เรื่อง คืนรักร้อน ซ่อนเสน่หา (แก้วกรรณิกา VS ว่านนที)
เรื่อง คืนรักร้อน ซ่อนเสน่หา

by อัปสรา/คาลล่า ลิลลี

บทนำ

รายการวิทยุชื่อดังที่คนอกหักหรือกำลังมีความรักมักจะเปิดฟังกัน มีเรื่องราวจากทางบ้านมากมายที่โทรมาเล่าถึงปัญหา และปรึกษาเรื่องรักกับพิธีกรชื่อดัง ชีวิตปกติของแก้วกรรณิกาไม่ค่อยจะมีเวลาว่างมานั่งฟังอะไรแบบนี้ แต่ทว่าเมื่อเธอเปิดมาเจอคลื่นนี้ หัวข้อการสนทนาในคืนนี้ ต่างคนต่างเหงา หรือเรารักกัน มันทำให้เธอหยุดมือที่จะเปลี่ยนหาคลื่นต่อไป เพลงต้นเรื่องของรายการมันช่างตรงกับความรู้สึกของเธอที่กำลังเป็นอยู่ในขณะนี้ พิธีกรชายหญิงเริ่มดำเนินรายการจากนั้นก็มีสายจากทางบ้านโทรมาเล่าเรื่องราวของตนเองผ่านทางหน้าไมค์ แก้วกรรณิกานั่งฟังไปเรื่อยๆ อย่างสนใจใช่ว่าเธอคนเดียวเสียที่ไหนที่มีปัญหาเพราะความรัก คนอีกมากในสังคมที่ต้องเผชิญกับปัญหารักไม่ลงตัวหญิงสาวยิ้มทั้งน้ำตาเมื่อฟังเรื่องเล่าของใครหลายๆคนและคิดถึงชีวิตรักที่ผ่านมา



จนกระทั่งมาถึงผู้หญิงคนหนึ่งน้ำเสียงของเจ้าหล่อนดูสดใสเหมือนคนกำลังมีความรักไม่ใช่คนอกหักเสียหน่อย เธอเล่าว่าเธอกำลังกลุ้มใจอย่างหนักเพราะปัญหารักไม่ลงตัว พิธีกรชื่อดังจึงถามคำถามว่า ปัญหาความรักที่ไม่ลงตัวของเธอนั้นคือปัญหาอะไร คนรักนอกใจหรือว่าเธอไม่ได้รักเขา หรือเขาไม่ได้รักเธอ พิธีกรให้เธอเล่าเรื่องของเธอ

“ต้องขอโทษนะคะที่จริงเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ไม่ใช่เรื่องของดิฉันหรอกค่ะ แต่เป็นเรื่องของเพื่อนสาวที่สุดแสนจะงี้เง่าของดิฉันค่ะ”

“ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง แล้วโทรมาเล่าเรื่องชาวบ้านเขาทำไมยัยนี่ถ้าจะเพี้ยน” แก้วกรรณิกาฟังและบ่นสายจากทางบ้าน เบาๆแต่ก็ยังไม่เปลี่ยนคลื่นหนี ยังคงฟังต่อ


“เอ…..ไม่ใช่เรื่องของคุณแล้วมันทำให้คุณทุกข์ไปด้วยยังไงเหรอคะ” พีธีกรสาวในรายการถามขึ้น

“ทุกข์สิคะเพราะว่าบังเอิญยัยผู้หญิงงี่เง่าที่ไม่รู้ใจตัวเองเจ้าของเรื่องที่จะเล่าบังเอิญเป็นเพื่อนที่ฉันรักที่สุด และฉันรู้ดีว่าถ้าเธอพลาดจากความรักครั้งนี้เธอจะไม่มีความสุขตลอดไป”

พิธีกรจึงบอกให้คุณ ย นามสมมุติเล่าเรื่องความรักของเพื่อนสาวให้ฟัง


“ยัยนี่ท่าทางจะรักเพื่อน เอ๊ะหรือว่าเอาเพื่อนมาขายกันแน่รายการนี้เห็นว่าดังคนฟังกันครึ่งค่อนประเทศ”แก้วกรรณิกาล้มตัวนอนฟังบนเตียงนอนหรูหราสมศักดิ์ศรีทายาทไฮโซตระกูลดัง


จากนั้นเสียงจากสายทางบ้านก็เริ่มเล่าเรื่องเพื่อนสาวที่ให้นามสมมุติเธอว่าชื่อ น้อง ก ซึ่งมีคนรักอยู่แล้วและกำลังจะแต่งงานแต่ปรากฏว่าเธอเพิ่งจะรู้ว่าเธอไม่เคยรักว่าที่เจ้าบ่าวของเธอเลย ที่ผ่านมามันแค่เป็นความผูกพันและความคาดหวังของผู้ใหญ่ แต่ที่สำคัญเธอได้มารู้ตัวว่าเธอเกิดหลงรัก และเผลอทั้งตัวและหัวใจให้กับผู้ชายคนหนึ่งที่เคยพบหน้ากันแค่คืนเดียวแถมเขายังมีบุคลิกและหน้าตาเหมือนพวกเพล์บอย เธอโทษตัวเองเสมอว่าเป็นผู้หญิงใจง่ายในคืนนั้น และคิดว่าผู้ชายคนนั้นก็คงมองเธอว่าเป็นผู้หญิงใจง่ายเช่นเดียวกัน

