อาทิตย์พรางดาว
เมื่อความเคียดแค้นชิงชังที่มีมาระหว่างพี่น้องต่างมารดา ทำให้เกิดเรื่องราวต่างที่นำมาซึ่งความสุข เศร้า และโศกนาฏกรรม! ดาวเหนือจะทำอย่างไรเมื่อตะวันฉายผู้เป็นเกลียดเธอจนไม่อยากจะอยู่ร่วมโลก และตฤณจะทำอย่างไรเพื่อปกป้องคนรักไม่ให้โดนทำร้าย ต้องติดตามใน 'อาทิตย์พรางดาว'
Tags: ดราม่า

ตอน: ตอนที่ 42

ตอนที่ 42

ดาวเหนือมองเงาสะท้อนของตนเองในกระจกบนโต๊ะเครื่องแป้งที่ตั้งไว้ข้างตู้เสื้อผ้า แล้วเธอก็พบกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ดวงตาคู่สวยมีร่องรอยแห่งความสุขฉายออกมาเด่นชัด แก้มนวลที่ทาด้วยแป้งเด็กแดงระเรื่อ ริมฝีปากอิ่มอมชมพูคลี่ยิ้มหวานอย่างอดไม่อยู่กับคำรักหวานล้ำที่ได้ยินจากคนที่เธอคะนึงหาทุกขณะจิต

แม้ตัวจะห่างไกลหลายร้อยกิโล แต่ไม่รู้ทำไมใจสองใจถึงเชื่อมถึงกันได้นะ ดูสิกำลังคิดจะโทรไป ตฤณก็เป็นฝ่ายโทรเข้ามาก่อน แค่เห็นชื่อเขาบนหน้าจอรอยยิ้มที่หายไปหลายวันเพราะความเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานและปัญหาของคนร่วมงานก็ผุดขึ้นมา ยิ่งได้ยินเสียงออดอ้อนป้อนคำหวานระยะประชิดราวกับเขามานั่งอิงแอบกระซิบที่ข้างหูก็ยิ่งพาให้หัวใจติดปีก พร้อมจะโบยบินกลับไปหาเขาทันที

สุดท้ายหัวใจดวงน้อยที่สร้างกำแพงขึ้นมาเพื่อสู้รบกับคนเห็นแก่ตัวที่นี่มาหลายวันก็ถูกหลอมละลายให้กับความอบอุ่น อ่อนโยนของเขา ดาวเหนือได้แต่ตอบรับคำหวานนั่นด้วยคำพูดธรรมดาตามสไตล์ แต่ทำให้คนปลายสายที่ต้องเผชิญมหาทุกข์มาทั้งวันอารมณ์ดีขึ้นทันตา

“ดาวก็คิดถึงพี่ตฤณ”

“แปลว่าใจเราตรงกันสินะ พี่ดีใจที่สุด กลับมาจะให้รางวัล”

“อะไรเหรอ”

“ตัวพี่ผูกโบนอนรอดาวอยู่บนเตียง”ตฤณยืดอกตอบอย่างภาคภูมิ แววตาหลังแว่นสายตาเปล่งประกายดูเจ้าเล่ห์ ดาวเหนือเบ้ปากแต่นัยน์ตาพราวระยับ อดหมั่นไส้คนที่พูดจาไม่เข้ากับหน้าตาไม่ได้

คนอะไรหน้าตาอย่างกับเด็กเนิร์ด แต่จีบสาวเก่งอย่างกับคาสโนว่า

ดาวเหนือภายใต้เสื้อนอนตัวโคร่งปลายชุดคลุมลงมาปิดต้นขา เผยให้เห็นช่วงขาเรียวยาวกำลังก้าวตรงไปยังเตียงนอนหลังใหญ่ภายในห้องพักของรีสอร์ตหรูที่เมืองแมน เจ้านายผู้น่ารักทั้งยังควบตำแหน่งพี่รหัสแสนประเสริฐลงทุนควักกระเป๋าของตนเองจ่ายเป็นโบนัสพิเศษที่เธอยอมมาทำงานชิ้นนี้ให้ในนาทีเร่งด่วน ดาวเหนือเอนตัวลงนอน เส้นผมสีน้ำตาลดัดเป็นลอนแผ่สยายคลุมหมอนใบใหญ่ ย้อนเสียงหวานพร้อมรอยยิ้มละไมแบบที่ว่าหากคนปลายสายมาเห็นคงจะอดรั้งร่างโปร่งมาเอ็นดูสักฟอดสองฟอดไม่ได้

“ใครเขาอยากได้กัน ลองมานอนรอสิ ดาวจะเอาแทรกเตอร์ตักแล้วไปโยนทิ้ง”

“คนอะไรใจร้าย ได้เขาแล้วทิ้งไม่รับผิดชอบ จะฟ้องศาลให้คอยดู” ตฤณพูดงอนๆ ดาวเหนืออมยิ้มแต่ยังคงแกล้งต่อ

“ศาลที่ไหนเขาจะรับฟ้องเรื่องไร้สาระ”

“ก็...” ตฤณลากเสียง “...ศาลหัวใจพี่ไงครับ รับพิจารณาคดีรักทั่วราชอาณาจักร”

ดาวเหนือหลุดหัวเราะออกมาจนได้ หญิงสาวกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียง ตฤณเองก็ทำงอนได้ไม่นานพลอยหัวเราะไปด้วย ทั้งคู่คุยกันอีกพักใหญ่ก่อนที่ชายหนุ่มจะเป็นฝ่ายตัดบท เนื่องจากตัวเลขบนหน้าจอของนาฬิกาดิจิตอลข้างเตียง แสดงให้เห็นว่าเริ่มเข้าสู่วันใหม่มาได้ครึ่งชั่วโมงแล้ว

“พี่กวนดาวแค่นี้ดีกว่า พรุ่งนี้ต้องไปดูงานแต่เช้าไม่ใช่เหรอ”

หญิงสาวงึมงำรับคำ ดวงตาหรี่ปรือแทบจะปิดแล้ว แต่เพราะยังอยากคุยอยู่เลยสู้ทนกับความง่วง

“อืม...เฮ้อ...ไม่อยากให้เช้าเลย เหนื่อย”

