อะรูซะตี...เจ้าสาวของผม (จบแล้วค่ะ)
เป็นเรื่องราวของคนที่ไม่เคยเจอกันมาก่อน
แล้วต้องมาแต่งงานกัน...
เมื่่อต้อง "แต่งก่อนจีบ"...มิใช่ "จีบก่อนแต่ง"
อย่างเรื่องก่อนๆที่โยเคยเขียนมา...
...ดานีส...นายแพทย์หนุ่มรูปงาม ลูกผสมหลายเชื้อชาติ
ผู้เพียบพร้อมไปด้วยรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ และความสามารถ
กับ
...นาดา...หรือน้ำค้าง...หญิงสาวที่แสนธรรมดา ผู้ที่ดานีสไม่เคยเห็นหน้า
แม้กระทั่งวันแต่งงาน เขาก็ยังไม่เคยเห็นหน้าเจ้าสาวตัวเอง...
จวบจนต้องพาเธอข้ามน้ำข้ามทะเลสู่ดินแดนอาทิตย์อุทัย
ที่นั่น...ทำให้น้ำค้างแข็งในฤดูหนาวต้องละลายเมื่อเจอกับ
แสงแห่งรุ่งอรุณแรก...
...'อะรูซะดี'...หญิงสาวท่องจำประโยคภาษาอาหรับ
ที่เขียนอยู่บนกล่องของขวัญวันแต่งงานที่เจ้าบ่าวมอบให้กับเธอ
โดยไม่อาจรู้ความหมายของมันเลย...
...เขาแต่งงานกับเธอ เพียงเพราะแม่ของเธอขู่เขา...
...ส่วนเธอแต่งงานกับเขา เพียงเพราะ...แม่ขอร้อง....
...เธอคงเป็นได้เพียงแค่เจ้าสาวของเขา...เท่านั้นสินะ...
...เป็นได้แค่เจ้าสาว...
แล้วต้องมาแต่งงานกัน...
เมื่่อต้อง "แต่งก่อนจีบ"...มิใช่ "จีบก่อนแต่ง"
อย่างเรื่องก่อนๆที่โยเคยเขียนมา...
...ดานีส...นายแพทย์หนุ่มรูปงาม ลูกผสมหลายเชื้อชาติ
ผู้เพียบพร้อมไปด้วยรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ และความสามารถ
กับ
...นาดา...หรือน้ำค้าง...หญิงสาวที่แสนธรรมดา ผู้ที่ดานีสไม่เคยเห็นหน้า
แม้กระทั่งวันแต่งงาน เขาก็ยังไม่เคยเห็นหน้าเจ้าสาวตัวเอง...
จวบจนต้องพาเธอข้ามน้ำข้ามทะเลสู่ดินแดนอาทิตย์อุทัย
ที่นั่น...ทำให้น้ำค้างแข็งในฤดูหนาวต้องละลายเมื่อเจอกับ
แสงแห่งรุ่งอรุณแรก...
...'อะรูซะดี'...หญิงสาวท่องจำประโยคภาษาอาหรับ
ที่เขียนอยู่บนกล่องของขวัญวันแต่งงานที่เจ้าบ่าวมอบให้กับเธอ
โดยไม่อาจรู้ความหมายของมันเลย...
...เขาแต่งงานกับเธอ เพียงเพราะแม่ของเธอขู่เขา...
...ส่วนเธอแต่งงานกับเขา เพียงเพราะ...แม่ขอร้อง....
...เธอคงเป็นได้เพียงแค่เจ้าสาวของเขา...เท่านั้นสินะ...
...เป็นได้แค่เจ้าสาว...
Tags: แนวแต่งก่อนจีบ ดานีส นาดา น้ำค้าง โสภณพสุธ
ตอน: ตอนที่ 10 ฤดูที่มีเธอ
"ฤดูที่มีเธอ"
“ดาวิด…”
คนมาใหม่คุกเข่าลงนั่งข้างมารดาพร้อมรอยยิ้มที่ส่งไปให้
เจ้าของบ้านที่มีเชื่อคล้ายๆกันกับเขา…
“มาทำไม…”
“โอ้โห…เจ้าของบ้านหลังนี้เขาทักทายแขกด้วยคำพูดแบบนี้เลยเหรอ…”
ไม่พูดเปล่าสายตายังกวาดไปถึงหญิงสาวอีกคนที่นั่งอยู่ไม่ห่างจากเจ้าของบ้าน…
ดูท่าเหมือนจะถูกคุมแจ…คุมจนเขาอยากเห็นหน้านัก
ว่าทำไมลูกพี่ลูกน้องของเขาถึงได้ไม่ยอมพาไปให้ดูตัวบ้าง
เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าเพราะอะไร…
“ก็แค่สงสัย…เห็นไม่เคยโผล่มาที่นี่ตั้งนานแล้วนี่…”
ดานีสกล่าวด้วยน้ำเสียงและสีหน้ารู้เท่าทัน…
“ก็นายเล่นแย่งเอาแม่สุดที่รักของฉันมา ตอนนี้ฉันคิดถึงแม่มาก
กลับบ้านมาก็ไม่เจอ นึกได้ว่าอยู่บ้านนาย ฉันก็เลยมาหาท่าน
ตามประสาลูกชายที่รักแม่มากกกกกก…”
นาดาอมยิ้มกับถ้อยคำและน้ำเสียงรวมทั้งสีหน้าท่าทางของคนพูด
ที่ดูจะถอดออกมาจากผู้เป็นแม่ที่เขานั่งประจบอยู่ข้างๆ
ต่างจากสีหน้าท่าทางของคุณหมอดานีสของเธอที่ดูจะขรึมลง…
“วันนี้ฉันเป็นคนไปรับแม่นายมา ฉันก็ต้องไปส่งแม่นายอยู่แล้ว
ไม่เห็นจำเป็นที่นายจะต้องมารับเองให้เสียเวลาเลย…”
ดานีสกล่าวอย่างรู้ทัน…
“มันเป็นหน้าที่ของคนเป็นลูกชายที่จะต้องเอาใจใส่มารดา…
ฉันมาแล้ว นายก็หาน้ำมาต้อนรับหน่อย…ขนมด้วยก็จะดีไม่ใช่น้อย…
ได้ข่าวว่านายมีแม่บ้านที่ทำอาหารและขนมเก่งมากๆเลยไม่ใช่เหรอ…”
พูดพลางก็มองไปยังหญิงสาวหน้าตาสะสวย
ไม่บอกก็รู้ว่าหญิงผู้นี้นี่แหล่ะ อะรูซะตีที่นายดานีสเคยพูดให้แม่ของเขาฟังบ่อยๆ…
นาดาได้ฟังก็ลุกขึ้น ขอตัวเข้าไปยังห้องครัวก่อนจะกลับมาอีกครั้ง
พร้อมน้ำชาและขนมที่เธอทำไว้…
“หน้าตาน่ากินจัง…เขาเรียกว่าอะไรเหรอครับ…”
ชายหนุ่มเปิดบทสนทนากับนาดาด้วยน้ำเสียงทุ้มนุุ่มขณะที่หยิบเจ้าขนมดังกล่าวขึ้นมา…
“เม็ดขนุนค่ะ…ทำจากถั่ว…”นาดาตอบพร้อมรอยยิ้ม…
คนถามจึงส่งเข้าปากก่อนจะเคี้ยวแล้วพยักหน้าด้วยสีหน้าพอใจ
“อร่อยครับ ไม่หวานจนเกินไป…ตอนแรกคิดว่าต้องหวานมาก”
“คุณซัลมาบอกว่าคนญี่ปุ่นไม่ค่อยชอบกินหวานมาก…
เพราะกลัวน้ำตาลในเลือดสูง…ฉันก็เลยลดปริมาณน้ำตาลลงจากปกติน่ะค่ะ…”
นาดาอธิบายให้อีกฝ่ายฟังอย่างไม่รู้สึกรำคาญ
ต่างจากอีกคนท่ีเริ่มจะออกอาการรำคาญแขกผู้มาใหม่
“งั้นขอเอากลับไปกินที่บ้านด้วยได้มั้ยครับ…”
“อยากกินก็ไปซื้อเอาสิดาวิด…ที่ร้านคุณซัลมาก็มีวางขาย
ที่นี่มีไว้สำหรับเจ้าของบ้านกินคนเดียว…”
นั่นไม่ใช่คำตอบของนาดาเลย ทว่าเป็นเสียงของเจ้าของบ้าน
ที่ทำเอาคนฟังอย่่างดาวิดและอาผู้หญิงถึงกับอมยิ้ม
…ดาวิดยักไหล่นิดนึงแล้วยิ้มขณะกล่าวว่า
“ก็ฉันอยากกินของฟรีน่ะ…ถึงได้นั่งรถมากินถึงนี่ไง…
มาถึงโรงงานผลิตแล้ว นายจะให้ฉันนั่งรถถ่อไปซื้อที่ร้านคุณซัลมาอีกเหรอ
ไม่สงสารฉันก็น่าจะสงสารคุณครูคนใหม่บ้าง…
ฉันยอมให้แม่ห่างอกมากับนายโดยไม่หวงสักนิด แค่ขนมอร่อยๆแค่นี้
นายจะหวงไปทำไม…แบ่งๆกันบ้าง ยังไงเราก็พี่น้องกัน…”
ชายหนุ่มได้ทีแหย่อีกฝ่ายเล่นอย่างนึกสนุก…เห็นไอ้หมอหน้างอทีไร
หัวใจกระชุ่มกระชวยทุกที่…
“แม่นายก็อาของฉัน ฉันมีสิทธิ์พาท่านมาที่นี่ในฐานะหลานรัก…
หรือนายจะเถียงว่าไม่ใช่”
คราวนี้สองสาวต่างวัยจึงหันมามองหน้ากันโดยมิได้นัดหมาย
ก่อนจะระบายยิ้มออกมา
นาดานึกขำกับศึกแย่งชิงคุณครูคนใหม่ของเธอ…
“ได้ดานีส ฉันไม่กินขนมของนายก็ได้…แต่…”ชายหนุ่มหันไปทางนาดาแล้วถามว่า
“ผมอยากหัดทำขนมเมื่อกี้เอาไว้ทำกินที่บ้าน จะเป็นไรมั้ยครับ
เพราะว่าจะกินของฟรี เจ้าของบ้านนี้ก็ไม่ยอมท่าเดียว…
ก็เลยกะจะหัดทำไว้ จะได้ทำกินเอง…”นาดากับคุณครูคนใหม่
ถึงกับอมยิ้มแก้มแทบปริเมื่อหันไปมองสีหน้าของดานีส
“จะเป็นไรมั้ยคะ ถ้าน้ำค้างจะสอนคุณดาวิดทำขนม…”
นาดาหันไปปรึกษาดานีสด้วยเพราะเกรงใจเขา…
“เป็น!…”คำตอบแสนสั้นและฟังดูห้วนจนคนถามถึงกับก้มหน้าทันที
ทำเอาคนที่เซ้าซี้ถึงกับยิ้มปรายก่อนจะหันไปทางมารดาของตนที่ก็นั่งอมยิ้มอยู่…
“เรียนเสร็จเธอยังมีงานอีกมากมายต้องทำ ไม่มีเวลาว่างสอนใครทำขนมทั้งนั้นแหล่ะ…
เพราะฉันมีเรื่องจะวานให้เธอช่วยพิมพ์งานให้…เข้าใจมั้ย…”
“วันหลังก็ได้ดานีส…เอาวันไหนก็ได้ที่นาดาเขาว่าง ฉันไม่รีบ…”
ดาวิดแทรกอย่างนึกสนุก
“วันไหนก็ไม่ว่างหรอกดาวิด เพราะนาดามีเรียน และมีงานที่ต้องทำอีกมากมาย
ไม่มีเวลาสอนนายทำขนมหรอก…
ฉันว่า นายหาแม่บ้านที่ทำขนมไทยเก่งๆมาไว้ทีี่บ้านสักคนไม่ดีกว่าเหรอ…”
ดาวิดถึงกับยิ้มให้กับคำแนะนำของลูกผู้พี่…
“งั้นจะกินฟรีก็ลำบาก จะหัดทำก็ไม่ได้ใช่มั้ย สรุปว่านายหวงของ
หรือว่าหวงคนกันแน่ ฉันชักจะสงสัย…”
“ฉันไม่ได้หวง…”ดานีสปฏิเสธเสียงแข็ง ทำเอาคนฟังอย่างนาดา
ถึงกับมองหน้าเขานิ่งด้วยความไม่เข้าใจ…
เพราะเธอเองก็ไม่ได้ยุ่งอะไร หลังจากเรียนเสร็จก็พอจะมีเวลาสอนคุณดาวิดทำขนมได้อยู่…
แต่ในเมื่อเขาไม่อนุญาต เธอก็ไม่อยากขัดใจเขา…
และไม่ทันที่ใครจะได้พูดอะไรต่อ ก็มีเสียงรถดังมาจากหน้าบ้าน
ดานีสถึงกับขมวดคิ้วยุ่งเมื่อรู้ว่าเป็นเสียงรถยี่ห้ออะไร…
และเพียงไม่นานเจ้าของรถยี่ห้อดังกล่าวก็เดินเข้ามาถึงในห้องที่ทุกคนนั่งกันอยู่…
“อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาเลยเชียว…”เจ้าของน้ำเสียงกล่าวขี้นขณะนั่งลงข้างๆดานีส…
สายตาเหลือบมองไปยังหญิงสาวที่นั่งสำรวมอยู่นิดนึงก่อนจะมองไปทางคุณครูคนใหม่
“ว่าไงดานีน…ศิษย์ของเธอเป็นไงบ้าง…”คนถูกถามยิ้มก่อนจะกล่าวว่า
“น่ารักดี…ไม่เจอเธอหลายวัน…ได้อะไรกลับมาบ้างล่ะอะมานี…”
“ได้พรมเนื้อดี ฝีมือละเอียดมาฝากเธอด้วยล่ะ แถมยังมีผ้าฮิญาบสวยๆ
ติดไม้ติดมือมาหลายผืนเลยทีเดียว…อยู่ท้ายรถโน่นแหน่ะ…”
แล้วสักพักคนขับรถก็ถือของฝากดังกล่าวมาวางไว้บนโต๊ะห้องรับแขก
เหตุการณ์ต่อจากนั้น จึงเป็นการอวดของฝากจากซาอุฯ
พร้อมเสียงชื่นชมของคุณครูคนใหม่ของนาดาด้วยสีหน้าดีอกดีใจ
“ฉันว่าผืนนี้มันดูวัยรุ่นไปนะอะมานี น่าจะเหมาะกับหนูนาดามากกว่า…”
นาดาเงยหน้าขึ้นหลังจากที่ก้มนับนิ้วของตัวเองอยู่นาน
เมื่อได้ยินชื่อของตัวเองถูกกล่าวขาน
“อ้อ…ผืนนี้ฉันตั้งใจจะเก็บไว้ให้หนูอะมีร่าน่ะดานีน…”
ดานีสหันมามองอะรูซาตีทันที แล้วก็เป็นเวลาเดียวกันกับที่ดาวิดเอง
ก็หันไปทางหญิงสาวที่มารดาของเขาเอ่ยถึงเมื่อครู่
นาดายิ้มบางก่อนจะขอตัวลุกขึ้นไปเตรียมอาหารค่ำ
ที่วันนี้ดูจะมีแขกมาร่วมรับประทานกันหลายคน…
“วันนี้ฉันขอเป็นอาหารฝรั่งนะ…”นาดาถึงกับสะอึกกับคำสั่งของแม่สามี
ซึ่งน่าจะรู้ดีว่าเธอทำอาหารฝรั่งไม่เป็น ทำได้แค่อาหารไทยกับญี่ปุ่น
ซึ่งอาหารญี่ปุ่นนั้นก็ได้กุ๊กที่ร้้านสอนให้…
ส่วนอาหารฝรั่งเธอทำไม่่เป็นเลย อย่าว่าแต่ทำเลย แค่กินเธอก็ยังไม่เคย…
“แต่ผมอยากกินอาหารไทยนี่ครับแม่ นายล่ะดาวิด
อยากกินอาหารไทยเหมือนกันไม่ใช่เหรอ…”
ดานีสเริ่มหากองหนุนทันทีเมื่อเห็นสีหน้าผะอีดผะอมของแม่ครัว
และดูดาวิดเองก็เหมือนจะรู้ เลยพยักหน้าไปอย่างเสียไม่ได้…
ซึ่งจริงๆแล้วเขากินเผ็ดไม่ได้ ไม่รู้ว่าแม่ครัวจะทำเมนูอะไรมาให้กินกัน
เพราะเท่าที่รู้มา อาหารไทยส่วนใหญ่เผ็ดๆทั้งนั้น…
“แต่ไม่เอาเผ็ดนะครับ…”
“สรุปว่า อาหารไทยนะครับแม่ นะครับอา…”
ดานีน อาสาวของดานีสพอจะเข้าใจเลยไม่เรื่องมากอะไร
แต่ดูเหมือนอีกคนจะรู้เท่าทันลูกชายเลยออกสีหน้าไม่พอใจตอนหันไปมองหน้าลูกชาย
ก่อนจะตวัดสายตาไปทางนาดา ตัวต้นเหตุที่ทำให้ลูกชายของเธอเริ่มแข็งข้อกับเธอ
ทั้งๆที่ไม่เคยทำแบบนี้กับเธอมาก่อนเลย…
“คนอื่นอยากกินอาหารไทยก็กินไปสิ ทำอาหารฝรั่งให้ฉันด้วย…
วันนี้ฉันไม่อยากกินอาหารไทย…”เสียงนั้นเฉียบขาด
ทำเอานาดาถึงกับทำอะไรไม่ถูก และเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้
รอยยิ้มของหญิงสาวจึงผุดขึ้นก่อนจะหันไปทางดานีสพร้อมกับตกปากรับคำ
“ค่ะ…เดี๋ยวดิฉันจะทำทั้งอาหารไทยและอาหารฝรั่งเลยค่ะ…”
ดานีสถึงกับมองหน้าคนพูดด้วยแววตากังวล แต่เห็นว่าอีกคนไม่ได้
มีสีหน้ากังวลอะไรมากมาย เขาก็เลยปล่อยเลยตามเลยไป…
“งั้นเดี๋ยวฉันช่วย…”
“ไม่ต้อง…เราอยู่ช่วยแม่เลือกของฝากให้แขกของแม่นี่แหล่ะ…”
อะมานีขัดคอ ไม่ยอมให้ลูกชายห่างกาย…
“งั้นผมว่าง ผมขอไปช่วยนาดาก็แล้วกันนะครับแม่…”
ดาวิดหันไปทางมารดาโดยไม่ได้หันไปมองหน้าเจ้าดานีสลูกผู้พี่ของเขาขณะพูดเลยสักนิด…
ดานีสที่กำลังจะอ้าปากห้ามอีกฝ่าย ทว่า
“อย่าเลยค่ะคุณดาวิด คุณเป็นแขกของที่นี่ อยู่รอที่นี่เถอะค่ะ
เรื่องอาหารปล่อยให้เป็นเรื่องของดิฉันเถอะนะคะ…”
ดานีสอยากจะหอมแก้มหญิงสาวข้างหน้าเหลือเกินที่เหมือนจะรู้ใจเขา
ที่กำลังหาทางไปไม่ได้อยู่ในตอนนี้…
หลังจากนั้น นาดาก็เริ่มเข้าครัวทำอาหาร และไม่ลืมที่จะโทรไปหาคุณซัลมา
กับกุ๊กที่ร้านปรึกษาเรื่องสูตรและวิธีการทำอาหารฝรั่ง
โดยขอร้องให้คุณซัลมาส่งอีเมลล์มาให้เธอ…
แต่ทางโน้นแนะนำให้เธอเข้าไปหาวิธีทำในอินเตอร์เนตเอาน่าจะสะดวกกว่า
…สุดท้ายนาดาก็ได้ปริ้นวิธีทำอาหารฝรั่ง
และได้ข้อสรุปเป็นสลัดไข่ใส่ปลาทูน่า ซึ่งเหมาะสำหรับหญิงสูงวัย
และเหมาะจะเป็นอาหารค่ำของคนรักสุขภาพ…
ที่สำคัญมันทำง่ายกว่าเมนูอื่นๆ เธอเลยเลือกทำสลัดไข่ใส่ทูน่า…
แล้วจัดใส่จานอย่างสวยงามน่าทาน เพราะเรื่องจัดหน้าตาอาหารนั้น
เป็นศาสตร์ที่ทางร้านสอนให้เธอ…
ทำให้ม้ือนั้นอะมานี มารดาของดานีสถึงกับพูดไม่ออก…
ส่วนคนเป็นลูกอย่างดานีสก็ถึงกับหันมายิ้มให้กับอะรูซะตีด้วยแววตาภูมิใจ…
“พรุ่งนี้ โรงแรมเรามีงานเลี้ยงครบรอบหกสิบปี…
แม่อยากให้เราไปร่วมงานด้วยนะดานีส…ส่วนเธอ…”
อะมานีหันไปทางนาดาพร้อมกับกล่าวเป็นเชิงสั่งว่า
“พอดีว่าฉันยังหาคนทำอาหารไทยไม่ได้ กุ๊กที่ร้านก็ไม่ว่าง
เลยอยากให้เธอไปช่วยทางโรงแรมหน่อยนะ…เพราะแขกจากเมืองไทย
มาร่วมงานหลายท่าน…หวังว่าเธอจะไม่ทำให้ฉันเสียหน้านะ…”
คนพูดไม่มีหันมาปรึกษาคนเป็นลูกเลยสักนิด
ดานีสเลยออกสีหน้าไม่ค่อยพอใจนักที่มารดาให้นาดา ซึ่งมีศักดิ์เป็นภรรยาของเขา
ต้องไปขลุกอยู่ในก้นครัว แทนที่จะไ้ด้ออกรับหน้าแขกในงานเดินเคียงข้างเขา…
“มันจะเหมาะหรืออะมานี…”ดานีน คุณครูของนาดาไม่ค่อยเห็นด้วย
กับเพื่อนที่มีศักดิ์เป็นพี่สะใภ้นัก…
“ทำไมจะไม่เหมาะล่ะดานีน เธอก็เห็นว่านาดาเขาทำอาหารได้
รสชาติก็ไม่ได้แย่…หรือเธอเห็นว่ายังไงนาดา…”
ประโยคตอนท้ายหันมาทางนาดาที่ยืนก้มหน้ารับชะตากรรมอยู่…
ใช่เธอจะไม่อยากทำ เพียงแต่เธอไม่มั่นใจว่าตัวเองจะทำงานนั้นออกมาดี
ไม่มีปัญหาในภายหลัง เธอกลัวทำให้มารดาของคุณหมอดานีสเสียหน้า…
นั่นคือ สิ่งที่เธอกำลังก้มหน้าด้วยความกังวล หากก็ไม่มีทางอื่น
นอกจากพยักหน้ารับ…
“ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ…แล้วจะให้ดิฉันไปกี่โมงคะ…”
“ก็คงจะเช้าตรู่เลยล่ะ…หลังละหมาดเสร็จแล้วฉันจะให้คนมารับ…”
“ไม่เป็นไรครับแม่ เดี๋ยวผมไปส่งเธอเอง…ทางเดียวกันไปด้วยกัน…”
“ไม่ได้…เดี๋ยวแม่จะให้คนมารับเอง…”
อะมานีไม่มีทางให้ลูกสะใภ้ที่ใครๆอีกหลายคนยังไม่รู้จัก
นั่งรถไปในงานกับลูกชายของเธอเป็นแน่
หากหนูอะมีร่าเห็นเข้า เธอเกรงว่าจะเกิดเรื่อง…
“แต่…”
นาดาแอบกระตุกมือของดานีสเบาๆก่อนจะมองหน้าเขาแล้วพยักหน้าว่าเธอไม่เป็นไร…
ทำให้อีกฝ่ายที่ตั้งท่าจะอ้าปากขัดมารดาถึงกับเก็บปากเงียบทันที…
ดาวิดได้เห็นและได้อยู่ในเหตุการณ์ถึงกับอึดอัดกับสถานการณ์ดังกล่าว
จนต้องหันไปทางมารดาเป็นเชิงชี้ชวนท่าน
“เอาอย่างนี้มั้ยอะมานี…พรุ่งนี้ฉันกับดาวิดจะมารับหนูนาดาไปเอง…
หนูนาดาจะได้ไม่หลงทางเวลาเข้าไปในโรงแรม เพราะว่ายังไม่เคยไปใช่มั้ย…”
ดานีนเสนอแนะ ซึ่งทำให้อะมานีถึงกับยิ้มรับ
อย่างไรเสีย ก็ยังดีกว่าให้ลูกสะใภ้ของเธอนั่งรถไปกับลูกชายเป็นไหนๆ
“ถ้าไม่รบกวนเธอจนเกินไป…”
เท่านั้น ดานีนก็ถึงกับระบายยิ้มออกมา
ก่อนจะหันไปยิ้มให้นาดาที่ส่งยิ้มมาให้เธอก่อนหน้านี้แล้ว
“ไม่รบกวนหรอก หลานสะใภ้ของฉันทั้งคนนี่…”
คำว่า 'หลานสะใภ้' ทำเอาอะมานีต้องหันไปมองหน้าเพื่อนหรือน้องสามีอย่างไม่พอใจ
ทว่าอีกฝ่ายกลับยิ้มหวานให้ก่อนจะขอตัวกลับ…
เมื่อทุกคนกลับกันไปหมดแล้ว นาดาก็รีบจัดการเคลียร์พื้นที่
ก่อนจะขึ้นไปบนห้องอาบน้ำจัดการธุระส่วนตัว
แล้วเดินออกมาจากห้อง เห็นแสงไฟออกมาจากห้องสมุดของบ้าน
เธอจึงเดินไปยังห้องสมุดและแง้มประตูโผล่หน้าเข้าไปเยี่ยมๆมองๆคนข้างใน
ก็เห็นคุณหมอดานีสขาของเธอกำลังนั่งขีดๆเขียนๆอะไรอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือ
ด้วยสีหน้ายุ่งยากอยู่ เธอเลยไม่กล้าเข้าไปรบกวน…
ร่างบางจึงเดินกลับเข้าห้องนอน นั่งเขียนจดหมายหามารดากับน้องๆ
เธอชอบเขียนจดหมายมาก เพราะมันเป็นอะไรที่มีตัวตน สัมผัสได้ เป็นชิ้นเป็นอันดี…
พอเขียนเสร็จก็เริ่มเขียนบันทึกชีวิตประจำวันลงในไดอารี่ที่กุ๊กที่ร้านซื้อให้เป็นของขวัญ…
เสร็จแล้วก็ลุกขึ้นเตรียมชุดที่จะใส่ไปในวันงานของโรงแรม
และไม่ลืมที่จะนึกถึงอีกคนที่ไม่รู้ว่าเขาได้ตระเตรียมชุดไว้บ้างแล้วรึยัง…
คิดได้ดังนั้น นาดาก็ลุกขึ้นเปิดประตูออกไป ก็เห็นว่าเขาไฟในห้องสมุดยังคงสว่างอยู่
