Knight At Night ... สงครามรัตติกาล
กาลเวลาพลิกกลับอีกครั้ง...ทุกอย่างกำลังจะได้เวลาเริ่มต้นใหม่ หรือว่าความจริงแล้ว...เพียงแค่ซ้ำรอยเดิมเท่านั้นกัน ? นับพันปีที่ผ่านไป ที่รอคอยคือเธอ หรือว่า..?



เขาส่งเสียงคำรามในลำคอ เสียงกึกก้องคล้ายเสียงสัตว์บาดเจ็บ ...ร้าวราน หากก็มากพอที่จะทำให้หักใจผละจากริมฝีปากหวานล้ำมาเคล้าเคลียพวงแก้มเนียนที่เย็นเฉียบนั่นพร้อมพร่ำกระซิบคำข้างหู

“แต่ถึงอย่างนั้น... ผมก็ยัง...” เขาอ้าปาก งับลงบนติ่งหูก่อนเลื่อนมือข้างหนึ่งไปด้านหลัง ดึงผมที่ท้ายทอยให้วงหน้างามดวงตาสีนิลจับจ้องฟากฟ้าแทน

“ต้องการเธอ”

“ต้องการ...”

".......เธอ"

"........."

"พลังของเธอ!"


Tags: สงคราม, แฟนตาซี, ไซไฟ, รัตติกาล, ปีศาจ, วิวัฒนาการ, อารยธรรม, รัก, โรแมนติก

ตอน: Ch.2


2/0

ใบหน้าคมสันราวรูปสลักของเขาปรากฏรอยยิ้มอยู่จางๆ สะท้อนไปถึงดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่ปรากฏเงาร่างระหงของหญิงสาวผมยาวสยายในเสื้อสเวตเตอร์กางเกงขายาว จ้องมองมานิ่งงันราวต้องมนตร์สะกด

อรอินทุร้อนวูบไปทั้งตัว หัวใจกลับมาเต้นกระหน่ำดุจเดียวกับค่ำคืนที่ผ่านมาไม่ผิดเพี้ยน จนต้องสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ ข่มร่างกายที่เกือบจะสั่นสะท้านให้เป็นปกติ

ปฏิกิริยาดังกล่าวจึงทำให้หญิงสาวเกือบสะดุ้ง เมื่อแว่วเสียงเรียกจากอีกทาง
“อินทุ”

เสียงนั่นเป็นของคาเรน...เพื่อนสาวที่บอกหล่อนเรื่องอาจารย์เรียกไปพบนั่นเอง น่าแปลก ที่อรอินทุรู้สึกว่าเสียงของคาเรนมีแรงดึงดูดกว่าทุกครั้ง เมื่อเทียบกับวงหน้าที่ควรชวนมองของชายที่อยู่เบื้องหน้าหล่อน

หล่อนจึงหันสายตาไปอย่างไม่ลังเล ไม่เกรงกลัวแม้การเสียมารยาท

คาเรนจ้องหล่อนกลับด้วยดวงตาคู่สวยสีเขียวที่ปะปนแววฉงนเล็กน้อย
“เป็นอะไรไป อินทุ อยู่ๆก็ยืนนิ่งไป ?”

พริบตาพร้อมคำถามของคาเรนนั่นเอง ที่อรอินทุคล้ายสะดุ้งตื่นจากความฝัน

หล่อนไม่ได้ยืนอยู่หน้าโต๊ะที่มิคาเงะฟุบหลับ แต่ยังยืนอยู่เบื้องหน้าคาเรน ผู้มองมาอย่างประหลาดใจ

และด้านหลังของเพื่อนสาว ไม่มีทั้งเงาร่างของมิคาเงะ หรือผู้ชายคนนั้น

“มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่า อินทุ” คาเรนค่อยๆเอ่ยต่อ “แต่ตอนที่อาจารย์สแตนด์ลีย์มาบอก ก็ดูโอเคนะ คงไม่มี...อะไรร้ายแรงใช่ไหม ?”

“อาจารย์สแตนด์ลีย์ ?” คนฟังทวนคำ ยอมรับว่าภาพห้องเรียนที่ปราศจากเพื่อนสนิทสาวยังสร้างแรงช็อตจนชาในหัวสมองของหล่อนอย่างประหลาดอยู่

รวมทั้งภาพร่างสูงของบุรุษหนุ่มที่หล่อนเพิ่งตระหนักถึงความ “ชัดเจน” ของเขาขึ้นมาด้วย !

“อาจารย์สแตนด์ลีย์เรียกพบเธอ.... ไม่ได้ฟังหรอกหรือ?” สุ้มเสียงของคาเรนชักบอกแววยุ่งยากใจรางๆ

ส่วนคนถูกเรียกพบนั้นหรือ.....ทำได้แค่เพียงหันมามองคนบอก และมองรอบๆตัว

หล่อนยืนอยู่กับคาเรน พ้นจากประตูห้องมาไม่กี่ก้าว ราวกับเพิ่งก้าวเข้ามาในห้องเรียน และหยุดสนทนากับอีกฝ่าย ไม่ทันได้ทำอะไรมากไปกว่านั้น

ราวกับเรื่องของมิคาเงะที่จะเกิดถัดไปจากบทสนทนาเรื่องนี้ เป็นแค่ความฝันหรือจินตนาการเพ้อเจ้อของหล่อนผู้เดียว !



