ปาฏิหาริย์บันดาลรัก
ถ้าไม่ได้ด้วยเล่ห์...ไม่ได้ด้วยมารยา งานนี้มีเพียงปาฏิหาริย์เท่านั้นจะบันดาลรักและ 'เอาอยู่'
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: 3 :: ปาฏิหาริย์สร้างรัก


วันนี้ปรีติยามาถึงที่ทำงานเร็วกว่าปกติหนึ่งชั่วโมง เพื่อเตรียมประชุมงานกับกลุ่มครีเอทีฟช่วยกันคิดภาพรวมของโฆษณามือถือโนก้าจากบรีฟของศศิภาที่ส่งมาให้เมื่อวานนี้ ก่อนจะนำไปเสนอมาติกาผู้เป็นบริหารของ RN Advertising อีกที

เจ้าของเอเจนซีโฆษณา RN Advertising ไม่ใช่มาติกา แต่คือมิสเตอร์ ริชาร์ด เนลสัน ชาวอเมริกันผู้มีอิทธิพลในวงการโฆษณา เขาเปิดบริษัทโฆษณาแห่งนี้ในหลายประเทศทั่วโลก และสาขาเมืองไทยที่หล่อนทำงานอยู่นี้เป็นสาขาใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเปิดทำการได้เพียงสามปีเศษ ตัวริชาร์ดเองนั้นบริหารงานอยู่ที่สำนักงานใหญ่สาขานิวยอร์ก

ตั้งแต่เปิดสาขาที่เมืองไทยมา เขาบินมาดูการบริหารเพียงสองครั้งเท่านั้นเอง ครั้งล่าสุดก็เมื่อหกเดือนที่แล้ว และก่อนกลับไปนิวยอร์ก ริชาร์ดก็ยื่นคำขาดกับมาติกาว่าผลกำไรของสาขากรุงเทพปีนี้จะต้องเพิ่มขึ้นอย่างน้อยสามสิบเปอร์เซ็นต์จากปีก่อน มิฉะนั้นมาติกาจะต้องถูกเด้งจากตำแหน่งผู้บริหาร

ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าเหตุใดมาติกาถึงได้รับงานทุกอย่างเพื่อนำรายได้เข้าสู่บริษัทโดยไม่คำนึงว่าลูกน้องอย่างพวกหล่อนจะมีปัญหาการบริหารเงินอันแสนจำกัดจำเขี่ยเพื่อรังสรรค์ผลงานโฆษณาระดับเทพจนเลือดตาแทบกระเด็นเกือบทุกงาน อย่างงานโทรศัพท์มือถือโนก้านี่ก็เหมือนกัน เล่นเอาหล่อนและบรรดาลูกทีมครีเอทีฟนั่งกุมขมับอย่างจนปัญญาว่าจะทำโฆษณาให้ออกมาดีเลิศในงบประมาณอันแสนน้อยนิดได้อย่างไร

“เจ๊ไม่น่ารับปากคุณมาติกาทำงานนี้เลย น่าจะยกให้เจ๊ลันตาแกไป อย่าบอกนะว่า เจ๊รับงานนี้เพราะอยากพิสูจน์เรื่องที่สาวโสดอย่างเจ๊ทำงานดีกว่าแม่ลูกอ่อนอย่างเจ๊ลันตาอีก” นิค ก็อปปี้ไรเตอร์หน้าตี๋แต่ชื่อฝรั่งจ๋า และมีรอยสักรอบวงแขนเอ่ยขึ้นมา

“ก็มันทนไม่ได้ที่ใครจะมาดูถูกความเป็นสาวโสดนี่นา เมื่อวานนี้คุณมาติกาเรียกพี่ว่า สาวโสดลั๊ลลา มันปรี๊ดมากเลยรู้ไหม พี่ยอมไม่ได้หรอกนะที่คุณมาติกาจะดูถูกคนที่ยังไม่ได้แต่งงานว่ามีความรับผิดชอบน้อยกว่าคนที่แต่งงานแล้ว” ปรีติยาระบายความอัดอั้นตันใจออกมา

บริษัทเอเจนซีของหล่อนมีแผนกงานหลักด้วยกันห้าแผนกคือ แผนกลูกค้าสัมพันธ์ แผนกครีเอทีฟ แผนกประชาสัมพันธ์ แผนกวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาด และแผนกงานกราฟิคดีไซน์ แต่ละแผนกก็จะมีกรุ๊ปหรือทีมย่อยๆอีก อย่างแผนกครีเอทีฟของหล่อนจะแบ่งออกเป็นสามทีม แต่ละทีมจะมีหัวหน้าทีมรับผิดชอบซึ่งก็ได้แก่ตัวหล่อน ลันตา และ วาทิต ซึ่งแต่ละคนก็จะมีสไตล์และความถนัดในการคิดงานต่างกันไป

