เล่ห์รักเกมหัวใจ
มีน เขาถูกว่าจ้างให้หักอกเธอ "อลินา" ที่คนว่าจ้างบอกว่าเธอเป็นผู้หญิงร้ายกาจ
อลินา ถูกว่าจ้างให้ดักหลังผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเพลย์บอยตัวพ่อ อย่าง"มีน" ที่ไม่ยอมสยบให้หญิงใด
เมื่อ แผนถูกซ้อนเป็นชั้นๆเหมือนขนมที่แสนหวาน กับดักที่พันจนวุ่นวาย

หมายเหตุ เรื่องนี้เขียนสดๆ ดังนั้นอาจจะมีเนื้อหาที่จะมีการเปลี่ยนแปลงภายหลังค่ะ
Tags: เล่ห์รักเกมหัวใจ คีตา ณิชนิตา

ตอน: บทที่ ๘ เกลียดมากไหม

บทที่ ๘

เกลียดมากไหม

หญิงสาวในชุดสวยนั่งรอทีมงานจากนิตยสารผู้หญิงเตรียมพร้อมในการสัมภาษณ์ ลิษาแอบมองชายหนุ่มที่สะพายกล้องถ่ายรูปด้วยแววตาสังเกต เขาเป็นหนุ่มหล่อคมอย่างที่ใครเห็นก็ต้องเหลียวหลัง ไม่คิดว่าจะเป็นช่างภาพ

“มองผมบ่อย มีอะไรหรือเปล่าครับ” มีนเอ่ยพร้อมกับเงยหน้าขึ้นสบตาหญิงสาว เธอยิ้มบางสบตากับเขาก่อนจะตอบ

“คิดว่าเราน่าจะเคยเจอกันที่ไหนนะคะ”

“มุกนี้ใช้บ่อยหรือเปล่า ผมว่ามันเกร่อไปนะ”

“พูดแบบนี้มีคนจีบคุณบ่อยหรือคะ”

“บ่อยไหม ผมไม่ค่อยจำแต่มีคนที่น่ารักแล้วถามแบบนี้ไม่ค่อยมีนะครับ”

“ลิเกมากเลย”

“ผมยอมล่ะ คุณจำผมได้ผมก็ปลื้มแล้วล่ะ” มีนกล่าวอย่างเอาใจ ลิษาหัวเราะร่วน

“คุณที่ซื้อชุดแก้วชาให้ ขอบคุณนะคะ คุณคงรู้แล้วว่าฉันชื่ออะไรแล้วคุณละคะ ชื่ออะไร”

“มีนครับ” ทั้งคู่ต่างส่งยิ้มให้กันด้วยความรู้สึกแปลกใหม่ มีนยิ้มเยาะหญิงสาวที่จำเขาไม่ได้ ในอดีตเธอยังเป็นเด็กเขาเองก็ไปเรียนเมืองนอกตั้งแต่เด็กเช่นกัน ถ้าลิษารู้ว่าเขาเป็นใคร เธอจะยังยิ้มให้อยู่อีกหรือเปล่า

ลิษาเองนั้นไม่เคยเจอผู้ชายถูกใจแบบมีนมานาน เขาดูเป็นผู้ชายที่น่าหลงใหล รูปร่างหน้าตาที่จัดเข้าเกณฑ์ว่าดีเอามากๆ คำพูดที่ดูฉลาดและมีลูกเล่นยิ่งทำให้เขาดูมีเสน่ห์อย่างมาก หญิงสาวได้แต่แอบให้คะแนนในใจ จนเมื่อสัมภาษณ์จบ เธอจึงเอ่ยชวนทีมงานทุกคนอยู่รับประทานข้าวกลางวันก่อนกลับ

“เสียดายนะคะ คุณแม่ติดประชุมด่วนที่บริษัทไม่อย่างนั้นคงได้คุยกับคุณแม่ด้วย”

