แรงแค้นแรงริษยา
เป็นเรื่องราวของ "ราณี" หญิงสาวที่เดิบโตขึ้นมาโดยมีแม่คอยเลี้ยงดูอย่างตามใจมาตั้งแต่เล็กแค่คนเดียว เพราะพ่อของเธอได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถชนต่อหน้าต่อตาเธอเมื่อเธอยังเด็ก เธอจำได้แค่หน้าคนที่ชนพ่อเธอเท่านั้น เพราะเด็กก็เลยทำให้เธอโกรธแค้นผู้ชายคนนั้นจนฝังใจ
ราณี เติบโตจนเป็นสาวอายุ 20 หน้าตาสะสวยจนผู้หญิงหลายๆคนอิจฉา เธอถูก แรมใจ แม่ของเธอซึ่งมีอาชีพขายขนมหวานเป็นหลักเลี้ยงมาอย่างตามใจเพราะแรมใจมัวแต่ทำมาค้าขายก็เลยไม่ค่อยได้สนใจลูกสาวของตัวเองเท่าไหร่ จึงทำให้ ราณี กลายเป็นหญิงสาวที่ทะเยอทะยานอยู่ในโลกแห่งความฝัน เธอมักจะคิดว่าสิ่งที่เธอทำถูกเสมอ
ราณี เรียนจบแค่ ม.6 ก็ไม่ยอมไปเรียนต่อ ราณีสนใจแต่เรื่องแต่งตัว กับผู้ชายจนทำให้ แรมใจ หนักใจเป็นอย่างมากแต่ก็ไม่อยากว่าลูกสาวมากเพราะมีกันอยู่แค่สองคนไม่อยากให้ลูกสาวคนเดียวของเธอต้องเป็นคนเก็บกด
ราณี คบกับ อนุ ลูกชายคนเดียวของคุณนายเอี่ยมจิต และ เสี่ยบุญหนัก ซึ่งเป็นเจ้าของตลาดสดที่แม่ของเธอเช่าขายของอยู่ แต่คุณนายเอี่ยมจิตกับเสี่ยบุญหนัก ไม่ชอบ ราณี เพราะเห็นเป็นแค่ลูกแม่ค้าขนมหวาน ทั้งสองจึงได้สู่ขอ อรทิพย์ลูกสาวของเถ้าแก่ร้านทองให้อนุ จึงทำให้ ราณี คับแค้นใจมาก ราณีเข้าไปอาระวาดงานหมั้นของ อนุ จึงถูกคนของ คุณนายเอียมจิตทำร้าย และโดนขู่ว่าถ้า ราณียังมายุ่งกับลูกชายของตนอีกเธอจะส่งคนไปทำร้ายแม่ของเธอ ทั้งยังจะไม่ให้แม่ของเธอมีที่ทำมาหากินอีกด้วย
พอ ราณีรู้ว่าอนุ ไม่ได้รักตนเอง เธอก็ขอแม่เธอเข้ามาอยู่ในกรุงเทพกับ ศจี สาวสวยวัยกลางคนซึ่งเป็นน้าแท้ๆของเธอ แรมใจจึงให้ลูกสาวไปเพราะไม่อยากให้ ราณี คิดมาก ศจีพาราณีมาทำงานในบาร์แห่งหนึ่ง โดยให้ ราณี เป็นสาวเสริฟ แต่เพราะราณี เป็นคนสวยจึงมีหนุ่มๆมาติดมากมาย หนึ่งในนั้นก็คือ วัลลภ นักธุรกิจร้อยล้านซึ่งเขาได้มาเที่ยวกับเพื่อนๆในช่วงวันหยุด
วัลลภ มีภรรยา ชื่อ อริณซึ่งเป็นลูกสาวของนายพลองอาจ และคุณหญิง รัศมี วัลลภและอริณ มีลูกด้วยกันแล้วหนึ่งคนเป็นผู้หญิงชื่อน้อง ต้นอ้อ วัลลภรักภรรยาและลูกสาวของเขามาก ถึงเขาจะเป็นคนเจ้าชู้แต่เขาก็ไม่เคยจริงจังกับใคร เพราะ อริณแสนดีเกินไปจนเขาไม่กล้าทำร้ายจิตใจเธอ และ อริณก็เป็นผู้หญิงคนเดียวที่เขาเลือกแล้วที่จะให้เป็นแม่ของลูก
วัลลภ ได้แอบคบกับ ราณี เขาคิดกับราณีแค่เล่นๆ แต่ ราณีกลับคิดจริงจังกับวัลลภ เพราะถูกศจียุยงส่งเสริมให้จับวัลลภให้ได้ ราณีได้ใช้มารยาหลอกล่อให้วัลลภสงสารและเห็นใจตัวเองจนทำให้วัลลภไม่กล้าเลิกกับเธอ ยิ่งราณีได้รู้จักกับวัลลภ ก็ยิ่งทำให้เธอรักเขามากขึ้นจนอยากได้วัลลภมาเป็นของตนเองแค่คนเดียว ราณีทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะให้ วัลลภกับอริณแยกทางกัน เธอได้ทำความรู้จักกับอริณแฟนของวัลลภโดยบอกว่าเธอเป็นเพื่อนของวัลลภเมื่อตอนที่ยังเรียนมหาลัย อริณก็เชื่อ ยิ่ง ราณีรู้จักกับอริณทำให้เธอได้เจอผู้ชายที่ขับรถชนพ่อของเธอจนเสียชีวิต ยิ่งทำให้แค้นจนอยากทำให้อริณได้รับความสูญเสีย เพราะความแค้นและความหลงผิดของตนเองจึงทำให้ราณีก่อเรื่องวุ่นวายและร้ายแรงขึ้นเรื่อยๆ
เรื่องราวของแรงแค้นและแรงริษยาของ ราณี จะจบลงยังงัยติดตามเนื่้อเรื่องกันต่อไปนะค่ะ