หญิงสาวยิ้มที่มุมปากแล้วเดินไปยังห้องนอนของเขา เปิดตู่เสื้อผ้าดู
ก่อนจะเลือกชุดที่ดูดีที่สุดมาสามชุดให้เขาได้เลือก…
แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อหันไปบนเตียงนอน เพราะเห็นมีชุดสูทสีขาววางอยู่
นาดายิ้มกว้าง สงสัยทางโรงแรมคงจัดส่งชุดมาให้เขาแล้วแน่ๆ
นาดาเลยหยิบชุดดังกล่าวมาแขวนไว้…แล้วเก็บชุดเมื่อครู่เข้าไปในตู้
ก่อนจะเดินออกจากห้องลงไปยังห้องครัว แล้วถือแก้วนมอุ่นๆมาให้
คนที่กำลังนั่งทำงานอยู่ในห้องสมุด…
เสียงประตูทำให้ดานีสหยุดกับงานตรงหน้าหันไปทางที่มาของเสียง…
“นมอุ่นๆค่ะ…”กล่าวพลางวางแก้วลงบนโต๊ะอย่างเบามือ…ดานีสยิ้มกว้าง
“ยังไม่นอนอีกเหรอ…”นาดาส่ายหน้า
“นอนไม่หลับค่ะ…ตื่นเต้น…”คนฟังขมวดคิ้วนิดนึงก่อนจะยิ้มออกมา
“เรื่องพรุ่งนี้น่ะเหรอ…”นาดาพยักหน้า
“ฉัน…เอ่อ…น้ำค้างกลัวว่าจะทำให้แม่ของคุณหมอเสียหน้าน่ะค่ะ…”
ดานีสถึงกับพ่นลมหายใจออกมาพร้อมรอยยิ้ม
“ฉันก็นึกว่าอะไร เธอไม่ต้องไปซีเรียสกับมันนักหรอก
ทำได้แค่ไหนก็แค่นั้น…เข้าใจมั้ย…มานี่มา…”
พูดเสร็จก็คว้าข้อมือของนาดาเข้ามาใกล้ๆ…
“ช่วยนวดให้หน่อยสิ…เมื่อยขบไปหมดเลย…”
นาดามองแววตาของคนอ้อนวอนก็ถึงกับใจอ่อน…
“นวดเก่งนี่…”เสียงชมนั่นทำเอาหมอนวดจำเป็นถึงกับยิ้มกว้าง
“งั้นมานี่ดีกว่า…”
พูดจบดานีสก็ปิดสมุดตรงหน้าลงแล้วลุกขึ้นคว้าข้อมือของนาดา
แล้วพาไปยังห้องนอนของเธอ…ก่อนจะทุ่มตัวลงนอนบนเตียง
“ช่วยนวดให้ทั้งตัวได้มั้ย…ไม่มีเวลาเข้าสปาเลยช่วงนี้…”
นาดาไม่ขัดข้องพร้อมให้เขานอนคว่ำก่อนจะเริ่มนวดคลายเส้นให้เขา
ศาสตร์ด้านนี้เธอได้รับการถ่ายทอดมาจากผู้เป็นพ่อ
เพราะพ่อของเธอเป็นหมอนวดมือหนึ่งของแถวๆบ้าน
ใครปวดเมื่อยก็จะมาให้พ่อของเธอนวดให้ตลอด…
ทำให้เธอได้เรียนรู้หลักการนวดมาจากผู้เป็นบิดา
“เคยนวดใครแบบนี้มาก่อนรึเปล่า…”
เสียงนั้นถามด้วยความอยากรู้ เพราะเขาสัมผัสได้ว่า หมอที่กำลังนวดเขาอยู่ในตอนนี้นั้น
มีฝีมือในการนวดไม่ได้แตกต่างไปจากหมอนวดที่สปาเลย
หรือจะพูดให้ถูก เธอนวดเก่งกว่าที่สปาที่เขาเคยไปใช้บริการเสียอีก…
“เคยค่ะ…”คำตอบนั้นทำให้ดานีสถึงกับพลิกตัวหงายทันที
ทำให้นาดาถึงกับแปลกใจกับอากัปกริยาที่เปลี่ยนไปของเขา…
“เธอเคยเป็นหมอนวดด้วยเหรอ…”นาดาพยักหน้า
พร้อมกับจับมือของเขามาแล้วกลีงให้กล้ามเนื้อส่วนนั้นคลาย…
ดานีสมองการกระทำของเธอก็ให้แปลกใจ…
“พ่อของน้ำค้างเป็นหมอนวดมือหนึ่งแถวหมู่บ้านน้ำค้างค่ะ
น้ำค้างก็เลยได้ความรู้และฝึกฝนมาจากท่าน…
แต่ไม่ได้นวดใครเป็นพิเศษหรอกค่ะ ส่วนใหญ่จะนวดให้คนแก่คนเฒ่าแถวๆบ้าน
ที่มาให้พ่อช่วยนวด แต่บางวันพ่อก็เหนื่อยล้า น้ำค้างเลยอาสาช่วยนวดแทน….”
ดานีสค่อยยิ้มได้เมื่อรู้แล้วว่าเธอไม่ได้ไปทำงานในร้านอาบอบนวดอะไรแบบนั้น…
เขาล่ะหวั่นใจจริงๆ แต่ก็ไม่คิดว่าคนอย่างเธอจะทำงานในสถานที่แบบนั้น
เพีบงแต่เมื่อได้รับรู้ฝีมือการนวดก็เลยให้แปลกใจ จนอดถามไม่ได้…
“อย่างที่ไหปลาร้าเนี่ย ถ้านวดไม่ถูก นวดไม่เป็น คนถูกนวดมีสิทธิ์สลบได้นะคะ
เพราะมันมีเส้นประสาทมากมาย ถ้าเรากดทับเส้นประสาทผิดจุด
อาจส่งผลบางอย่างที่ไม่พึงประสงค์ได้…”
นาดาว่าพลางก็คว้ามืออีกข้างของเขามานวดและกลึงให้…
“เมื่อยเมื่อไหร่บอกน้ำค้างได้นะคะ…น้ำค้างจะนวดให้…”
นาดาค่อยๆคลี่นิ้วของชายหนุ่มแล้วนวดให้เบาๆ โดยเฉพาะมือขวาของเขา
ที่เขาใช้เขียนหนังสือและใช้มันถือมีดผ่าตัด เธอยิ่งเน้นให้เป็นพิเศษ…
และอดเปรียบเทียบไม่ได้ว่า มือของเขาซึ่งเป็นบุรุษยังนุ่มน่าสัมผััส
กว่ามือสากๆของเธอเป็นไหนๆ…ยิ่งเวลาที่เขากุมมือเธอ
เธอยิ่งรับรู้ได้ว่ามือที่นิ่มๆของเขากับมือของเธอช่างแตกต่างกันเหลือเกิน
เพราะเธอต้องใช้สองมือนี้ตรากตรำทำงานหนักมาตั้งแต่เด็กๆ
มือสตรีที่ควรจะนุ่มนิ่มน่าสัมผัสจึงไม่ใช่สองมือของเธอ…
เสร็จจากนวดมือนาดาก็เปลี่ยนเป็นนวดฝ่าเท้า…
ดานีสนอนเอาข้อศอกทั้งสองตั้งชันกับพื้นเบาะเอาไว้
แล้วมองคนนวดด้วยความเพลิดเพลิน
รู้สึกสบายเนื้อสบายตัว เบาตัวขึ้นเป็นกอง…
อดทึ่งกับความสามารถของคนตรงหน้าเขาไม่ได้จริงๆ
เขาว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ต้องรวยหรือไม่ต้องเกิดในชาติตระกูลสูงส่งก็ได้
เพราะเขาชอบที่เธอเป็นเธอแบบนี้แหล่ะ…
เธอที่ไม่ถือตัว ไม่หยิ่งยะโส ไม่ทำตัวเหนือผู้คน…
ไม่เคยแม้แต่จะเหยียบย่ำผู้อื่น…ซ้ำยังยอมทำให้คนอื่นมีความสุขและรู้สึกสบายแบบนี้…
เขามองเห็นความสงบอยู่ข้างหน้ายามที่มีเธออยู่ข้างๆแบบนี้
จนจากที่ไม่อยากกลับมาบ้านที่มีแค่ซากความอบอุ่น
ก็อยากจะกลับมาเพื่อจะพบเธอที่รอเขาอยู่ทุกวัน
…การที่ได้รู้ว่ามีคนที่รออยู่มันทำให้เขารู้สึกอบอุ่นในหัวใจ
จนห้ามไม่ได้เลยที่จะไม่ตกหลุมรักหญิงสาวตรงหน้า
ต่อให้มารดาของเขาจะชิงชังเธอ แต่เขาชิงชังเธอไม่ลง ทำไม่ลงจริงๆ
…ในเมื่อเธอไม่มีลักษณะอะไรให้เขาชิงชังได้เลยสักนิด
“ชอบมั้ยคะ…”
“ชอบ…”เสียงนั้นทอดยาวทำเอาคนฟัง
ที่กำลังก้มหน้าก้มตานวดฝ่าเท้าให้ชายหนุ่มอยู่ถึงกับเงยหน้าขึ้นมอง
ทำให้เห็นแววตากรุุ้มกริ่มของเขาเข้า ดานีสลุกขึ้นชักเท้ากลับแล้วนั่งพับเพียบ
“จะให้นวดตรงไหนให้อีกมั้ยคะ…มีตรงไหนที่ยังเมื่อยอยู่อีกมั้ย…”
“ตรงขมับนี่แหล่ะ…”นาดารู้สึกประหม่าขึ้นมาทันทีที่เขาให้เธอนวดขมับของเขา
“งั้นน้ำค้างขอไปล้างมือก่อนนะคะ…”ดานีสพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม
แล้วสักพักนาดาก็กลับมา หญิงสาวกะจะอ้อมไปนวดให้จากทางด้านหลังของเขา
หากชายหนุ่มกลับไม่ยอม ก็เขาไม่อยากคลาดจากดวงหน้าของเธอ
จึงบอกให้เธอนวดจากทางด้านหน้าของเขา
ทำให้ลมหายใจของทั้งสองเป่ารดซึ่งกันและกัน…
ดานีสหลับตาด้วยรู้สึกผ่อนคลายความตึงเครียดจากงานที่สุมกองเต็มหัว
ก่อนจะลืมตาแล้วมองหน้าเจ้าของสองมือมหัศจรรย์ที่ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อให้กับเขา…
ทำให้เขารู้สึกดี…
ก่อนจะค่อยๆโน้มหน้าเข้าหานาดาแล้วจูบเบาๆตรงริมฝีปากนั่น…
ก่อนจะรั้งร่างบางให้นอนราบบนเบาะนุ่มแล้วจูบเธออย่่างเนิ่นนาน…
“ชอบมั้ย…”ชายหนุ่มกระซิบถามหญิงสาวข้างหูเบาๆ
ทว่าอีกฝ่ายได้แต่เก็บงำเอาไว้ไม่ยอมตอบ…ทำให้คนถามถึงกับยิ้ม
“ถือว่าเป็นรางวัลสำหรับคนเก่งของฉัน…”
พูดจบดานีสก็ก้มลงจูบปากบางนั่นหนักๆอีกเนิ่นนานก่อนจะผละออก
เพราะรู้ดีว่าถ้ามากไปกว่านี้ เขาจะยั้งกายและใจเอาไว้ไม่อยู่
และที่สำคัญ เขารู้ว่าเธอกำลังมีประจำเดือน
เพราะเธอไม่สามารถละหมาดร่วมกับเขาในวันนี้ได้
ซึ่งแสดงให้รู้ว่า…เธอมีประจำเดือน…
เพราะหญิงที่มีประจำเดือนจะไม่สามารถทำละหมาดได้
ไม่สามารถอ่านคัมภีร์ได้ และไม่สามารถมีความสัมพันธ์กับสามีได้…
หลังจากผละออก นาดาก็รีบลุกขึ้นนั่ง และเป็นจังหวะที่ดานีสยึดตักของเธอเพื่อใช้หนุนนอน…
นาดาไม่ขัดข้อง ซ้ำยังยกมือทั้งสองขึ้นกลึงขมับให้คนที่นอนหนุนตักเธอ
ทำให้ดานีสนอนระบายยิ้มมองใบหน้าของหมอนวดของเขาด้วยความสุขใจ
ถ้ากลับมาบ้านแล้วมีเธอให้นอนหนุนตักอย่างนี้ทุกๆคืนก็คงจะดีน่ะสิ…
ดานีสจึงจับมือของหญิงสาวมากุมไว้แล้วจูบมือบางนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า
“มีเธอแล้วใจฉันมีความสุข…ขอบใจมากนะที่พยายามทำเพื่อฉัน…”
นาดายิ้มแก้มแดงกับแววตาของเขาที่ส่งมาให้เธอ…
“อยากเจอแม่กับน้องมั้ย…”นาดาเลิกคิ้วสูงกับคำถามนั้น…
ดานีสจึงเฉลยให้ว่า
“สัปดาห์หน้าฉันจะไปเมืองไทย…”คนฟังถึงกับยิ้มกว้างด้วยความดีใจกับสิ่งที่ได้ยิน…
“กี่วันคะ…”
“หนึ่งสัปดาห์…”คำตอบนั้นทำเอาคนฟังถึงกับมีความหวัง
“น้ำค้างไปด้วยได้เหรอคะ…”ดานีสพยักหน้า
ก่อนจะจับมือหญิงสาวพลิกไปมาแล้วถูฝ่ามือนั้นเล่น…
“แน่นอนที่สุด…”นาดายิ้มกว้างด้วยความตื้นตันใจ…
ดีใจที่จะได้กลับไปหามารดากับน้องๆที่เธอเฝ้าเพียรส่งจดหมายไปหาบ้าง โทรไปหาบ้าง…
จนอยากจะเห็นหน้า อยากกอด…
“รอฉันแป๊บนึงนะ…”พูดเสร็จอยู่ๆคนที่นอนหนุนตักเธอก็ดีดตัว
แล้วลุกขึ้นเดินออกจากห้องไป
สักพักก็เดินกลับมาพร้อมอะไรบางอย่างที่อยู่ในมือ…
ก่อนจะล้มตัวลงนอนบนตักของเธออีกครั้งแล้วคว้ามือของเธอไปกุมเอาไว้
หลังจากนั้นเขาก็บีบครีมจากขวดเล็กๆลงบนมือเขาแล้วชะโลมครีมลงบนฝ่ามือเธอ
หลังจากนั้นเขาก็ค่อยๆลูบไล้นวดมือให้เธอ ปากก็พูดว่า
“พอดีที่บริษัทยาของตระกูลฉันกำลังผลิตครีมบำรุงผิวชนิดนี้ขึ้นมาน่ะ…
มันทำมาจากวัสดุและสมุนไพรจากธรรมชาติร้อยเปอร์เซ็น…
ซึ่งจะช่วยคืนความชุ่มชื้นให้กับผิวที่แห้ง…และที่ถูกทำลาย
ฉันเลยขอเอามาลองใช้ดู…ว่าได้ผลและมีคุณภาพในระดับไหน…
อะโรมาซูทจากกลิ่นดอกลาเวนเดอร์ผสมกับมูนฟลาวเวอร์
จะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย และทำให้ผิวเนียนนุ่ม…”พูดจบ
เขาก็ยกมือของเธอขึ้นสูดดมกลิ่นหอมที่เขาพูดถึง
“หอมจริงๆด้วย…”นาดายิ้มกว้างกับท่าทางนั้นของเขา
เธอว่าเขาเป็นผู้ชายที่ดูเอาใจใส่และสนใจรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ
อย่างน้อยเขาก็สังเกตเห็นว่ามือของเธอสากถึงขั้นมาก…
เขาน่ารักกับเธออย่างนี้เสมอเลย…
“เธอควรจะใช้ชะโลมผิวก่อนนอนทุกคืน…หรือไม่ก็หลังอาบน้ำทุกครั้ง
แต่สำหรับมือและเท้า ฉันแนะนำให้เธอทาก่อนนอนนะ
เพราะว่าตอนนอนเราจะไม่ใช้มือทำโน่นทำนี่…ครีมจะได้ซึมซาบเข้าสู่ผิวได้ดี…
ไม่ต้องกลัวว่ามันจะหมด และไม่ต้องเสียดายด้วย
เพราะฉันจะขนมาให้อีกสักสองโหล…เอาให้เธอเนื้อหอมเนียนนุ่มไปทั้งตัวเลยดีมั้ย…”
ถ้อยคำและแววตาที่เขาช้อนขึ้นมามองเธอ
ทำเอานาดาถึงกับหน้าแดง เพราะรู้ดีถึงเหตุผลซ่อนเร้นในถ้อยคำนั้น
“ขอบคุณค่ะคุณหมอ…”
“ไหนเรียกใหม่ซิ…อย่างนี้ฟังแล้วไม่ค่อยรื่นหูเท่าไหร่”
นาดายิ้มเขิน ก่อนจะเรียกเขาด้วยน้ำเสียงที่พยายามให้หวานที่สุด
อย่างที่เขาชอบให้เธอเรียก
“ขอบคุณค่ะคุณหมอดานีสขา…”แล้วคนฟังก็ฉกฝ่่ามือเธอไปหอมอีกครั้ง
“ไม่กล้าหอมแก้ม เพราะกลัวจะไปไกลกว่านี้
เดี๋ยวเด็กแถวนี้จะประท้วงเอาทีหลังอีกว่าเรารังแกเด็กไม่มีทางสู้…”
นาดาเห็นด้วย เพราะเธอไม่มีทางสู้เขาได้แน่ๆ ที่สู้ไม่ได้นั้น เพราะสู้ไม่ไหว
หัวใจมันอ่อนแอและเปียกปอนเหมือนคนเป็นไข้ทุกครั้งที่เขารุกฆาตเธอ…
มันพร้อมยอมสิโรราบต่อเขาเสมอ อย่างกับแพ้ทางเขาอย่างไรอย่างนัั้น…
“ตอนนี้น้ำค้างไม่สะดวกค่ะ…กำลังติดไฟแดงอยู่ค่ะ…”
เสียงนั้นเบาหวิว ทว่าอีกฝ่ายกลับได้ยินชัดเจน
“แสดงว่าถ้าทางสะดวก ไฟเขียวผ่านตลอดใช่มั้ย…”
นาดาอยากจะซุกหน้าหนีแววตาที่มองเธอราวกับเจ้าแมวเหมียว
ที่รอคอยหนูให้ลงมาติดกับของเขาที่เอาขนมหวานมาล่อใจเธอได้ตลอดเหลือเกิน…
เขาขยันเสริฟขนมหวานจนเผลอชิมไปไม่รู้กี่ครั้งแล้ว…
แล้วจะให้เธอหนีเขาไปไหนรอด
มดเมาน้ำตาลอย่างเธอคงไม่แคล้วเป็นเบาหวานเข้าสักวัน…
ครั้นจะลุกหนีไปก็ไม่ได้ เพราะเขายึดหน้าตักของเธอไปเป็นหมอนให้เขาเสียแล้ว…
“ขอหมอนใบนี้ให้ฉันนอนหนุุนได้มั้ยนาดา…
ไม่อยากลุกไปนอนเดียวดายในห้องโน้นเลย…
มันหนาวกว่าห้องนี้ เพราะว่าห้องนั้นหน้าต่างเยอะ
ลมหนาวเลยเข้ามาทำให้ห้องมันดูหนาวเวลานอน
ไม่อุ่นเหมือนนอนห้องนี้เลย…นอนแล้วหลับฝันดี…”
นาดาอมยิ้มให้กับเหตุผลข้างๆคู่ๆของคนที่ยึดตักของเธออยู่
เขาคิดว่าเธอเด็กจนหลอกให้เชื่อเรื่องหน้าต่างเยอะแล้วทำให้ห้องหนาวได้อย่างนั้นน่ะหรือ
…น้ำค้างไม่ใช่เด็กอมมือแล้วนะคะคุณหมอดานีสขา…
แต่ก็อย่างเคย ไม่เคยปฏิเสธเหตุผลแม้จะเป็นเหตุผลข้างๆคู่ๆของเขาได้เลยสักหน
…จนแต้มตลอด…
แต่เรื่องไฟเขียวผ่านตลอดนี่คงต้องขอใช้เวลาคิดก่อน…
อย่างน้อยก็มีเวลาคิดก่อนประจำเดือนจะหมด ซึ่งคงอีกหลายวัน…
ถึงตอนนั้นคงหาทางหนีทีไล่แล้วก็ได้…ขออย่าให้ได้เจอทางตันเลย…
ก็ไม่ค่อยเข้าใจตัวเองเลยว่าทำไมต้องกลัวเรื่องนี้ด้วย…
เธอกลัวจริงๆนะกับเรื่องนี้ กลัวแต่ก็ยังกล้าแต่งงานกับเขา…
“เดี๋ยววันหลังน้ำค้างจะหาม่านที่หนากว่านั้นมาติดให้ใหม่นะคะ
ลมหนาวจะได้ไม่กัดเซาะ แทรกผ่านช่องลมตรงหน้าต่างเข้ามา…”
นาดาเลยตามน้ำไป…
“จะดีเหรอ…ฉันเกรงว่ามันจะไม่นำพาน่ะสิ…
ปกติมันจะหนาวตลอดเลยนะ ไม่ว่าฤดูไหน…
จะมีก็ช่วงฤดูที่มีเธอนี่แหล่ะ…ที่ทำให้ฉันเริ่มหายหนาว...เธอรู้มั้ยว่าทำไม…”
ดานีสเริ่มปฏิบัติการจีบอะรูซะดีที่นั่งหน้าแดงอยู่
เห็นเธอเสหันหน้าไปทางอื่น ปากก็อมยิ้ม เก้อเขิน…ไม่ยอมตอบเขา
“ไม่ตอบ…แสดงว่าเธอยังไม่รู้ล่ะสิถึงเหตุผลที่คนควรอยู่ด้วยกัน…”
นาดายิ้มให้กับคนเจ้าเหตุผลที่ดูไม่น่าจะลงตัวกับคนเจ้าน้ำตาอย่างเธอเลย…
“เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคม…”
นาดาพยักหน้่าให้กับเหตุผลที่คนที่นอนหนุนตักเธอกำลังบรรยายให้ฟัง…
แถมเขายังจับผมเธอเล่นราวกับเด็กน้อยกำลังเล่นผมในตักแม่…
“พระเจ้าสร้างฮาวามาจากกระดูกซี่โครงข้างซ้ายของอาดัม…
เป็นมนุษย์คู่แรกที่ทำให้เกิดลูกหลานมากมายในโลกนี้…
ถ้าไม่มีมนุษย์คู่แรก เธอคิดว่าเราจะเกิดมาจากอะไรดี…
หวังว่าเราคงไม่ได้กลายพันธุ์มาจากลิงหรอกนะ
เพราะฉันคนหนึ่งที่รับไม่ได้จริงๆกับทฤษฎีกลายพันธุ์
เพราะถ้ามนุษย์กลายพันธฺุ์ได้จริงๆ ป่านนี้เราอาจกลายร่างเป็นลิงอีกรอบก็ได้…
ดังนั้น…เราก็ไม่รู้ใช่มั้ย ว่าถ้าเราไม่ได้เกิดมาจากมนุษย์คู่แรก แล้วเราเกิดมาจากอะไร…”
นาดาส่ายหน้า เธอเองก็คิดไม่ตกเหมือนกัน…
“ใช่มั้ย…เราไม่รู้ และนี่แหล่ะคือเหตุผลที่เธอกับฉันควรอยู่ด้วยกัน นอนด้วยกัน…
เพื่อที่เราจะได้สร้างประชาชาติมนุษย์ชุดใหม่ด้วยกัน
มันคือภาระยิ่งใหญ่ที่มนุษย์โลกอย่างเราพึงกระทำ…
มนุษย์เราจะได้ไม่สูญพันธุ์
เธอลองคิดดูสิ ถ้าสมมติวันนึงมนุษย์สูญพันธุ์แล้วลิงครองโลก
ลูกหลานลิงอาจคิดไปเองก็ได้ว่า เรามนุษย์คือบรรพบุรุษของเขา
เพราะเรามีอะไรๆคล้ายๆกับพวกเขา
ฉันกลัวว่าทฤษฎีกลายพันธุ์จะผันกลับ…
เพราะประชาชาติลิงมีมากเหลือเกิน…เธอก็เห็นว่าลิงไม่คุมกำเนิด…”
นาดายิ้มขันกับถ้อยคำของเขา ถึงเธอจะเรียนแค่มัธยมต้น
แต่เรื่องทฤษฎีวิวัฒนาการน่ะเธอได้เรียนมาแล้วนะคะคุณหมอดานีสขา
เธอเองก็ทำใจให้เช่ือไม่ลงเหมือนกันกับทฤษฎีดังกล่าว
แต่เรื่องอนาคตของโลกที่ลิงอาจจะได้เป็นผู้ครอบครองเนี่ย
เธอว่ามันน่าจะเป็นไปได้ยากอยู่นะคะคุณหมอดานีสขา…
เพราะมนุษย์เรามีมากกว่าฝูงลิงค่ะ…
น้ำค้างไม่หลงกลคุณหมอหรอกค่ะ รู้นะคะว่าคุณหมอกำลังต้อนน้ำค้างเข้ากรงหนู
…หนูไม่ยอมค่ะ หนูไม่ยอม
“คุณหมอทำให้น้ำค้างนึกถึงเจ้าเหมียวที่บ้านเลยค่ะ…”
ดานีสถึงกับช้อนตาขึ้นมองคนพูด ที่อยู่ๆก็พูดเรื่องแมวขึ้นมา
ทั้งๆที่เขากำลังชวนเธอพูดเรื่องปัญหาลิงครองโลกอยู่…
“แมวที่บ้านน้ำค้างตอนกลางดึกมันจะไปนั่งอยู่ในห้องครัว
เพื่อรอให้หนูลงมากินอาหาร เพราะปกติหนูมันจะลงไปที่ห้องครัวก่อนที่อื่น
เพราะที่นั่นมีอาหารมากมาย…แมวรู้ทางก็เลยไปแอบรอ
แต่หนูมันฉลาดค่ะ มันแอบอยู่ตรงรูเล็กๆ แมวก็ได้กลิ่นค่ะแต่เข้าไปในรูนั้นไม่ได้…
ก็เลยได้แต่รอให้หนูออกมา…
มันคงเชื่อว่ายังไงเจ้าหนูตัวนั้นก็ต้องออกมาหาอาหารแน่ๆ
หนูตัวอื่นก็เลยย่องลงไปหาอาหารกินสบายเลยคราวนี้…
เพราะเจ้าแมวเหมียวรอกินหนูในรูอยู่ จนไม่ได้ไล่ล่าหนูตัวอื่น…
มันคาดหวังแค่จะเอาหนูในรูตัวนั้นตัวเดียวค่ะ…ไม่สนหนูตัวอื่น
จนน้ำค้างที่ตื่นมาตอนดึกๆก็จะเห็นมันเฝ้ารูหนูตัวนั้น
จนรุ่งสาง ตื่นมาละหมาดอีกทีก็ยังเห็นมันยังนั่งสัปหงกอยู่หน้ารูหนูไม่ยอมไปไหน…