“ไว้โอกาสหน้าจะติดต่อมาอีกครั้งนะครับ อย่างไรเสียผมก็อยากได้คุณรตีขึ้นปกสักครั้งเหมือนกัน” ภพธรกล่าวอย่างเอาใจ

“ขอบคุณนะคะ” เธอกล่าวหลังจากที่เดินไปส่งทีมงานที่รถ มีนยิ้มตอบก่อนจะขึ้นรถ ภพธรหันมาสะกิดเพื่อนชาย

“นี่แก...อีกแล้วเหรอ”

“ไอ้อีกแล้วเหรอคืออะไรล่ะ”

“เฮ้อ จริง ๆ เลยมีน” ภพธรส่ายหน้า พยายามทำหน้าที่คนขับรถแม้ในใจลึกๆ นั้นจะนึกสงสารหญิงสาวที่เพิ่งสัมภาษณ์ไปเมื่อสักครู่ ส่วนมีนได้แต่ยิ้มเย็น เขาเข้าไปสำรวจบ้าน เขารู้แล้วว่าบ้านหลังนี้รตีซื้อใหม่ เขาจำได้ว่าต้องเจ็บปวดแค่ไหนที่ขายบ้านของตัวเองเพื่อใช้หนี้ให้พ่อ เหลือเงินไม่มาก แต่ก็พอที่จะทำทุนเปิดร้านเรดคลับได้ ความทรงจำที่เลวร้ายเหล่านั้นเขาฝังใจ





ค่ำวันนั้นร้าน เรดคลับ คึกคักไปด้วยผู้คนทั้งผู้สื่อข่าวและคนที่มาร่วมงานเปิดตัวเว็บไซต์ lover.com ชารีนนั่งคุยกับแขกที่มาร่วมงานเป็นระยะ พนักงานในร้านต่างมาเริ่มงานกันตั้งแต่เช้าเพราะรู้ว่าวันนี้ถูกเหมาเบ็ดเสร็จจากเพื่อนเจ้าของร้าน อลินามองบรรยากาศนั้นแล้วก็อดดีใจไปด้วยไม่ได้เพราะอย่างน้อยเธอก็มีส่วนในการทำให้เกิดเว็บไซต์นี้ขึ้นมา มีนเดินเข้ามาในร้านด้วยท่าทางที่เนี๊ยบกว่าทุกครั้ง พรีเซนเตอร์หนุ่มหล่อทำให้บรรยากาศงานเต็มไปด้วยความครึกครื้น พอจบการแถลงข่าวมีนลงจากเวทีได้นักข่าวต่างก็กรูเข้ามาสัมภาษณ์เขาเป็นการใหญ่ อลินาแอบมองสถานการณ์นั้นด้วยความแปลกใจ เธอไม่คิดว่ามีนจะดังขนาดนั้น แค่ช่างภาพไม่ใช่ดาราเสียหน่อย

“คุณมีนค่ะ เรื่องฟ้า เป็นยังไงบ้างคะ” มีนเลิกคิ้วสูงกับประโยคคำถามนั้น

“เป็นยังไง นี่หมายความว่าอะไรเหรอครับ”

“ก็ข่าวว่าฟ้าอกหักจากคุณมีนจนต้องหนีไปดามอกที่ต่างประเทศเลยนะคะ”

“เหรอครับ ผมเองก็เพิ่งรู้ว่าเธอไปต่างประเทศ”

“งั้นเรื่องเลิกกันก็จริงใช่ไหม?”

