พระอาทิตย์ขึ้นในคืนหนาว # จุฬามณี (ลิขสิทธิ์ สนพ.มายดรีม)
เรื่องย่อ พระอาทิตย์ขึ้นในคืนหนาว

เป็นเรื่องราว ของ มาลี สาวน้อยวัย 20 ปี ลูกกำพร้าพ่อซึ่งเสียชีวิตเพราะโรคมะเร็ง มาลี กับแม่และน้องชาย มารุต อาศัอยู่กับญาติห่าง ๆ ข้างพ่อ ซึ่งทำรีสอร์ตและการท่องเที่ยงท้องถิ่นอยู่ที่อุ้มผาง..

วันหนึ่ง กลยุทธและคณะไปเที่ยวล่องแก่งน้ำตกทีลอซู แล้ว เขาชอบมาลีจึงสานความสัมพันธ์ ส่วนมาลีนั้น เจอลูกทัวร์จีบจนชาชิน แต่กลยุทธก็ทำให้มาลีหวั่นใจอยู่ไม่น้อย..

หลังจากคณะของกลยุทธกลับไป..ทางป้า ก็บีบบังคับให้มาลีไปเรียนต่อกรุงเทพฯ พักอยู่กับนันทาลูกสาว เพราะว่าต้องการให้อนันต์ลูกชายของตัวเองแต่งงานกับคนที่รวยกว่า..

มาลีมาอยู่กรุงเทพฯ โดยที่ชัชชัย เพื่อนของนันทา ซึ่งเคยไปหาข้อมูลเขียนหนังสือมารับที่แม่สอด(ชัชชัยอ้างว่ามาธุระแถวนั้นพอดี)..มาลีกับชัชชัยนั้นเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมา เพราะตอนที่ชัชชัยมาอยู่อุ้มผางเพื่อหาข้อมูลเขียนสารคดี ตามคำแนะนำของ นันทา (ชัชชัยเป็นเพื่อนกับนันทา) มาลีแกล้งชัชชัยเพราะว่าไม่ชอบผู้ชายไว้ผมยาวกับปากไม่ค่อยดี..

ที่บ้านทาวเฮ้าส์ของนันทานั้นอยู่หมู่บ้านเดียวกับกลยุทธที่มีน้องสาวชื่อกุลกัญญา และช่วงที่ยังไม่ได้เข้าเรียน ต่อที่รามคำแหงมาลีก็ได้คำแนะนำจากศรีวรรณเพื่อนข้างบ้านของนันทาให้ให้ไปทำงานฆ่าเวลาเป็นแม่บ้านบนตึกสูงกลางเมือง มาลีที่อยู่กับนันทาแบบคนใช้ (นันทากดไว้เพราะมาลีมาด้วยทุนของแม่) ที่คิดเบื่อบ้านจึงไปทำงานตามคำแนะนำของศรีวรรณ

และบนตึกสูงนั้น มาลีก็ได้รู้ว่าเธอทำงานในตำแหน่งแม่บ้านซึ่งมีกลยุทธทำงานที่นั่นด้วย และมาลีก็ได้รู้จักสังคมรอบ ๆ ตัวของกลยุทธมากขึ้น มาลีรู้ว่ากลยุทธเป็นที่หมายปรองของรมมณีย์ลูกสาวของเจ้าของประธาน
บริษัทฯ

กลยุทธนั้นอึดอัดกับความรักที่รมณีย์มีให้ เพราะเขาทนกับปากของเพื่อนร่วมงานไม่ได้ เขาสานความสัมพันธ์กับมาลีมากขึ้น จนกระทั่งรมณีย์ที่เป็นเพื่อนกับชัชชัย ต้องดึงชัชชัยมาช่วยทำให้มาลีกับกลยุทธเข้าใจผิดกัน...

ชัชชัยนั้นชอบมาลีเป็นอย่างมาก เขาพยายามเอาอกเอาใจมาลีสารพัด แต่มาลีคิดว่า ชัชชัยนั้นเป็นคู่รักของนันทา ทำให้มาลีไม่เปิดใจให้ชัยชัย..