Tags: ราณี

ตอน: ชีวิตผู้หญิงกลางคืน

เมืองกรุง ในยามค่ำคืนกลับมีแสงสีสวยงาม มีผู้คนออกมาเที่ยวเตร่หาความสุขช่วงค่ำคืนกันมากมาย และคืนนี้ก็เป็นครั้งแรกที่ราณีมาทำงานที่บาร์ของเสี่ยอ๋า ศจีพาราณีมาที่ร้านก่อนร้านจะเปิดสักครึ่งชั่วโมงเพื่อให้ราณีได้เตรียมตัว
ก้าวแรกที่ราณีเข้ามาในร้านกับศจี เด็กทุกคนในร้านต่างก็หันมองกันหมด โดยเฉพาะสองสาว แสงดาวกับราตรีที่มองราณีอย่างไม่ค่อยเป็นมิตรเลย ศจีแนะนำราณีให้เด็กในร้านทุกคนรู้จัก เด็กในร้านต่างพากันชื่นชมในความสวยของราณี จนทำให้สองสาว แสงดาวและราตรีรู้สึกหมั่นไส้ราณีเอามากๆ เพราะพวกเธอกลัวว่าแขกของพวกเธอจะหันไปชอบราณีเข้า จนพวกเธออดที่จะพูดค่อนแคะศจีไม่ไหว

"ไปขุดเอามาจากไหนเหรอเจ๊หน้าตาสวยดีนะ แต่เด็กในร้านเราก็เยอะแล้วนี่ แล้วอีกอย่างช่วงนี้แขกเราก็น้อยถ้ามีเด็กมาเพิ่มอีกพวกฉันก็ไม่ยิ่งแย่กว่าเดิมเหรอเจ๊" แสงดาวถามแกมพูดประชด ทำให้เด็กในร้านหลายคนเริ่มเห็นด้วยคล้อยตามคำพูดของ แสงดาว

"ไม่ได้ไปขุดมาจากไหนหรอกจ๊ะ นี่หลานสาวของฉันเอง" ศจีจับมือราณีไว้แน่นเพราะกลัวว่าเธอจะทนคำพูดคำจาของแสงดาวไม่ไหว แต่ผิดคาดเพราะราณีกลับรู้สึกเฉยๆ

"ต๊าย! ถึงขั้นต้องลงทุนพาหลานสาวมาทำงานด้วยเลยเหรอจ๊ะศจี แหมก็ดีนะ จะได้ไม่ต้องไปเสียเวลาเสียเงินจ้างเด็กคนอื่นมา" ราตรีพูดแขวะศจีอย่างหมั่นไส้
ราตรีซึ่งมีอายุเท่าศจี เธอและศจีเคยเป็นเพื่อนที่สนิทกันมาก แต่พอราตรีรู้ว่าเสี่ยอ๋าชอบศจีเธอก็รู้สักอิจฉาจึงคอยกลั่นแกล้งให้ศจีดูไม่ดีในสายตาของเสี่ยอ๋า แต่เสี่ยอ๋ากลับไม่ใส่ใจแถมยังสงสารศจี ก็ยิ่งสร้างความคับแค้นใจให้ราตรีเป็นอย่างมาก จากนั้นจากเพื่อนสนิทเลยกลายเป็นคนไม่รู้จักในทันที เพราะความขี้อิจฉาของราตรีนั่นเอง

"ที่ฉันพายัยณีมาทำงานที่นี่ ฉันต้องการให้เธอมาเรียกแขกให้กับร้านของเราต่างหาก เพราะร้านเราไม่ค่อยมีเด็กใหม่มาหาสมัครงานกันเท่าไหร่ ถึงมีก็อยู่ได้ไม่นาน ก็ต้องออก เพราะเจ้าที่แถวนี้มันแรงกันซะเหลือเกิน" ศจีพูดเหน็บราตรีและแสงดาว จนสองสาวถึงกับหน้าชา แต่ก็ไม่กล้าต่อปากต่อคำอะไรมาก

