เรื่อง คืนรักร้อน ซ่อนเสน่หา (แก้วกรรณิกา VS ว่านนที)
เรื่อง คืนรักร้อน ซ่อนเสน่หา

by อัปสรา/คาลล่า ลิลลี

บทนำ

รายการวิทยุชื่อดังที่คนอกหักหรือกำลังมีความรักมักจะเปิดฟังกัน มีเรื่องราวจากทางบ้านมากมายที่โทรมาเล่าถึงปัญหา และปรึกษาเรื่องรักกับพิธีกรชื่อดัง ชีวิตปกติของแก้วกรรณิกาไม่ค่อยจะมีเวลาว่างมานั่งฟังอะไรแบบนี้ แต่ทว่าเมื่อเธอเปิดมาเจอคลื่นนี้ หัวข้อการสนทนาในคืนนี้ ต่างคนต่างเหงา หรือเรารักกัน มันทำให้เธอหยุดมือที่จะเปลี่ยนหาคลื่นต่อไป เพลงต้นเรื่องของรายการมันช่างตรงกับความรู้สึกของเธอที่กำลังเป็นอยู่ในขณะนี้ พิธีกรชายหญิงเริ่มดำเนินรายการจากนั้นก็มีสายจากทางบ้านโทรมาเล่าเรื่องราวของตนเองผ่านทางหน้าไมค์ แก้วกรรณิกานั่งฟังไปเรื่อยๆ อย่างสนใจใช่ว่าเธอคนเดียวเสียที่ไหนที่มีปัญหาเพราะความรัก คนอีกมากในสังคมที่ต้องเผชิญกับปัญหารักไม่ลงตัวหญิงสาวยิ้มทั้งน้ำตาเมื่อฟังเรื่องเล่าของใครหลายๆคนและคิดถึงชีวิตรักที่ผ่านมา



จนกระทั่งมาถึงผู้หญิงคนหนึ่งน้ำเสียงของเจ้าหล่อนดูสดใสเหมือนคนกำลังมีความรักไม่ใช่คนอกหักเสียหน่อย เธอเล่าว่าเธอกำลังกลุ้มใจอย่างหนักเพราะปัญหารักไม่ลงตัว พิธีกรชื่อดังจึงถามคำถามว่า ปัญหาความรักที่ไม่ลงตัวของเธอนั้นคือปัญหาอะไร คนรักนอกใจหรือว่าเธอไม่ได้รักเขา หรือเขาไม่ได้รักเธอ พิธีกรให้เธอเล่าเรื่องของเธอ

“ต้องขอโทษนะคะที่จริงเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ไม่ใช่เรื่องของดิฉันหรอกค่ะ แต่เป็นเรื่องของเพื่อนสาวที่สุดแสนจะงี้เง่าของดิฉันค่ะ”

“ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง แล้วโทรมาเล่าเรื่องชาวบ้านเขาทำไมยัยนี่ถ้าจะเพี้ยน” แก้วกรรณิกาฟังและบ่นสายจากทางบ้าน เบาๆแต่ก็ยังไม่เปลี่ยนคลื่นหนี ยังคงฟังต่อ


“เอ…..ไม่ใช่เรื่องของคุณแล้วมันทำให้คุณทุกข์ไปด้วยยังไงเหรอคะ” พีธีกรสาวในรายการถามขึ้น

“ทุกข์สิคะเพราะว่าบังเอิญยัยผู้หญิงงี่เง่าที่ไม่รู้ใจตัวเองเจ้าของเรื่องที่จะเล่าบังเอิญเป็นเพื่อนที่ฉันรักที่สุด และฉันรู้ดีว่าถ้าเธอพลาดจากความรักครั้งนี้เธอจะไม่มีความสุขตลอดไป”

พิธีกรจึงบอกให้คุณ ย นามสมมุติเล่าเรื่องความรักของเพื่อนสาวให้ฟัง


“ยัยนี่ท่าทางจะรักเพื่อน เอ๊ะหรือว่าเอาเพื่อนมาขายกันแน่รายการนี้เห็นว่าดังคนฟังกันครึ่งค่อนประเทศ”แก้วกรรณิกาล้มตัวนอนฟังบนเตียงนอนหรูหราสมศักดิ์ศรีทายาทไฮโซตระกูลดัง


จากนั้นเสียงจากสายทางบ้านก็เริ่มเล่าเรื่องเพื่อนสาวที่ให้นามสมมุติเธอว่าชื่อ น้อง ก ซึ่งมีคนรักอยู่แล้วและกำลังจะแต่งงานแต่ปรากฏว่าเธอเพิ่งจะรู้ว่าเธอไม่เคยรักว่าที่เจ้าบ่าวของเธอเลย ที่ผ่านมามันแค่เป็นความผูกพันและความคาดหวังของผู้ใหญ่ แต่ที่สำคัญเธอได้มารู้ตัวว่าเธอเกิดหลงรัก และเผลอทั้งตัวและหัวใจให้กับผู้ชายคนหนึ่งที่เคยพบหน้ากันแค่คืนเดียวแถมเขายังมีบุคลิกและหน้าตาเหมือนพวกเพล์บอย เธอโทษตัวเองเสมอว่าเป็นผู้หญิงใจง่ายในคืนนั้น และคิดว่าผู้ชายคนนั้นก็คงมองเธอว่าเป็นผู้หญิงใจง่ายเช่นเดียวกัน

