Secret Love: ปฏิบัติการแอบรัก
แค่ได้อยู่ใกล้ๆ แค่ได้มองเห็นเขามีความสุข

ฉันยอมแลกทุกอย่าง...แม้เขาจะไม่รับรู้ถึงสิ่งที่ฉันทำเลยก็ตาม!

สายฝนเมื่อวันหนึ่ง นำพาเขาและเธอมาเจอกัน

ก่อเกิดเป็นมิตรภาพที่สวยงาม...จนเบ่งบานกลายเป็นความรู้สึกแสนพิเศษ

เพียงแต่ว่า...มันเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับ ‘เธอ’ เพียงคนเดียว!

เธอ...เจ็บเมื่อเห็นเขาเจ็บ

เธอ...ยอมเจ็บเพื่อให้เขามีรอยยิ้ม

แต่เมื่อการกระทำของเธอถูกเขามองว่าต้องการขัดขวางความรัก

คนเป็น ‘แค่เพื่อน’ จะทำอะไรได้...นอกจาก...


...เดินออกไปจากชีวิตเขา...

Tags: หมอ, นักศึกษา, เพื่อน, รัก, โรแมนติก

ตอน: บทที่ 2 : เพื่อนสนิท [100%]

“พริม...พริมตื่นได้แล้ว...”

หมอนสองสามใบกระจายอยู่บนพื้น ผ้าห่มหลุดลุ่ยลงมากองอยู่ที่พื้นข้างเตียง เผยให้เห็นร่างสมส่วนที่นอนคว่ำ กางขากินพื้นที่เต็มเตียงกว้าง ใบหน้ากว่าครึ่งนั้นมุดอยู่กับกองหมอนที่ยังพอมีเหลือบ้างบนเตียง โผล่ออกมาแค่เพียงส่วนคางมนเท่านั้น

ชายหนุ่มสั่นศีรษะหน่ายๆ เสื้อยืดเก่าๆ ตัวยาวที่ตอนนี้ม้วนขึ้นมาอยู่บริเวณเอวบาง เปิดเผยเนื้อนวลช่วงเอวให้เห็นวับๆ แวมๆ กับกางเกงขาสั้นสีตุ่นๆ ไม่ได้ทำให้เกิดอารมณ์อะไรนอกจาก...

...โทรมสุดๆ...

เตียงนอนไหวยวบเมื่อร่างสูงของคนที่บุกรุกเข้ามาทรุดนั่งลงด้านข้าง มือขาวเรียวเหมือนผู้หญิงเอื้อมออกไปช้าๆ

...ก่อนตบดังป้าบเข้าบริเวณหัวไหล่มนของคนขี้เซาอย่างแรง!

“โอ๊ย!”

ร่างบางสะดุ้งพรวดพราดลุกขึ้นจากกองหมอน ใบหน้าสะลืมสะลือกับดวงตาที่เปิดครึ่งๆ เหลียวขวับหันมาเอาเรื่องคนมือหนักอย่างรวดเร็ว

“อะไรของแกเนี่ยภู!”

เสียงตวาดแหวดังกว่าที่คิด ทำให้ภูธเรศที่ยกมือขึ้นปิดหูไม่ทันทำหน้านิ่ว “ตื่นมาปุ๊บ ใครเค้าใช้งานหลอดเสียงหนักอย่างนั้นเนี่ย...นี่แกเป็นนักร้องประสาอะไรเรื่องแค่นี้ยังไม่รู้อีก”

“ช่างฉันเถอะน่า...แล้วนี่แกมาทำไมเนี่ย”

หญิงสาวกระฟัดกระเฟียดลงจากเตียง คนที่นั่งอยู่คว้าเอวบางรั้งร่างนั้นเข้ามาจนชิด ก่อนจะเขกกระโหลกพริมาเสียงดังโป้ก!