“ทำงานมันก็มีเหนื่อยบ้าง สนุกบ้างเป็นธรรมดาครับคนดี” ตฤณปลอบ รู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่ได้หมายถึงเนื้องาน แต่หมายถึงคนร่วมงานต่างหาก ดาวเหนือพ่นลมหายใจอย่างแรง สีหน้าเบื่อหน่ายยิ่งนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในอาทิตย์ที่ผ่านมาก็ยิ่งปวดหัวตุบๆ

นับตั้งแต่เธอเข้ามาสานต่องานของอดีตรุ่นพี่ ซึ่งรับงานเอาไว้แต่กลับโกงทั้งลูกค้าทั้งบริษัทด้วยการทิ้งงานไปกลางคัน ก็ต้องเผชิญกับปัญหามากมายทั้งเรื่องแบบที่อะไรผิดไปจากความต้องการของลูกค้า ทั้งปัญหาของที่สั่งมาไม่ได้

สเป็ก ทั้งปัญหาคนงานที่ไม่ยอมรับที่เธอมาทำงานแทน ด้วยปัญหาที่ว่ามานี้ทำให้ลูกค้าซึ่งประกาศออกไปแล้วว่าจะต้องเปิดห้องพักโซนนี้ภายในสิ้นเดือนไม่พอใจและจะเรียกร้องค่าเสียหายจากบริษัทหากว่างานไม่เสร็จตามเวลา

ทำให้เมืองแมนตัดสินใจเรียกเธอกลับมาใช้งาน โชคดีที่ไม่ต้องออกแบบใหม่เนื่องจากรุ่นน้องคนหนึ่งในบริษัทได้แก้แบบที่ผิดให้ตรงตามความต้องการของลูกค้าเรียบร้อยแล้ว เธอแค่มีหน้าที่สั่งของและควบคุมการทำงานของคนงานให้เป็นไปตามแบบเท่านั้นเอง ซึ่งก็เหลือเวลาในการทำงานทั้งหมดประมาณสองอาทิตย์ เวลาแค่นี้ไม่คณนามือเธอหรอก

แต่แล้วสิ่งที่เธอคิดว่าง่ายกลับเป็นเรื่องยาก เมื่อหัวหน้าคนงานและเหล่าคนงานเกิดเล่นตัว บอกว่าแบบที่แก้ใหม่พวกเขาทำไม่เป็น ไม่ถนัดบ้างล่ะ ของไม่ครบบ้างล่ะ เดี๋ยวคนงานคนนี้ป่วย เดี๋ยวคนโน้นญาติเสียต้องลากลับก่อน บางห้องที่ตกแต่งตามแบบเก่าไปแล้วก็ต้องรื้อใหม่ ทำให้ต้องใช้เวลาและแรงงานมากขึ้น ค่าแรงของพวกเขาก็ต้องเพิ่มขึ้นด้วยไม่เช่นนั้นพวกเขาก็จะไม่ทำงาน

สุดท้ายก็คือสี่ห้าวันที่ผ่านมางานของเธอเดินไปยังไม่ถึงไหน เมื่อรวมกับของเก่าที่ประยุกต์ใช้ได้กับแบบใหม่เพียงบางส่วนแล้วเท่ากับว่างานของเธอยังไปไม่ถึงห้าสิบเปอร์เซนต์ แต่เหลือเวลาอีกแค่อาทิตย์เดียวเท่านั้น!

เหนื่อยกายไม่เท่าไหร่ แต่เหนื่อยใจนี่สิเหลือจะรับได้

“งานเร่งมากๆแบบนี้นี่ไม่ไหว อันที่จริงจะด่วนแค่ไหนดาวไม่กลัวหรอกนะ พี่ตฤณก็รู้ แต่ไอ้งานด่วนประเภทที่มีคนมือไม่พาย แล้วยังเอาตี...เอ่อ..เท้าราน้ำแบบนี้ ดาวไม่ไหว!” ดาวเหนือหยิบยกเอาวลีฮิตที่หนึ่งในตัวเอกของละครซี่รี่ย์ดังหลังข่าวภาคดึกที่เพิ่งจบไปไม่นานชอบพูดเวลาขัดใจขึ้นมาจบประโยค ตฤณหัวเราะเบาๆกับน้ำเสียงอัดอั้นตันใจของคนรัก ชายหนุ่มจึงใช้น้ำเย็นเข้าลูบ

“พี่เข้าใจดาวนะ คนแบบนี้มักเป็นตัวถ่วงทำให้งานไม่เดิน แต่ดาวรู้อะไรไหม...” ตฤณเว้นวรรคไปเล็กน้อย รอยยิ้มอ่อยโยนถูกจุดขึ้นบนริมฝีปาก

“...พี่เชื่อมั่นในตัวดาวนะ เชื่อว่าดาวจะต้องจัดการให้คนพวกนั้นหันกลับมาช่วยงานได้ เพราะความสามารถและความตรงไปตรงมาของดาว ขอเพียงแค่ดาวเปิดใจกับพวกเขา เท่านี้ดาวก็จะได้ใจเขามา อย่าลืมนะครับว่าตอนนี้พวกเขากำลังเคว้ง เจ้านายเก่าทิ้ง เจ้านายใหม่ก็ไม่รู้ว่าจะเอายังไงกันแน่ เขาก็ต้องคิดมากเป็นเรื่องธรรมดา”

ดาวเหนือนิ่งไป อารมณ์เริ่มเย็นลง พอลองมาคิดทบทวนดูอีกที เธอเองก็มีอคติกับพวกคนงานไม่น้อย สาเหตุก็เพราะพวกเขาเป็นคนของรุ่นพี่ที่โกงบริษัทไปนั่นเอง ทำให้เธอระแวงว่าคนพวกนั้นจะทำอะไรที่เป็นการขัดขวางการทำงานของเธอหรือเปล่า เธอไม่ได้มองเลยว่าพวกเขามีปัญหากันมากแค่ไหนเมื่ออยู่ๆก็โดนเจ้านายทิ้งไป ความไม่มั่นคงในชีวิตก็เริ่มเกาะกินใจ ยิ่งเธอไม่ปรับตัวเข้าหาพวกเขา พวกเขาก็ยิ่งกลัวมากขึ้นว่าจะโดนเธอไล่ออกไปเมื่อไหร่ หากตฤณไม่เตือน เธอก็ไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน

“ดาวพลาดไปแล้วจริงๆ ดาวไม่ได้คิดถึงความรู้สึกของพวกเขาเลย พรุ่งนี้ดาวจะเริ่มใหม่ จะทำตามที่พี่ตฤณบอก”

ตฤณยิ้ม ดาวเหนือเป็นคนที่เข้าใจอะไรได้ง่าย เขาคิดไม่ผิดจริงๆที่ปักใจรักเธอคนนี้ บอกเสียงนุ่ม

“เก่งมากครับคนดี พรุ่งนี้เช้าเริ่มต้นมันซะใหม่ แต่ตอนนี้ไปนอนเถอะ นอนดึกเดี๋ยวตื่นมาก็กลายเป็นพี่สาวหลินปิงจนได้ พี่ก็จะไปอาบน้ำเหมือนกัน”

“ยังไม่ได้อาบน้ำนี่เอง ดาวก็ว่ากลิ่นตุๆที่ไหนลอยมาถึงในห้อง ที่แท้ต้นตอก็จากโทรศัพท์นี่เอง จมูกดาวพังแหงๆ” พอหายเครียดหญิงสาวก็แกล้งแซว ก่อนหัวเราะชอบใจกับน้ำเสียงแง่งอนของคนรัก

“ครับ ครับ ครับ พี่ชอบตากแห้งเป็นปลาเค็มเลยทำให้จมูกดาวมีปัญหา เชอะ! งอนแล้ว ไม่องไม่อาบมันแล้ว ไม่มีใครอยู่ดม ฝันดีนะครับคนดีของพี่” แม้จะงอนแต่ตฤณยังไม่ลืมที่จะหยอดคำหวาน เขาปิดโทรศัพท์ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปกันไม่ให้บุคคลไม่พึงประสงค์โทรมาหายามวิกาล เขายังไม่อยากรับสายคนอื่นให้อารมณ์เสียหลังจากได้ยาดีจากคนรักสาวมาหมาดๆ

...ขอนอนฝันดีสักคืนแล้วกัน


“บ้าที่สุด...ทำไมไม่รับสายตะวันนะตฤณ” ตะวันฉายในชุดนอนลูกไม้สีขาวตัวบางยาวกรุยกรายเดินไปเดินมาอยู่หน้าเตียงภายในห้องนอนของตน คิ้วเรียวสวยที่ผ่านการตกแต่งมาอย่างดีขมวดเข้าหากันแน่น บ่งบอกได้ถึงความเครียดของเจ้าตัวเป็นอย่างดี หลังจากใช้ความพยายามโทรหาชายหนุ่มที่เธอเออออเอาเองว่าเป็นแฟนมาร่วมสองชั่วโมง แต่สัญญาณปลายสายกลับไม่ว่างแม้แต่น้อย มือเรียวโยนโทรศัพท์ลงบนเตียงอย่างหงุดหงิด ทิ้งตัวลงนั่งอย่างแรง

ตะวันฉายอดที่จะยกนิ้วขึ้นมากัดเล็บเช่นที่ชอบทำเสมอเวลาเครียดไม่ได้ ไม่เข้าใจว่าเหตุใดเขาถึงไม่ยอมรับสายเธอ ทั้งที่ก็บอกไปแล้วว่าจะโทรหา สมองเริ่มคิดไปต่างๆนานาจนทำให้ความเชื่อมั่นในตัวชายหนุ่มที่ได้ย้ำไปกับอาริตาเมื่อตอนเย็นเริ่มแปรเปลี่ยน ความหวาดระแวงเข้าครอบงำ

เพราะปกติหลังแยกจากกันเธอก็โทรหาเขาอย่างนี้ประจำและชวนคุยเรื่อยเปื่อยอยู่พักใหญ่ ก่อนจะวางสายไปเมื่อนาฬิกาบอกเวลาว่าล่วงเข้าเช้าวันใหม่แล้ว ซึ่งบทสนทนาโดยส่วนมากเป็นเธอที่ชวนคุย ตฤณจะนิ่งฟังอย่างเดียวมีให้ความเห็นบางยามที่เธอออกปากขอความคิดเห็นจากเขา นอกนั้นเขาก็จะอือออ ส่งเสียงรับไปตามเรื่อง เธอเองก็ไม่ได้สนใจนักว่าเขาจะเห็นด้วยหรือไม่ ขอแค่ได้ยินเสียงของเขาก็พอแล้ว ที่สำคัญที่ทำให้เธอนั่งเครียดก็คือไม่เคยมีครั้งไหนที่เขาจะไม่รับสาย จะมีก็วันนี้แหละที่เขาไม่รับสายเธอ ไม่โทรกลับ

ทำให้อดคิดไปไม่ได้ว่าเขาจะกำลังคุยอยู่กับคนที่เธอเกลียดที่สุด...ดาวเหนือ

“หรือจะคุยกับนังดาวอยู่” ตะวันฉายพึมพำกับตัวเอง ใบหน้าสวยเฉี่ยวเคร่งเครียด แค่เพียงคิดว่าเขายังติดต่อกับนังน้องนอกไส้ที่เธอเกลียดแสนเกลียดอยู่ เธอก็ทนไม่ได้ ความเครียดส่งผลให้เธอตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ หญิงสาวผุดลุกจากเตียง สองมือขยี้ผมตัวเองจนยุ่งเหยิง สุดท้ายก็ระเบิดอารมณ์ออกมา

“บ้าที่สุด! ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงนังริตามันต้องหัวเราะฉันแน่ๆ อ๊าย! ยอมไม่ได้ ยอมไม่ได้!” ตะวันฉายโกรธจนคุมสติไว้ไม่อยู่ หญิงร้องกรี๊ดๆ กระทืบเท้าไปมาอย่างขัดใจ โชคดีที่ห้องของเธอเก็บเสียงไม่งั้นคงได้ตื่นกันทั้งบ้าน ก่อนจะชะงักเมื่อเหลือบไปเห็นกระจกยาวหน้าตู้เสื้อผ้า

