พระอาทิตย์ขึ้นในคืนหนาว # จุฬามณี (ลิขสิทธิ์ สนพ.มายดรีม)
เรื่องย่อ พระอาทิตย์ขึ้นในคืนหนาว
เป็นเรื่องราว ของ มาลี สาวน้อยวัย 20 ปี ลูกกำพร้าพ่อซึ่งเสียชีวิตเพราะโรคมะเร็ง มาลี กับแม่และน้องชาย มารุต อาศัอยู่กับญาติห่าง ๆ ข้างพ่อ ซึ่งทำรีสอร์ตและการท่องเที่ยงท้องถิ่นอยู่ที่อุ้มผาง..
วันหนึ่ง กลยุทธและคณะไปเที่ยวล่องแก่งน้ำตกทีลอซู แล้ว เขาชอบมาลีจึงสานความสัมพันธ์ ส่วนมาลีนั้น เจอลูกทัวร์จีบจนชาชิน แต่กลยุทธก็ทำให้มาลีหวั่นใจอยู่ไม่น้อย..
หลังจากคณะของกลยุทธกลับไป..ทางป้า ก็บีบบังคับให้มาลีไปเรียนต่อกรุงเทพฯ พักอยู่กับนันทาลูกสาว เพราะว่าต้องการให้อนันต์ลูกชายของตัวเองแต่งงานกับคนที่รวยกว่า..
มาลีมาอยู่กรุงเทพฯ โดยที่ชัชชัย เพื่อนของนันทา ซึ่งเคยไปหาข้อมูลเขียนหนังสือมารับที่แม่สอด(ชัชชัยอ้างว่ามาธุระแถวนั้นพอดี)..มาลีกับชัชชัยนั้นเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมา เพราะตอนที่ชัชชัยมาอยู่อุ้มผางเพื่อหาข้อมูลเขียนสารคดี ตามคำแนะนำของ นันทา (ชัชชัยเป็นเพื่อนกับนันทา) มาลีแกล้งชัชชัยเพราะว่าไม่ชอบผู้ชายไว้ผมยาวกับปากไม่ค่อยดี..
ที่บ้านทาวเฮ้าส์ของนันทานั้นอยู่หมู่บ้านเดียวกับกลยุทธที่มีน้องสาวชื่อกุลกัญญา และช่วงที่ยังไม่ได้เข้าเรียน ต่อที่รามคำแหงมาลีก็ได้คำแนะนำจากศรีวรรณเพื่อนข้างบ้านของนันทาให้ให้ไปทำงานฆ่าเวลาเป็นแม่บ้านบนตึกสูงกลางเมือง มาลีที่อยู่กับนันทาแบบคนใช้ (นันทากดไว้เพราะมาลีมาด้วยทุนของแม่) ที่คิดเบื่อบ้านจึงไปทำงานตามคำแนะนำของศรีวรรณ
และบนตึกสูงนั้น มาลีก็ได้รู้ว่าเธอทำงานในตำแหน่งแม่บ้านซึ่งมีกลยุทธทำงานที่นั่นด้วย และมาลีก็ได้รู้จักสังคมรอบ ๆ ตัวของกลยุทธมากขึ้น มาลีรู้ว่ากลยุทธเป็นที่หมายปรองของรมมณีย์ลูกสาวของเจ้าของประธาน
บริษัทฯ
กลยุทธนั้นอึดอัดกับความรักที่รมณีย์มีให้ เพราะเขาทนกับปากของเพื่อนร่วมงานไม่ได้ เขาสานความสัมพันธ์กับมาลีมากขึ้น จนกระทั่งรมณีย์ที่เป็นเพื่อนกับชัชชัย ต้องดึงชัชชัยมาช่วยทำให้มาลีกับกลยุทธเข้าใจผิดกัน...
ชัชชัยนั้นชอบมาลีเป็นอย่างมาก เขาพยายามเอาอกเอาใจมาลีสารพัด แต่มาลีคิดว่า ชัชชัยนั้นเป็นคู่รักของนันทา ทำให้มาลีไม่เปิดใจให้ชัยชัย..
และมาลีจะเลือกใครระหว่างกลยุทธกับชัชชัย..
เป็นเรื่องราว ของ มาลี สาวน้อยวัย 20 ปี ลูกกำพร้าพ่อซึ่งเสียชีวิตเพราะโรคมะเร็ง มาลี กับแม่และน้องชาย มารุต อาศัอยู่กับญาติห่าง ๆ ข้างพ่อ ซึ่งทำรีสอร์ตและการท่องเที่ยงท้องถิ่นอยู่ที่อุ้มผาง..
วันหนึ่ง กลยุทธและคณะไปเที่ยวล่องแก่งน้ำตกทีลอซู แล้ว เขาชอบมาลีจึงสานความสัมพันธ์ ส่วนมาลีนั้น เจอลูกทัวร์จีบจนชาชิน แต่กลยุทธก็ทำให้มาลีหวั่นใจอยู่ไม่น้อย..
หลังจากคณะของกลยุทธกลับไป..ทางป้า ก็บีบบังคับให้มาลีไปเรียนต่อกรุงเทพฯ พักอยู่กับนันทาลูกสาว เพราะว่าต้องการให้อนันต์ลูกชายของตัวเองแต่งงานกับคนที่รวยกว่า..
มาลีมาอยู่กรุงเทพฯ โดยที่ชัชชัย เพื่อนของนันทา ซึ่งเคยไปหาข้อมูลเขียนหนังสือมารับที่แม่สอด(ชัชชัยอ้างว่ามาธุระแถวนั้นพอดี)..มาลีกับชัชชัยนั้นเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมา เพราะตอนที่ชัชชัยมาอยู่อุ้มผางเพื่อหาข้อมูลเขียนสารคดี ตามคำแนะนำของ นันทา (ชัชชัยเป็นเพื่อนกับนันทา) มาลีแกล้งชัชชัยเพราะว่าไม่ชอบผู้ชายไว้ผมยาวกับปากไม่ค่อยดี..