“ลืมแล้วเหรอ...ฉันจะชวนแกไปซื้อของไงวันนี้”

“ไอ้หมอบ้า! เลิกประทุษร้ายร่างกายฉันได้แล้วนะ” พริมายกมือคลำหัวที่โดนเขกป้อยๆ พร้อมกับขยับตัวออกห่างเพื่อน ใบหน้าหวานแดงจัด เธอส่งค้อนใส่ตาคมที่จ้องมองอย่างขันๆ ส่งเสียงจิ๊จ๊ะอย่างไม่สบอารมณ์ต่อ “แล้วมันเรื่องอะไรของฉันเนี่ย แกไปซื้อของ ก็นัดเวลากันแล้วนี่ว่าสิบโมง แล้วนี่มันยังเช้าอยู่เลยนะ...”

เสียงแจ๋วๆ ถูกกลืนหายไปในลำคอเมื่อคนที่นั่งเกือบชัดยกนาฬิกาข้อมือให้หล่อนดูเต็มๆ ตา เข็มสั้นและเข็มยาวที่เคลื่อนไหวตามเวลานั้นบอกให้รู้ว่าเลยเวลานัดไปแล้วเกือบครึ่งชั่วโมง

ภูธเรศทั้งฉิวทั้งขัน เมื่อเห็นคนตัวเล็กกว่าเงียบงันเพราะหมดทางเถียง คุณหมอหนุ่มจึงเอ่ย “รีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเดี๋ยวนี้ ฉันให้เวลาแกสิบห้านาที ถ้าไม่เสร็จเป็นเรื่องแน่”

ริมฝีปากบางของหญิงสาวขยับน้อยๆ เหมือนจะเถียง หากแต่สายตาคมดุที่ส่งมาทำให้หล่อนก้าวออกไปนอกระเบียงเพื่อไปหยิบเอาผ้าเช็ดตัวที่ตากไว้ ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องน้ำที่อยู่ถัดไปอย่างไร้ปากเสียง

ชายหนุ่มกำลังจะเอ่ยปากท้วงบางอย่าง แต่ร่างบางก็ปิดประตูห้องน้ำไปเรียบร้อยแล้ว ทิ้งให้คนที่ยังนั่งอยู่บนเตียงกว้างสั่นศีรษะอีกครั้งอย่างหน่ายปนขำ ร่างสูงลุกขึ้นช้าๆ ก่อนก้มลงโยนหมอนที่ตกบนพื้นกลับขึ้นไปบนเตียง หยิบผ้าห่มผืนหนาขึ้นมาสะบัดๆ ก่อนพับเก็บเรียบร้อย ดึงผ้าปูที่นอนให้ตึงสวย ก่อนจะเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าออกช้าๆ...

“หมอ...หยิบเสื้อผ้าให้หน่อยดิ เค้าลืมเอาออกมาด้วยอีกแล้วอ่ะ...”

นั่นไงเล่า...ภูธเรศยิ้มขำ เมื่อหันไปมองใบหน้าเล็กๆ ที่โผล่แต่ส่วนหัวออกมาจากบานประตูห้องน้ำที่แง้มออกน้อยๆ ดวงตากลมที่ทำตาปริบๆ มีแววกระดากน้อยๆ เมื่อเห็นว่าเขาเปิดตู้เสื้อผ้ารออยู่แล้วเหมือนคาดได้ มือเรียวเอื้อมไปหยิบเสื้อผ้าที่จำได้ว่าเพื่อนสาวชอบใส่ประจำออกมาจากตู้ ก่อนเดินไปยื่นให้ตรงหน้าประตูห้องน้ำที่ตอนนี้เหลือแต่แขนเรียวยื่นออกมาคว้าของในมือเขาไปรวดเร็ว

“ขอบใจ”

ประตูห้องน้ำปิดลง แต่ชายหนุ่มก็ยังยืนขำอยู่ ก่อนจะถาม “พริม...ไม่เอาชั้นในด้วยเรอะ?”

“ทะลึ่ง!” คนข้างในซัดเสียงใส่ น้ำเสียงอู้อี้เล็กๆ ทำให้เขานึกรู้ว่าเธอต้องแปรงฟันอยู่แหงมๆ “ฉันเอามาพร้อมกับผ้าเช็ดตัวแล้วย่ะ อย่าได้คิดไปดูชั้นในของฉันเด็ดขาดเลยนะ!”

