บ่วงรักแรงอธิษฐาน
รักในปัจจุบันผูกพันกับรักที่ปวดร้าวในอดีตชาติ
คำอธิษฐานและบุพเพสันนิวาสนำเขาและเธอกลับมาพบกันอีกครั้ง
แต่จะทำเช่นไรเมื่อหนึ่งคือเพื่อนรักที่ยอมสละชีพเพื่อเราและหนึ่งคือยอดดวงใจที่เฝ้ารักเฝ้ารอมาหลายภพชาติ
Tags: ย้อนอดีต ระลึกชาติ บุพเพสันนิวาส

ตอน: ตอนที่ 8 กรุ่นกลิ่นปิ่นปัทมา


บึงบัวกว้างใหญ่ยามนี้ดูรื่นรมย์นัก อยู่ห่างออกมาจากหมู่บ้านพอตะโกนได้ยิน ตะวันเริ่มฉายแสงเจิดจ้าขึ้นทุกที น้ำค้างที่เกาะพราวบนใบบัวเริ่มเหือดแห้งไป ดอกบัวน้อยใหญ่แข่งกันแย้มบานอวดโฉมสะพรั่งกับหมู่ภมร บึงใหญ่แห่งนี้เป็นแหล่งอาหารอันอุดมสมบูรณ์ที่เลี้ยงปากท้องชาวบ้านมาช้านาน เรือพายลำน้อยค่อยๆ เคลื่อนออกไปจากฝั่ง สาวงามบนลำเรือนั่งหัวเราะคิกชอบใจ

“พุดซ้อนหัวเราะอะไรรึ”
มือเรียวป้องปากหัวเราะเบาๆ มองสำรวจพี่ทองด้วยสายตาแววหวานกลั้วเสียงหัวเราะ คนตกเป็นเป้าสายตา ต้องรู้สึกประหม่าขาดความมั่นใจ รีบสำรวจตัวเองว่ามีขี้ตาหรือผ้าผ่อนหลุดลุ่ยไปหรือเปล่า

“พี่มีอะไรผิดปกติรึเปล่าพุดซ้อน เอ๊ะ...ก็ไม่นี่นา”
‘...ดีจัง วันนี้มีนักรบผู้กล้าแห่งหมู่บ้านหนองไผ่ล้อมมาเป็นสารถีพายเรือชมบึงด้วย...แขนกำยำที่เคยกุมดาบบัดนี้ต้องมาถือไม้พายคอยบังคับเรือให้ซ้ายหันขวาหันตามคำสั่งของเรา ไม่ได้เล่นสนุกนานแล้ววันนี้ต้องแกล้งพี่ทองเสียให้เข็ด...’

“มองแล้วยิ้มแบบนี้ชักไม่ไว้ใจแฮะ” ภาพรอยยิ้มของเด็กน้อยเมื่อหลายปีก่อนหวนกลับมาในห้วงสำนึกอีกครั้ง รอยยิ้มที่เคยพาความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าท้อแท้หรืออ่อนแรงให้หมดไปจากใจของพี่ทองได้เสมอ รอยยิ้มแบบนี้ เสียงหัวเราะแบบนี้ห่างหายไปนานแสนนาน แม้ได้พบหน้าค่าตากันอยู่เสมอแต่ก็นานมากสำหรับคนที่รอคอยจะได้เห็นอีกครั้ง

“ไปทางซ้ายอีกหน่อยสิพี่ทอง”
“ไปเอาดอกโน้น...”
“เอาดอกนี้ๆๆ”
สารถีคนเก่งต้องคอยบังคับเรือน้อยให้ไปตามทิศทางที่คนสวยต้องการซึ่งมันเป็นทิศทางที่สะเปะสะปะเอามากๆ กระทั่งเวลาผ่านไปเรือลำน้อยก็เต็มไปด้วยสายบัวหอบใหญ่เพียงพอสำหรับการทำอาหารเลี้ยงคนทั้งหมู่บ้าน ส่วนฝีพายนั้นไม่ต้องพูดถึง เหงื่อโชกไปทั้งตัว ถ้าหากไม่ผ่านการรบทัพจับศึกมาอย่างโชกโชนแล้วละก็มีหวังได้ลิ้นห้อยให้พุดซ้อนได้หัวเราะเยาะเป็นแน่

