Knight At Night ... สงครามรัตติกาล
กาลเวลาพลิกกลับอีกครั้ง...ทุกอย่างกำลังจะได้เวลาเริ่มต้นใหม่ หรือว่าความจริงแล้ว...เพียงแค่ซ้ำรอยเดิมเท่านั้นกัน ? นับพันปีที่ผ่านไป ที่รอคอยคือเธอ หรือว่า..?
เขาส่งเสียงคำรามในลำคอ เสียงกึกก้องคล้ายเสียงสัตว์บาดเจ็บ ...ร้าวราน หากก็มากพอที่จะทำให้หักใจผละจากริมฝีปากหวานล้ำมาเคล้าเคลียพวงแก้มเนียนที่เย็นเฉียบนั่นพร้อมพร่ำกระซิบคำข้างหู
“แต่ถึงอย่างนั้น... ผมก็ยัง...” เขาอ้าปาก งับลงบนติ่งหูก่อนเลื่อนมือข้างหนึ่งไปด้านหลัง ดึงผมที่ท้ายทอยให้วงหน้างามดวงตาสีนิลจับจ้องฟากฟ้าแทน
“ต้องการเธอ”
“ต้องการ...”
".......เธอ"
"........."
"พลังของเธอ!"
เขาส่งเสียงคำรามในลำคอ เสียงกึกก้องคล้ายเสียงสัตว์บาดเจ็บ ...ร้าวราน หากก็มากพอที่จะทำให้หักใจผละจากริมฝีปากหวานล้ำมาเคล้าเคลียพวงแก้มเนียนที่เย็นเฉียบนั่นพร้อมพร่ำกระซิบคำข้างหู
“แต่ถึงอย่างนั้น... ผมก็ยัง...” เขาอ้าปาก งับลงบนติ่งหูก่อนเลื่อนมือข้างหนึ่งไปด้านหลัง ดึงผมที่ท้ายทอยให้วงหน้างามดวงตาสีนิลจับจ้องฟากฟ้าแทน
“ต้องการเธอ”
“ต้องการ...”
".......เธอ"
"........."
"พลังของเธอ!"
Tags: สงคราม, แฟนตาซี, ไซไฟ, รัตติกาล, ปีศาจ, วิวัฒนาการ, อารยธรรม, รัก, โรแมนติก
ตอน: Ch.1
1/0
หล่อนแหงนหน้ามองขึ้นไปเบื้องบนที่ดวงดาวพร่างพรายเต็มท้องฟ้า
คืนนี้ฟ้าปลอดโปร่ง ไม่มีทั้งก้อนเมฆกลุ่มหมอกใดๆขวางกั้น ทุกพื้นที่ในแอเรีย 7 ภูมิภาคบูรพา สามารถมองเห็นดวงดาวกระจ่างได้ด้วยตาเปล่า
แต่ก็ยังมีกลุ่มคนที่สาละวนกับการตั้งอุปกรณ์สำหรับส่องมองดาวและบันทึกสภาพท้องฟ้าอยู่เป็นจำนวนมาก หรืออาจจะเรียกได้ว่าคนเหล่านั้นแทบจะเป็นทั้งหมดของผู้ที่ใส่ใจมองดวงดาวเบื้องบน
หล่อนไม่ใช่คนกลุ่มนั้น และไม่ใช่คนที่ใส่ใจมองด้วยเช่นกัน
หญิงสาวเดินผ่านผู้คนที่กำลังขะมักเขม้นกับงาน ก้าวเท้าเข้าไปยังอาคารก่อด้วยอิฐสองชั้นและขึ้นบันไดไปสู่ดาดฟ้าที่เปิดโล่งและว่างเปล่า
“มีธุระอะไร”
เสียงถามโดยปราศจากตัวตน แต่เป็นสิ่งที่เธอชาชิน มือที่อยู่ในถุงมือผ้าหนาสีดำขยับซุกในกระเป๋าเสื้อโค้ทตัวยาวสีเทา ขณะที่เงยหน้าขึ้นไปจับจ้องท้องฟ้า
“คืนนี้ดวงดาวเป็นยังไง”
ไอสีขาวบางจากความเย็นหลุดจากปากพร้อมถ้อยคำให้หญิงสาวถอนหายใจเฮือก ขณะที่เบื้องหลังมีอีกเสียงตอบกลับ
ไม่ใช่คำพูด แต่เป็นการเคลื่อนไหว
เธอยังไม่ขยับตัว แม้จะมีคนมายืนอยู่ข้างๆ
“เป็นคืนที่ดี” คำตอบมาในที่สุด “คืนที่ดวงดาวทุกดวงส่องสว่าง เป็นแสงเล็กๆระยิบระยับ ไม่มีสีสันอื่นๆแต้มเติม จนกระทั่งกลางคืนก็ยังดูน่าเอ็นดูขึ้นมาได้ ไม่คิดอย่างนั้นรึ ?”
เธอต้องทำความเข้าใจกับมันอยู่ครู่
“หมายความว่า คืนนี้เป็นคืนที่ดีจริงๆงั้นเหรอ ?”