ทีมของปรีติยาจะถนัดคิดงานเกี่ยวกับสิ่งที่ทันสมัยอย่างพวกสินค้าไอที รถยนต์ หรือเครื่องไฟฟ้าต่างๆ ส่วนทีมของลันตาจะเก่งด้านคิดโฆษณางานองค์กรหรือเกี่ยวกับพวกสถาบันทางการเงิน ในขณะที่ทีมของวาทิตจะเชี่ยวชาญเกี่ยวกับพวกสินค้าอาหารต่างๆ ดังนั้นโจทย์งานของลูกค้าจึงถูกส่งต่อให้แก่ทีมงานที่มีความถนัดคิดงานในด้านนั้นๆ

แม้มาติกาจะรู้อยู่เต็มอกว่างานโฆษณามือถือโนก้าเป็นงานที่เข้าทางทีมงานของเธอที่สุด แต่จะยังไม่วายพูดให้หล่อนเจ็บใจว่าไว้ใจให้ลันตาทำงานนี้มากกว่า ในเมื่อมาติกาเอ่ยเช่นนี้ แม้จะงานโหดหิน ปรีติยาก็ต้องรับงานนี้ไว้เพื่อพิสูจน์ตัวเองจนกว่ามาติกาจะยอมรับและเลิกพูดดูถูกเรื่องที่หล่อนเป็นสาวโสดเสียที

“เจ๊ก็เป็นแบบนี้ทุกที แล้วก็มาเดือดร้อนพวกผม เจ๊ก็รู้นี่นาว่าตัวเองไม่ได้เป็นอย่างที่คุณมาติกาพูด น่าจะโยนงานนี้ไปให้เจ๊ลันตาแกทำ งานนี้จะหมู่หรือจ่าก็ไม่รู้ ผมว่าเจ๊ถอนตัวเหอะ มันไม่ได้เสียศักดิ์ศรีสาวโสดลั๊ลลาอย่างเจ๊นักหรอก” นิคพยายามหว่านล้อมให้หล่อนล้มเลิกงานโฆษณาชิ้นนี้

“ไม่ทันแล้วนิค ยังไงก็ต้องทำเพราะพี่รับปากคุณมาติกาแล้ว และคุณมาติกาก็เปรยๆว่าถ้างานนี้สำเร็จ ก็จะเพิ่มโบนัสสามเดือนให้สิ้นปี นายก็นึกถึงมอเตอร์ไซค์ไทรอัมรุ่นที่นายอยากได้ไว้สิ เผื่อจะได้ถอยมาอวดสาวตอนสิ้นปี”

คำว่าโบนัสทำให้นิคสงบปากสงบคำ เช่นเดียวกับครีเอทีฟคนอื่นๆที่พลอยเงียบไปด้วยเมื่อเงินโบนัสเป็นแรงจูงใจสำคัญ ราวชั่วโมงเศษ ปรีติยาก็พอได้ไอเดียหลักที่จะนำไปเสนอให้มาติกาฟังก่อนทำสตอร์รี่บอร์ดเสนอลูกค้า แต่ก่อนที่จะรวบรวมเอกสารต่างๆเข้าไปพบมาติกา ศศิภา เออีสาวผู้ที่ไปรับงานบรีฟจากลูกค้าบริษัทมือถือโนก้าก็เดินมาทักทายหล่อน

วันนี้ศศิภาแต่งกายด้วยเดรสสีเหลืองรัดรูปและสวมสร้อยลูกปัดขนาดใหญ่เป็นแผงสีส้มสด สวมรองเท้าส้นสูงแหลมเปรี้ยวสีเบจ แลดูคล้ายนางแบบหรือดาราในนิตยสารแฟชั่นมากกว่าเป็นพนักงานออฟฟิซ สาวเออีบริษัทโฆษณาส่วนใหญ่มักจะแต่งตัวกันสุดฤทธิ์สุดเดชประหนึ่งว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นสิ้นโลกและไม่มีวันได้แต่งตัวสวยๆแบบนี้อีกแล้ว ดังนั้นสาวๆเออีเหล่านี้จึงเป็นสีสันให้แก่ที่ทำงาน ต่างจากครีเอทีฟสาวอย่างหล่อนที่เน้นแต่งออกแนวเก๋ๆติสต์ๆไม่ซ้ำแนวใครตามสไตล์คนหัวศิลป์

แม้หล่อนกับสาวเออีอย่างศศิภาจะมีสไตล์การแต่งตัว หรือความชอบที่ต่างกันบ้าง แต่หล่อนก็สนิทสนมกับศศิภามากที่สุดในเอเจนซี่แล้ว เพราะศศิภาเป็นคนร่าเริง เปิดเผย ช่างพูดช่างคุย และเป็นคนมองโลกในแง่ดี ทำให้เวลาที่พูดคุยหรืออยู่ใกล้ด้วยแล้วรู้สึกสบายใจ นับเป็นเรื่องโชคดีที่ศศิภามักจะได้ทำงานโปรเจคโฆษณาร่วมกับหล่อนบ่อยๆทำให้การประสานงานเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่มีปัญหาจุกจิกกวนใจเหมือนทำงานกับเออีคนอื่นๆ

