ปาฏิหาริย์บันดาลรัก
ถ้าไม่ได้ด้วยเล่ห์...ไม่ได้ด้วยมารยา งานนี้มีเพียงปาฏิหาริย์เท่านั้นจะบันดาลรักและ 'เอาอยู่'
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: 4 : ผู้ชายอย่างนายไม่ต่างอะไรจากยุง
เสียงดังโหวกเหวกดังขึ้นตั้งแต่ปรีติยาเปิดประตูก้าวลงมาจากรถ และเจ้าของเสียงระคายแก้วหูนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากปรานต์ที่ถือโอกาสตอนปรีติยาไม่อยู่แวะมากินอาหารค่ำและนั่งเชียร์กีฬากับพศิน ไม่มีใครสนใจลูกสาวแท้ๆอย่างหล่อนที่เพิ่งกลับมาถึงบ้านเลย ทำให้ปรีติยารู้สึกน้อยใจว่าหล่อนไม่ใช่ลูกสาวของบ้านนี้ แต่เป็นปรานต์ที่เป็นลูกที่แท้จริงของพ่อและแม่ต่างหาก
แม้แต่ตอนนี้ที่ปรีติยาเปิดประตูเข้ามาในบ้าน พ่อและแม่ยังไม่หันมาทักทายหล่อนด้วยซ้ำ แต่กลับพูดคุยหัวเราะสนุกสนานกับปรานต์ ทำให้ปรีติยาจงใจแกล้งเดินผ่านหน้าโทรทัศน์ซึ่งกำลังถ่ายทอดรายการแข่งขันเทนนิสในช่วงขับเคี่ยว
“เชอร์รี่ หลบไปหน่อยสิลูก พ่อเลยไม่ทันดูเลยว่า นาดาลเสิร์ฟลูกเอซ (Ace) ได้ดีขนาดไหน” พศินเอ่ยด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
นักเทนนิสที่พ่อของหล่อนหมายถึงคือ ราฟาเอล นาดาล นักเทนนิสอันดับต้นๆของโลกที่กำลังแสดงลีลาการเสิร์ฟอยู่ พ่อของหล่อนเป็นคนบ้ากีฬา ต่างจากหล่อนที่ไม่สนใจเรื่องกีฬาทุกชนิดเพราะฉะนั้นหล่อนจึงไม่เคยสนใจการแข่งขันกีฬาชนิดใดๆ ในขณะที่ปรานต์เป็นคอกีฬาเช่นเดียวพศิน ทำให้ทั้งคู่มักจะชมกีฬานัดสำคัญด้วยกัน
“นั่นสิ เพราะเธอคนเดียว ทำให้พลาดดูลูกเสิร์ฟนี่เลย” ปรานต์เองก็บ่นพึมพำ ส่วนธัญญาไม่ได้พูดอะไรแต่มีสีหน้าขัดเคือง
ปรีติยาจึงเดินไปกดปุ่มปิดโทรทัศน์ด้วยความหมั่นไส้ ทำให้พศินโวยวาย
“ปิดทีวีทำไมล่ะเชอร์รี่ พ่อกำลังดูอยู่เลย”
“ก็พ่ออยากสนใจเทนนิสมากกว่าหนูทำไมล่ะ หนูกลับมา แทนจะทักทาย กลับเอาแต่เชียร์เทนนิส ถึงพ่อกับแม่ไม่เชียร์ ยังไงนาดาลก็ต้องแข่งอยู่ดี” ปรีติยาตอบอย่างพาลๆ ก่อนจะหันมาเอาเรื่องปรานต์ “นายก็เหมือนกัน ทีวีที่บ้านไม่มีดูหรือไง อยากจะประหยัดค่าไฟเลยมาดูที่นี่ล่ะสิ ฉันล่ะสงสารคุณน้าณีจริงๆที่ลูกชายชอบทิ้งให้อยู่บ้านคนเดียว”
“แหม เธอนี่ช่างรู้ทันฉันจริงๆนะเชอร์รี่ วันนี้ฉันไม่ได้แค่มาดูทีวีที่นี่เพื่อประหยัดค่าไฟ แต่มากินข้าวฟรีด้วย วันนี้คุณน้าทำเสต็กเนื้อเซอร์ลอยน์ของโปรดให้ฉันกินด้วยล่ะ นี่ยังอิ่มตื้ออยู่เลย เสียดายจังเลยเนอะที่เธออดกิน” ปรานต์ลอยหน้าลอยพูด ทำให้ปรีติยาจึงโมโหจี๊ด นานทีปีหน แม่ของหล่อนถึงจะลงทุนทำอาหารพิเศษอย่างเสต็กเนื้อ แทนที่ท่านจะรอทำวันหยุดซึ่งหล่อนอยู่บ้าน แม่กลับเลือกทำวันที่นายปรานต์มากินข้าวด้วย จะไม่ให้หล่อนน้อยใจได้ยังไง
“หนูโกรธแม่แล้ว แม่รักนายนี่มากกว่าหนู พ่อก็ด้วย เชิญโอ๋นายหัวเหม่งกันตามสบายเลย” สิ้นคำ ปรีติยาก็รีบวิ่งขึ้นบันไดไปยังห้องนอนชั้นบนด้วยน้ำตานองหน้า
