บ่วงรักแรงอธิษฐาน
รักในปัจจุบันผูกพันกับรักที่ปวดร้าวในอดีตชาติ
คำอธิษฐานและบุพเพสันนิวาสนำเขาและเธอกลับมาพบกันอีกครั้ง
แต่จะทำเช่นไรเมื่อหนึ่งคือเพื่อนรักที่ยอมสละชีพเพื่อเราและหนึ่งคือยอดดวงใจที่เฝ้ารักเฝ้ารอมาหลายภพชาติ
Tags: ย้อนอดีต ระลึกชาติ บุพเพสันนิวาส

ตอน: ตอนที่ 7 อุ่นรักคืนเลือด


‘เอ๊ะ? เงาตะคุ่มๆ และเสียงฝีเท้าม้าไกลๆ นั่น...’

เปรี้ยง!
“ชาวบ้านหนองไผ่ล้อมทุกคนให้ออกมารวมตัวกันที่ลานกลางหมู่บ้าน นำทรัพย์สินของมีค่าออกมาให้หมด ข้าไม่อยากทำร้ายผู้ใด แต่อย่าลูกไม้ ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าเสือแดงไม่เตือน”
สิ้นเสียง ชาวบ้านทั้งหญิงชายและลูกเล็กเด็กแดงก็หอบข้าวของที่คิดว่ามีค่าออกมารวมกันที่ลานกลางหมู่บ้านอย่างโกลาหล นี่คือการปล้น

“ออกมาหมดกันรึยัง ทำไมมีน้อยนักวะมีแต่เด็กผู้หญิงกับคนแก่ พวกผู้ชายหายไปไหนหมด”
จากน้ำเสียง สีหน้าและท่าทาง เจ้าคนตัวโตคิ้วหนาหนวดโง้งผมสั้นสักลายเต็มตัวและถือปืนสั้นนี่คงเป็นหัวหน้า หรือ ‘เสือแดง’ อย่างที่มันประกาศตัวเองไปเมื่อสักครู่ ลูกสมุนกระจายกำลังปิดล้อมทั่วบริเวณ

“พวกผู้ชายถูกหลวงเรียกไปสมทบทัพ เหลือพวกข้าแค่ไม่กี่คนไว้ดูแลชาวบ้าน พ่ออยากได้อะไรก็ขนไปเถิดแต่ขอร้องว่าอย่าทำร้ายชาวบ้านตาดำๆ เลย”
หนึ่งในชายฉกรรจ์ของหมู่บ้านชี้แจงกับหัวหน้าโจร คะเนด้วยสายตาพวกมันมากันไม่เกินสิบคน สองมือของเขาหอบห่อผ้าบรรจุของมีค่า อำนวยความสะดวกสำหรับการขนย้ายของพวกโจร

“ไอ้นี่ พูดจาฉะฉาน ท่าทางองอาจดี ข้าชอบ มาอยู่กับข้าแล้วข้าจะละเว้น ไม่ปล้นหมู่บ้านนี้อีกตลอดไป”
“ข้ามีคนที่ต้องดูแล เห็นทีจะไม่ได้ดอกพ่อ เอาอย่างนี้ก็แล้วกันต่อไปพวกข้าจะเตรียมค่าคุ้มครองเอาไว้ให้ สักสามเดือนครั้ง พ่อก็ให้คนแวะมารับไปก็แล้วกัน”
“ดี...ดี... เอ็งใจกล้าดีมากข้าชอบ” ร่างกำยำบนหลังม้าหัวเราะเสียงดังอย่างทรงอำนาจ ควงปืนสั้นในมือก่อนจะเก็บเข้าซองที่เหน็บไว้ข้างเอว ใกล้ๆ มีดสั้นคมกริบ
“ไหนล่ะของมีค่าสำหรับครั้งนี้ เอามารวมกันตรงนี้ เอ๊ะ..เดี๋ยว!” เสือแดงเหลือบไปเห็นหญิงสาวผิวพรรณผุดผ่องที่ซุกตัวอยู่หลังชายชราผู้เป็นพ่อ พุดซ้อนนั่นเอง