บ้าจริงอีตานี่! คิดอะไรของมันเนี่ย...

หญิงสาวมองกระจกที่ติดเหนืออ่างล้างหน้า ดวงตากลมโตจับจ้องใบหน้าของตัวเองที่ตอนนี้แดงก่ำ ร้อนผ่าวไปทั้งหน้าด้วยความเขินอาย

ต่อให้เป็นเพื่อนกันมานานแล้วก็เถอะ ทุกครั้งที่ภูธเรศทำท่าใกล้ชิดสนิทสนม เธอเป็นต้องหน้าแดงทุกทีเลยสิน่า...ทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาทำไปนั้น...ไม่ได้คิดอะไรมากกว่าคำว่าเพื่อนสนิทหรอก...

“คร้าบๆๆ” คนเป็นหมอตอบกลั้วหัวเราะ เดินไปนั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าโต๊ะเขียนหนังสือ ที่ตอนนี้เต็มไปด้วยเอกสารประกอบการเรียน โน้ตย่อของแต่ละวิชา ปากกาหลากสี และหนังสือเรียนเป็นตั้งที่กองอยู่ลวกๆ ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะก้มลงเก็บหนังสือบางเล่ม กระดาษบางแผ่นที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมาวางบนโต๊ะ เอาไปเอามาเขาก็ลงมือจัดโต๊ะหนังสือของเพื่อนเสียเลย...

ไอ้พริมเอ๊ย...ใครได้ไปเป็นแฟนคงปวดหัวตายแหละ ผู้หญิงอะไรไม่เป็นระเบียบเล้ยยยยย...

ห้องพักที่พริมาอาศัยอยู่นั้นเป็นห้องชุดที่เช่าราคาปานกลาง มีอยู่สามห้องคือห้องน้ำที่อยู่ในห้องนอน และห้องนั่งเล่นที่รวมห้องครัวกับห้องกินข้าวไว้ด้วยกันในพื้นที่ค่อนข้างประหยัด ชายหนุ่มเดินออกมานั่งรอเพื่อนที่โซฟาหนังเทียม หยิบเอาการ์ตูนที่วางอยู่แถวนั้นมาอ่านฆ่าเวลา ก่อนจะร้องเสียงดังด้วยความตกใจ

“เฮ้ย!”

“มีอะไร!” เสียงฝีเท้าตุ้บตั้บก่อนที่เจ้าตัวจะโผล่หน้าออกมาดู ผมเปียกๆ ที่ม้วนเอาไว้ในผ้าเช็ดผมลุ่ยออกมาเคลียใบหน้า ดวงตาโตเบิกกว้างเมื่อได้ยินเสียงเพื่อนชายร้องเสียงดังลั่น

หรือว่ามันเจอแมลงสาบ...ห้องยิ่งรกๆ อยู่...

“กะ...แก...” ภูธเรศอ้ำอึ้ง พูดไม่ออก ได้แต่ชี้นิ้วไปที่หนังสือการ์ตูนที่ตอนนี้ถูกเขวี้ยงไปอยู่บนโต๊ะ

“หืม...” ร่างบางสาวเท้าเข้าไปใกล้ “มีแมลงสาบใต้หนังสือเล่มนั้นเหรอ?”

“ไม่ใช่!” ภูธเรศกระแทกเสียง อดที่จะขนลุกเกรียวไม่ได้เมื่อเพื่อนสาวเอ่ยถึงแมลงที่เขาค่อนข้าง...ขยะแขยง ชายหนุ่มคว้าหนังสือแล้วเดินฉับๆ ไปหาร่างบางที่ยืนถือผ้าเช็ดตัวค้าง น้ำจากเส้นผมหยดแหมะรอบตัวจนเปียกเสื้อยืดสีขาวที่หล่อนใส่อยู่ “นี่มันการ์ตูนโป๊นี่!”