เมื่อถึงเวลาทำงานทุกคนในร้านต่างก็แยกย้ายกันออกไปทำงานตามหน้าที่ของตน ศจีให้ราณีทำงานเป็นสาวเสริฟในร้าน เพราะเธอยังไม่อยากให้ราณีทำงานนั่งกับแขก เพราะกลัวว่าราณีจะทนไม่ได้เวลาเจอพวกแขกประเภท มืออยู่ไม่สุข จึงค่อยๆให้ราณีเรียนรู้การทำงานเป็นคนกลางคืน อย่างค่อยเป็นค่อยไปจนเธอชินก่อน แล้วค่อยถามถึงความสมัครใจของราณีอีกที
ราณีทำงานที่นี่แค่คืนแรกก็มีแขกที่มาเที่ยวในบาร์ชื่นชอบมากมาย เพราะความสวยของเธอทำให้แขกต่างอยากรู้จักราณีกันยกใหญ่ จึงทำให้แสงดาวและราตรีรู้สึกหมั่นไส้ราณีอย่างมาก

ที่ห้องน้ำหญิงของพนักงานในบาร์ แสงดาวกับราตรีเดินเข้ามาเติมแป้งแต่งหน้า โดยไม่รู้ว่าราณีมาเข้าห้องน้ำอยู่ก่อนแล้ว

"น่าหมั่นไส้ นัก...ยัยนี่มาแค่วันแรกแขกก็ติดมันแล้ว นี่เป็นแค่เด็กเสริฟนะ ถ้ามันมานั่งกับแขกเหมือนเรา ไอ่พวกแขกหน้าโง่มันไม่ยิ่งพากันวิ่งกรูมาต่อแถวกันเลยเหรอพี่ราตรี"

"นี่แกพูดเหมือนกำลังอิจฉามันเลยนะนังแสงดาว แกจะไปกลัวอะไร มันก็แค่เด็กใหม่ต่อให้มันสวยอย่างกับนางฟ้านางสวรรค์มาจากไหน ไอ่พวกผู้ชายหน้าโง่มันก็แค่เห่อชั่วประเดี๋ยวประด๋าวไม่นานมันก็เบือ" ราตรีแต่งหน้าอย่างไม่ค่อยสนใจคำที่แสงดาวบอกสักเท่าไหร่

"แล้วถ้ามันไม่เป็นอย่างที่พี่คิดล่ะ" แสงดาวรู้สึกกังวล

"แกจะกังวลอะไรนักหนานางดาว เราก็ทำเหมือนทุกครั้งงัย ให้มันอยู่ไม่ได้เหมือนอีพวกนั้นที่มันทนโดนเราแกล้งมันไม่ไหว เดี๋ยวมันก็ไปเองแหละ ฮ่าาาๆ... "ราตรีหัวเราะอย่างชอบใจในความคิดของตน แล้วเดินออกจากห้องไป

"นั่นสินะ อ้าวพี่ราตรีรอฉันด้วยสิ" แสงดาวรีบตามราตรีออกไป

ราณีซึ่งแอบฟังสองสาวนินทาตัวเอง ก็รู้สึกขำๆ กับความคิดของทั้งสองสาว
"ทำงานวันแรกก็มีศัตรูซะแล้วเหรอฉัน แต่อย่าคิดนะว่าคนอย่างฉันจะยอมง่ายๆ เธอเล่นผิดคนแล้วล่ะ" แล้วราณีก็ออกมาทำงานต่อโดยทำเหมือนไม่รู้ไม่ได้ยินที่ แสงดาวและราตรีคุยกัน

พอหลังจากที่ร้านปิด เด็กในร้านก็ทยอยพากันกลับบ้านส่วนบางคนก็ออกไปต่อกับแขกข้างนอก ศจีพาราณีกลับบ้าน ระหว่างทางศจีได้ชวนราณีคุยถึงเรื่องการทำงานของเธอ

"เป็นงัยบ้างยัยณี เหนื่อยมากมั๊ย" ศจีหันไปมองหน้าหลานสาวแว้บนึง ก็หันกลับมามองทางเพราะขับรถอยู่

"ก็ดีค่ะ น้าจีสนุกดีแถมยังได้ทิปดีอีกด้วย" ราณียิ้มอย่างมีความสุขกับงานนี้ ทำให้ศจีรู้สึกสบายใจขึ้นเยอะ เพราะตอนแรกเธอคิดว่าราณีจะไม่ชอบงานแบบนี้เสียอีก

"แล้วเพื่อนร่วมงานล่ะจ๊ะ มีใครมีปัญหาอะไรกับหนูหรือเปล่า" ความจริงศจีก็หมายถึงแสงดาวกับราตรีนั่นเอง

"ไม่มีนี่ค่ะ ถึงมีหนูก็ไม่กลัวหรอกค่ะ" ราณีคิดถึงแสงดาวกับราตรีที่คุยกันถึงเรื่องเธอวันนี้ มันก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกว่าต้องระวังตัวเองมากขึ้น