“วันนี้ข้าจะเอาผู้หญิงไปด้วย นังคนนั้นชื่ออะไร?” มันชี้ไปที่พุดซ้อนที่เริ่มตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว ตะคอกถามด้วยน้ำเสียงห้วนจัด
“ชื่อ...พุด..ซ้อนจ้ะ” ตางามที่ฉายแววหวาดผวาหันมาสบตาชายหนุ่มผู้รับหน้าที่เป็นผู้เจรจาของหมู่บ้าน
“ออกมานี่ซิ”
“ไม่...ได้โปรดเถิด อย่าทำอะไรลูกสาวข้าเลย โธ่...พุดซ้อนลูกพ่อ...”
“ได้โปรดเถิดพ่อ ละเว้นพวกเราสักครั้งเถิด แล้วข้าจะไม่ลืมพระคุณเลย”
“หุบปาก! เอ็งไม่ต้องเสือก!”

ร่างหนาของชายผู้เจรจาต้องเซถลาเพราะแรงจากฝ่าเท้าของเสือแดง ใบหน้าเข้มขบกรามแน่น ลำพังตัวเองถูกทำร้ายเพียงเท่านี้หาได้ยี่หระดอก หากแต่ถ้ามันผู้ใดกล้าแตะต้องหญิงผู้เป็นยอดดวงใจแม้เพียงปลายเส้นผม ไอ้จันคนนี้จะไม่ปล่อยให้หัวของมันตั้งอยู่บนบ่าได้อีกต่อไปเป็นแน่

พุดซ้อนแหวกกลุ่มชาวบ้านเดินเข้าไปใกล้ด้วยหัวใจเต้นระทึก แต่ต่อให้สถานการณ์เลวร้ายกว่านี้เธอก็เชื่อและหวังว่าพี่ทองและพี่จันจะไม่ปล่อยให้ใครทำร้ายเธอได้อย่างแน่นอน

“รูปร่างหน้าตาผิวพรรณงามนัก ไปเป็นเมียข้า แล้วเอ็งจะได้อยู่สุขสบาย” ใบหน้าเหี้ยมยิ้มที่มุมปาก ยื่นมือหยาบกร้านหวังเชยคางสวยของพุดซ้อนขึ้นเชยชม
“โอ๊ย!” มันต้องชักมือกลับทันที พลางดึงไม้ไผ่ปลายแหลมออกจากฝ่ามือ เลือดสีแดงไหลรินถึงข้อศอก หญิงสาวถอยกรูดด้วยความตกใจที่ทำไปเพราะสัญชาติญาณการป้องกันตัว
“ฤทธิ์มากแบบนี้กูชอบ” มันคำรามก่อนโน้มตัวยื่นมือหวังกระชากร่างบางนั้นอีกครั้ง
แต่...
มือของโจรใจทรามมีอันต้องขาดกระเด็นเมื่อดาบยาวถูกเขวี้ยงมาจากซอกมุมแห่งความมืด ก่อนจะพุ่งไปปักฉึกที่เสายุ้งข้าวไกลๆ มันร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บปวดมือที่เหลืออีกข้างรีบกุมข้อมือห้ามเลือดสดๆ ที่กำลังพุ่งปรี๊ดๆ ตามจังหวะการเต้นของหัวใจ นึกไม่ถึงว่าจะมีวันนี้

“เอ็งมัวทำอะไรอยู่วะไอ้จัน!”
เร็วกว่าเสียงคำรามเจ้าของดาบเล่มนั้นพุ่งออกมาจากมุมมืดราวพายุ สายตาคมกริบจับจ้องที่เป้าหมาย ดาบยาวในมือแกว่งไกว เขาพุ่งทะยานขึ้นบนหลังม้าที่สมุนโจรกำลังหันรีหันขวางด้วยความงุนงง ไม่นึกว่าสถานการณ์จะพลิกผันได้เร็วเช่นนี้