มีนอมยิ้ม พลางนึกหาคำตอบ “ครับ เราเลิกกันแล้ว”

“สาเหตุเพราะมือที่สามหรือเปล่าคะ”

“อืม ผมไม่รู้นะ ว่าใครเป็นมือที่สามเพราะก่อนที่ผมจะคบกับใครผมก็บอกไปแล้วว่าถ้ามันไม่ใช่ก็อย่ายื้อ เลิกกันดีกว่า มันเป็นเรื่องของคนสองคนนะครับไม่เกี่ยวกับคนที่สาม”

“งั้นที่เขาลือว่านางแบบเค้กที่เป็นข่าวด้วยนี่ไม่ใช่กิ๊กใหม่ของคุณมีนเหรอคะ”

“เค้ก? อ๋อ นางแบบคนนั้นน่ะเหรอ ผมไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวนะแค่เคยร่วมงานกันเท่านั้นเอง” มีนนึกขันที่ต้องบอกปัดไปอย่างนั้น นึกภาพหน้าของนางแบบสาวโมโหได้เป็นอย่างดี

“งั้นตอนนี้มีนก็ว่างอยู่น่ะสิ”

“ว่าง? หมายถึงยังไม่มีใครเหรอครับ” เขาถามกลับนึกอยากเล่นคำกับนักข่าว

“หรือว่ามีอยู่” นักข่าวสาวยังถามต่อ มีนยิ้มสายตาเหลือบไปมองพนักงานของร้านเรดคลับที่ยืนมองอยู่ อลินาเบ้ปากโดยไม่ตั้งใจ เห็นสีหน้าอย่างนั้นมีนก็เลยหันกลับมาหานักข่าว

“ครับ มีแล้ว แต่ก็แค่มอง ๆ ผมไม่ใช่ดารานะพี่ ผมเป็นตากล้องธรรมดา ๆ คนหนึ่งเท่านั้นเอง เอาไว้เป็นเรื่องส่วนตัวผมบ้างละกัน ไว้แน่ใจเมื่อไหร่จะบอกนะ อีกอย่างผมไม่เคยคบใครแบบกิ๊ก ผมเรียกว่าคนรัก ถึงผมจะเคยคบใครหลายคนแต่ผมก็คบทีละคนไม่คบเผื่อเลือก” อธิบายยาวเหยียดก่อนจะพยายามแทรกตัวออกมา

“แล้วตอนนี้ยังติดต่อฟ้าอยู่หรือเปล่า”

“ไม่ครับ เลิกก็คือเลิก ผมไม่เห็นความสำคัญที่จะต้องติดต่อกันอีก” คำตอบทำเอาอึ้งกันทั้งแทบ

“มีข่าวลือว่าน้องฟ้าขู่ฆ่าตัวตายถ้าไม่ได้คืนดีกับมีน”

“นั่นเรื่องของเขาครับ สำหรับผม จบก็คือจบ ไปนะครับผมหิวแล้ว ค่อยคุยกันใหม่” มีนปลีกตัวออกมาจากฝูงนักข่าว โอบหัวเราะเพื่อนเมื่อมีนเดินเข้ามาหา

“พูดอย่างนั้นแกกลายเป็นแบดบอยเลยนะเว้ย” สนต์ว่าพลางจิบเครื่องดื่มจ้องเพื่อนด้วยความเหนื่อยใจ

“ก็ใช่” พัชระตอบแทนเพื่อนชาย มีนอมยิ้มคว้าแก้วเครื่องดื่มขึ้นมาจิบเบา ๆ

“อะไรของแกวะ ตอบแทนเพื่อนซะงั้น เออ ไหนวะที่บอกว่าญาติแกมาอยู่ด้วย”

มีนแทบสำลักน้ำที่ดื่มเข้าไป สนต์เล่นถามเอาตรง ๆ อย่างนั้น พัชระเหลือบมองมีนก่อนจะพยักเพยิดไปที่เคาน์เตอร์เครื่องดื่มที่อลินายืนอยู่ สนต์ทำหน้าตาตื่นเมื่อได้เห็นอลินาเขารู้จักเด็กคนนี้ดีเพราะเป็นคนทำเว็บไซต์ให้ชารีนนั่นเอง

“เฮ้ย นั่นมัน เด็กที่เข้ามาทำเว็บให้ชารีนนี่”

“อ้าว เหรอ มิน่าฉันจำได้ว่าว่า ลีน่าบอกว่าเธอเรียนจบวิศวคอมฯ แกรู้เรื่องไหมพัช”