“บ้า...ไม่ใช่การ์ตูนโป๊ มันแค่มีฉากเซอร์วิสเล็กๆ เท่านั้นเอง” ดวงตาสีน้ำตาลกวาดมองทั่วหนังสือก่อนตอบซื่อๆ

“ปัญหามันไม่ได้อยู่ตรงนั้น มันอยู่ที่ว่าทำไมแกถึงอ่านการ์ตูนแบบนี้ต่างหาก มัน...เห็นหมดเลยนะเว้ย”

“อ้าว...ก็...” หญิงสาวอ้ำอึ้ง “ก็...ฉันต้องหาอะไรมาบิ๊วอารมณ์ก่อนเขียนนิยายน่ะ”

“เธอเขียนนิยายอย่างว่ารึไงฮะถึงต้องอ่านของพวกนี้!”

“ไม่ใช่ซักหน่อย” ร่างบางคว้าหนังสือการ์ตูนจากมือเพื่อน ก่อนเดินเอาไปเก็บไว้ในห้องนอน โดยมีเพื่อนชายตามหลังมาติดๆ “ฉันแค่อ่านเอาไว้บรรยายนิดๆ หน่อยๆ เอง”

“ยัยเด็กใจแตกเอ้ย!”

“หรือว่าจะให้ฉันไปหาประสบการณ์จริงมาเขียนกันละฮะ?” ใบหน้าหวานหันไปถามร่างสูงที่เดินตามมาติดๆ ทันเห็นว่าที่คุณหมอขมวดคิ้วอย่างขุ่นเคือง

“ฉันอุตส่าห์รับปากแม่เธอไว้ว่าจะช่วยคุมประพฤติเธอ...จะไม่ให้เธอออกนอกลู่นอกทาง จะคอยหาแฟนดีๆ ให้เธอ...จะ...”

“หยุดเลยนะหมอ ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดซักหน่อย กะอีแค่ดูรูปจากการ์ตูนเล็กๆ น้อยๆ เนี่ย มันไม่ทำให้ฉันไปเสียตัวที่ไหนได้หรอก!”

เมื่ออธิบายก็แล้ว ภูธเรศก็ยังทำหน้าบึ้งอยู่เช่นเดิม หญิงสาวจึงได้แต่เปลี่ยนมาใช้ไม้อ่อนกับเพื่อนที่ตั้งตัวเป็น ‘พ่อ’ คนที่สองตั้งแต่เมื่อไหร่ก็สุดรู้...

“เอาน่า...ดูแค่นี้ นอกนั้นก็ไม่แล้ว ไม่อ่าน ไม่ดูอีกแล้ว นะๆ ไม่อย่างนั้นฉันก็บรรยายฉากจูบนิดๆ หน่อยๆ ไม่ได้นะ”

“ฉันอนุญาตเล่มเดียวนะ” ร่างสูงถอนหายใจเฮือกเมื่อมองเพื่อนที่ตอนนี้กำลังเกาะแขนเสื้อทำท่าประจบอยู่ ชายหนุ่มได้แต่พยักหน้าส่งๆ อย่างเสียมิได้ก่อนเอ่ยปากอนุญาต

“เจ้าค่ะคุณพ่อ”

พริมาประชดเข้าให้ ก่อนจะเอี้ยวตัวหลบมะเหงกที่ลอยมาอย่างรวดเร็ว หญิงสาวหันกลับไปนั่งบนเตียง ก่อนเริ่มเช็ดน้ำออกจากเส้นผมยาวสลวยที่ยาวถึงบั้นเอว ดวงตามองปราดตามร่างสูงที่ตอนนี้เดินไปนั่งตรงโต๊ะเขียนหนังสือของหล่อน ก่อนจะถือวิสาสะเปิดคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คของเจ้าของห้องโดยไม่เอ่ยปากขออนุญาตใดๆ

ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ที่เริ่มต้นมาตั้งแต่วันฝนตกครั้งนั้น เมื่อเวลาผ่านมาถึงสามปีเธอกับเขาก็กลายเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของกันและกันเสียแล้ว

ภูธเรศนั้นเป็นคนที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในคณะ ด้วยหน้าตาที่ดีพอจะไปเป็นพระเอกหนังได้สบายๆ ด้วยฐานะที่ค่อนข้างดีเพราะตระกูลของชายหนุ่มประกอบอาชีพทางด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพกันทั้งหมด ด้วยนิสัยร่าเริง สบายๆ เข้ากับคนง่ายของเขา ทำให้ชายหนุ่มเป็นที่ชื่นชอบของคนที่ได้รู้จัก โดยเฉพาะสาวๆ ที่ถึงกับตั้งเป็นแฟนคลับหมอภูกันเลยทีเดียว