ฉัวะ! เลือดสดๆ พุ่งจากลำคอที่โดนเชือดอย่างไม่ทันตั้งตัว และในพริบตาเจ้าของคมดาบเอี้ยวตัวตวัดดาบไปยังลำคอสมุนโจรบนหลังม้าอีกตัวที่ยืนติดกัน ศีรษะเลวๆ มีอันต้องขาดกระเด็นไปด้วยอีกคน ก่อนจะร่วงจากหลังม้าชักกระตุกอยู่บนพื้นดินแฉะโคลน

“เสร็จไปแล้วสอง!” รายงานสถานการณ์กับเพื่อนรักก่อนจะพุ่งหลบลงใต้ท้องม้าอีกตัว “ยังเหลืออีกแปด” พลิ้วไหวดังสายลมคล่องแคล่วดุจวานรหนุ่มดุดันดังพญาราชสีห์ตะปบเหยื่อ เร็วเกินกว่าจะตั้งหลักหนักหน่วงแม่นยำในทุกๆ ฝีดาบ
“เสร็จไปแล้ว สาม สี่ ห้า” ใช้สิ่งรอบตัวเป็นที่กำบังและรุกอย่างมีเชิง ลูกสมุนโจรต้องชะตาขาดทีละคนๆ อย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ต่างหันรีหันขวางสายตาหวาดผวา ใครกันช่างเก่งกล้าถึงเพียงนี้

วูบ...
พญามัจจุราชในเงามืดจู่โจมอีกครั้ง ร่างกำยำของทองพร้อมดาบยาวคู่มือพุ่งทะยานมาจากความมืดลอยตัวเหนือศีรษะเจ้าโจรร้าย เงื้อสุดแขนและฟันฉับลงไปที่หัวไหล่สุดกำลัง ร่างของผู้รุกรานต้องขาดสะพายแล่งเป็นสองท่อนตกลงจากหลังม้าไปนอนชักอ้าปากพะงาบๆ ตาเบิกโพลงก่อนจะสิ้นใจ อนิจจา... หากไม่ริอ่านเป็นโจรคงไม่ต้องพบจุดจบที่น่าอนาถเช่นนี้

“ขอหัวหน้ามันให้ข้า!”

ฉับพลันชายหนุ่มผู้รับหน้าที่เจรจาได้เปลี่ยนเป็นพญามัจจุราชที่กำลังจะกระชากวิญญาณออกไปจากร่างเสือแดงผู้บุกรุกหมู่บ้านหนองไผ่ล้อมอย่างไม่รู้ชะตากรรม
เร็วเท่าความคิดท่ามกลางความตกตะลึงของโจรร้าย ร่างหนาของจันได้พุ่งขึ้นสู่หลังม้าพร้อมมีดสั้นเงาวับที่ปลดจากข้างเอวเจ้าของของมัน มือซ้ายจิกเส้นผมหยาบหนาเอาไว้ในมือมือขวาจ่อคมมีดเย็นเฉียบที่คอหอยก้มหน้ากระซิบข้างหูมันเบาๆ ด้วยน้ำเสียงเย็นชากึ่งคำราม

“ถึงจะเป็นโจร ก็ต้องหัดดูตาม้าตาเรือเสียบ้าง ไม่ใช่ศักดิ์แต่ว่ามีปืนแล้วจะเที่ยวปล้นเขาไปทั่ว จำใส่กะลาหัวของมึงเอาไว้ว่า…” เจ้าโจรร้ายตกใจแทบสิ้นสติ ตาเหลือกถลนจะกลับใจก็ไม่ทันเสียแล้ว คำถามสุดท้ายผุดขึ้นมาก่อนที่หัวและวิญญาณจะกระเด็นออกจากร่าง เจ้าพวกนี้มันเป็นใครกัน
“กู...ชื่อ...จัน!”