“เหนื่อยไหมจ๊ะพี่ทอง” คนสวยเอ่ยปากถามด้วยสีหน้าและแววตายั่วเย้าหลังจากได้แกล้งแล้วจนหนำใจ พลันสายตาเหลือบไปเห็นบัวงามอีกหนึ่งดอกที่บานสะพรั่งรออยู่ใกล้ๆ นั้น ...พลาดไปได้ยังไงกันนะ...
“พุดซ้อนอยากได้ดอกนี้พี่ทอง”
สารถีหนุ่มจ้วงฝีพายเบาๆ บังคับให้เรือเข้าไปใกล้
“อีกหน่อยพี่ทอง พุดซ้อนเอื้อมไม่ถึง”
ใกล้เข้าไปอีก
“ยังไม่ถึงพี่ทอง...” ใกล้จนเกือบชิดอยู่แล้ว แต่คนขี้แกล้งห่อหัวไหล่และหดแขนเอาไว้ไม่ให้เอื้อมถึง มันน่าจับมาตีก้นเบาๆ นักเชียว
“นี่พุดซ้อนแกล้งพี่หรือนี่”
“แกล้งอะไรเล่า เห็นไหมเอื้อมไม่ถึงจริงๆนา...”

“กล้าแกล้งพี่ เดี๋ยวคว่ำเรือให้ตกน้ำป๋อมแป๋มเลยกลัวไหม” ชอบแกล้งดีนักทำให้สารถีหนุ่มนึกสนุกขึ้นมาบ้างแล้ว
“พี่ทองไม่กล้าหรอกน่า...” แล้วคนขี้แกล้งก็ต้องร้องเสียงหลง เมื่อเรือพายลำเล็กที่ลำพังนั่งกันสองคนกาบเรือก็ปริ่มๆ ผิวน้ำอยู่แล้วโคลงเคลงไปมาเพราะผลกรรมที่ชอบแกล้งให้ผู้อื่นได้รับความทุกข์
“อย่านะพี่ทอง พุดซ้อนว่ายน้ำไม่เป็นนะ” ร้องห้ามด้วยความตกใจพลางโน้มตัวไขว่คว้าสายบัวที่เริ่มกระจัดกระจายและบางส่วนกำลังจะหล่นลงน้ำ แต่...คงไกลเกินไปจนต้องเอื้อมสุดตัวเป็นจังหวะที่กาบเรือโคลงมาทางนั้นพอดี
“ว้าย!”
ตูม!! ร่างบางของพุดซ้อนต้องเสียหลักหล่นตูมลงไปในน้ำ ตัวต้นเหตุหน้าถอดสีด้วยความเป็นห่วง
“พุดซ้อน!”

รีบกระโดดตามลงไปอีกคนเกรงหญิงสาวจะจมน้ำ ซึ่งก็ทันได้กลืนน้ำลงไปแล้วหลายอึก แม้น้ำจะไม่ลึกมากคนตัวโตอย่างทองสามารถยืนได้พ้นแต่ก็ทำให้คนตัวเล็กอย่างพุดซ้อนต้องไขว่คว้าป๋อมแป๋มหาที่พยุงตัวเองให้ลอยอยู่เหนือน้ำเอาไว้ ทองรีบปรี่เข้าไปช้อนร่างบางใต้ผิวน้ำเอาไว้ในอ้อมแขนและรั้งเข้าประชิดลำตัว มืออีกข้างเกาะกาบเรือเพื่อพยุงเอาไว้ มองหน้าหญิงสาวที่กำลังสำลักน้ำด้วยรู้สึกสำนึกผิด