"ถ้าไม่มีก็ดีจ๊ะ แต่ถ้ามีใครแกล้งหรือทำอะไรหนูก็บอกน้านะ เดี๋ยวน้าจะจัดการเอง" ศจีบอกหลานอย่างเป็นห่วง "แต่ทางที่ดี น้าว่าณีอยู่ห่างๆ ยัยแสงดาวกับราตรีไว้จะดีกว่านะจ๊ะ อย่าไปยุ่งกับสองคนนี้เป็นดีที่สุด" ศจีเตือนราณีอย่างเป็นห่วง

"ทำไมเหรอค่ะ สองคนนั่นร้ายมากเลยเหรอค่ะ" ราณีแกล้งถามน้าสาว เพราะเท่าที่เธอได้ยินสองสาวนั่นพูดกันเธอก็รู้แล้วว่าสองสาวนั่นร้ายขนาดไหน

"ก็ใช่สิจ๊ะ เพราะมีเด็กหลายคนต้องลาออกจากที่นี่ไปก็เพราะยัยสองสาวขี้อิจฉานี่แหละ" ศจีส่ายหัวเมื่อนึกถึงแสงดาวและราตรี

"แล้วทำไมน้าจีไม่ไล่พวกเค้าออกไปแล้วรับเด็กใหม่แทนล่ะค่ะ"

"ก็อยากไล่อยู่หลอกจ๊ะ แต่น้าก็สงสารพวกเค้า เพราะราตรีเคยเป็นเพื่อนสนิทของน้ามาก่อนหล่อนต้องหาเงินเลี้ยงตัวเองเพื่อใช้หนี้ให้ไอ่ผัวเฮงซวยที่ติดการพนันอย่างหนัก ส่วนแสงดาวยิ่งมีภาระต้องเลี้ยงแม่ชรา แล้วก็น้องชายที่วันๆเอาแต่เที่ยวเตร่ไม่ช่วยพี่สาวทำมาหากิน น้าก็เลยไล่พวกเค้าสองคนไม่ลง" ศจีรู้สึกสงสารราตรีและแสงดาวเมื่อพูดถึงพวกเธอ

"แต่หนูว่า สองคนนี้ต้องโดนแก้เผ็ดซะบ้างนะคะ น้าจี พวกเค้าจะได้เลิกทำตัวแบบนี้เสียที"

"น้าก็ไม่รู้จะทำยังงัยเหมือนกัน เพราะสองคนนี้เค้ามีแขกเจ้าประจำกระเป๋าหนักมาติดอยู่หลายคน ทำให้ที่ร้านเรามีรายได้เข้าดีอยู่ น้าก็เลยคิดว่าปล่อยๆไปจะดีกว่าน่ะ..ถึงบ้านซะที" ศจีหาวพลางหยิบมือถือโทรหาอ้อยเพื่อให้มาเปิดประตู เพราะศจีไม่อยากบีบแตรกลัวว่าบ้านข้างๆเค้าจะรำคาญเอา

"เอาล่ะพักผ่อนให้เต็มที่ อยากตื่นตอนไหนก็ตื่นพักผ่อนเยอะๆ" พูดจบศจีก็เข้าบ้านขึ้นไปนอน ส่วนราณีก็แยกไปนอนห้องตัวเองเหมือนกัน

รุ่งเช้าของวันใหม่ ณ บ้านหลังใหญ่โตสีขาวตั้งตะหง่านอยู่ท่ามกลางต้นไม้และพุ่มดอกไม้ที่สวยงาม

"ทานข้าวค่ะคุณ วันนี้มีข้าวต้มกุ้งของโปรดของคุณด้วยนะค่ะ" อริณคุณแม่ยังสวยบอกวัลลภผู้เป็นสามีที่ใส่ชุดเตรียมไปทำงานแต่เช้า

"อือหื้อ..!หอมมากเลย" วัลลภไได้กลิ่นข้าวต้มหอมๆก็เดินมาหาภรรยาที่โต๊ะก่อนเขาจะนั่งลง ก็ได้หอมแก้มอริณ จนอริณเขิน

"คุณนี่ เดี๋ยวใครมาเห็นมันจะไม่งามนะค่ะ" อรินบ่นอย่างอายๆ

"ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่จ๊ะ ก็เมียผมสวยขนาดนี้ไม่ให้หอมเมีย แล้วผมจะไปหอมใครล่ะ" เขามองหน้าภรรยาแล้วก็กินข้าวต้มอย่างอร่อย

"คุณพ่อ คุณแม่ขา.." ต้นอ้อลูกสาวของวัลลภและอริณวิ่งเข้ามาหาพวกเขาที่โต๊ะอาหาร มีพี่เลี้ยงเดินตามมา

"ว่างัยจ๊ะลูกสาวคนสวยของพ่อ มา มานั่งใกล้พ่อนี่" พี่เลี้ยงจึงขยับเก้าอี้ให้น้องต้นอ้อให้มานั่งใกล้วัลลภ