“พี่เชอร์รี่กำลังจะเข้าไปประชุมกับคุณมาติกาหรือเปล่าคะ คือว่าน้องหมูหยองเป็นไข้สูงต้องเข้าโรงพยาบาล คุณมาติกาเลยต้องพาไปโรงพยาบาล เธอเพิ่งโทรมาบอกยุ้ยเมื่อกี้ว่าขอเลื่อนคุยงานเป็นช่วงบ่ายสองโมงแทน” น้องหมูหยองคือลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของมาติกา ซึ่งผู้เป็นแม่ประคบประหงมดูแลเป็นอย่างดี

“โธ่ ไอ้เราก็รีบแหกขี้ตาตื่นแต่เช้ามาคุยงาน กาแฟสักแก้วก็ยังไม่ได้ดื่ม รู้งี้ไม่รีบมาดีกว่า” ปรีติยาบ่นงึมงำอย่างเซ็งๆ

“งั้นเราไปดื่มกาแฟที่ชั้นล่างกันไหมคะ ยุ้ยมีเรื่องอยากจะเม้าท์ แต่คุยกันที่นี่คงจะไม่สะดวก เพราะเป็นความลับ” ศศิภาทำเสียงกระซิบกระซาบคล้ายกับว่านี่เป็นความลับสุดยอด ทำให้ปรีติยาอยากรู้ว่าความลับของศศิภาขึ้นมาเลยตกปากรับคำตามเออีสาวลงไปยังร้านกาแฟชั้นล่างของตึกซึ่งเวลานี้ไม่มีลูกค้าโต๊ะอื่นอยู่เลยเนื่องจากเป็นเวลาทำงาน

ปรีติยาสั่งเอสเพรสโซ่ซึ่งเป็นเครื่องดื่มสุดโปรด ส่วนศศิภาสั่งคาปูชิโน่ร้อน เมื่อจิบเครื่องดื่มกันไปได้ครู่หนึ่ง ศศิภาก็หยิบแฟ้มเอกสารสีฟ้าสดจากกระเป๋าถือทรงกว้างมาให้ปรีติยาดู

“พี่เชอร์รี่คะ ยุ้ยคิดว่างานสัมมนานี้เหมาะกับเราสองคนมากเลยค่ะ พี่เชอร์รี่ลองอ่านดู ถ้าสนใจ ยุ้ยจะชวนพี่ไปด้วยกัน” ปรีติยาเปิดแฟ้มเอกสารสีฟ้านั้นดูก็เห็นเอกสารที่พิมพ์รายละเอียดไว้ว่า

ขอเชิญเข้าร่วมอบรมสัมมนาเรื่องการใช้ปาฎิหาริย์บันดาลรัก

โดย

เจสสิก้า จาง

นักจิตวิทยาผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างสัมพันธภาพด้านความรัก
และประสบความสำเร็จในการทำให้คนโสดได้พบรักมากว่าหลายแสนคนแล้วทั่วโลก
คุณเองก็สามารถดึงดูดเนื้อคู่หรือคนที่หมายปองได้หากเข้าร่วมอบรมสัมมนากับเรา
ความโสดจะกลายเป็นเพียงอดีตของคุณ

“ยุ้ยไปได้เอกสารนี้มาจากที่ไหน พี่ว่ามันเหลือเชื่อไปหน่อย เจสสิก้า จางจะต้องเป็นพวกต้มตุ๋นหลอกเอาเงินแน่นอน เป็นไปไม่ได้หรอกที่จะใช้ปาฎิหาริย์สร้างความรัก” ปรีติยาหัวเราะลั่นอย่างไม่เชื่อคำโฆษณาชวนเชื่อนี้สักนิด

“เจสสิก้า จาง ไม่ได้เป็นพวกต้มตุ๋นนะคะพี่เชอร์รี่ ลองเสิร์ทหาชื่อในอินเตอร์เน็ตดูก็ได้ เธอเป็นนักจิตวิทยาชาวจีนที่เติบโตและใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกา และเคยเรียนศาสตร์การใช้พลังจิตจากพระลามะที่ทิเบตมาด้วย เธอมีลูกศิษย์ลูกหาแล้วก็เขียนหนังสือพิมพ์วางขายทั่วโลก ฉบับแปลเป็นไทยก็มีนะคะ ถ้าพี่เชอร์รี่ไม่เชื่อไว้ เดี๋ยวพรุ่งนี้ยุ้ยจะเอามาให้อ่าน ส่วนเอกสาร ยุ้ยได้มาจากแจ๋วแหวว ลูกพี่ลูกน้องยุ้ยเอง เค้าเพิ่งไปอบรมมาเมื่อสามเดือนที่แล้ว แต่ก่อนยายนี่โสดสนิทไม่เคยมีแฟนเลย แต่พอได้มาอบรมกับเจสสิก้าเพียงครั้งเดียว ตอนนี้แต่งงานไปแล้วค่ะ ของเขาดีจริงๆนะคะพี่เชอร์รี่ เราสองคนควรจะลองไปร่วมงานสัมมนานี้กันดู ถ้ายุ้ยไม่รักพี่ ยุ้ยคงไม่ยอมเผยความลับสลายโสดนี้ให้พี่หรอกนะ”