“พี่ขอโทษนะพุดซ้อน พี่แค่อยากจะแกล้งเล่นเท่านั้น ไม่นึกว่า....”
“พุดซ้อนไม่เป็นไรดอกพี่ทอง แค่สำลักน้ำ” เอ่ยปากบอกแผ่วเบาเกรงอีกฝ่ายจะเป็นห่วงและรู้สึกผิดไปมากกว่านี้ ตางามเบือนหนีไม่กล้าสบตาคมที่จับจ้องอยู่ใกล้แค่ลัดฝ่ามือ รู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่ราดรดซอกหูพาให้รู้สึกวาบหวามยิ่งนัก มือเรียวเกาะหัวไหล่ลำแขนอิ่มงอข้อศอกแนบชิดแผงอกกำยำเป็นปราการป้องกันไม่ให้ต้องใกล้ชิดกันมากกว่านี้ ถึงชายผู้นี้จะเป็นพี่ทองที่เคยอุ้มพุดซ้อนลงเล่นน้ำบ่อยๆ แต่นั่นมันเมื่อหลายปีมาแล้ว ตอนนี้ร่างกายของพุดซ้อนไม่มีอะไรเหมือนเด็กน้อยคนนั้นของพี่ทองอีกแล้ว น้ำเย็นเยียบทว่าคนอยู่ใต้ผิวน้ำกลับรู้สึกวูบวาบไปทั้งตัว

คนตกอยู่ในภวังค์แห่งความรัก และผู้ตกเป็นจำเลยในสถานการณ์นี้ก็รู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของน้องสาวตัวเล็กภายใต้ผิวน้ำที่สงบนิ่ง มือหนาและแขนกำยำที่โอบเอวบางรู้สึกถึงสัมผัสอันนุ่มนิ่มจากเนื้ออวบอิ่มของวัยสาว เส้นผมที่เปียกลู่เผยต้นคอระหงชวนมอง กลิ่นอ่อนๆ ของเนื้อสาวเกือบพาอารมณ์ให้เตลิดไปไกล
“เกาะพี่ไว้นะ”
สองแขนต้องเกี่ยวเกาะแน่นหนาขึ้นกว่าเดิมเมื่ออีกคนคลายวงแขน และเพียงชั่วครู่ชายหนุ่มก็หันกลับมาพร้อมบัวตูมดอกเล็กๆ ที่ถูกเด็ดก้านเหลือความยาวเพียงคืบเศษ มวยผมเปียกน้ำของคนตัวเล็กและบรรจงปักปิ่นดอกบัวน้อยๆ นั้นแผ่วเบา ตางามต้องเลี่ยงหลบตาเชื่อมมากความหมายนั้นอีกครั้ง

“ขึ้นไปบนเรือเถอะ” ชายหนุ่มกระซิบข้างหูแผ่วเบา หญิงสาวคลายจากความเคอะเขินจึงผละออกจากแผงอกกำยำ สองมือเกาะไว้ที่กาบเรือ มือหนาจับที่บั้นเอวเตรียมพยุงหญิงสาวขึ้นไปบนเรือ
“ไม่! พุดซ้อนยังขึ้นเรือไม่ได้นะพี่ทอง” หญิงสาวปฏิเสธลั่น ปลายเสียงแผ่วลงพร้อมสองแก้มที่แดงระเรื่อไปถึงใบหูงาม
“อ้าว? ทำไมหรือพุดซ้อน”
“ก็.....”
“ก็อะไร?”
“ก็...ผ้านุ่งพุดซ้อนหลุดไปไหนแล้วก็ไม่รู้ จะให้ขึ้นไปได้ยังไงเล่า อย่ามองนะ พี่ทองหันไปเลยถ้ามองพุดซ้อนโกรธจริงๆ ด้วย แล้วก็ขอให้ตาเป็นกุ้งยิงสิบชาติ” รีบขู่อาฆาตด้วยสิ่งที่น่ากลัวที่สุดเท่าที่จะนึกออกในตอนนี้ ‘...หลุดไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แย่จริงเลยพุดซ้อน...’