เพียงพริบตาเดียวหัวไร้ค่าของเจ้าเสือแดงก็หลุดติดมือออกมา เลือดสดๆ ไหลอาบร่างไร้วิญญาณของมันก่อนจะร่วงลงจากหลังม้า พริบตานั้นมีดสั้นที่เพิ่งกุดหัวตัวหัวหน้าก็พุ่งปักอกลูกสมุนอีกคนอย่างไม่ทันแม้แต่จะชักดาบออกจากฝัก สมุนโจรสองคนที่เหลือเห็นท่าไม่ดีควบม้าหันหลังเตรียมเผ่นออกจากหมู่บ้าน

“จะหนีไปไหน!” มือหนาคว้าไม้ไผ่ในกองเพลิงที่ติดไฟอยู่ด้านหนึ่งและเหลือความยาวร่วมสองเมตร พุ่งหลาวออกไปสุดกำลัง
ฟืนไม้ไผ่เสียบกลางแผ่นหลังทะลุหน้าอกร่างที่ท่อนบนเปลือยเปล่าต้องชักดิ้นชักงออยู่บนหลังม้า ไม่ใช่แค่เจ็บปวดแต่มันทรมานเสียยิ่งกว่าการถูกลงทัณฑ์จากพญายมราชในนรกเสียอีก

“เหลืออีกหนึ่ง!” เท้าขวาในรองเท้าหนังสัตว์ของทองตะปบลงบนปลายดาบยาวที่วางอยู่บนพื้น ตัวดาบกระเด็นขึ้นหมุนคว้างกลางอากาศ ทองเตะปลายเท้าที่ด้ามดาบเต็มแรงอย่างรู้จังหวะส่งอาวุธร้ายพุ่งตามหลังไปอย่างรวดเร็ว โจรคนสุดท้ายสิ้นใจฟุบอยู่บนหลังม้าที่ควบไปข้างหน้าโดยไร้ผู้ควบคุม


“พุดซ้อน! พุดซ้อน เป็นอย่างไรบ้าง” พี่จันคลายจากอาการเกรี้ยวกราด โผเข้าประคองพุดซ้อนที่ยังหวาดกลัว จับมือเรียวกุมไว้ให้อุ่นใจ
“บอกแล้วว่าพี่จะไม่ยอมให้ผู้ใดมาทำร้ายพุดซ้อนได้ คราวนี้หมู่บ้านเราจักได้นอนตาหลับเสียที”

“พุดซ้อนและชาวบ้านเป็นหนี้บุญคุณพี่จัน...กับพี่ทองอีกแล้ว” ปลายเสียงแผ่วเบาชม้ายตามองพี่ทองอย่างห่วงใยและขอบคุณ‘พุดซ้อนขอบคุณดาบแรกของพี่ทองเหลือเกิน’

“เอาละไม่มีอะไรแล้วพวกเรากลับไปนอนได้ เอาไว้รุ่งเช้าค่อยว่ากันใหม่ พวกผู้ชายช่วยกันจัดการกับศพพวกนี้กันก่อน ต่อไปคงต้องให้พวกเราฝึกเพลงดาบจักได้เอาไว้ป้องกันตัว เผื่อข้ากับไอ้จันไม่อยู่จะได้ดูแลกันเองได้” ตาคมซึ่งฉาบไว้ด้วยแววหม่นหมองชำเลืองมาทางหญิงผู้เป็นที่รักแวบหนึ่งก่อนจะพาชาวบ้านจัดการกับศพของพวกโจร

‘...พี่ก็ไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายพุดซ้อนได้เช่นกัน...’