2/1

คีธ เจ. สแตนด์ลีย์ เป็นอาจารย์ประจำสาขาดาราศาสตร์ และอาจารย์เสริมสาขาโบราณคดียุคประวัติศาสตร์โบราณ

เขาเป็นอาจารย์ที่ดี สอนลูกศิษย์ให้เข้าใจได้เยี่ยม และไม่เคยปราณีเวลาตรวจรายงาน

ข้อสุดท้ายนั่นเอง ที่ทำให้นักเรียนทั้งหลายชอบเขา เพราะการที่รายงานของตนผ่านอาจารย์สแตนด์ลีย์ จะทำให้พวกเขาสามารถนำผลงานนี้ไปเบิกทางสำหรับอนาคตข้างหน้าได้อย่างสบาย

จึงมีบางคนยิ่งกว่ายินดี ที่โดนอาจารย์สแตนด์ลีย์เรียกพบในเรื่องรายงาน

แต่ดูเหมือนอรอินทุ หลง จะไม่ใช่บางคนที่ว่า

หล่อนยังไม่มาตามที่เขาเรียก ทิ้งให้อาจารย์หนุ่มใหญ่วัย 55 ได้แต่กวาดตามองรายงานของหล่อนอีกรอบอย่างครุ่นคิด

คีธชอบอ่านรายงานแบบเป็นแผ่นๆมากกว่า จะให้ส่งเป็นระบบไฟล์ ในห้องของเขาจึงมีกระดาษตั้งกองอยู่เกลื่อนกลาด บางส่วนก็กินพื้นที่ไปถึงขอบหน้าต่างที่ไม่ได้เปิดใช้งานมานานนมแล้ว

เขาทุ่มเทความสนใจลงไปอีกครั้ง จึงสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อไม่นานจากนั้นก็มีเสียงเคาะประตู

เขาเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ เมื่อพบว่าในที่สุด คนที่เขารอก็มา



2/1 P.2

เธอนั่งตัวตรงด้วยท่าทางจริงจังเบื้องหน้าอาจารย์หนุ่ม

คีธพิเคราะห์หล่อน ด้วยสายตาและด้วยประสบการณ์ ก่อนจะส่ายหน้าน้อยๆ

“คุณมาสาย” เขาเอ่ย แต่น้ำเสียงไม่กระด้างจนฟังเป็นการตำหนิเกินไปนัก “ไม่มีใครบอกคุณเรื่องเวลาหรือ”

“ขอโทษด้วยค่ะ อาจารย์” หญิงสาวตอบพลางค้อมศีรษะลงคล้ายคารวะ อันเป็นอากัปการที่คีธไม่เห็นใครใช้มาเนิ่นนาน “บังเอิญฉันจำทางผิดนิดหน่อยค่ะ”

คีธนิ่งอึ้งไป เหลียวมองเสี้ยวหน้าที่ยังจ้องมาด้วยดวงตาสีดำขลับไม่บ่งบอกแววล้อเล่น ในที่สุดก็หัวเราะหึหึอย่างอดไม่ได้

“คุณถึงคุยกับเขาได้ถูกคอ” คีธโคลงหัวไปมาช้าๆ “คุณรู้จัก “หลง” มานานแล้วหรือ ?”

“ไม่นานเท่าอาจารย์ค่ะ” คราวนี้หล่อนคลี่ยิ้มคล้ายขบขัน “เขาเล่าเกี่ยวกับอาจารย์ให้ฉันฟังก่อนมามาก และบอกด้วยว่า.....”

คีธฟังถ้อยความนั้น และคราวนี้เขาถึงกับหัวเราะก้อง

“คุณอายุเท่าไรกัน” เขาถาม เมื่อหยุดเสียงหัวเราะของตนเองได้ในที่สุด

“ยี่สิบสามค่ะ อาจารย์”



2/2

ตลอดยี่สิบปีที่ผ่านมา อรอินทุไม่เคยมีอาการเจ็บป่วยด้านประสาทหรือทางจิตมาก่อน

ประวัติพันธุกรรมของหล่อนเองก็ไม่มีเค้าลางของโรคร้ายด้านดังกล่าวเช่นกัน

แต่เมื่อคาเรนทำให้หล่อนแน่ใจ ว่าทันทีที่ย่างเท้าเข้าห้องมา หล่อนก็ไม่ได้ทำอะไรนอกจากสนทนากับอีกฝ่ายว่าโดนเรียกพบ และไม่มีแม้แต่เงาของมิคาเงะอยู่ในห้อง

หล่อนย้ำทั้งสองเรื่องจนคาเรนชักจะรำคาญใจหน่อยๆ อรอินทุจึงขอตัวไปที่ฝ่ายพยาบาลเพื่อเช็คประสาทของหล่อนสักรอบ ก่อนจะไปพบอาจารย์สแตนด์ลีย์ตามที่ถูกเรียกพบ

ผลการตรวจเป็นปกติดี แม้กระทั่งสภาพร่างกายของหล่อนก็ยิ่งกว่าปกติด้วยซ้ำ เพราะอรอินทุเพิ่งได้พักผ่อนเต็มที่มาเมื่อคืน

แต่ถึงอย่างนั้น ฝ่ายดูแลสุขภาพของสาขาวิชาก็อธิบายกับหล่อนว่ามีความเป็นไปได้เช่นกัน ว่าร่างกายของหล่อนอาจเกิดความต้องการการพักผ่อนต่อเนื่องกว่านี้ จึงมีอาการมึน และสมองสับสนไปได้

อรอินทุจึงรับยามา และนั่งพักจนร่างกายรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้น ก่อนจะเดินไปที่ห้องของอาจารย์สแตนด์ลีย์



2/3

มิคาเงะรู้สึกหงุดหงิดอย่างประหลาด เมื่อหล่อนตามหาห้องเรียนของอรอินทุเจอในที่สุด แต่ก็ไม่พบเพื่อนสาว

คาเรนเป็นคนหันมาเห็นหล่อนเป็นคนแรก และทักด้วยความแปลกใจ

“มิคาเงะ ? เธอไม่ได้ลงเรียนนี่ ?”