ปรีติยายิ้มแหยๆแทนคำขอบคุณ ใจจริงหล่อนไม่ค่อยเชื่อเจสสิก้า จาง อะไรนี่นัก การที่แจ๋วแหวว ลูกพี่ลูกน้องของเชอร์รี่พบรักและได้แต่งงานอาจเป็นเรื่องบังเอิญก็ได้

“พี่เชอร์รี่ทำหน้าแบบนี้ไม่เชื่อที่ยุ้ยพูดงั้นสิ งั้นเดี๋ยวยุ้ยจะหยิบรูปของแจ๋วแหววกับเจ้าบ่าวมาให้ดูนะคะ” ศศิภาหยิบภาพถ่ายของเจ้าบ่าวเจ้าสาวคู่หนึ่งให้หล่อนดู หากหล่อนเข้าใจไม่ผิด แจ๋วแหววคือ เจ้าสาวร่างเตี้ยผิวดำที่ดูยังไงก็ไม่สวยสักนิด ยิ่งยืนคู่กับเจ้าบ่าวมาดเท่ประหนึ่งนักร้องวงบอยแบนด์ก็ยิ่งเห็นความแตกต่างกันอย่างเด่นชัดว่าเป็นไปได้ยังไงที่แจ๋วแหววจะเอาชนะใจหนุ่มหล่อเลือกได้อย่างเจ้าบ่าวผู้นี้ จริงอยู่ที่รูปลักษณ์ภายนอกไม่สำคัญเท่ากับเรื่องจิตใจ แต่กว่าคนเราการจะเรียนรู้จิตใจใครสักคนก็ต้องใช้เวลานานกว่าสามเดือนอยู่ดี การที่แต่งงานกันปุ๊ปปับเช่นนี้ก็ยากจะเชื่อว่ารักกันจริง

“บ้านของแจ๋วแหววรวยหรือเปล่า คือพี่ขอโทษนะยุ้ย พี่ไม่ได้ดูถูกญาติของยุ้ยว่าไม่สวยหรือไม่ดี แต่ว่าคนสมัยนี้เชื่อใจกันยาก บางทีเห็นเราซื่อๆตามไม่ทันก็หลอกเอาเงินปอกลอกจนหมดเนื้อหมดตัว ที่พี่ท้วงเพราะเป็นห่วง” ปรีติยาพยายามอธิบายด้วยเหตุผลที่จะทำให้ศศิภาไม่ขัดเคือง แต่ศศิภากลับหัวเราะและอธิบายอย่างใจเย็น

“ยายแจ๋วแหววนี่แทบจะไม่มีสมบัติอะไรติดตัวเลยค่ะ เพราะเป็นลูกเลี้ยงของป้ายุ้ยเอง แถมป้าของยุ้ยก็เป็นสาวโสดที่ไม่ได้ร่ำรวยอะไร ขายข้าวแกงอยู่ในตลาด เพราะฉะนั้นตัดเรื่องเงินไปได้เลย แถมยายแจ๋วแหววก็ไม่ใช่คนสวย นิสัยก็ธรรมดาๆไม่ได้ถึงกับดีเลิศอะไรมากมาย จะดีหน่อยก็ตรงที่รักดี เรียนจบปริญญาโทแล้วก็เก่งภาษาอังกฤษเลยได้งานเป็นเลขาบริษัทฝรั่ง แต่ก็เป็นบริษัทเล็กๆนะคะ เงินเดือนไม่ได้มากเท่ากับที่พวกเราได้หรอก เพราะฉะนั้นตลอดยี่สิบห้าปีที่ผ่านมา แจ๋วแหววเลยไม่มีผู้ชายมาจีบ แล้วก็ไม่เคยมีแฟนจนกระทั่งได้เข้าอบรมสัมมนาปาฏิหาริย์บันดาลรักนี่แหละค่ะ ของแบบนี้ไม่เชื่อก็อย่าลบลู่”

“แสดงว่าจะยายเจสสิก้าจะต้องเล่นคุณไสย...ไม่เอาด้วยหรอกนะ พี่ไม่ชอบเรื่องพวกนี้” ปรีติยาชักเริ่มคิดไปไกล