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ปรีติยาอาละวาดและน้อยใจแบบนี้ แต่คงจะเป็นครั้งที่ร้อยได้แล้วละมั๊ง ปรีติยารู้ตัวว่าหล่อนเป็นเด็กขี้อิจฉาและต้องการเป็นที่หนึ่งของพ่อและแม่ พอถูกแย่งความสำคัญก็จะน้อยใจและเสียใจ แม้ตอนนี้จะอายุล่วงเลยใกล้เลขสามแล้ว หล่อนก็ยังขี้ใจน้อยอยู่ดี ถึงอยากจะเลิกนิสัยแบบนี้แต่ก็ทำไม่ได้ ทำให้ต้องเสียน้ำตาขายขี้หน้านายปรานต์อยู่เรื่อย
เสียงเคาะประตูห้องนอนของปรีติยาดังขึ้น แสดงว่าพ่อหรือแม่คงจะตามมาง้อหล่อนตามเคย ปรีติยาแอบลอบยิ้ม แต่ก็แกล้งตีสีหน้าเศร้า นั่งหันหลังกอดอก เรื่องอะไรหล่อนจะยอมหายงอนง่ายๆ อยากทำให้หล่อนเสียใจก่อนทำไมล่ะ ต้องทำตัวให้ง้อยากๆหน่อย เมื่อใครคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้อง ปรีติยาก็เป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมาก่อน
“ไม่ต้องมาง้อหนูเลย หนูเก็บข้าวของเตรียมย้ายไปอยู่ที่อื่นแล้ว”
“อ้อเหรอ ไหนล่ะ ไม่เห็นกระเป๋าเดินทางสักใบ ถ้ายังไม่ได้จัดกระเป๋า ให้ฉันช่วยจัดไหมล่ะ ไม่ได้เข้ามาในห้องนอนของเธอนานแล้ว กว้างขวางหรูหราดีนะ รีบๆย้ายไปสิ ฉันจะได้มาอยู่”
เสียงห้าวของปรานต์ที่ดังขึ้น ทำให้ปรีติยาตกใจ อีตาบ้าเข้ามาในห้องนอนของหล่อนได้ยังไง หล่อนเป็นสาวเป็นนางแท้ๆ มันเป็นเรื่องไม่เหมาะไม่ควรเลยจริงๆที่จะอยู่ในห้องนอนตามลำพังกับผู้ชายสองต่อสองแบบนี้ แม้จะโตมาด้วยกันก็เถอะ พ่อกับแม่ปล่อยให้นายหัวเหม่งให้เข้ามาในห้องนอนหล่อนได้ยังไงนะ
ครั้งสุดท้ายที่ปรานต์เคยเข้ามาในห้องนอนของหล่อนก็เมื่อตอนที่หล่อนอายุแปดขวบ ส่วนเขาอายุสิบขวบ ปรานต์แก่กว่าหล่อนสองปี แต่ด้วยเหตุที่ทั้งคู่เป็นเพื่อนเล่นกันมาแต่เด็ก ปรีติยาจึงไม่เคยเรียกปรานต์ว่าพี่ แต่เรียกว่าปรานต์เฉยๆนับตั้งแต่จำความได้
จากแต่เดิม ห้องนอนของหล่อนเคยติดวอลเปเปอร์สสีชมพูหวานและเต็มไปด้วยตุ๊กตาเมื่อหลายปีก่อน แต่มาบัดนี้ได้ถูกเปลี่ยนให้เป็นห้องที่มีโทนสีน้ำตาลอมเทาและประดับด้วยภาพถ่ายขาวดำของสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆซึ่งปรีติยาเคยถ่ายตอนไว้ตอนไปเที่ยวแทน มุมตุ๊กตาถูกเปลี่ยนให้เป็นโต๊ะทำงานกว้าง มีอุปกรณ์คอมพิวเตอร์สำหรับอำนวยความสะดวกในการทำงานอย่างครบครัน อีกมุมด้านหนึ่งของห้องเป็นเตียงนอนเดี่ยว ตู้เสื้อผ้า และโซฟายาวที่บุด้วยหนังสีน้ำตาลสไตล์วินเทจ การตกแต่งภายในห้องสะท้อนบุคลิกของสาวทำงานผู้มาดมั่นอย่างหล่อนได้เป็นอย่างดี
“ใครอนุญาตให้นายเข้ามา ออกไปเลยนะ ไม่งั้นฉันจะตะโกนเรียกให้พ่อแม่มาช่วย แล้วก็อย่าฝันไปเลยว่าจะได้มาอยู่ที่นี่แทนฉันง่ายๆ”
“ถึงเธอจะตะโกนเรียกคุณน้าทั้งสอง ท่านก็ไม่ช่วยเธอหรอก เพราะฉันขออนุญาตท่านแล้วว่าจะขึ้นมาที่ห้องนอนเธอ เพราะจะเอามานิตยสารคืนและปราบพยศเด็กขี้อิจฉา” สายตาและรอยยิ้มของปรานต์ยามเอ่ยคำว่า ‘ปราบพยศเด็กขี้อิจฉา’ ทำให้หัวใจของปรีติยากระตุกไปชั่วครู่ เพราะมันฉายแววอ่อนหวานเล่นเอาหัวใจละลายได้ในบัดดล