ตะวันฉายเดินช้าๆเข้าไปหยุดยืนหน้ากระจก มองท่าทางกระเซอะกระเซิงของตนเองในกระจกอย่างเลื่อนลอย ร่างเพรียวยังคงหอบหายใจแรงอยู่เพราะการอาละวาดเมื่อครู่ เหงื่อพราวหน้า มือบางยกขึ้นไล้ไปตามรูปของตัวเองบนกระจกแผ่วเบา ก่อนจะกำเข้าหากันแน่น นัยน์ตาเลื่อนลอยเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว พร้อมกับที่กำปั้นน้อยๆชกเข้าอย่างแรงจนกระจกแตก ของเหลวสีแดงสดไหลย้อยลงมาตามรอยแยกที่สะท้อนเงาของหญิงสาวในชุดนอนสีขาวสะอาดตาตัดกับสีแดงของเลือดอย่างน่ากลัว

ตะวันฉายทิ้งมือลงข้างลำตัวทำให้เลือดบางส่วนเปรอะเปื้อนชุดนอน ก่อนจะปล่อยให้เลือดที่เหลือหยดลงบนพื้นห้องที่ทำมาจากไม้ปาร์เก้ อย่างไม่สนใจความเจ็บปวด สายตายังคงจ้องมองใบหน้าของตัวเองบนกระจกที่แตกเป็นเสี่ยงนิ่ง ยกมือขึ้นมองเลือดที่ไหลลงมาตามแขนขาว ก่อนจะแลบลิ้นสีชมพูเลียเลือดที่เปื้อนแขนนั้นเบาๆ

หญิงสาวเยื้องย่างกลับไปที่เตียงโดยที่เลือดยังไหลตามมาเป็นทาง เปิดลิ้นชักตู้ข้างเตียงออกแล้วหยิบขวดแก้วสีชาออกมา เทเม็ดยาสีขาวออกมาหนึ่งเม็ด จัดการส่งเข้าปากตามด้วยน้ำ ใช้มืออีกข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บคว้าเอาโทรศัพท์ที่ทิ้งไปอย่างไม่ไยดีเมื่อครู่ขึ้นมาจ้องชื่อสุดท้ายที่โทรออก ตะวันฉายพึมพำกับตัวเองเบาๆทว่าแน่วแน่

“พรุ่งนี้ฉันจะไปถามให้รู้เรื่อง ถ้าคุณยังติดต่อกับมันอยู่ ฉันจะทำให้มันไม่มีโอกาสลุกขึ้นมารับโทรศัพท์อีกเลย! หึหึ ฮ่าฮ่า”

รอยยิ้มเหี้ยมเกรียมผุดขึ้นที่มุมปาก พร้อมเสียงหัวเราะอย่างสาแก่ใจดังกังวานท่ามกลางความมืดมิด


อากาศเย็นชื้นยามเช้ามืดหลังฝนที่ตกตลอดทั้งคืน ยังความชุ่มชื่นให้แก่ผิวดิน กลิ่นดินผสมกลิ่นฝนลอยมาตามลมให้คนที่เดินชมความงามของดอกไม้ในสนามหญ้าหน้าบ้านรู้สึกสดชื่น ผ่อนคลาย หลังจากต้องแบกรับความเศร้าที่เกิดขึ้นมาหลายวันจากหลายคน รวมทั้งตัวเธอเองด้วย

คุณมินตราถอนหายใจออกมา สายตาเศร้าๆมองไปทางบ้านหลังน้อยปิดสนิทอย่างเหงาๆ เนื่องจากเจ้าของบ้านทั้งสองคนต่างจากไปกันคนละที่ คนหนึ่งต้องจากไปทำงาน ส่วนอีกคน...จากไปอย่างไม่มีวันกลับ ปกติเธอมักจะตื่นแต่เช้าเพื่อลงมาช่วยภรรยาอีกคนของสามีที่เธอเอ็นดูเหมือนน้องสาวทำอาหารเช้าให้ทุกคนในครอบครัว บางวันก็ช่วยกันทำกับข้าวใส่บาตร แต่วันนี้มันคงไม่มีอีกแล้ว

บุษบาเป็นทั้งเพื่อนและน้องที่แสนดี แม้ว่าสถานะและการเข้ามาเป็นสมาชิกในบ้านหลังนี้จะไม่ถูกต้องตามแบบแผนของสังคม น่าแปลกที่เธอไม่เคยโกรธเคืองคุณบุษบาเลย จะมีก็แค่ความผิดหวังในตัวเองที่อาจจะทำหน้าที่บกพร่องในฐานะภรรยา และผิดหวังที่สามีไม่ซื่อสัตย์ นั่นคือสิ่งที่เธอคิดในนาทีแรก แต่สุดท้ายเธอก็ค้นพบว่าชีวิตของเธอไม่ได้เลวร้ายเลยเมื่อเทียบกับบ้านอื่นที่มีปัญหาทำนองนี้ ในเมื่อภรรยารองอย่างบุษบาไม่ได้เย่อหยิ่งหรือระรานอะไรเธอเลย ตรงกันข้ามหญิงสาวคนนั้นยังทำให้เธอรู้สึกเหมือนมีน้องสาว มีเพื่อนมากกว่า ทำให้เธอเข้ากับคุณบุษบาได้เป็นอย่างดี

ส่วนคุณชนะชัย หลังจากที่พาบุษบาเข้าบ้านก็ไม่มีผู้หญิงคนอื่นอีก นอกจากเธอและบุษบา เขาตั้งใจทำงานและเลี้ยงลูกสาวทั้งสามคน รวมทั้งภรรยาทั้งสองเป็นอย่างดี แต่ทำไม่เรื่องเลวร้ายถึงต้องมาเกิดขึ้นกับครอบครัวของเธอ พรากน้องสาวร่วมโลกและเพื่อนของเธอจากไปอย่างนี้

คุณมินตรากรีดน้ำตาทิ้ง เงยหน้าเพื่อไล่น้ำตาส่วนที่เหลือให้กลับลงไป ไม่มีประโยชน์ที่จะมาร้องไห้ ในเมื่อร้องไปก็เรียกให้อีกฝ่ายฟื้นคืนมาไม่ได้ สิ่งที่เธอพอจะทำได้เพื่อคนที่จากไปมีเพียงเรื่องเดียว นั่นก็คือ การส่งมอบดาวเหนือให้ชายหนุ่มที่มั่นใจได้ว่าจะทำให้ดาวเหนือมีความสุขที่สุดอย่างที่บุษบาต้องการจะเห็น เธอจะสนับสนุนคนทั้งคู่เต็มที่ จะไม่ยอมให้ใครที่ไหนมาแทรกกลางได้ แม้ว่าคนคนนั้นจะเป็นตะวันฉาย ลูกสาวของเธอก็ตามทu