และมาลีจะเลือกใครระหว่างกลยุทธกับชัชชัย..

Tags: รักสามเส้า เราสามคน

ตอน: 40.2“สิ้นเดือนเมษายนนี้ผมจะลาออก”

รมณีย์รู้สึกแปลกใจเมื่อเลขาหน้าห้องรายงานมาว่า กลยุทธต้องการเข้าพบ รมณีย์อนุญาตในทันที เมื่อชายหนุ่มผลักประตูเข้ามา รมณีย์ก็รีบลุกขึ้นโดยไม่มีมาดของจีเอ็มสาวที่ใครๆ เคยเห็น กลยุทธรีบไปนั่งลงที่เก้าอี้ตรงกันข้ามอย่างที่เคยถูกเรียกมาคุยเรื่องงาน

“กำลังจะโทรหาพอดีเลย คืนนี้อยากชวนไปงานฉลองครบรอบวันเกิดคุณพ่อของชัชชัย”

กลยุทธนิ่งฟัง

“งานนี้เขาให้ไปเป็นคู่ค่ะ แน่นอนเลยว่าชัชชัยต้องควงมาลีไปแน่ๆ ดูเขารักกันดีนะคะคุณว่าไหม”

“ครับ”

“ตกลงรมมี่หาชุดให้นะคะ”

“ผมยังไม่อยากออกงานไหนทั้งนั้นครับ ช่วงนี้ผมไว้ทุกข์ให้กุลคุณก็รู้นี่”

น้ำเสียงของเขานั้นดูหงุดหงิด รมณีย์หน้าเจื่อนลงทันที แต่ด้วยพลังบางอย่างที่มีในตัวเขา ทำให้รมณีย์จำต้องยิ้มรับ

“รมมี่ขอโทษค่ะ แต่รมมี่ก็ไม่อยากให้คุณหมกมุ่นครุ่นคิดถึงคนที่จากไปแล้วอย่างเดียวนะคะ”

“ผมรักกุลมากครับ เรามีกันแค่สองคนพี่น้องเท่านั้น”

รมณีย์ถอนหายใจออกมากับอาการดื้อแพ่งที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน หรือเป็นเพราะว่าเธอเสียตัวให้เขาไปแล้ว เขาถึงคิดว่ามีอำนาจเหนือเธอ แต่ถึงอย่างไรอำนาจเงินของเธอก็มากกว่าเขาอยู่ดี เขาควรจะเกรงใจเธอเหมือนเดิมมากกว่า

“ผมขอคุยธุระของผมนะครับ”

รมณีย์ชะงักเมื่อนึกได้ว่าเขาเป็นฝ่ายเข้ามาขอพบ หญิงสาวนั่งลงในตำแหน่งอันทรงค่าของตน เขาก้มหน้าลงแล้วเลื่อนซองเอกสารที่ถือมาด้วยไปให้

“อะไรคะ”

“เงินที่คุณสำรองจ่ายไปก่อนครับ”

“คุณยุทธ”

น้ำตาของรมณีย์เริ่มคลอหน่วยตา นี่เขาตีราคาความปรารถนาดีของเธอเป็นอะไร ทำไมเขาถึงไม่นึกถึงจิตใจเธอบ้าง เป็นเพราะใคร มาลีใช่ไหม? แต่เมื่อนึกถึงชัชชัย รมณีย์ต้องคิดถึงคนอื่น เพราะใครกัน ? รมณีย์เริ่มเดือดดาล

“ที่ผ่านมาผมขอบคุณในความเมตตาของคุณ แต่ผมรับความเมตตาทั้งหมดของคุณไว้ไม่ได้”

กลยุทธแข็งใจพูดทุกถ้อยคำจากความรู้สึก รมณีย์เชิดหน้าขึ้นในทันที หล่อนก็มีศักดิ์ศรีเช่นกัน