“เอ่อ เจอกันแค่คืนเดียวเองเหรอคะ” พิธีกรสาวในรายการสดถามขึ้น


“คืนนั้นเพื่อนของดิฉันถูกวางยานอนหลับค่ะจากผู้ไม่ประสงค์ดี แล้วผู้ชายคนนั้นสมมุติว่าเขาชื่อคุณ ว ละกันนะคะเขาได้ช่วยเพื่อนของดิฉันเอาไว้ค่ะ แล้วมันก็เกิดเรื่องนั้นขึ้น แต่ดิฉันขอยืนยันว่าเพื่อนดิฉันไม่ใช่ผู้หญิงใจง่าย เธอคบกับผู้ชายที่ไม่ได้รักแต่อาจเคยคิดผิดไปว่ารักถึงเจ็ด ปีแต่ไม่ยอมที่จะมีอะไรด้วยทั้งที่ได้หมั้นกันแล้ว จนผู้ชายคนนั้นแอบไปมีกิ๊กในที่ทำงานเดียวกัน”
“คบกับแฟนมาถึงเจ็ดปีไม่เคยมีอะไร แต่พบผู้ชายที่ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน พบกันคืนเดียวแล้วมีอะไรกัน” พิธีกรเองก็คงงงและตกใจเช่นกันแม้จะเคยฟังเรื่องทางบ้านมามากแล้วก็ตาม


“อย่างนี้เรียกว่าเกิดรักแบบสายฟ้าแลบหรือเปล่าคะ” พิธีกรสาวแซว


“เพื่อนของฉันเล่าว่าทันทีที่ตื่นขึ้นมาแล้วสบตาเขา ในวินาทีนั้นมันเหมือนฟ้าผ่าลงมาที่ร่างของเธอ หัวใจของเธอมันบอกว่าใช่เขาคนนี้ที่เธอรอ และต่อจากนั้นก็..................ขอไม่บรรยายนะคะ”

“แหะ แหะ .........เข้าใจค่ะ ถ้าบรรยายเราคงออกอากาศไม่ได้ แล้วยังไงต่อละคะ”


“เธอก็รู้สึกผิดมากรู้สึกว่าตัวเองได้ทรยศคู่หมั้น แม้เขาคนนั้นจะเคยทรยศความรักของเธอไปก่อนหน้านี้แล้วก็ตาม”

“เท่าที่ฟังดูก็เหมือนกับว่าต่างคนต่างเผลอใจไปกับคนอื่น แล้วมันยังไงต่อคะ” พิธีกรสาวถาม


“เรื่องในคืนนั้นถ้าไม่บอกก็คงไม่มีใครรู้จริงไหมคะ แต่เพื่อนของดิฉันเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้กับคู่หมั้นฟัง”


“ก็พังสิครับงานนี้” พิธีกรหนุ่มเอ่ยขึ้น


ส่วนคนฟังทางบ้านอย่างแก้วกรรณิกา จากที่กึ่งนอน กึ่งนั่งก็ลุกขึ้นมาฟังอย่างตั้งใจ............


+++++++++++++++++++++++++++++++

Tags: ว่านนที แก้วกรรณิกา

ตอน: ตอนที่ 2 ลางร้าย

ขอบคุณทุกคลิก ทุกเม้นต์ ทุกกำลังใจ ช่วงนี้ปวดฟันเลยไม่ค่อยได้มาอัพเลยเพราะมันทรมานจริงๆ

เอาความปวดหัวมาเผื่อด้วยให้เดาๆเล่นๆตอนหน้าจะเกิดอะไร ใครเป็นฆาตกร ใครเป็นคนวางแผน


ตอนที่ 2 ลางร้าย



เสื้อผ้าหน้าผมทุกอย่างเรียบร้อยลงตัวช่างแต่งหน้าชื่อดังมองคุณหนูแก้วคนสวยที่เธอเปลี่ยนลุคใหม่ให้กลายเป็นนางในวรรณคดีไทย