“คุณผู้หญิงคะ กับข้าวใส่บาตรเสร็จแล้วค่ะ ดิฉันให้เด็กตั้งโต๊ะหน้าบ้านเรียบร้อยแล้วค่ะ” เสียงรายงานของแม่บ้านคนสนิทจากทางด้านหลังดังขึ้น คุณมินตรารีบปรับท่าทางให้เป็นปกติ หันไปส่งยิ้มบางๆ ถามถึงใครอีกคนที่นัดไว้

“ขอบใจมากจ๊ะ แล้วนี่คุณหญิงแม่ล่ะ”

“คุณท่านกำลังลงมาค่ะ” แม่บ้านรายงาน ก่อนจะหันไปมองทางตัวตึกก็เห็นคุณหญิงผกามาศเดินมาพร้อมกับสาวใช้อีกคน “อ้าว! เดินมาทางนี้พอดีเลยค่ะ”

“ไปกันเถอะแม่มิน เมื่อกี้แม่เห็นพระท่านเดินผ่านไปรูปหนึ่งแล้ว” คุณหญิงผกามาศในชุดลูกไม้สีดำ ปลายแขนบานออกเล็กน้อย เดินเข้ามาหาสะใภ้ของตนทันทีที่เห็น ก่อนจะเดินนำไปยังหน้าบ้านที่ซึ่งมีโต๊ะตั้งวางไว้พร้อมกับของใส่บาตร

คุณมินตราลอบมองใบหน้าที่มีริ้วรอยตามกาลเวลาหากยังคงให้เห็นร่องรอยของความงามในวัยเยาว์บ้างนั้นเรียบนิ่ง นัยน์ตาแดงช้ำ ทำให้เวลานี้ประมุขของบ้านดูสูงวัยมากกว่าอายุจริงจนผู้เป็นสะใภ้อดถามด้วยความเป็นห่วงไม่ได้ กลัวว่าอีกฝ่ายจะตรอมใจตามสะใภ้อีกคนของบ้านไป

“ค่ะ...คุณแม่เป็นอะไรหรือเปล่าคะ ตาแดงๆ”

“แม่นอนไม่หลับนิดหน่อยน่ะ ไว้เดี๋ยวค่อยคุยกันนะ พระท่านมาแล้ว... นิมนตร์ค่ะพระคุณท่าน” คุณหญิงตัดบทด้วยการนมัสการพระภิกษุที่เดินรับบาตรผ่านมา ทำให้คุณมินตราไม่กล้าถามต่อได้แต่ช่วยส่งของให้เงียบๆ จนกระทั่งพระภิกษุรูปสุดท้ายเดินจากไป แม่บ้านและสาวใช้ก็กำลังช่วยกันยกข้าวของกลับครัว คุณมินตราช่วยประคองแม่สามีให้เดินไปตามทางเข้าบ้าน

ระหว่างนั้นอยู่ๆคุณหญิงผกามาศก็พูดขึ้นมา

“เมื่อคืนแม่ฝันไม่ค่อยดีเท่าไหร่”

“คะ?... คุณแม่ฝันว่าอะไรคะ”

คุณหญิงผกามาศเดินเลี่ยงไปทางสวนหน้าบ้าน ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ คุณมินตรานั่งลงเคียงข้าง สายตาของคุณหญิงเหม่อมองไปทางบ้านหลังน้อย

“แม่ฝันถึงบุษบาน่ะ ฝันว่าเขากำลังทรมาน มีมีดปักอก เลือดก็ท่วมเต็มตัว”

“คุณแม่อาจจะเครียดมากเกินไปหรือไม่ก็คิดถึงยายบุษ มินว่าคงเป็นแค่ฝัน” คุณมินตราแตะหลังมือของแม่สามีเบาๆ เป็นการปลอบประโลม เธอไม่อยากให้ท่านคิดมาก ช่วงนี้สุขภาพของท่านแย่ลงตั้งแต่บุษบาตายไป คุณหญิงผกามาศละสายตาจากบ้านของดาวเหนือหันมาประสานสายตากับลูกสะใภ้ นัยน์ตามีร่องรอยของความกังวล

“แต่มันเหมือนจริงมากนะแม่มิน ทั้งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ ทั้งสายตาที่เขามองแม่มันเศร้าสร้อยจนแม่ใจหาย บุษบาอาจจะเป็นทุกข์เพราะตำรวจยังหาคนที่ฆ่าเขาไม่ได้ก็ได้”

“เรื่องนั้นคุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงไปนะคะ ตำรวจเขาบอกแล้วว่าตอนนี้กำลังควานหาตัวพวกมันอยู่ มินเชื่อว่าต้องจับได้เร็วๆนี้ อีกอย่างเมื่อกี้เราก็ทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ยายบุษแล้ว เขาจะต้องทรมานน้อยลงแน่นอนค่ะ”

“เฮ้อ...” คุณหญิงถอนหายใจ “...ขอให้คนชั่วมันได้รับกรรมซะทีเถอะ คนของเราจะได้พ้นทุกข์”

“ค่ะ ใครทำกรรมใดไว้ก็ต้องได้รับกรรมนั้นกลับไป อย่างที่พระท่านว่าไว้ไงคะ ไม่มีใครในโลกนี้จะหลีกหนีกรรมที่ทำไว้พ้น”

คุณมินตราส่งยิ้มให้แม่สามีอีกครั้งราวกับจะเน้นย้ำให้คุณหญิงมั่นใจ ก่อนที่ทั้งคู่สะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องของสาวใช้ดังมาจากชั้นบนของบ้าน

“นั่นเสียงยายหวานนี่ เกิดอะไรขึ้นกันน่ะแม่มิน”

“ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ มินว่าเราไปดูกันเถอะค่ะ” คุณมินตรารีบประคองคุณหญิงผกามาศไปยังทิศทางที่มาของเสียง ซึ่งเธอจำได้แม่นว่ามาจากห้องของตะวันฉาย