“สิ้นเดือนเมษายนนี้ผมจะลาออก”

“คุณยุทธ”

รมณีย์ร้องเสียงหลงด้วยคุมความรู้สึกสูญเสียไว้ไม่อยู่ น้ำตาของหญิงสาวทะลักออกมา ถึงเขาไม่รักเธอ แต่ทำไมเขาจะต้องทำร้ายจิตใจเธอด้วย

“คุณโกหกใช่ไหม คุณล้อเล่นใช่ไหม แล้วรมมี่ผิดอะไร”

รมณีย์ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วยืนจ้องหน้าเขา กลยุทธรีบลุกขึ้นเมื่อรมณีย์ระดมทุบตีไปที่หน้าอกของเขา

“คนบ้า คนใจร้าย”

กลยุทธรวบร่างของรมณีย์ไว้ รมณีย์สวมกอดแล้วเกลือกกลิ้งใบหน้าที่มีแต่คราบน้ำตากับอกอุ่นของเขา แต่กลยุทธยังยืนนิ่งอย่างคนไร้หัวใจ

“ฉันเป็นของคุณแล้วนะ จะทิ้งฉันอย่างนั้นหรือ”

“เรารักกันไม่ได้หรอกครับ ผมมันคนธรรมดาไร้ญาติขาดมิตร คุณเป็นดอกฟ้าที่สูงส่ง อย่าให้ผมอาจเอื้อมของสูงเลยครับ ผมอยากเป็นคนธรรมดา” น้ำเสียงของเขาเจือด้วยความขื่นขม

“แต่ฉันไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นนะ”

“แต่ผมคิดครับ คุณพ่อคุณก็ต้องคิด อย่าให้ผมรั้งความเจริญของคุณไว้เลยครับ ที่ผ่านมาผมขอโทษที่เห็นแก่ตัวและมักง่าย”

“ไม่ ฉันเองที่ผิด นะคะยุทธคุณจะไปจากที่นี่ไม่ได้นะ คุณต้องอยู่กับรมมี่”

รมณีย์กอดรัดเขาแน่นขึ้น นานทีเดียวที่รมณีย์ยืนกอดเขาและเฝ้าระดมจูบไปทั่วดวงหน้า กลยุทธก็ยังยืนนิ่งไม่ไหวติง จนกระทั่งหญิงสาวรู้สึกละอายในการกระทำของตน จึงผละหันหลังให้โดยที่สายตามองออกไปนอกตึกสูง

กลยุทธออกจากห้องไปแล้ว แต่น้ำตาของรมณีย์เหมือนจะไม่หมดง่ายๆ เธอจะทำอย่างไร เธอจะทำอย่างไร? รมณีย์ร่ำร้องแต่คำถามนี้เพียงคำถามเดียว


ขณะที่มาลีกำลังให้ช่างเช็ตผมตามความต้องการของชัชชัย โทรศัพท์เครื่องเก่าเบอร์ใหม่ก็ดังขึ้น เมื่อมาลีดึงจากกระเป๋าถือแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมารับ ช่างทำผมเหลือบตาใส่อย่างดูแคลน ด้วยเธอมากับชายหนุ่มรูปงามมีรถยนต์ขับ คงจะมองว่าเธอเอาเนื้อตัวเข้าแลกเพื่อผลประโยชน์ทางใดทางหนึ่ง

“คุณยุทธลาออกจากงาน มีผลตอนสิ้นเดือน เป็นที่ฮือฮาวุ่นวายกันไปหมด คุณรมณีย์ก็หลบอยู่แต่ในห้อง มีบางคนซุบซิบว่ามีเสียงทุ่มเถียงและร้องไห้ พี่ก็ฟังคนนั้นทีคนนี้ทีไม่รู้ว่าใครใส่สีตีไข่บ้าง แต่เรื่องมันลามปามมาถึงมาลีจนได้แหละนะ บ้างก็ว่า คุณกลยุทธเลือกดอกหญ้าแทนดอกฟ้า อย่างไรมาลีก็ระวังตัวบ้างแล้วกัน ถ้าไม่ได้อะไรกับเขาก็อย่าได้มีโอกาสอยู่ด้วยกัน เดี๋ยวเข้าใจผิด แล้วพิษรักแรงหึงจะเกิดขึ้น พี่เป็นห่วงนะ”