ไม่ยอมหลับไม่ยอมนอน…”
“แล้วไงต่อ…บทสรุปมันได้หนูตัวนั้นมากินมั้ย…”
ดานีสทำเสียงเย็นนิดๆให้อีกฝ่ายรู้ว่า เขารู้นะว่าเธอกำลังสื่ออะไรกับเขาอยู่
นาดาระบายยิ้มให้กับสีหน้าตึงๆของคนบนตัก…
“ด้วยความพากเพียร…มันรอจนเกือบรุ่งสาง จนเจ้าหนูทนหิวไม่ไหว
เลยออกมาจากรูค่ะ หนูเลยเสร็จเจ้าเหมียวของน้ำค้าง…
สมกับชื่อที่น้ำค้างตั้งให้มันเลยค่ะ…”
ดานีสถึงกับอมยิ้มให้กับเรื่องราวที่หญิงสาวเล่าให้เขาฟัง
เหนือสิ่งอื่นใด แววตาและน้ำเสียงของเธอ
มันทำให้เขาอยากกลายร่างเป็นเจ้าเหมียวตัวนั้นขึ้นมาซะแล้วสิ…
“มันชื่ออะไรเหรอ…”
“ชื่อซอบารอ ที่แปลว่า อดทนไงล่ะคะ…”
นาดาเฉลยพร้อมรอยยิ้ม ทำเอาคนฟังชักหมั่นไส้ขึ้นมา…
“สรุปว่าเธอเชียร์หนูหรือเจ้าซอบารอของเธอกันแน่
ฉันฟังๆดูเหมือนเธอจะเข้าข้างหนูตัวนั้นเลยนะ…”
“น้ำค้างก็ต้องเชียร์เจ้าซอบารอของน้ำค้างสิคะ
ก็หนูน่ะมันชอบกัดกินเสื้อผ้าของน้ำค้าง ที่สำคัญยังเป็นพาหะนำโรคอีก…
น้ำค้างเลยต้องเลี้ยงแมวเอาไว้ไล่หนูไงล่ะคะ…”
คนฟังยิ้มได้ทันทีที่ได้ฟังคำตอบนั้น อย่างน้อยเธอก็ชอบแมวล่ะ…
“เธอชอบแมวตรงไหนเหรอ…ปกติ แมวมันเป็นสัตว์มีเขี้ยวเล็บนะ เธอไม่กลัวเหรอ…”
นาดาส่ายหน้า
“ไม่กลัวค่ะ เพราะน้ำค้างชอบแมวตรงที่มันขี้อ้อน ขี้เล่น ซุกซน
เวลายั่วมันให้เล่นด้วย มันก็จะมีปฏิกิริยาตอบกลับทันที…
มันซนและก็น่ารักมากค่ะ
แม้บางครั้งเวลาเล่นกับมันจะได้แผลขีดข่วนกลับมาบ้าง
แต่เพราะความน่ารักและขี้อ้อนของมันนี่แหล่ะค่ะที่ทำให้น้ำค้างยอมใจอ่อนให้มันทุกที…
ไม่รู้ทำไม…แพ้ทางแมวตลอดเลย
เจ็บแค่ไหนก็ทนได้ค่ะ ก็ชอบนี่คะ…
อยู่กับมันไม่มีคำว่าเซ็งเลยสักวันเดียว
และที่สำคัญแมวมันมีอะไรหลายๆอย่างเหมือนเสือ แต่เป็นเสือตัวน้อยที่น้ำค้างอุ้มได้…
และก็เล่นด้วยได้…เอาไปนอนด้วยได้โดยไม่ต้องกลัวว่าจะโดนง้าบ…
อุ่นใจว่าอย่างไรก็ปลอดภัย งูและตะขาบก็จะไม่มาเข้าใกล้
เพราะแมวมีต่อมรับรู้ถึงการมาถึงของอสรพิษ…มันจะเตือนให้เรารู้ตัวเสมอ…
มันคือผู้ช่วยที่แสนรู้และก็น่ารักมากๆค่ะ…น้ำค้างก็เลยชอบมันมากๆ…”
ดานีสระบายยิ้มออกมากับน้ำเสียงและใบหน้าที่ดูจะมีความสุข
ยามที่ได้พูดถึงเจ้าเสือตัวน้อยๆของเธอ
“เพิ่งรู้ว่าผู้หญิงชอบแมว แต่ไม่ชอบเสือ…เพราะกลัวจะโดนง้าบนี่เอง…”
ท้ายประโยคเหมือนคนพูดจะย้ำหนักๆ ทำให้คนฟังถึงกับสะท้าน
“ค่ะ…น้ำค้างกลัวโดนเสือง้าบไปกินค่ะ…”
“แล้วกับแมวล่ะ…”
“แมวมันไม่กินคนค่ะ…”
“แต่แมวกินหนู…และก็รอจะง้าบหนูที่ซ่อนตัวอยู่ในรูด้วย…”
“ไม่เอาดีกว่า…น้ำค้างเมื่อยแล้วค่ะ…เหน็บกินด้วย…”
นาดารีบเปลี่ยนเรื่องทันทีที่หาโอกาสได้
เพราะถ้าไม่รีบเปลี่ยน กลัวว่าคราวหน้าแมวที่ว่าจะกลายร่างเป็นเสือง้าบเธอไปกิน…
“อีกนิดนึงไม่ได้เหรอ…”นั่นไง เขาเริ่มอ้อนเธออีกแล้ว…
“นวดขมับให้ฉันอีกนิดนะน้ำค้าง ฉันยังไม่ง่วงเลย…”
นาดายิ้มบางก่อนจะกลึงขมับให้คนบนตักอย่างว่าง่าย…
แล้วต่างฝ่ายต่างเงียบกันไปพักนึง ก่อนที่หญิงสาวจะมารู้ตัวว่า
คนบนตักได้นอนหลับไปแล้ว เพราะเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของเขา
บอกว่าเขาเดินหน้าไปสู่แดนสรวงก่อนเธอแล้ว…
หญิงสาวเลยเอนกายพิงหัวเตียง หลับพับไปในท่านั้นด้วยเพราะไม่อยากปลุกเขาให้ตื่นขึ้นมา
ไม่ว่าจะเหน็บกินและเมื่อยแค่ไหนเธอก็สุขใจที่มีเขานอนหนุนตักอยู่อย่างนี้…
ดานีสตกใจตื่นขึ้นมากลางดึกก่อนจะได้เห็นว่าตัวเอง
ยังคงนอนหนุนตักหญิงสาวอยู่ก็ให้รู้สึกผิด…
…เธอคงปวดเมื่อยแย่เลย…นี่เขาเผลอหลับไปได้ยังไงกัน…ไม่น่าเลย…
ชายหนุ่มระบายยิ้มออกมาเมื่อมองใบหน้าของหญิงสาว
ที่เขาเริ่มรู้สึกดีๆด้วยก่อนจะค่อยๆจับเธอวางลงบนหมอนอย่างเบามือที่สุด
แล้วห่มผ้าให้ก่อนจะล้มตัวลงนอนกอดหมอนข้างนุ่มนิ่มนั้นด้วยรอยยิ้มสุขใจ…
ไม่ว่าจะฤดูไหน หากมีเธออยู่ข้างกาย เขาก็คงจะไม่หนาวเหน็บอีกต่อไป…
เพราะเขาเริ่มจะชอบและติดใจ “ฤดูที่มีเธอ” เข้าให้แล้วสิ…
ไม่อยากให้ฤดูนี้สิ้นสุดลงเลย…
...โปรดติดตามตอนต่อไป.....
ในที่สุดโยก็ปั่นตอนนี้เสร็จแล้ววววววววว...อิอิอิ...
เหยียบ 250 แรงเต่ามาให้แล้วนะคะ...อย่าได้เคืองกันน้าาาาาาา...
ว่าแล้วก็มาคุยกับนักอ่านดีกว่า...
1.คุณบัวขาว...ขอบคุณค่ะสำหรับกำลังใจและการติดตาม...
กลับมาเมื่อไหร่ แวะมาส่งเสียงทักทายโยที่กระดานนี้บ้างนะคะ...
จุ๊บๆนะคะ
2.คุณหมีสีชมพู...เอาพ่อดาวิดมาให้ชื่นชมแล้วนะคะ...
แต่ยังไม่ถึงกับบู๊มากค่ะ แค่มาลองเชิงหมอดานีสเล่นๆ...
หนทางยังอีกหลายตอน ต้องมาดูกันต่อค่ะว่าเรื่องสั้นขนาดยาวของเต่าโย
จะถึงเส้นชัยเมื่อไหร่...ตอนนี้ เหยียบ 250 แรงเต่ามาเลยนะคะเนี่ย...อิอิ
ขอบคุณค่ะสำหรับกำลังใจและการติดตาม...
3.คุณviolette...น่าจะเป็นคู่แข่งที่ทำคะแนนลำบากหน่อยนะคะ
เพราะว่าดูไปแล้ว หมอดานีสวิ่งล้ำหน้าไปหลายเมตรแล้ว
แต่ก็ไม่แน่ค่ะไม่แน่...อิอิอิ..ขนาดเต่าที่ว่าช้ายังเคยชนะกระต่ายมาแล้วเลยค่ะ...อิอิ
ขอบคุณค่ะสำหรับกำลังใจและการติดตาม...
4.คุณPampam...ขอบคุณเช่นกันค่ะสำหรับกำลังใจและการติดตาม...
เอาพ่อดาวิดมาให้แล้วนะคะ...ยกหน้า มาลุ้นกันต่อว่า นาดาจะผ่านด่าน
ท่านหญิงอะมานี ได้หรือไม่...เรื่องนี้ต้องอ่านไปเรื่อยๆค่ะ
เพราะว่าจะไม่มีปมเลย มันก็ไม่เชิงค่ะ ซึ่งถ้าไม่มีปมเลยนั้น
มันผิดวิสัยนิยายของเต่าโยน่ะค่ะ อิอิอิ...
5.คุณคิมหันตุ์...ต้องขอโทษด้วยนะคะที่มาให้ช้ามาก...
ช่วงนี้รู้สึกว่าเต่าจะขาสั้นลงรึเปล่าก็ไม่รู้สิคะ เพราะว่าคลานต้วมเตี้ยมเหลือเกินค่ะ
หวังว่ายกนี้จะทำให้น้ำตาลในกระแสเลือดของนักอ่านเพิ่มขึ้นมาสักจุดสองจุดนะคะ..อิอิ
ขอบคุณค่ะสำหรับกำลังใจดีๆที่ผลักให้ขาสั้นๆของเต่าสาวให้ถี่ขี้นได้มากขึ้นค่ะ จุ๊บๆค่ะ
6.คุณChii...หวังว่าตอนนี้จะทำให้ฤดูกาลที่เป็นอยู่เปลี่ยนไปนะคะ..
เพราะหมอดานีสเขาเริ่มติดใจ ฤดูที่มีน้ำค้าง ซะแล้วล่ะค่ะ...อิอิอิ...
ขอบคุณค่ะสำหรับกำลังใจและการติดตาม...จุ๊บๆนะคะ
7.คุณmhengjhy...หมอเขาไม่ได้หึงค่ะ เขาบอกว่าเขาไม่ได้หวงด้วย...ฮ่าๆๆ
ปากอย่างนี้น่าจะปล่อยให้ดาวิดมาเยือนถึงบ้านบ่อยๆนะคะเนี่ย...อิอิอิ...
เห็นบอกว่าจะพานางเอกเราไปเมืองไทย มาลุ้นกันต่อนะคะว่าจะมีอุปสรรค
ขัดขวางรึเปล่า...ขอบคุณค่ะสำหรับกำลังใจและการติดตามค่ะ
8.คุณpattisa...มาเฉลยให้แล้วนะคะว่าดาวิดคือใคร...
งานนี้ต้องมาดูกันว่า งานที่จะมาถึงนั้น นาดาจะเจอกับอะไรบ้าง...
ขอบคุณค่ะสำหรับกำลังใจและการติดตาม...
9.คุณsupayalak...ช่ายแล้วค่ะ รักเด็กต้องอดทน ต้องเป็นคนขี้อ้อนเด็ก...อิอิอิ
โยกะว่าจะลองหาคาถาต้อนเด็กเข้ามุ้งมาให้หมอดานีสท่องอยู่ค่ะ...
เห็นแล้วท้อแท้แทน...เมื่อไหร่จะได้ง้าบบบบบล่ะนั่น...
ต้องมาลุ้นตอนไฟเขียวค่ะ ว่าจะผ่านตลอดมั้ย...อิอิ...
ขอบคุณค่ะสำหรับกำลังใจน่ารักๆค่ะ..
10.คุณaom...มาเสริฟให้แล้วนะคะ...ไม่รู้ว่า "อ่อนหวาน" ไปรึเปล่า...
เต่าสามารถเติมน้ำตาลได้แค่นี้น่ะค่ะ...อิอิอ...
ขอบคุณค่ะสำหรับกำลังใจและการติดตาม...
11.คุณgoldensun...ใช่แล้วค่ะของขึ้นเลย แถมน้ำตาลในเลือดก็ขึ้นสูงด้วย
รอบนี้เลยดูจะอ้อนนางเอกเราจัง...เจอเข้าอย่างนี้น้ำค้างคงไม่รอดค่ะ...
ที่รอดอยู่เพราะไฟแดงนี่แหล่ะค่ะ...ไฟแดงช่วยเอาไว้จนได้ค่ะ...
ขอบคุณค่ะสำหรับกำลังใจและการติดตาม...
12.คุณน้องเจื้อยแจ้ว...ขอบคุณค่ะสำหรับกำลังใจดีๆน่ารักนะคะ
เรื่องหนังสือ พี่ยังไม่รู้เลยว่าจะทำออกมารึเปล่าน่ะค่ะ...
แต่กะจะแชร์ให้นักอ่านได้อ่านกันจนถึงเวลาลบน่ะค่ะ
ซึ่งคิดว่าจะไม่ลบแม้จะเขียนจบไปแล้ว นอกเสียจากว่ามีเหตุจำเป้น
ให้ต้องลบออกจริงๆเท่านั้นจ้าาาาาา...
แต่เรื่องหนังสือทำมือนั้นไม่แน่ค่ะ เพราะแอบคิดๆอยุ่เหมือนกัน
พี่อยากเป้นคนออกแบบปกเองเสียด้วยสิคะ...
อยากทำเองน่ะค่ะ...จุ๊บๆนะจ๊ะ...
13.คุณPat...ขอบคุณค่ะสำหรับกำลังใจและการติดตามค่ะ
ตอนนี้กะจะมาทำให้นักอ่านผ่อนคลายเป็นพิเศษ
ก่อนจะเข้าสู่โหมดโหด...อิอิ...อ่ะๆ...อย่าเพิ่งตกใจไปนะคะ
เรื่องนี้ไม่ใช่นิยายฆาตกรรมอำพรางนะคะ...สบายใจได้ค่ะ
ว่าจะไม่มีตัวละครตัวใดโดนเชือด...อิอิ
14.คุณLittlewitch...โยกะจะเขียนอะไรแบบนี้ที่นักอ่านอ่านแล้วอมยิ้มได้บ้าง
แม้จะหวานไม่มากมาย แต่ก็อยากให้ละมุนหัวใจน่ะค่ะ...
ก็เล่นเขียนแต่ดราม่าหนักๆมาเยอะ...แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเรื่องนี้จะไม่ดราม่านะคะ
อิอิอิ...สรุปว่าแนวไหนกันแน่นั้น ต้องมาดูกันต่อค่ะ ไม่ยาวเท่าไหร่
แต่จะว่าสั้นก็ไม่น่าจะสั้นค่ะ...ส่วนกว่าจะจบน่าจะนานน่าดู เพราะเต่่าขาสั้น...เฮะๆ
ขอบคุณค่ะสำหรับกำลังใจและการติดตาม
สุดท้ายไม่ท้ายสุด..
ขอบคุณทุกไลค์ ทุกกำลังใจ และทุกๆคนที่เข้ามาอ่านมาติดตามนะคะ...
...แล้วเจอกันยกหน้าค่ะ...
"เต่าโย"
“ดาวิด…”
คนมาใหม่คุกเข่าลงนั่งข้างมารดาพร้อมรอยยิ้มที่ส่งไปให้
เจ้าของบ้านที่มีเชื่อคล้ายๆกันกับเขา…
“มาทำไม…”
“โอ้โห…เจ้าของบ้านหลังนี้เขาทักทายแขกด้วยคำพูดแบบนี้เลยเหรอ…”
ไม่พูดเปล่าสายตายังกวาดไปถึงหญิงสาวอีกคนที่นั่งอยู่ไม่ห่างจากเจ้าของบ้าน…
ดูท่าเหมือนจะถูกคุมแจ…คุมจนเขาอยากเห็นหน้านัก
ว่าทำไมลูกพี่ลูกน้องของเขาถึงได้ไม่ยอมพาไปให้ดูตัวบ้าง
เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าเพราะอะไร…
“ก็แค่สงสัย…เห็นไม่เคยโผล่มาที่นี่ตั้งนานแล้วนี่…”
ดานีสกล่าวด้วยน้ำเสียงและสีหน้ารู้เท่าทัน…
“ก็นายเล่นแย่งเอาแม่สุดที่รักของฉันมา ตอนนี้ฉันคิดถึงแม่มาก
กลับบ้านมาก็ไม่เจอ นึกได้ว่าอยู่บ้านนาย ฉันก็เลยมาหาท่าน
ตามประสาลูกชายที่รักแม่มากกกกกก…”
นาดาอมยิ้มกับถ้อยคำและน้ำเสียงรวมทั้งสีหน้าท่าทางของคนพูด
ที่ดูจะถอดออกมาจากผู้เป็นแม่ที่เขานั่งประจบอยู่ข้างๆ
ต่างจากสีหน้าท่าทางของคุณหมอดานีสของเธอที่ดูจะขรึมลง…
“วันนี้ฉันเป็นคนไปรับแม่นายมา ฉันก็ต้องไปส่งแม่นายอยู่แล้ว
ไม่เห็นจำเป็นที่นายจะต้องมารับเองให้เสียเวลาเลย…”
ดานีสกล่าวอย่างรู้ทัน…
“มันเป็นหน้าที่ของคนเป็นลูกชายที่จะต้องเอาใจใส่มารดา…
ฉันมาแล้ว นายก็หาน้ำมาต้อนรับหน่อย…ขนมด้วยก็จะดีไม่ใช่น้อย…
ได้ข่าวว่านายมีแม่บ้านที่ทำอาหารและขนมเก่งมากๆเลยไม่ใช่เหรอ…”
พูดพลางก็มองไปยังหญิงสาวหน้าตาสะสวย
ไม่บอกก็รู้ว่าหญิงผู้นี้นี่แหล่ะ อะรูซะตีที่นายดานีสเคยพูดให้แม่ของเขาฟังบ่อยๆ…
นาดาได้ฟังก็ลุกขึ้น ขอตัวเข้าไปยังห้องครัวก่อนจะกลับมาอีกครั้ง
พร้อมน้ำชาและขนมที่เธอทำไว้…
“หน้าตาน่ากินจัง…เขาเรียกว่าอะไรเหรอครับ…”
ชายหนุ่มเปิดบทสนทนากับนาดาด้วยน้ำเสียงทุ้มนุุ่มขณะที่หยิบเจ้าขนมดังกล่าวขึ้นมา…
“เม็ดขนุนค่ะ…ทำจากถั่ว…”นาดาตอบพร้อมรอยยิ้ม…
คนถามจึงส่งเข้าปากก่อนจะเคี้ยวแล้วพยักหน้าด้วยสีหน้าพอใจ
“อร่อยครับ ไม่หวานจนเกินไป…ตอนแรกคิดว่าต้องหวานมาก”
“คุณซัลมาบอกว่าคนญี่ปุ่นไม่ค่อยชอบกินหวานมาก…
เพราะกลัวน้ำตาลในเลือดสูง…ฉันก็เลยลดปริมาณน้ำตาลลงจากปกติน่ะค่ะ…”
นาดาอธิบายให้อีกฝ่ายฟังอย่างไม่รู้สึกรำคาญ
ต่างจากอีกคนท่ีเริ่มจะออกอาการรำคาญแขกผู้มาใหม่
“งั้นขอเอากลับไปกินที่บ้านด้วยได้มั้ยครับ…”
“อยากกินก็ไปซื้อเอาสิดาวิด…ที่ร้านคุณซัลมาก็มีวางขาย
ที่นี่มีไว้สำหรับเจ้าของบ้านกินคนเดียว…”
นั่นไม่ใช่คำตอบของนาดาเลย ทว่าเป็นเสียงของเจ้าของบ้าน
ที่ทำเอาคนฟังอย่่างดาวิดและอาผู้หญิงถึงกับอมยิ้ม
…ดาวิดยักไหล่นิดนึงแล้วยิ้มขณะกล่าวว่า
“ก็ฉันอยากกินของฟรีน่ะ…ถึงได้นั่งรถมากินถึงนี่ไง…
มาถึงโรงงานผลิตแล้ว นายจะให้ฉันนั่งรถถ่อไปซื้อที่ร้านคุณซัลมาอีกเหรอ
ไม่สงสารฉันก็น่าจะสงสารคุณครูคนใหม่บ้าง…
ฉันยอมให้แม่ห่างอกมากับนายโดยไม่หวงสักนิด แค่ขนมอร่อยๆแค่นี้
นายจะหวงไปทำไม…แบ่งๆกันบ้าง ยังไงเราก็พี่น้องกัน…”
ชายหนุ่มได้ทีแหย่อีกฝ่ายเล่นอย่างนึกสนุก…เห็นไอ้หมอหน้างอทีไร
หัวใจกระชุ่มกระชวยทุกที่…
“แม่นายก็อาของฉัน ฉันมีสิทธิ์พาท่านมาที่นี่ในฐานะหลานรัก…
หรือนายจะเถียงว่าไม่ใช่”
คราวนี้สองสาวต่างวัยจึงหันมามองหน้ากันโดยมิได้นัดหมาย
ก่อนจะระบายยิ้มออกมา
นาดานึกขำกับศึกแย่งชิงคุณครูคนใหม่ของเธอ…
“ได้ดานีส ฉันไม่กินขนมของนายก็ได้…แต่…”ชายหนุ่มหันไปทางนาดาแล้วถามว่า
“ผมอยากหัดทำขนมเมื่อกี้เอาไว้ทำกินที่บ้าน จะเป็นไรมั้ยครับ
เพราะว่าจะกินของฟรี เจ้าของบ้านนี้ก็ไม่ยอมท่าเดียว…
ก็เลยกะจะหัดทำไว้ จะได้ทำกินเอง…”นาดากับคุณครูคนใหม่
ถึงกับอมยิ้มแก้มแทบปริเมื่อหันไปมองสีหน้าของดานีส
“จะเป็นไรมั้ยคะ ถ้าน้ำค้างจะสอนคุณดาวิดทำขนม…”
นาดาหันไปปรึกษาดานีสด้วยเพราะเกรงใจเขา…
“เป็น!…”คำตอบแสนสั้นและฟังดูห้วนจนคนถามถึงกับก้มหน้าทันที
ทำเอาคนที่เซ้าซี้ถึงกับยิ้มปรายก่อนจะหันไปทางมารดาของตนที่ก็นั่งอมยิ้มอยู่…
“เรียนเสร็จเธอยังมีงานอีกมากมายต้องทำ ไม่มีเวลาว่างสอนใครทำขนมทั้งนั้นแหล่ะ…
เพราะฉันมีเรื่องจะวานให้เธอช่วยพิมพ์งานให้…เข้าใจมั้ย…”
“วันหลังก็ได้ดานีส…เอาวันไหนก็ได้ที่นาดาเขาว่าง ฉันไม่รีบ…”
ดาวิดแทรกอย่างนึกสนุก
“วันไหนก็ไม่ว่างหรอกดาวิด เพราะนาดามีเรียน และมีงานที่ต้องทำอีกมากมาย
ไม่มีเวลาสอนนายทำขนมหรอก…
ฉันว่า นายหาแม่บ้านที่ทำขนมไทยเก่งๆมาไว้ทีี่บ้านสักคนไม่ดีกว่าเหรอ…”
ดาวิดถึงกับยิ้มให้กับคำแนะนำของลูกผู้พี่…
“งั้นจะกินฟรีก็ลำบาก จะหัดทำก็ไม่ได้ใช่มั้ย สรุปว่านายหวงของ
หรือว่าหวงคนกันแน่ ฉันชักจะสงสัย…”
“ฉันไม่ได้หวง…”ดานีสปฏิเสธเสียงแข็ง ทำเอาคนฟังอย่างนาดา
ถึงกับมองหน้าเขานิ่งด้วยความไม่เข้าใจ…
เพราะเธอเองก็ไม่ได้ยุ่งอะไร หลังจากเรียนเสร็จก็พอจะมีเวลาสอนคุณดาวิดทำขนมได้อยู่…
แต่ในเมื่อเขาไม่อนุญาต เธอก็ไม่อยากขัดใจเขา…
และไม่ทันที่ใครจะได้พูดอะไรต่อ ก็มีเสียงรถดังมาจากหน้าบ้าน
ดานีสถึงกับขมวดคิ้วยุ่งเมื่อรู้ว่าเป็นเสียงรถยี่ห้ออะไร…
และเพียงไม่นานเจ้าของรถยี่ห้อดังกล่าวก็เดินเข้ามาถึงในห้องที่ทุกคนนั่งกันอยู่…
“อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาเลยเชียว…”เจ้าของน้ำเสียงกล่าวขี้นขณะนั่งลงข้างๆดานีส…
สายตาเหลือบมองไปยังหญิงสาวที่นั่งสำรวมอยู่นิดนึงก่อนจะมองไปทางคุณครูคนใหม่
“ว่าไงดานีน…ศิษย์ของเธอเป็นไงบ้าง…”คนถูกถามยิ้มก่อนจะกล่าวว่า
“น่ารักดี…ไม่เจอเธอหลายวัน…ได้อะไรกลับมาบ้างล่ะอะมานี…”
“ได้พรมเนื้อดี ฝีมือละเอียดมาฝากเธอด้วยล่ะ แถมยังมีผ้าฮิญาบสวยๆ
ติดไม้ติดมือมาหลายผืนเลยทีเดียว…อยู่ท้ายรถโน่นแหน่ะ…”
แล้วสักพักคนขับรถก็ถือของฝากดังกล่าวมาวางไว้บนโต๊ะห้องรับแขก
เหตุการณ์ต่อจากนั้น จึงเป็นการอวดของฝากจากซาอุฯ
พร้อมเสียงชื่นชมของคุณครูคนใหม่ของนาดาด้วยสีหน้าดีอกดีใจ
“ฉันว่าผืนนี้มันดูวัยรุ่นไปนะอะมานี น่าจะเหมาะกับหนูนาดามากกว่า…”
นาดาเงยหน้าขึ้นหลังจากที่ก้มนับนิ้วของตัวเองอยู่นาน
เมื่อได้ยินชื่อของตัวเองถูกกล่าวขาน
“อ้อ…ผืนนี้ฉันตั้งใจจะเก็บไว้ให้หนูอะมีร่าน่ะดานีน…”
ดานีสหันมามองอะรูซาตีทันที แล้วก็เป็นเวลาเดียวกันกับที่ดาวิดเอง
ก็หันไปทางหญิงสาวที่มารดาของเขาเอ่ยถึงเมื่อครู่
นาดายิ้มบางก่อนจะขอตัวลุกขึ้นไปเตรียมอาหารค่ำ
ที่วันนี้ดูจะมีแขกมาร่วมรับประทานกันหลายคน…
“วันนี้ฉันขอเป็นอาหารฝรั่งนะ…”นาดาถึงกับสะอึกกับคำสั่งของแม่สามี
ซึ่งน่าจะรู้ดีว่าเธอทำอาหารฝรั่งไม่เป็น ทำได้แค่อาหารไทยกับญี่ปุ่น