นี่หล่อนต้องบ้าไปแล้วแน่ๆที่รู้สึกหวิวไหวกับนายหัวเหม่งไปชั่วขณะ และพยายามสลัดความคิดนี้ไป ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงแข็งๆเพื่อกลบเกลื่อนอาการเก้อเขิน
“เอ้านี่...นิตยสารของนาย ได้คืนแล้วก็กลับไปซะ ไม่ต้องมาทำเก่งคิดปราบอะไรฉัน ตัวนายนั่นแหละที่ต้องระวังให้ดี เพราะผู้ชายอย่างนายไม่เคยเอาชนะฉันได้สักเรื่อง” ปรีติยารีบหยิบกองนิตยสารคืนชายหนุ่มเพื่อให้สิ้นเรื่อง เขาจะได้ออกไปเสียที แต่ปรานต์กลับไม่ขยับเขยื้อนไปไหน
“ใครว่าฉันไม่เคยชนะเธอ ฉันแค่ยอมให้เธอต่างหาก แค่วันนี้ที่เธอรู้ว่าคุณน้าทำเซอร์ลอยน์เสต็กให้ฉันกิน เธอก็ร้องไห้บ้านแตกแล้ว ขืนฉันเอาชนะเธอจริงๆ ป่านนี้คงผูกคอตายไปแล้วละมั๊ง” ปรานต์พูดพลางหัวเราะในลำคออย่างร้ายกาจ ทำให้ปรีติยากรี๊ดลั่นด้วยความแค้นใจ แต่ทำอะไรไม่ได้ ถึงอยากจะบีบคอนายปรานต์ แต่หล่อนก็ไม่อยากถูกจับโทษฐานฆ่าคนตาย
“ฉันชักจะทนไม่ไหวแล้วนะ ถ้านายไม่หยุดพล่ามและออกไปจากห้อง ฉันจะเอาไม้ตียุงฟาดนายให้ชักดิ้นชักงอเลยคอยดู” ปรีติยาหันไปคว้าไม้ตียุงไฟฟ้าที่วางอยู่ข้างโต๊ะทำงานแล้วเดินตรงไปหาปรานต์
“ผมไม่ใช่ยุงนะ...สงบใจสักนิด สูดหายใจเข้าลึกๆ ผมไปก็ได้ แต่คุณจะต้องคืนนิตยสารฮีโร่ให้ผมก่อน” ปรานต์เอี้ยวตัวมองหานิตยสารเล่มนั้นที่ปรีติยาเอาตัวบังไว้อยู่
“แค่นิตยสารเล่มเดียว นายจะหวงทำไม ไปซื้อใหม่สิ หรือว่าที่อยากได้คืนเพราะนายเป็นเก้ง แอบเล็งหนุ่มโสดในนิตยสารไว้ล่ะสิ อย่านึกว่าฉันดูนายไม่ออกนะว่าที่นายยังไม่มีแฟนพราะนายชอบไม้ป่าเดียวกัน”
“ถ้าเธอรู้แล้วก็เอาคืนมาสิ...อย่าคิดนะว่าจะแย่งหนุ่มโสดกับฉันได้” ปรานต์ทำท่าสะดิ้งจนปรีติยาเป็นฝ่ายถอยกรูด
“นะ...นายเป็นเกย์จริงๆเหรอ แอ๊บแมนมานานแค่ไหนแล้วเนี่ยะ” ปรีติยาถามเสียงสั่น
“ยายเชอร์รี่เน่า นี่เธอเชื่อจริงๆเหรอว่าฉันเป็นเกย์ เมื่อกี้ฉันแค่แกล้งเล่นๆ เอานิตยสารฮีโร่เล่มนี้คืนมา ถ้าเธออยากได้ก็ไปซื้อเองสิ อย่าบอกนะว่าที่ไม่คืน เพราะแอบทำลายรูปของฉัน เอามาให้ดูซะดีๆ “ ปรานต์ย่างสามขุมเข้าใกล้ปรีติยา ไม่มีทีท่าจะหวาดกลัวไม้ตียุงในมือของหล่อนเลยแม้แต่น้อย ซ้ำยังใช้ทักษะทางกีฬาเคลื่อนไหวอย่างว่องไวคว้านิตยสารฮีโร่ซึ่งซ่อนอยู่บนโต๊ะทำงานด้านหลังหล่อนได้
ในจังหวะที่ปรานต์เอี้ยวตัวมาคว้านิตยสาร ตัวของชายหนุ่มและใบหน้าของเขาจึงโน้มมาชิดกับใบหน้าของปรีติยาจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆจากกลิ่นอาฟเตอร์เชฟสุดเซ็กซี่ทำให้สาวมั่นอย่างปรีติยาระทดระทวยมือไม้อ่อนไม่สามารถฟาดไม้ตียุงใส่ชายหนุ่มได้อย่างที่ใจคิด ทำไมแต่ก่อนตอนที่หล่อนเคยอยู่ใกล้ปรานต์ ถึงไม่เคยรู้สึกเสียศูนย์แบบนี้มาก่อน มันคงเป็นอาการวูบวาบที่เพิ่งเกิดขึ้นในวัยยี่สิบตอนปลาย จะเป็นไปได้ไหมว่าหล่อนเริ่มจะมีอาการวัยทอง