เช้าวันใหม่ บรรยากาศภายในหมู่บ้านก็กลับมาสงบสุขอีกครั้ง สงบสุขอย่างที่จะพึงเป็นได้ในยามสงครามเช่นนี้ ชาวบ้านผู้หญิงรวมตัวกันหุงหาอาหารจัดเตรียมสำรับส่วนกลาง พวกผู้ชายบ้างก็ตีดาบเตรียมอาวุธไว้เผื่อได้ใช้ป้องกันตัวในยามฉุกเฉิน บ้างก็ฝึกดาบและวิชาป้องกันตัวเมื่อยามถูกรุกรานจะได้โต้ตอบกลับไปให้เหล่าร้ายได้รู้ว่าชาวบ้านหนองไผ่ล้อมไม่ใช่จะย่ำยีกันได้ง่ายๆ ทองและจันควบคุมการฝึกอย่างเข้มข้นและใกล้ชิด

“ออกแรงหน่อย เวลาเจอศัตรูมันไม่ออมแรงให้พวกเอ็งอย่างนี้ดอก ฟันเปาะแปะๆ อย่างนี้จะไปสู้ใครเขาได้” จันบอกกับผู้ฝึกดาบเสียงดังฟังชัด ทุกคนหันมาพยักหน้ารับคำและตั้งใจฝึกซ้อมกันต่อไป แต่...มือที่เคยกำแต่เคียวไม่คุ้นเคยกับดาบจะมีเรี่ยวแรงมาจากไหนกัน
“ปั้ดโธ่เว้ย! ไม่ได้เรื่องเลย ดูๆๆ ข้าจะสาธิตให้ดู เฮ้ย! ไอ้ทองมาเป็นคู่ข้าหน่อย” พูดพลางหันมาตะโกนเรียกเพื่อนรักที่ยืนกอดอกนิ่งพิงเสาเรือนดูอยู่ห่างๆ

“เอาละดูให้ดี การจู่โจมไม่ใช่ศักดิ์แต่ว่าจู่โจมต้องเตรียมพร้อมสำหรับการตั้งรับเสมอ สาวเท้าเข้าออกให้เร็ว มั่นคงและพร้อมจะใช้มันเป็นอาวุธอีกชิ้นหนึ่งเมื่อเวลาประชิดแบบนี้” สาธิตการจู่โจมช้าๆ ทีละท่าพลันสายตาเหลือบไปมองเห็นหลังเท้าของเพื่อนรัก

“อ้าวไอ้ทอง นั่นเท้าเอ็งเป็นอะไรรึ ทำไมไม่หายาทา”
“ก็...”
“อย่าบอกนะว่า เพราะฤทธิ์ด้ามดาบสุดท้ายของเอ็งเมื่อคืนนี้” พลันครูฝึกที่ดุดันเมื่อสักครู่ก็กลายร่างเป็นหนุ่มจอมทะเล้นคนเดิม สองมือปักดาบเอาไว้ที่พื้นก่อนจะเอื้อมไปกุมหัวไหล่ทั้งสองของเพื่อนก้มหน้าก้มตาหัวเราะงอหาย
“โธ่ ไอ้ทองเอ๊ย! ไปๆๆ ไปให้แม่พุดซ้อนของข้าทายาให้ มาๆๆ พวกเราฝึกกันต่อ”


“ไหนขอพุดซ้อนดูซิพี่ทอง โอ้โห! บวมไปหมดเลย เดี๋ยวพุดซ้อนทายาให้นะ” ร่างบางนั่งลงที่ตั่งตัวเล็กใกล้ๆ พี่ทองที่นั่งอยู่บนแคร่ มือเรียวเอื้อมจะจับขากำยำวางบนตั่งอีกตัวเพื่อนวดยา
“พี่ไม่เป็นไรมากดอกพุดซ้อน พุดซ้อนเอายาให้พี่ก็พอพี่จะนวดเอง” บอกกับเธอด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มหู ขยับขาออกห่างด้วยรู้สึกเกรงใจ พุดซ้อนไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะต้องมาปรนนิบัติใกล้ชิดอย่างนี้ ทว่ามือเรียวไม่ได้ปล่อยให้เขาทำอย่างนั้น ตางามช้อนขึ้นมองคนตัวโตอย่างจะเอ็ดนิดๆ

“พี่ทองเห็นพุดซ้อนเป็นคนอื่นไปแล้วรึ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นดอกพุดซ้อน แต่....พี่.....”
“ถึงอย่างไรพุดซ้อนก็ยังเป็นพุดซ้อนของพี่ทองเสมอและไม่มีวันเปลี่ยนแปลง แล้วใยน้องเกรงใจด้วยเล่า”