ซึ่งอาหารญี่ปุ่นนั้นก็ได้กุ๊กที่ร้้านสอนให้…
ส่วนอาหารฝรั่งเธอทำไม่่เป็นเลย อย่าว่าแต่ทำเลย แค่กินเธอก็ยังไม่เคย…
“แต่ผมอยากกินอาหารไทยนี่ครับแม่ นายล่ะดาวิด
อยากกินอาหารไทยเหมือนกันไม่ใช่เหรอ…”
ดานีสเริ่มหากองหนุนทันทีเมื่อเห็นสีหน้าผะอีดผะอมของแม่ครัว
และดูดาวิดเองก็เหมือนจะรู้ เลยพยักหน้าไปอย่างเสียไม่ได้…
ซึ่งจริงๆแล้วเขากินเผ็ดไม่ได้ ไม่รู้ว่าแม่ครัวจะทำเมนูอะไรมาให้กินกัน
เพราะเท่าที่รู้มา อาหารไทยส่วนใหญ่เผ็ดๆทั้งนั้น…
“แต่ไม่เอาเผ็ดนะครับ…”
“สรุปว่า อาหารไทยนะครับแม่ นะครับอา…”
ดานีน อาสาวของดานีสพอจะเข้าใจเลยไม่เรื่องมากอะไร
แต่ดูเหมือนอีกคนจะรู้เท่าทันลูกชายเลยออกสีหน้าไม่พอใจตอนหันไปมองหน้าลูกชาย
ก่อนจะตวัดสายตาไปทางนาดา ตัวต้นเหตุที่ทำให้ลูกชายของเธอเริ่มแข็งข้อกับเธอ
ทั้งๆที่ไม่เคยทำแบบนี้กับเธอมาก่อนเลย…
“คนอื่นอยากกินอาหารไทยก็กินไปสิ ทำอาหารฝรั่งให้ฉันด้วย…
วันนี้ฉันไม่อยากกินอาหารไทย…”เสียงนั้นเฉียบขาด
ทำเอานาดาถึงกับทำอะไรไม่ถูก และเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้
รอยยิ้มของหญิงสาวจึงผุดขึ้นก่อนจะหันไปทางดานีสพร้อมกับตกปากรับคำ
“ค่ะ…เดี๋ยวดิฉันจะทำทั้งอาหารไทยและอาหารฝรั่งเลยค่ะ…”
ดานีสถึงกับมองหน้าคนพูดด้วยแววตากังวล แต่เห็นว่าอีกคนไม่ได้
มีสีหน้ากังวลอะไรมากมาย เขาก็เลยปล่อยเลยตามเลยไป…
“งั้นเดี๋ยวฉันช่วย…”
“ไม่ต้อง…เราอยู่ช่วยแม่เลือกของฝากให้แขกของแม่นี่แหล่ะ…”
อะมานีขัดคอ ไม่ยอมให้ลูกชายห่างกาย…
“งั้นผมว่าง ผมขอไปช่วยนาดาก็แล้วกันนะครับแม่…”
ดาวิดหันไปทางมารดาโดยไม่ได้หันไปมองหน้าเจ้าดานีสลูกผู้พี่ของเขาขณะพูดเลยสักนิด…
ดานีสที่กำลังจะอ้าปากห้ามอีกฝ่าย ทว่า
“อย่าเลยค่ะคุณดาวิด คุณเป็นแขกของที่นี่ อยู่รอที่นี่เถอะค่ะ
เรื่องอาหารปล่อยให้เป็นเรื่องของดิฉันเถอะนะคะ…”
ดานีสอยากจะหอมแก้มหญิงสาวข้างหน้าเหลือเกินที่เหมือนจะรู้ใจเขา
ที่กำลังหาทางไปไม่ได้อยู่ในตอนนี้…
หลังจากนั้น นาดาก็เริ่มเข้าครัวทำอาหาร และไม่ลืมที่จะโทรไปหาคุณซัลมา
กับกุ๊กที่ร้านปรึกษาเรื่องสูตรและวิธีการทำอาหารฝรั่ง
โดยขอร้องให้คุณซัลมาส่งอีเมลล์มาให้เธอ…
แต่ทางโน้นแนะนำให้เธอเข้าไปหาวิธีทำในอินเตอร์เนตเอาน่าจะสะดวกกว่า
…สุดท้ายนาดาก็ได้ปริ้นวิธีทำอาหารฝรั่ง
และได้ข้อสรุปเป็นสลัดไข่ใส่ปลาทูน่า ซึ่งเหมาะสำหรับหญิงสูงวัย
และเหมาะจะเป็นอาหารค่ำของคนรักสุขภาพ…
ที่สำคัญมันทำง่ายกว่าเมนูอื่นๆ เธอเลยเลือกทำสลัดไข่ใส่ทูน่า…
แล้วจัดใส่จานอย่างสวยงามน่าทาน เพราะเรื่องจัดหน้าตาอาหารนั้น
เป็นศาสตร์ที่ทางร้านสอนให้เธอ…
ทำให้ม้ือนั้นอะมานี มารดาของดานีสถึงกับพูดไม่ออก…
ส่วนคนเป็นลูกอย่างดานีสก็ถึงกับหันมายิ้มให้กับอะรูซะตีด้วยแววตาภูมิใจ…
“พรุ่งนี้ โรงแรมเรามีงานเลี้ยงครบรอบหกสิบปี…
แม่อยากให้เราไปร่วมงานด้วยนะดานีส…ส่วนเธอ…”
อะมานีหันไปทางนาดาพร้อมกับกล่าวเป็นเชิงสั่งว่า
“พอดีว่าฉันยังหาคนทำอาหารไทยไม่ได้ กุ๊กที่ร้านก็ไม่ว่าง
เลยอยากให้เธอไปช่วยทางโรงแรมหน่อยนะ…เพราะแขกจากเมืองไทย
มาร่วมงานหลายท่าน…หวังว่าเธอจะไม่ทำให้ฉันเสียหน้านะ…”
คนพูดไม่มีหันมาปรึกษาคนเป็นลูกเลยสักนิด
ดานีสเลยออกสีหน้าไม่ค่อยพอใจนักที่มารดาให้นาดา ซึ่งมีศักดิ์เป็นภรรยาของเขา
ต้องไปขลุกอยู่ในก้นครัว แทนที่จะไ้ด้ออกรับหน้าแขกในงานเดินเคียงข้างเขา…
“มันจะเหมาะหรืออะมานี…”ดานีน คุณครูของนาดาไม่ค่อยเห็นด้วย
กับเพื่อนที่มีศักดิ์เป็นพี่สะใภ้นัก…
“ทำไมจะไม่เหมาะล่ะดานีน เธอก็เห็นว่านาดาเขาทำอาหารได้
รสชาติก็ไม่ได้แย่…หรือเธอเห็นว่ายังไงนาดา…”
ประโยคตอนท้ายหันมาทางนาดาที่ยืนก้มหน้ารับชะตากรรมอยู่…
ใช่เธอจะไม่อยากทำ เพียงแต่เธอไม่มั่นใจว่าตัวเองจะทำงานนั้นออกมาดี
ไม่มีปัญหาในภายหลัง เธอกลัวทำให้มารดาของคุณหมอดานีสเสียหน้า…
นั่นคือ สิ่งที่เธอกำลังก้มหน้าด้วยความกังวล หากก็ไม่มีทางอื่น
นอกจากพยักหน้ารับ…
“ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ…แล้วจะให้ดิฉันไปกี่โมงคะ…”
“ก็คงจะเช้าตรู่เลยล่ะ…หลังละหมาดเสร็จแล้วฉันจะให้คนมารับ…”
“ไม่เป็นไรครับแม่ เดี๋ยวผมไปส่งเธอเอง…ทางเดียวกันไปด้วยกัน…”
“ไม่ได้…เดี๋ยวแม่จะให้คนมารับเอง…”
อะมานีไม่มีทางให้ลูกสะใภ้ที่ใครๆอีกหลายคนยังไม่รู้จัก
นั่งรถไปในงานกับลูกชายของเธอเป็นแน่
หากหนูอะมีร่าเห็นเข้า เธอเกรงว่าจะเกิดเรื่อง…
“แต่…”
นาดาแอบกระตุกมือของดานีสเบาๆก่อนจะมองหน้าเขาแล้วพยักหน้าว่าเธอไม่เป็นไร…
ทำให้อีกฝ่ายที่ตั้งท่าจะอ้าปากขัดมารดาถึงกับเก็บปากเงียบทันที…
ดาวิดได้เห็นและได้อยู่ในเหตุการณ์ถึงกับอึดอัดกับสถานการณ์ดังกล่าว
จนต้องหันไปทางมารดาเป็นเชิงชี้ชวนท่าน
“เอาอย่างนี้มั้ยอะมานี…พรุ่งนี้ฉันกับดาวิดจะมารับหนูนาดาไปเอง…
หนูนาดาจะได้ไม่หลงทางเวลาเข้าไปในโรงแรม เพราะว่ายังไม่เคยไปใช่มั้ย…”
ดานีนเสนอแนะ ซึ่งทำให้อะมานีถึงกับยิ้มรับ
อย่างไรเสีย ก็ยังดีกว่าให้ลูกสะใภ้ของเธอนั่งรถไปกับลูกชายเป็นไหนๆ
“ถ้าไม่รบกวนเธอจนเกินไป…”
เท่านั้น ดานีนก็ถึงกับระบายยิ้มออกมา
ก่อนจะหันไปยิ้มให้นาดาที่ส่งยิ้มมาให้เธอก่อนหน้านี้แล้ว
“ไม่รบกวนหรอก หลานสะใภ้ของฉันทั้งคนนี่…”
คำว่า 'หลานสะใภ้' ทำเอาอะมานีต้องหันไปมองหน้าเพื่อนหรือน้องสามีอย่างไม่พอใจ
ทว่าอีกฝ่ายกลับยิ้มหวานให้ก่อนจะขอตัวกลับ…
เมื่อทุกคนกลับกันไปหมดแล้ว นาดาก็รีบจัดการเคลียร์พื้นที่
ก่อนจะขึ้นไปบนห้องอาบน้ำจัดการธุระส่วนตัว
แล้วเดินออกมาจากห้อง เห็นแสงไฟออกมาจากห้องสมุดของบ้าน
เธอจึงเดินไปยังห้องสมุดและแง้มประตูโผล่หน้าเข้าไปเยี่ยมๆมองๆคนข้างใน
ก็เห็นคุณหมอดานีสขาของเธอกำลังนั่งขีดๆเขียนๆอะไรอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือ
ด้วยสีหน้ายุ่งยากอยู่ เธอเลยไม่กล้าเข้าไปรบกวน…
ร่างบางจึงเดินกลับเข้าห้องนอน นั่งเขียนจดหมายหามารดากับน้องๆ
เธอชอบเขียนจดหมายมาก เพราะมันเป็นอะไรที่มีตัวตน สัมผัสได้ เป็นชิ้นเป็นอันดี…
พอเขียนเสร็จก็เริ่มเขียนบันทึกชีวิตประจำวันลงในไดอารี่ที่กุ๊กที่ร้านซื้อให้เป็นของขวัญ…
เสร็จแล้วก็ลุกขึ้นเตรียมชุดที่จะใส่ไปในวันงานของโรงแรม
และไม่ลืมที่จะนึกถึงอีกคนที่ไม่รู้ว่าเขาได้ตระเตรียมชุดไว้บ้างแล้วรึยัง…
คิดได้ดังนั้น นาดาก็ลุกขึ้นเปิดประตูออกไป ก็เห็นว่าเขาไฟในห้องสมุดยังคงสว่างอยู่
หญิงสาวยิ้มที่มุมปากแล้วเดินไปยังห้องนอนของเขา เปิดตู่เสื้อผ้าดู
ก่อนจะเลือกชุดที่ดูดีที่สุดมาสามชุดให้เขาได้เลือก…
แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อหันไปบนเตียงนอน เพราะเห็นมีชุดสูทสีขาววางอยู่
นาดายิ้มกว้าง สงสัยทางโรงแรมคงจัดส่งชุดมาให้เขาแล้วแน่ๆ
นาดาเลยหยิบชุดดังกล่าวมาแขวนไว้…แล้วเก็บชุดเมื่อครู่เข้าไปในตู้
ก่อนจะเดินออกจากห้องลงไปยังห้องครัว แล้วถือแก้วนมอุ่นๆมาให้
คนที่กำลังนั่งทำงานอยู่ในห้องสมุด…
เสียงประตูทำให้ดานีสหยุดกับงานตรงหน้าหันไปทางที่มาของเสียง…
“นมอุ่นๆค่ะ…”กล่าวพลางวางแก้วลงบนโต๊ะอย่างเบามือ…ดานีสยิ้มกว้าง
“ยังไม่นอนอีกเหรอ…”นาดาส่ายหน้า
“นอนไม่หลับค่ะ…ตื่นเต้น…”คนฟังขมวดคิ้วนิดนึงก่อนจะยิ้มออกมา
“เรื่องพรุ่งนี้น่ะเหรอ…”นาดาพยักหน้า
“ฉัน…เอ่อ…น้ำค้างกลัวว่าจะทำให้แม่ของคุณหมอเสียหน้าน่ะค่ะ…”
ดานีสถึงกับพ่นลมหายใจออกมาพร้อมรอยยิ้ม
“ฉันก็นึกว่าอะไร เธอไม่ต้องไปซีเรียสกับมันนักหรอก
ทำได้แค่ไหนก็แค่นั้น…เข้าใจมั้ย…มานี่มา…”
พูดเสร็จก็คว้าข้อมือของนาดาเข้ามาใกล้ๆ…
“ช่วยนวดให้หน่อยสิ…เมื่อยขบไปหมดเลย…”
นาดามองแววตาของคนอ้อนวอนก็ถึงกับใจอ่อน…
“นวดเก่งนี่…”เสียงชมนั่นทำเอาหมอนวดจำเป็นถึงกับยิ้มกว้าง
“งั้นมานี่ดีกว่า…”
พูดจบดานีสก็ปิดสมุดตรงหน้าลงแล้วลุกขึ้นคว้าข้อมือของนาดา
แล้วพาไปยังห้องนอนของเธอ…ก่อนจะทุ่มตัวลงนอนบนเตียง
“ช่วยนวดให้ทั้งตัวได้มั้ย…ไม่มีเวลาเข้าสปาเลยช่วงนี้…”
นาดาไม่ขัดข้องพร้อมให้เขานอนคว่ำก่อนจะเริ่มนวดคลายเส้นให้เขา
ศาสตร์ด้านนี้เธอได้รับการถ่ายทอดมาจากผู้เป็นพ่อ
เพราะพ่อของเธอเป็นหมอนวดมือหนึ่งของแถวๆบ้าน
ใครปวดเมื่อยก็จะมาให้พ่อของเธอนวดให้ตลอด…
ทำให้เธอได้เรียนรู้หลักการนวดมาจากผู้เป็นบิดา
“เคยนวดใครแบบนี้มาก่อนรึเปล่า…”
เสียงนั้นถามด้วยความอยากรู้ เพราะเขาสัมผัสได้ว่า หมอที่กำลังนวดเขาอยู่ในตอนนี้นั้น
มีฝีมือในการนวดไม่ได้แตกต่างไปจากหมอนวดที่สปาเลย
หรือจะพูดให้ถูก เธอนวดเก่งกว่าที่สปาที่เขาเคยไปใช้บริการเสียอีก…
“เคยค่ะ…”คำตอบนั้นทำให้ดานีสถึงกับพลิกตัวหงายทันที
ทำให้นาดาถึงกับแปลกใจกับอากัปกริยาที่เปลี่ยนไปของเขา…
“เธอเคยเป็นหมอนวดด้วยเหรอ…”นาดาพยักหน้า
พร้อมกับจับมือของเขามาแล้วกลีงให้กล้ามเนื้อส่วนนั้นคลาย…
ดานีสมองการกระทำของเธอก็ให้แปลกใจ…
“พ่อของน้ำค้างเป็นหมอนวดมือหนึ่งแถวหมู่บ้านน้ำค้างค่ะ
น้ำค้างก็เลยได้ความรู้และฝึกฝนมาจากท่าน…
แต่ไม่ได้นวดใครเป็นพิเศษหรอกค่ะ ส่วนใหญ่จะนวดให้คนแก่คนเฒ่าแถวๆบ้าน
ที่มาให้พ่อช่วยนวด แต่บางวันพ่อก็เหนื่อยล้า น้ำค้างเลยอาสาช่วยนวดแทน….”
ดานีสค่อยยิ้มได้เมื่อรู้แล้วว่าเธอไม่ได้ไปทำงานในร้านอาบอบนวดอะไรแบบนั้น…
เขาล่ะหวั่นใจจริงๆ แต่ก็ไม่คิดว่าคนอย่างเธอจะทำงานในสถานที่แบบนั้น
เพีบงแต่เมื่อได้รับรู้ฝีมือการนวดก็เลยให้แปลกใจ จนอดถามไม่ได้…
“อย่างที่ไหปลาร้าเนี่ย ถ้านวดไม่ถูก นวดไม่เป็น คนถูกนวดมีสิทธิ์สลบได้นะคะ
เพราะมันมีเส้นประสาทมากมาย ถ้าเรากดทับเส้นประสาทผิดจุด
อาจส่งผลบางอย่างที่ไม่พึงประสงค์ได้…”
นาดาว่าพลางก็คว้ามืออีกข้างของเขามานวดและกลึงให้…
“เมื่อยเมื่อไหร่บอกน้ำค้างได้นะคะ…น้ำค้างจะนวดให้…”
นาดาค่อยๆคลี่นิ้วของชายหนุ่มแล้วนวดให้เบาๆ โดยเฉพาะมือขวาของเขา
ที่เขาใช้เขียนหนังสือและใช้มันถือมีดผ่าตัด เธอยิ่งเน้นให้เป็นพิเศษ…
และอดเปรียบเทียบไม่ได้ว่า มือของเขาซึ่งเป็นบุรุษยังนุ่มน่าสัมผััส
กว่ามือสากๆของเธอเป็นไหนๆ…ยิ่งเวลาที่เขากุมมือเธอ
เธอยิ่งรับรู้ได้ว่ามือที่นิ่มๆของเขากับมือของเธอช่างแตกต่างกันเหลือเกิน
เพราะเธอต้องใช้สองมือนี้ตรากตรำทำงานหนักมาตั้งแต่เด็กๆ
มือสตรีที่ควรจะนุ่มนิ่มน่าสัมผัสจึงไม่ใช่สองมือของเธอ…
เสร็จจากนวดมือนาดาก็เปลี่ยนเป็นนวดฝ่าเท้า…
ดานีสนอนเอาข้อศอกทั้งสองตั้งชันกับพื้นเบาะเอาไว้
แล้วมองคนนวดด้วยความเพลิดเพลิน
รู้สึกสบายเนื้อสบายตัว เบาตัวขึ้นเป็นกอง…
อดทึ่งกับความสามารถของคนตรงหน้าเขาไม่ได้จริงๆ
เขาว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ต้องรวยหรือไม่ต้องเกิดในชาติตระกูลสูงส่งก็ได้
เพราะเขาชอบที่เธอเป็นเธอแบบนี้แหล่ะ…
เธอที่ไม่ถือตัว ไม่หยิ่งยะโส ไม่ทำตัวเหนือผู้คน…
ไม่เคยแม้แต่จะเหยียบย่ำผู้อื่น…ซ้ำยังยอมทำให้คนอื่นมีความสุขและรู้สึกสบายแบบนี้…
เขามองเห็นความสงบอยู่ข้างหน้ายามที่มีเธออยู่ข้างๆแบบนี้
จนจากที่ไม่อยากกลับมาบ้านที่มีแค่ซากความอบอุ่น
ก็อยากจะกลับมาเพื่อจะพบเธอที่รอเขาอยู่ทุกวัน
…การที่ได้รู้ว่ามีคนที่รออยู่มันทำให้เขารู้สึกอบอุ่นในหัวใจ
จนห้ามไม่ได้เลยที่จะไม่ตกหลุมรักหญิงสาวตรงหน้า
ต่อให้มารดาของเขาจะชิงชังเธอ แต่เขาชิงชังเธอไม่ลง ทำไม่ลงจริงๆ
…ในเมื่อเธอไม่มีลักษณะอะไรให้เขาชิงชังได้เลยสักนิด
“ชอบมั้ยคะ…”
“ชอบ…”เสียงนั้นทอดยาวทำเอาคนฟัง
ที่กำลังก้มหน้าก้มตานวดฝ่าเท้าให้ชายหนุ่มอยู่ถึงกับเงยหน้าขึ้นมอง
ทำให้เห็นแววตากรุุ้มกริ่มของเขาเข้า ดานีสลุกขึ้นชักเท้ากลับแล้วนั่งพับเพียบ
“จะให้นวดตรงไหนให้อีกมั้ยคะ…มีตรงไหนที่ยังเมื่อยอยู่อีกมั้ย…”
“ตรงขมับนี่แหล่ะ…”นาดารู้สึกประหม่าขึ้นมาทันทีที่เขาให้เธอนวดขมับของเขา
“งั้นน้ำค้างขอไปล้างมือก่อนนะคะ…”ดานีสพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม
แล้วสักพักนาดาก็กลับมา หญิงสาวกะจะอ้อมไปนวดให้จากทางด้านหลังของเขา
หากชายหนุ่มกลับไม่ยอม ก็เขาไม่อยากคลาดจากดวงหน้าของเธอ
จึงบอกให้เธอนวดจากทางด้านหน้าของเขา
ทำให้ลมหายใจของทั้งสองเป่ารดซึ่งกันและกัน…
ดานีสหลับตาด้วยรู้สึกผ่อนคลายความตึงเครียดจากงานที่สุมกองเต็มหัว
ก่อนจะลืมตาแล้วมองหน้าเจ้าของสองมือมหัศจรรย์ที่ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อให้กับเขา…
ทำให้เขารู้สึกดี…
ก่อนจะค่อยๆโน้มหน้าเข้าหานาดาแล้วจูบเบาๆตรงริมฝีปากนั่น…
ก่อนจะรั้งร่างบางให้นอนราบบนเบาะนุ่มแล้วจูบเธออย่่างเนิ่นนาน…
“ชอบมั้ย…”ชายหนุ่มกระซิบถามหญิงสาวข้างหูเบาๆ
ทว่าอีกฝ่ายได้แต่เก็บงำเอาไว้ไม่ยอมตอบ…ทำให้คนถามถึงกับยิ้ม
“ถือว่าเป็นรางวัลสำหรับคนเก่งของฉัน…”
พูดจบดานีสก็ก้มลงจูบปากบางนั่นหนักๆอีกเนิ่นนานก่อนจะผละออก
เพราะรู้ดีว่าถ้ามากไปกว่านี้ เขาจะยั้งกายและใจเอาไว้ไม่อยู่
และที่สำคัญ เขารู้ว่าเธอกำลังมีประจำเดือน
เพราะเธอไม่สามารถละหมาดร่วมกับเขาในวันนี้ได้
ซึ่งแสดงให้รู้ว่า…เธอมีประจำเดือน…
เพราะหญิงที่มีประจำเดือนจะไม่สามารถทำละหมาดได้
ไม่สามารถอ่านคัมภีร์ได้ และไม่สามารถมีความสัมพันธ์กับสามีได้…
หลังจากผละออก นาดาก็รีบลุกขึ้นนั่ง และเป็นจังหวะที่ดานีสยึดตักของเธอเพื่อใช้หนุนนอน…
นาดาไม่ขัดข้อง ซ้ำยังยกมือทั้งสองขึ้นกลึงขมับให้คนที่นอนหนุนตักเธอ
ทำให้ดานีสนอนระบายยิ้มมองใบหน้าของหมอนวดของเขาด้วยความสุขใจ
ถ้ากลับมาบ้านแล้วมีเธอให้นอนหนุนตักอย่างนี้ทุกๆคืนก็คงจะดีน่ะสิ…
ดานีสจึงจับมือของหญิงสาวมากุมไว้แล้วจูบมือบางนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า
“มีเธอแล้วใจฉันมีความสุข…ขอบใจมากนะที่พยายามทำเพื่อฉัน…”
นาดายิ้มแก้มแดงกับแววตาของเขาที่ส่งมาให้เธอ…
“อยากเจอแม่กับน้องมั้ย…”นาดาเลิกคิ้วสูงกับคำถามนั้น…
ดานีสจึงเฉลยให้ว่า
“สัปดาห์หน้าฉันจะไปเมืองไทย…”คนฟังถึงกับยิ้มกว้างด้วยความดีใจกับสิ่งที่ได้ยิน…
“กี่วันคะ…”
“หนึ่งสัปดาห์…”คำตอบนั้นทำเอาคนฟังถึงกับมีความหวัง
“น้ำค้างไปด้วยได้เหรอคะ…”ดานีสพยักหน้า
ก่อนจะจับมือหญิงสาวพลิกไปมาแล้วถูฝ่ามือนั้นเล่น…
“แน่นอนที่สุด…”นาดายิ้มกว้างด้วยความตื้นตันใจ…
ดีใจที่จะได้กลับไปหามารดากับน้องๆที่เธอเฝ้าเพียรส่งจดหมายไปหาบ้าง โทรไปหาบ้าง…
จนอยากจะเห็นหน้า อยากกอด…
“รอฉันแป๊บนึงนะ…”พูดเสร็จอยู่ๆคนที่นอนหนุนตักเธอก็ดีดตัว
แล้วลุกขึ้นเดินออกจากห้องไป
สักพักก็เดินกลับมาพร้อมอะไรบางอย่างที่อยู่ในมือ…
ก่อนจะล้มตัวลงนอนบนตักของเธออีกครั้งแล้วคว้ามือของเธอไปกุมเอาไว้
หลังจากนั้นเขาก็บีบครีมจากขวดเล็กๆลงบนมือเขาแล้วชะโลมครีมลงบนฝ่ามือเธอ
หลังจากนั้นเขาก็ค่อยๆลูบไล้นวดมือให้เธอ ปากก็พูดว่า
“พอดีที่บริษัทยาของตระกูลฉันกำลังผลิตครีมบำรุงผิวชนิดนี้ขึ้นมาน่ะ…
มันทำมาจากวัสดุและสมุนไพรจากธรรมชาติร้อยเปอร์เซ็น…
ซึ่งจะช่วยคืนความชุ่มชื้นให้กับผิวที่แห้ง…และที่ถูกทำลาย
ฉันเลยขอเอามาลองใช้ดู…ว่าได้ผลและมีคุณภาพในระดับไหน…
อะโรมาซูทจากกลิ่นดอกลาเวนเดอร์ผสมกับมูนฟลาวเวอร์
จะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย และทำให้ผิวเนียนนุ่ม…”พูดจบ
เขาก็ยกมือของเธอขึ้นสูดดมกลิ่นหอมที่เขาพูดถึง