ปรีติยามัวแต่คิดกังวลจึงไม่ทันสังเกตว่าตอนนี้ปรานต์พลิกหน้านิตยสารฮีโร่จนพบภาพถ่ายของเขาที่ถูกหล่อนละเลงจนเละกลายเป็นหนุ่มสุดสยองแห่งปีไปแทน ปรานต์เงยหน้าจากภาพถ่ายของเขาและจ้องมองหล่อนนิ่ง สีหน้าบูดบึ้งเหมือนโกรธหล่อนมาก
“นายคิดว่าภาพนี้ดูไม่ดีเหรอ จะว่าไปแล้วทรงผมแอฟโฟรฟูๆแบบนี้ก็เหมาะกับนายมากกว่าทรงสกินเฮดหัวเหม่งนี่อีกนะ”
“งั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นผมคงจะต้องช่วยคุณเพิ่มสีสันบนใบหน้าให้บ้างแล้วเผื่อจะสวยขึ้น” สิ้นคำ ปรานต์ก็คว้าปากกาเมจิคสีดำมาวาดเป็นเส้นหนวดเหนือปากของปรีติยา แม้หญิงสาวจะพยายามเบี่ยงตัวหลบ แต่ปรานต์ก็ไวกว่า ลากเส้นหนวดยึกยือเหนือบริเวณริมฝีปากของหล่อนจนสำเร็จ ปรีติยาวิ่งไปดูใบหน้าของตัวเองที่กระจกแล้วกรี๊ดลั่น เมื่อเห็นหนวดเมจิคที่ปรานต์วาดเด่นเป็นสง่า ยิ่งใช้หลังมือถูก็ยิ่งเปรอะ สงสัยคืนนี้หล่อนจะต้องใช้สบู่ล้างเพื่อลบรอยเมจิคจนผิวช้ำแน่ๆ
“ไอ้ผู้ชายโรคจิต แล้วพรุ่งนี้ฉันจะไปทำงานในสภาพนี้ได้ยังไง นายอย่าอยู่เลย” สิ้นคำปรีติยาก็รีบฉวยไม้ตียุงซึ่งเปิดสวิสซ์ไฟแล้วฟาดลงบนแผ่นหลังของปรานต์ไม่ยั้ง กระแสไฟฟ้าที่แล่นผ่านจากแผงเหล็กตียุงแล่นมาสู่ร่างของปรานต์ทำให้กระตุก และพยายามดิ้นรนให้พ้นจากไม้ตียุงมหาภัยอันนี้
“เสียงเอะอะอะไรกัน...ตายจริง หยุดเดี๋ยวนี้นะเชอร์รี่ ลูกจะเอาไม้ตียุงมาตีปรานต์แบบนี้ไม่ได้ เลิกทะเลาะกันเป็นเด็กๆซะที ไม่อย่างนั้นแม่จะเรียกตำรวจให้จับตัวทั้งสองคนไปที่โรงพัก” ธัญญาอดรนทนต่อเสียงวิวาทของหล่อนกับปรานต์ไม่ได้จึงต้องวิ่งมาปรามก่อนที่จะมีเหตุด่วนเหตุร้ายเกิดขึ้นจริงๆ
“แม่คะ นายนี่วาดหนวดบนหน้าหนูก่อน” ปรีติยายอมยุติการประทุษร้ายชายหนุ่มเพราะเริ่มกลัวว่าปรานต์จะชักดิ้นชักงอจนเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆ แต่ก็รีบชิงฟ้องปากคอสั่น
“ก็เธอมาละเลงหน้าฉันก่อนทำไมล่ะ คุณป้าครับ ดูยายเชอร์รี่เน่าเอารูปผมมาวาดสิครับ ถ้าผมไม่ลงโทษ เธอก็จะแบบนี้กับผมอีก คราวนี้จะได้รู้สำนึก” ปรานต์ฟ้องกลับ และหยิบภาพของเขาให้ดูเป็นหลักฐาน
“ตายจริง เชอร์รี่ ทำไมลูกถึงเป็นคนนิสัยก้าวร้าวแบบนี้ คราวนี้ลูกเป็นคนผิด ขอโทษพี่เขาเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นแม่เอาพวกไอแพด ไอโฟน ไอแมค ของลูกไปขายให้หมด” ธัญญาพูดอย่างเอาจริง ทำให้ปรีติยาหน้าซีด บังเอิญว่าพศินเดินมาที่ห้อง หล่อนจึงเดินไปเกาะแขนอ้อนให้พ่อช่วย
“พ่อคะ หนูถูกแกล้ง แม่จะให้หนูขอโทษนายนี่ หนูไม่ยอมนะคะ”
“ไม่ได้นะคะคุณ คราวนี้ห้ามโอ๋ยายเชอร์รี่อีกเป็นอันขาด ไม่อย่างนั้นจะได้ใจและทำตัวก้าวร้าวแบบนี้อีก ดูฝีมือลูกสาวตัวดีของเราสิคะ เอาปากกาเมจิกมาละเลงภาพของปรานต์ซะเละเลย ปรานต์อุตส่าห์ถ่ายภาพหล่อๆได้รับเลือกให้เป็นหนุ่มโสดแห่งปีของนิตยสารฮีโร่ทั้งที แต่ยายเชอร์รี่กลับเขม่นแกล้งปรานต์ แล้วยังเอาไม้ตียุงมาฟาดปรานต์อีก ไม่รู้ว่าติดนิสัยโหดๆแบบนี้มาจากใคร” พศินนิ่งอึ้งไปอีกคนเมื่อเห็นหลักฐานที่หล่อนแปลงโฉมให้กับปรานต์จนแลดูสยอง ก่อนจะเอ่ยกับปรีติยาด้วยน้ำเสียงตำหนิ