“เอ่อ เจอกันแค่คืนเดียวเองเหรอคะ” พิธีกรสาวในรายการสดถามขึ้น


“คืนนั้นเพื่อนของดิฉันถูกวางยานอนหลับค่ะจากผู้ไม่ประสงค์ดี แล้วผู้ชายคนนั้นสมมุติว่าเขาชื่อคุณ ว ละกันนะคะเขาได้ช่วยเพื่อนของดิฉันเอาไว้ค่ะ แล้วมันก็เกิดเรื่องนั้นขึ้น แต่ดิฉันขอยืนยันว่าเพื่อนดิฉันไม่ใช่ผู้หญิงใจง่าย เธอคบกับผู้ชายที่ไม่ได้รักแต่อาจเคยคิดผิดไปว่ารักถึงเจ็ด ปีแต่ไม่ยอมที่จะมีอะไรด้วยทั้งที่ได้หมั้นกันแล้ว จนผู้ชายคนนั้นแอบไปมีกิ๊กในที่ทำงานเดียวกัน”
“คบกับแฟนมาถึงเจ็ดปีไม่เคยมีอะไร แต่พบผู้ชายที่ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน พบกันคืนเดียวแล้วมีอะไรกัน” พิธีกรเองก็คงงงและตกใจเช่นกันแม้จะเคยฟังเรื่องทางบ้านมามากแล้วก็ตาม


“อย่างนี้เรียกว่าเกิดรักแบบสายฟ้าแลบหรือเปล่าคะ” พิธีกรสาวแซว


“เพื่อนของฉันเล่าว่าทันทีที่ตื่นขึ้นมาแล้วสบตาเขา ในวินาทีนั้นมันเหมือนฟ้าผ่าลงมาที่ร่างของเธอ หัวใจของเธอมันบอกว่าใช่เขาคนนี้ที่เธอรอ และต่อจากนั้นก็..................ขอไม่บรรยายนะคะ”

“แหะ แหะ .........เข้าใจค่ะ ถ้าบรรยายเราคงออกอากาศไม่ได้ แล้วยังไงต่อละคะ”


“เธอก็รู้สึกผิดมากรู้สึกว่าตัวเองได้ทรยศคู่หมั้น แม้เขาคนนั้นจะเคยทรยศความรักของเธอไปก่อนหน้านี้แล้วก็ตาม”

“เท่าที่ฟังดูก็เหมือนกับว่าต่างคนต่างเผลอใจไปกับคนอื่น แล้วมันยังไงต่อคะ” พิธีกรสาวถาม


“เรื่องในคืนนั้นถ้าไม่บอกก็คงไม่มีใครรู้จริงไหมคะ แต่เพื่อนของดิฉันเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้กับคู่หมั้นฟัง”


“ก็พังสิครับงานนี้” พิธีกรหนุ่มเอ่ยขึ้น


ส่วนคนฟังทางบ้านอย่างแก้วกรรณิกา จากที่กึ่งนอน กึ่งนั่งก็ลุกขึ้นมาฟังอย่างตั้งใจ............


+++++++++++++++++++++++++++++++

Tags: ว่านนที แก้วกรรณิกา

ตอน: ตอนที่1 (ลงแล้วเต็มตอน 100%)

ปวดฟันมาเป็นสัปดาห์ คนนิยายไม่ได้สักตัวเพิ่งจะเริ่มเขียนได้เพราะปวดน้อยลงก็วันนี้เองค่ะ ต่อจากนี้จะรีบเขียนเลยคืนนี้คาดว่าจะมาลงตอนที่ 2 จนจบค่ะ

ตอนที่ 1 (นอนนับดาวกับสาวข้างบ้าน)


เมื่อฟังเรื่องเล่าจากทางบ้านไปได้สักพัก จากอาการกึ่งนั่ง กึ่งนอนก็ได้เปลี่ยนเป็นลุกขึ้นมาฟังอย่างตั้งใจ และเมื่อฟังต่อไปได้อีกสักประมาณ 5 นาทีแก้วกรรณิกาถึงกับรู้สึกกะสับกระส่าย คล้ายคนถูกไฟลน

“ยิ่งฟังยิ่งคล้าย เรื่องของใครมันทำไมคล้ายเรื่องของเราจัง” แก้วกรรณิกาหยิบรีโมตเปิดเสียงให้ดังขึ้น น้ำเสียงคนเล่ายิ่งฟังก็ยิ่งคุ้น เหมือนจะไม่คุ้นธรรมดาแล้วเสียด้วย เมื่อเธอนึกถึงอักษรย่อ ที่สายจากทางบ้านกำลังเล่าอยู่