ที่บ้านทาวเฮ้าส์ของนันทานั้นอยู่หมู่บ้านเดียวกับกลยุทธที่มีน้องสาวชื่อกุลกัญญา และช่วงที่ยังไม่ได้เข้าเรียน ต่อที่รามคำแหงมาลีก็ได้คำแนะนำจากศรีวรรณเพื่อนข้างบ้านของนันทาให้ให้ไปทำงานฆ่าเวลาเป็นแม่บ้านบนตึกสูงกลางเมือง มาลีที่อยู่กับนันทาแบบคนใช้ (นันทากดไว้เพราะมาลีมาด้วยทุนของแม่) ที่คิดเบื่อบ้านจึงไปทำงานตามคำแนะนำของศรีวรรณ
และบนตึกสูงนั้น มาลีก็ได้รู้ว่าเธอทำงานในตำแหน่งแม่บ้านซึ่งมีกลยุทธทำงานที่นั่นด้วย และมาลีก็ได้รู้จักสังคมรอบ ๆ ตัวของกลยุทธมากขึ้น มาลีรู้ว่ากลยุทธเป็นที่หมายปรองของรมมณีย์ลูกสาวของเจ้าของประธาน
บริษัทฯ
กลยุทธนั้นอึดอัดกับความรักที่รมณีย์มีให้ เพราะเขาทนกับปากของเพื่อนร่วมงานไม่ได้ เขาสานความสัมพันธ์กับมาลีมากขึ้น จนกระทั่งรมณีย์ที่เป็นเพื่อนกับชัชชัย ต้องดึงชัชชัยมาช่วยทำให้มาลีกับกลยุทธเข้าใจผิดกัน...
ชัชชัยนั้นชอบมาลีเป็นอย่างมาก เขาพยายามเอาอกเอาใจมาลีสารพัด แต่มาลีคิดว่า ชัชชัยนั้นเป็นคู่รักของนันทา ทำให้มาลีไม่เปิดใจให้ชัยชัย..
และมาลีจะเลือกใครระหว่างกลยุทธกับชัชชัย..
Tags: รักสามเส้า เราสามคน
ตอน: 41.1“ถ้าจักษ์อยากมีผู้หญิงสักคนพี่ก็ไม่ว่านะ”
41.
เมื่อออกมาจากโรงแรมระดับห้าดาวแล้ว ชัชชัยก็พามาลีมายัง canta bella club สถานที่ที่เขาเคยพามาลีมาครั้งนั้น แล้วหญิงสาวไม่สนใจสักนิดกับแซกโซโฟนที่เขาตั้งใจเล่นเพื่อมอบให้เจ้าหล่อนเป็นกรณีพิเศษ
“ฉันอยากกลับบ้านเปลี่ยนเสื้อผ้าและอาบน้ำนอนแล้วนะ”
“แต่ผมอยากฟังเพลง”
“คุณทำอย่างนั้นทำไม ต้องการเอาชนะใครหรือเปล่า” มาลีถามตรงๆ
“ถ้าผมไม่สู้ ผมก็จะกลายเป็นพ่อหม้ายในวันหนึ่งเหมือนกัน”
“หมายความว่าไง”
“ถ้าเราต้องอยู่กับคนที่เราไม่ได้รักแล้วมันจะเป็นอย่างไร ไปเข้าไป วันนี้คุณสวยมากจนผมอยากเล่นดนตรีขึ้นมาทีเดียวนะ”
เมื่อมาลีนั่งลงบนโซฟา เขาก็สั่งเครื่องดื่มก่อนจะเร้นกายหายไป แล้วมาลีก็เห็นเขาอีกครั้งกับมาดของนักดนตรีที่เป่าแซกโซโฟนในเพลง ‘หยุดตรงนี้ที่เธอ’ ของฟอร์ด สบชัย ไกรยูรเสน
‘หยุดตรงนี้ที่เธอ ไม่ไปไกลแล้วใจ จะหยุดทั้งใจไว้ที่เธอ หยุดตรงนี้ที่เธอ เพราะเธอที่ฉันเจอ คือคนที่ฉันรักหมดใจ...’
เมื่อเพลงจบ มาลีก็ได้ยินนักร้องพูดผ่านไมค์หยอกคนเป่าแซกโซโฟนว่า
“คืนนี้ คนเป่าแซกเขาให้เกียรติมาเป่าเพื่อฉลองวันหมั้นของเขาครับ ขอเสียงปรบมือกับวันสำคัญของเขาหน่อยครับ”
เสียงปรบมือเกรียวกราวและไฟดวงกลมโตก็สาดมาหามาลีที่มีสีหน้าเลิ่กลั่ก เมื่อมีเสียงกรี๊ด มาลีจำต้องยิ้ม และอึดใจ คนที่เธอเห็นว่าอยู่บนเวทีก็เดินมานั่งข้างๆ แล้วก็หอมแก้มเธอ ท่ามกลางเสียงกรี๊ดและเสียงปรบมือที่ดังสนั่นกว่าครั้งแรก
“และที่สำคัญครับ ออเดอร์ก่อนหน้านี้ น้ำดื่มในแก้วของท่านที่ถืออยู่ในมือนี้ เขาจะเช็กบิลให้ครับ ครับ ดื่มฉลองกันครับ”
แล้วเสียงกรี๊ดก็ดังขึ้นอีกรอบ พร้อมที่มาลีได้ยินเสียงกระซิบที่แผ่วเบาว่า
“ผมรักคุณ”
ที่ลานจอดรถ กลยุทธเดินออกมาจากร้านด้วยดวงใจที่ร้าวรานหนักกว่าเดิม ชัชชัยตีตราจองแน่นหนา แล้วเขาจะเอาเวลาและทรัพย์สินที่ไหนมาทำคะแนน เมื่อตั้งใจมาเมาแต่ได้ความหม่นเศร้ายิ่งๆ กลับไป กลยุทธจึงเบนหัวรถกลับบ้าน