“หอมจริงๆด้วย…”นาดายิ้มกว้างกับท่าทางนั้นของเขา
เธอว่าเขาเป็นผู้ชายที่ดูเอาใจใส่และสนใจรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ
อย่างน้อยเขาก็สังเกตเห็นว่ามือของเธอสากถึงขั้นมาก…
เขาน่ารักกับเธออย่างนี้เสมอเลย…
“เธอควรจะใช้ชะโลมผิวก่อนนอนทุกคืน…หรือไม่ก็หลังอาบน้ำทุกครั้ง
แต่สำหรับมือและเท้า ฉันแนะนำให้เธอทาก่อนนอนนะ
เพราะว่าตอนนอนเราจะไม่ใช้มือทำโน่นทำนี่…ครีมจะได้ซึมซาบเข้าสู่ผิวได้ดี…
ไม่ต้องกลัวว่ามันจะหมด และไม่ต้องเสียดายด้วย
เพราะฉันจะขนมาให้อีกสักสองโหล…เอาให้เธอเนื้อหอมเนียนนุ่มไปทั้งตัวเลยดีมั้ย…”
ถ้อยคำและแววตาที่เขาช้อนขึ้นมามองเธอ
ทำเอานาดาถึงกับหน้าแดง เพราะรู้ดีถึงเหตุผลซ่อนเร้นในถ้อยคำนั้น
“ขอบคุณค่ะคุณหมอ…”
“ไหนเรียกใหม่ซิ…อย่างนี้ฟังแล้วไม่ค่อยรื่นหูเท่าไหร่”
นาดายิ้มเขิน ก่อนจะเรียกเขาด้วยน้ำเสียงที่พยายามให้หวานที่สุด
อย่างที่เขาชอบให้เธอเรียก
“ขอบคุณค่ะคุณหมอดานีสขา…”แล้วคนฟังก็ฉกฝ่่ามือเธอไปหอมอีกครั้ง
“ไม่กล้าหอมแก้ม เพราะกลัวจะไปไกลกว่านี้
เดี๋ยวเด็กแถวนี้จะประท้วงเอาทีหลังอีกว่าเรารังแกเด็กไม่มีทางสู้…”
นาดาเห็นด้วย เพราะเธอไม่มีทางสู้เขาได้แน่ๆ ที่สู้ไม่ได้นั้น เพราะสู้ไม่ไหว
หัวใจมันอ่อนแอและเปียกปอนเหมือนคนเป็นไข้ทุกครั้งที่เขารุกฆาตเธอ…
มันพร้อมยอมสิโรราบต่อเขาเสมอ อย่างกับแพ้ทางเขาอย่างไรอย่างนัั้น…
“ตอนนี้น้ำค้างไม่สะดวกค่ะ…กำลังติดไฟแดงอยู่ค่ะ…”
เสียงนั้นเบาหวิว ทว่าอีกฝ่ายกลับได้ยินชัดเจน
“แสดงว่าถ้าทางสะดวก ไฟเขียวผ่านตลอดใช่มั้ย…”
นาดาอยากจะซุกหน้าหนีแววตาที่มองเธอราวกับเจ้าแมวเหมียว
ที่รอคอยหนูให้ลงมาติดกับของเขาที่เอาขนมหวานมาล่อใจเธอได้ตลอดเหลือเกิน…
เขาขยันเสริฟขนมหวานจนเผลอชิมไปไม่รู้กี่ครั้งแล้ว…
แล้วจะให้เธอหนีเขาไปไหนรอด
มดเมาน้ำตาลอย่างเธอคงไม่แคล้วเป็นเบาหวานเข้าสักวัน…
ครั้นจะลุกหนีไปก็ไม่ได้ เพราะเขายึดหน้าตักของเธอไปเป็นหมอนให้เขาเสียแล้ว…
“ขอหมอนใบนี้ให้ฉันนอนหนุุนได้มั้ยนาดา…
ไม่อยากลุกไปนอนเดียวดายในห้องโน้นเลย…
มันหนาวกว่าห้องนี้ เพราะว่าห้องนั้นหน้าต่างเยอะ
ลมหนาวเลยเข้ามาทำให้ห้องมันดูหนาวเวลานอน
ไม่อุ่นเหมือนนอนห้องนี้เลย…นอนแล้วหลับฝันดี…”
นาดาอมยิ้มให้กับเหตุผลข้างๆคู่ๆของคนที่ยึดตักของเธออยู่
เขาคิดว่าเธอเด็กจนหลอกให้เชื่อเรื่องหน้าต่างเยอะแล้วทำให้ห้องหนาวได้อย่างนั้นน่ะหรือ
…น้ำค้างไม่ใช่เด็กอมมือแล้วนะคะคุณหมอดานีสขา…
แต่ก็อย่างเคย ไม่เคยปฏิเสธเหตุผลแม้จะเป็นเหตุผลข้างๆคู่ๆของเขาได้เลยสักหน
…จนแต้มตลอด…
แต่เรื่องไฟเขียวผ่านตลอดนี่คงต้องขอใช้เวลาคิดก่อน…
อย่างน้อยก็มีเวลาคิดก่อนประจำเดือนจะหมด ซึ่งคงอีกหลายวัน…
ถึงตอนนั้นคงหาทางหนีทีไล่แล้วก็ได้…ขออย่าให้ได้เจอทางตันเลย…
ก็ไม่ค่อยเข้าใจตัวเองเลยว่าทำไมต้องกลัวเรื่องนี้ด้วย…
เธอกลัวจริงๆนะกับเรื่องนี้ กลัวแต่ก็ยังกล้าแต่งงานกับเขา…
“เดี๋ยววันหลังน้ำค้างจะหาม่านที่หนากว่านั้นมาติดให้ใหม่นะคะ
ลมหนาวจะได้ไม่กัดเซาะ แทรกผ่านช่องลมตรงหน้าต่างเข้ามา…”
นาดาเลยตามน้ำไป…
“จะดีเหรอ…ฉันเกรงว่ามันจะไม่นำพาน่ะสิ…
ปกติมันจะหนาวตลอดเลยนะ ไม่ว่าฤดูไหน…
จะมีก็ช่วงฤดูที่มีเธอนี่แหล่ะ…ที่ทำให้ฉันเริ่มหายหนาว...เธอรู้มั้ยว่าทำไม…”
ดานีสเริ่มปฏิบัติการจีบอะรูซะดีที่นั่งหน้าแดงอยู่
เห็นเธอเสหันหน้าไปทางอื่น ปากก็อมยิ้ม เก้อเขิน…ไม่ยอมตอบเขา
“ไม่ตอบ…แสดงว่าเธอยังไม่รู้ล่ะสิถึงเหตุผลที่คนควรอยู่ด้วยกัน…”
นาดายิ้มให้กับคนเจ้าเหตุผลที่ดูไม่น่าจะลงตัวกับคนเจ้าน้ำตาอย่างเธอเลย…
“เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคม…”
นาดาพยักหน้่าให้กับเหตุผลที่คนที่นอนหนุนตักเธอกำลังบรรยายให้ฟัง…
แถมเขายังจับผมเธอเล่นราวกับเด็กน้อยกำลังเล่นผมในตักแม่…
“พระเจ้าสร้างฮาวามาจากกระดูกซี่โครงข้างซ้ายของอาดัม…
เป็นมนุษย์คู่แรกที่ทำให้เกิดลูกหลานมากมายในโลกนี้…
ถ้าไม่มีมนุษย์คู่แรก เธอคิดว่าเราจะเกิดมาจากอะไรดี…
หวังว่าเราคงไม่ได้กลายพันธุ์มาจากลิงหรอกนะ
เพราะฉันคนหนึ่งที่รับไม่ได้จริงๆกับทฤษฎีกลายพันธุ์
เพราะถ้ามนุษย์กลายพันธฺุ์ได้จริงๆ ป่านนี้เราอาจกลายร่างเป็นลิงอีกรอบก็ได้…
ดังนั้น…เราก็ไม่รู้ใช่มั้ย ว่าถ้าเราไม่ได้เกิดมาจากมนุษย์คู่แรก แล้วเราเกิดมาจากอะไร…”
นาดาส่ายหน้า เธอเองก็คิดไม่ตกเหมือนกัน…
“ใช่มั้ย…เราไม่รู้ และนี่แหล่ะคือเหตุผลที่เธอกับฉันควรอยู่ด้วยกัน นอนด้วยกัน…
เพื่อที่เราจะได้สร้างประชาชาติมนุษย์ชุดใหม่ด้วยกัน
มันคือภาระยิ่งใหญ่ที่มนุษย์โลกอย่างเราพึงกระทำ…
มนุษย์เราจะได้ไม่สูญพันธุ์
เธอลองคิดดูสิ ถ้าสมมติวันนึงมนุษย์สูญพันธุ์แล้วลิงครองโลก
ลูกหลานลิงอาจคิดไปเองก็ได้ว่า เรามนุษย์คือบรรพบุรุษของเขา
เพราะเรามีอะไรๆคล้ายๆกับพวกเขา
ฉันกลัวว่าทฤษฎีกลายพันธุ์จะผันกลับ…
เพราะประชาชาติลิงมีมากเหลือเกิน…เธอก็เห็นว่าลิงไม่คุมกำเนิด…”
นาดายิ้มขันกับถ้อยคำของเขา ถึงเธอจะเรียนแค่มัธยมต้น
แต่เรื่องทฤษฎีวิวัฒนาการน่ะเธอได้เรียนมาแล้วนะคะคุณหมอดานีสขา
เธอเองก็ทำใจให้เช่ือไม่ลงเหมือนกันกับทฤษฎีดังกล่าว
แต่เรื่องอนาคตของโลกที่ลิงอาจจะได้เป็นผู้ครอบครองเนี่ย
เธอว่ามันน่าจะเป็นไปได้ยากอยู่นะคะคุณหมอดานีสขา…
เพราะมนุษย์เรามีมากกว่าฝูงลิงค่ะ…
น้ำค้างไม่หลงกลคุณหมอหรอกค่ะ รู้นะคะว่าคุณหมอกำลังต้อนน้ำค้างเข้ากรงหนู
…หนูไม่ยอมค่ะ หนูไม่ยอม
“คุณหมอทำให้น้ำค้างนึกถึงเจ้าเหมียวที่บ้านเลยค่ะ…”
ดานีสถึงกับช้อนตาขึ้นมองคนพูด ที่อยู่ๆก็พูดเรื่องแมวขึ้นมา
ทั้งๆที่เขากำลังชวนเธอพูดเรื่องปัญหาลิงครองโลกอยู่…
“แมวที่บ้านน้ำค้างตอนกลางดึกมันจะไปนั่งอยู่ในห้องครัว
เพื่อรอให้หนูลงมากินอาหาร เพราะปกติหนูมันจะลงไปที่ห้องครัวก่อนที่อื่น
เพราะที่นั่นมีอาหารมากมาย…แมวรู้ทางก็เลยไปแอบรอ
แต่หนูมันฉลาดค่ะ มันแอบอยู่ตรงรูเล็กๆ แมวก็ได้กลิ่นค่ะแต่เข้าไปในรูนั้นไม่ได้…
ก็เลยได้แต่รอให้หนูออกมา…
มันคงเชื่อว่ายังไงเจ้าหนูตัวนั้นก็ต้องออกมาหาอาหารแน่ๆ
หนูตัวอื่นก็เลยย่องลงไปหาอาหารกินสบายเลยคราวนี้…
เพราะเจ้าแมวเหมียวรอกินหนูในรูอยู่ จนไม่ได้ไล่ล่าหนูตัวอื่น…
มันคาดหวังแค่จะเอาหนูในรูตัวนั้นตัวเดียวค่ะ…ไม่สนหนูตัวอื่น
จนน้ำค้างที่ตื่นมาตอนดึกๆก็จะเห็นมันเฝ้ารูหนูตัวนั้น
จนรุ่งสาง ตื่นมาละหมาดอีกทีก็ยังเห็นมันยังนั่งสัปหงกอยู่หน้ารูหนูไม่ยอมไปไหน…
ไม่ยอมหลับไม่ยอมนอน…”
“แล้วไงต่อ…บทสรุปมันได้หนูตัวนั้นมากินมั้ย…”
ดานีสทำเสียงเย็นนิดๆให้อีกฝ่ายรู้ว่า เขารู้นะว่าเธอกำลังสื่ออะไรกับเขาอยู่
นาดาระบายยิ้มให้กับสีหน้าตึงๆของคนบนตัก…
“ด้วยความพากเพียร…มันรอจนเกือบรุ่งสาง จนเจ้าหนูทนหิวไม่ไหว
เลยออกมาจากรูค่ะ หนูเลยเสร็จเจ้าเหมียวของน้ำค้าง…
สมกับชื่อที่น้ำค้างตั้งให้มันเลยค่ะ…”
ดานีสถึงกับอมยิ้มให้กับเรื่องราวที่หญิงสาวเล่าให้เขาฟัง
เหนือสิ่งอื่นใด แววตาและน้ำเสียงของเธอ
มันทำให้เขาอยากกลายร่างเป็นเจ้าเหมียวตัวนั้นขึ้นมาซะแล้วสิ…
“มันชื่ออะไรเหรอ…”
“ชื่อซอบารอ ที่แปลว่า อดทนไงล่ะคะ…”
นาดาเฉลยพร้อมรอยยิ้ม ทำเอาคนฟังชักหมั่นไส้ขึ้นมา…
“สรุปว่าเธอเชียร์หนูหรือเจ้าซอบารอของเธอกันแน่
ฉันฟังๆดูเหมือนเธอจะเข้าข้างหนูตัวนั้นเลยนะ…”
“น้ำค้างก็ต้องเชียร์เจ้าซอบารอของน้ำค้างสิคะ
ก็หนูน่ะมันชอบกัดกินเสื้อผ้าของน้ำค้าง ที่สำคัญยังเป็นพาหะนำโรคอีก…
น้ำค้างเลยต้องเลี้ยงแมวเอาไว้ไล่หนูไงล่ะคะ…”
คนฟังยิ้มได้ทันทีที่ได้ฟังคำตอบนั้น อย่างน้อยเธอก็ชอบแมวล่ะ…
“เธอชอบแมวตรงไหนเหรอ…ปกติ แมวมันเป็นสัตว์มีเขี้ยวเล็บนะ เธอไม่กลัวเหรอ…”
นาดาส่ายหน้า
“ไม่กลัวค่ะ เพราะน้ำค้างชอบแมวตรงที่มันขี้อ้อน ขี้เล่น ซุกซน
เวลายั่วมันให้เล่นด้วย มันก็จะมีปฏิกิริยาตอบกลับทันที…
มันซนและก็น่ารักมากค่ะ
แม้บางครั้งเวลาเล่นกับมันจะได้แผลขีดข่วนกลับมาบ้าง
แต่เพราะความน่ารักและขี้อ้อนของมันนี่แหล่ะค่ะที่ทำให้น้ำค้างยอมใจอ่อนให้มันทุกที…
ไม่รู้ทำไม…แพ้ทางแมวตลอดเลย
เจ็บแค่ไหนก็ทนได้ค่ะ ก็ชอบนี่คะ…
อยู่กับมันไม่มีคำว่าเซ็งเลยสักวันเดียว
และที่สำคัญแมวมันมีอะไรหลายๆอย่างเหมือนเสือ แต่เป็นเสือตัวน้อยที่น้ำค้างอุ้มได้…
และก็เล่นด้วยได้…เอาไปนอนด้วยได้โดยไม่ต้องกลัวว่าจะโดนง้าบ…
อุ่นใจว่าอย่างไรก็ปลอดภัย งูและตะขาบก็จะไม่มาเข้าใกล้
เพราะแมวมีต่อมรับรู้ถึงการมาถึงของอสรพิษ…มันจะเตือนให้เรารู้ตัวเสมอ…
มันคือผู้ช่วยที่แสนรู้และก็น่ารักมากๆค่ะ…น้ำค้างก็เลยชอบมันมากๆ…”
ดานีสระบายยิ้มออกมากับน้ำเสียงและใบหน้าที่ดูจะมีความสุข
ยามที่ได้พูดถึงเจ้าเสือตัวน้อยๆของเธอ
“เพิ่งรู้ว่าผู้หญิงชอบแมว แต่ไม่ชอบเสือ…เพราะกลัวจะโดนง้าบนี่เอง…”
ท้ายประโยคเหมือนคนพูดจะย้ำหนักๆ ทำให้คนฟังถึงกับสะท้าน
“ค่ะ…น้ำค้างกลัวโดนเสือง้าบไปกินค่ะ…”
“แล้วกับแมวล่ะ…”
“แมวมันไม่กินคนค่ะ…”
“แต่แมวกินหนู…และก็รอจะง้าบหนูที่ซ่อนตัวอยู่ในรูด้วย…”
“ไม่เอาดีกว่า…น้ำค้างเมื่อยแล้วค่ะ…เหน็บกินด้วย…”
นาดารีบเปลี่ยนเรื่องทันทีที่หาโอกาสได้
เพราะถ้าไม่รีบเปลี่ยน กลัวว่าคราวหน้าแมวที่ว่าจะกลายร่างเป็นเสือง้าบเธอไปกิน…
“อีกนิดนึงไม่ได้เหรอ…”นั่นไง เขาเริ่มอ้อนเธออีกแล้ว…
“นวดขมับให้ฉันอีกนิดนะน้ำค้าง ฉันยังไม่ง่วงเลย…”
นาดายิ้มบางก่อนจะกลึงขมับให้คนบนตักอย่างว่าง่าย…
แล้วต่างฝ่ายต่างเงียบกันไปพักนึง ก่อนที่หญิงสาวจะมารู้ตัวว่า
คนบนตักได้นอนหลับไปแล้ว เพราะเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของเขา
บอกว่าเขาเดินหน้าไปสู่แดนสรวงก่อนเธอแล้ว…
หญิงสาวเลยเอนกายพิงหัวเตียง หลับพับไปในท่านั้นด้วยเพราะไม่อยากปลุกเขาให้ตื่นขึ้นมา
ไม่ว่าจะเหน็บกินและเมื่อยแค่ไหนเธอก็สุขใจที่มีเขานอนหนุนตักอยู่อย่างนี้…
ดานีสตกใจตื่นขึ้นมากลางดึกก่อนจะได้เห็นว่าตัวเอง
ยังคงนอนหนุนตักหญิงสาวอยู่ก็ให้รู้สึกผิด…
…เธอคงปวดเมื่อยแย่เลย…นี่เขาเผลอหลับไปได้ยังไงกัน…ไม่น่าเลย…
ชายหนุ่มระบายยิ้มออกมาเมื่อมองใบหน้าของหญิงสาว
ที่เขาเริ่มรู้สึกดีๆด้วยก่อนจะค่อยๆจับเธอวางลงบนหมอนอย่างเบามือที่สุด
แล้วห่มผ้าให้ก่อนจะล้มตัวลงนอนกอดหมอนข้างนุ่มนิ่มนั้นด้วยรอยยิ้มสุขใจ…
ไม่ว่าจะฤดูไหน หากมีเธออยู่ข้างกาย เขาก็คงจะไม่หนาวเหน็บอีกต่อไป…
เพราะเขาเริ่มจะชอบและติดใจ “ฤดูที่มีเธอ” เข้าให้แล้วสิ…
ไม่อยากให้ฤดูนี้สิ้นสุดลงเลย…
...โปรดติดตามตอนต่อไป.....
ในที่สุดโยก็ปั่นตอนนี้เสร็จแล้ววววววววว...อิอิอิ...
เหยียบ 250 แรงเต่ามาให้แล้วนะคะ...อย่าได้เคืองกันน้าาาาาาา...
ว่าแล้วก็มาคุยกับนักอ่านดีกว่า...
1.คุณบัวขาว...ขอบคุณค่ะสำหรับกำลังใจและการติดตาม...
กลับมาเมื่อไหร่ แวะมาส่งเสียงทักทายโยที่กระดานนี้บ้างนะคะ...
จุ๊บๆนะคะ
2.คุณหมีสีชมพู...เอาพ่อดาวิดมาให้ชื่นชมแล้วนะคะ...
แต่ยังไม่ถึงกับบู๊มากค่ะ แค่มาลองเชิงหมอดานีสเล่นๆ...
หนทางยังอีกหลายตอน ต้องมาดูกันต่อค่ะว่าเรื่องสั้นขนาดยาวของเต่าโย
จะถึงเส้นชัยเมื่อไหร่...ตอนนี้ เหยียบ 250 แรงเต่ามาเลยนะคะเนี่ย...อิอิ
ขอบคุณค่ะสำหรับกำลังใจและการติดตาม...
3.คุณviolette...น่าจะเป็นคู่แข่งที่ทำคะแนนลำบากหน่อยนะคะ
เพราะว่าดูไปแล้ว หมอดานีสวิ่งล้ำหน้าไปหลายเมตรแล้ว
แต่ก็ไม่แน่ค่ะไม่แน่...อิอิอิ..ขนาดเต่าที่ว่าช้ายังเคยชนะกระต่ายมาแล้วเลยค่ะ...อิอิ
ขอบคุณค่ะสำหรับกำลังใจและการติดตาม...
4.คุณPampam...ขอบคุณเช่นกันค่ะสำหรับกำลังใจและการติดตาม...
เอาพ่อดาวิดมาให้แล้วนะคะ...ยกหน้า มาลุ้นกันต่อว่า นาดาจะผ่านด่าน
ท่านหญิงอะมานี ได้หรือไม่...เรื่องนี้ต้องอ่านไปเรื่อยๆค่ะ
เพราะว่าจะไม่มีปมเลย มันก็ไม่เชิงค่ะ ซึ่งถ้าไม่มีปมเลยนั้น
มันผิดวิสัยนิยายของเต่าโยน่ะค่ะ อิอิอิ...
5.คุณคิมหันตุ์...ต้องขอโทษด้วยนะคะที่มาให้ช้ามาก...
ช่วงนี้รู้สึกว่าเต่าจะขาสั้นลงรึเปล่าก็ไม่รู้สิคะ เพราะว่าคลานต้วมเตี้ยมเหลือเกินค่ะ
หวังว่ายกนี้จะทำให้น้ำตาลในกระแสเลือดของนักอ่านเพิ่มขึ้นมาสักจุดสองจุดนะคะ..อิอิ
ขอบคุณค่ะสำหรับกำลังใจดีๆที่ผลักให้ขาสั้นๆของเต่าสาวให้ถี่ขี้นได้มากขึ้นค่ะ จุ๊บๆค่ะ
6.คุณChii...หวังว่าตอนนี้จะทำให้ฤดูกาลที่เป็นอยู่เปลี่ยนไปนะคะ..
เพราะหมอดานีสเขาเริ่มติดใจ ฤดูที่มีน้ำค้าง ซะแล้วล่ะค่ะ...อิอิอิ...
ขอบคุณค่ะสำหรับกำลังใจและการติดตาม...จุ๊บๆนะคะ
7.คุณmhengjhy...หมอเขาไม่ได้หึงค่ะ เขาบอกว่าเขาไม่ได้หวงด้วย...ฮ่าๆๆ
ปากอย่างนี้น่าจะปล่อยให้ดาวิดมาเยือนถึงบ้านบ่อยๆนะคะเนี่ย...อิอิอิ...
เห็นบอกว่าจะพานางเอกเราไปเมืองไทย มาลุ้นกันต่อนะคะว่าจะมีอุปสรรค
ขัดขวางรึเปล่า...ขอบคุณค่ะสำหรับกำลังใจและการติดตามค่ะ
8.คุณpattisa...มาเฉลยให้แล้วนะคะว่าดาวิดคือใคร...
งานนี้ต้องมาดูกันว่า งานที่จะมาถึงนั้น นาดาจะเจอกับอะไรบ้าง...
ขอบคุณค่ะสำหรับกำลังใจและการติดตาม...
9.คุณsupayalak...ช่ายแล้วค่ะ รักเด็กต้องอดทน ต้องเป็นคนขี้อ้อนเด็ก...อิอิอิ
โยกะว่าจะลองหาคาถาต้อนเด็กเข้ามุ้งมาให้หมอดานีสท่องอยู่ค่ะ...
เห็นแล้วท้อแท้แทน...เมื่อไหร่จะได้ง้าบบบบบล่ะนั่น...
ต้องมาลุ้นตอนไฟเขียวค่ะ ว่าจะผ่านตลอดมั้ย...อิอิ...
ขอบคุณค่ะสำหรับกำลังใจน่ารักๆค่ะ..
10.คุณaom...มาเสริฟให้แล้วนะคะ...ไม่รู้ว่า "อ่อนหวาน" ไปรึเปล่า...
เต่าสามารถเติมน้ำตาลได้แค่นี้น่ะค่ะ...อิอิอ...
ขอบคุณค่ะสำหรับกำลังใจและการติดตาม...
11.คุณgoldensun...ใช่แล้วค่ะของขึ้นเลย แถมน้ำตาลในเลือดก็ขึ้นสูงด้วย
รอบนี้เลยดูจะอ้อนนางเอกเราจัง...เจอเข้าอย่างนี้น้ำค้างคงไม่รอดค่ะ...
ที่รอดอยู่เพราะไฟแดงนี่แหล่ะค่ะ...ไฟแดงช่วยเอาไว้จนได้ค่ะ...
ขอบคุณค่ะสำหรับกำลังใจและการติดตาม...
12.คุณน้องเจื้อยแจ้ว...ขอบคุณค่ะสำหรับกำลังใจดีๆน่ารักนะคะ
เรื่องหนังสือ พี่ยังไม่รู้เลยว่าจะทำออกมารึเปล่าน่ะค่ะ...
แต่กะจะแชร์ให้นักอ่านได้อ่านกันจนถึงเวลาลบน่ะค่ะ
ซึ่งคิดว่าจะไม่ลบแม้จะเขียนจบไปแล้ว นอกเสียจากว่ามีเหตุจำเป้น
ให้ต้องลบออกจริงๆเท่านั้นจ้าาาาาา...
แต่เรื่องหนังสือทำมือนั้นไม่แน่ค่ะ เพราะแอบคิดๆอยุ่เหมือนกัน
พี่อยากเป้นคนออกแบบปกเองเสียด้วยสิคะ...
อยากทำเองน่ะค่ะ...จุ๊บๆนะจ๊ะ...
13.คุณPat...ขอบคุณค่ะสำหรับกำลังใจและการติดตามค่ะ
ตอนนี้กะจะมาทำให้นักอ่านผ่อนคลายเป็นพิเศษ
ก่อนจะเข้าสู่โหมดโหด...อิอิ...อ่ะๆ...อย่าเพิ่งตกใจไปนะคะ
เรื่องนี้ไม่ใช่นิยายฆาตกรรมอำพรางนะคะ...สบายใจได้ค่ะ
ว่าจะไม่มีตัวละครตัวใดโดนเชือด...อิอิ
14.คุณLittlewitch...โยกะจะเขียนอะไรแบบนี้ที่นักอ่านอ่านแล้วอมยิ้มได้บ้าง
แม้จะหวานไม่มากมาย แต่ก็อยากให้ละมุนหัวใจน่ะค่ะ...
ก็เล่นเขียนแต่ดราม่าหนักๆมาเยอะ...แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเรื่องนี้จะไม่ดราม่านะคะ
อิอิอิ...สรุปว่าแนวไหนกันแน่นั้น ต้องมาดูกันต่อค่ะ ไม่ยาวเท่าไหร่
แต่จะว่าสั้นก็ไม่น่าจะสั้นค่ะ...ส่วนกว่าจะจบน่าจะนานน่าดู เพราะเต่่าขาสั้น...เฮะๆ
ขอบคุณค่ะสำหรับกำลังใจและการติดตาม
สุดท้ายไม่ท้ายสุด..
ขอบคุณทุกไลค์ ทุกกำลังใจ และทุกๆคนที่เข้ามาอ่านมาติดตามนะคะ...
...แล้วเจอกันยกหน้าค่ะ...
"เต่าโย"