“ น้อง ก ที่ยัยนั่นกำลังเล่า ก ก็ แก้ว เฮ้ย! แล้ว นาย ว ที่ว่าก็ ว่าน ด้วยหรือเปล่า ตายล่ะงานเข้าเสียงแบบนี้ยัยยาหยีแน่ๆ ไม่ผิดล่ะยัยนี่เป็นแฟนพันธุ์แท้รายการนี้นี่นา ลืมไปสนิทเลย” แก้วกรรณิกาอยู่ไม่เป็นสุขลุกขึ้นมาเดินวนไปวนมา

“ แย่แล้ว ๆ ทำไงดีๆ นี่มันเอาเรื่องเราไปเล่าออกสื่อเชียวเหรอ ตายล่ะใครมาฟังเข้าแล้วเดาออกว่าเป็นเราจะทำยังไง ยิ่งเป็นลูกหลานคนดังทำอะไรต้องระวังตัว ถ้าต้องกลายเป็นข่าวฉาวเรื่องคาวๆจะเกิดขึ้นในตระกูล ปล่อยให้เป็นแบบนี้ไม่ได้”

แก้วกรรณิกายกมือขึ้นกุมศีรษะเดินวนไปมาอยู่สองสามรอบก่อนจะมองไปที่มือถือเครื่องหรู

+++++++++++++++++++

“ทำอะไรอยู่น่ะ ว่าน ” หญิงสาวหน้าตาสวยเกลี้ยงเกลาห่อไหล่ลาดขับไล่ความหนาวเย็น รูปร่างสูงเพรียวบางหยุดยืนอยู่ข้างเขาจากนั้นย่อตัวลงนั่งเคียงข้างและมองท้องฟ้ายามราตรี หมู่ดาวดวงเล็ก ดวงใหญ่ กระจายอยู่ทั่วท้องฟ้า

“นับดาวอยู่น่ะ”

“โอ้โห….โรแมนติกเวอร์”

“ได้กี่ดวงแล้วล่ะ ทำไมไม่หาคนมาช่วยนับล่ะ เผื่อนายจะนับได้เร็วขึ้น ฉันย้ายมาอยู่ที่นี่เกือบปีแล้วเพิ่งรู้ว่าฉันไม่เคยนับมันได้เท่ากันสักวันเลย”

“ก็อยากหาคนมาช่วยนับอยู่เหมือนกันแต่ว่า……”

“ก็ทำไมไม่ยอมใจอ่อนกับฉันสักทีล่ะจ้ะ จะได้มีคนช่วยนับดาวไง” หญิงสาวหันไปสบตากับเขา แต่เห็นเพียงรอยยิ้มแห้งเศร้าๆ หน้าตาเหงาๆ ของชายคนหนึ่ง

“เมขลา เธอนี่ยังเซ็กซี่ ขี้เล่นอยู่เหมือนเดิมเลยนะ” เขายิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อหันไปมองเพื่อนสาวคนสวย และมองเลยไปที่ท้องฟ้าอีกครั้ง มองดาวศุกร์ที่สว่างกว่าหมู่ดาวทั้งหลายที่อยู่รายลอบและเห็นหน้าของใครบางคนลอยอยู่บนท้องฟ้า


“อกหักมาเหรอว่าน ถึงมาที่นี่ได้” เสียงหวานๆแทรกขึ้นถาม ขณะว่านนทีกำลังจินตนาการให้ดาวดวงนั้นกลายเป็นหน้าของใครบางคน

ว่านนทีไม่ตอบนั่นแปลว่าใช่

“แล้วล่ะ อกหักดีกว่ารักไม่เป็น” เมขลาพูดขึ้นและมองไปบนท้องฟ้า ขณะที่ลมหนาวพัดมาปะทะกาย เธอจึงห่อไหล่อีกครั้ง ว่านนทีถอดเสื้อคลุมของเขาออกและส่งให้เธอ

“อากาศมันหนาว ใส่ซะสิเดี๋ยวจะไม่สบาย”

เมขลาส่ายหน้า “ฉันอยู่ที่นี่มาจนชินแล้วหนาวกายไม่เท่าหนาวใจหรอกนะนายก็รู้” เธอมองหน้าผู้ชายข้างๆแล้วทำตาซึ้งใส่

ว่านนทีหันมาสบตา “ถึงผมจะเหงาก็ไม่เลือกรักสาวข้างบ้านหรอกนะ”

เมขลาหัวเราะเสียงดังอย่างอารมณ์ดี “แหม….นายว่านฉันล้อเล่นน่ะ ฉันเห็นนายมาตั้งแต่ยังเล็กๆ แค่นิดเดียวใครจะไปคิดอะไรกับนายลง”

“อะไรเล็กบอกมาดีๆนะยัยเมขลา”เขาจ้องหน้าเธอเขม็ง หน้าตาจริงจัง

เมขลายิ้มกว้าง หัวเราะแหะ แหะ “หน้าอกไง เห็นกันมาตั้งแต่หน้าอกนายยังเล็กๆ จนตอนนี้หน้าอกนายกว้างสามศอกสองวาแล้ว”


“เธอนี่มันจริงๆเลยอารมณ์ดีตลอดเวลา แบบนี้สินะนายรามสูร มันถึงหลงรักเธอหัวปรักหัวปรำ นี่มันก็นานแล้วไม่ใช่เหรอทำไมเธอสองคนไม่ยอมปรับความเข้าใจกันสักที”