แต่เมื่อรถเลี้ยวเข้าซอย ก็ต้องแปลกใจที่เห็นว่ารถยนต์ของรมณีย์จอดนิ่งอยู่ที่ปากซอย เขาจอดรถแล้วชะแง้มองไปไม่เห็นคนขับ จนกระทั่งแสงไฟสาดไปยังหน้าบ้าน เขาจึงได้เห็นรมณีย์ยืนอยู่ในชุดราตรีพร้อมกับแก้วไวน์ใบใหญ่ในมือ
“คุณรมณีย์” เขาร้องทักหญิงสาวด้วยน้ำเสียงตกใจ
“กลับมาแล้ว นึกว่าคุณจะไม่กลับมาซะแล้ว”
“ถ้าผมไม่กลับมาแล้วคุณจะเป็นอย่างไร ยุงทั้งนั้นนะครับ หนาวด้วย”
“รมมี่ถึงต้องเอาไวน์ติดมือมาด้วยไง เพราะถ้าคุณอยู่ แล้วคุณไม่ให้รมมี่เข้าบ้าน รมมี่ก็จะยืนอยู่อย่างนี้ แต่พอดีคุณไม่อยู่ รมมี่ก็เลยได้ทำอย่างที่ตั้งใจ”
ลิ้นของรมณีย์เริ่มพันกัน ร่างของหญิงสาวโงนเงนจนกลยุทธต้องรีบเข้าประคองไว้
“รังเกียจรมมี่มากเลยหรือคะ”
“เข้าบ้านก่อนครับยุงเยอะ”
ว่าแล้วเขาก็ประคองร่างบอบบางไปยังประตูแล้วก็ไขกุญแจ แล้วรมณีย์ก็ทรุดลงดีแต่ที่เขารับไว้ ก่อนจะอุ้มไปยังประตูของตัวบ้านไขกุญแจแล้วรีบอุ้มรมณีย์ไปวางบนโซฟา รมณีย์พะอืดพะอม แล้วก็ทะลึ่งลุกพรวดพราด
“ห้องน้ำ”
หญิงสาวร้องหาที่ระบาย กลยุทธรีบวิ่งนำไปเปิดประตูพร้อมกดสวิตช์ไฟ รมณีย์รีบเข้าไปโก่งคออาเจียน
“เป็นอย่างไรบ้างครับ ดื่มมามากใช่ไหม” พูดพลางเขาก็ลูบหลังหญิงสาว พร้อมกับทำหน้าพะอืดพะอมอยากจะอาเจียนออกมาบ้าง
รมณีย์หายใจเหนื่อยหอบหมดแรง เขาประคองรมณีย์กลับมาที่โซฟาแล้วก็วิ่งกลับเข้าไปอาเจียนเองอีกเสียยกใหญ่
“คุณเป็นอะไร” รมณีย์ปรือตาถามพร้อมด้วยเสียงหัวเราะ
“ผมคลื่นไส้ครับ หงุดหงิดและก็ใจคอไม่ดี บอกไม่ถูก”
“อาการเหมือนคนแพ้ท้อง”
รมณีย์พูดจบแล้วต้องชะงัก พร้อมกับเบิ่งตากว้างสบกันแล้วมีคำถามเกิดขึ้น
“คงไม่หรอกแค่ไม่กี่วันเองนะ” รมณีย์เริ่มใจคอไม่ดี กลยุทธเองก็ถึงกับพ่นลมหายใจออกมา
“อาเจียนแล้วคงดีขึ้นแล้วใช่ไหม กลับบ้านไหวไหมครับ” กลยุทธรีบเปลี่ยนเรื่อง
“ไล่หรือคะ”
“ผมไม่อยากให้คุณเสียหายไปยิ่งกว่านี้”
“รมมี่ยินดีเสียหายยิ่งกว่าที่เคยเสีย”
กลยุทธเมินหน้าไปอีกทาง แต่พอหันกลับมา รมณีย์ก็ข้ามจากอีกฝั่งของโซฟามาหอมแก้มเขาฟอดใหญ่
“ขอให้รมมี่ได้ชื่นใจหน่อยนะคะคนดี”
“ผมไม่ใช่คนดีหรอก ผมคนเห็นแก่ตัว”
“นั่นแหละ คนดีของรมมี่” ว่าแล้วรมณีย์ก็เกลือกกลิ้งจมูกอยู่กับต้นคอและพวงแก้มของเขา
“เหม็นครับ”
กลยุทธใช้วาจาผลักไส รมณีย์หยุดชะงักแล้วลุกขึ้นยืนทำหน้าบึ้ง ก่อนจะหมุนแล้วเดินขึ้นบันไดไปชั้นบนอย่างไม่ได้สนใจใดๆ ทั้งสิ้น
เมื่อแน่ใจว่าชัชชัยไม่ได้พามาลีแวะตามโรงแรมม่านรูดหรือคอนโดส่วนตัว นันทาก็ถึงกับใช้ฝ่ามือตีพวงมาลัยระบายความใจใน วิจักษ์ที่นั่งอยู่ข้างกันเหลือบแลไปทางนอกรถ เขาไม่อยากจะออกความเห็นเกี่ยวกับเรื่องของมาลีกับผู้ชายคนนั้น แค่ที่หนุ่มคนนั้นปฏิบัติต่อมาลีใน canta bella club ก็นับว่าผู้หญิงอย่างมาลีนั้นได้รับเกียรติเกินพอแล้ว
“เตือนแล้วก็ไม่ฟัง น้ำตาเช็ดหัวเข่าขึ้นมาเมื่อไหร่จะหัวเราะเยาะให้ฟันหัก”
แล้วเม็ดน้ำตาคนพูดก็ร่วงกราวลงมา ก่อนจะกระชากรถมุ่งสู่บ้านพักของตน
“ไปไหนต่อหรือครับ”
แม้จะรู้ว่านันทาเป็นคนบ้านเดียวกัน เป็นรุ่นน้อง เป็นน้องสาวของอนันต์ แต่วิจักษ์ก็ยังทำตัวนอบน้อมแสดงความเกรงใจเจ้าหล่อนเหมือนเดิม
“ไปดื่มกันต่อที่บ้านของเรา” เรานั้นหมายถึงตัวเอง
วิจักษ์ครุ่นคิดถึงเรื่องที่อาจเลยเถิดหลังจากเมามาย แค่นี้เขาก็มั่นใจแล้วว่านันทานั้นเมามาย แต่ไม่รู้ว่าเจ้าหล่อนเมาแค่เหล้าหรือว่าเมารักด้วย วิจักษ์ขยับปากจะปฏิเสธแต่ดูเหมือนนันทาจะพอรู้ใจ