“ถ้าจะพูดให้ชัดๆกว่านั้นก็คือดาวนักขัตตะต่างๆสถิตในเวลาที่ดี” ปลายนิ้วที่เหี่ยวย่นชี้ขึ้น “ส่วนดาวร้ายเกือบทั้งหมดจะซ่อนตัวอยู่หลังเมฆในคืนนี้ ....จะเป็นคืนที่ปลอดจากการฆ่าฟัน”
“แต่...” เขาเอ่ยต่อ ก่อนที่ผู้ฟังจะทันได้ทอดถอนใจอย่างโล่งอก “ในเวลาดวงดาวอย่างนี้ ใครบางจะต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก เพราะความฝันกับความจริงที่กำลังจะซ้อนกันจนแยกไม่ออก”
หญิงสาวถอนหายใจจนได้ในที่สุด ทว่าคราวนี้เจือความหงุดหงิดรางๆ
“อะไรอีกล่ะนั่น...”
คนเอ่ยข้อความบรรยายแปลกประหลาดหันกลับมามองคู่สนทนา เงาไฟจางสะท้อนสีหน้าของแต่ละฝ่ายที่ล้วนแฝงความกังวลรางๆไว้ใต้ท่าทางนิ่งสงบ
“ค่ำคืนที่ไม่มีการฆ่าฟัน ย่อมเป็นเวลาที่ดี” คำตอบถูกย้ำชัดอีกครั้ง “เพียงแต่ในที่ใดที่หนึ่ง ที่ดาวดวงนั้นส่องสว่าง เจ้าของที่เกิดมาภายใต้อิทธิพลของสิ่งนั้นอาจต้องสะดุ้งเพราะอะไรบางอย่างรบกวนในยามค่ำคืน”
หล่อนตวัดตามองตามปลายนิ้วที่ชี้ขึ้น ดวงดาวบนท้องฟ้ามากมาย แต่น่าแปลก ที่หล่อนยังพอมองเห็นดาวดวงที่อีกฝ่ายว่า... มันเป็นดาวเล็กๆที่อยู่ในกลุ่มดาวหนึ่ง ซึ่งคลับคล้ายคลับคลาจะถูกบอกมาก่อนหน้านี้ แต่กลับจำมันไม่ได้เสียแล้ว
“คนทั่วไปเคยเรียกมันว่า กลุ่มดาวลูกไก่” ฝ่ายตรงข้ามบอกราวนึกรู้ “เป็นดาวดวงเล็กๆ เคยแสดงถึงความรุ่งเรืองหรืออย่างอื่นอีกมากมาย และมีอีกมากคนที่เกิดมาโดยเกี่ยวพันกับมัน”
หญิงสาวนิ่งฟัง เพราะไม่มีอะไรที่จะทำได้ดีกว่านั้น ความรู้ในด้านนี้ของเธอคงเทียบได้กับเด็กเล็กๆเมื่อเปรียบกับอีกฝ่าย ลำพังแค่แหงนหน้ามองเบื้องบน แล้วพอรู้ตำแหน่งแห่งที่มืออีกฝ่ายชี้โดยไม่ต้องเสียเวลามาก เธอก็แทบจะหมดแรงแล้ว
สิ่งที่เธอเรียนรู้และเติบโตมาไม่ใช่สิ่งนี้
“คนมากมาย” หล่อนใช้คำที่เขาว่า “แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าใครที่ไหน ถ้ามันสำคัญขนาดนั้น ก็น่าจะมีเบาะแสอย่างอื่นสิ”
คนที่เอ่ยปากเรื่องราวจากดวงดาวมากมายสาวเท้าตรงไปข้างหน้า ผละจากข้างกายหญิงสาว เขาแหงนเงยมองเบื้องบนด้วยสีหน้าที่ราวกำลังอ่านหนังสือด้วยความเพลิดเพลิน ดังดวงดาวน้อยใหญ่ที่พริบแสงในชั่ววูบคือตัวอักษรที่แปรเปลี่ยนไม่รู้จบบนหน้ากระดาษสีทึม
“ถ้าเธอนึกอยากเจอ เธอจะได้เจอ” เขาเอ่ย “บางที...มันอาจนำทางไปแก้ไขสิ่งที่เธอทำ “พลาด” ไป “ตอนนั้น” ได้ก็ได้....”
1/1
แอเรียที่ 7 ประจำภูมิภาคบูรพา
วันที่ 24 เดือน 4 ปี 2214
เวลา 02.37 น.