ณ นาทีนี้ ปราณ รับรู้ได้ว่าหัวใจของทองผู้คือตัวเองเมื่อในอดีตนั้นพองโตและเป็นสุขแค่ไหน เพียงน้ำใจไมตรีน้อยนิดจากหญิงผู้เป็นที่รักก็นำพาความชุ่มชื่นให้มาเยือนหัวใจที่แห้งแล้งมานานแสนนานได้มากมายนัก และคงจะดีกว่านี้ถ้าหากว่า พุดซ้อนไม่ใช่คนรักของจันเพื่อนตายของเขาคนนั้น สองใจของชายหนุ่มที่สอดประสานดังคนคนเดียวกัน ล่องลอยเคลิบเคลิ้มกับการได้แอบมองหญิงผู้เป็นที่รักใกล้ๆ สองมือเรียวอวบอิ่มนุ่มนิ่มนัก สองแขนผุดผ่องมีไรขนบางๆ สะท้อนแดดยามเช้าเป็นสีน้ำตาลอ่อนเคลื่อนไหวไปมาตามจังหวะการนวดน้ำมัน หัวไหล่มนไล่ขึ้นมาถึงต้นคอระหง

“ทำไมต้องมองขนาดนั้นด้วย” เสียงหวานใสบ่นพึมพำทว่าไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาสบตา สองแก้มปลั่งเป็นสีชมพูระเรื่อด้วยเลือดฝาดแห่งวัยสาว ผู้หญิงมักรู้สึกตัวเสมอเวลามีใครสักคนแอบมอง

“เอ่อ...พี่... เปล่านะพุดซ้อน พี่เห็นมดมันไต่บนผมพุดซ้อนกะว่าจะหยิบออกให้น่ะ” รีบแก้ตัวไปน้ำขุ่นๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบมดแดงตัวน้อยอย่างแผ่วเบาออกจากเรือนผมสลวย ขาของเจ้ามดแดงตัวน้อยไขว่คว้ากลางอากาศ

“มดแดงนี่ น่ารักดีเหมือนกันนะ”
“เป็นอะไรมากรึเปล่าพี่ทอง มดแดงนี่นะน่ารัก” ละมือข้างหนึ่งป้องปากหัวเราะคิกเพราะอดขำท่าทีตลกๆ ของพี่ทองไม่ได้ นักรบผู้กล้าต้องสิ้นท่าเพราะอิสตรีเสมอ
“เอ้า หัวเราะทำไมมองดีๆ สิมันน่ารักจริงๆ นะพุดซ้อน”

มือเรียวยื่นมารับเจ้ามดแดงตัวน้อยที่ถูกยื่นมาใกล้ๆ ตรงหน้าแดดยามเช้าส่องกระทบหนวดเส้นเล็กและขาที่ไขว่คว้าให้เป็นสีทองเรื่อเรืองตัดกับสีทึบของพุ่มไม้ใบหญ้าไกลๆ ดูโดดเด่น ทว่า ยังไม่น่าสนใจเท่าดวงตากลมโตใสแป๋วเป็นประกายขนตางอนงาม จมูกเป็นสันน้อยๆ ริมฝีปากจิ้มลิ้มอวบอิ่มสีชมพูระเรื่อที่แย้มพรายนิดๆ สายตาสอดประสานผ่านมดแดงตัวน้อยทำให้หัวใจของหญิงสาวต้องสั่นไหวโครมคราม ในแววตาของพี่ทองมีพุดซ้อนอยู่เต็มไปหมด