“ดื่มเป็นเพื่อนฉันหน่อยนะ คืนนี้ไม่อยากอยู่คนเดียว”
วิจักษ์นึกถึงพี่ตรีทศขึ้นมา หากตอนตีสอง พี่ตรีทศกลับมาจากบินไฟลท์ดึกแล้วไม่พบเขาที่บ้าน ทางนั้นจะรู้สึกอย่างไร
“ผมคิดว่า แค่นี้ก็น่าจะพอแล้วนะครับ คือพรุ่งนี้พี่ต้นจะให้ไปแคสโฆษณา ผมอยากพักผ่อน”
เมื่อได้ยินคำปฏิเสธของชายหนุ่ม นันทาปรายตามองก่อนจะยูเทิร์นรถกลับไปยังถนนศรีนครินทร์ทันที
จังหวะที่รถของนันทาถึงหน้าบ้าน พอดีกับที่ตรีทศเปิดประตูรถเก๋งของตนลงมาเปิดประตูรั้ว นันทานั่งมองร่างของบุรุษที่อยู่ในชุดฟอร์มของพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินตรงหน้า
เป็นไปได้ไหมว่า เขาทั้งสองคน หัวใจของนันทาเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ
“ขอบคุณสำหรับค่ำคืนนี้นะครับ”
“ค่ะ” นันทาตอบรับอย่างแผ่วเบา
“หากวันใดผมถึงจุดหมาย ผมคงได้ตอบแทนคุณของคุณบ้าง”
“หรือคะ”
เสียงของนันทาเริ่มสั่นเครือ เธอต้องการอะไรจากวิจักษ์กันแน่ ตอบแทนในรูปแบบไหน หากเขาถึงจุดหมายที่วางไว้ ด้วยฝีมือของพี่ต้น วิจักษ์ต้องถึงอยู่แล้ว แล้วเขาจะวางเธอไว้ที่ตรงไหนของหัวใจ คิดไปนันทาก็ก้มหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่กับพวงมาลัย
ไม่มีผู้ชายคนใดต้องการเธอเลยหรือ ชัชชัยก็ทิ้งเธอไปให้เหน็บหนาว ยังจะมาเป็นวิจักษ์คนที่เธอคิดว่าด้อยกว่าเธอทุกอย่างนี่ด้วยหรือ
“นันทา เป็นอะไร”
วิจักษ์ทำหน้าเหลอหลา เมื่อตรีทศหิ้วถุงเสื้อสูทแล้วเพ่งมองมาในรถ พอเห็นว่าเป็นใคร ทำอะไรกัน ตรีทศก็เดินไปเปิดประตูรั้วไขกุญแจเข้าบ้าน
“ขับรถกลับบ้านไหวไหม คุณเป็นอะไรหรือเปล่า”
วิจักษ์ยังถามคำถามเดิม แล้วนันทาก็หยัดหลังจนตรง ก่อนจะปาดน้ำตาแล้วก็โผเข้ากอดวิจักษ์พลางร้องไห้ เมื่อเขาไม่กอดตอบนันทาจึงต้องแข็งใจ ยิ้มขื่นๆ หัวเราะ ก่อนจะปลดล็อกเป็นทำนองว่าให้วิจักษ์ลงจากรถ
วิจักษ์ลงจากรถไปแล้ว นันทาถอยรถออกจากซอยแคบๆ นั้นด้วยความเร็วสูง วิจักษ์มองตามไปอย่างไม่เข้าใจในกิริยานั้น แต่กิริยาของคนในบ้านต่างหากที่เขาควรหยั่งดูความรู้สึก
เมื่อวิจักษ์ผลักประตูเข้าไป เขาเห็นว่าตรีทศกำลังจัดผลองุ่นลงบนจานแล้วเตรียมซีลพลาสติกใสเพื่อแช่ตู้เย็น
“เป็นไง ไปเที่ยวไหน กับใคร” น้ำเสียงของตรีทศนั้นดูไม่มีอารมณ์หึงหวงแอบแฝง
“นันทาครับ” ซึ่งวิจักษ์ก็เคยเล่าไปหมดแล้วว่า เขารู้จักนันทาตั้งแต่เมื่อไหร่ และมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันไปถึงไหนๆ
“โลกมันกลมเนอะ ห่างกันมาตั้งไกลยังมาเจอกันได้อีก แล้วงานจักษ์เป็นอย่างไรบ้าง”
“พี่ไม่หึงผมเหรอครับ” วิจักษ์ถามตามตรงเมื่อเดินมาหยุดอยู่ข้างๆ
“หึงแล้วมีประโยชน์อะไรล่ะ พี่ทำใจไว้แล้วจักษ์ สุขแค่นี้ดีกว่าไม่รู้จักคำว่าสุขเอาเสียเลย”
วิจักษ์เงียบเสียงลงแล้วก็นึกละอายที่ถามคำถามนั้นออกไป
“ตอนนี้ไอ้วัฒน์มันแย่เลยครับ”
ตรีทศมองหน้า
“มันมีส่วนทำให้น้องกุลคนที่เราเจอพร้อมกับมาลีที่สวนจตุจักรตาย”
แล้ววิจักษ์ก็เล่าเรื่องทั้งหมดที่ได้รู้มาจากมาลีให้ตรีทศได้รับรู้ เมื่อได้ฟังตรีทศถอนหายใจออกมา นิวัฒน์ก็เป็นคนหนึ่งที่มีชีวิตไม่เหมือนคนทั่วๆ ไป เมื่อมันใช้ ‘กาม’ เป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินชีวิต มันก็ต้องรับกรรมที่มันจงใจก่อหรือไม่จงใจก่อนั้นด้วย