พี่ศรีวรรณวางสายไปแล้ว ช่างทำผมฉีดสเปรย์เป็นครั้งสุดท้ายมาลีมองหน้าตัวเองในกรอบผมดัดยาวแต่งแต้มใบหน้าด้วยสีสัน ถ้าไม่เห็นแก่ค่าจ้างรับรองเลยว่า คืนนี้เธอก็จะไม่ไปกับเขาอย่างเด็ดขาด เงินตั้งหนึ่งหมื่นบาท ขอใครได้เสียที่ไหน
มาลีลุกขึ้น เขาวางหนังสือพิมพ์ลงส่งยิ้มให้แล้วลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจ มาลีคิดว่าจะได้ยินคำชมจากเขาบ้าง แต่ชัชชัยจ่ายเงินค่าบริการแล้วผลักประตูเดินนำออกไปยังรถยนต์ที่จอดอยู่ เขาไปเปิดประตูให้หญิงสาว มาลีแกล้งเดินนวยนาดขึ้นไปนั่งด้วยมาดของคุณนาย เขาก้มลงแทนที่จะปิดประตูรถ

“สวยจัง”

มาลีรีบเบือนหน้าไปอีกทาง


เมื่อออกจากร้านชุดราตรี มาลีก็แทบจะเดินไม่ตรงทาง ทั้งกระเป๋าถือ ทั้งรองเท้าส้นสูงกับกระโปรงพลิ้วบางเบาที่ทำให้มาลีรู้สึกหวิวๆ

“ฉันเปลี่ยนใจได้ไหมเนี่ย”

“ไม่ได้แล้ว เงินก็โอนเข้าบัญชีให้แล้วด้วยนะ”

“เอาไว้รับจ้างทำอย่างอื่นไม่ได้เหรอ”

“ค่าแต่งหน้าทำผมค่าเสื้อผ้าก็น้อยเสียที่ไหน ไม่มีอะไรหรอก เดินๆ ยิ้มๆ ยกมือไหว้ ควงอยู่กับผม แค่นั้นเอง”

แต่เมื่อไปถึงที่งานในห้องบอลรูมของโรงแรมหรูกลางกรุง มาลีต้องตื่นตากับแชนเดอเลียที่ระย้ากลางห้องโถงสไตล์โรมัน ผู้คนมากหน้าหลายตา แม้จะไม่รู้จัก แต่มาลีก็คุ้นตาด้วยเป็นคนที่มีรูปถ่ายตามนิตยสารและหน้าในหนังสือพิมพ์คอลัมน์ไฮโซไซตี้ บางคนนั้นก็ผันตัวมาเป็นดารารับเชิญ ถ่ายละคร ภาพยนตร์ บ้างก็มีโฆษณารณรงค์ ต่อต้านยาเสพติด

“ฉันตื่นเต้น”

“จับแขนผมไว้ ยิ้มอย่างเดียว แล้วทุกอย่างจะดีเอง”

มีผู้คนเดินเข้ามาทักชัชชัยมากมาย แล้วที่มาลีกลัวที่สุดนั่นก็คือ ตากล้องและไมค์ที่มาจ่อสัมภาษณ์ชัชชัย ซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของเจ้าภาพในวันนี้

“สวยไหมครับ แฟนผมเอง”

เป็นคำพูดที่กลั้วด้วยน้ำเสียงติดตลกที่มาลีต้องเหลือกตาเข้าใส่ พรุ่งนี้หรอกชื่อของเธอคงถูกเอาไปวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นแน่ แล้วเรื่องที่มาลีนึกไม่ถึงก็เกิดขึ้น
คุณชัชชัยครับ คุณพ่อเชิญที่ห้องข้างๆ”