เมื่อไปถึงคุณมินตราก็ส่งร่างผอมบางของแม่สามีให้แม่แย้ม แม่บ้านคนสนิทดูแลต่อ ส่วนตัวเองก็รีบเข้าไปภายในห้องของตะวันฉายทันที สิ่งแรกที่ทำก็คือกวาดตามองร่างเพรียวของบุตรสาวที่ยืนกอดอก หน้างอยู่กลางห้องพอดี คุณมินตราลอบถอนหายใจเมื่อไม่เห็นร่องรอยใดๆบนตัวตะวันฉาย เธอจึงสาวเท้าเข้าไปใกล้เพื่อจะได้ตรวจดูให้แน่ใจอีกครั้ง

ฝ่ายตะวันฉายในชุดนอนผ้าลื่นสีดำตัวสั้นก็กำลังหงุดหงิดที่ต้องตื่นขึ้นมาแต่เช้าเพราะเสียงแปดหลอดของหวานบวกกับอารมณ์เก่าที่ค้างอยู่เมื่อคืน ทำให้ระเบิดอารมณ์ออกมาทันที โดยที่หวานได้แต่ยืนหน้าซีด ตัวลีบอยู่ข้างตู้เสื้อผ้า

“แกจะแหกปากทำไมแต่เช้าฮะ...นังหวาน! คนจะหลับจะนอนไม่เห็นหรือไง”

“หวาน หวานขอโทษค่ะคุณตะวัน หวานไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คุณตะวันตื่นเลยนะคะ”

“อ๋อ...แล้วไอ้ที่แกมายืนกรี๊ดในห้องฉันเนี่ย เรียกว่ามาร้องเพลงกล่อมฉันนอนหรือไง...นังบ้า!”

“ก็หวานตกใจนี่คะ เข้ามาจะทำความสะอาดห้องแต่ดันเจอเลือดเต็มพื้นไปหมด...” ว่าแล้วก็ชี้นิ้วให้ทุกคนได้เห็นของเหลวสีคล้ำเกือบดำจำนวนมากที่เปรอะเปื้อนเต็มพื้นห้อง บางส่วนกระเด็นไปติดตามเครื่องเรือนใกล้เคียง คุณมินตรามองตามก่อนจะหน้าซีดเมื่อเห็นดังนั้น ส่วนคุณหญิงผกามาศก็เกิดอาการหน้ามืด รีบบอกให้แม่แย้มพาตนออกไปให้พ้นโดยไว หวานรีบบอกต่อ

“...เป็นใครก็ต้องตกใจกันทั้งนั้นแหละค่ะ นึกว่าคุณตะวันจะโดนเหมือนกับคุณบุษแล้วก็พี่แววอีก” สาวใช้วัยรุ่นบอกทั้งน้ำตา ก่อนจะผวาหลบเมื่อเจ้านายพุ่งเข้ามาจะทำร้าย

“นังนี่ปากเสีย! แกแช่งฉันให้ตายเหมือนพวกนั้นงั้นเหรอ มานี่เลยนะ มาให้ฉันตบปากสั่งสอนสักที มานี่!”

“พอแล้วตะวัน หยุดลูก! หวานมันไม่ได้ตั้งใจก็อย่าไปว่ามันเลย...” คุณมินตรารีบเข้าไปขวาง ตะวันฉายชะงักลดมือลงเพราะเกรงใจมารดา ได้แต่จ้องมองสาวใช้อย่างโกรธแค้น หวานรีบก้มหน้าหลบทันทีรู้สึกกลัวขึ้นมาจับจิตใจ เหงื่อตกเลยทีเดียว ‘เมื่อกี้สายตาคุณตะวันราวกับจะฆ่าเราให้ตายเสียให้ได้’

“...แล้วนี่เลือดอะไรน่ะ ไปทำอะไรมา”

ตะวันฉายถอนสายตากลับมาที่มารดา บอกอย่างไม่ยี่หระ “เลือดตะวันเองค่ะ เผอิญเมื่อคืนสะดุดขาตัวเองล้มไปกระแทกกระจกตู้แตกก็เท่านั้น”

คุณมินตราและหวานหันไปมองกระจกตู้พบว่ามีรอยแตกเป็นวงกว้างและคราบเลือดแห้งกรังติดอยู่ก็ไม่ติดใจอะไร ต่างจากหวานที่มองแล้วมองอีกอย่างสงสัย

“โดนตรงไหนบ้างเนี่ย ให้แม่ดูสิ” ตะวันฉายชูมือข้างที่พันผ้าพันแผลเรียบร้อยแล้วให้ดู คุณมินตราส่ายหน้า บ่นออกมา “แล้วดูสิทำไมไม่เรียกให้ใครมาทำความสะอาดตั้งแต่เมื่อคืน ปล่อยทิ้งไว้ไม่เหม็นคาวบ้างเหรอ”

“ก็ไม่นี่คะ หอมดีออก”

“ตะวันฉาย” น้ำเสียงที่ใช้เรียกชื่อเริ่มเข้มขึ้น พร้อมสายตานิ่งที่มองมาบ่งบอกว่าคำตอบเมื่อครู่ไม่เป็นที่พอใจเท่าไหร่ตะวันฉายกลอกตาอย่างเบื่อหน่ายก่อนจะตอบใหม่อีกครั้ง

“ก็เห็นว่าดึกแล้ว คงหลับกันหมดก็เลยทิ้งเอาไว้อย่างนี้ กะว่าตื่นแล้วจะออกไปเรียกให้มาทำความสะอาดกัน ไม่นึกว่าจะมี ‘ใคร’ โผล่มาแต่ไก่โห่นี่คะ” ปรายตามองไปยังหวานที่ยังคงจ้องรอยแตกบนกระจกอยู่ จนเจ้าตัวสะดุ้งหันกลับมายิ้มแหยๆ

คุณมินตรายกมือขึ้นคลึงขมับ อยู่ๆก็มาเกิดเรื่องน่าปวดหัวแต่เช้า ก่อนจะตัดบท

“เอาล่ะ ไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว หวานทำความสะอาดให้เรียบร้อยด้วยนะ” ท้ายประโยคหันไปบอกกับสาวใช้ หวานรับคำก่อนจะลงมือทำงานของตนไป คุณมินตราหันมาหาลูกสาวที่เยื้องย่างไปนั่งที่โซฟา

“วันนี้ตะวันออกไปไหนหรือเปล่าลูก”

“ไปคะ มีธุระสำคัญที่ต้องไปทำ” ตะวันฉายพูดเสียงเรียบ ดวงตาหมายมาด

“อย่ากลับดึกก็แล้วกัน คุณพ่อเริ่มบ่นแล้วว่าลูกเอาแต่เที่ยวไม่เข้าไปช่วยทำงานบ้างเลย”