เธอสะดุ้งตื่นจากความฝัน พร้อมยกมือขึ้นตะปบลงบนคอโดยอัตโนมัติคล้ายจะสำรวจตรวจตรา
ไม่มีร่องรอยของคมเขี้ยวบนนั้น ไม่มีแม้แต่ริ้วรอยขีดข่วนของบาดแผลใดๆ ให้หัวใจที่โลดขึ้นมาค่อยสงบลงพอจะลดมือควานไปแตะสวิตซ์ดูเวลาได้
ตีสองครึ่ง...เพิ่งจะตีสองครึ่งเท่านั้น
หญิงสาวถอนหายใจอย่างไร้สาเหตุ ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนฟูกหนานุ่มอีกครั้ง อากาศในยามดึกเย็นเฉียบแต่หน้าผากของเธอเต็มไปด้วยเหงื่อที่ผุดพรายขึ้นมาอย่างน่าประหลาด
แต่ก็ยังไม่ประหลาดเท่าฝันนั่น
ความฝันที่ทำให้เธอสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยความหวาดผวา ก้ำกึ่งกับความรู้สึกที่อัดแน่นจนยากจะบรรยาย ยามเมื่อมองไปที่ผืนทรายสีขาวสะอาดสุดลูกหูลูกตา
ทรายทับถมกัน ให้หวนนึกถึงทะเลทรายที่เคยเห็นแต่ในหนังสือภาพ หากทรายเหล่านั้นควรเป็นสีส้มแกมน้ำตาล ไม่ใช่ขาวพร่างพรายจนดูใกล้เคียงกับหิมะเช่นนั้น
ทว่าในความฝัน เธอไม่มีเวลาไปแปลกใจเรื่องนั้น เพราะความสนใจของเธอไปอยู่ที่อีกสิ่ง
ในทะเลทรายที่อ้างว้างและว่างเปล่า นอกจากเธอแล้ว ยังมีอีกคน
นัยน์ตาสีราตรีราวผืนฟ้าเบื้องบนจับจ้องมาที่เธอ จนขยับตัวไม่ได้ แทบลืมกระทั่งวิธีหายใจ เมื่อเขาเอื้อมมือมาสัมผัส ดึงร่างเข้าไปหาอย่างแผ่วเบาและนุ่มนวล
เป็นชั่วแวบ ที่เธอทันเห็นนัยน์ตาคู่นั้นค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดงสด...สีที่ชวนให้สั่นสะท้านแต่ก็ลุ่มลึกเกินกว่าจะนึกกลัว
นอกจากเศร้าสร้อย
เพียงชั่วพริบตาเท่านั้น ที่เธอจดจำได้ ก่อนที่เขาจะก้มหน้าลงมา และฝากฝังความเจ็บปวดจนแทบด่าวดิ้นไว้ที่คอของเธอ
คิดมาถึงตรงนี้ หญิงสาวก็อดยกมือขึ้นแตะที่ลำคออีกครั้งไม่ได้ หัวใจที่เคยสงบลงเล็กน้อยกลับมาเต้นไม่เป็นส่ำอีกครั้ง จนการนอนกลิ้งไปมาบนฟูกหนานุ่มไม่อาจช่วยบรรเทา เธอจึงตัดสินใจลุกขึ้น
“เปิดไฟ” เสียงหวานออกคำสั่ง เพิ่งรับรู้ว่าลำคอของตนแห้งผาก จนต้องเอื้อมไปที่หัวเตียง กดสวิตซ์เครื่องทำน้ำดื่มใส่แก้ว กลืนไปหนึ่งอึก แล้วออกคำสั่งต่อ “เปิดบราวเซอร์ เข้ารายการโปรดลำดับที่ 1”
ชุดคำสั่งรุ่นใหม่ล่าสุดที่เพิ่งปรับปรุงใช้งานได้ดี มันแทบไม่ต้องใช้เวลาเดินเครื่องเพื่อจะสั่งงานดึงชุดโปรแกรมที่ใช้ออกมาอีกต่อไป โดยเฉพาะการใช้งานบราวเซอร์ ซึ่งเป็นชุดคำสั่งเพื่อเข้าระบบเครือข่ายออนไลน์ต่าง ๆ โดยการปรับปรุงนี้คล้ายจะสามารถป้อนค่าให้ตั้งสแตนบายด์ไว้ได้ตลอดเวลา มันจึงใช้เวลาเล็กน้อยเท่านั้น ในการดึงข้อมูลจากระบบเครือข่ายมาแสดงเบื้องหน้าหญิงสาวตามที่ตั้งค่าไว้
“ระบุชื่อเข้าระบบ อรอินทุ หลง รหัสประจำตัว 4168529 ยืนยันด้วยรหัสผ่าน k7swj5243”
เธอออกคำสั่งอีกครั้ง และระบบก็ทำงานได้อย่างไม่มีผิดพลาด มันใส่ข้อมูลตามที่เธอกล่าวไว้ เนื่องจากอรอินทุไม่ชอบยืนยันการเข้าระบบด้วยเสียงหรือส่วนหนึ่งของร่างกายเหมือนอย่างคนอื่นๆ รหัสผ่านของเธอจึงเป็นแบบรุ่นเก่าอย่างที่นานๆจะมีใครใช้สักคน
รายการโปรดลำดับที่ 1 ในระบบเครือข่ายของอรอินทุคือชุมชนออนไลน์สำหรับสถาบันศึกษาระดับ C อันเป็นสถานศึกษาของเธอเอง หญิงสาวเข้ามาที่นี่เพราะรู้ดีว่าในเวลาเช่นนี้ หากไม่อยากออกไปไหน และต้องการหาใครสักคนคุยด้วยโดยไม่ต้องเกรงว่าคนๆนั้นจะหลับ ก็มีแต่เข้ามาในเครือข่ายนี้เท่านั้น