“อ้าว เอ้าๆ ไม่มองก็ไม่มอง” จำเลยรักรีบหันหน้าหนีด้วยรอยยิ้มกว้างอย่างสุดจะกลั้นเอาไว้ได้
“ห้ามยิ้มด้วย เพราะพี่ทองคนเดียวเลยทำให้พุดซ้อนต้องเป็นแบบนี้” จุ่มตัวเองลงไปในน้ำให้เหลือแค่คอแต่ก็ยังสามารถออกฤทธิ์ออกเดชได้ ใบหน้าสวยที่หงิกง้ำจะว่าเพราะโกรธก็ไม่ใช่จะว่าอายก็ไม่เชิง เพราะยังมีน้ำช่วยกำบังอยู่ ถึงจะเป็นน้ำใสแจ๋วขนาดนี้ก็ตาม
“เดี๋ยวพี่จะงมให้”
“ไม่!”
“อ้าว ไม่ให้งมแล้วจะกลับเข้าหมู่บ้านได้อย่างไรล่ะพุดซ้อน”
“ไม่รู้ละ” คนหน้าตูมปฏิเสธเสียงแข็งหันซ้ายทีขวาทีอย่างใช้ความคิด
“พุดซ้อนจะลงไปงมเอง”
“อ้าว! ก็พุดซ้อนว่ายน้ำไม่เป็นไม่ใช่รึ เดี๋ยวก็ได้จมน้ำตายดอก” คนขี้ระแวงหันมาสบตาแวบ อย่างประเมินความน่าไว้วางใจ ซึ่ง...ไม่มีเลย แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น
“ห้ามลืมตานะ แช่งเอาไว้เลยถ้าลืมตาขอให้ไม่มีใครรักตลอดไปขอให้ตาเป็นกุ้งยิงสิบชาติ”

“เอ้า ถ้าไม่ให้ลืมตา แล้วจะหาผ้าเจอได้อย่างไรล่ะพุดซ้อน”
“ไม่รู้ละ ก็....หลับตางมเอาก็แล้วกัน เร็วด้วยพุดซ้อนหนาวแล้ว”
“ได้ๆ ไม่ลืมก็ไม่ลืม จะงมละนา....” แกล้งยิ้มยั่วให้ใจหายใจคว่ำเล่นๆ สูดหายใจเข้าไปเต็มปอดและดำผลุบลงไปใต้ผิวน้ำ ทิ้งให้คนหน้างอลุ้นระทึกหลับตาปี๋อยู่คนเดียว ละมือหนึ่งข้างจากกาบเรือหวังว่าจะช่วยปกปิดโลกสวยงามทั้งโลกจากสายตาคนที่อาจจะขี้โกงขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ได้

เนิ่นนาน ยังไม่มีวี่แววว่าอีกฝ่ายจะโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ ชักใจคอไม่ดี นี่ถ้าพี่ทองจมน้ำตายไปแล้วจะขึ้นฝั่งไปบอกชาวบ้านด้วยสภาพอย่างนี้ได้ยังไงกัน

พลันรู้สึกว่ามีบางสิ่งเคลื่อนไหวอยู่ตรงหน้าพร้อมด้วยลมหายใจของเสียงหัวเราะเบาๆ หญิงสาวค่อยๆ ลืมตาขึ้นด้วยหัวใจเต้นระทึก และพบว่าพี่ทองกำลังอมยิ้มสายตาวิบวับเย้ายั่ว ในมือถือผ้านุ่งเจ้ากรรมที่หลุดไปไม่บอกกล่าว รีบคว้ามาถือไว้ในมือ ค้อนวงใหญ่ก่อนจะคลี่ผ้าเตรียมนุ่งอย่างทุลักทุเลไม่ลืมที่จะหันมาชี้หน้าเป็นสัญญาณว่า ...หันไปด้วย...