ชุดแต่งงานของหญิงสาวตระกูลนี้จะต้องเป็นชุดไทย ผ้าไหมแท้สีงาช้างยกทองทั้งชุดงดงามราวกับนางในวรรณคดี ผมทรงเกล้าสูงถักสลับกันดูอ่อนช้อยและงดงามยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อครอบด้วยรัดเก้าที่ทำด้วยดอกพุดสีขาวตัดกับเรือนผมดำยาวราวกับเส้นไหมชั้นดีประดับปลายมวยด้วยปิ่นทองแท้หัวเป็นทับทิมสยามงามจับตา ทั้งสร้อยสังวาล เข็มขัดทองป ต่างหู เครื่องประดับทั้งหมดเป็นทองแท้งดงามอย่างหาที่ติไม่ได้เพราะเป็นของโบราณที่ส่งต่อสืบทอดกันมาภายในตระกูลเท่านั้นเจ้าสาวทุกคนในตระกูลนี้จะได้ใช้เครื่องประดับโบราณชุดมณีสยามนี้ในวันวิวาห์ เสียงขิม ซอ จระเข้ดังแว่วหวานมาจากชั้นล่างของบ้านทรงไทยสมัยอยุธทยาตอนปลายอันเป็นบ้านคหบดีเก่าแก่ที่มีต้นตระกูลสืบเชื้อสายมาจากข้าหลวงคนสนิทรับใช้ในวังหลงให้กับเจ้านายมาหลายพระองค์ และบรรพบุรุษอีกหลายท่านก็เป็นบุคคลสำคัญรับราชการ บางท่านป็นท่านเจ้ากรม เจ้ากระทรวง เจ้าพระยา ล้วนแต่เป็นเจ้าขุนมูลนาย มีบ้างที่ไม่ได้รับราชการทำการค้าแต่ก็เจริญก้าวหน้าตั้งตัวได้จนร่ำรวย



แก้วหันหน้ากลับมามองเงาสะท้อนของกระจกบานใหญ่และพบว่าผู้หญิงวงหน้างามหมดจดสวยสะพรั่งไปทุกสัดส่วนที่อยู่ในชุดไทยงดงามฝีมือช่างชั้นครูชุดนี้คือเธอจริงๆ


“ว้าว! คุณน้องแก้วสวยจริงๆนะคะ พี่เป้ยขอชมจากใจ งามจริงๆงามเหมือนเจ้าหญิงโบราณ เหมือนนางในวรรณคดีเรื่องรจนา ปีนี้เทรนด์ชุดเจ้าสาวจะต้องเป็นชุดไทยผ้าไหมยกทอง ไม่น่าเชื่อว่าสาวเปรี้ยวเป๊ะอย่างคุณน้องจับมาแต่งชุดไทยจะสวยหวานได้ขนาดนี้”



“พี่เป้ยเคยเห็นหน้านางรจนาด้วยเหรอคะ” แก้วกรรณิกาถามขึ้นแววตาแสนเศร้า

“ไม่เคยหรอกค่ะ พี่เป้ยก็จินตนาการเอาแต่คุณน้องสวยจริงๆนะคุณพี่ไม่ได้แกล้งชม” ช่างแต่งหน้าทำผมชื่อดังกล่าวขึ้น

“สวยไปก็เท่านั้นรจนายังมีสิทธิ์เลือกคู่เอง แต่แก้วกรรรณิกาไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะคิด”

“เป็นอะไรไปคะน้องแก้ว ทำไมทำหน้าเศร้าเป็นเจ้าสาวก็ต้องยิ้มสวยๆสิคะหรือว่า..เครียดกับข่าวเช้านี้”

แก้วกรรณิกายืนขึ้นจากสตูลที่นั่งอยู่ “ข่าวอะไรคะพี่เป้ย” ช่างสาวประเภทสองถอนใจและปิดปากที่เกือบจะเผลอพูดข่าวอัปมงคล


“ข่าวอะไรคะพี่เป้ย”แก้วกรรณิกาถามซ้ำ กระเทยสาวเมินหน้าหนีเลี่ยงการตอบคำถามสีหน้าลำบากใจ

“พี่เป้ยไม่พูดก็ไม่เป็นอะไร แล้วนี่ยัยยาหยีมาถึงหรือยังคะพี่”เมื่อคืนเธอยังไม่ทันคุยกับเพื่อนสาวให้รู้เรื่อง

ช่างแต่งหน้าไม่กล้าบอกว่าคุณหญิงแม่ของแก้วกรรณิกาห้ามเพื่อนคนไหนเข้ามาใกล้เธอก่อนที่พิธีรดน้ำสังข์จะเริ่มขึ้น

“ถ้าพี่เป้ยยังไม่ตอบอีก แก้วจะออกไปดูเองนะคะ”
“ไม่ได้นะคะน้องแก้วอย่าทำแบบนี้สิพี่เป้ยลำบากใจนะคะ”

“ยิ่งพี่ทำท่าทางหน้าสงสัยแบบนี้แก้วยิ่งอยากรู้มีอะไรกันเหรอคะ แก้วกรรณิกาเดินไปที่ประตูไม่สนใจว่าช่างคนสนิทของคุณหญิงมณีหยาดฟ้าจะมาขวางเอาไว้”

“น้องแก้วคะเจ้าสาวเขาไม่ออกไปนอกห้องก่อนเจ้าบ่าวจะฝ่าด่านขันหมากเข้ามาได้นะคะ ” ทั้งที่เมื่อหลายปีก่อนแก้วกรรณิกาอยากจะให้มีวันนี้เสียที แต่เมื่อวันนี้มาถึงเธออยากจะหายตัวไปเพื่อจะได้ไม่ต้องเข้าพิธีแต่งงงาน