“ยาก…..ไม่มีทางหรอก นายเลิกพูดชื่อนายอสูรร้ายคนนี้ให้ฉันได้ยินสักทีจะได้ไหมถ้าไม่อย่างนั้นฉันจะไม่ต้อนรับนายอีก”
“พูดแทงใจดำล่ะสิท่า เชื่อฉันเถอะไอ้รามสูรมันรักเธอจริงยิ่งกว่าอิงนิยายเสียอีกนะ ยัยเมขลาล่อแก้ว”

“นายเลิกพูดเรื่องของฉันเถอะนายว่าน ตอนนี้มันเป็นเรื่องของนาย ไม่ใช่เรื่องของฉัน ตกลงนายจะยอมให้เรื่องมันเป็นแบบนี้เหรอพรุ่งนี้เขาจะแต่งงานกันแล้วนะ นายจะหมดสิทธิ์ถึงตอนนั้นถ้ายังตัดใจไม่ได้นายจะกลายเป็นชายชู้”

จากที่ดูเหมือนอารมณ์จะเริ่มสงบนิ่งจากเมื่อเดือนก่อนที่เมขลาพบว่านนที เมื่อพูดมาถึงเรื่องนี้ว่านนทีก็เหมือนจะซ่อนความเจ็บช้ำเอาไว้ไม่ไหวจนระเบิดออกมา


“เมขลาบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าอย่าพูดเรื่องนี้อีก จะให้ผมทำยังไงในเมื่อทั้งขอโทษ อ้อนวอน ขอให้เขาอภัย และเปลี่ยนใจ แต่เขากลับบอกว่าไอ้เรามันเป็นคนมาที่หลังก็ต้องทำใจเขาให้สิทธิ์คนมาก่อน ผู้หญิงตัวขาวๆแต่ใจโคตรดำ”

“แต่ฉันเชื่อว่าผู้หญิงคนนั้นเขาก็รักนายนะ ในเมื่อนายพยายามจะตัดใจแต่ก็ทำไม่ได้ นายไม่คิดจะลองดูอีกทีเหรอว่านในเมื่อตัดบัวยังเหลือใย ตัดใจยังเหลือเธออยู่แบบนี้แล้วล่ะก็”


“ทำไมจะไม่มีใช้ชีวิตหนุ่มหล่อและโสดสนิท ไปแบบนี้ไปเรื่อยเปื่อย ยิ่งอีกสองสามปีกำลังจะเปิดอาเซียน แล้วล่ะก็อาชีพของผมเป็นหนึ่งในอาชีพที่เขาจะให้เสรีทำงานได้ทั่วทั้งอาเซียนแล้วล่ะก็รับรองชีวิตนี้มีแต่ความสุข ถ้าผมเบื่อประเทศไทยก็จะย้ายไปเวียดนามสาวประเทศนี้ตาคมผมสวย ผิวขาวหน้าหมวย ชีวิตนี้ช่างมีความสุข อ้อ.. ถ้ายังไม่ถูกใจใครผมก็จะย้ายไปอยู่ฟิลิปินเธอก็รู้ไม่ใช่เหรอเมขลา ว่าสาวประเทศนี้มีหน้าตาเหมือนสาวไทยที่สุดอาจจะมีสักคนที่ทำให้ผมหลงรักเธอ และลืมหน้าผู้หญิงไทยใจร้ายคนนั้นก็ได้ วนไปวนมาจนครบสิบประเทศผมคงหาใครสักคนได้ไม่ยาก”

“นายว่านตกลงนายทำอาชีพสำรวจปิโตรเลียม หรือว่านายจะสำรวจรักกันแน่”


“ก็สำรวจไปพร้อมกันทั้งสองอย่างนั่นแหละ”

“ยิ่งฟังคนไม่เข้าใจตัวเองแบบนายฉันยิ่งห่อเหี่ยวกับชีวิต ถ้าเป็นฉันรู้ตัวว่าฉันรักใครจะไม่มานอนนับดาวอยู่บนหน้าผาแบบนี้ฉันจะลงไปจากภู แล้วไปให้หาเธออีกครั้งก่อนที่เธอจะถูกตรีตาจองอย่างถูกกฎหมายด้วยใบทะเบียนสมรสในวันพรุ่งนี้”

“มันสายไปแล้วล่ะอีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะเช้าแล้ว”

“ถ้านายไม่ลงมือทำอะไรมันคงสายแน่ๆ ถ้าคิดจะยอมแพ้ทำไมไม่กลับอ่าวไทยไปซะเลยล่ะ ไปนั่งมองฟ้ากับน้ำทะเลให้พอใจ พาตัวเองหนีมาทำอะไรถึงบนยอดภูนี้”