และก็เป็นอย่างที่หญิงสาวคาด ทั้งนอกจากสาเหตุที่ยกมาอ้างก่อนแล้ว สาเหตุอีกประการที่ทำให้อรอินทุนึกได้ก็คือข้อมูลบนหน้าระบบ เมื่อเธอออกคำสั่งชุดต่อไป
“เข้าเครือข่ายสำหรับสาขาวิชาดาราศาสตร์”
นั่นเป็นวิชาเอกที่เธอเรียน ข้อมูลระบบเครือข่ายของสาขาจะระบุว่าคืนนี้มีใครขออุปกรณ์ไปใช้ที่ไหนบ้าง และใครกำลังอ่านข้อมูลออนไลน์ในการเฝ้าสังเกตการณ์ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวคืนนี้บ้าง
ความจริงอรอินทุก็ไม่รังเกียจการเฝ้าสังเกตท้องฟ้า อย่างไรวิชาในสาขาของหล่อนก็ไม่ค่อยมีเรียนตอนเช้าเพราะความเห็นใจนักศึกษาอยู่แล้ว แต่คืนนี้เธอขอลาจากกิจกรรมนี้ เพราะอาการง่วงเหงาหาวนอนที่จู่โจมตั้งแต่อาทิตย์เพิ่งลับขอบฟ้า
อรอินทุไม่แปลกใจ ก่อนหน้านี้เธออดนอนติดๆกันมาสามสี่คืนแล้ว เพราะเพิ่งสรุปข้อมูลการสังเกตกลุ่มดาวหนึ่งเสร็จไป ร่างกายจะรู้สึกเพลียสะสมก็เป็นเรื่องธรรมดา
แต่ความฝันที่ไร้เค้าลางนั่น...ทำให้เธอต้องการใครสักคนมาคุยด้วย
“ติดต่อ มิคาเงะ ฟรองทีชาร์ส” เธอเอ่ย เมื่อเหลือบเห็นชื่อที่คุ้นเคยแสดงสถานะชัดเจนว่ากำลังอยู่ในระบบพร้อมกับเฝ้าดูท้องฟ้าอยู่ที่จุดใช้งานหนึ่งของมหาวิทยาลัย
มิเคาเงะไม่ให้เธอรอนาน แค่ไม่ถึงอึดใจดี หญิงสาวร่างสูงโปร่งในเสื้อรัดรูปสีดำกับกระโปรงมินิสเกิร์ตสีแดงตัดผิวขาวผ่องและเส้นผมสีทองสลวยหยักเป็นลอนก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าอรอินทุ
หญิงสาวเชื้อสายลูกครึ่งฝรั่งเศส-ญี่ปุ่นคลี่รอยยิ้มบนเรียวปากบางอย่างอารมณ์ดี ดวงตาสีดำอันเป็นเอกลักษณ์ฟากแม่ และเป็นสิ่งที่เจ้าหล่อนชอบมันที่สุดพราวระยับเมื่อมองเห็นเพื่อนสนิทอยู่อีกฟากของระบบสื่อสาร
“สวัสดียามค่ำ อินทุ สนใจจะมาร่วมสนุกด้วยกันไหม”
หล่อนมองแม่สาวลูกครึ่งที่สะบัดผมยาวไปด้านหลัง พลางขยับเรียวขางามซึ่งเร้นอยู่ในถุงเท้ายาวถึงครึ่งต้นขาสีดำตัดกับกระโปรงแดงขึ้นไขว่ห้างอย่างเก๋ไก๋ แล้วได้แต่สั่นหน้า
“ไม่ดีกว่า” หล่อนตอบตามที่ตั้งใจไว้แต่แรก “กว่าฉันจะไปถึง ดาวก็เคลื่อนไปหลายแล้ว บางจุดอาจมองไม่เห็นอีก ไหนๆก็ไหนๆ พักผ่อนให้เต็มที่ดีกว่า”
“โอ้” มิคาเงะห่อปากคล้ายล้อเลียน ขณะหันไปกดปุ่มสำหรับบันทึกข้อมูลท้องฟ้า ปากก็สนทนาไปพลาง “งั้นคนที่ควรนอนหลับให้เต็มที่โทรมาหาฉันในเวลาแบบนี้ทำไมกันล่ะ ?”
อรอินทุยิ้มให้สำนวนคำพูดนั้น เวลาอยากเล่นลิ้นหรือเจ้าคารมขึ้นมา มิคาเงะทำได้ไม่เลวเลยทีเดียว
“ฉันฝันร้าย” หล่อนตอบอย่างไม่เห็นเป็นเรื่องต้องปิดบัง “เลยนอนไม่หลับ และกำลังต้องการใครสักคนคุยด้วยไง”
“ว่าไง” หางเสียงบอกความสนใจ แต่มือของมิคาเงะยังสาละวนกับอุปกรณ์
อรอินทุนิ่งไปเล็กน้อย ปากขยับจะเล่าในทีแรก แต่แล้วก็เกิดความไม่แน่ใจขึ้นมาว่าจะเริ่มจากที่ใด จนเพื่อนสาวที่รอฟังจนเซ็ตอุปกรณ์ต่างๆเสร็จหันมามอง
“อินทุ ? เป็นอะไรหรือเปล่า?”
ลงท้าย เมื่อคิดไม่ออก อรอินทุก็ใช้วิธีบอกตรงๆอีกตามเคย
“ฉันไม่รู้ว่าฝันแบบนั้นไปได้ไง” เธอออกตัว “รู้แค่...อยู่ๆก็ยืนอยู่กลางทะเลทรายสีขาว คล้ายๆทะเลทรายที่เราเคยเห็นในหนังไง มิคาเงะ นึกออกไหมล่ะ ? นั่นล่ะ ฉันรู้สึกว่าตัวเองไปอยู่ที่นั่น แล้วจู่ๆก็มีผู้ชายคนหนึ่งมา เขาดึงฉันเข้าไป แล้วก็กัดคอฉันจนฉันสะดุ้งตื่น!”