ตะวันฉายเบ้ปาก รับคำส่งๆ “ค่า...มีอะไรอีกไหมคะ ตะวันจะได้พักผ่อนต่อ เดี๋ยวไม่สวยคู่ควรกับแฟนตะวัน”

คุณมินตรานิ่วหน้า “แฟน? ลูกมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่”

“ก็ไม่นานมานี้เองคะ แม่ก็รู้จักด้วยนะ”

“ใครกันลูก”

ตะวันฉายยิ้มมุมปาก ดวงตาเจ้าเล่ห์ “เอาไว้อยู่กันพร้อมหน้าก่อนนะคะ แล้วตะวันจะพาเขามาให้รู้จัก”

หญิงสาวยิ้มหวาน ตวาดแหวใส่หวาน ก่อนจะเดินไปผลักอีกฝ่ายจนหงายกองไปกับพื้น

“นี่! นังหวานเสร็จหรือยังยะ อืดอาดจริงเชียว อย่างนี้ไงถึงได้เป็นคนใช้เขาอยู่ตลอดชาติ”

คุณมินตรามองตามไปอย่างไม่สบายใจ เพราะรู้อยู่ว่าตะวันฉายแอบเล็งใครไว้ คนที่เธอรู้จักงั้นเหรอ ขออย่าให้เป็นคนเดียวกับที่เธอคิดเลย แค่นี้ปัญหาก็ล้นบ้านอยู่แล้ว ขืนมีเรื่องนี้เข้ามาซ้ำอีก มีหวังบ้านหลังนี้ต้องลุกเป็นไฟแน่

หวานเดินกระแทกเท้าหน้างอกลับไปยังหลังบ้าน อันเป็นสถานที่ประจำของบรรดาคนรับใช้แห่งบ้านรัชดารักษ์จะมาแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ตอนที่เธอไปถึงมีเพียงป้าแย้ม แม่บ้านเก่าแก่กับลุงสน คนขับรถประจำตัวคุณหญิงผกามาศเท่านั้นที่อยู่ ส่วนคนอื่นคิดว่าน่าจะยังทำความสะอาดบ้านไม่เสร็จ ส่วนเธอนั้นรับผิดชอบเฉพาะห้องของตะวันฉายกับพรายจันทร์เท่านั้นจึงเสร็จเร็ว

มือบางกระแทกถังพลาสติกลงกับพื้นอย่างแรง ทำให้คนที่นั่งแกะกุ้งอยู่ก่อนแล้วสะดุ้งโหยง ยกมือทาบอกอุทานเสียงหลง แย้มหันกลับมามองก็พบว่าเป็นหวาน มืออวบทิ้งกุ้งลงกับกะละมังทันที

“อกอีแย้มจะแตก! ตกใจหมดนังหวาน อ้าว! แล้วนั่นเป็นอะไร หน้าบูดมาเชียว”

หวานที่รอให้ถามอยู่แล้วรีบหันกลับมา “ก็คุณตะวันให้พรแต่เช้าน่ะสิป้า”

“อ่อ นึกว่าเรื่องอะไร แกยังไม่ชินอีกเหรอ ทุกคนเขาชินกันหมดแล้วล่ะ คุณตะวันไม่เคยพูดกับพวกเราดีๆหรอก กับนังแววเองก็ด้วย เห็นเป็นคนสนิทยิ่งแล้วใหญ่ โดนด่าสามเวลาหลังอาหาร” แย้มบอก หันกลับไปแกะกุ้งต่อ สนที่กำลังฉีกปาท่องโก๋เข้าปากรีบเสริมขึ้นมา

“ใช่ แกอย่าไปใส่ใจอะไรเลย ปล่อยให้มันเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาก็จบ”

“ให้ตายก็ไม่ชินหรอกลุง ป้า ปล่อยให้ใครที่ไหนก็ไม่รู้มาด่ามาว่าอย่างกับเราเป็นสัตว์ไม่ใช่คนแบบเขาน่ะ เราก็ไม่ได้ต่างอะไรกับเขาเลย มีหู ตา ปาก จมูกเหมือนกัน จะต่างก็แค่เขาโชคดีเกิดมาบนกองเงินกองทอง ส่วนฉันเกิดบนกองฟางก็แค่นั้น” หวานระบายออกมาอย่างคับแค้นใจ น้ำใสเอ่อคลอ เธอชอบบ้านหลังนี้เพราะคุณทั้งหลายใจดี ยกเว้นไว้คนเดียวเท่านั้นที่ทำให้เธออยากจะลาออกให้รู้แล้วรู้รอด ติดว่าที่บ้านนอกยังแม่แล้วก็น้องๆรอเงินจากเธออยู่

แย้มถอนหายใจ มองสบตากับสนที่ส่ายหัว เข้าใจความรู้สึกของสาวน้อยตรงหน้าดี ตัดสินใจวางกุ้งในมือลง เอื้อมไปบีบไหล่บางที่คู้เข้าหากัน

“นังหวานเอ๊ย ทำใจซะเถอะนะ นึกซะว่าแกกับคุณตะวันทำกรรมร่วมกันมา อีกไม่นานกรรมมันก็หมดไปเอง คุณตะวันเธออนาคตก็ต้องแต่งงานไปอยู่บ้านอื่น”

“ฉันจะนับวันรอเลยล่ะป้า” หวานบอกพลางปาดน้ำตาทิ้ง หันกลับมาช่วยแย้มแกะกุ้ง สนนึกอะไรขึ้นมาได้

“เออ ว่าแต่เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นวะ ลุงได้ยินเสียงแกกรี๊ดดังลั่นบ้าน”

“ก็ฉันจะเข้าไปทำความสะอาดห้องคุณตะวัน แล้วทีนี้พอเปิดเข้าไปก็เจอเลือดนองเต็มพื้นเลย ฉันตกใจก็เลยกรี๊ดออกมา”

“หา...เลือดอะไรวะ มีคนบุกไปทำร้ายคุณตะวันเรอะ” สนถามอย่างสงสัย แย้มเองก็ตั้งใจฟังไปด้วยเพราะเมื่อเช้าถึงจะอยู่ในเหตุการณ์แต่ว่าต้องรีบพาคุณหญิงผกามาศที่กำลังจะเป็นลมยามเห็นเลือดออกมาเสียก่อน เลยไม่รู้ว่าข้างในเป็นอย่างไร