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 พ.ย. 2555, 00:10:27 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 พ.ย. 2555, 00:10:27 น.
จำนวนการเข้าชม : 9030
<< บทนำ | ตอนที่ 15 กว่าจะเข้าใจกัน >> |

หมีสีชมพู 19 พ.ย. 2555, 00:44:30 น.
เบื่อแม่ดานิสมากๆ ดานิสสวีทชดเชยให้นาดาก็ดีล่ะ
แต่ช่วยเอาแม่ดานิสไปเก็บสักที
เบื่อแม่ดานิสมากๆ ดานิสสวีทชดเชยให้นาดาก็ดีล่ะ
แต่ช่วยเอาแม่ดานิสไปเก็บสักที


Littlewitch 19 พ.ย. 2555, 00:56:59 น.
หลบความเครียดจากเรื่องโน้น มาอ่านอะไรกุ๊กกิ๊กจากเรื่องนี้ไม่ผิดหวังเลยจริงๆ ^^ ลุ้นให้คุณหมอไฟเขียว
ผ่านตลอด ตลอด
หลบความเครียดจากเรื่องโน้น มาอ่านอะไรกุ๊กกิ๊กจากเรื่องนี้ไม่ผิดหวังเลยจริงๆ ^^ ลุ้นให้คุณหมอไฟเขียว