พัชระส่ายหน้า “ฉันไม่ได้ตามติดชีวิตส่วนตัวเขานะ”

“นั่นสิ แต่ตอนที่เจอกันวันนั้น ลีน่าไม่ได้ผมดำนะ เธอทำผมสีแดงแสบทรวงเลย”

“ฉันบอกให้ย้อมคืนเอง” พัชระกล่าวเนิบๆ พร้อมกับทำหน้าที่ผสมเครื่องดื่มอย่างคล่องแคล่ว สีหน้าไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ เหมือนทุกครั้งที่พูดคุยกับเพื่อน พัชระจะออกแนวนิ่งเงียบฟังเสียเป็นส่วนใหญ่

มีนนึกถึงเรื่องในคืนที่เขาได้พูดคุยกับคนทำเว็บไซต์ ที่แท้คนๆ นั้นก็คืออลินาเองหรือ รอยยิ้มผุดขึ้นมาบนใบหน้าคม มือเรียวนั้นยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นจิบอย่างมีความสุข



หลังส่งแขกคนสุดท้าย ชารีนให้ประวีย์ปิดป้ายปิดร้านได้ทันที ผู้บริหารเว็บไซต์หาคู่ยิ้มกริ่ม แสร้งถอนหายใจเสียงดังฟังชัดก่อนจะหันมากล่าวอะไรกับเพื่อนๆ ที่อยู่ในห้องโถงของร้าน

“เสร็จเสียที งานนี้ดังระเบิดแน่ ๆ เพราะได้มีนนี่แหละ ไม่อย่างนั้นนักข่าวไม่มากันเยอะขนาดนี้หรอก” กล่าวอย่างเอาใจชายหนุ่ม มือบางทำท่าบีบนวดให้ มีนหัวเราะออกมากับสิ่งที่ชารีนแสร้งหยอกเหย้า

“พูดเหมือนจะให้มันปลื้มนะ” สนต์เป็นคนดักคอเพื่อนขึ้นมาด้วยความหมั่นไส้

“แหม ก็น่าภูมิใจจะตายได้เพลย์บอยไฮโซอย่างมีนมาเป็นพรีเซนเตอร์ เออ ใช่ ขอบคุณน้อง ๆ ทุกคนนะคะที่ช่วยให้งานวันนี้ราบรื่นดีจริง ๆ วันนี้พี่เลี้ยงเองมานั่งกินดื่มกันเต็มที่ เอาเป็นว่าวันนี้ไม่มีพนักงาน ช่วยตัวเองนะจ๊ะทุกคน” ชารีนพูดอย่างอารมณ์ดี พร้อมกับเดินเข้าไปจัดแจงจับพนักงานร้านเรดคลับทุกคนมานั่งโต๊ะเดียวกันซึ่งงานนี้มีพนักงานขอ

งบริษัทเธออีกสองสามคนมาช่วยเป็นเด็กเสิร์ฟให้ด้วย ชารีนแอบจัดแจงดึงอลินามานั่งข้าง ๆ โดยที่ตัวเองนั่งใกล้กับมีน

“ชาได้ยินกิตศัพท์คุณพัชมานานแล้วนะคะว่าเก่งเรื่องผสมเครื่องดื่มได้อร่อยมาก วันนี้ชักอยากลองซักครั้ง”

“เฮ้ย ไม่ได้ ๆ เครื่องดื่มที่พัชทำน่ะแรงจะตาย เดี๋ยวได้เมากันพอดี” สนต์รีบแย้งเพราะกลัวหญิงสาวจะเล่นอะไรแผลงๆ อีก แต่เสียงห้ามของเขาก็ไม่เคยทำได้สำเร็จสักที

“แหม สนต์ทีตัวเองดื่มได้ทำไมฉันจะดื่มไม่ได้ละ กีดกันทางเพศนี่ ใช่ไหมลีนา” ชารีนหันมาหาพรรคพวกสบตากับอลินาเป็นเชิงขอเพื่อน