“ทะเลผมยิ่งมองก็ยิ่งเหงาเดี๋ยวจะเห็นหน้าเขาลอยขึ้นมาอีก ยิ่งมองก็ยิ่งเบื่อใครหลายคนอาจจะชอบแต่ถ้าต้องนั่งมองมันทุกวันต้องอยู่กับมันรั้งละหลายๆเดือนก็เบื่อเหมือนกัน กว่าจะได้เห็นแผ่นดิน ได้เห็นหน้าสาวสักคนโอ้…โฮ เมื่อรู้ว่าจะได้ขึ้นฝั่งวันไหนใจมันเต้นตึกตักเลยล่ะ”
“ลำบากขนาดนั้นเชียวเหรองานของนายน่ะระวังจะได้เมียเป็นเงือกนะอยู่แต่กับน้ำเงยหน้าก็เห็นแต่ท้องฟ้า แล้วถ้านายอยากขึ้นฝั่งก็นั่งเรือมาสิไม่เห็นจะยาก” คนพูดมองสภาพงานไม่ออกเพราะปกติทำงานอยู่แต่ในป่าและบนภูเขา


“โอ้ย! แม่คุณพูดเข้าไปนั่น บางครั้งผมทำงานอยู่ในแท่นขุดเจาะคราวละหลายเดือนเขาไม่ได้ใช้เรือนั่งไปกลับเวลาเหมือนเวลาที่เธอพักร้อนไปเที่ยวเกาะกันสักหน่อย เราใช้เฮลิคอปเตอร์เท่านั้นในการขึ้นลง ต้องรู้จักวิธีโรยตัวลงมา เราต้องเรียนวิชาสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบก”

“จะว่าไปนายนี่มันก็ฉลาดมาตั้งแต่สมัยเรียนจบถึงเมืองนอกเมืองนา หน้าที่การงานก็ดี พ่อแม่ก็รวยทำงานเดือนมีรายได้เป็นหลักแสน แต่ไอ้เรื่องความรักง่ายๆทำไมนายถึงทำให้มันยุ่งยากจัง ฉันไม่เสียเวลาเกลี้ยกล่อมนายแล้วล่ะถ้าแค่นี้ท้อก็ตามสบาย ตื่นขึ้นมาพรุ่งนี้มันก็สายไปฉันขอไปฟังรายการโปรดก่อนนะ วันนี้กว่าฉันจะหาคลื่นได้แทบแย่”


“รายการอะไร” ว่านนทีถามเพราะยังอยากมีเพื่อนคุยต่อเขาจะได้ลืมเรื่องของแก้วกรรณิกา และงานวิวาห์ของเธอในพรุ่งนี้เช้าไปได้ชั่วขณะ”

“คลื่นที่สาวๆชอบฟัง โดยเฉพาะ คนมีความรัก กับคนอกหักจะชอบมากเป็นพิเศษ”

“อย่าไปเลยยัยเมขลาเธอไม่ได้ฟังคืนเดียวไม่ถึงกับตายหรอก อยู่คุยเป็นเพื่อนกันก่อนไม่ได้เหรอไง ตอนเธอมีปัญหาเรื่องความรักฉันยังนั่งฟังเธอเล่าเรื่องนายรามสูร จนถึงเช้าเลย”


“นี่นายว่าน อย่าริมาทวงบุญคุณฉันนะ ก็ฉันแนะนำนายไม่ทำตาม ไปล่ะฉันกำลังฟังเรื่องเล่จากทางบ้านค้างอยู่ โฆษณาคงจบแล้วล่ะ”
++++++++++++++++++++++++++++++


กรุงเทพฯ


ในคืนดึกสงัดฝนสาดซัดเข้าหน้าต่างแต่ยังไม่เท่าหัวใจของแก้วกรรณณิกาที่กำลังถูกคลื่นรักโถมซาดซัดจนแทบเซถลาเหมือนเรือกำลังจะอัปปาง


แก้วกรรณิกาหยิบมือถือยี่ห้อดังขึ้นมากดหายาหยีที่กำลังเล่าเรื่องรักออกอากาศ แต่โทรเท่าไหร่สายก็ไม่วาง


“เอ๊ะ ทำไมไม่ยอมรับสายยัยยาหยีมัวแต่เล่าเรื่องของเราออกอากาศอยู่นั่นแหละ” บางครั้งเวลาตกใจจากคนสติดี ก็พลาดได้


“ใช่สิยัยนั่นคงกำลังใช้มือถืออยู่ ทำไมเราถึงได้เบลอแบบนี้นะจะทำยังไงดีนะปล่อยไปแบบนี้ไม่ดีแน่ ๆ อุตสาห์ทำทุกอย่างก็เพื่อวงศ์ตระกูลอันสูงส่ง จะยอมให้คนทั่วประเทศมารู้ได้อย่างไรว่าคืนนั้นเกิดอะไรขึ้น”

แก้วกรรณิกาไม่รอช้าที่จะยกหูโทรศัพท์โทรเข้าไปที่บ้านของยาหยี เสียงโทรศัพท์ในห้องนอนของยาหยีดังขณะที่กำลังปรึกษาปัญหาหัวใจของเพื่อนกับกูรูเรื่องความรัก

ใครนะโทรมาตอนนี้ฉันไม่ว่างยุ่งอยู่รู้หรือเปล่านี่ยาหยีคิดอยู่ในใจ ผู้กองปันก็ไม่อยู่เสียด้วยยาหยีจึงเมินไม่สนใจมันและหันไปเล่าเรื่องรักออกอกาศต่อ แต่ทว่าปลายสายยังโทรกระหน่ำจนเธอเริ่มรำคาญและกวนสมาธิในการเล่าเรื่อง