และวิจักษ์หรือเขาก็เช่นกัน เมื่อปล่อยให้ชีวิตหลุดลอยมาในวังวนกลกามแบบนี้แล้ว ชีวิตทั้งเขาและวิจักษ์จะเป็นปกติอย่างคนธรรมดาได้ยากเต็มที หากแต่เขาจะช่วยให้วิจักษ์มีความสุข ไม่ทุกข์ทรมานจากความสับสน จากบุญคุณหรือความรัก
“พี่จะบอกอะไรให้จักษ์ได้รับรู้ไว้อย่างหนึ่งนะ ไอ้วัฒน์มันก็มีกรรมของมัน มันใช้ร่างกายกำยำล่ำสันของมัน แลกกับเงินแลกกับความสุขจากทั้งหญิงและชาย หากมันจะทุกข์ตรมเพราะผู้หญิงที่มันหวังหลอกลวง มันก็น่าจะเป็นเรื่องปกติของมัน แม้แต่พี่เอง แม้แต่จักษ์ ถ้าครุ่นคิดให้ดี เราทั้งคู่ก็ถือว่าผิด พี่ผิดก่อน เป็นพี่แล้วทำตัวไม่ดี ไม่รู้จักหักห้ามใจ ทำให้จักษ์สับสน”
ตรีทศพูดพลางก้มหน้าก้มตาเช็ดถ้วยจานชามที่อยู่ในชั้นไปด้วย
“เมื่อกี้นี้นันทาร้องไห้ทำไม”
“ผมก็ไม่เข้าใจ เธอไปเห็นชัชชัยฉลองหมั้นกับมาลีที่คลับแล้วก็เฮิร์ตขึ้นมา ตอนแรกเธอคิดว่าค่ำคืนนี้คุณชัชชัยจะพามาลีเข้าโรงแรม แต่เขาพามาลีไปส่งหอพัก เธอก็เลยชวนผมไปดื่มต่อที่บ้าน แต่ผม ผมไม่อยากไป”
สายตาของวิจักษ์อยู่ที่ใบหน้านวลของตรีทศ ตรีทศหันมาสบตาแล้วก็พูดว่า
“ถ้าจักษ์อยากมีผู้หญิงสักคนพี่ก็ไม่ว่านะ”
“พี่ตรีทศ” วิจักษ์อุทานออกมาอย่างแผ่วเบา
“ถ้าความรักที่นันทามีให้จักษ์ เท่ากับที่พี่มีให้จักษ์ เมื่อไม่ได้รับรักตอบพี่รู้ว่านันทาเจ็บปวดเพียงไหน พี่ดีใจที่จักษ์ซื่อตรงต่อพี่ แต่พี่ก็ยินดีให้จักษ์แบ่งหัวใจให้เป็นสอง”
“พี่ตรีทศ”
“พี่พูดจริงๆ จักษ์ พี่เดาว่านันทาเขาก็รักจักษ์ไม่น้อยไปกว่าพี่หรอก ถ้าเขาพาจักษ์ไปถึงจุดหมายปลายทางได้ จักษ์ก็น่าจะตอบแทนน้ำใจของเขาบ้างนะ”
“ทำไมต้องเป็นอย่างนั้น”
“นันทาเขาก็ตัวคนเดียวเหมือนพี่ จักษ์เชื่อไหม กรุงเทพฯ มีคนเป็นสิบล้านคน แต่บางครั้งพี่รู้สึกว่าพี่เหงากว่าอยู่อุ้มผางที่มีคนไม่กี่หมื่นคน บางครั้งความรักมันก็เป็นแรงทำให้คนเราทนมีชีวิตอยู่ เพื่อต่อสู้กับความยากลำบากเหมือนกันนะ และอีกอย่างจักษ์ ทางนั้นมันเป็นทางปกติของคนเรานะ”
วิจักษ์ใคร่ครวญ ถ้าชีวิตของเขาจะเป็นไปอย่างที่พี่ตรีทศต้องการ เขาจะมีสภาพเหมือนคนทั่วไปได้ไหม? วันนี้เขายังตัดใจจากพี่ตรีทศที่น่ารักคนนี้ไม่ได้ เขาไปจากพี่ตรีทศไม่ได้
เมื่อออกมาจากโรงแรมระดับห้าดาวแล้ว ชัชชัยก็พามาลีมายัง canta bella club สถานที่ที่เขาเคยพามาลีมาครั้งนั้น แล้วหญิงสาวไม่สนใจสักนิดกับแซกโซโฟนที่เขาตั้งใจเล่นเพื่อมอบให้เจ้าหล่อนเป็นกรณีพิเศษ
“ฉันอยากกลับบ้านเปลี่ยนเสื้อผ้าและอาบน้ำนอนแล้วนะ”
“แต่ผมอยากฟังเพลง”
“คุณทำอย่างนั้นทำไม ต้องการเอาชนะใครหรือเปล่า” มาลีถามตรงๆ
“ถ้าผมไม่สู้ ผมก็จะกลายเป็นพ่อหม้ายในวันหนึ่งเหมือนกัน”
“หมายความว่าไง”
“ถ้าเราต้องอยู่กับคนที่เราไม่ได้รักแล้วมันจะเป็นอย่างไร ไปเข้าไป วันนี้คุณสวยมากจนผมอยากเล่นดนตรีขึ้นมาทีเดียวนะ”
เมื่อมาลีนั่งลงบนโซฟา เขาก็สั่งเครื่องดื่มก่อนจะเร้นกายหายไป แล้วมาลีก็เห็นเขาอีกครั้งกับมาดของนักดนตรีที่เป่าแซกโซโฟนในเพลง ‘หยุดตรงนี้ที่เธอ’ ของฟอร์ด สบชัย ไกรยูรเสน
‘หยุดตรงนี้ที่เธอ ไม่ไปไกลแล้วใจ จะหยุดทั้งใจไว้ที่เธอ หยุดตรงนี้ที่เธอ เพราะเธอที่ฉันเจอ คือคนที่ฉันรักหมดใจ...’