สาวลูกครึ่งญี่ปุ่นส่งเสียงรับในลำคอ ขณะก้าวฉับๆเข้ามาในห้องพลางปิดปากหาว ก่อนเอ่ยขยายความ

“ฉันมาหาอินทุน่ะสิ มีนัด เขายังไม่มาเหรอ ?”

“เพิ่งไป” คาเรนตอบ “อาจารย์สแตนด์ลีย์เรียกพบ เลยไปเมื่อกี้นี้เอง”

คนฟังย่นจมูกเล็กน้อย ก่อนหย่อนร่างงามลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง หาวอีกครั้งแล้วตัดสินใจฝากข้อความกับคาเรน

“ไหนๆก็ไหนๆ ถ้าอินทุมาแล้ว อย่าเพิ่งให้เขาปลุกฉันล่ะกัน รออาจารย์มาก่อน ค่อยว่ากัน”

กล่าวจบหล่อนก็ฟุบหน้าลงบนโต๊ะทันที ไม่รอแม้แต่คำตอบรับของคาเรนที่ย่นหัวคิ้วนิดหน่อย ด้วยรู้สึกคุ้นๆกับคำพูดเมื่อกี้ชอบกล

คล้ายๆกับว่าอรอินทุเคยถามหล่อน....เกี่ยวกับประโยคทำนองนั้นมาก่อน ?



2/4

อรอินทุฟังคำพูดของอาจารย์สแตนด์ลีย์ด้วยความแปลกใจ

หล่อนรู้ดีว่าเขาเป็นอาจารย์ประจำสาขาวิชาดาราศาสตร์ และเป็นอาจารย์เสริมประจำสาขาวิชาโบราณคดียุคประวัติศาสตร์โบราณ

แต่อรอินทุไม่เคยสนใจวิชาเสริมของเขา หล่อนสนใจแต่วิชาดาราศาสตร์

“ผมรู้” สแตนด์ลีย์เอ่ย “ผมถึงอยากให้คุณทำงานในโครงการนี้ ผมเกรงว่าถ้าเราใช้คนที่มีความรู้ทั้งสองด้านดีพอๆกัน มันจะเป็นการสร้างอคติในผลงานได้ ผมจึงต้องการคนที่ทุ่มเทด้านดาราศาสตร์เพียงอย่างเดียว ขอย้ำนะ คุณหลง ผมต้องการคนที่ทุ่มเทด้านนั้นมากๆ เพื่อจะได้คัดง้างกับเด็กๆที่สนใจแต่ด้านโบราณคดียุคประวัติศาสตร์โบราณได้อย่างพอฟัดพอเหวี่ยงกัน”

นั่นเป็นเรื่องละเอียดอ่อน อรอินทุพอจะเคยได้ยินมาบ้าง แต่มันก็ไม่ใช่ของที่หล่อนถนัดในการรับมืออยู่ดี

“อาจารย์คะ” หล่อนเรียกเขาด้วยความเคารพ แต่น้ำเสียงเปี่ยมความมั่นใจหนักแน่นในความคิดของตนเอง “ฉันเกรงว่าคงจะไม่สะดวกจริงๆค่ะ การร่วมงานกับต่างสาขาวิชายังเป็นสิ่งใหม่ที่ฉันยังไม่เคยมีประสบการณ์ ต้องขออภัยจริงๆค่ะที่อาจทำให้อาจารย์ผิดหวัง”

พูดพลางหล่อนก็ก้มหน้า ลอบระบายลมหายใจยาว และนึกได้เลยว่ามิคาเงะคงแทบฉีกอกหล่อนแน่ถ้าได้ยินคำตอบนี้

คุณสมบัติที่อาจารย์สแตนด์ลีย์ต้องการ หล่อนคิดว่าเขาน่าจะมองหาในตัวเพื่อนสาวของหล่อนมากกว่า แต่ก็น่าเสียดาย ที่มิคาเงะไม่ได้ลงเรียนวิชาของเขา

แต่อรอินทุอาจแอบกระซิบเพื่อนให้มาติดต่ออาจารย์ได้ในภายหลัง

“ผมอยากขอให้คุณพิจารณาอีกนิด” เขายังยืนยันคำเดิมอย่างนุ่มนวล และโบกมือเมื่อเห็นหญิงสาวทำท่าจะเงยหน้าขึ้นค้านทันใด

“ผมอยากขอเวลาจากคุณในการพิจารณาหน่อยนะคุณหลง จากรายงานของคุณ ผมคิดว่าการทำงานโครงการนี้ไม่น่าจะยากเกินความสามารถของคุณ และผมคิดว่าคุณอาจสนใจ ถ้าได้ไปเห็นรายละเอียดอื่นๆที่ทางสาขาโบราณคดีประวัติศาสตร์สมัยโบราณเตรียม”