ต้นเหตุที่ทำให้เขาดูแลหล่อนเหมือนกับพ่ออีกคนหนึ่ง ก็เพราะเมื่อคบกันไปได้เกือบปี แม่ที่ล้มป่วยลงของหล่อนก็เสียชีวิต...วันนั้นเขาที่ยืนอยู่ข้างๆ พริมาที่ยืนสะกดกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลต่อหน้ามารดาเพียงเพื่อไม่ให้ท่านห่วงหล่อนอีกต่อไปได้รับปากแม่เพื่อนไว้ว่า เขาจะดูแลเพื่อนคนนี้ให้ดีที่สุด

นับตั้งแต่วันนั้นภูธเรศก็ทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับแม่ของหล่อนทุกประการ


“ว่าแต่...รอบนี้เรื่องอะไรอีกล่ะ”

หญิงสาวเอ่ยถามขึ้น เมื่อก้าวเข้าไปนั่งในรถเก๋งสีขาวของว่าที่คุณหมอ ใบหน้าหวานตีสีหน้ายุ่งเมื่อมองไปที่คนขับรถที่มีสีหน้ายุ่งพอๆ กัน

เป็นอันรู้กันว่าประโยคข้างต้นเอ่ยถึงความสัมพันธ์ระหว่างภูธเรศกับแฟนสาวของเขา ที่ช่วงนี้มีเรื่องให้งอนกันบ่อยพอๆ กับช่วงเวลาสวีทหวานแหววให้คนอิจฉาเล่น

“ก็...ผิดนัด...”

“ครั้งที่สามสิบหก...ภูธเรศ...” พริมาถอนหายใจเฮือก ลงเสียงหนักที่ท้ายประโยค
เป็นที่รู้กันว่าหากหล่อนเรียกชื่อเต็มเขาเมื่อไหร่ แสดงว่ากำลังเตรียมเทศน์เมื่อนั้น

“นายนี่...” ร่างบางเริ่มต้นประโยค แต่เมื่อเหลือบมองใบหน้าของเพื่อนที่ตอนนี้หม่นแสงลง เจ้าตัวเลยต้องเก็บพับคำพูดที่ต้องการพูดต่อ แต่เปลี่ยนมาเป็นปะเหลาะถามสาเหตุแทน

“ทำไมพลาดรอบนี้ได้ล่ะ”

เท่านั้นเอง...ร่างสูงที่ดูเหมือนจะอัดอั้นมานานก็โพล่งออกมาหมด “ก็อาจารย์น่ะสิ เรียกให้ไปเป็นลูกมือ พอดีวันนี้มีเคสของอาจารย์หมอวีรยา เธอก็รู้ดีนี่นาว่าอาจารย์แกเหี้ยมแล้วก็เนี้ยบขนาดไหน ก็นั่นแหละ...มีงานมาใช่มั้ย แล้วอาจารย์ก็เลยเรียกเราเข้าไปช่วย พอดีเคสนี้ตำรวจเข้ามาดูด้วยไง...กว่าจะผ่า กว่าจะถกกันเสร็จ เราก็เหนื่อยแล้ว...กว่าจะขับรถไปที่ทำงานเขาได้ นุชเค้าก็กลับบ้านแล้ว...แล้วพอเราตามไปที่บ้าน...เขาก็ปิดประตูใส่เราเฉยเลย”

ตบท้ายประโยคด้วยการถอนใจอีกรอบอย่างหนักอกของคุณหมอหนุ่ม พริมาที่นั่งฟังเงียบๆ ก็ไม่รู้จะว่ายังไงดี...นอกจากถามต่อ “แล้ว...นายไปสายกี่ชั่วโมงล่ะ”

“ 20 นาทีเองนะ ไม่ถึงชั่วโมงซักหน่อย...เรารู้นะว่าไปสายบ่อย บางทีก็ผิดนัดบ้าง...ค่อนข้างบ่อย แต่ว่าเราก็พยายามไปให้ทันทุกครั้งนะ”

คำพูดน้อยอกน้อยใจยังพร่างพรูออกมาเรื่อยๆ ทำให้พริมาไม่รู้จะพูดอะไรนอกจาก...