“ช่างปะไรใครจะสน แต่ตอนนี้แก้วสงสัยว่ามีอะไรที่แก้วไม่รู้อีกบ้างคะคุณแม่ และเพื่อนๆของแก้วหายไปไหนกัน หรือว่า….”แก้วกรรณิกาคิดถึงเรื่องเมื่อคืนนี้เรื่องฉาวที่เธอเองเป็นคนพูดออกไปเสียเอง

เจ้าสาวคนงามยกมือทาบอก“หรือว่าคนจะรู้เรื่องนั้นกันหมดแล้ว ข่าวมันเร็วขนาดนี้เลยเหรอเพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนเช้าคนก็รู้กันทั่ว”แก้วกรรณิกาหยุดความสงสัยเอาไว้ไม่ได้เสียแล้วหญิงสาวสวมรองเท้าส้นสูงสีทองอย่างรวดเร็วตั้งใจจะออกไปหาเพื่อนสาวเพราะคิดว่ายาหยีคงจะมาถึงงานแล้ว “

ว้าย! น้องแก้ว ลางร้าย ถอดๆเดี๋ยวนี้นะคะ” ช่างสาวประเภทสองกรีดร้องเสียงดังสายตามองไปที่เท้าของแก้วกรรณิกา


“ใส่สลับข้างกันนี่นา”แก้วกรรณิกาถอนใจก่อนจะรีบถอดรองเท้าใส่ใหม่ให้ถูกต้อง แต่ช่างแต่งหน้าคนดังยังมองเธอไม่เลิก


“จะอะไรกันนักกันหนาคะพี่เป้ย แค่แก้วรีบเลยใส่รองเท้าผิด”


“คนไทยถือนนะคะใส่รองเท้าสลับข้างในวันแต่งงานก็เหมือนกับว่าชีวิตคู่จะไม่ราบรื่น จะมีอุปสรรคมาขวาง” จากนั้นกระเทยสาวก็ปิดปาก “เห็นไหมพี่เผลอพูดเรื่องอัปมงคลออกมาจนได้ปากนะปาก” กระเทยสาวตบปากตัวเองเบาๆ “พอเถอะค่ะพี่เป้ยแก้วไม่ถือหรอกหนัก คนเราจะอยู่ด้วยกันมันต้องมีความรักถึงจะอยู่กันยืด ไม่เกี่ยวกับรองเท้าหรอก”

+++++++++++++++++++++++++++++++++


“นี่มันอะไรกันนักหนานะยัยแก้วงานเก่าเมื่อคืนฉันยังไม่ทันได้เคลียร์กับเธองานใหม่จะเข้าอีกแล้วเหรอ”

ยาหยีในชุดแซกซีฟ้ากระโปรงผ้ามุ้งซีทรูรองเท้าส้นสูงสีขาวสวยสดใสน่ามองสีหน้าหม่นเศร้าเมื่อเธอพยายามขอร้องคุณหญิงแม่ของแก้วกรรณิกาเข้าไปหาเพื่อนสาวแต่ถูกปฏิเสธ ถึงแม้นว่าปัจจุบันนี้ยาหยีจะเป็นคุณนายของผู้กองปันบุรี ลูกชายคนเดียวของเศรษฐีเจ้าของธุรกิจอาหารทะเลส่งออกแต่คุณหญิงแม่ของแก้วกรรณิกา ก็ยังเชิดหน้าคอตั้งใส่เธอเสมอเพราะมองยาหยีว่าเป็นเพียงเศรษฐีใหม่ไม่ได้รวยมาตั้งแต่บรรพบุรุษเยี่ยงเธอกับลูกสาว เรื่องเจ้ายศเจ้าอย่างไม่มีใครเกินคุณหญิงมณีหยาดฟ้าซึ่งนิสัยต่างกันสุดขั้วกับแก้วกรรณิกาที่ติดดินไม่เคยมองเรื่องศักดินาหรือเลือกคบใครเพราะฐานะ แต่ก็รักและเคารพคุณหญิงแม่ของเธอไม่เคยขัดอกขัดใจในเรื่องสำคัญอย่างเช่นการเลือกคู่ครอง

“ทำไมหน้ามุ่ยแบบนี้ล่ะยาหยี ไหนเห็นว่าจะเข้าไปหาคุณแก้วไม่ใช่เหรอ พิธีใกล้จะเริ่มแล้วไม่ใช่เหรอ”

“จะไปได้ยังไงล่ะคะก็คุณหญิงแม่ของยัยแก้ว มีคำสั่งห้ามเพื่อนคนไหนหรือใครก็ตามไปพบยัยแก้วก่อนพิธีจะเริ่มขึ้น”

“นี่เขาคิดดีแล้วเหรอจะให้ลูกแต่งงานกับผู้ชายคนนี้ ถ้าเป็นผมจะยกล้มเลิกงานไปซะ”