“ไม่มีเรื่องไสยศาสตร์มาเกี่ยวข้องแน่นอนค่ะ เพราะเป็นเรื่องการใช้พลังจิตเพื่อดึงดูดความรัก ยุ้ยว่าผู้หญิงอายุใกล้สามสิบอย่างเราๆเหลือเวลาน้อยเต็มที่แล้ว ถ้ามัวแต่ยึกยัก ก็อดกันพอดี ดูอย่างยุ้ยสิคะ สวยเอ็กซ์ขนาดนี้ ยังหาแฟนที่ถูกใจไม่ได้เลย อย่างพี่เชอร์รี่ก็เหมือนกัน ยุ้ยว่าพี่เชอร์รี่เป็นคนที่สวยเก๋มากคนนึง แต่คงจะเลือกมากถึงยังไม่มีแฟน ยุ้ยว่าเรามาลองเข้าอบรมกันดูดีกว่าค่ะ ขนาดแจ๋วแหววยังได้สามีเริ่ดขนาดนี้ เราสองคนก็ต้องได้ผู้ชายระดับท็อปของประเทศเป็นสามีอย่างแน่นอน” แล้วศศิภาก็ป้องปากหัวเราะ ทำหน้าฝันหวาน

มันก็น่าลองดูอย่างที่ศศิภาว่าจริงๆ ถ้าหากปาฏิหาริย์รักเกิดขึ้นกับแจ๋วแหววได้ ก็มีความเป็นไปได้ที่หล่อนจะได้ลงเอยกับสุดยอดหนุ่มโสดอย่างหม่อมหลวงภูวดลเช่นกัน

“ตกลงยุ้ย พี่จะลองเชื่อเราดูสักครั้ง แล้วสัมมนาจัดวันไหน กี่โมง พี่จะได้จดไว้เผื่อลืม” ปรีติยากดโปรแกรมนัดหมายในไอโฟนเพื่อเตรียมบันทึกวัน เวลา และ สถานที่ในการเข้าร่วมสัมมนา”

“ไม่ต้องจดหรอกค่ะ เพราะเดี๋ยวยุ้ยจะพาพี่ไปหลังเลิกงานวันนี้เลย”

คำตอบของศศิภาทำให้ปรีติยาเกือบจะพ่นกาแฟที่ดื่มออกมา เออีสาวคงตั้งใจจะมัดมือชกหล่อนให้ไปด้วยกันแต่แรกอยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะหล่อนมีแผนการที่จะพิชิตใจหม่อมหลวงภูวดล ปรีติยาก็คงไม่คิดจะลองเข้าร่วมสัมมนาเพี้ยนๆอะไรนี่หรอก จะว่าไปแล้วก็ถือว่าโชคชะตาช่วยจัดสรรให้หล่อนได้ดำเนินการตามแผนที่วางเอาไว้
‘ลองดูซักตั้ง...ถ้ามันไม่ได้ผลก็ถือว่าลองไปฟังอะไรแปลกๆ อาจจะได้ไอเดียมาคิดโฆษณาเก๋ๆก็ได้’ ปรีติยาปลอบใจตัวเอง จะพิชิตใจผู้ชายสมัยนี้ แค่เล่ห์หรือกลคงจะไม่พอเสียแล้ว แต่ต้องเล่นกันถึงพลังจิตเลยทีเดียว หล่อนก็ได้ชื่อว่าเป็นพวกจิตแข็งเสียด้วยสิ ไม่แน่งานนี้อาจจะสละความโสดกับเขาเสียที

++++++++++++++++++++++++

งานสัมมนาปาฎิหาริย์บันดาลรักของเจสซิก้า จาง จัดขึ้นที่ ณ ห้องจัดเลี้ยงที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านใจกลางสาธร แม้โรงแรมที่จัดงานจะอยู่ไม่ไกลจากอาคารที่หล่อนทำงาน แต่กว่าจะสะสางงานต่างๆเสร็จก็เกือบจะไปไม่ทันเวลา ด้านหน้าของห้องสัมมนามีภาพถ่ายของเจสสิก้า จาง ขนาดเท่ากับตัวจริงยืนยิ้มร่าอยู่ในชุดสูทกระโปรงสีดำเข้าชุดกัน ตัวเสื้อด้านในเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาว มีเข็มกลัดเพชรรูปหัวใจเปล่งประกายอยู่บนอก และสวมรองเท้าคัทชูหุ้มส้นสีดำ การแต่งกายของเจสสิก้าแลดูภูมิฐานขับบุคลิกให้ดูน่าเชื่อถือ

มือข้างหนึ่งของเจสสิก้าท้าวสะเอว ส่วนอีกข้างนึงยกแบขึ้นและมีหัวใจสีชมพูแวบวับลอยเหนือฝ่ามือที่แบอยู่นั้น รอบๆหัวใจสีชมพูมีแสงออร่าเปล่งประกาย บอกให้รู้เป็นนัยว่า ความรักอันสว่างเรืองรองอยู่ในกำมือของเธอ ใบหน้าของเจสซิก้าเป็นทรงกลม ดวงตาเล็กหยีแบบคนจีน จมูกแบน และมีริมฝีปากจุ๋มจิ๋มซึ่งเคลือบไว้ด้วยลิปสติกสีแดงสด ยิ้มอย่างสดใสเผยให้เห็นฟันขาวที่เรียงตัวสวย ทำให้ใครต่อใครที่เดินผ่านมองเห็นเป็นจุดสังเกตได้ไม่ยาก