คิมหันตุ์ 19 พ.ย. 2555, 01:39:17 น.
อยากมีฤดูแบบนี้มั่งจัง แอร๊ย!!! เอาใจช่วยหนูน้ำค้างให้เอาชนะใจแม่ซะมีได้ไวนะจ๊ะ
อยากมีฤดูแบบนี้มั่งจัง แอร๊ย!!! เอาใจช่วยหนูน้ำค้างให้เอาชนะใจแม่ซะมีได้ไวนะจ๊ะ


AprilSK 19 พ.ย. 2555, 02:56:46 น.
น่ารักมาก :)
น่ารักมาก :)


goldensun 19 พ.ย. 2555, 08:58:03 น.
ทั้งน่ารักและดีขนาดนี้ ถ้าอะมานีไม่อคติบังตา คงชอบนาดาไปแล้ว
คุณหมอน่ารัก พยายามปกป้อง แต่นาดาก็คงไม่อยากให้่ดานีสเถียงแม่
แต่ชดเชยนาดาด้วยการหวานใส่ แล้วจะพากลับไปเยี่ยมบ้าน ก็ถือเป็นการชดเชยที่ดีนคะ
เหลืออุปสรรคอย่างเดียวแล้ว อะไรจะเปลี่ยนใจอะมานีได้นะ
ทั้งน่ารักและดีขนาดนี้ ถ้าอะมานีไม่อคติบังตา คงชอบนาดาไปแล้ว
คุณหมอน่ารัก พยายามปกป้อง แต่นาดาก็คงไม่อยากให้่ดานีสเถียงแม่
แต่ชดเชยนาดาด้วยการหวานใส่ แล้วจะพากลับไปเยี่ยมบ้าน ก็ถือเป็นการชดเชยที่ดีนคะ
เหลืออุปสรรคอย่างเดียวแล้ว อะไรจะเปลี่ยนใจอะมานีได้นะ