เมื่อเพลงจบ มาลีก็ได้ยินนักร้องพูดผ่านไมค์หยอกคนเป่าแซกโซโฟนว่า
“คืนนี้ คนเป่าแซกเขาให้เกียรติมาเป่าเพื่อฉลองวันหมั้นของเขาครับ ขอเสียงปรบมือกับวันสำคัญของเขาหน่อยครับ”
เสียงปรบมือเกรียวกราวและไฟดวงกลมโตก็สาดมาหามาลีที่มีสีหน้าเลิ่กลั่ก เมื่อมีเสียงกรี๊ด มาลีจำต้องยิ้ม และอึดใจ คนที่เธอเห็นว่าอยู่บนเวทีก็เดินมานั่งข้างๆ แล้วก็หอมแก้มเธอ ท่ามกลางเสียงกรี๊ดและเสียงปรบมือที่ดังสนั่นกว่าครั้งแรก
“และที่สำคัญครับ ออเดอร์ก่อนหน้านี้ น้ำดื่มในแก้วของท่านที่ถืออยู่ในมือนี้ เขาจะเช็กบิลให้ครับ ครับ ดื่มฉลองกันครับ”
แล้วเสียงกรี๊ดก็ดังขึ้นอีกรอบ พร้อมที่มาลีได้ยินเสียงกระซิบที่แผ่วเบาว่า
“ผมรักคุณ”
ที่ลานจอดรถ กลยุทธเดินออกมาจากร้านด้วยดวงใจที่ร้าวรานหนักกว่าเดิม ชัชชัยตีตราจองแน่นหนา แล้วเขาจะเอาเวลาและทรัพย์สินที่ไหนมาทำคะแนน เมื่อตั้งใจมาเมาแต่ได้ความหม่นเศร้ายิ่งๆ กลับไป กลยุทธจึงเบนหัวรถกลับบ้าน
แต่เมื่อรถเลี้ยวเข้าซอย ก็ต้องแปลกใจที่เห็นว่ารถยนต์ของรมณีย์จอดนิ่งอยู่ที่ปากซอย เขาจอดรถแล้วชะแง้มองไปไม่เห็นคนขับ จนกระทั่งแสงไฟสาดไปยังหน้าบ้าน เขาจึงได้เห็นรมณีย์ยืนอยู่ในชุดราตรีพร้อมกับแก้วไวน์ใบใหญ่ในมือ
“คุณรมณีย์” เขาร้องทักหญิงสาวด้วยน้ำเสียงตกใจ
“กลับมาแล้ว นึกว่าคุณจะไม่กลับมาซะแล้ว”
“ถ้าผมไม่กลับมาแล้วคุณจะเป็นอย่างไร ยุงทั้งนั้นนะครับ หนาวด้วย”
“รมมี่ถึงต้องเอาไวน์ติดมือมาด้วยไง เพราะถ้าคุณอยู่ แล้วคุณไม่ให้รมมี่เข้าบ้าน รมมี่ก็จะยืนอยู่อย่างนี้ แต่พอดีคุณไม่อยู่ รมมี่ก็เลยได้ทำอย่างที่ตั้งใจ”
ลิ้นของรมณีย์เริ่มพันกัน ร่างของหญิงสาวโงนเงนจนกลยุทธต้องรีบเข้าประคองไว้
“รังเกียจรมมี่มากเลยหรือคะ”
“เข้าบ้านก่อนครับยุงเยอะ”
ว่าแล้วเขาก็ประคองร่างบอบบางไปยังประตูแล้วก็ไขกุญแจ แล้วรมณีย์ก็ทรุดลงดีแต่ที่เขารับไว้ ก่อนจะอุ้มไปยังประตูของตัวบ้านไขกุญแจแล้วรีบอุ้มรมณีย์ไปวางบนโซฟา รมณีย์พะอืดพะอม แล้วก็ทะลึ่งลุกพรวดพราด
“ห้องน้ำ”
หญิงสาวร้องหาที่ระบาย กลยุทธรีบวิ่งนำไปเปิดประตูพร้อมกดสวิตช์ไฟ รมณีย์รีบเข้าไปโก่งคออาเจียน
“เป็นอย่างไรบ้างครับ ดื่มมามากใช่ไหม” พูดพลางเขาก็ลูบหลังหญิงสาว พร้อมกับทำหน้าพะอืดพะอมอยากจะอาเจียนออกมาบ้าง
รมณีย์หายใจเหนื่อยหอบหมดแรง เขาประคองรมณีย์กลับมาที่โซฟาแล้วก็วิ่งกลับเข้าไปอาเจียนเองอีกเสียยกใหญ่
“คุณเป็นอะไร” รมณีย์ปรือตาถามพร้อมด้วยเสียงหัวเราะ
“ผมคลื่นไส้ครับ หงุดหงิดและก็ใจคอไม่ดี บอกไม่ถูก”
“อาการเหมือนคนแพ้ท้อง”
รมณีย์พูดจบแล้วต้องชะงัก พร้อมกับเบิ่งตากว้างสบกันแล้วมีคำถามเกิดขึ้น
“คงไม่หรอกแค่ไม่กี่วันเองนะ” รมณีย์เริ่มใจคอไม่ดี กลยุทธเองก็ถึงกับพ่นลมหายใจออกมา
“อาเจียนแล้วคงดีขึ้นแล้วใช่ไหม กลับบ้านไหวไหมครับ” กลยุทธรีบเปลี่ยนเรื่อง
“ไล่หรือคะ”
“ผมไม่อยากให้คุณเสียหายไปยิ่งกว่านี้”
“รมมี่ยินดีเสียหายยิ่งกว่าที่เคยเสีย”
กลยุทธเมินหน้าไปอีกทาง แต่พอหันกลับมา รมณีย์ก็ข้ามจากอีกฝั่งของโซฟามาหอมแก้มเขาฟอดใหญ่
“ขอให้รมมี่ได้ชื่นใจหน่อยนะคะคนดี”
“ผมไม่ใช่คนดีหรอก ผมคนเห็นแก่ตัว”
“นั่นแหละ คนดีของรมมี่” ว่าแล้วรมณีย์ก็เกลือกกลิ้งจมูกอยู่กับต้นคอและพวงแก้มของเขา
“เหม็นครับ”
กลยุทธใช้วาจาผลักไส รมณีย์หยุดชะงักแล้วลุกขึ้นยืนทำหน้าบึ้ง ก่อนจะหมุนแล้วเดินขึ้นบันไดไปชั้นบนอย่างไม่ได้สนใจใดๆ ทั้งสิ้น
เมื่อแน่ใจว่าชัชชัยไม่ได้พามาลีแวะตามโรงแรมม่านรูดหรือคอนโดส่วนตัว นันทาก็ถึงกับใช้ฝ่ามือตีพวงมาลัยระบายความใจใน วิจักษ์ที่นั่งอยู่ข้างกันเหลือบแลไปทางนอกรถ เขาไม่อยากจะออกความเห็นเกี่ยวกับเรื่องของมาลีกับผู้ชายคนนั้น แค่ที่หนุ่มคนนั้นปฏิบัติต่อมาลีใน canta bella club ก็นับว่าผู้หญิงอย่างมาลีนั้นได้รับเกียรติเกินพอแล้ว