“พุดซ้อนโตเป็นสาวแล้วช่างงามนัก”
“บ้า เป็นสาวอะไรเล่า ก็เป็นพุดซ้อนคนเดิมของพี่ทองนั่นแหละ ไม่เอาแล้วนวดยาต่อดีกว่า” ค้อนขวับเล็กๆ เลี่ยงอารมณ์วูบไหวด้วยคำพูดที่แทบจะพูดออกไปโดยไม่รู้ความหมาย น้ำเสียงแผ่วเบาเก็บอาการให้แนบเนียนที่สุด
“พอเถอะพุดซ้อน พี่ดีขึ้นมากแล้วละ พุดซ้อนให้ยาพี่ก็แล้วกันคราวหน้าพี่จะได้นวดเองได้”

“พอแล้วก็ได้ แต่พุดซ้อนไม่ให้ยานะ ตอนค่ำหรือเวลาปวดพี่ทองก็เรียกพุดซ้อน ปล่อยให้นวดเองเดี๋ยวพานจะช้ำไปกันใหญ่” ตางามหันมามองนิ่ง เป็นการบังคับให้ยอมรับเงื่อนไขแต่โดยดี
“แต่พี่.....”

“พุดซ้อนเป็นพุดซ้อนคนเดิมของพี่ทองเสมอนะจ๊ะ”



“เป็นอย่างไรบ้างล่ะไอ้ทอง นวดแล้วดีขึ้นบ้างหรือไม่” ครูฝึกอารมณ์ดีเดินมานั่งลงข้างๆ เพื่อนรัก แขนกำยำโอบหัวไหล่พลางก้มลงมองเท้าที่บวมเป่งเมื่อสักครู่ เห็นทายาและนวดเรียบร้อยแล้วก็พลอยเบาใจ
“เห็นทีวันนี้พุดซ้อนคงต้องหางานผู้หญิงเบาๆ ให้ไอ้ทองช่วยทำเสียแล้วละ”
“ไม่เป็นไร ข้าดีขึ้นแล้ว”
“นั่นแน่ะทำเป็นปากเก่ง ข้าขอหัวเราะให้สะใจอีกทีเถอะวะเพื่อนรัก ฮ่าๆ สะใจข้าจริงโว้ย” พูดพลางเขย่าหัวไหล่กำยำของเพื่อนอย่างสุดรัก

“เอาอย่างนี้ พุดซ้อนจะให้พี่ทองเป็นสารถีพาพุดซ้อนไปเก็บบัวในบึง เอาไว้ทำแกงสายบัวมื้อกลางวันดีไหม?” ตาโตของน้องพุดซ้อนเด็กตัวเล็กๆ เมื่อหลายปีฉายแววแจ่มจรัส กำลังต้องการคนช่วยพอดีเลย

“เอาเลยๆ เอ็งไปเป็นสารถีให้แม่พุดซ้อนเขา ส่วนบทพระเอก ไอ้จันคนนี้ขอแบกรับเอาไว้คนเดียวก่อนก็แล้วกัน ฮ่าๆๆ” ลุกขึ้นทำท่าทางเลียนแบบท่าเตะเมื่อคืนแถมด้วยเสียงหัวเราะแบบสะใจสุดๆ

ปากจิ้มลิ้มอมยิ้มแก้มตุ่ย พี่ทองและพี่จันมักมีอะไรขำๆ น่ารักๆ ให้ได้ยิ้มอยู่เสมอในยามที่ไม่ต้องรบทัพจับศึก

++++++++++++++++++



ไอรายา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 พ.ค. 2554, 08:06:26 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 พ.ค. 2554, 08:06:26 น.

จำนวนการเข้าชม : 1923





<< ตอนที่ 6 รักซ่อนซ้อนฝัน   ตอนที่ 8 กรุ่นกลิ่นปิ่นปัทมา >>
ศศิริษา 20 พ.ค. 2554, 17:22:42 น.
มาเจิมให้ก่อนค่ะ ^^


ปิลันธน์ 20 พ.ค. 2554, 18:01:21 น.
อ่านเรื่องนี้ ถ้าไม่ตามทุกบรรทัด..มีงง นะเนี่ย^^"


ไอรายา 21 พ.ค. 2554, 09:58:57 น.
ถูกต้องครับ อ่านแบบกวาด งงแน่ๆ ^^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account