saralun 19 พ.ย. 2555, 09:09:07 น.
น่ารักที่สุด ^^
น่ารักที่สุด ^^


supayalak 19 พ.ย. 2555, 10:31:55 น.
อ่านตอนนี้แล้วบอกได้คำเดียวว่า วิ้ววววววววว
หวานซะน้ำตาลไม่ต้อง น่ารักเกินบรรยาย ถึงแม้แม่สามีจะทำให้ขุ่นไปนิดนึงก็เถอะ แต่ยังดีที่มีกองเชียร์เยอะสู้โว้ยยยยย
เอ่อ เชียร์ ยกน้ำหนักเหรอค่ะ
อ่านตอนนี้แล้วบอกได้คำเดียวว่า วิ้ววววววววว




mhengjhy 19 พ.ย. 2555, 12:07:31 น.
แหม่ คุณหมอ อ้อนเชียะ
แหม่ คุณหมอ อ้อนเชียะ


violette 19 พ.ย. 2555, 14:56:13 น.
เบื่อแม่ดานีสอีกคนค่ะ ดีนะ มีคุณดานีนกับดาวิด ช่วยหนุนหลัง
แต่ตอนหน้านี่สิจะเป็นยังไงน้า
ยังไงเรื่องนี้ไม่เอาดราม่ามากนะคะ สงสารน้ำค้าง ฮืออ
เบื่อแม่ดานีสอีกคนค่ะ ดีนะ มีคุณดานีนกับดาวิด ช่วยหนุนหลัง
แต่ตอนหน้านี่สิจะเป็นยังไงน้า
ยังไงเรื่องนี้ไม่เอาดราม่ามากนะคะ สงสารน้ำค้าง ฮืออ


Chii 20 พ.ย. 2555, 21:31:59 น.
งาบ ไม่น่ามี ไม้โท นะคะ ^^
งาบ ไม่น่ามี ไม้โท นะคะ ^^

Littlewitch 20 พ.ย. 2555, 23:32:12 น.
ตอนชนแห่งหัวใจมีแง่คิดดีๆเกี่ยวกับการดูแลหัวใจ เลยเอาไปแชร์ในเฟซบุคมีคนชอบมากทีเดียวคะ แต่พอบอกเป็นนิยายดราม่าคนถอยกันเลย
ตอนชนแห่งหัวใจมีแง่คิดดีๆเกี่ยวกับการดูแลหัวใจ เลยเอาไปแชร์ในเฟซบุคมีคนชอบมากทีเดียวคะ แต่พอบอกเป็นนิยายดราม่าคนถอยกันเลย

Littlewitch 20 พ.ย. 2555, 23:33:39 น.
แต่แม่มดชอบนะคะ ช่วงนี้เป้นตอนหวานๆ อ่านไปแทบม้วนเลยคะ อั้ย อั้ย อั้ย น่ารัก
แต่แม่มดชอบนะคะ ช่วงนี้เป้นตอนหวานๆ อ่านไปแทบม้วนเลยคะ อั้ย อั้ย อั้ย น่ารัก

SaiParn 21 พ.ย. 2555, 10:14:00 น.
เพิ่งได้ตามอ่านค่ะ ชอบมากเลยค่ะ ตามอ่านรวดเดียว ชอบตรงที่สอดแทรกแง่คิดและอธิบายในหลาย ๆ เรื่อง เสริชหาในเว็บเลิฟที่คุณโยเขียนไว้เด๋วป่านจะตามไปอ่านนะคะ กุ๊กกิ๊กบ้าง น่ารักดีค่ะ
สรุปว่า "ชอบมากกกกกก" ในตอนนี้เจอคำผิดด้วยนะคะ
เพิ่งได้ตามอ่านค่ะ ชอบมากเลยค่ะ ตามอ่านรวดเดียว ชอบตรงที่สอดแทรกแง่คิดและอธิบายในหลาย ๆ เรื่อง เสริชหาในเว็บเลิฟที่คุณโยเขียนไว้เด๋วป่านจะตามไปอ่านนะคะ กุ๊กกิ๊กบ้าง น่ารักดีค่ะ
สรุปว่า "ชอบมากกกกกก" ในตอนนี้เจอคำผิดด้วยนะคะ

Orathai 23 พ.ย. 2555, 09:16:20 น.
อ่านแล้วละมุนหัวใจค่ะ...
อ่านแล้วละมุนหัวใจค่ะ...

lookpud 24 พ.ย. 2555, 20:33:45 น.
ตอนนี้หวานจัง
ตอนนี้หวานจัง

SaiParn 25 พ.ย. 2555, 16:35:37 น.
ไปตามอ่านเรื่อง รังรัก เชื่อไหมคะว่าตื่นเช้ามาตาบวมเลยค่ะ
ร้องไห้ตลอด ๆ เศร้า..เศร้าค่ะ แต่ชอบนะที่คุณโยแต่งแล้วสอดแทรกแง่คิดไว้ด้วย
ชอบค่ะ ชอบมาก กดไลค์ให้ทุกตอนเลยค่ะ
ไปตามอ่านเรื่อง รังรัก เชื่อไหมคะว่าตื่นเช้ามาตาบวมเลยค่ะ
ร้องไห้ตลอด ๆ เศร้า..เศร้าค่ะ แต่ชอบนะที่คุณโยแต่งแล้วสอดแทรกแง่คิดไว้ด้วย
ชอบค่ะ ชอบมาก กดไลค์ให้ทุกตอนเลยค่ะ

Thananya 26 พ.ย. 2555, 22:05:51 น.
ชอบชื่อตอนนี้จังเลยค่ะ ชอบสาระที่สอดแทรกมากับคำพูดตัวละครด้วย
ชอบชื่อตอนนี้จังเลยค่ะ ชอบสาระที่สอดแทรกมากับคำพูดตัวละครด้วย