“พี่คะ หนูขออนุญาตสักหนึ่งนาทีจะไปรับสายหน่อยนะคะถ้ามันขืนดังอยู่แบบนี้คืนนี้คงเล่าไม่จบ”

จะเป็นใครก็ช่างยาหยีตั้งใจว่าจะบอกให้วางสายไปก่อนเสร็จธุระจะโทรกลับเองเสียอรรถรสในการเล่าหมด หญิงสาวจิ้มไปที่ปุ่ม Speaker Phone จนได้ยินเสียงของคนที่โทรเข้ามาดังออกมานอกโทรศัพท์

“รับสายแล้วเหรอยัยยาหยี ฉันเข้าใจว่าเธอหวังดีและห่วงฉันมากแค่ไหน แต่ขอร้องอย่าเอาเรื่องฉันมาปรึกษาออกอากาศได้ไหม เพราะว่าคนดังอย่างฉันประชาชนเขาอาจจะเดาเอาได้ไม่ยากจากอักษรย่อ น้อง ก ที่เธอกำลังจเล่าว่ามันคื่อ แก้วกรรณิกา ทายาทไฮโซคนดัง ส่วนนาย ว ที่เธอพูดถึง คือ นายว่านนที ที่กลายเป็นข่าวดังขึ้นหน้าหนึ่งเมื่อสองสัปดาห์ก่อน ถึงฉันจะรักผู้ชายคนนั้นตอนนี้มันก็สายเกินไปเพราะพรุ่งนี้เช้าฉันจะกลายเป็นเจ้าสาวของคนอื่น


“อย่า........อย่าพูดอะไรอีกนะแก้วแม้แต่คำเดียวก็ไม่ได้” ยาหยีบอกคนที่โทรมา


“ทำไมล่ะ ขืนไม่โทรมาห้ามเธอคงไม่วางสายจากการเล่าเรื่องรักของฉันออกอากาศ”

“เอ่อคือว่ามัน....เอ่อ... คือ....เอ่อคือว่า...” ยาหยีเบิกตาโตอ้าปากค้างและรีบกดปุ่ม Speaker Phone ครั้งที่สองด้วยอาการตกใจเพราะเสียงทั้งหมดได้เร็ดรอดผ่านโทรศัพท์เครื่องที่ยาหยีถืออยู่และตอนนี้มันกำลังออกอากาศไปทั่วประเทศแล้ว ยาหยีรีบยกหูโทรศัพท์แต่ลืมที่จะกดวางสายที่มือถือได้แต่วางมันลงข้างๆเครื่องโทรศัพท์บ้าน “แย่แล้วยัยแก้ว ฉันก็กลุ้มใจในสี่งที่เธอกำลังกลุ้ม แต่ตอนนี้ฉันยิ่งกลุ่มเข้าไปใหญ่ฉันเชื่อว่าไม่มีใครเดาอักษรย่อได้ว่า น้อง ก ที่พูดถึงคือแก้วกรรณณิกา พิมมาลากุล ไฮโซตระกูลดัง แต่เธอดันพูดออกอากาศไปทั้งหมด ก็เมื่อกี้ฉันรับสายไม่สะดวกเลยกด Speaker Phone ไป


“หา.......อะไรนะ ตายแล้ว! ยาหยีนี่เธอทำอะไรลงไปรู้ตัวบ้างไหม ว่าแต่ตอนนี้เธอวางสายที่คุยออกอากาศไปแล้วใช่ไหม” แก้วกรรณิกาเฉลียวใจ
“ยะ ยะ ยัง” ยาหยียกมือทาบอกอย่างตกใจแล้วมองไปข้างเครื่องโทรศัพท์บ้านที่กำลังรับสายอยู่ต่อจากนั้นก็พูดว่า “แย่แล้วแกคราวนี้แกเป็นข่าวฉาวจริงแน่ๆ ” เสียงสั่นเหมือนกำลังขวัญเสีย “ฉันขอโทษ....ยัยแก้วฉันลืมกดวางสายแล้วฉันก็เอามันวางข้างเครื่องโทรศัพท์ที่กำลังคุยอยู่กับเธอ”

“หา ..พูดใหม่อีกทีสิเพื่อนรักหูฉันฝาดไปหรือเปล่า.........ให้ตายนี่ฉันกำลังฝันร้ายใช่หรือเปล่า เธอล้อเล่นใช่ไหมยาหยี” แก้วกรรณิกาแทบล้มทั้งยืน


ส่วนยาหยีเมื่อหายตกใจรีบกดวางสายที่มือถือของเธอทันทีเพื่อตัดสัญญาณกับรายการสดที่กำลังออนแอร์