“เสร็จรึยังพุดซ้อน”
“.........”
“หือ...ช้าจังนุ่งผ้าแค่นี้เอง”
“เรียบร้อยแล้วหันมาได้ เดี๋ยว! เมื่อกี้ลืมตาหรือเปล่า สารภาพมาเดี๋ยวนี้” หน้าตูมสายตาคาดคั้นมองหาพิรุธจากสีหน้าของพี่ทองซึ่งมีอยู่เต็มไปหมด

“ไม่ได้ลืมจ้า ก็พุดซ้อนแช่งเอาไว้เสียน่ากลัว พี่กลัวไม่มีคนรักตลอดไปน่ะ”



“เฮ้อ...ในที่สุดก็ได้กลับกันเสียที”
สารถีหนุ่มนำเรือลำน้อยเข้าเทียบท่า หญิงสาวค่อยๆ ก้าวขึ้นไปและหันมาผูกเชือกหัวเรือ ชายหนุ่มใช้มือรั้งกาบเรือเข้าชิดก่อนใช้สองมือหอบสายบัวยื่นให้หญิงสาวที่ยื่นมือมารับจากด้านบน พุดซ้อนโน้มตัวเอื้อมมือรับสายบัวและหันหลังเตรียมเดินขึ้นฝั่งด้วยเนื้อตัวเปียกปอน หยดน้ำใสๆไหลลงตามท่อนขาเรียวงาม
ดวงตาไหวระยิบคู่เดิมทำให้หญิงสาวต้องหยุดชะงักอยู่กับที่

“หยุดทำไมหรือพุดซ้อน แล้วนี่...เป็นอะไรหรือเปล่า” คนตัวโตที่ยังเดินไม่ถนัดนักรีบถามขึ้นเมื่อสังเกตเห็นบางสิ่งผิดปกติ น้ำใสๆ รื้นขึ้นที่สองตางาม มือน้อยป้อยป้ายเช็ดน้ำตาไม่ให้ไหลริน เงยหน้าขึ้นจ้องลึกเข้าไปในตาคมอย่างคาดคั้นและค้นหา ซึ่งนั่นทำให้ชายหนุ่มเข้าใจกระจ่างแจ้งในทันที

“พุดซ้อนพี่ขอโทษ พี่แค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง” รีบเอ่ยปากขอโทษด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน รู้สึกผิดขึ้นมาทันใดที่แสดงท่าทีหยอกเย้าจนเป็นเหตุให้คนตัวเล็กคิดไปไกล แท้จริงแล้วมีหรือที่ชายชาตรีอย่างพี่ทองจะไม่รักษาสัญญาที่ให้ไว้กับพุดซ้อน
“จริงนะ”
“จริงสิ พี่เคยโกหกพุดซ้อนที่ไหนกัน” พูดพลางเกี่ยวเก็บปอยผมเปียกชื้นทัดหูให้คนขี้แย หน้าตูมจึงค่อยคลี่คลาย แต่ก็ไม่วายกระเง้ากระงอด
“พุดซ้อนจะฟ้องพี่จัน”

ชายหนุ่มนิ่งอึ้ง รู้สึกเหมือนเข็มอันเล็กๆ นับร้อยกำลังรุมทิ่มแทง เจ็บปวดน้อยกว่าฤทธิ์ของคมดาบมากมายนักทว่าเป็นความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นภายในหัวใจ เจ็บแปลบหนักหน่วง และยาวนาน
‘นั่นสินะ..อย่างไรพี่ทองก็คงเป็นได้แค่เพียงพี่ชาย ใยจะเหมือนพี่จันของพุดซ้อนเล่า’ ร่างหนาเอื้อมมือรับหอบสายบัวเดินนำหน้าไปอย่างเงียบๆ แต่เมื่อไม่ได้ยินเสียงเดินตามจึงหันกลับมามอง