“เขาไม่ได้กีดกัน แต่ไม่อยากให้เสี่ยง ผู้หญิงชอบใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผลอย่างนี้แหละ” สนต์อธิบายอย่างใจเย็น ชารีนกัดริมฝีปากขัดอกขัดใจ

“งั้นมาแข่งกันไหมละว่าใครจะเมาก่อน” เสียงนั้นไม่ได้มาจากชารีนแต่เป็นอลินาที่เอ่ยขึ้นมาทำให้ทุกคนหันไปมอง ชารีนอมยิ้มแอบพอใจอยู่ลึก ๆ

“งั้นก็ดีเหมือนกัน เอาสิ กล้าไหมละคะคุณผู้ชาย” ชารีนเสริม

“เรื่องเด็ก ๆ ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าจะไปได้ซักกี่น้ำ” มีนพูดพร้อมกับเหลือบไปมองอลินา อาการเคืองเมื่อวานยังคงอยู่ไม่หาย เจอประโยคอวดดีนี่ยิ่งท้าทาย

“เฮ้ย นี่เอาจริงเหรอ” สนต์เอ่ยสีหน้าหวั่น ๆ พัชระมองคนทั้งคู่แล้วยังนิ่งเหมือนกำลังประเมินสถานการณ์ในใจ จะอย่างไรเสีย อย่างมีนและอลินาใครจะห้ามได้ แรงกันทั้งคู่ แม้ว่าอลินาจะเป็นน้องสาวแต่พัชระเองกลับมีความเห็นแก่ตัวบางอย่าง เขาไม่อยากวุ่นวายให้คนอื่นสังเกตเห็นความผิดปกติระหว่างเขาและอลินา

“กล้าไหมละ” ประโยคของมีนจี๊ดเข้าสมองอลินาทันทีมันช่างเป็นคำท้าทายที่ทำให้เธอกำหมัดแน่น

“แน่นอน” อลินารับคำ

สนต์รู้สึกเสียวสันหลังเพราะมีนขึ้นชื่อเรื่องคอแข็งจะตายไป ผู้หญิงที่ไหนก็ไม่เคยมอมเหล้าเขาได้ ไม่มีทางที่มีนจะแพ้

พัชระกลายเป็นคนจัดการผสมเครื่องดื่มให้คู่ท้าชิง ไม่ว่าจะรินลงแก้วทั้งคู่ซักเท่าไหร่ ก็ไม่มีทีท่าว่าจะมีใครพ่ายแพ้กันเลยสักนิด จนเกือบยี่สิบแก้ว พัชระเห็นว่ามันชักจะเลยเถอจึงเป็นฝ่ายหยุดแทน

“ฉันง่วงเต็มทีแล้วพอเถอะ ถือว่าเสมอละกัน” พัชระพูดขึ้นพร้อมกับวางอุปกรณ์ลง

“ไม่ได้!!” คำตอบนั้นดังมาจากทั้งคู่ที่มีใบหน้าแดงก่ำเต็มที่ พัชระเหนื่อยใจกับความดื้อรั้นเต็มที

“เห็นอยู่ว่าเมาทั้งคู่ ก็เสมอกันไปสิ นี่ไปโกรธกันมาตั้งแต่ชาติไหนทำไมต้องมาแข่งกันด้วย” พัชระกล่าวพยายามที่จะเกลี่ยปัญหานี้ให้สำเร็จ

“ฉันไม่เคยโกรธ แค่ห่วงเท่านั้นเอง ฉันรู้ว่าฉันผิด แล้วไง...มนุษย์โลกไม่มีใครเคยทำผิดเลยเหรอ” มีนค้านขึ้นมาเสียงสะบัด อลินาหันขวับมางจ้องหน้าคนพูด

“ผิดอะไร?” พัชระถามเพื่อนด้วยความประหลาดใจ

“ผิดที่เกิดมาเป็นผู้ชายไร้สัจจะน่ะเหรอ” อลินาตอบแทนก่อนจะหัวเราะเยาะ “ทุเรศ” คำนี้เอ่ยออกมาเสียงเบาเหมือนพูดกับตัวเองมากกว่า