“ฉันเข้าใจ...”

“เธอเข้าใจ แล้วทำไมนุชเค้าไม่เข้าใจบ้างวะ?”

“ฉันจะรู้มั้ยล่ะ...คนเราเหมือนกันซะที่ไหน”

“แต่ก็เป็นผู้หญิงเหมือนกันนี่” คุณหมอหนุ่มตอบดื้อดึง “เธอก็น่าจะเข้าใจว่าทำไมนุชเค้าถึงไม่เข้าใจฉัน หรือไม่นุชก็น่าจะเข้าใจฉันเหมือนที่เธอเข้าใจด้วย”

ร่างสูงเริ่มพูดวกไปวนมาตามแรงอารมณ์ ทำเอาคนที่นั่งข้างๆ ยกมือขึ้นกุมขมับ...

ทำไมว้า...ต่อหน้าคนเยอะๆ อีตานี่ไม่เคยหลุดมาดซักที...ฉากหน้าภูธเรศเป็นคุณหมอที่ใจดี ใจเย็น สุขุมเป็นผู้ใหญ่ แต่พออยู่กับเธอทีไรเขาต้องกลายร่างเป็นคุณป้าช่างบ่นทุกที...

“ก็เพราะฉันมาเห็นด้านมืดของแกเข้าแล้วน่ะสิ เลยเข้าใจแก” พริมาตอบประชดๆ ก่อนจะตบไหล่คนขับเบาๆ “ไม่เป็นไรนะแก ยังไงเดี๋ยวเราช่วย...เอ่อ...ไปเลือกของเอาไปง้อคุณนุชไง”

เธอคงช่วยเขาได้เท่านี้แหละ...ช่วยทำให้เขากับเธอคนนั้นคืนดีกัน กลับมารักกันให้ดีเหมือนเดิม...

“ขอบใจนะพริม ฉันล่ะรักเธอที่สุดเลย...”

...ทำไมหัวใจต้องเต้นแรง ทำไมรู้สึกหน้าร้อนผ่าวขึ้นมา...

“...เพื่อนรักของฉัน”

ร่างสูงพูดพลางหัวเราะอย่างผ่อนคลายมากขึ้น พริมายกยิ้มน้อยๆ ประกายตาวูบหนึ่งทอแววประหลาด

...นั่นสิ ก็แค่เพื่อนรัก...



ร่างบางที่เดินอยู่เยื้องไปข้างหลังมองตามร่างสูงข้างหน้าอย่างปลงๆ

เข้ามาให้ห้างสรรพสินค้าได้ปุ๊บ คนเป็นหมอก็พุ่งเข้าไปที่แผนกหนังสือทันควัน ร้อนถึงเธอที่จะต้องไปลากเอาเจ้าตัวออกมาจากชั้นหนังสือวารสารต่างๆ จนได้ แต่ก็ยังไม่วายที่ชายหนุ่มจะยึดเกาะชั้นหนังสือหนึ่งไว้อย่างเหนียวแน่น

“เธอว่านุชจะชอบหนังสือพวกนี้มั้ย?”

มือเรียวเอื้อมไปหยิบเอาหนังสือนิยายรักหวานแหวว ที่มีชายหนุ่มหญิงสาวโพสท่าทางบนหนังสือชวนวาบหวิวทำให้คนถือหน้าขึ้นสีระเรื่อด้วยความอาย เมื่อเห็นสาวๆ สองสามคนที่ยืนอยู่ตรงชั้นนั้นอยู่แล้วมองมาแปลกๆ

“ไหน...” มือน้อยกว่าคว้าเอาหนังสือในมือเขามาพลิกๆ ดู ก่อนจะส่งคืนให้ “ไม่ดีนะ ปกติฉันไม่ค่อยเห็นคุณนุชอ่านหนังสือเท่าไหร่”

“แต่ฉันว่าซื้อไปก็ดีนะ นุชชอบดูละคร พวกซีรี่ย์เกาหลีเหมือนกัน บางทีเค้าอาจจะชอบนิยายพวกนี้บ้างก็ได้ อีกอย่างนะ...เผื่อนุชอ่านแล้วจะได้เข้าใจความรักของฉันมากขึ้นไง”

“ยังไงยะ?”