“สงสารก็แต่ยัยแก้วที่คงยังไม่รู้ข่าว”

“อำนาจเงินทำให้คนเจ้ายศเจ้าอย่างถึงกับยอมหลับตากับข่าวคาว และเงินร้อนของหมอนั่นเชียวเหรอนี่”

“หมายความว่ายังไงคะ”ยาหยีมองสามีหนุ่มด้วยแววตาสงสัย ผู้กองปันบุรีจึงดึงภรรยาสาวหลบมุมบรรดาแขกที่เริ่มทยอยเข้ามาในงาน และแขกอีกหลายคนที่กำลังจับกลุ่มซุบซิบอะไรกันบางอย่าง

“คุณหญิงมณีหยาดกำลังจะล้มละลายคงต้องการเงินค่าสินสอดมากอบกู้ชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลที่คุณหญิงแบกเอาไว้ไม่ยอมปล่อยวาง”

“จริงเหรอคะ!”ยาหยียอมรับว่าตกใจมากแก้วกรรณิกาไม่เคยเอ่ยปากเรื่องนี้ให้เข้าหูเธอมาก่อน

“ยัยแก้วเองคงยอมแต่งงานเพราะเรื่องนี้ แต่ทำไมข่าวนี้ฉันถึงไม่เคยได้ยินมาก่อน หรือว่ายัยแก้วไม่กล้าที่จะเล่าให้ฉันฟังหรือว่ากลัวฉันจะเก็บความลับไม่อยู่”

“ผมว่าเพื่อนของคุณอาจจะไม่รู้เรื่องนี้ก็ได้ภายนอกคุณหญิงมณีหยาดยังคงมีภาพลักษ์ดีเยี่ยมไม่เสียเครดิตให้ใครเอาไปติฉินนินทาเอาได้ แต่ข่าววงในทำให้เรารู้ว่าสถานะการเงินคุณหญิงติดลบมานานหลายปี ที่ยังใช้เงินฟุ้งเฟ้ออยู่ได้คงเป็นเพราะเงินร้อนของเจ้าบ่าวในงานวันนี้”

“คุณธนกิจน่ะเหรอคะที่เขาให้แต่งงานกันเพราะว่าหมั้นหมายมานานแล้ว คุณธนกิจเองก็เร่งรัดอีกอย่างคงกลัวเพื่อนคุณจะหวนคืนมาอีกก็ได้”

“ถ้าผมเป็นมันผมจะไม่ปล่อยให้เป็นแบบนี้เพิ่งจะรู้ว่าไอ้ว่านมันใจไม่สู้”ผู้กองหนุ่มบ่นถึงเพื่อนอย่างหัวเสียเขาคิดว่าหมอนั่นคงจะปิดเครื่องเพราะไม่อยากได้รับข่าวสารจากใครไม่ว่าจะโทรหาสักเท่าไหร่ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับ

“บางทีเพื่อนคุณอาจจะไม่ได้รักเพื่อนฉันมากนักก็ได้ถึงยอมปล่อยให้เพื่อนฉันกลายเป็นเจ้าสาวของคนอื่น”

“ไม่จริงหรอกผู้ชายด้วยกันมองกันออก”

“เรื่องมาขนาดนี้เราคงช่วยอะไรเขาไม่ได้ในเมื่ออีกคนก็มีชื่อเสียงวงศ์ตระกูลค้ำคอ ส่วนอีกคนก็คงจะยอมแพ้ ว่าแต่เมื่อกี้ผู้กองพูดถึงเรื่องเงินร้อนหมายว่ายังไงเหรอคะ” ยาหยีสงสัย

ผู้กองปันบุรียิ้มแบ่งรับแบ่งสู้เหมือนว่าเขาจะรู้อะไรมาแต่บอกเธอไม่หมด ยาหยียิ่งเพิ่มความอยากรู้มากเข้าไปอีก

“ไม่น่าหลุดเลยเรา”ผู้กองบ่นเบาๆ

“คุณรู้อะไรมาเหรอคะ มองตาฉันสิ”

“ไม่ได้หรอกครับมันเป็นความลับของราชการ”

ยาหยีหยิกต้นแขนสามีหนุ่ม “หมายความว่ายังไงคะผู้กองแม้แต่ภรรยาก็ยังบอกไม่ได้เชียวเหรอ ในคุณเคยบอกว่าเราเป็นสามีภรรยากันห้ามมีความลับ”
“ผมยังบอกอะไรคุณไม่ได้ในตอนนี้ ผมให้คุณเป็น ผบตร เฉพาะที่บ้าน แต่ความลับในส่วนของราชการยังไงก็แพ่งพายไม่ได้ แต่ผมพอจะบอกได้นิดหน่อยว่าถ้าขืนเพื่อนคุณแต่งงานกับนายธนกิจไปชีวิตคงจะวุ่นวายอย่างแน่นอน แถมจะกลายเป็นเป้าหมายใหม่ให้ตำรวจ”