ชารีนเริ่มมองทั้งคู่ด้วยแววตาสังเกตอีกครา เธอนึกเรื่องบางเรื่องได้โดยทันที ประโยคของมีนเมื่อครู่เหมือนตอบโจทย์ปัญหาที่เธอครุ่นคิดมานานได้แล้ว... ‘รู้สึกผิด’ ‘ไม่อยากทำร้ายเธออีก’ ทั้งคู่เคยรู้จักกันมาก่อนแน่ๆ

“ไปกันใหญ่แล้ว โต ๆ กันแล้วอย่าทะเลาะกันเหมือนเด็กเลยน่า” สนต์เป็นคนห้ามศึกแทนทุกคน

“ผู้ชาย!! มันก็เห็นแก่ตัวกันทั้งนั้นแหละ เห็นผู้หญิงเป็นแค่ของเล่น โดยเฉพาะนาย!! คนอย่างนายนี่ทุเรศไม่ใช่คนที่ควรพูดถึงเสียด้วยซ้ำ” อลินาลุกขึ้นชี้หน้ามีนสีหน้าจริงจัง

ประวีย์เห็นท่าว่าหญิงสาวจะเมาหนักจนควบคุมคำพูดไม่อยู่เลยรีบมาฉุดแขนไว้ ยกมือขึ้นปิดปากเธอไว้ก่อนจะหลุดอะไรออกมาอีก

“เอ่อ ผมว่าอลินาเมาแล้วพี่ เลิกเล่นกันเหอะ” พัชระเป็นฝ่ายเก็บของหันไปสั่งเด็กที่มาช่วยงานเพราะเห็นสายตานิ่ง ๆ ของมีนแล้วคิดว่าไม่ดีแน่หากจะปล่อยให้กิจกรรมดำเนินต่อไป

คนหนึ่งมีปมในใจ อีกคนก็เหมือนคนบาดเจ็บที่โดนทำร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า เรื่องนี้คงไม่ดีแน่ที่จะให้ปะทะกัน เขาเองก็พลาดที่ยินยอมให้ทั้งคู่ทำอะไรแผลงๆ

“นายวีย์พาลีนาขึ้นไปบนห้องไป แกก็เหมือนกันมีนไปนอนได้แล้ว” พัชระรีบไล่ให้ทั้งคู่ออกจากสถานการณ์อันอึดอัดนี้

ประวีย์ช่วยพยุงอลินาขึ้นไปบนห้องซึ่งอยู่บนชั้นสอง พอถึงหน้าครึ่งทางอลินากลับยกมือขึ้นโบกไปมาบอกให้ประวีย์หยุด

“นาย ลงไปช่วยพี่พัชเก็บของเหอะ ฉันไหว” แม้จะเดินแทบไม่ตรงทางอีกไม่ไกลก็ถึงห้องแล้วอลินานึกอยากทำเองมากกว่า ประวีย์มองเพื่อนร่วมงานก่อนจะพยักหน้ารับแต่สีหน้ายังคงห่วงอยู่ลึกๆ

“โอเค แล้วพรุ่งนี้ฉันจะเล่าให้ฟังว่าแกทำอะไรไปบ้าง ไม่น่าเลย แกทำให้พี่มีนโกรธนะรู้ตัวบ้างหรือเปล่า” ประวีย์บ่น

“นายนั่นน่ะเหรอ ก็แค่พวกโรคจิตดีๆ นี่เอง รู้ไหมฉันเกลียดผู้ชายคนนี้ที่สุดในโลก แค่ทำเพื่อความสะใจ คิดว่าเป็นเทวดาหรือไง ทุเรศวะ”