"วันนี้แม่ทำข้าวต้มกุ้ง ต้นอ้อต้องทานเยอะๆนะลูก" อริณบอกลูกสาวอย่างเอ็นดู

"ได้เลยค่ะ เดี๋ยวหนูจะทานให้หมดเลย" สองสามีภรรยาต่างมองหน้าลูกสาวอย่างเอ็นดู

เมื่อทานข้าวเสร็จวัลลภก็เตรียมออกไปที่บริษัทโดยมีอริณและลูกสาวตัวน้อยเดินตามไปส่งเขาที่รถ

"บ๊าย บายค่ะคุณพ่อ" ต้นอ้อหอมแก้มพ่อของเธอ

"บายจ๊ะคนเก่งของพ่อ อย่าดื้อให้คุณแม่นะค่ะ เดี๋ยวตอนเย็นพ่อกลับมาหานะ" แล้ววัลลภก็ก้มหอมแก้มลูกสาวสุดที่รักของเขา ก่อนจะหันไปหาอริณ "ผมไปทำงานก่อนนะคุณ"

"ค่ะ รีบไปเหอะคุณ เดี๋ยวจะสายเป็นถึงผู้บริหารไปสายกว่าลูกน้องเดี๋ยวก็โดนนินทาเอาหรอก" อริณเตือนสามี

เมื่อวัลลภมาถึงบริษัท อดิศรก็ตรงดิ่งเข้ามาหาเขาที่ห้องทำงานทันที
"นี่งานที่แกให้ฉันไปตรวจสอบเรียบร้อยหมดแล้ว" อดิศรยื่นรูปบ้านจัดสรรที่บริษัทวัลลภได้สร้างไว้ขายที่ อ่างทองให้วัลลภดู

"เฮ้อ เสร็จซะทีนี่มะรึนนี้ฉันว่าจะชวนแกไปดูที่แถวๆ ปทุมธานีหน่อยว่ะพ่ออริณเค้าอยากได้ที่แถวนั้นทำบ้านจัดสรรอีก"

"ได้ครับท่านบริหาร เดี๋ยวกระผมขอตัวไปเคลียงานทั้งหมดที่ท่านมอบหมายให้กระผมให้เสร็จก่อนนะครับ คงทันวันมะรึนนี้พอดี" อดิศรพูดแกมหยอกประชดเพื่อนตัวเอง
แล้วเค้าก็กลับห้องของเขา

ธุรกิจบ้านจัดสรรของวัลลภไปได้สวยมากเพราะเขาเป็นคนหนุ่มที่มีความรับผิดชอบสูง ใครก็อยากมาร่วมทำธุรกิจกับเขา จนทำให้เขากลายเป็นนักธุรกิจที่โด่งดังในแวดวงธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์

6 เดือนผ่านไป...

ราณีทำงานอยู่ที่บาร์ของเสี่ยอ๋าจนมี บรรดาเสี่ยๆ ป๋าๆติดเธอกันมากมาย พูดได้ว่าราณีเป็นตัวเด่นที่สุดในบาร์แห่งนี้เลยก็ว่าได้ ความสวยของราณีเป็นที่โจษจันของบรรดาหนุ่มนักเที่ยวกลางคืนจนไปเข้าหู รังสรรค์ เพื่อนของวัลลภอีกคน
รังสรรค์เป็นหนุ่มโสด ยังไม่มีภรรยาเพราะว่าเขายังไม่อยากที่จะผูกมัดกับใคร ชอบใช้ชีวิตตามประสาหนุ่มโสดมากกว่า รังสรรค์อยากเห็นราณีมาก เขาจึงโทรไปชวนอดิศรและวัลลภให้ไปเที่ยวเป็นเพื่อน

เมื่ออดิศรได้ยินเสียงสัณญานมือถือดังเห็นเป็นเบอร์รังสรรก็รับทันที
"ฮัลโหล ว่างัยว่ะสรร"

"คืนนี้แกกับไอ่ลภว่างเปล่าว่ะ"

"ฉันน่ะว่างแต่ไอ่ลภ ไม่แน่ใจว่ะ ถามทำไมว่ะ" อดิศรถามอย่างสงสัย

"ก็คืนนี้ฉันจะชวนแกกับไอ่ลภไปเที่ยวบาร์แถวสุขุมวิชหน่อยว่ะ เห็นเพื่อนที่ทำงานฉันมันบอกว่าเด็กที่นั่นสวยหยาดเยิ้มอย่างกับนางฟ้า" รังสรรค์พูดอย่างคนเพ้อ จนอดิศรที่ฟังอยู่อดแซวไม่ได้

"ว่าแล้วไม่มีผิด ถ้าสวยอย่างแกว่าน่ะ ป่านนี้ไม่เหลือแล้วคงถูกพวกเสือน้อยเสือใหญ่คาบไปแดกทุกวันแล้วมั้ง"