พิธีกรดังในรายการหันไปมองหน้ากันแบบอึ้ง แล้วพูดออกอากาศว่า “สงสัยพรุ่งนี้คงจะมีข่าวใหญ่” ผู้ฟังทางบ้านบางคนถึงกับอึ้งตกลงที่มีคนโทรมาเล่าเรื่องปัญหาของเพื่อน ที่แท้มิใช่ใครที่ไหนเป็นเรื่องคาวๆของสาวไฮโซคนดังนี่เอง บางคนก็จับกลุ่มเมาท์วิจารณ์กันไป เพราะไฮโซสาว ครูสอนเปียโนทายาทเศรษฐีร้อยล้าน แก้วกรรณิกา พิมมาลากุล นั้นกำลังจะมีงานหมั้นในเช้าวันพรุ่งนี้กับทายาทหนุ่ม ตระกูลดัง นายธนกิจ นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และเจ้าของรีสอร์ทชื่อดังถมเมื่อสองสัปดาห์ก่อนยังมีข่าวของเธอออกมาทางหน้าหนังสือพิมพ์เพราะมีผู้ชายวิ่งตามมาขอความรัก


“ยาหยีทำอะไรอยู่ครับที่รัก” ผู้กองหนุ่มในชุดนอนก้าวเข้ามาในห้องและกดล็อคประตูทันที ติดภาระกิจยุ่งเหยิงมาหลายวันแต่พรุ่งนี้เป็นวันหยุดของเขา คืนนี้เขาจะนอนหลับให้สบายข้างกายภรรยาตัวหอมนุ่มนิ่มคนนี้ ภรรยาคนสวยยิ่งนับวันก็ยิ่งสวยโดยเฉพาะเวลานี้ที่เธออยู่ในชุดนอนซีทรูสุดหรูสีชมพู ทั้งหวานทั้งเซ็กซี่น่าหม่ำไปทั้งเนื้อทั้งตัวผู้กองหนุ่มกลืนน้ำลายอึกใหญ่แล้วเดินไปกอดแนบชิดภรรยาสาวไม่ได้ถามว่าเธอกำลังทำอะไรเขาแค่เอาโทรศัพท์ในมือถือวางลงไป


“ว้าย! ไม่ได้นะคะยาหยีกำลังติดธุระสำคัญ” แก้วกรรณิกาเงี่ยหูฟังทำไมจู่ๆยาหยีก็เงียบไปแต่ได้ยินเสียงผู้กองปันบุรีพูดอะไรพรึมพรำจับใจความไม่ได้


“ไม่เอาน่าแอบโทรไปขอเพลงรักให้ผมอีกแล้วใช่ไหม” เขาคิดว่าเธอโทรไปขอเพลง พยาบาลสาวบางครั้งต้องเข้าเวรดึก แม้ผู้กองจะขอร้องให้เธอมาเป็นแม่บ้านแต่ยาหยีได้งานใหม่ที่โรงพยาบาลดังเงินเดือนดีมากเธอจึงขอเขาทำงานอีกสักพักแต่ถ้ามีลูกเมื่อไหร่เธอยินดีจะออกมาทำหน้าที่แม่บ้าน

“เปล่าๆค่ะไม่ได้ขอเพลง”

“ถ้าอย่างนั้นก็ดีไม่ได้ขอเพลงก็วางมันซะ” ผู้กองหนุ่มจับโทรศัพท์ที่มือภรรยาสาววางลงและปิดสวิทซโคมไฟที่หัวเตียงยาหยีจะคัดค้านแต่ไม่สามารถพูดออกมาได้ เมื่อริมฝีปากเรียวร้อนลุกไล้อยู่ที่ริมฝีปากอวบตึงไม่ยอมปล่อยให้เธอมีโอกาศพูดออกมาบ้าง เมื่อภรรยาคนสวยผลักหน้าอกต่อต้านเขาเบาๆเพราะต้องการโทรไปหาเพื่อนสาว ผู้กองหนุ่มจึงคิดว่าเธอกำลังงอนที่สองสามวันเขากลับบ้านดึกกลับมาเธอก็หลับไปแล้ว

“อย่างอนผมเลยนะยาหยีที่รัก”ผู้กองหนุ่มกระซิบข้างหูและซุกไซร้ไล่เรื่อยไป

“อย่าค่ะผู้กองไม่ได้จริงๆค่ะตอนนี้ ยาหยีกำลังยุ่ง”

“ไม่มีเรื่องไหนน่ายุ่งมากกว่าเรื่องนี้ของเราแล้วจ้ะยาหยี งอนผมมากละสิที่สองสามวันนี้ผมไม่ค่อยมีเวลาให้”ผู้กองปันบุรียังเข้าใจอยู่เช่นเดิม แรงรักแรงสวาทในตัวภรรยาสาวทำให้เขาร้อนลุ่มเป็นร้อยเท่ายามได้กอดก่ายซุกไซร้เธออยู่แบบนี้แม้เธอจะดิ้น จะหนี จะผลักไสเขาก็ตามคืนนี้ยังไงก็จะง้อให้เธอหายงอจนได้


เสียงสัญญาณที่ขาดหายแสดงว่าปลายสายวางไปแล้วทำให้แก้วกรรณิกาชักจะงงว่าเพื่อนสาวคนสนิททำไมถึงวางไป