ขั้นตอนก่อนการเข้าอบรมก็เหมือนกับการเข้าร่วมการสัมมนาทั่วไป คือเซ็นชื่อลงทะเบียนพร้อมจ่ายค่าเข้าร่วมอบรมคนละห้าพันบาทซึ่งถือว่าไม่ถูกเลยสำหรับการเข้าอบรมเพียงแค่ครั้งเดียวและไม่รู้ว่าจะได้ผลหรือเปล่า ผู้เข้าอบรมในวันนี้มีถึงร้อยยี่สิบคนและที่นั่งก็จัดไว้เต็มครบทุกที่นั่ง ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงโสดที่กำลังแสวงหารักเช่นเดียวกับปรีติยาและศศิภา มีผู้ชายบ้างแต่ก็ไม่มากนัก

คนที่นั่งขนาบหล่อนและศศิภาเป็นกลุ่มเด็กสาวอายุราวยี่สิบต้นๆ ไม่ว่าดูยังไงก็ไม่น่าอยู่ในวัยที่ต้องรีบร้อนมีความรัก แม้แต่คุณป้าวัยหกสิบที่มาเข้าร่วมอบรมก็ยังมี ช่างน่าประหลาดใจที่คนไขว้คว้าหาความรักมีทุกเพศทุกวัยจริงๆ

ปรีติยาจมอยู่กับความคิดของตัวเอง จนกระทั่งแสงไฟจากเวทีเตี้ยๆเบื้องหน้าสาดส่องไปยังร่างของเจสสิก้าซึ่งมีรูปร่างหน้าตาไม่ผิดเพี้ยนจากรูปภาพขนาดตัวจริงที่ตั้งแสดงไว้ด้านหน้าห้องจัดเลี้ยงเลยแม้แต่น้อย

“สวัสดีค่ะทุกท่าน ดิฉัน เจสสิก้า จาง ขอต้อนรับทุกท่านสู่การสัมมนาหัวข้อ ‘มหัศจรรย์บันดาลรัก’ที่จะนำความรักมาสู่หัวใจที่รอคอยความรักทุกดวง”เพียงแค่กล่าวทักทาย ปรีติยาก็อยากจะอ้วกแล้ว

“หลายท่านที่มาร่วมสัมมนาวันนี้ ไม่ว่าคุณจะอายุมากหรือน้อย จะเป็นผู้ชาย ผู้หญิง ทอม ดี้ หรือเกย์ คุณก็มีสิทธิ์สมหวังในความรักได้ทั้งนั้น เพียงแต่คุณต้องเรียนรู้การดึงพลังที่มีอยู่ในตัวของคุณมาใช้เพื่อสร้างปาฎิหาริย์ซึ่งเราเรียกพลังนี้ว่า ‘แรงดึงดูดแห่งรัก’ มาใช้ให้เกิดประโยชน์เท่านั้นเอง ไม่ว่าคุณปรารถนาหรือต้องใจผู้ใด แรงดึงดูดแห่งรักจากหัวใจของคุณจะสามารถชักเขาและเธอให้มาพานพบกันได้ ดิฉันเชื่อว่าหลายท่านในที่นี้ คงจะมีใครบางคนที่หมายตาต้องใจแล้ว เพียงแต่มองไม่เห็นความหวังว่าคุณกับเขาหรือเธอคนนั้นจะได้พบและรักกันได้อย่างไร ดิฉันขอให้คุณทิ้งความสิ้นหวังไว้ตรงนี้แล้วสร้างความหวังแห่งรักกับฉันค่ะ”คำกล่าวของเจสสิก้าทำให้ปรีติยาละทิ้งอคติและตั้งใจฟัง

“สิ่งที่ดิฉันจะพูดต่อไปนี้ฟังดูแล้วอาจจะเป็นเรื่องเหลือเชื่อหรือยากต่อการพิสูจน์ แต่ดิฉันอยากขอให้ทุกท่านเปิดใจและลองทำตามกฎเหล็กสำคัญสามข้อที่จะสร้างความมหัศจรรย์แห่งรักแก่คุณได้ กฎเหล่านั้นคือ กฎของแรงดึงดูดแห่งรัก กฎแห่งความปรารถนา และกฎแห่งความกลมกลืน เริ่มจากกฎข้อแรก กฎของแรงดึงดูดแห่งรัก อธิบายให้ฟังได้ง่ายๆก็คือ พลังงานที่คุณสร้างขึ้นในทุกๆวันเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต มันเป็นพลังงานที่มีกำเนิดมาจากจิตที่มองไม่เห็น ถ้าพูดในเชิงฟิสิกส์ก็คือ พลังควอนตัมนั้นเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ของมนุษย์โดยตรง ส่วนกฎแห่งความปรารถนานั้น ความปรารถนาของเราคือแรงจูงใจและเป็นทางเลือกของคุณ มันจะช่วยเชื่อมโยงสิ่งที่เราเสน่หาและจุดมุ่งหมายของเราได้ ส่วนกฎแห่งความกลมกลืนคือ พลังงานแห่งความรักที่เปิดใจรับทุกอย่างจึงก่อให้เกิดการยอมรับในหัวใจสองดวง ถ้าคุณปฏิบัติตามกฎสำคัญทั้งสามข้อนี้ ดิฉันเชื่อว่าคุณจะสามารถดึงดูดใจคนที่คุณหมายปองได้สำเร็จอย่างแน่นอน”