“ขอโทษปรานต์เดี๋ยวนี้เลยนะ เชอร์รี่ ครั้งนี้ลูกทำเกินไปจริงๆ” แม้ปรีติยาอยากจะดื้อดึงทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แต่ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะจากสีหน้าและแววตาของพศินทำให้ปรีติยารู้ดีว่าคราวนี้หล่อนไม่สามารถไฉเฉได้
“ขอโทษ” ปรีติยาพูดด้วยน้ำเสียงสะบัดๆไม่เต็มเสียง และไม่ยอมมองหน้าปรานต์
“ผมไม่ได้ยินเลยครับคุณลุงคุณป้าว่าเชอร์รี่พูดว่าอะไร”
“เชอร์รี่ ขอโทษพี่เขาให้ชัดถ้อยชัดคำ แล้วยกมือไหว้ให้สวยๆด้วย” ธัญญาสั่งด้วยน้ำเสียงที่เข้มงวดกว่าเดิม ทำให้ปรีติยาจำใจต้องยกมือไว้อย่างชดช้อยจนแทบเหมือนก้มลงกราบกับพื้นอย่างประชดประชัน
“ขอโทษ” คราวนี้ปริติยาพูดด้วยเสียงยางคานเหมือนเล่นลิเก ถ้าคราวนี้ปรานต์จะไม่ได้ยินก็ให้มันรู้กันไป
“ในเมื่อเชอร์รี่ขอโทษปรานต์แล้ว ลุงว่าปรานต์ก็อย่าถือสาน้องเลยนะ ลุงตามใจจนเคยตัว จะดัดนิสัยกันก็คงลำบากแล้ว แต่หนวดที่ปรานต์วาด คงจะติดหน้าเชอร์รี่ไปอีกหลายวัน ครั้งนี้ยายเชอร์รี่คงจะเข็ดไปอีกนาน” พศินมองหน้าปรีติยาที่ทำหน้าง้ำหน้างอ
“ฉันไปล่ะ ยายเชอร์รี่เน่า ส่วนนิตยสารฮีโร่เล่มนี้ ฉันให้เธอ เผื่อว่าถ้ายังแค้นฉันอยู่จะได้ละเลงหน้าฉันได้เต็มที่ อ้อ...แล้วก็ขอให้มีความสุขกับแฟชั่นหนวดนะ” พูดจบปรานต์ก็เผ่นแน่บไปทันที ปรีติยาได้แต่มองตามปรานต์อย่างกินเลือดกินเนื้อและเข่นเขี้ยวในใจว่าจะต้องหาทางเอาคืนภายหลังให้แสบกว่าเดิม
“พ่อว่าเชอร์รี่รีบไปล้างหน้าล้างตาเถอะ ไม่อย่างนั้นพรุ่งนี้ไปทำงาน คนคงมองลูกจนเหลียวหลังแน่ๆ พ่อเองก็ชักจะง่วงๆแล้วเหมือนกัน” พศินหาวกว้างก่อนจะชวนธัญญาให้เข้านอน
ปรีติยากล่าวราตรีสวัสดิ์กับพ่อและแม่แล้วจึงเข้าไปในห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตาเอาหนวดออก แต่ไม่ว่าจะพยายามเช็ดถูสักเท่าไหร่ก็ยังเห็นคราบเมจิคปรากฎให้เห็นรางๆ วิธีเดียวที่จะกลบรอยเมจิคนี้ได้ก็คือต้องทารองพื้นบนใบหน้าให้หนากว่าเดิม จนกว่ารอยเมจิกจะจางไปหมด นึกแล้วก็อยากจะขยำภาพของนายปรานต์นัก แต่ติดตรงที่หน้าถัดไปเป็นภาพของหม่อมหลวงภูวดล
จริงสิ...หล่อนมัวแต่ทะเลาะกับปรานต์เลยลืมนึกไปเลยว่าจะต้องทำสมุด scrapbook ของหม่อมหลวงภูวดล ติดภาพของเขาลงสมุด พร้อมเขียนคำปรารถนาที่อยากให้เกิดขึ้น เมื่อทำใจให้สงบและละทิ้งความขุ่นมัวในใจ ปรีติยาจึงหยิบสมุดปกแข็งลายดอกไม้ที่ซื้อเก็บไว้สำหรับทำสมุดสะสมภาพที่ยังไม่ได้ใช้ พร้อมกับสติกเกอร์หัวใจสีแดง และอุปกรณ์สำหรับตกแต่งสมุดภาพอย่างกาวและกรรไกรเตรียมพร้อมไว้
ปรีติยาตัดภาพของหม่อมหลางภูวดลแปะลงในสมุด และติดสติกเกอร์หัวใจสีแดงดวงโตไว้ข้างภาพ พร้อมเขียนคำปรารถนาไว้ว่า ‘ขอให้แรงดึงดูดแห่งรักช่วยให้ฉันได้พบและรู้จักกับหม่อมหลวงภูวดลในเร็ววันนี้’ ใจจริงหล่อนอยากจะเขียนคำปรารถนาว่า ‘ขอให้แรงดึงดูดแห่งรักช่วยให้หม่อมหลวงภูวดลตกหลุมรักหล่อนตั้งแต่แรกพบ’ แต่คำพูดของเจสสิก้าก็เตือนขึ้นมาในห้วงความคิด