“ไปหาคุณพ่อกัน” ชัชชัยพูดกับมาลี

“เชิญคุณคนเดียวครับ สำหรับเธอ เดี๋ยวผมดูแลให้เองครับ เชิญครับ”

มาลีปล่อยแขนเขาแล้วยืนคว้าง และเพื่อไม่ให้ตัวเองขวยเขิน มาลีจึงต้องเอื้อมมือไปคว้าแก้วน้ำที่มีน้ำอะไรสักอย่างจากถาดของบริกรมาถือไว้



“คุณพ่อมีอะไรหรือครับ”

“ฉันให้อนุญาตแค่ให้แกควงมาในงานเท่านั้น”

“ก็ผมก็แค่ควงมาในงาน”

“แล้วทำไมต้องให้สัมภาษณ์ไปอย่างนั้น นึกถึงหน้าพ่อบ้างหรือเปล่า เด็กสาวอายุแค่สิบเก้า ชาติตระกูลก็ไม่มี พ่อขอร้องล่ะ โตๆ กันแล้ว ควรเข้าใจอะไรที่มันง่ายๆ หน่อย”

ชัชชัยเอื้อมมือจับจุกผมตัวเองแล้วพ่นลมหายใจออกมา

“พ่อเกลียดท่านี้แกจริงๆ เลย”

“งั้นผมกลับก็ได้ครับ”

“แกต้องอยู่ พ่อนัดสาวมาให้แกหลายคนเลย หนูดาราวดีก็มาด้วยนะ”

“ไม่ครับคุณพ่อ ผมไม่ต้องการเดทกับใครอีกแล้ว ผมไม่ต้องการคลุมถุงชน”

“แต่เพื่อธุรกิจของเรา มันต้องพึ่งพากัน มันต้องเกี่ยวข้องกัน มันต้องรวมกันบารมีมันถึงจะมากขึ้นๆ ต่อไปพ่อจะเล่นการเมือง ฐานของเราต้องแน่นทั้งชื่อเสียงและเงินสนับสนุน”

“แค่เท่าที่มีอยู่เราก็สุขกันได้ทั้งชาติแล้วนะครับ”

“เอาเหอะ วันนี้แกยังเด็กนัก ไว้แกโตกว่านี้อีกหน่อยแกก็จะเข้าใจ”

“ผมต้องการหมั้นกับมาลีก่อนไปอังกฤษ”

“เราน่าจะคุยกันรู้เรื่องนะ”

“งั้นผมก็ไม่ไป”

“แล้วถ้าแกไม่ไป แกคิดว่านิตยสารห่วยๆ เชยๆ ของแม่แกมันจะอยู่ได้ไหม”

“หมายความอย่างไรครับ”

“ที่โฆษณาแน่นๆ ก็เพราะพ่อช่วยหรอก เปิดดูบ้างหรือเปล่าว่าในนั้นมีบริษัทในเครือและผองเพื่อนกี่อย่างกี่ชนิด แทบจะทั้งเล่มเลย”

“ครับผมเข้าใจ แต่ผมจะไม่ยอมจำนน ผมขอตัวก่อนนะครับ”

ขณะจะก้าวเดิน ชัชชัยก็หันไปหาผู้เป็นบิดาอีกรอบ

“ผมอวยพรให้คุณพ่อแข็งแรงและมีความสุขยิ่งๆ ขึ้นนะครับ”

เขาก้มหัวให้ก่อนจะก้าวออกมาด้วยใบหน้าบึ้งตึง แต่เมื่อถึงห้องโถงกว้าง เขาก็ต้องรีบจ้ำอ้าวไปหามาลีที่ยืนหันซ้ายหันขวา ด้วยมีไมค์และกล้องมาจ่อถามนั่นถามนี่เต็มไปหมด มาลีดูกลายเป็นตัวตลกท่ามกลางคนหมู่มากทันที