“ผู้กองพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง บอกมานะเรื่องนี้สำคัญมากคุณก็รู้ว่ายัยแก้วเป็นเพื่อนรักอันดับหนึ่งของยาหยี”



“คุณอย่าบังคับผมสิยาหยี ความลับในราชการแม้แต่ภรรยาที่รักและเคารพผมก็บอกไม่ได้” ผู้กองยิ้มแต่ไม่ยอมเล่


“ชีวิตของยัยแก้วทำไมมันถึงได้ดูวุ่นวายแบบนี้เขาจะรู้เรื่องคาวๆของว่าที่เจ้าบ่าวหรือยังนะ ถ้ารู้แล้วจะยอมแต่งงานหรือเปล่า”

คนโจษจัณฑ์กันถึงข่าวหน้าหนึ่งเช้านี้ไปทั่วทั้งงานเรื่องเจ้าบ่าวในงานนี้มีเรื่องฉาวคาวสวาทส่งกลิ่นเน่าเหม็นคละคลุ้งจนขึ้นหน้าหนึ่งเช้านี้เนื่องจากเมื่อคืนนี้มีหญิงสาวสวยอายุประมาณยี่สิบห้าชื่อชลลี่ หรือ นางสาวชลธิชา ปีนขึ้นไปบนดาดฟ้าของโรงแรมหรูกลางกรุงตอนเที่ยงคืน ขู่จะกระโดดตึกลงมาพร้อมลูกน้อยในครรภ์อายุเก้าสัปดาห์เพื่อประชดสามีที่เธออ้างว่าเป็นนักธุรกิจอสังหาริทรัพย์และเป็นเจ้าของรีสอร์ทชื่อดังที่เธอทำงานอยู่และกำลังจะจัดพิธีฉลองสมรสที่โรงแรมนี้ในวันพรุ่งนี้ โดยอ้างว่าเธอถูกสามีบังคับให้ไปทำแท้งและไล่เธอออกจากงานอย่างไม่เป็นธรรมเพราะต้องการแต่งงานกับเซเล็บสาวคนดังทายาทไฮโซ


กว่าตำรวจจะเกลี้ยกล่อมให้หญิงสาวใจอ่อนลงมาได้ก็กินเวลาไปหลายชั่วโมงโดยนักจิตวิทยามาช่วยเกลี้ยกล่อมให้เธอเห็นแก่ลูกน้อย แต่ทว่านายธนกิตผู้ถูกอ้างว่าเป็นสามีของเธอกลับไม่ปรากฏตัวแต่อย่างใดพร้อมอ้างว่าไม่เคยมีสัมพันธ์สวาทกับหญิงสาวเกินฐานะนายจ้างและถ้าเธอยังไม่เลิกให้ข่าวเขาจะฟ้องหมิ่นประมาทเธอ

เพื่อนๆของคุณหญิงมณีหยาดฟ้ากำลังจับกลุ่มนินทากันอย่างสนุกปากอยู่ในมุมหนึ่งของงาน


“จริงหรือคะคุณสมร เดี๊ยนว่าต้องเป็นเรื่องจริงอย่างแน่นอนมีข่าวฉาวแบบนี้เป็นเดี๊ยนคงอายยกเลิกงานไปแล้ว แต่คุณหญิงมณีเธอทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้คงอยากได้ลูกเขยคนนี้เสียเต็มประดา ข่าวเขาว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นพนักงานต้อนรับที่รีสอร์ทของคุณธนกิจ”


“แหม...ก็ฝ่ายชายรวยเสียขนาดนั้นเขาว่าสินสอดงานนี้ยี่สิบล้านเชียวนะคะ คุณหญิงมณีเธอคงอยากจะเอาเงินต่อเงิน”


“บาปจริงๆ ไล่ผู้หญิงไปทำแท้งและจะแต่งงาน คนอะไรใจดำ”

“ผู้หญิงที่ยอมแต่งงานด้วยก็ไร้ยางอายพอกันนั่นแหละค่ะ หน้าด้าน หิวเงิน คงไม่สนใจหรอกว่าเขาไปทำใครท้อง น่าสงสารเด็กน้อยตาดำๆที่กำลังจะเกิดดีนะคะที่ยังไม่ตัดสินใจกระโดดลงมาไม่อย่างนั้นคงได้เป็นผีตายท้องกลม”

“นั่นนะสิคะ”

ขาเมาท์กำลังจับกลุ่มคุยกันอย่างออกรสชาติ ถ้าเกิดยาหยีไม่กระแทกเสียงใส่ราวกับระเบิดลูกโต

“ไม่ทราบว่าคนที่พวกคุณกำลังนินทาใช่เพื่อนฉัน หรืออักนัยหนึ่งคือเจ้าสาวในงานวันนี้หรือเปล่าคะ” ดวงตากลมโตของยาหยีจ้องมองคุณหญิงคุณนายทั้งหลายด้วยอาการไม่พอใจออกมาทางสายตา”ผู้กองปันบุรีดึงตัวยาหยีออกไป