เสียงปรบมือดังกึกก้องอย่างถูกใจเมื่อได้ยินผลการรับรองผล แม้ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเมื่อนำไปปฏิบัติจริงจะสำเร็จหรือไม่แต่ก็ขอเฮไว้ก่อน ปรีติยาเองก็ปรบมือตามมารยาทและเหลือบมองศศิภาที่ทำหน้าอินจัด หากถามว่าหล่อนเข้าใจสิ่งที่เจสสิก้าอธิบายหรือไม่ ปรีติยาก็ขอบอกตามตรงว่าเข้าใจบางส่วน เพราะกฎเหล่านี้ฟังดูเหมือนเรื่องเหลือเชื่ออย่างที่เจสสิก้าพูดจริงๆ

“เพื่อให้คำพูดของดิฉันไม่ใช่เรื่องที่เลื่อนลอยหรือฟังดูเป็นไปไม่ได้ ดิฉันจึงมีวิธีการง่ายๆบางอย่างที่จะช่วยดึงพลังในตัวคุณเพื่อดึงดูดคนที่คุณรักได้ง่ายขึ้น ซึ่งก็คือการทำสมุด scrapbook ของคนที่คุณรักหรือสนใจ แล้วเขียนสิ่งที่คุณปรารถนาลงไปว่าคุณต้องการอะไรเกี่ยวกับเขาหรือเธอ เช่น เขียนว่าอยากจะพบเขาหรือเธอภายในวันที่เท่าไหร่ อยากให้มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นระหว่างคุณกับเขาบ้าง และคุณมีจุดหมายร่วมกันกับเขาหรือเธอผู้นั้นในอนาคตอย่างไร จงจำไว้ว่าคุณคือพระเจ้าผู้ลิขิตและกำหนดชีวิตของตัวคุณเอง เพราะพลังจิตและแรงปรารถนาของคุณจะดึงให้เขาหรือเธอผู้นั้นมาอยู่ใกล้ตัวคุณ เพียงแต่คุณต้องส่งผ่านพลังและมีจิตใจจดจ่อต่อภาพและข้อความที่คุณบันทึกลงไป คุณควรจะมีความปรารถนาต่อตัวเขาและเธออย่างแท้จริง และพยายามรู้สึกให้ได้ว่าข้อความที่เขียนลงไปในสมุดเล่มนั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณได้จริงๆอย่างแน่นอน”

เทคนิคของเจสสิก้าเรื่องทำสมุดสะสมภาพ ทำให้ปรีติยานึกถึงภาพยนตร์เรื่อง ‘Last Holiday’ ที่เคยดูเมื่อหกปีก่อน นางเอกของเรื่องจะติดภาพของสิ่งที่เธอปรารถนาในแฟ้ม ไม่ว่าจะเป็นความฝันที่จะได้ไปพักผ่อนที่รีสอร์ตหรูในยุโรป ได้รับประทานอาหารจากฝีมือของพ่อครัวเอ จนกระทั่งวันหนึ่งที่เธอรู้ว่าจะมีโอกาสอยู่บนโลกใบนี้อีกเพียงไม่กี่วัน จึงตัดสินใจใช้เงินเก็บทั้งชีวิตที่อดออมมานานเพื่อทำตามความปรารถนาที่เคยตัดภาพใส่แฟ้มไว้

ปรีติยาคิดว่าถ้าจะลองทำดูก็ไม่เสียหายอะไร อีกอย่างหล่อนเองก็เป็นคนที่ชอบจดบันทึกประจำวัน และ ทำสมุด scrapbook เป็นงานอดิเรกอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเมื่อหล่อนกลับถึงบ้าน ปรีติยาจึงตั้งใจว่าจะลองกลับไปทำสมุด scrapbook ของหม่อมหลวงภูวดล

เจสสิก้ายังให้อธิบายให้ฟังเกี่ยวกับพลังมหัศจรรย์ในตัวมนุษย์ที่สามารถสร้างความรักอีกราวสองชั่วโมง การสัมมนานั้นจึงสิ้นสุด ศศิภาเอ่ยปากชมเจสสิก้าไม่ขาดปากจนปรีติยาชักเริ่มหมั่นไส้

“ยังไม่ทันทดลองว่าได้ผลหรือเปล่าก็เคลิ้มขนาดนี้ คนเป็นนักจิตวิทยาก็สามารถโน้มน้าวจิตใจคนเก่งอยู่แล้วล่ะ นี่ก็สี่ทุ่มกว่าแล้วพี่คงต้องขอตัวกลับก่อน แต่จะวนรถไปส่งยุ้ยที่บริษัทฯให้นะ” ปรีติยาต้องไปส่งศศิภาที่บริษัทเพราะหญิงสาวจอดรถทิ้งไว้ แต่ศศิภาทำท่าเหมือนไม่อยากกลับบ้านสักเท่าไหร่เพราะอยากเม้าท์ต่ออีกสักหน่อย ระหว่างนั่งรถกลับบริษัท ศศิภาก็เปรยขึ้นมา