"เฮ้ยๆ อย่านะเว้ยเด็กที่ฉันว่าไม่ได้เป็นอย่างที่่แกคิดนะเว้ย เห็นเพื่อนฉันว่าหล่อนเล่นตัวน่าดูเลยว่ะ ฉันก็เลยอยากไปดูให้เห็นกับตาซะหน่อย งั้นเย็นๆเจอกันนะเว้ยฝากบอกไอ่ลภด้วย" พูดจบรังสรรก็วางหูทันที

ส่วนอดิศรก็เข้าไปคุยเรื่องงานกับวัลลภแล้วก็บอกเรื่องที่รังสรรค์ชวนไปเที่ยวคืนนี้กับ วัลลภจึงโทรไปบอกอริณว่าคืนนี้จะออกไปสังสรรค์กับเพื่อนๆ อริณก็อนุญาติเพราะเห็นว่าวัลลภทำงานเหนื่อยคงเคลียดทั้งวันก็เลยต้องปล่อยให้เขาไปหาความสุขใส่ตัวเสียบ้าง

ช่วงเย็นเมื่อถึงเวลาย่ำค่ำ ราณีก็รีบอาบน้ำแต่งตัวเเพื่อจะออกไปทำงาน เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

ก๊อกๆๆ...

"เข้ามาเลยค่ะ" ราณีหันไปมองที่ประตูก็เห็นว่าเป็นศจี "ณีก็กำลังจะลงไปแล้วค่ะ คุณน้าไม่เห็นต้องขึ้นมาตามเลยนี่ค่ะ" ราณีบอกอย่างเกรงใจ

"เปล่าหรอก น้ามีของจะให้หนูน่ะ" แล้วศจีก็ยื่นกล่องแหวนเพรชถึงราคาจะไม่สูงนักแต่มันก็สวยมากสำหรับเธอ

"น้าจีซื้อให้หนูเหรอค่ะ สวยจังแต่มันแพงนะค่ะ" ราณีมองแหวนอย่างชื่นชม

"น้าไม่ได้เป็นคนซื้อหรอกจ๊ะ แต่คนที่ซื้อให้หนู เสี่ยอ๋าโน่นเค้าซื้อให้หนูเพราะเห็นว่าตั้งแต่ที่หนูมาทำงานให้บาร์ของเค้า รายได้เข้าร้านเค้าเยอะขึ้นน่ะ"

"เหรอค่ะแล้วตอนนี้เสี่ยอยู่ไหนเหรอค่ะ เดี๋ยวณีจะได้ไปขอบคุณเค้า" ราณีทำท่าลุกขึ้นเพื่อจะไปขอบคุณเสี่ยอ๋า

"ไม่ทันแล้วล่ะจ๊ะ เสี่ยเค้ารีบกลับบ้านไปแล้วเอาไว้ขอบคุณเค้าวันหน้าก็แล้วกัน แต่ตอนนี้น้าว่าเราเตรียมตัวไปทำงานกันได้แล้วล่ะ" ศจีบอกหลานสาวที่เอาแต่มองชื่นชมในความสวยของแหวนเพชร ราณีจึงเก็บแหวนเพชรไว้แล้วลุกออกจากห้องไปทำงานกับศจี
พอมาถึงที่ร้านราณีก็ต้องมาเจอแสงดาวกับราตรีสองสาวที่จ้องหาเรื่องเธอตลอด และวันนี้ก็เป็นเหมือนทุกวัน เมื่อราณีเข้ามาในห้องแต่งตัวซึ่งสองสาวกำลังแต่งหน้าอยู่ ราณีเข้าเอาของไปเก็บแล้วพอจะเดินออกซึ่งต้องเดินผ่านตรงที่สองสาวนั่งอยู่ ราตรีก็เอาเท้าไปขวางจนราณีสะดุดแต่เธอก็ทรงตัวไว้ได้

"อุ๊ยตาย! ทำไมเดินไม่ระวังเลยล่ะจ๊ะ เดี๋ยวเกิดหน้าคะมำเสียโฉมไปแล้วจะแย่นะ" ราตรีแกล้งพูดอย่างสะใจ
ราณีรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้วว่าราตรีตั้งใจแกล้งตน แต่เธอก็ทำเป็นไม่สนใจ แต่เธอก็ต้องหยุดกึก เมื่อได้ยินแสงดาวด่าตามหลังมาจนเธอต้องหันหลังกลับมาทันที

"เชอะ ยัยนี่มันหน้าด้าน หน้ามันคงไม่ยอมแหกง่ายหรอกพี่ ก็เหมือนน้ามันงัยที่เป็นเมียน้อยเค้าแล้วยังไม่เจียมหาเรื่องซะจนเมียหลวงเค้าต้องยอมแพ้ทางให้จนตอนนี้ได้เป็นคุณนายอันดับสองของเสี่ยไปสมใจซะแล้ว หลานก็คงจะเหมือนน้าน่ะแหละ เชื้อไม่ทิ้งแถวหรอก ฮ่าาาๆ"