“ไม่เอาน่าคุณใจเย็นๆ”

“จะให้เย็นยังไงไหวคะฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพวกคุณหญิงคุณนายพวกนี้ที่เรียกว่าตัวเองเป็นพวกผู้ดี จะมีปากเอาไว้คุยแต่เรื่องฉาว เรื่องคาวของคนอื่นไม่เว้นแม่กระทั่งงานแต่งงานของเขา ผู้ดีเขาต้องทำแบบนี้กันเหรอคะ” สายตาแสดงความไม่พอใจ จนคุณหญิงคุณนาย ไฮซ้อ ไฮโซกลุ่มใหญ่แตกวงกันราวกับผึ้งแตกฝูง
+++++++++++++++++++++++++++++++


“นายว่าน ตื่นสิ ตื่นได้แล้ว ฉันทำข้าวต้มเสร็จแล้วนะ นี่ตื่นมากินข้าวต้มก่อนเถอะกำลังร้อนๆ ”

เงียบไม่มีเสียงตอบกลับ

“นายว่าน อย่าบอกนะว่านายช้ำรักคิดฆ่าตัวตายในบ้านพักของฉัน ไม่นะ” เมขลาทุบประตูไม้ดังปังๆๆอยู่หลายครั้งพร้อมเรียกชื่อว่านนทีสลับกันไป จนกระทั้งประตูถูกเปิดออก ก็พบว่าชายหนุ่มในชุดผ้าเช็ดตัวผืนเดียวที่มีหยดน้ำเกาะพราวตามลำตัวและผมเปียกชื้นเหมือนว่าเพิ่งจะสระมาใหม่ๆเดินออกมาเปิดประตูแล้วส่งยิ้มละไมให้หญิงสาวแต่ทว่าเขาไม่ใช่นายว่านนทีเพื่อนของเธอ


“นายยักษ์”

“สวัสดีเมขลา ผมไม่ได้พบคุณเสียนานคิดถึงแทบจะขาดใจ”เขามองวงหน้าสวยเซ็กซีอย่างผู้หญิงทันคนเรื่อยไปจนหุ่นระหงน่าหวงแหนนั้น

“ออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้นะ”

“ปากคุณไล่ แต่ใจคิดถึงนะผมรู้ ดีนะที่ว่านมันบอกผมว่าคุณอยู่ที่ไหนไม่อย่างนั้นล่ะก็ผมคงเสียเวลาไปมากกว่านี้” “นายว่าน ไอ้เพื่อนทรยศ อยู่ไหนเนี่ย”

รามสูรหรือชายหนุ่มผิวขาวหน้าคมที่เมขลาตั้งฉายาว่านายยักษ์เพราะเขามีร่างกายสูงใหญ่ยิ้มฟันขาวตาคู่คมมองหน้าหญิงสาวสีหน้าเปื้อนยิ้มตอนนี้ทั้งภูเหลือแค่เราสองคน

“ว่านมันมีธุระต้องรีบไปทำอย่างเร่งด่วนมันเลยตามผมให้มารับมันลงไป เพราะขืนมันเดินลงจากภูสายๆวันนี้คงจะลงไปถึงมันคงจะช้าไปไม่ทันการณ์ มันก็เลยเรียกให้ผมมาและกลัวว่าคุณอยู่บนนี้คนเดียวจะเป็นอันตรายเลยให้มาอยู่เป็นเพื่อนคุณ”

“แล้วคุณมายังไง อย่าบอกนะว่าคุณปีนขึ้นภูมาเมื่อคืนนี้อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลามากว่าห้าชั่วโมงอีกอย่างเส้นทางก็ปิด” ช่วงนี้เป็นช่วงปิดป่าเพื่อให้สัตว์และต้นไม้ได้พักที่นี่จะเปิดให้นักท่องเที่ยวผู้รักธรรมชาติขึ้นมาเยี่ยมชมเป็นบางช่วงเท่านั้น”

“ผมก็บินมาน่ะสิ ตอนนี้ผมจบหลักสูตรวิชานักบินเฮลิคอปเตอร์ตรีแล้ว และก็มีเครื่องบินส่วนตัวเสียด้วย”

“อย่ามาอวดร่ำอวดรวยแถวนี้มาทางไหนก็กลับไปทางนั้นที่นี่ไม่ต้อนรับคนเห็นแก่ตัวอย่างนาย”

เมขลารู้ว่าเขาพูดจริงในที่สุดเขาก็เป็นนักบินจนได้บนภูนี้ไม่สามารถจะนำรถขึ้นมาได้ มีสองวิธีคือเดินเท้าขึ้นมาหรือไม่ถ้าเป็นเรื่องด่วนมีคนเจ็บก็ต้องประสานงานให้นำเครื่องบินเล็กขึ้นมารับ เขาเคยบอกว่าจะพาเธอไปบินบนท้องฟ้าให้ได้ไม่น่าเชื่อเขาจบหลักสูตรนักบินจนได้แต่เธอจะไม่มีทางใจอ่อนกับเขาเป็นอันขาด