“อ้าว....ทำไมวางสายไปซะแล้วยังคุยกันไม่รู้เรื่อง ยาหยีนี่เธอมาวางระเบิดให้ฉันแล้วก็ทิ้งกันดื้อๆเลยเหรอ” แก้วกรรณิกาล้มตัวลงนอนที่เตียงอย่างช้าๆ สายตาแหงนมองเพดานยกมือขึ้นก่ายหน้าผาก “เวรกรรมจริงๆ”


จากนั้นก็ตะแคงนอนข้างๆมองออกไปนอกหน้าต่างเพิ่งจะเห็นว่าฝนหยุดตกไปนานแล้วตอนนี้บนท้องฟ้าที่มืดสนิทมีดวงดาวดวงหนึ่งส่องแสงทอประกาย


“ดาวจ๋าช่วยบอกฉันที ทำตามหัวใจกับทำตามหน้าที่ฉันควรจะเลือกอย่างไหนดีตระกูลของเรามีกฏไว้ว่าเราจะจนไม่ได้ ห้ามล้มละลายอย่างเด็ดขาด ห้ามแต่งงานกับผู้ชายที่มีทรัพย์สินติดตัวมาน้อยกว่า 50 ล้าน กฏขนาดนี้ถ้าแม่ไม่บังคับขอขึ้นคานยังจะดีกว่าคิดกันได้ยังไงพอตายไปไม่เห็นใครจะเอาไปได้สักบาทเดียว” จากนั้นเธอก็ผล็อยหลับไปอย่างคนหมดหวัง


เรื่องของแก้วกรรณิกา และ ว่านนที กลายเป็นข่าวดังเมื่อสองสัปดาห์ก่อนเพราะเขาหอบกุหลาบสีขาวช่อโตตามไปง้อขอโทษหญิงสาวกลางสถานีรถไฟฟ้า BTSใจกลางกรุงเทพฯ จึงมีสายตาเป็นร้อยคู่ที่เข้ามาดูด้วยความสนใจ ที่จริงว่านไม่ได้ตั้งใจจะทำตัวให้เป็นข่าวใหญ่เลย เขาแค่ขับรถตามง้อเธอเพื่อปรับความเข้าใจในเรื่องคืนนั้นแต่แก้วกรรณิกาจอดรถทิ้งและวิ่งหนีเข้าขึ้นไปบนสถานีไฟฟ้า BTS เลยเกิดฉากขอความรักบนรถไฟกลางกรุงแบบไม่ได้ตั้งใจ ทำเอาผู้โดยสารรถไฟฟ้าในยามเช้าคิดว่ามีการมาถ่ายหนังกันบนสถานีเสียอีกพระสวยหล่อทั้งคู่ ที่ไหนได้มันคือละครชีวิตแต่ไม่ได้จบสวยหรูเหมือนนิยายเพราะฝ่ายชายถูกฝ่ายหญิงปฏิเสธและวิ่งหนีขึ้นรถไฟฟ้าไปทันที พอสัปดาห์ต่อมาแฟนหนุ่มตัวจริงของหญิงสาวก็ประกาศแต่งงานสายฟ้าแลบเขาลือกันว่าสินสอดงานนี้หลายสิบล้านทีเดียว


++++++++++++++++++++++++++++++

แนะนำให้ฟังเพลงนี้ ขณะอ่านนิยายด้วยนะคะ
http://www.youtube.com/watch?v=R8ixMYEyn7k&feature=related







อัปสรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 พ.ย. 2555, 10:28:29 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 พ.ย. 2555, 23:20:11 น.

จำนวนการเข้าชม : 2399





<< ตอนที่1 (นอนนับดาวกับสาวข้างบ้าน 50% แรก)   ตอนที่ 2 ลางร้าย >>
แพรพริมา 17 พ.ย. 2555, 10:32:01 น.
มากดไลท์ ให้น้องสาว ^^


อัปสรา 17 พ.ย. 2555, 10:34:02 น.
สวัสดีค่ะพี่สาวขอบคุณดีใจสุดๆค่ะ ช่วงนี้ป่วยบ่อยไม่ค่อยได้แวะไปคุยเลย


pattisa 17 พ.ย. 2555, 11:32:06 น.
ชอบเพลงนับดาวของปีเตอร์มากก


อัปสรา 17 พ.ย. 2555, 11:33:38 น.
ชอบมากเหมือนกันเลยค่ะ เสียงเขาอบอุ่นดีจัง


lovemuay 17 พ.ย. 2555, 12:55:05 น.
สงสัยนายว่านคงได้มาช่วยปิดข่าวฉาวซะแล้วหล่ะม้าง


หนอนฮับ 17 พ.ย. 2555, 22:37:24 น.


violette 18 พ.ย. 2555, 00:16:32 น.
โอ้ หายไวๆนะคะไรเตอร์
รอได้เสมอค่า

แต่แหม ยัยแก้วแฉตัวเองเฉยเลย


อัปสรา 18 พ.ย. 2555, 00:23:14 น.
ขอบคุณค่ะวันนี้ป่วดน้อยลงคืนนี้นั่งแต่งสุดกำลังจ้า


kaero 19 พ.ย. 2555, 15:00:35 น.


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account