เพื่อนสาวจ้องกลับมาด้วยสีหน้าพิศวง ให้อรอินทุพยักหน้าคล้ายจะเพิ่มความหนักแน่นในคำพูดและเติมความรู้สึกลงไปด้วยประโยคถัดมา
“มันน่ากลัวมากเลยนะ มิคาเงะ ฉันรู้สึกเจ็บมากๆตอนที่เขากัด เจ็บจนเหมือนจะขาดใจจนสะดุ้งตื่นมา หัวใจยังเต้นเร็วจนนอนหลับต่อไม่ลงด้วยซ้ำ”
มิคาเงะเป็นฝ่ายรับฟังที่ดี หล่อนรอจนแน่ใจว่าอรอินทุพูดจบ ทั้งยังเลิกคิ้วคล้ายจะถามยืนยัน ครั้นเห็นอีกฝ่ายพยักหน้าให้อีกที เจ้าหล่อนถึงได้ฤกษ์เอ่ยปาก
“อินทุ...” หล่อนเรียกด้วยน้ำเสียงที่ชวนให้เจ้าของชื่อตะครั่นตะครอแปลกๆ “เพื่อนรัก วันพรุ่งนี้เธอว่างหรือเปล่า ฉันคิดว่าเราควรจะไปที่ๆหนึ่งด้วยกันซะหน่อยนะ ฟังจากฝันของเธอแล้ว...”
“ฉันไม่ถึงขนาดต้องไปหาหมอสักหน่อย!” อรอินทุขัดทันที เริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมาครามครันที่เพื่อนสาวทำให้ความฝันเป็นเรื่องใหญ่โต แม้ตนจะเป็นคนเริ่มเล่าให้อีกฝ่ายฟังก็ตาม
ทว่ามิคาเงะกลับยิ้มเก๋ เห็นเขี้ยวเล็กที่มุมปาก และตอบด้วยคำที่ทำให้อรอินทุอ้าปากค้างยิ่งกว่าเดิม
“ใครว่าต้องพาเธอไปหาหมอกันจ๊ะ ?” หล่อนถามเสียงดังฟังชัด ไหวไหล่ให้ลมราตรีเคลียเรือนผมเป็นลอนไปด้านหลัง “ที่ๆเธอควรจะไปคือบาร์สบายๆสักแห่งที่เราจะนั่งดื่มกินอะไรเล็กๆน้อยๆ และมองหนุ่มหน้าตาดีเป็นอาหารตาหรือไม่ก็อ่อยให้พวกนั้นมาเอาใจเราต่างหาก”
คนถูกชวนเที่ยวกะทันหันขยับจะถามว่านั่นมันเกี่ยวอะไร....คนชวนก็อธิบายเสียก่อนราวอ่านใจออกทันทีว่า
“ตัดเรื่องที่ว่าเธอสะดุ้งตกใจอะไรออกไปก่อนนะเพื่อน ลองนึกถึงฉากสิ ทะเลทรายขาวสะอาดตา..บรรยากาศที่มีแค่เธอกับเขา แล้วจากนั้นเขาก็ดึงเธอไปหาและซุกหน้าลงกับซอกคอเธอ... ฟังดูน่าเคลิบเคลิ้มไม่ใช่เล่นเลยนี่นา”
อรอินทุอยากปฏิเสธ แต่เมื่อนึกทบทวนในฝันดีๆ หล่อนก็ค้านไม่ออก เพราะก่อนที่ความเจ็บปวดจะกระชากหล่อนออกจากฝัน มันก็ทำท่าว่าใกล้เคียงกับที่อีกฝ่ายว่าเสียด้วยสิ
มิคาเงะคบกับอรอินทุมานานพอ ครั้นมองเห็นเพื่อนสาวนิ่งไป หล่อนก็ยิ่งมั่นใจในข้อสมมติฐานของตัวเอง
“มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหรอกน่า เรานั่งคร่ำเคร่งกันตั้งกี่อาทิตย์กว่ารายงานตัวก่อนจะเสร็จน่ะ อินทุ พูดจริงๆก็นอกจากหน้าคนในกลุ่มเดียวกันกับดาวข้างบนแล้ว มนุษย์คนอื่นๆหน้าตาเป็นยังไง ฉันยังเผลอเกือบลืมไปวูบเหมือนกันนั่นแหละ”
อรอินทุหลุดหัวเราะให้กับคำนั้นอย่างอดไม่ได้ ความรู้สึกขุ่นเคืองค่อยกลายเป็นความขบขัน เมื่อนึกตามที่อีกฝ่ายว่า ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องเกินจริงเท่าไร เวลาทำรายงานส่วนมาก ทุกคนในสาขาวิชามักจะใช้ชีวิตตั้งแต่ยามบ่ายยาวนานไปจนตลอดคืน บ้านช่องไม่ค่อยได้กลับ แม้อรอินทุจะมาเช่าห้องอยู่ในเขตเมืองห่างจากครอบครัวอยู่แล้ว แต่หล่อนก็ต้องยอมรับว่า ในช่วงเวลาเร่งโหมงานเช่นนั้น หล่อนเคยติดต่อครอบครัวหรือเพื่อนคนอื่นๆแทบจะนับนิ้วถ้วนด้วยมือเดียวด้วยซ้ำ