‘อย่าเขียนคำปรารถนาที่ข้ามขั้นตอน คุณต้องเรียนรู้ที่จะขออย่างเป็นธรรมชาติ ให้เหตุการณ์ค่อยๆเกิดขึ้นตามลำดับ แล้วจึงค่อยๆเพิ่มความปรารถนาของคุณให้มากขึ้นเรื่อยๆ การเขียนคำปรารถนาอย่างข้ามขั้นตอนจะทำให้แรงดึงดูดของคุณไม่สัมฤทธิ์ผล’
ปรีติยาจึงต้องเริ่มต้นอย่างใจเย็น เพียงเวลาไม่กี่นาที ภาพของหม่อมหลวงภูวดลก็เด่นเป็นสง่าในสมุดสะสมภาพ ปรีติยาปิดสมุดเล่มนั้นวางทิ้งไว้บนโต๊ะก่อนจะล้มตัวลงนอน จริงๆแล้ว หล่อนรู้จักหม่อมหลวงภูวดลน้อยมาก แม้ในนิตยสารฮีโร่จะบอกว่าหม่อมหลวงภูวดลเป็นหนุ่มโสด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่มีคนรัก เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ปรีติยาหนักใจเพราะหล่อนถือคติสำคัญในชีวิตคือจะไม่มีวันแย่งคนรักของใคร
หล่อนก็ได้แต่หวังว่าหม่อมหลวงภูวดลจะยังไม่มีคนรัก เพราะหากเขามีคนสำคัญในหัวใจแล้ว พลังดึงดูดใดๆก็ไม่มีความสำคัญ ปรีติยานอนคิดจนพล่อยหลับไปในที่สุด
++++++++++++++++++++++++++
ในขณะที่ปรีติยาเคลิ้มหลับไปแล้วนั้น ปรานต์ก็กำลังนั่งอ่านหนังสือกลยุทธ์เปิดร้านกาแฟที่แปลมาจากหนังสือญี่ปุ่น ซึ่งในเล่มมีร้านกาแฟเก๋ๆพร้อมไอเดียดีๆอยู่มากมาย บางทีเขาอาจจะต้องปรับเปลี่ยนเมนูกาแฟ หรือไม่ก็เพิ่มอาหารง่ายๆตามที่หนังสือเล่มนี้แนะนำเพื่อเพิ่มยอดขาย
ทว่าปรานต์ไม่มีสมาธิจะอ่านต่อไป เพราะภาพใบหน้าของปรีติยาที่ถูกป้ายด้วยเมจิคให้เป็นรูปหนวดปรากฎขึ้นมาในความคิด ทำให้อดหัวเราะกับท่าทางโมโหกระฟัดเฟียดของหญิงสาวไม่ได้ เขาไม่ได้อยากทำให้ปรีติยารู้สึกขัดเคืองขนาดนี้หรอก แต่เขาต้องการสั่งสอนหญิงสาวให้รู้ว่าเขาจะไม่ยอมเธอไปเสียทุกเรื่อง ยิ่งเขาไม่หือไม่อือ หญิงสาวก็ยิ่งได้ใจและแผลงฤทธิ์ใส่เขาต่างๆนานา
ปรานต์นึกย้อนไปตั้งแต่สมัยวัยเยาว์ที่เขากับปรีติยาโตมาด้วยกัน ปรานต์แก่กว่าปรีติยาสองปี แต่เด็กหญิงปรีติยาก็ไม่เคยเรียกเขาว่าพี่ เพราะช่วงอายุหนึ่ง เด็กหญิงจะมีพัฒนาการที่โตเร็วกว่าเด็กชาย ทำให้ปรีติยาซึ่งในเวลานั้นอายุแปดขวบจึงมีส่วนสูงพอๆกับเขาที่อายุสิบขวบ
“ฉันไม่เรียกนายว่าพี่หรอกเพราะเราสูงเท่ากัน” ปรานต์ยังจำเสียงพูดฉะฉานของปรีติยาในเวลานั้นได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปเพียงไม่กี่ปี ปรานต์กลับเป็นฝ่ายที่สูงล้ำหน้าปรีติยาจนปัจจุบันนี้ศีรษะของปรีติยาอยู่ระดับไหล่ของเขา แต่หล่อนก็ยังคงยืนกรานที่จะไม่เรียกเขาว่าพี่เหมือนเดิม
แม้ปรีติยาไม่เคยเรียกเขาว่าพี่ แต่ปรานต์ก็ทำหน้าที่ของพี่ชายตั้งแต่เขาจำความได้ เพราะแม่สอนเขาว่าให้ดูแลปรีติยาเหมือนน้อง เนื่องจากพศินและธัญญา พ่อแม่ของปรีติยาซึ่งเป็นเพื่อนบ้านคอยช่วยดูและเขาและแม่นับตั้งแต่พ่อของเขาเสียชีวิตไปเมื่อยี่สิบปีก่อน