เขายื่นกระดาษ...อุปกรณ์ที่อรอินทุแทบลืมไปแล้วว่าแตะครั้งสุดท้ายนอกจากการแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับมันเมื่อไรให้

“นั่นเป็นข้อมูล...อ๋อ คุณคงถนัดเก็บเป็นข้อมูลลงเครื่องบันทึกส่วนตัวมากกว่าสินะ ผมลืมไป”

ท้ายประโยค สแตนด์ลีย์จัดแจงควานหาเครื่องบันทึกของเขาออกจากกองกระดาษ และใช้เวลาอยู่ครู่ใหญ่ๆกว่าจะกดถ่ายโอนข้อมูลในกระดาษส่งให้อรอินทุสำเร็จ

และปิดทางปฏิเสธการพิจารณาของหล่อนในตอนนี้ไปโดยสิ้นเชิง



2/4 P.2

เนื่องจากมีนัดในตอนเย็นกับมิคาเงะ ผนวกกับคิดจะปฏิเสธการเข้าร่วมงานโครงการนี้ อรอินทุจึงตัดสินใจไปที่ตึกของสาขาวิชาโบราณคดีสมัยประวัติศาสตร์โบราณเสียเดี๋ยวนี้

วิชาที่ต้องกลับไปเข้าห้องเรียน อรอินทุไม่กังวลนัก เพราะการทาบทามเข้าร่วมโครงการของอาจารย์สแตนด์ลีย์ พอจะเป็นเกราะกันหล่อนได้หนึ่งชั้น

หญิงสาวก้าวเท้าขึ้นบนรถรับส่งคันที่จะไปสาขาวิชาเป้าหมายของหล่อน อันเป็นสถานที่แปลกตาสำหรับอรอินทุ ที่เว้นจากสาขาวิชาของตนเองกับสาขาใกล้เคียงแล้ว ไม่มีแม้แต่ความคิดจะไปที่แห่งนั้น

ลำพังแค่รถรางวิ่งรับส่ง ยังใช้เวลาเกือบๆ 20 นาที กว่าหล่อนจะมาถึงสาขาวิชาโบราณคดีสมัยประวัติศาสตร์โบราณ

สาขาวิชาที่ตั้งอยู่ไกลจากสาขาวิชาของอรอินทุจนหล่อนแทบถอนหายใจ

สาขาวิชาที่ความรู้ของอรอินทุ....แทบจะเรียกได้ว่าพอๆกับเด็กที่กำลังศึกษาขั้นพื้นฐานต่ำสุดด้วยซ้ำ



2/4 P.3

คีธ เจ. สแตนด์ลีย์คลึงปากาแบบโบราณที่เขาชอบในฝ่ามือ เมื่ออรอินทุเดินจากไปแล้ว

เขาครุ่นคิดบางอย่างอยู่เงียบๆคนเดียว กระทั่งเสียงการติดต่อดังเข้ามา จึงเอ่ยตอบรับโดยไม่เสียเวลามองด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายเป็นใคร

เพราะเขาเดาได้อยู่แล้ว

“หลง” คีธเรียกอีกฝ่ายเหมือนที่เขาเรียกมาตั้งแต่สมัยหนุ่มๆ...ก่อนหน้านี้หลายสิบปี

“เจี๋ย” หลงเรียกเขากลับเช่นกัน ด้วยชื่อกลางที่น้อยคนนักจะรู้ “นายเจอเธอแล้วใช่ไหม ?”

คีธเลิกคิ้วยียวนให้คำถาม และเจตนาเติมความรู้สึกดังกล่าวลงไปในน้ำเสียงให้ชัดๆ

“เธอไหนล่ะ ?”

“เมียนาย” หลงตอบหน้าตาย

และคีธสะดุ้งจริงๆ อย่างน้อยก็เผลอสะดุ้ง ก่อนหันกลับไปถึงตาใส่อีกฝ่าย

“คุณอย่านอกเรื่อง หลง”

“เรอะ ฉันแค่อยากถามเท่านั้น ว่าเร็ตต้าสบายดีหรือเปล่า” เขาตอบกลับอย่างไม่เดือดร้อน ก่อนทำสีหน้านึกได้ที่เห็นได้ชัดว่าเต็มไปด้วยความเสแสร้งยิ่งกว่าเมื่อครู่หลายขุม “โอ๊ย ให้ตาย ฉันชักแก่แล้วสินะ เจี๋ย ถึงลืมไปว่าเร็ตต้าทนนายไม่ได้ เลยขอหย่ากับนายไปตั้งสามปีแล้วน่ะ”

คีธ เจี๋ย สแตนด์ลีย์กัดฟันกรอด

“คุณแก่แล้วหลง” เขาช่วยย้ำให้ “ดังนั้น อย่าเล่นเป็นเด็กๆแบบนี้ไปหน่อยเลยน่า”

“ก็คิดว่านายคิดถึงเวลาเราต่อปากต่อคำแบบนี้ แล้วมีสาวๆมาสน เผื่อจะรู้สึกกระชุ่มกระชวยขึ้นมาบ้าง”