แล้วสายตาของชัชชัยก็เหลือบไปเห็นรมณีย์ที่ยืนหน้าไม่ชื่นอยู่กับคุณพ่อของเธอ ชัชชัยพยักหน้าให้รมณีย์ขยับมาหา

“ขอยืมแหวนหน่อย ช่วยหน่อย” รมณีย์รีบถอดจากนิ้วนางข้างขวามาให้ทันที

“ซื้อต่อเลยละกันนะ”

ชัชชัยก้าวยาวๆ ไปทางกลุ่มนักข่าวที่จงใจรุมสัมภาษณ์ เมื่อไปถึง เขาก็แทรกตัวเข้าไปยืนเคียงข้าง ในสายตาของรมณีย์นั้น คนทั้งงานที่ยืนสนทนากันรอพิธีการต่อไป ถึงกับหันไปมองที่นักข่าววงนั้นจนเป็นตาเดียวกัน แล้วเรื่องที่รมณีย์ไม่คาดคิดว่าจะได้เห็น ไม่คิดว่าชัชชัยจะทำได้ก็เกิดขึ้น

“ครับ ไหนๆ ทุกๆ ท่านก็ให้เกียรติมาร่วมแสดงความยินดีกับงานฉลองครบรอบวันเกิดของคุณพ่อผมแล้ว และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา วันนี้ผมเลยถือโอกาสครับ ผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆ ผมคนนี้ชื่อมาลีครับ เราเจอกันที่อุ้มผาง เธอยังเด็กครับ ยังเรียนไม่จบเลย แต่ผมรักเธอมาก วันนี้ผมขอให้ทุกท่านช่วยเป็นสักขีพยานให้ด้วยนะครับว่าผมรักเธอ พร้อมกับขอหมั้นหมายเธอไว้ด้วยแหวนวงนี้”

ท่ามกลางอาการตกตะลึงของมาลี แหวนวงที่หลุดไปจากนิ้วมือของรมณีย์ก็ถูกสวมไปยังนิ้วนางข้างซ้ายของมาลี พร้อมกับที่เขาก้มลงจูบแก้มอิ่ม จนนักข่าวที่มาร่วมงานถ่ายรูปกันด้วยความยินดียิ่ง

แล้วทุกคนก็ร้องวี้ดว้ายเมื่อไฟในห้องโถงดับลง พร้อมกับดนตรีบรรเลงขึ้นท่ามกลางแสงไฟหลากสีที่ค่อยๆ ส่องประกายสร้างบรรยากาศว่าสถานที่แห่งนี้ดุจพิมาน

รมณีย์มองไปยังบนเวทีที่มีกลุ่มควันพวยพุ่งเรียกร้องความสนใจของคน แล้วเหลือบมายังที่ชัชชัยและมาลียืนอยู่อีกครั้ง คนทั้งคู่หายตัวไปท่ามกลางความงุนงงของนักข่าว รมณีย์กลั้นยิ้มกับเพื่อนจอมแสบ คืนนี้คุณลุงจะเป็นอย่างไรบ้าง หน้ายังจะชื่นได้ต่อไปอีกหรือไม่

ด้วยไม่มีกระจิดกระใจที่จะยืนปั้นหน้าให้สดชื่น รมณีย์จึงขออนุญาตคุณพ่อออกจากงาน

“กลับคนเดียวได้ค่ะ คุณพ่อไม่ต้องห่วง”

“เมื่อกี้ชัชชัยเขาเล่นจำอวดหรือว่าเรื่องจริง” คนเป็นพ่อยังสงสัย

“เรื่องจริงค่ะ ถ้ารมมี่ทำอย่างนั้นบ้าง คุณพ่อจะว่าอะไรไหมคะ”

“ถ้าพ่อห้าม แล้วหนูคิดว่าพ่อจะห้ามสำเร็จไหมล่ะ วันนี้มีเสียงซุบซิบมาถึงหูพ่อถึงที่บ้านเชียว ตกลงมีอะไรกัน”