พศินและธัญญาจึงเปรียบเสมือนพ่อแม่อีกคนของปรานต์ โดยเฉพาะพศินที่คอยดูแลปรานต์เหมือนลูกชายแท้ๆของเขาเอง นี่อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ปรีติยาไม่ค่อยชอบหน้าเขานักและคอยหาเรื่องรังควาญเพื่อไม่ให้เขามาอยู่ใกล้พศิน ทว่าพศินกลับไม่สนใจปฏิกิริยาต่อต้านของลูกสาว และยังคงดีต่อเขาดังเดิม ซ้ำยังคอยหากิจกรรมทำร่วมกับเขาเช่นตั้งแคมป์ เดินป่า ดูนก ร่วมกับเขาเสมอ เพราะพศินนี่เองที่ทำให้ปรานต์ไม่เคยรู้สึกว่าเขาขาดพ่อ ดังนั้นเมื่อปรีติยาคอยหาเรื่องเขา ปรานต์จึงพยายามนิ่งไม่ตอบโต้ทำให้ปรีติยาได้ใจคิดว่าเขาเป็นลูกไล่ของเธอ
เหตุการณ์ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนทำให้ความอดทนของปรานต์สิ้นสุดลงและเป็นการนำไปสู่การเริ่มต้นของความเป็นอริระหว่างเขาและปรีติยาก็คือครั้งที่เด็กๆในละแวกบ้านใกล้เรือนเคียงชวนเขาและปรีติยามาเล่นเป็นพ่อแม่ลูกกัน
“เชอร์รี่จะเล่นเป็นแม่ ส่วนหนูนิ่มเล่นเป็นลูก” ปรีติยาสั่งตามประสาคนที่ชอบจัดการ
“แล้วใครจะเล่นเป็นพ่อล่ะ” จิรายุทธ หรือ ก้อง เด็กชายร่างขาวผอมบางที่อายุไล่เลี่ยกับเขาถาม
“หนูนิ่มว่าให้พี่ปรานต์เล่นเป็นพ่อดีไหมคะ” หนูนิ่ม เด็กสาวอายุหกขวบเสนอ แต่สาวแปดขวบผู้เสนอตัวเล่นบทแม่อย่างปรีติยาร้องโวยวายทันที
“ถ้าให้ปรานต์เป็นพ่อ พี่จะไม่เล่นด้วยนะหนูนิ่ม พี่ไม่อยากเล่นเป็นเมียของนายปรานต์ ไม่อยากเปลี่ยนนามสกุลเป็น รักสืบพันธุ์ งั้นหนูนิ่มเล่นเป็นแม่เองแล้วกัน”
ปรานต์จำได้ว่าเขารู้สึกโกรธปรีติยามาก เพราะเด็กหญิงดูถูกนามสกุลของเขา นามสกุลรักสืบพันธุ์ของเขาไม่ดีตรงไหน อรุณี แม่ของเขาพร่ำสอนเขาว่า ไม่ว่าใครจะล้อเลียนนามสกุลของเขายังไงก็อย่าได้ถือเป็นอารมณ์ เพราะนามสกุลรักสืบพันธุ์ของเขาเป็นนามสกุลที่มีเกียรติ มีความหมายว่า มุ่งดำรงเผ่าพันธุ์และวงศ์ตระกูล และที่สำคัญคนในตระกูลรักสืบพันธุ์ต่างเป็นคนที่ทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติ ไม่ว่าจะเป็นปู่ของเขาที่ทำงานเป็นผู้พิพากษา อาที่ทำงานเป็นทหารและปฎิบัติหน้าอย่างแข็งขันจนเสียชีวิตในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ และแม้แต่พ่อของเขาเองสมัยที่มีชีวิตอยู่ก็เคยเป็นสถาปนิกที่ออกแบบอาคารให้กับการรถไฟแห่งประเทศไทย ดังนั้นด้วยความโมโหที่ปรีติยาดูถูกนามสกุลของเขาและไม่เลือกเขาเล่นเป็นพ่อ ปรานต์จึงโพล่งกลับด้วยถ้อยคำที่เผ็ดร้อนเช่นกัน
“พี่ก็ไม่อยากให้ผู้หญิงตัวดำแคระแกรน จมูกแบน ฟันเหยิน หน้าตาน่าเกลียดอย่างยายเชอร์รี่เน่ามาเล่นเป็นเมียพี่และใช้นามสกุลพี่เหมือนกัน ถ้าโลกนี้เหลือผู้หญิงเพียงคนเดียวคือยายเชอร์รี่เน่า พี่ก็ขออยู่เป็นโสดไม่แต่งงานตลอดชีวิต ให้แต่งงานกับมนุษย์ต่างดาวยังดีกว่าเลย”
เหตุการณ์ในวันนั้นจบลงด้วยการที่ปรีติยาเลือกจิรายุทธให้เล่นเป็นพ่อแทน ส่วนเขาต้องจำใจเล่นลูกคนโตของทั้งคู่ ปรานต์ทั้งโกรธและเสียหน้าที่ถูกปรีติยาปฏิเสธอย่างไม่ใยดี แต่เมื่อเวลาผ่านไปและปรานต์เริ่มย่างเข้าสู่วัยหนุ่ม เขากลับนึกเสียใจที่เคยลั่นวาจาไว้ว่า แม้ปรีติยาจะเป็นผู้หญิงคนสุดท้ายบนโลกใบนี้ เขาก็จะไม่มีวันแต่งงานด้วย เพราะเมื่อหญิงสาวย่างเข้าสู่วัยรุ่น เด็กสาวผู้เคยตัวดำแคระแกรน จมูกแบน ฟันเหยินกลับกลายร่างจากลูกเป็ดขี้เหร่มาเป็นสาวสวยใบหน้าคมเข้ม น่ารักน่าจีบเป็นที่สุด