“ไม่ใช่หรอกลุง คุณตะวันเธอล้มกระแทกกระจกแตกน่ะ”

“แล้วคุณตะวันเป็นอะไรมากหรือเปล่านังหวาน” แย้มรีบถามถึงจะไม่ค่อยชอบนิสัยของตะวันฉาย แต่อย่างน้อยเธอก็ช่วยเลี้ยงมาแต่เล็กแต่น้อยก็อดเป็นห่วงไม่ได้

“หูยป้า....” หวานลากเสียงยาว โบกมือไปมา “....ไม่เป็นอะไรเลย แค่โดนกระจกบาดที่มือนิดหน่อย เออใช่ พูดถึงเรื่องนี้มันก็แปลกนะ”

“แปลกยังไงวะ”

“ป้าคิดดูซิ ล้มกระแทกนะ แต่ดันแผลที่มือ ตัวไม่เป็นอะไรเลย มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอ” หวานมีสีหน้าครุ่นคิด เธอคาใจเรื่องกับนี้มาก นอกจากนั้นรอยแตกที่กระจกมันดูคุ้นตาเหมือนเคยเห็นมาก่อนแต่นึกไม่ออกว่าที่ไหน แย้มมองคนที่ริทำตัวเป็นนักสืบอย่างหมั่นไส้ ยกกะละมังใส่กุ้งกระแทกไปบนศีรษะทุยเบาๆ

“แปลกอะไร จังหวะที่ล้มมือคุณตะวันอาจจะโดนกระจกบาดเอาก็ได้”

“ล้ม เลิ้ม อะไรกันป้า ฉันนึกออกแล้ว ไอ้รอยแตกที่กระจกน่ะเหมือนรอยชกชัดๆ”
หวานบอกก่อนจะทำตาโต วิ่งมาเขย่าแขนแม่บ้านสูงวัยไปมา

“ฉันว่าคุณตะวันเธอต้องไม่ปกติแน่ๆเลยป้า เล่นทำร้ายตัวเองแบบนี้” สาวน้อยวัยรุ่นสันนิษฐาน จำได้แล้วว่าเคยเห็นรอยแบบนี้มาก่อนจากละครน้ำเน่าทางโทรทัศน์ แย้มตาเหลือก สนสะดุ้งเฮือก มองซ้ายขวากระซิบดุอีกฝ่าย

“เอ็งหุบปากไปเลย! อย่าได้ไปพูดให้คุณตะวันเธอได้ยินเชียว โดนแม่เจ้าประคุณเธอตบล้างน้ำแน่”

“นี่ก็อีกเรื่องนะป้า อารมณ์ร้ายสุดๆ ไม่ได้ดั่งใจก็กรี๊ด ก็อาละวาด พังข้าวของบ้างล่ะ ทำร้ายร่างกายคนอื่นบ้างล่ะ พี่แววน่ะโดนมาตั้งเท่าไหร่”

“นังนี่ วอนตกงานแล้ว ไปเลยไป ไปทำความสะอาดบ้านคุณบุษซะ อีกไม่นานคุณดาวเธอก็กลับมา จะได้เข้าไปอยู่ได้เลย”

“ป้าน่ะ...”หวานร้องอย่างขัดใจที่ไม่มีใครเชื่อในข้อสันนิษฐานของเธอ แต่ก็ยอมเปลี่ยนเรื่องเมื่อแย้มง้างทัพพีขึ้นเหนือหัว “ก็ได้ ก็ได้ ว่าแต่แล้วใครจะไปกับฉันล่ะป้า”

“ไม่มี” แย้มบอกนิ่งๆ หวานอึ้งก่อนจะโวย

“ได้ไงอ่ะ! บ้านหลังนั้นน่ะตายโหงนะป้า ให้ฉันไปคนเดียว แล้วเกิด เกิด...”

“เกิดอะไรวะนังนี่”

“เกิดคุณบุษโผล่มา ฉันจะทำไง!” หวานบอกเสียงหลง ปกติเธอเป็นคนกล้าไม่ค่อยกลัวอะไรง่ายๆ จิ้งจก ตุ๊กแก แมลงสาบที่ชาวบ้านชาวช่องกลัวกัน เธอจับโยนเล่นได้สบายๆ แต่กับไอ้เรื่องเหนือธรรมชาตินี่ ให้กลายเป็นผีเสียเองยังไม่แน่ใจเลยว่าจะรับได้ แย้มท้าวสะเอวมองคนที่ยืนตัวสั่นกลัวผีเอาตอนกลางวันแสกๆ

“ก็ดีสิวะ ข้าจะบอกให้คุณบุษลากเอาไอ้คนปากมากอย่างเอ็งไปอยู่ด้วยซะเลย”

“โธ่ป้า!”

---------------------------------------------------------------------------------------
เอาน้องดาวกับพี่ตฤณมาให้หายคิดถึง เดี๋ยวตอนหน้าพี่พัดกับน้องจันทร์จะมาหวานให้ดู

ว่าๆไปคนเขียนว่ายายคุณพี่ตะวันนี่โรคจิตเนอะ

เจอกันตอนหน้า ติ-ชมได้ค่า



ไอจันทร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 พ.ย. 2555, 18:20:15 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 พ.ย. 2555, 18:20:15 น.

จำนวนการเข้าชม : 1606





<< ตอนที่ 41   ตอนที่ 43 >>
ใบบัวน่ารัก 30 พ.ย. 2555, 23:49:47 น.
หน่ายกะยัยตะวันมาก
ให้ไวนะคะ จบปีนี้นะคะ
สงสาร ดาว


Gingfara 1 ธ.ค. 2555, 01:47:15 น.
ยัยปิศาจชุดแดงอีกแล้ววววว


anOO 3 ธ.ค. 2555, 12:26:37 น.
ยัยตะวันจะเริ่มเยอะขึ้นทุกทีแล้วนะ


Setia 6 ธ.ค. 2555, 00:25:39 น.
ไม่รู้ว่ายัยตะวันจะคิดเอาเรื่อง"แฟน"ไปเย้ยยัยดาวตอนไหนนะ
ถ้าถึงตอนนั้น วิบัติแน่ๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account