"นี่ !! เลิกทำตัวเป็นพวกขี้อิจฉาสักทีเหอะ ไม่เบื่อตัวเองบ้างเหรอที่วันๆเอาแต่ไปจดจำเรื่องของชาวบ้านเค้า หัดเอาเวลาไปส่องกระจกจับเอาไอ่ตัวสันดานที่มันเป็นปมด้อยออกไปทิ้งซะบ้างนะ ชีวิตจะได้สูงขึ้นไม่ต้องมาตกต่ำโดนกรรมสนองอยู่แบบนี้" ราณีด่าสองสาวแล้วเดินออกจากห้องแต่งตัวไป ปล่อยให้สองสาวกริ๊ดลั่นห้องอย่างเจ็บใจ จนเพื่อนๆที่อยู่ใกล้ๆห้องแต่งตัวต้องวิ่งเข้าไปดู

"เกิดอะไรขึ้นน่ะณี ใครกรีดร้องอะไรเสียงดังซะลั่นเลย" ศจีเดินเข้ามาถามราณี

"ก็จะใครอีกล่ะค่ะแม่สองสาวที่น้าสังเวชเป็นนักหนานั่นแหละ หนูว่าถ้าน้ายังเลี้ยงยัยสองคนนี่ไว้รับรองสักวันมันต้องหันมาแว้งกัดน้าแน่ๆ" ราณีหันไปบอกน้าสาวอย่างเป็นห่วง

"เฮ้อ..ช่างพวกเค้าเหอะใจใครใจมัน เค้าคิดไม่ดีใจเค้าก็อยู่ไม่เป็นสุขอยู่แบบนั้นแหละ ปะไปทำงานเหอะ ป๋าๆหนูมากันโน่นเค้าถามหาหนูด้วยไปเร็ว" ศจีดันตัวหลานสาวให้เข้าไปทำงาน พลางถอนหายใจเมื่อคิดถึงสองสาว แสงดาวกับราตรี

"เชิญค่ะเสี่ยขา.." เสียงเด็กในร้านพาวัลลภ รังสรรค์และอดิศรเข้ามานั่ง พอทั้งสามนั่งลงเด็กในร้านหลายคนก็รีบเข้ามานั่งด้วยทันที

"ไหนว่ะคนสวยของแก ฉันไม่เห็นเลย" อดิศรกระซิบถามรังสรรค์

"ใจเย็นๆสิว่ะ ฉันก็พึ่งมาเหมือนกับแกนั่นแหละ" รังสรรค์กระซิบตอบเพื่อนพลางหันไปยิ้มให้เด็กที่นั่งอยู่ข้างๆ

"เออน้องครับ แล้วน้องคนไหนที่ชื่อ ราณีเหรอครับ" รังสรรค์ถามหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ

"อ๋อ ณีน่ะเหรอค่ะ เค้ารับแขกอยู่โต๊ะโน่นน่ะค่ะ คุณมาหาเค้าเหรอเดี๋ยวหนูไปบอกเค้าให้" พูดจบหญิงสาวก็ลุกออกจากโต๊ะไปหาราณี

"ณี มีคนมาหาน่ะ เค้าบอกว่ามาหาณี" หญิงสาวกระซิบบอกราณีแล้วชี้มือไปที่โต๊ะของวัลลภ ราณีทำหน้าสงสัยเพราะถ้าเป็นพวกป๋า เสี่ยที่ชอบเธอทั้งหลายส่วนมากถ้ามาราณีก็จะจำได้ แต่ผู้ชายทั้งสามคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นเธอกลับไม่คุ้นหน้าเลย

"โอเคจ๊ะ เดี๋ยวฉันไป" ราณ๊บอกเพื่อนแล้วก็หันไปคุยกับแขกของเธอต่อ

"ป๋าขาถ้าป๋าต้องการอะไรก็บอกน้องๆเค้าได้นะค่ะ เดี๋ยวณีขอตัวแป๊บนะค่ะ"

"ได้จ๊ะ หนูณีอย่าไปนานนะ"

ราณีเดินมาที่โต๊ะของวัลลภ แล้วนั่งฝั่งตรงข้ามที่สามหนุ่มนั่งอยู่
"มีใครในโต๊ะนี้ ที่ถามหาฉันหรือเปล่าค่ะ" เธอมองหน้าสามหนุ่มอย่างสงสัยแต่ก็รู้สึกคุ้นๆ หน้าวัลลภเหมือนเคยเจอเขาที่ไหนแต่เธอก็นึกไม่ออก

"เออ ผะ..ผมเองครับ" รังสรรค์พูดตะกุกตะกักอย่างตื่นเต้นเมื่อเห็นว่าผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าสวยกว่าที่เขาคิดไว้เสียอีก
สามหนุ่มมองหน้าหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้าเหมือนคนที่ตกอยู่ในภวังค์ ต้องมนต์ ราณีก็มองอย่างงงๆแล้วเธอก็มองหน้าวัลลภ