“ก็นิยายพวกนี้...” นิ้วเรียวยาวชี้ไปที่หนังสือหลายๆ เล่มที่เป็นหน้าปกประเภทเดียวกัน “พวกพระเอกมักจะเย็นชา ร้ายกาจ ทำตัวน่าสยดสยอง เป็นแบดบอยไม่ใช่เรอะ นุชจะได้รู้ไงว่าฉันน่ะดีกว่าพระเอกนิยายตั้งเยอะ เพราะฉะนั้นก็จงทำตัวเหมือนนางเอกคือให้อภัยฉันแล้วก็รักฉันต่อไปน่ะดีที่สุด”

พริมามองหน้าคนพูดที่ดูภูมิใจกับความคิดตัวเองสุดๆ แล้วก็ได้แต่ยกมือกุมขมับอีกครั้ง

จ้ะ...พ่อคนดี...พ่อคนเก่ง...

ริมฝีปากอิ่มขยับน้อยๆ สรรเสริญอีกฝ่ายพลางแกะชายหนุ่มให้หลุดออกจากชั้นหนังสือนิยายได้ในที่สุด

“ไปหาซื้ออะไรน่ารักๆ ดีกว่า พวกกิ๊ฟชอป เครื่องประดับน่ารักๆ อะไรพวกนี้อ่ะ...คราวที่แล้วนายให้อะไรคุณนุชนะ ใช่ตุ๊กตาหมีรึเปล่า?”

คนสูงกว่าส่ายหน้าหวือ “ไม่ใช่ น่าจะเป็นช่อกุหลาบ...เอ...หรือว่าตั๋วหนังเรื่องที่เค้าอยากดู...”

อาการของเพื่อนทำให้หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะแหวใส่ “อะไรของนายเนี่ยภูธเรศ คุณนุชเค้าทำถูกแล้วที่โกรธนายซะบ้าง จำบ้างสิว่าซื้ออะไรให้แฟนไปแล้วบ้าง บ้าจริง! สรุปว่าเอาเครื่องประดับแล้วกัน”

ร่างบางก้าวฉับๆ ไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว โดยที่มีขายาวๆ ของคนสูงกว่าเดินตามมาอย่างสบายๆ พลางเอ่ยไปด้วย

“เธอก็รู้ เราน่ะงานเยอะจะตาย ยิ่งช่วงนี้ด้วยแล้วต้องช่วยเป็นลูกมืออาจารย์หมอวีตลอดเลยด้วย แค่หัวถึงหมอนเราก็หลับเป็นตายแล้ว จะเอาเวลาไหนมาสนใจเรื่องพวกนี้กัน”

“แต่เรื่องพวกนี้มันเป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้หญิงที่เป็นแฟนนายนะหมอ”

“แล้วทำไมเธอไม่เป็นอย่างผู้หญิงคนอื่นๆ เค้าบ้างละหืม...” คราวนี้มือเรียวคว้าแขนของคนที่เดินนำ ก่อนดึงทั้งร่างบางนั้นให้มายืนอยู่ข้างตัว “ทีเราลืมซื้อของให้เธอตอนวาเลนไทม์ เธอก็ยังไม่เห็นเดือดร้อนนี่ ไม่เหมือนนุช ขานั้นของต้องครบทุกวันหยุดนักขัตฤกษ์ วันเกิด วันครบรอบคบกัน วันวาเลนไทม์ คริสต์มาสต์ ปีใหม่ สงกรานต์ วันลอยกระทง...”