ประวีย์ถอนหายใจ สายตาจ้องอลินาซึ่งยังคงพล่ามด้วยฤทธิ์แอลกอลฮอล์

“ไปๆ เข้าห้องเหอะ ฉันลงไปช่วยพี่พัชเก็บของก่อน” ประวีย์พูดจบก็เดินลงบันไดไป โดยไม่รู้ว่ามีนยืนอยู่ในมุมของห้องใต้บันได ได้ยินทุกคำพูด สีหน้าเขาเครียดขึงขึ้นมาอีกครั้ง

อลินาพยายามพยุงกายให้ยืนตรงที่สุดก่อนก้าวเดินขึ้นไปหยุดอยู่หน้าห้องควานหากุญแจในกระเป๋ากางเกงออกมาเสียบที่ลูกบิดประตู แต่กว่าจะหารูกุญแจเจอก็ใช้เวลานาน เมื่อมีเสียงคลิ๊กแสดงว่าเธอทำสำเร็จ มือบางกำลังจะบิดเปิดประตูเข้าไปอย่างที่ตั้งใจได้กลับมีมือของใครบางคนมาคว้าแขนเธอไว้ อลินาหันขวับไปมอง มีนยืนหน้าเครียดอยู่ตรงหน้านี่เอง

“เธอว่าฉันเป็นอะไรนะ” สรรพนามที่เคยเรียกตัวเองว่าพี่หายไปโดยอัตโนมัติ อลินาหัวเราะในลำคอ

“ทำไม แทงใจเหรอ”

“โรคจิต หาเงินกับผู้หญิง หากินกับความเจ็บปวดของคนอื่น” ไม่ทันจะจบประโยคดี อลินาก็รู้สึกเหมือนอะไรมาจุกที่อกเพราะริมฝีปากหนาเข้ามาประกบอยู่ที่ริมฝีปากเธอ

สัมผัสที่รุนแรงนั่นทำให้เธอแทบสร่างเมา มันไม่ได้สวยหวานดั่งฝันอย่างในนิยาย แต่มันช่างเจ็บปวด เจ็บทั้งตัวและหัวใจ ใช่...เธอเคยใฝ่ฝันว่าจะได้จูบที่แสนหวานจากชายที่รัก...ชายคนนั้นเคยเป็นมีน ทว่าตอนนี้มันคือ สิ่งเลวร้ายที่สุด

“เกลียดมากไหม” มีนปล่อยให้คนที่อยู่อ้อมกอดเป็นอิสระแล้วถามน้ำเสียงเครียด อลินาที่เหมือนนกถูกปล่อยออกจากกรง ตวัดมือฟาดไปที่แก้มของชายหนุ่ม

“ใช่ เกลียดที่สุด” ใบหน้าที่ชาเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์และแรงปะทะจากฝ่ามือของหญิงสาวทำให้หันไปอีกด้าน เขาหันขวับกลับมาจ้องเธออีกครั้ง

“จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะทำอย่างนี้ได้ ฉันเคยคิดที่ไม่จะยุ่งกับเธอเพราะรู้ว่าตัวเองทำผิดเอาไว้มาก แต่ตอนนี้ฉันตัดสินใจได้แล้ว ฉันจะทำให้เธอตัดฉันไม่ขาดเลย ไอ้คนที่เธอเกลียดจะเป็นคนที่เธอลืมไม่ลงตลอดชีวิต” คำประกาศกร้าวนั้น ดูน่ากลัวเพราะดวงหน้าเข้มของชายหนุ่ม




ณิชนิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 พ.ย. 2555, 21:42:42 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 พ.ย. 2555, 21:42:42 น.

จำนวนการเข้าชม : 1649





<< บทที่ ๗ คู่ซ้อมรัก   บทที่ ๙ พลาดท่า >>
พันธุ์แตงกวา 22 พ.ย. 2555, 20:04:48 น.
โอ๊ย! อยากรู้ๆ แง้มหน่อยๆ ฮ่าๆๆ


ณิชนิตา 22 พ.ย. 2555, 20:46:07 น.
ฮ่าๆๆๆๆๆ ไม่ๆ ไม่บอก รอจันทร์หน้า คิคิ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account