“ยุ้ยอยากกลับไปทำสมุด Scrapbook อะไรนี่อยู่หรอกนะคะ แต่บอกตรงๆว่ายุ้ยยังนึกหน้าผู้ชายคนที่อยากส่งพลังดึงดูดไม่เจอเลย พี่เชอร์รี่มีหนุ่มในใจแล้วใช่ไหมล่ะถึงได้รีบกลับบ้านแบบนี้ ยุ้ยรู้หรอกน่า”

“แหม เกลียดคนรู้ทันอย่างเธอจริงๆ ตอนนี้พี่ก็มองใครคนนึงไว้ บอกไว้ก่อนว่าจองแล้ว ห้ามแย่งนะจ๊ะ และผู้ชายคนนั้นก็คือ หม่อมหลวงภูวดล เจตน์อาภรณ์ ณ ปางแก้ว” ปรีติยาเอ่ยชื่อชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงเหนียมอาย

“เล่นของสูงเลยนะพี่เชอร์รี่ ยังไงหนูก็ขอให้พี่มุ่งมั่นเข้าไว้ ขอให้ได้ขอให้โดนนะคะ ยุ้ยจะได้มีวาสนาไปงานแต่งไฮโซกับเขาบ้าง”

“ขอบใจนะ ยุ้ยเองก็รีบๆมองหาหนุ่มที่ชอบให้ได้ไวๆก็แล้วกัน เดี๋ยวถ้าพี่แซงหน้าไปก่อนจะหาว่าไม่เตือน” ปรีติยาพูดข่ม ทั้งที่ในใจไม่มั่นใจเลยแม้แต่นิดเดียว

รถของปรีติยาเลี้ยวมาจอด ณ ลานจอดรถตรงบริเวณที่รถญี่ปุ่นสีเหลืองคันเล็กของศศิภาจอดอยู่ สาวเออีจึงลงจากรถแล้วกล่าวลา

“ขอบคุณค่ะพี่เชอร์รี่ ขับรถกลับบ้านดีๆนะคะ คืนนี้พี่เชอร์รี่คงจะส่งพลังดึงดูดหาหม่อมหลวงภูวดลทั้งคืนแน่ๆเลย อิจฉาคนกำลังจะมีความรักจริงๆ แล้วพรุ่งนี้พบกันค่ะๆ” ศศิภาเอ่ยด้วยน้ำเสียงร่าเริงก่อนจะเดินไปที่รถญี่ปุ่นสีเหลืองคันจิ๋วแล้วรถขับออกไป

ปรีติยาได้แต่นึกขันเมื่อนึกถึงสิ่งพิลึกพิลั่นที่หล่อนจะลองทำในคืนนี้ เดี๋ยวก็ได้รู้ว่ามหัศจรรย์จะบันดาลรัก หรือ จะสร้างความบรรลัยให้กับชีวิตของหล่อนกันแน่



นภาสรร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 พ.ย. 2555, 11:38:30 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 พ.ย. 2555, 11:38:30 น.

จำนวนการเข้าชม : 3796





<< 2 :: ผู้ชายระดับ A-list เท่านั้นที่ฉันคู่ควร   4 : ผู้ชายอย่างนายไม่ต่างอะไรจากยุง >>
หมีสีชมพู 17 พ.ย. 2555, 11:53:17 น.


lovemuay 17 พ.ย. 2555, 12:50:04 น.
จะดึงดูดหม่อมมา หรือว่าดูดหนุ่มตี๋มากันแน่น้า อิอิ


goldensun 17 พ.ย. 2555, 14:33:04 น.
เชอร์รี่ไม่เชื่อถืออย่างนี้ จะได้ผลหรือคะ ก็ตัวเองยังไม่เชื่อเลย
รอลุ้นว่า จะดึงดูดได้แรงแค่ไหน เวลากระชั้นซะด้วย


หมูอ้วน 17 พ.ย. 2555, 16:03:34 น.
ตามลุ้น หนูเซอร์รี่ค่ะ จะรอดมั้ยเนี่ย


อุ้มสม 17 พ.ย. 2555, 17:26:16 น.
สู้ๆๆค้าบพ้มพี่แตม ><


นภาสรร 19 พ.ย. 2555, 10:09:22 น.
ขอบคุณคุณหมีสีชมพู คุณ lovemuay คุณ Goldensun คุณหมูอ้วน และ คุณอุ้มสม มากๆนะคะ เดี๋ยวก็ได้รู้กันค่ะ ว่าแรงดึงดูดจะชัวร์หรือมั่วนิ่ม เดี๋ยวพรุ่งนี้จะลงให้อ่านต่อนะคะ ^__^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account