“เตือนแล้วก็ไม่ฟัง น้ำตาเช็ดหัวเข่าขึ้นมาเมื่อไหร่จะหัวเราะเยาะให้ฟันหัก”
แล้วเม็ดน้ำตาคนพูดก็ร่วงกราวลงมา ก่อนจะกระชากรถมุ่งสู่บ้านพักของตน
“ไปไหนต่อหรือครับ”
แม้จะรู้ว่านันทาเป็นคนบ้านเดียวกัน เป็นรุ่นน้อง เป็นน้องสาวของอนันต์ แต่วิจักษ์ก็ยังทำตัวนอบน้อมแสดงความเกรงใจเจ้าหล่อนเหมือนเดิม
“ไปดื่มกันต่อที่บ้านของเรา” เรานั้นหมายถึงตัวเอง
วิจักษ์ครุ่นคิดถึงเรื่องที่อาจเลยเถิดหลังจากเมามาย แค่นี้เขาก็มั่นใจแล้วว่านันทานั้นเมามาย แต่ไม่รู้ว่าเจ้าหล่อนเมาแค่เหล้าหรือว่าเมารักด้วย วิจักษ์ขยับปากจะปฏิเสธแต่ดูเหมือนนันทาจะพอรู้ใจ
“ดื่มเป็นเพื่อนฉันหน่อยนะ คืนนี้ไม่อยากอยู่คนเดียว”
วิจักษ์นึกถึงพี่ตรีทศขึ้นมา หากตอนตีสอง พี่ตรีทศกลับมาจากบินไฟลท์ดึกแล้วไม่พบเขาที่บ้าน ทางนั้นจะรู้สึกอย่างไร
“ผมคิดว่า แค่นี้ก็น่าจะพอแล้วนะครับ คือพรุ่งนี้พี่ต้นจะให้ไปแคสโฆษณา ผมอยากพักผ่อน”
เมื่อได้ยินคำปฏิเสธของชายหนุ่ม นันทาปรายตามองก่อนจะยูเทิร์นรถกลับไปยังถนนศรีนครินทร์ทันที
จังหวะที่รถของนันทาถึงหน้าบ้าน พอดีกับที่ตรีทศเปิดประตูรถเก๋งของตนลงมาเปิดประตูรั้ว นันทานั่งมองร่างของบุรุษที่อยู่ในชุดฟอร์มของพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินตรงหน้า
เป็นไปได้ไหมว่า เขาทั้งสองคน หัวใจของนันทาเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ
“ขอบคุณสำหรับค่ำคืนนี้นะครับ”
“ค่ะ” นันทาตอบรับอย่างแผ่วเบา
“หากวันใดผมถึงจุดหมาย ผมคงได้ตอบแทนคุณของคุณบ้าง”
“หรือคะ”
เสียงของนันทาเริ่มสั่นเครือ เธอต้องการอะไรจากวิจักษ์กันแน่ ตอบแทนในรูปแบบไหน หากเขาถึงจุดหมายที่วางไว้ ด้วยฝีมือของพี่ต้น วิจักษ์ต้องถึงอยู่แล้ว แล้วเขาจะวางเธอไว้ที่ตรงไหนของหัวใจ คิดไปนันทาก็ก้มหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่กับพวงมาลัย
ไม่มีผู้ชายคนใดต้องการเธอเลยหรือ ชัชชัยก็ทิ้งเธอไปให้เหน็บหนาว ยังจะมาเป็นวิจักษ์คนที่เธอคิดว่าด้อยกว่าเธอทุกอย่างนี่ด้วยหรือ
“นันทา เป็นอะไร”
วิจักษ์ทำหน้าเหลอหลา เมื่อตรีทศหิ้วถุงเสื้อสูทแล้วเพ่งมองมาในรถ พอเห็นว่าเป็นใคร ทำอะไรกัน ตรีทศก็เดินไปเปิดประตูรั้วไขกุญแจเข้าบ้าน
“ขับรถกลับบ้านไหวไหม คุณเป็นอะไรหรือเปล่า”
วิจักษ์ยังถามคำถามเดิม แล้วนันทาก็หยัดหลังจนตรง ก่อนจะปาดน้ำตาแล้วก็โผเข้ากอดวิจักษ์พลางร้องไห้ เมื่อเขาไม่กอดตอบนันทาจึงต้องแข็งใจ ยิ้มขื่นๆ หัวเราะ ก่อนจะปลดล็อกเป็นทำนองว่าให้วิจักษ์ลงจากรถ
วิจักษ์ลงจากรถไปแล้ว นันทาถอยรถออกจากซอยแคบๆ นั้นด้วยความเร็วสูง วิจักษ์มองตามไปอย่างไม่เข้าใจในกิริยานั้น แต่กิริยาของคนในบ้านต่างหากที่เขาควรหยั่งดูความรู้สึก
เมื่อวิจักษ์ผลักประตูเข้าไป เขาเห็นว่าตรีทศกำลังจัดผลองุ่นลงบนจานแล้วเตรียมซีลพลาสติกใสเพื่อแช่ตู้เย็น
“เป็นไง ไปเที่ยวไหน กับใคร” น้ำเสียงของตรีทศนั้นดูไม่มีอารมณ์หึงหวงแอบแฝง
“นันทาครับ” ซึ่งวิจักษ์ก็เคยเล่าไปหมดแล้วว่า เขารู้จักนันทาตั้งแต่เมื่อไหร่ และมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันไปถึงไหนๆ
“โลกมันกลมเนอะ ห่างกันมาตั้งไกลยังมาเจอกันได้อีก แล้วงานจักษ์เป็นอย่างไรบ้าง”
“พี่ไม่หึงผมเหรอครับ” วิจักษ์ถามตามตรงเมื่อเดินมาหยุดอยู่ข้างๆ
“หึงแล้วมีประโยชน์อะไรล่ะ พี่ทำใจไว้แล้วจักษ์ สุขแค่นี้ดีกว่าไม่รู้จักคำว่าสุขเอาเสียเลย”
วิจักษ์เงียบเสียงลงแล้วก็นึกละอายที่ถามคำถามนั้นออกไป
“ตอนนี้ไอ้วัฒน์มันแย่เลยครับ”
ตรีทศมองหน้า
“มันมีส่วนทำให้น้องกุลคนที่เราเจอพร้อมกับมาลีที่สวนจตุจักรตาย”