หลงตอบอย่างไม่เดือดเนื้อร้อนใจ ซึ่งความจริงคีธก็น่าจะพอเดาได้ อีกฝ่ายเป็นอย่างนี้มาเกือบ 70 ปี ไม่มีใครเปลี่ยนเขาได้ และหลงก็ย่อมไม่มีทางคิดเปลี่ยนตัวเองเอาป่านนี้แน่

เป็นเขาเองนั่นแหละ ที่ความอดทนสั้นกว่าอีกฝ่ายตามเคย

“เธอมาหาผมแล้ว แต่ไม่ได้คุยอะไรมาก เพราะเธอบอกว่าต้องจัดการงานที่คุณฝากมาก่อน”

“อ๋อ” หลงพึมพำ “งั้นก็คงอีกนาน คุณก็ยังไม่รู้รายละเอียดอะไรจากเธอเลยสิท่า”

“ไม่ และถึงเธอจะพูดอะไร ผมก็ต้องถามจากคุณหรือคนอื่นอยู่ดี”

หลงเลิกคิ้วขึ้น เมื่อเข้าใจความคิดอีกฝ่ายในพริบตา

“คุณไม่ไว้ใจเธอ”

“ผมไม่รู้จักเธอ” คีธเอ่ยแก้

“ใช่ คุณไม่รู้จักเธอทั้งก่อนหน้านี้หรือเดี๋ยวนี้” หลงช่วยระบุให้ชัดขึ้นอีก “แต่ผมรู้จักเธอ”

คีธหรี่ตาลง
“คุณจะช่วยรับรองเธองั้นหรือ”

“ผมดูเหมือนคนอยากหาเรื่องวุ่นๆใส่ตัวไหมล่ะ ?” หลงตอบ...อย่างเป็นตัวเขาเองที่สุด “แต่เห็นแก่ที่คุณเป็นอาจารย์นะเจี๋ย ผมรู้ว่าคุณเป็นอาจารย์ที่ดี ต้องเป็นห่วงลูกศิษย์แน่ ดังนั้น ผมจะบอกให้คุณมั่นใจได้อย่างว่าฝีมือเธอเยี่ยมมาก และถ้าเธอตั้งใจทำอะไร เธอก็จะตั้งใจทำจนสำเร็จได้แน่”

คีธรับฟัง แต่เขาก็สั่นหน้าอยู่ดี

“นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุดอยู่ดี คุณก็รู้ หลง ไม่ว่าหล่อนจะมีอะไรที่คุณว่ามาพวกนั้นอยู่ในระดับดีแค่ไหน แต่ถ้าเธอปราศจากความซื่อสัตย์ภักดีต่อฟากเรา มันก็ไม่มีความหมายเลย”

“มีสิ” หลงยังยืนยันหนักแน่น “เพราะต่อให้เธอเป็นอย่างที่คุณกังวล เธอก็จะทำได้อย่างแนบเนียน จนคุณไม่รู้สึกเลยแหละว่าเกิดเรื่องใต้จมูกคุณ”

คนฟังแทบแยกเขี้ยว และหวนนึกถึงวัยหนุ่มของตัวเองจริงๆ ถ้าเขาอายุน้อยกว่านี้และอยู่ในวัยคึกคะนองกว่านี้ล่ะก็ คีธจะปล่อยหมัดตรงใส่ใบหน้าอีกฝ่ายเดี๋ยวนี้แน่

หลงทำท่าคล้ายนึกรู้อย่างน่าหงุดหงิด เขาหัวเราะเริงรื่นสบายอารมณ์ กว่าจะออกปากท้วง

“ผมเป็นผู้สืบทอดวิชาดารานะ เจี๋ย”

คีธไม่เคยลืมเรื่องนั้น แต่หลงเองนั่นแหละ ที่ไม่ค่อยใช้มันให้เกิดประโยชน์เท่าไรจนคีธคร้านจะออกปากถามอีกฝ่ายในด้านนี้แล้ว

เขาจึงแปลกใจ...เกือบๆเป็นทึ่ง ที่หลงยอมงัดวิชาดาราศาสตร์ของตนเองออกมา

“แปลว่าคุณ....ดูดวงดาวแล้ว ?”

“ผมก็ดูอยู่ทุกคืนนั่นแหละ” หลงว่าอย่างที่คีธต้องเตือนตัวเองให้นับหนึ่งถึงสิบ “เพียงแต่เมื่อคืนมีเธอมาหา ก็เลยคุยให้ฟังไปบ้าง เธอเลยตกปากรับคำจะสืบเรื่องที่ผมคุย”

ดวงตาที่ไม่เคยฝ้าฟาง มีแต่ความแจ่มใสของหลงมองตรงผ่านกล้องสื่อสาร เขาเห็นแววคำถามผุดพรายในดวงตาอีกฝ่ายตั้งแต่ยังเอ่ยคำถามไม่ทันจบ หลงจึงเอ่ยต่อได้แทบจะทันทีโดยไม่ต้องรอ

“ผมคุยกับเธอเรื่องความฝัน ที่ใครบางคนจะสะดุ้งตื่น”



2/5

อรอินทุอดหยุดยืนดูไม่ได้

หล่อนหลงใหลในท้องฟ้ายามค่ำ ทั้งคืนที่มีดาว หรือไม่มีดาว นี่เป็นเรื่องที่หล่อนไม่เคยบอกใคร เพราะส่วนมากคนในสาขาวิชาของหล่อน หลงใหลดวงแสงอันน้อยที่กะพริบปริบกลางม่านฟ้าสีทึมมากกว่า