“เขาขอลาออกพร้อมกับคืนเงินที่หนูสำรองจ่ายค่ารักษาพยาบาลของกุลกัญญา เขาไม่แคร์ความรู้สึกของหนูสักนิด”

“แต่ถึงอย่างไรหนูก็ยังตัดใจจากเขาไม่ได้”

“กำลังทำอยู่ค่ะ ขอบคุณคุณพ่อนะคะที่เข้าใจหนู” ว่าแล้วรมณีย์ก็ก้มลงกราบที่หน้าอกของคนเป็นพ่อ

“ถ้าหนูจะมีลูกบ้าบ้าง คุณพ่อไม่ว่านะคะ”

“ถ้าชัชชัยเขากล้าสร้างตำนานให้วงการไฮโซได้ แล้วทำไมพ่อจะไม่อยากมีตำนานอย่างนั้นกับเขาบ้างล่ะ” รมณีย์ยิ้มทั้งที่ฝืนความรู้สึกตื้นตัน

“ว่าแต่ลูกมั่นใจแล้วใช่ไหมว่ามองคนไม่ผิด”

“ถ้าเอาหัวใจตอบ หนูก็จะบอกว่าหนูไม่เคยรักใครเท่าเขา ถ้ามองไปยังหัวใจของเขา หนูคิดว่าหนูคงหาคนอย่างเขาไม่ได้ง่ายๆ เช่นกัน เพียงแต่เขารักน้องเขามากจนยังไม่ได้เปิดใจให้ใคร แต่หนูนี่แหละจะเป็นคนเปิดหัวใจเขาให้ได้ ขอบคุณนะคะ”

พูดจบรมณีย์ก็หมุนตัวออกจากงานไป ผู้เป็นพ่อมองตาม แล้วหันไปหาเพื่อนของตนผู้เป็นเจ้าของงานที่ครวญเพลง ‘พรหมลิขิต’ของหม่อมราชวงศ์ถนัดศรี อยู่บนเวที อยากรู้เหมือนกันว่าคนร้องเข้าใจและยอมรับกับเนื้อหาของเพลงได้มากน้อยเพียงใด

‘พรหมลิขิตบันดาลชักพา ดลมาให้มาพบกันทันใด ก่อนนี้อยู่กันแสนไกล พรหมลิขิตดลจิตใจ ฉันจึงได้มาใกล้กับเธอ’



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 พ.ย. 2555, 09:23:10 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 พ.ย. 2555, 09:23:10 น.

จำนวนการเข้าชม : 2149





<< 40.1“แต่เราคนบ้านเดียวกันนะมาลี”   41.1“ถ้าจักษ์อยากมีผู้หญิงสักคนพี่ก็ไม่ว่านะ” >>
คิมหันตุ์ 12 พ.ย. 2555, 10:24:10 น.
รมมี่จะทำได้ไหมเนี่ย? T___T


Orathai 12 พ.ย. 2555, 19:33:28 น.
รมมี่เอาให้นายกลยุทธนี่แพ้ใจเราไปเลยนะ...


wii 12 พ.ย. 2555, 20:38:40 น.
น่าสงสารรมมี่เนาะ เสียตัวไปเเล้วนี่กลยุทธก็เลยเล่นตัวใด้ นี่เเหละเค้าว่าผู้หญิงรักผู้ชายด้วยหัวใจ เเต่ผู้ชายรักด้วยสมอง เมื่อไหร่มาลีจะใจอ่อนกับชัชชัย ส่วนพ่อของชัชชัยก็ใช้ลูกเป็นสินค้าเพื่อหาเงินเเละตำเเหน่ง เเล้วใครจะมาดัดสันดานตาเเก่คนนี้ใด้ล่ะ


konhin 12 พ.ย. 2555, 22:30:58 น.
เหมือนคนจริงๆ เทาๆกันหมด นายยุทธได้แล้วก็ทิ้ง แรง พ่อชัชชัยก็คิดแต่ทางได้ของตัว เฮ้อ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account