“ฉันเองก็กะว่าจะไปเที่ยวอยู่แล้วล่ะ” มิคาเงะว่าต่อ “แต่พอดีเห็นเขาว่าคืนนี้ท้องฟ้าโปร่ง เห็นดาวชัดมาก ก็เลยอดใจไม่ไหว แต่พ้นจากคืนนี้ไป ฉันจะยังไม่ลงทำรายงานตัวใหม่เด็ดขาด จนกว่าจะจำหน้ามนุษย์เพิ่มได้กับเขาสักสี่ห้าคน ไม่งั้นได้ลืมแน่ ว่านอกจากสองตา หนึ่งจมูก หนึ่งปากแล้ว หน้าตาคนอื่นเป็นไง”
“พอแล้ว” อรอินทุแหวเสียงกลั้วหัวเราะใส่อีกฝ่าย หล่อนแทบจะลงไปนอนขำบนเตียงให้อีกฝ่ายดูด้วยซ้ำไป หากก็ตระหนักว่าความง่วงงุนกำลังจะเข้าจู่โจมตนเองอีกครั้ง หล่อนจึงยั้งตัวเองไว้เอ่ยคำลากับเพื่อนสาวก่อน
“ขอบใจเธอมาก มิคาเงะ” อรอินทุเอ่ยด้วยความจริงใจ “พรุ่งนี้ฉันจะไปเที่ยวกับเธอแน่ๆ เพราะงั้น คืนนี้ฉันจะนอนให้เต็มที่อย่างที่ว่าไว้ให้ได้”
มิคาเงะคลี่ยิ้ม พลางยกนิ้วให้เพื่อนสาวเป็นทำนองชมเชย
“ต้องอย่างนั้นแหละ อินทุ อย่าให้การเสียสละของดวงดาวสวยๆที่จะหลุดจากสายตาเธอคืนนี้ต้องเสียเปล่า เพื่อนรัก”
“มันสวยมากหรือ” อรอินทุอดปากถามไม่ได้ หล่อนปิดม่านในห้องของตัวเองไว้สนิทหมดทุกทิศ เพราะเกรงว่าถ้าเห็นความงามของค่ำคืนที่ดาวพราวแสงเข้าจริงๆ จะอดใจไม่ไหว และยอดอดนอนในที่สุด
มิคาเงะเองก็รู้นิสัยหล่อนดีเช่นกัน เพราะแม้ฝ่ายนั้นจะปรับให้สามารถมองเห็นตนเองได้ชัดเจน แต่หล่อนไม่ยอมให้ถ่ายติดแม้แต่ดาวน้อยสักดวง อรอินทุจึงเห็นเพียงแนวผนังครึ่งตัวสีขาวกับสีดำของท้องฟ้าราตรีเท่านั้น
“พรุ่งนี้เธอจะได้เห็น” มิคาเงะเลือกจะตอบแบบนี้แทน พลางหลิ่วตาให้ “ดังนั้น ฉันไม่มีคำบรรยายอะไรให้เธอหรอกอินทุ เพื่อให้เธอนอนได้เต็มอิ่ม จงภาวนาหาพรุ่งนี้ที่ฉันค่อยเอาภาพให้เธอดูเถอะ”
หญิงสาวไม่ใส่ใจจะดูอะไรอย่างอื่นอีก หล่อนสั่งออกจากระบบและปิดบราวเซอร์ ก่อนทิ้งตัวลงนอนแผ่อย่างสบายอารมณ์
ภาวะจิตใจที่ดีขึ้นช่วยให้จมูกของอรอินทุได้กลิ่นหอมจางๆในเครื่องปรับอากาศที่หล่อนซื้อ หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนพลิกกาย หยิบผ้าห่มขึ้นคลุมและเอ่ยคำสุดท้าย
“ปิดไฟ”
1/1 P.2
มิคาเงะสะบัดผมยาวของหล่อนอีกครั้ง หลายหนที่นึกรำคาญ แต่ลงท้ายพอจะเข้าร้านไปตัดกันขึ้นมาจริงๆ หล่อนก็ไม่เคยทำใจได้จริงๆเสียที
หญิงสาวกดสวิตซ์อุปกรณ์อีกครั้ง ข้อมูลกำลังบันทึกลงไป พร้อมแสดงวันเวลาไปพร้อมกัน
แอเรียที่ 7 ประจำภูมิภาคบูรพา
สถาบันศึกษาระดับ C ประจำเมืองหลวง
สาขาวิชาดาราศาสตร์ จุด 462
วันที่ 24 เดือน 4 ปี 2214
เวลา 03.12 น. อีก 2 ชั่วโมง 27 นาที ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น
สาวลูกครึ่งบิดตัว เวลาที่แสดงบอกชัดว่าหล่อนต้องอยู่ตรงนี้ไปอีกอย่างน้อยสองชั่วโมงครึ่ง มิคาเงะรักดวงดาว แต่พักนี้หล่อนก็เริ่มตระหนักมาแล้วเหมือนกัน ว่าถ้าหากหล่อนไม่ทำอย่างอื่นนอกจากนั่งมองมัน โดยเฉพาะการออกกำลังกายขยับร่างเคลื่อนไหวให้มากกว่านี้ หล่อนต้องมีปัญหาสุขภาพแน่ๆ
หญิงสาวร่างระหงจึงบิดตัวไปทางซ้ายทีขวาที สลับเป็นจังหวะสักพัก ตามที่นักบำบัดสุขภาพแนะนำ ก่อนเงยหน้ามองด้านบนตามวิสัยที่อดไม่ได้จนแล้วจนรอด