แต่อรอินทุชอบ...แม้กระทั่งคืนที่ผืนฟ้าหม่นมัวไม่มีแสงใดๆเลย

ดังนั้น ภาพบรรยากาศท้องฟ้าสีน้ำเงินแรขอบเป็นสีม่วงตัดกับสีส้มสดของผืนทรายบนจอฉายตามผนัง จึงทำให้หล่อนต้องหยุดยืนถอนใจอย่างชื่นชม

แอเรียที่ 5 ประจำภูมิภาคบูรพา
วันที่ 15 เดือน 7 ปี 2211

ใต้ภาพมีเพียงบันทึกสั้นๆ จนอรอินทุนึกขัดใจ เพราะถ้าภาพนี้ปรากฏที่สาขาวิชาดาราศาสตร์ของเธอ มันคงจะมีข้อมูลบอกเวลาและพิกัดองศา ทั้งของพื้นที่ และของการตั้งกล้องอย่างละเอียดไปแล้ว

หากแล้วหล่อนก็สั่นหน้า ถึงแม้จะนึกขัดใจก็ตาม แต่ความต้องการทำโครงการงานที่อาจารย์สแตนด์ลีย์เสนอมา ก้ยังไม่เข้ามาแผ้วพานในสมองของเธอแม้แต่น้อยอยู่ดี

เธอจึงก้าวเดินต่อไป...อีกสองก้าว ก่อนจะหยุดลงเช่นเคย

ด้วยภาพคล้ายกับภาพที่แล้ว

แต่อรอินทุรู้จักภาพที่คล้าย...ยิ่งกว่านี้

หล่อนเบิกตาจ้อง...ผ่านกลุ่มทรายสีอ่อนสะอาดตาตัดกับท้องฟ้ายามค่ำ ไปยังทรายที่ขาวสะอาด...ราวกับเถ้าธุลี และเป็นทะเลทรายที่กว้างใหญ่และรกร้าง

เธอ...เคยยืนอยู่ที่นั่น

ก้อนบางอย่างพุ่งขึ้นมาในลำคอ จนอรอินทุร้อนวูบ ความรู้สึกคลื่นเหียนจู่โจม ทว่านั่นยังไม่ร้ายเท่ากับความเจ็บแปลบที่ต้นคอที่ราวกับถูกเผาไหม้และสูบบางอย่างออกจากร่างกายอย่างรุนแรง

หญิงสาวโซเซ รู้สึกขึ้นมาอย่างรวดเร็วว่าพื้นกำลังอยู่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

และหยุดลงเมื่อห่างไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ ?”

พร้อมเสียงถาม อรอินทุถึงได้รู้สึกถึงมือที่ประคองต้นแขน หรือเรียกง่ายๆว่า “หิ้วปีก” หล่อนอยู่ หญิงสาวสะบัดศีรษะไล่ความมึนงง

ฝ่ายนั้นวางกระเป๋าของเขาลงบนพื้น และเอื้อมมือมาช่วยพยุงหล่อนที่พยายามยันกายลุกขึ้น

อรอินทุต้องเงยหน้าขึ้นเพื่อมองเขา แม้ว่าหล่อนจะยืนขึ้นเต็มตัวแล้วก็ตาม

ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าแลดูคุ้นชินแต่ไม่คุ้นตา เป็นเพียงความรู้สึกที่ผ่านวูบแล้วเลยหาย หลงเหลือไว้เพียงความเศร้าแสนเจือจางในดวงตาที่มองมาที่เธอ

อรอินทุคล้ายจะเห็นนัยน์ตาคู่นั้นวูบไหว เป็นแววตาอันพลุ่งพล่านขึ้นชั่ววูบ หากก็สงบลงอย่างรวดเร็วจนหญิงสาวไม่แน่ใจว่าตนเองตาฝาดหรือไม่

ที่สำคัญคือเธอต้องรีบเอ่ยปากก่อน

“ขอบคุณมากค่ะ”

“ไม่เป็นไรครับ” เขาตอบกลับ และสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นดูปกติ พัดความรู้สึกคุ้นชินให้หายไปจากอรอินทุอย่างสิ้นเชิง “คุณมาทำอะไรที่สาขาวิชาโบราณคดีสมัยประวัติศาสตร์โบราณกันครับ ?”

เธอไม่แปลกใจที่เขารู้ได้ ในเมื่อหล่อนยังคล้องบัตรสำหรับผู้มาเยือนที่ใช้เพื่อเข้าออกอาคารนี้อยู่ แต่อรอินทุก็ไม่เห็นความจำเป็นต้องขยายความหรือตอบอย่างละเอียด นอกจากสั้นๆว่า

“ตั้งใจจะไปที่ห้อง 4154 ค่ะ”

เขาพยักหน้าและตวัดคางไปตามทางเดินที่หล่อนกำลังเดินอยู่
“คุณเดินมาถูกทางแล้ว แต่ยังต้องไปอีกไกล เรียกใครลงมารับดีกว่าไหมครับ ?”