"เออ ณีรู้สึกเหมือนว่าจะเคยเห็นคุณที่ไหนแต่ก็นึกไม่ออกน่ะค่ะ"

"อ๋อ คุณจะเคยเห็นไอ่ลภมันก็ไม่แปลกหรอกครับ เพราะมันเป็นถึงนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังโด่งดังอยู่ตอนนี้เลยล่ะก็เลยมีสื่อ นิตยาสารต้องการตัวกันเยอะเลยอาจเห็นตามข่าวต่างๆได้น่ะครับ" อดิศรตอบแทนวัลลภ

"งั้นเหรอค่ะ แต่ณีไม่ค่อยดูข่างน่ะค่ะเพราะเลิกงานไปก็พักผ่อน ตกเย็นก็ออกมาทำงานเลย อย่างนี้แหละค่ะชีวิตผู้หญิงกลางคืน แต่ณีก็ยังรู้สึกว่าคุ้นหน้าคุณเหมือนเดิมนั่นแหล่ะค่ะ" ราณีหันไปมองวัลลภอีก

"แต่ผมจำคุณได้ดีเลยล่ะครับ" วัลลภมองหน้าราณีแล้วยิ้ม

"เฮ้ย! แกจำอะไรได้ว่ะ อย่าบอกนะว่า" อดิศรและรังสรรค์พูดออกมาพร้อมกัน และก่อนที่สองหนุ่มจะคิดอะไรเกินเลยไปกว่านั้น วัลลภก็รีบชี้แจงข้อสงสัยของเพื่อนๆ เสียก่อน

"มันไม่ใช่อย่างที่พวกแกคิดหรอกน่ะ ไอ่พวกลามก ฉันเจอกับคุณณีตอนที่ไปเดินห้าง แล้วเราก็หยิบเสื้อตัวเดียวกัน งัยล่ะครับ" วัลลภชี้แจงประโยคสุดท้ายเขาก็หันไปคุยกับราณี

"อ๋อ จำได้แล้วคุณนั่่นเอง" ราณีนึกถึงวันที่เธอไปเดินซื้อเสื้อผ้ากับศจีเมื่อตอนมาอยู่กับราณีใหม่ๆ

"แหม ยังอุตส่าห์จำได้อีก" ราณีแกล้งหยอกขำๆกับวัลลภ "ไม่น่าเชื่อนะค่ะว่าคุณจะมาเที่ยวสถานที่แบบนี้ได้" ราณีรู้สึกแปลกใจ เพราะเธอนึกว่าวัลลภเป็นพวกแอ๊บแมน

"อ้าวทำมัยล่ะครับ ไอ่ลภมาเที่่ยวที่นี่แล้วมันแปลกตรงไหน เพราะผู้ชายเขาก็ต้องอยากมาเที่ยวที่แบบนี้กันทั้งนั้นแหละครับ" รังสรรค์สงสัยในคำพูดของราณี

"อ้าวเหรอ วันนั้นฉันเห็นคุณเลือกซื้อเสื้อผ้าผู้หญิงก็เลยนึกว่าคุณ เป็น.." ราณีรู้สึกขำๆกับความคิดของตัวเอง ทำให้วัลลภและเพื่อนรู้สึกขำไปด้วย

"นี่คุณครับ ผมเชื่อแล้วว่าคุณไม่เคยเห็นข่าวของไอ่ลภจริงๆ มันนี่แหละตัวพ่อเรื่องผู้หญิงเลยล่ะครับ" รังสรรค์แกล้งหยอกวัลลภแถมยังเผาเขาให้เธอฟังอีกต่างหาก

"เฮ้ย!! เกินไปนั่นน่ะมันแกแล้ว" วัลลภรีบแก้ตัว

ราณีและสามหนุ่มคุยกันอย่างถูกคอ ราณีต้องไปนั่งโต๊ะนั้นที นี่ทีจนทำให้แสงดาวและราตรีรู้สึกหมั่นไส้เป็นอันมาก ใกล้เวลาบาร์ปิด วัลลภและเพื่อนๆก็ขอตัวกลับ
แต่ก่อนกลับวัลลภก็ได้ให้นามบัตรแก่ราณี แล้วเขาก็ขอเบอร์โทรของเธอไว้ รังสรรค์และวัลลภมองออกว่าราณีสนใจวัลลภมากกว่าพวกตนจึงยอมหลีกทางให้









ใบตองอ่อน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 พ.ย. 2555, 11:34:36 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 พ.ย. 2555, 10:45:28 น.

จำนวนการเข้าชม : 1396





<< จุดเริ่มการเปลี่ยนแปลง   ก้าวเข้าสู่การเป็นมือที่สาม >>
ใบตองอ่อน 21 พ.ย. 2555, 11:38:00 น.
ตอนนี้ช้าหน่อยน่ะค่ะ เพราะช่วงนี้ใบตองอ่อนไม่ค่อยมีเวลาเลยค่ะ ขอโทษด้วยนะค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account