“หวังว่าคงจะเข้าใจว่านี่คือการไล่”


“ไม่เจอกันเสียนาน ปากคุณยังน่าจูบและจัดจ้านเหมือนเดิมกลัวจะลืมรสของมัน อย่าให้เสียเวลามานี่ดีกว่า”เขารั้งร่างเพรียวบางของหญิงสาวเข้ามาในห้องและล็อคประตูทันที


+++++++++++++++++++++++++++++++


“ยัยแก้วหายไปไหน ว้าย! ใครก็ได้เข้ามาในห้องนี้ทีมีคนถูกแทง ภาพสาวช่างแต่งหน้าคนสนิทนอนจมกองเลือดแต่ยังหายใจรวยรินหล่อนพยายามจะขยับปากเหมือนอยากจะบอกอะไรแต่แล้วคงทนพิษบาดแผลไม่ไหวสิ้นใจไปก่อนต่อหน้าต่อตาคุณหญิง

“ใครทำกับเธอแบบนี้ยัยเป้ย” คุณหญิงเขย่าร่างไร้วิญญาณของกระเทยสาวคนสนิท”


คนรับใช้หลายคนในบ้านได้ยินเสียงคุณหญิงต่างวิ่งเข้ามาดูและร้องเสียงวีดว้าย บ้างก็พูดว่าลางร้ายมีคนตายในวันวิวห์ งานแต่งงานกลายเป็นงานศพ เมื่อคุณหญิงตั้งสติได้ก็ร้องเรียกหาแต่บุตรสาว

“เกิดอะไรขึ้นคะคุณหญิง” คนรับใช้สามนางถอยห่างกรูเมื่อเข้ามาเห็นภาพ และกำลังจะกรีดร้องหากคุณหญิงไม่ร้องปรามเสียงขม


“พวกแกทุกคนอย่าร้องนะ เดี๋ยวแขกก็แห่กันขึ้นมาดูหรอก”


“มีใครเห็นคุณแก้วบ้าง บอกมาสิ คุณแก้วอยู่ไหน”คุณหญิงเอ่ยถามถึงบุตรสาว พร้อมทั้งบอกคนรับใช้ไม่ให้นำเรื่องคนตายไปกระจายเดี๋ยวแขกที่มาร่วมงานจะตกใจ

“ลูกแก้วของแม่หนูอยู่ไหน พวกแกออกไปหาคุณหนูแก้วเดี๋ยวนี้พิธีจะเริ่มอยู่แล้ว”

“แต่คุณหญิงคะมีคนตายในบ้านจะไม่แจ้งตำรวจก่อนหรือคะ”คนรับใช้ชื่อแววถามมองภาพช่างแต่งหน้าด้วยสีหน้าหวาดกลัว

“พวกแกทุกคนฟังฉันอย่าได้พูดเรื่องอัปมงคลนี้ออกไปจนกว่างานแต่งจะเสร็จสิ้น ถ้าเรื่องนี้ถูกคนในงานรู้เข้าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่พิธีอาจจะล้มเอาได้ล็อคห้องให้สนิท รูดซิปปากให้แน่นเข้าใจกันทุกคนใช่ไหม”


++++++++++++++++++++++++




อัปสรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 พ.ย. 2555, 15:07:41 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 พ.ย. 2555, 16:27:59 น.

จำนวนการเข้าชม : 2342





<< ตอนที่1 (ลงแล้วเต็มตอน 100%)   ตอนที่ 3 >>
violette 19 พ.ย. 2555, 16:14:44 น.
โอ้เรื่องนี้มีเงื่อนงำเยอะมาก
ท่าทางจะยาวกว่าคู่ยาหยีนะคะ

หายปวดฟันเร็วๆนะคะไรเตอร์


อัปสรา 19 พ.ย. 2555, 16:27:01 น.
สวัสดีค่ะ ขอบคุณมากค่ะคุณ Violette เรื่องของยาหยีเอาเป็นน้ำจิ้มให้ขำๆค่ะเรื่องนี้ยาวกว่ามากค่ะ แต่ยัยยาหยี ก็มาแอบเกี่ยวพันกับเขาด้วยค่ะ ขอบคุณสำหรับความห่วงใยนะคะ


lovemuay 19 พ.ย. 2555, 21:38:26 น.
ยังไงคุณตำรวจคงมาช่วยหนูแก้วใช่มั๊ยคะ


konhin 19 พ.ย. 2555, 22:18:32 น.
โอ้ เรื่องเริ่มจะยุ่งแล้ววว


อัปสรา 19 พ.ย. 2555, 23:16:35 น.
ยุ่งแน่ๆ แก้ให้ถูกปมละกัน 555


หนอนฮับ 14 ธ.ค. 2555, 18:56:15 น.
โอ้ววว...


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account