คนฟังทำหน้าปุเลี่ยน ให้คนพูดต้องอธิบายต่อเมื่อเห็นสีหน้านั้น

“คุณคงจะมาที่นี่เป็นครั้งแรก เพราะมีหลายๆคนที่เวลาเข้ามาตึกนี้แล้วจะเกิดอาการวิงเวียน เพราะเรามีของหลายอย่างและเครื่องมือหลายชิ้น ที่อาจส่งผลกระทบกับร่างกายคนไม่ชินได้ และการออกแบบของที่นี่จะคำนึงถึงของซึ่งส่วนมากเป็นโบราณวัตถุ ที่ต้องอาศัยการดูแลเป็นพิเศษ บางคนเข้ามาแล้วก็อาจจะมึนด้วยเหมือนกัน”

เขาพูดยืดยาว แต่หญิงสาวที่มาจากสาขาดาราศาสตร์และไม่เคยเหยียบย่างที่นี่จริงอย่างเขาว่าก็เข้าใจได้ เขากำลังพยายามบอกหล่อนทางอ้อมว่าไม่ใช่เรื่องน่าอายอะไรที่จะมีคนมาเกิดอาการอย่างเขาว่าที่ตรงนี้ จนต้องมีคนมาช่วยประคองกันไป

มันทำให้หญิงสาวลังเล...ใจหนึ่งหล่อนตั้งเป้าและตัดสินใจไว้แล้ว การมาเยือนสถานที่นี้จึงเป็นเพียงมาอย่างที่อาจเรียกได้ว่าลวกๆ จึงไม่อยากรบกวนคนอื่นมากเกินไป แต่อีกใจ...อรอินทุก็คำนึงถึงสุขภาพตนเองเหมือนกัน

นับเป็นเคราะห์ดี ที่เธอไม่ต้องตัดสินใจเรื่องนี้ เพราะมีคนตัดสินแทนให้แล้ว

“คุณอรอินทุ หลง หรือเปล่าคะ ฉันมารับคุณไปห้อง 4154 ค่ะ”



2/5 P.2

แอเรียที่ 7 ประจำภูมิภาคบูรพา
สถาบันศึกษาระดับ C ประจำเมืองหลวง
สาขาวิชาโบราณคดีสมัยประวัติศาสตร์โบราณ ตึก 4
เวลา 11.45 น.

เธอมาถึงที่นี่ช้ากว่าที่ตั้งใจไว้

สถาบันการศึกษาระดับสูงประจำเมืองหลวงของหลายภูมิภาคมักมีแผนผังใกล้เคียงกัน หรืออาจเรียกได้ว่าจำลองกันมาก็ไม่ผิดนัก ถึงกระนั้น ก็ยังมีความแตกต่างตามภูมิประเทศ ภูมิอากาศ และที่สำคัญคือขนาดพื้นที่ของแต่ละแห่ง

เธอได้แต่แอบแช่งชักขนาดที่ใหญ่อย่างเกินหน้าเกินตาของสถาบันแอเรียที่ 7

และต้องรีบก้าวเท้าเข้าไปให้เร็วที่สุด



2/5 P.2.5

ทั้งหญิงสาวที่ก้าวเข้ามา และชายที่ยืนอยู่ต่างชะงักไปคนละนิดอย่างพร้อมเพรียงกัน

หญิงสาวหรี่ตาลงจ้องมอง ขณะที่ฝ่ายชายกลับเปลี่ยนแววตาให้เป็นว่างเปล่าราวลูกแก้วใสได้อย่างรวดเร็ว

แต่อรอินทุไม่มีเวลาใส่ใจปฏิกิริยาของทั้งสองมากนัก เพราะความรู้สึกเหมือนครู่กำลังจะจู่โจมหล่อนอีกครั้ง

“ขอโทษนะคะ...” หล่อนพึมพำ ขณะที่ยกมือขึ้นปิดปาก และกดอาการคลื่นไส้ลงไป

“อย่างนั้นผมต้องขอตัว” ผู้ชายที่มาช่วยอรอินทุไว้แต่แรกเอ่ยอย่างรวดเร็ว และผละไปเร็วยิ่งกว่าจนหญิงสาวแทบมองตาค้าง

บอกไม่ถูกว่าทำไม รู้แต่เพียงอากัปการที่เผลอแสดงออกไป...

“คุณหลงคะ” มือบางเย็นเฉียบจนอรอินทุเกือบสะดุ้งเอื้อมมาแตะแผ่วเบา “เชิญทางนี้ดีกว่าค่ะ จับมือฉันไว้ดีกว่านะคะ ระวังจะหน้ามืดไปอีก”

แน่นอนว่าอรอินทุยิ่งกว่ายินดีทำตาม แม้อาการนั่นจะทุเลาลงไปบ้าง เมื่อพบกับความเย็นที่ปลายนิ้วอีกฝ่ายนำมาให้

หล่อนจึงอดเลื่อนสายตามองตามภาพทะเลทรายเวิ้งว้างเปล่าเปลี่ยนนั้นอีกครั้งไม่ได้

ก่อนจะก้าวจากไป ทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลัง



2/5 P.3

มันเกือบจะสำเร็จอยู่เชียว

เขาได้แต่คำรามงุ่นง่านในลำคอด้วยความหงุดหงิด สองตาที่เป็นสีแดงยิ่งจัดจ้าด้วยพายุอารมณ์ที่หมุนวนและกำลังจะนำไปสู่การทำลาย

แต่แม้แต่เรื่องนั้น เขาก็ทำไม่ได้

ยังทำไม่ได้ กำหนดการยังไม่ออกมา คืนนี้ยังเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันอยู่

เว้นแต่เรื่องที่ได้ตัดสินไปแล้ว

และเขาต้องทำให้สำเร็จ

ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องพาเธอมา !