“ไปกันเถอะ สายแล้ว”
การได้มีหญิงผู้เป็นที่รักอยู่ใกล้ๆ ได้มองเห็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันนั้นถือเป็นเรื่องน่ายินดี และคงจะวิเศษมากหากไม่ต้องทนกับความรู้สึกที่ว่าเธอช่างไกล...เกินเอื้อม จากนี้ไปทองเองคงต้องพยายามหักห้ามใจและพึงระลึกเอาไว้ ท่องจำให้ขึ้นใจว่า ‘พุดซ้อนเป็นคนรักของจันไม่ใช่เรา’

คนถูกแอบรักสบตาเศร้าที่หันมาแวบหนึ่ง หัวใจดวงน้อยหล่นวูบ ไม่ได้ตั้งใจจะพูดอะไรให้ทำร้ายจิตใจเลยสักนิด ทั้งพี่ทองและพี่จันต่างก็สนิทกันเหมือนพี่น้อง หยอกล้อเล่นกันมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย และคำพูดแบบนี้พุดซ้อนก็เคยพูดออกบ่อยไป ไม่คิดว่าจะมาคิดมากเอาวันนี้ สถานการณ์ทางอารมณ์พลิกผันไปอย่างรวดเร็ว น้ำใสๆ รื้นขึ้นที่ตางามอีกครั้ง หน้าตูมประหนึ่งว่าตนนั้นตกเป็นฝ่ายถูกกระทำ
‘คนใจร้าย’



“อ้าวไอ้ทอง พุดซ้อน กลับมากันแล้วรึ แล้วทำไมตัวเปียกอย่างนั้นเล่า ไม่ได้พายเรือไป...อะ อ้าว”
ครูฝึกหนวดเข้มต้องอ้าปากค้าง มองตามคนหน้างอที่เดินผ่านและขึ้นเรือนไปอย่างไม่ใยดี ต้องหันมาคาดคั้นเอากับเพื่อนรักที่หอบสายบัวมาหอบใหญ่
“แม่พุดซ้อนเป็นอะไรไปรึไอ้ทอง”
“ตกน้ำ สงสัยยังตกใจไม่หาย เอ็งช่วยเอาสายบัวไปให้พวกแม่ครัวที ข้าจะไปผลัดผ้า”
“อ้าว เฮ้ย! แล้ว...” พ่อหนุ่มหนวดงามจำต้องรับสายบัวหอบใหญ่ที่ถูกส่งมาไว้ในอ้อมแขน มองตามเพื่อนรักที่เดินหน้าตึงขึ้นเรือนไปอีกเช่นกัน
“แม่พุดซ้อน ได้ยินว่าตกน้ำ เป็นอย่างไรบ้าง” ตะโกนถามขึ้นเรือนที่เจ้าของเพิ่งปิดประตูดังปังไปเมื่อสักครู่นี้ด้วยความเป็นห่วง
“ไม่ต้องมายุ่ง!”
“เอ้า!”


“คนบ้า! ไม่เคยรู้ไม่เคยเห็นไม่เคยเข้าใจ ทำไมถึงโง่แบบนี้นะ” น่าสงสารเจ้าตุ๊กตายัดนุ่นตัวเล็กที่ต้องโดนเข็มในมือคนขี้น้อยใจจิ้มเอาๆ ตอนเป็นเด็กก็รักนักรักหนาไปไหนมาไหนก็ไม่ยอมห่างมือ แล้วดูตอนนี้ซิต้องกลายเป็นที่รองรับอารมณ์บูดไปเสียนี่กระไร