แล้ววิจักษ์ก็เล่าเรื่องทั้งหมดที่ได้รู้มาจากมาลีให้ตรีทศได้รับรู้ เมื่อได้ฟังตรีทศถอนหายใจออกมา นิวัฒน์ก็เป็นคนหนึ่งที่มีชีวิตไม่เหมือนคนทั่วๆ ไป เมื่อมันใช้ ‘กาม’ เป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินชีวิต มันก็ต้องรับกรรมที่มันจงใจก่อหรือไม่จงใจก่อนั้นด้วย
และวิจักษ์หรือเขาก็เช่นกัน เมื่อปล่อยให้ชีวิตหลุดลอยมาในวังวนกลกามแบบนี้แล้ว ชีวิตทั้งเขาและวิจักษ์จะเป็นปกติอย่างคนธรรมดาได้ยากเต็มที หากแต่เขาจะช่วยให้วิจักษ์มีความสุข ไม่ทุกข์ทรมานจากความสับสน จากบุญคุณหรือความรัก
“พี่จะบอกอะไรให้จักษ์ได้รับรู้ไว้อย่างหนึ่งนะ ไอ้วัฒน์มันก็มีกรรมของมัน มันใช้ร่างกายกำยำล่ำสันของมัน แลกกับเงินแลกกับความสุขจากทั้งหญิงและชาย หากมันจะทุกข์ตรมเพราะผู้หญิงที่มันหวังหลอกลวง มันก็น่าจะเป็นเรื่องปกติของมัน แม้แต่พี่เอง แม้แต่จักษ์ ถ้าครุ่นคิดให้ดี เราทั้งคู่ก็ถือว่าผิด พี่ผิดก่อน เป็นพี่แล้วทำตัวไม่ดี ไม่รู้จักหักห้ามใจ ทำให้จักษ์สับสน”
ตรีทศพูดพลางก้มหน้าก้มตาเช็ดถ้วยจานชามที่อยู่ในชั้นไปด้วย
“เมื่อกี้นี้นันทาร้องไห้ทำไม”
“ผมก็ไม่เข้าใจ เธอไปเห็นชัชชัยฉลองหมั้นกับมาลีที่คลับแล้วก็เฮิร์ตขึ้นมา ตอนแรกเธอคิดว่าค่ำคืนนี้คุณชัชชัยจะพามาลีเข้าโรงแรม แต่เขาพามาลีไปส่งหอพัก เธอก็เลยชวนผมไปดื่มต่อที่บ้าน แต่ผม ผมไม่อยากไป”
สายตาของวิจักษ์อยู่ที่ใบหน้านวลของตรีทศ ตรีทศหันมาสบตาแล้วก็พูดว่า
“ถ้าจักษ์อยากมีผู้หญิงสักคนพี่ก็ไม่ว่านะ”
“พี่ตรีทศ” วิจักษ์อุทานออกมาอย่างแผ่วเบา
“ถ้าความรักที่นันทามีให้จักษ์ เท่ากับที่พี่มีให้จักษ์ เมื่อไม่ได้รับรักตอบพี่รู้ว่านันทาเจ็บปวดเพียงไหน พี่ดีใจที่จักษ์ซื่อตรงต่อพี่ แต่พี่ก็ยินดีให้จักษ์แบ่งหัวใจให้เป็นสอง”
“พี่ตรีทศ”
“พี่พูดจริงๆ จักษ์ พี่เดาว่านันทาเขาก็รักจักษ์ไม่น้อยไปกว่าพี่หรอก ถ้าเขาพาจักษ์ไปถึงจุดหมายปลายทางได้ จักษ์ก็น่าจะตอบแทนน้ำใจของเขาบ้างนะ”
“ทำไมต้องเป็นอย่างนั้น”
“นันทาเขาก็ตัวคนเดียวเหมือนพี่ จักษ์เชื่อไหม กรุงเทพฯ มีคนเป็นสิบล้านคน แต่บางครั้งพี่รู้สึกว่าพี่เหงากว่าอยู่อุ้มผางที่มีคนไม่กี่หมื่นคน บางครั้งความรักมันก็เป็นแรงทำให้คนเราทนมีชีวิตอยู่ เพื่อต่อสู้กับความยากลำบากเหมือนกันนะ และอีกอย่างจักษ์ ทางนั้นมันเป็นทางปกติของคนเรานะ”
วิจักษ์ใคร่ครวญ ถ้าชีวิตของเขาจะเป็นไปอย่างที่พี่ตรีทศต้องการ เขาจะมีสภาพเหมือนคนทั่วไปได้ไหม? วันนี้เขายังตัดใจจากพี่ตรีทศที่น่ารักคนนี้ไม่ได้ เขาไปจากพี่ตรีทศไม่ได้

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 พ.ย. 2555, 07:47:32 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 พ.ย. 2555, 07:47:32 น.
จำนวนการเข้าชม : 1908
<< 40.2“สิ้นเดือนเมษายนนี้ผมจะลาออก” | 41.2/42.1“แต่ผมรักมาลีจริงๆ นะ” >> |

innam 13 พ.ย. 2555, 11:44:32 น.
โอ้ยเครียดแทน
โอ้ยเครียดแทน

konhin 13 พ.ย. 2555, 11:47:07 น.
โห เกลียดยัยนันทาอ่ะ ยังไงหล่ะ เหยียบเรือสองแคม หวังให้คนอื่นเห็นว่าตัวเองดีด้วยการกดคนอื่นให้ด้อยกว่าเนี่ยนะ คิดว่าคนอื่นจะทำอะไรแย่ๆเหมือนตัวเอง พอคนเขาทำให้เห็นว่าเขาจริงใจกับคนอื่นดันรับไม่ได้ซะงั้น
โห เกลียดยัยนันทาอ่ะ ยังไงหล่ะ เหยียบเรือสองแคม หวังให้คนอื่นเห็นว่าตัวเองดีด้วยการกดคนอื่นให้ด้อยกว่าเนี่ยนะ คิดว่าคนอื่นจะทำอะไรแย่ๆเหมือนตัวเอง พอคนเขาทำให้เห็นว่าเขาจริงใจกับคนอื่นดันรับไม่ได้ซะงั้น

wii 13 พ.ย. 2555, 21:39:49 น.
นายยุทธเเพ้ท้องเเทนรมมี่เเหงๆเลย นี่เเหละหนาคนเราไม่เคยเห็นค่าคนที่คอยอยู่ข้างๆ พอเสียไปเเล้วนั่นเเหละถึงจะรู้ค่าว่าเป็นเพชร
นายยุทธเเพ้ท้องเเทนรมมี่เเหงๆเลย นี่เเหละหนาคนเราไม่เคยเห็นค่าคนที่คอยอยู่ข้างๆ พอเสียไปเเล้วนั่นเเหละถึงจะรู้ค่าว่าเป็นเพชร


Orathai 14 พ.ย. 2555, 00:40:25 น.
ชัชชัยรุกใหญ่เลย
ชัชชัยรุกใหญ่เลย