2/5 P.4

“ผมรู้..” ประโยคหนึ่งที่ขึ้นต้นเช่นนี้เคยเอ่ยเมื่อนานแสนนานมาแล้ว “...รู้อยู่แล้ว”

“แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ยัง...”

นั่นนับเป็นประโยคคลาสสิกของบิดาแห่งประวัติศาสตร์สมัยโบราณ หลุยส์ วรงค์ กีรติการ

ฟังว่าเป็นคำที่เขาใช้เป็นประจำ ขณะที่โต้เถียงกับนักวิชาการสาขาอื่นๆที่มาขอข้อมูลถกกับเขาในวิชาการต่างๆของประวัติศาสตร์สมัยโบราณ

เขาเป็นคนรอบรู้ แต่แทนที่จะเชี่ยวชาญในสาขาไหนสาขาหนึ่ง หลุยส์ วรงค์ กีรติการกลับมีสิ่งที่ทำให้คนยกย่องเขาข้ามมานับศตวรรษ

เขาไม่ได้ถนัดศาสตร์สาขาไหนหนึ่งเป็นพิเศษ แต่เขาถนัดการเรียงร้อยข้อมูล ให้เป็นเหตุการณ์และประวัติศาสตร์

นั่นเป็นสิ่งที่เขาตั้งใจจะเป็น และเป็นได้จริงๆ

“แต่ฉัน....” อรอินทุเอ่ย...เริ่มลังเลเป็นครั้งแรก และหล่อนพบว่าประโยคของบิดาประวัติศาสตร์สมัยโบราณเป็นประโยคที่เยี่ยมจริงๆ

หล่อนรู้อยู่แล้ว ว่าตัวเองตัดสินใจจะไม่ทำ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังอุตส่าห์มา

และมันก็กำลังจะสั่นคลอนการตัดสินใจของหล่อน

“ผมคิดว่ามันอาจจะมีเสน่ห์ดึงดูดคุณได้นะ คุณหลง” หัวหน้าโครงการเอ่ย “เราเพิ่งสรุปวิธีนี้กันได้ไม่นาน และได้รับการรับรองให้มีความปลอดภัยพอพอดี เลยอยากได้คุณมาร่วมงานด้วย”

ทุกอย่างพร้อมพรั่ก อรอินทุยอมรับ....และมันดึงดูดใจจริงๆ

“พื้นที่ที่จะพบปรากฏการณ์นี้มีไม่มาก” เขาเล่าไปเรื่อยๆ แต่นัยน์ตาคมกริบลอบสังเกตหญิงสาวที่นั่งตรงหน้าและเรียบเรียงถ้อยคำจูงใจอย่างรวดเร็ว “และส่วนมากเป็นจุดที่ไม่สามารถเห็นได้ชัดอีกต่อไป มีแค่ไม่กี่แห่ง แต่ถึงอย่างนั้นด้านความปลอดภัยก็เป็นปัญหามาก จนพวกเราต้องพยายามกันมากจริงๆ”

เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ เมื่อหล่อนนิ่งงัน

“ถ้าคุณไม่สะดวกจริงๆ ผมก็ขอโทษด้วยที่ทำให้คุณอึดอัดใจ คุณหลง ผมคงได้แต่หวังในโอกาสต่อไป”

“เปล่าค่ะ” อรอินทุตัดสินใจได้ในที่สุด เมื่อชั่งน้ำหนักความลังเลกับความผิดหวังที่หล่อนจะไม่ได้ไปโครงการนี้ และฝ่ายหลังมีชัยไปอย่างฉิวเฉียด “ฉัน...กำลังคิดถึงเรื่องวิชาเรียนที่ลงไว้น่ะค่ะ ว่าจะทำยังไงบ้างดี แต่ฉันจะพยายามเต็มที่เพื่อโครงการนี้ค่ะ”

“ขอบคุณ” เขาถอนใจ ซ่อนรอยยิ้มพราวระยับในดวงตา “ยินดีต้อนรับสู่โครงการโบราณคดีเกี่ยวกับการสังเกตปรากฏการณ์สุริยุปราคาของเรา คุณหลง”

“ขอบคุณคุณเช่นกันค่ะ ที่ให้โอกาสฉัน คุณกุลนววงศ์”

เขาระบายรอยยิ้มเต็มวงหน้าในที่สุด เมื่อเอ่ยแก้

“เรียกผมว่า ‘หยาง’ ก็ได้”


+ + + + + + +



แปะตอนใหม่อย่างต่อเนื่อง !!! (บอกแล้วว่ามีสต็อกค่ะ >.< ) อา....การได้แปะนิยายทุกวันนี้ดีจังเลย.....

คุณรออ่านเป็นเล่ม - กะ...กรี๊ด มะ...ไม่คิดว่าจะมีคนที่ยัง.... โฮ่ ขอบคุณมากค่ะ TT-TT (น้ำตาไหลพรากๆด้วยความซึ้งกันทีเดียวงานนี้)

สร้อย - ขอบในเหมือนกันจริงๆจ้า >< ยินดีที่ได้มามีสร้อยเป็นคนอ่านอีกครั้งเหมือนกัน






อมราวตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 พ.ย. 2555, 00:02:19 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 พ.ย. 2555, 00:02:19 น.

จำนวนการเข้าชม : 960





<< Ch.1   Ch.3 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account