ถึงจะเสียดายแค่ไหนแต่ก็สายไปเสียแล้ว เพราะปรีติยาจำฝังใจและแค้นกับคำพูดของเขา ทว่าตลอดมาปรานต์ยังคงมีหวังว่าวันหนึ่งปรีติยาอาจจะเปลี่ยนใจหันมามองเขา เพราะหญิงสาวยังไม่เคยคบกับผู้ชายคนไหนในฐานะคนรัก ไม่ใช่ว่าไม่เคยมีผู้ชายดีๆผ่านเข้ามาในชีวิตของปรีติยา แต่หญิงสาวไม่สนใจมากกว่าเพราะเอาแต่มุ่งมั่นกับงานโฆษณาที่ทำอยู่ และตั้งมาตรฐานผู้ชายที่จะเป็นคนรักของเธอไว้สูง เพิ่งจะมีช่วงสองสามวันนี่เองที่ปรีติยาเอ่ยปากว่าคิดจะมีแฟนอย่างจริงจัง แม้ปรานต์ตั้งใจจะปรับความเข้าใจกับปรีติยาและเริ่มคุยกันดีๆ แต่วันนี้เขากลับทำเสียเรื่องด้วยการเอาปากกาเมจิคมาวาดหนวดที่ใบหน้าของเธอ
ปรานต์อยากจะรู้นักเชียวว่าปรีติยาหมายตาหนุ่มโสดคนไหนในนิตยสารฮีโร่ เรื่องอะไรเขาจะยอมให้ผู้ชายคนอื่นมาชุปมือเปิปแย่งยายเชอร์รี่แสนแสบที่เขาหมายตาไว้ว่าให้จะให้ใช้นามสกุลรักสืบพันธุ์ เขาคงจะต้องอาศัยช่วงที่ปรีติยาไม่อยู่บ้าน และถือโอกาสช่วงนั้นไปรื้อค้นหาสิ่งที่เขาต้องการรู้จากห้องนอนของเธอ อย่างน้อยในสมุดบันทึกหรือคอมพิวเตอร์น่าจะมีชื่อของผู้ชายคนนั้นปรากฎอยู่บ้าง เพราะปรีติยาเป็นคนชอบบันทึกเรื่องราวประจำวัน แต่เรื่องที่เขาแอบชอบปรีติยาจะแพร่งพรายให้ใครรู้ไม่ได้ทั้งนั้น แม้แต่ พศิน ธัญญา และมะเดี่ยว เพราะทุกคนจะต้องช่วยเชียร์เขาจนออกนอกหน้าและทำให้ปรีติยาต่อต้านและตื่นกลัว
เขาคงจะต้องใช้เทคนิคการจีบแบบซึมลึกกับหญิงสาวให้หลงรักเขาทีละน้อยโดยไม่รู้ตัว และเมื่อวันนั้นมาถึง เขาจะต้องทำให้ปรีติยาถอนคำพูดว่าจะไม่ยอมใช้นามสกุลรักสืบพันธุ์ให้จงได้
นภาสรร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 พ.ย. 2555, 12:30:02 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 พ.ย. 2555, 12:30:02 น.
จำนวนการเข้าชม : 2019
<< 3 :: ปาฏิหาริย์สร้างรัก | 5 :: หนวดมหาเสน่ห์ >> |
lovemuay 20 พ.ย. 2555, 20:46:53 น.
ฮั่นแน่ ว่าแล้วเชียวว่านายปรานต์ต้องเป็นมดแดงแฝงพวงมะม่วง
ฮั่นแน่ ว่าแล้วเชียวว่านายปรานต์ต้องเป็นมดแดงแฝงพวงมะม่วง
หมูอ้วน 20 พ.ย. 2555, 23:51:54 น.
หุหุ แอบชอบหนูเชอร์รี่อยู่นี่เอง กองเชียร์ลุ้นหลามเลยนะค่ะ
หุหุ แอบชอบหนูเชอร์รี่อยู่นี่เอง กองเชียร์ลุ้นหลามเลยนะค่ะ
นภาสรร 21 พ.ย. 2555, 09:40:29 น.
555 แอบชอบพี่ปรานต์กันใช่ไหมคะ ^___^
555 แอบชอบพี่ปรานต์กันใช่ไหมคะ ^___^
goldensun 22 พ.ย. 2555, 13:54:46 น.
ปากพาจนเลย นายปรานต์ แล้วทำเป็นไม่สน แถมยังทำให้เชอร์รี่อิจฉาเรื่องพ่อแม่ด้วย จะเอาชนะใจได้ยังไง
ปากพาจนเลย นายปรานต์ แล้วทำเป็นไม่สน แถมยังทำให้เชอร์รี่อิจฉาเรื่องพ่อแม่ด้วย จะเอาชนะใจได้ยังไง