น่านฟ้าที่ความจริงไม่ได้ดำสนิท แต่ระบายแรด้วยสีน้ำเงินอันเข้มข้นจนดูทะมึนคือม่านผืนงานและเวทีที่เหล่าดวงดาราพากันเต้นระบำ เมื่อวัยเด็ก มิคาเงะเคยแหงนเงยแล้วต้องมนต์ขลังของมันเช่นไร เวลานี้ก็แทบไม่แตกต่าง
หญิงสาวกะพริบตาปริบ เมื่อทัศนียภาพอันงดงามถูกทำลาย
บนท้องฟ้า...ที่รู้กันดีว่าจะไม่มีอะไรมาบดบังหรือเฉียดผ่านให้กวนใจเด็ดขาดในจุดสังเกตการณ์ของภาควิชาดาราศาสตร์ กลับมีสิ่งแปลกปลอมได้
ใครกันที่เล่นแผลงๆ ?
คำถามผุดมาในใจมิคาเงะทันที เพราะสิ่งที่ปรากฏหรือควรเรียกว่าเฉียดผ่านไปเมื่อครู่ เห็นได้ชัดว่าเป็นเงาร่างของมนุษย์เพศชายคนหนึ่ง !
หญิงสาวขยับตัว หมายจะจับจ้องหาคนแปลกปลอมนั้นให้ถนัดตาอีกครั้ง พลางตระเตรียมเครื่องมือสื่อสารไว้แจ้งข้อมูลของคนที่ทำผิดกฎหมายบดบังทัศนียภาพในจุดสำรวจดาราศาสตร์ของสถาบัน
แต่บนท้องฟ้า...กลับกลายเป็นความงามที่สะกดหล่อนไว้อีกครั้ง
มิคาเงะขมวดคิ้ว มันไม่น่าเป็นไปได้ ที่ใครสักคนจะเคลื่อนหายไปเร็วได้ขนาดนั้น อย่าว่าแต่มันน่าจะมีเค้าลางของการร่อนลง หรือเสียงโวยวายของคนที่น่าจะอยู่ในจุดอื่นและเห็นสิ
นักศึกษาสาวถือเครื่องสื่อสารไว้มือหนึ่ง ขณะที่อีกมือเอื้อมไปปรับอุปกรณ์สำหรับส่องด้านบน พลางปรับโฟกัสพยายามมองขึ้นไปเบื้องบน
ต่อให้เกิดคนๆนั้นร่อนลงที่ไหนเร็วพอ มิคาเงะก็เชื่อว่าน่าจะยังพอเห็นอากาศยานที่อีกฝ่ายโดยสารก่อนทิ้งตัวลงมาได้ อย่างน้อยก็เค้าลางล่ะ
ขอแค่บันทึกภาพได้สักนิด การจะตามรอยและแจ้งก็ไม่ยากแล้ว อย่างน้อยก็ต้องตักเตือนไว้ไม่ให้พวกนั้นมาบินในจุดสังเกตการณ์แบบนี้อีก
หญิงสาวสาละวนกับอุปกรณ์ของตนเอง สนใจแต่เงยหน้ามองเบื้องบน
เพราะเหตุนี้เอง หล่อนจึงไม่ได้มองด้านหลัง บนพื้นที่เดียวกับหล่อน
ที่บัดนี้ ปรากฏเงาร่างบุรุษเพศ.....เช่นเดียวกับที่หล่อนเคยเห็นเมื่อวินาทีก่อนบนผืนฟ้าราตรี !
1/1 P 2.5
อรอินทุหลับสนิทไปแล้ว ห้องของหล่อนมืดสนิท ยิ่งกว่าฟากฟ้าด้านนอกเสียอีก
กระจกบานใหญ่แข็งแรงเป็นปรากการกั้นระหว่างด้านในกับเบื้องนอก ถัดด้วยม่านหนาขนาดกั้นแสงได้อีกชั้น
นี่คือแหล่งพำนักชั้นดี สำหรับผู้มาเยือน
กระจกที่เคยเปิดปิดด้วยชุดคำสั่งที่ต้องใช้เสียงสั่นไหวคล้ายใบไม้ต้องลมแรงอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่จะเผยอแง้มจากกัน เป็นช่องเล็กๆขนาดไม่ถึงคืบ
ขนาดที่เล็กเกินกว่าใครสักคนจะเข้ามาได้
แต่มากเกินพอสำหรับบางอย่างที่เล็ดลอดเข้ามา
บานกระจกปิดสนิทอีกครั้ง ม่านนิ่งงัน ปราศจากความเคลื่อนไหวใดๆ
ดวงตาสีแดงเข้มกวาดมองรอบห้อง เห็นได้ชัดถึงชุดคำสั่งริมผนัง ที่แสดงสถานะระบุตัวตนของเจ้าของห้องเอาไว้ชัดเจน
อรอินทุ หลง
ผู้บุกรุกเหลือบมองร่างที่นอนขดตัว หล่อนผู้มีวงหน้ารูปไข่ และเรือนผมสีดำสนิท กับเครื่องหน้าชวนมองนี้ คือคนเดียวกันไม่ผิดแน่
สายตาที่เรืองแสงรางๆในความมืดเลื่อนลง ก่อนจับจ้องลงบนลำคอขาวผ่อง....