“พุดซ้อน พี่มีตุ๊กตามาฝาก พี่ลงทุนเย็บเองเลยนะ” ภาพของพี่ทองสมัยที่ยังเป็นเด็กลอยเข้ามาในห้วงสำนึก ตัวเล็กๆ ผอมแกร็น แขนขาเก้งก้างดูตลกที่สุด
“โธ่เอ็งน่ะขี้โม้ไอ้ทอง นุ่นที่ยัดอยู่ข้างในนั่นน่ะพี่แอบไปขโมยมาจากท้ายสวนยายเมี้ยนเลยนะ เสี่ยงชีวิตมากกว่าเป็นไหนๆ นะพุดซ้อน” พี่จันที่ตัวโตกว่าเด็กวัยเดียวกันเล็กน้อยเบียดชิดเข้ามาด้วยรอยยิ้มที่ยินดีนำเสนออย่างยิ่ง ตัวดำมิดหมียิ้มฟันขาวเชียว
“ไหนๆ ไอ้ตัวไหนนะที่มันไปแอบเก็บฝ้ายของข้ามาเล่น ข้าได้ยินแว่วๆ มาให้ข้าแพ่นกบาลสักทีสองทีซิ” เสียงยายเมี้ยนผู้ชราดังแววมาจากหลังเรือนทำให้เด็กชายสองคนต้องรีบเผ่นแนบฝุ่นตลบจากไป

นึกถึงภาพความสัมพันธ์เก่าๆ ทีไรพุดซ้อนก็ทำใจให้โกรธไม่ลงจริงๆ ดวงหน้าบูดบึ้งฉายรอยยิ้มนิดๆ อารมณ์บูดค่อยๆ จางไปเล็กน้อยแต่ก็ยังเหลือเค้าของความน้อยใจอยู่ ค่อยๆ แง้มบานหน้าต่างแค่พอมองเห็นว่าคนตัวหนาผลัดผ้าเสร็จและเดินดุ่มๆ ไปที่ลานฝึกซ้อมของชาวบ้านผู้ชายแล้ว

“ทำเฉยไม่รู้ไม่ชี้งั้นรึ นี่ๆ เกลียดๆ” เมื่อไม่เห็นว่าอีกคนจะหันมาสนใจจึงหันมาระบายเอากับน้องตุ๊กตาผู้เคราะห์ร้ายอีกครั้ง รู้สึกหงุดหงิดเห็นอะไรก็ขวางหูขวางตาไปหมด

‘ดูซิทำเขาตกน้ำแล้วยังจะมาน้อยอกน้อยใจอะไรอีกก็ไม่รู้ เป็นผู้ชายเสียเปล่า’

อนิจจาถ้าตุ๊กตาตัวน้อยพูดได้มันคงจะบอกว่า โกรธใครก็ไปจัดการคนนั้นสิพุดซ้อน ทำไมตุ๊กตาที่น่ารักที่สุดจะต้องมารับเคราะห์แบบนี้ด้วย โธ่เอ๋ยชีวิต...



ไอรายา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 พ.ค. 2554, 10:03:58 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 พ.ค. 2554, 10:03:58 น.

จำนวนการเข้าชม : 1831





<< ตอนที่ 7 อุ่นรักคืนเลือด   ตอนที่ 9 ดอกไม้ในใจของใครคนอื่น >>
nida 21 พ.ค. 2554, 12:43:55 น.
สงสารพี่ทองในภาคอดีต และพี่ปราณในปัจจุบันจังเลย


ปิลันธน์ 22 พ.ค. 2554, 00:12:50 น.
นั่นนะสิ...น่าสงสารตุ๊กตาเน๊อะ^^


ไอรายา 22 พ.ค. 2554, 07:26:07 น.
nida
หากไม่รู้จักเจ็บปวดก็คงไม่ซึ้งถึงความสุขใจครับ ^^

ปิลันธน์
อิอิ กิจการเป็นไงบ้างเจ๊ "เด็ก" เป็นไงบ้าง ^^

ขอบคุณที่ติดตามนะครับ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account