วงนะ แต่ผมน่ะหวงคุณมากๆ”

พูดจบชัชชัยก็กดโทรศัพท์โทรหารมณีย์ ปลายสายมีน้ำเสียงสดชื่นเมื่อได้ยินเสียงชัชชัย

“คุณยุทธอยู่กับรมมี่หรือเปล่า”

“ไม่ได้อยู่ ทำไมเหรอ” ชัชชัยเล่าความจริงตรงหน้า ปลายสายมีน้ำเสียงเป็นห่วงด้วยเช่นกัน

“เขาไปไหนของเขานะ”

“เป็นแฟนเขาไม่รู้ใจเขาเลยหรือ” ชัชชัยแกล้งถามออกไป

“ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลยชัช ใครจะคิดว่ารมณีย์คนนี้สิ้นสติไปแล้ว”

น้ำเสียงของหญิงสาวประชดประชัน ชัชชัยวางโทรศัพท์ลงแล้วถอนหายใจออกมา


ค่ำคืนวันเสาร์มาลีนอนไม่หลับ เพราะนิวัฒน์โทรมาหาแล้วบอกว่าฝันเห็นกุลกัญญามีสีหน้าหม่นเศร้า มาลีไม่รู้ว่ากุลกัญญาตายไปด้วยจิตดวงไหน ความเศร้าโศกเสียใจความเจ็บช้ำจากคนที่ตนเองหลงรัก หรือว่าโรคร้ายที่คุกคาม แล้วหลังเที่ยงคืนโทรศัพท์ของมาลีก็ดังขึ้นอีกรอบ

“พี่ศรีวรรณมีอะไรหรือคะ”

“มาลี พี่เจอคุณยุทธเมาอยู่ที่บังกะโลที่บางแสนนี่เอง ทำไงดีล่ะ บังเอิญพี่พาลูกๆ มาเที่ยวทะเลแล้วได้ห้องติดกัน เนื้อตัวมอมแมมขวดเบียร์เกลื่อนห้องไปหมดเลย”

“พี่ดูเขาเอาบุญหน่อยนะคะ เดี๋ยวมาลีโทรปรึกษาคุณศักดิ์คุณวรรณเขาก่อน”
และเพื่อนแท้ก็สามารถพิสูจน์ได้ในยามยาก สองชั่วโมงถัดมา ที่หน้าหอพักของมาลี รถของสมศักดิ์มาจอดนิ่ง เมื่อเปิดประตูเข้าไป มาลีพบว่าสุชินกับวรรณาที่หน้าตามัวขี้ตาคล้ายถูกอุ้มมาจากที่นอนอีกคน มาลีรีบขึ้นนั่งที่ด้านหลังพร้อมกับเสียงเปรยเบาๆ ของสุชินที่ว่า

“คงทำกรรมร่วมกันมาแหละมาลีเอ๊ย”

เมื่อไปถึงบางแสน เป็นเวลาเกือบตีห้า บังกะโลหลังเล็กที่พี่ศรีวรรณพักอยู่กับสามีและลูกๆ เปิดไฟสว่างไสว “มาก็ดีแล้วไปดูหน่อยนอน เพ้ออยู่คนเดียว”
สมศักดิ์ สุชิน และวรรณารีบเดินไปยังทิศทางที่พี่ศรีวรรณบุ้ยใบ้ไปหา ส่วนมาลีพี่ศรีวรรณดึงมาอีกทาง “คุณยุทธว่าเขาไม่เหลือใครเลยแม้แต่มาลี”

เมื่อได้ยินมาลีมีสีหน้าหม่นลง “เพราะมาลีด้วยหรือคะพี่ มาลีทำให้เขาเป็นอย่างนี้ด้วยใช่ไหม”

“เพราะฉะนั้นพี่ถึงไม่อยากให้มาลีได้ยินกับหูตัวเอง คนเมาไม่โกหกนะมาลี ถามใจตัวเองแล้วกันว่าหวั่นไหวไหม พี่เป็นคนกลาง พี่รู้พี่เห็นว่าคุณชัชชัยเธอเป็นอย่างไร คุณยุทธเธอเป็นอย่างไร ตอนนี้พี่ไม่เชียร์ใครนะ แล้วแต่มาลีจะตัดสินใจแล้วกัน”
พี่ศรีวรรณเดินกลับเข้าห้องพักไปแล้ว มาลียังคงนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น อึดใจใหญ่ๆ วรรณาก็เดินออกจากห้องพักของกลยุทธมาหา สีหน้าของหญิงสาวหม่นเศร้าอย่างเห็นได้ชัด “ทำไมไม่เข้าไปล่ะมาลี”

มาลีก้มหน้านิ่ง

“คุณยุทธต้องการมาลีนะ” คนพูดมีน้ำเสียงเครือ แล้วก็แสร้งข่มสะอื้นเป็นเสียงหัวเราะ “พี่ไม่เคยเข้าไปถึงหัวใจเขาได้เลยนะ ไม่ว่าพี่จะทำดีแค่ไหน เขาก็เห็นพี่เป็นคนอื่นอยู่ดี”

มาลีไม่รู้จะกล่าวสิ่งใดออกไปปลอบประโลม ด้วยพอเข้าใจว่า บางทีความรักมันก็เกิดขึ้นมาเอง ไม่มีเหตุผลไม่มีข้อแม้ ไม่มีความหวาดกลัวต่ออุปสรรค แล้วเธอล่ะ จะปัดรักครั้งนี้ของเขาออกไปอย่างไร?




จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 พ.ย. 2555, 10:29:47 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 พ.ย. 2555, 09:55:25 น.

จำนวนการเข้าชม : 1666





<< 38.เรื่องฐานะ มันมีผลกับเรื่องของหัวใจ พอๆ กับเรื่องเพศทีเดียว   40.1“แต่เราคนบ้านเดียวกันนะมาลี” >>
จุฬามณีเฟื่องนคร 9 พ.ย. 2555, 10:30:08 น.
ขอบคุณจากทุก ๆ แรงใจนะครับ


mottanoy 9 พ.ย. 2555, 11:22:34 น.
เศร้า


innam 9 พ.ย. 2555, 14:15:06 น.
บีบคั้นอารมณ์มากไปแล้ว
ไม่รู้ทางออกอะ


ปอยอะนะ 9 พ.ย. 2555, 18:52:35 น.


Orathai 9 พ.ย. 2555, 19:41:10 น.
สงสารกุลกัญญาจัง...คนเขียนทำให้เราสองจิตสองใจว่าจะเชียร์ใครดี กลยุทธก็น่าสงสาร ชัชชัยก็น่ารัก ให้มาลียึดมั่นความตั้งใจเดิมนะดีแล้ว เรียนจบค่อยว่ากัน


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account