1/2
อรอินทุมานึกได้ก่อนเข้าเรียนยามบ่ายไม่นาน ว่าหล่อนลืมนัดเวลาเจอกันกับมิคาเงะซะสนิท
หล่อนมีเรียนจึงต้องมาที่สถาบัน แต่มิคาเงะยังไม่ได้ลงอะไรเพิ่มเติม และเจ้าตัวก็ประกาศกับหล่อนไว้แล้วด้วยว่าจะไม่ลงเพิ่มจนกว่าจะจำหน้ามนุษย์ที่หล่อนพึงใจเพิ่มได้อีก 5 คน
หญิงสาวตัดสินใจใช้วิธีที่ง่ายที่สุด คือฝากข้อความไว้ว่า เธอจะรออีกฝ่ายที่ห้องหมายเลขเท่าใด หลังจากเรียนเสร็จ
อรอินทุจึงชะงักด้วยความแปลกใจ เมื่อหล่อนเดินเข้าไปในห้องแล้ว เจอกันกับคนที่หล่อนเพิ่งส่งข้อความหานั่งฟุบหน้าอยู่กับโต๊ะตัวหนึ่ง
“อินทุ” เพื่อนคนหนึ่งเรียกไว้ ก่อนที่หล่อนจะสาวเท้าไปหามิคาเงะ “อาจารย์สแตนด์ลีย์เรียกให้เธอไปพบเรื่องรายงานที่จะทำ ด่วนนะ”
หญิงสาวพยักหน้าพึมพำขอบใจ อีกฝ่ายก็หัวเราะเบาๆแล้วบุ้ยใบ้ไปทางมิคาเงะที่นอนฟุบอยู่
“มิคาเงะฝากบอกด้วยว่าถ้าเธอมาแล้ว อย่าเพิ่งปลุกเขา แต่ถ้าอาจารย์มาให้ปลุกด้วย”
อรอินทุพลอยหัวเราะไปกับคนพูดด้วย หล่อนพยักหน้าลงรับคำด้วยความเข้าใจอันดีทันที
“งั้นฉันจะไปปลุกเขาว่าอาจารย์มาเอง”
เพื่อนร่วมวิชาตบบ่า ก่อนหันไปสนใจอ่านงานในเครื่องบันทึกขนาดเล็กของตนเอง ปล่อยให้อรอินทุเดินตรงเข้าไปหาเพื่อนสาว
อรอินทุกำลังจะเอื้อมมือไป หล่อนก็ได้ยินเสียงแว่วจากเบื้องหลัง
“ไฮ”
หญิงสาวเหลียวกลับ มองด้วยความแปลกใจ
เขาคลี่ยิ้มให้ และทำให้อรอินทุกแปลกใจยิ่งขึ้นกว่าเดิม
เว้นจากดวงตาที่เป็นสีน้ำตาลอ่อนไม่ใช่สีทับทิมนั้นแล้ว อรอินทุได้แต่แปลกใจเป็นทวีคูณ ทั้งการที่ตนเองจดจำได้ถึงเพียงนั้น และทั้งการที่ได้เห็นอีกฝ่าย
เขาคือผู้ชายที่หล่อนฝันถึงเมื่อคืน ไม่ผิดแน่ !
+ + + + +
โพสอย่างขยันขันแข็ง (จริงๆสต็อกไว้แล้วตะหาก ฮุ !!!)
คุณรอให้เป็นเล่ม - มะ...มีคนอ่านด้วย ขอบคุณที่มาอ่านค่า ><
สร้อย - เอ๊อะ !!! ดะ...โดนเจอตัวแล้ว...ว่าแต่ ร้องแว๊กขนาดนั้นแน่ใจนะว่ายินดีต้อนรับกันน่ะ TT-TT

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 พ.ย. 2555, 00:00:17 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 พ.ย. 2555, 00:00:17 น.
จำนวนการเข้าชม : 1103
<< Ch.0 | Ch.2 >> |

รอให้เป็นเล่ม 15 พ.ย. 2555, 07:58:44 น.
อ่านค่าาาาาาา
มีผลงานของคุณอมราวตีแบบเป็นเล่มไว้ในอ้อมใจด้วยนะ
สู้ๆ ค่ะ
อ่านค่าาาาาาา
มีผลงานของคุณอมราวตีแบบเป็นเล่มไว้ในอ้อมใจด้วยนะ
สู้ๆ ค่ะ

สร้อยดอกหมาก 15 พ.ย. 2555, 16:16:56 น.
ยินดีต้อนรับจริงๆน๊า 5555
ยินดีต้อนรับจริงๆน๊า 5555