“ลอยกระทง?” คนตัวเล็กกว่าตวัดถามเสียงสูงด้วยความสงสัย

“อ้าว...จริงนะ เราต้องซื้อกระทงไปลอยด้วยตลอดเลย ยังจำได้เลยว่ามีปีนึงเราติดแลป ออกมาดึก นุชยังลากเราไปลอยกระทงในอ่างล้างหน้าหอเค้าเลย...”

“อ่านะ...” โอเค...เธอซึ้งละ “...นายอย่าคิดมาก คบกับเค้ามากี่ปีแล้วเนี่ย ยังไม่คุ้นนิสัยเค้าอีกเหรอ ผู้หญิงเค้าก็หวังอยากได้ของเล็กๆ น้อยๆ อยากได้เวลาจากแฟนตัวเองกันทั้งนั้นแหละ”

“แล้วทำไมเธอไม่เห็นอยากได้อะไรจากเราบ้างเลยล่ะ?”

“แล้วฉันเป็นแฟนนายมั้ยล่ะฮึ ถึงต้องอยากได้อะไรจากนายเนี่ย”

“ก็ไม่ใช่อ่ะ...” คุณหมอหนุ่มพยักหน้าหงึกๆ อย่างเห็นด้วย

พริมาชะงักไปนิด ก่อนเอ่ยต่อเรื่อยๆ “นั่นไง สถานะมันต่างกัน เพราะงั้นคุณนุชเค้าจะคิดไม่เหมือนฉันก็ไม่แปลกหรอกนะ”

“เราว่าไม่ได้มีแต่สถานะหรอกที่ไม่เหมือน อย่างอื่นด้วย”

คราวนี้ภูธเรศอมยิ้มแปลกๆ ความนัยประหลาดในแววตาคมนั้นทำให้คนข้างๆ ตัวสงสัยจนต้องเอ่ยปากถามเสียงเข้ม

“อะไรไม่เหมือนอีกยะ...”

“เราลืมไป...” หมอหนุ่มยิ้มกริ่ม เหล่ตามองเพื่อนสาวก่อนทิ้งประโยคเด็ด “...ว่าเธอมันไม่ใช่ผู้หญิง”

“ภูธเรศ!”

มือบางจะคว้าแขนคนตัวสูงกว่า แต่เขากลับวิ่งไปข้างหน้า พ้นรัศมีมือเธอไปหวุดหวิด แถมยังมีหน้ามาหัวเราะชอบใจอีกแน่ะ...

ใช่สิ...หญิงสาวเดินตามหลังร่างสูงที่ตอนนี้ไปหยุดยืนอยู่ตั้งไกล รอให้เธอเดินเข้าไปหา สายตาสนุกสนานนั้นบ่งบอกว่าเจ้าตัวไม่รู้เลยแม้แต่น้อยว่าคำพูดเมื่อครู่ทำให้หล่อนเสียความมั่นใจแค่ไหน...

ถึงแม้จะเอวบางร่างน้อย แม้จะไม่เคยรัดหน้าอกเหมือนทอม แม้จะไว้ผมยาวถึงบั้นเอว แต่บุคลิก การแต่งตัว การวางตัวทุกอย่างมันก็บ่งบอกว่าเธอเป็นคน ‘ลุยๆ แบบผู้ชาย’ ชัดเจน จนเธอมีเพื่อนผู้ชายมากกว่าเพื่อนผู้หญิง จนแม้แต่เพื่อนผู้ชายก็ไม่ได้มองเธอเป็นผู้หญิงอีกต่อไป แต่คิดว่ามีเพื่อนผู้ชายเพิ่มอีกคนมากกว่า

...แต่จิตใจของเธอก็ยังเป็นผู้หญิงเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์...และยังน้อยใจทุกครั้งเมื่อเขามองอย่างขำๆ เมื่อเธอทำอะไรแบบ ‘ผู้หญิงๆ’ กับเขาบ้าง



...และเจ็บปวดทุกครั้ง...ที่เป็นได้แค่...เพื่อนสนิท...


............................................................
สวัสดีค่ะ

พอดีเรื่องนี้แต่งไว้ได้พอสมควรแล้ว เลยคิดว่าจะเอามาลงดีกว่า ^^

ต้องบอกไว้ก่อนว่าเรื่องนี้เป็นประสบการณ์ตรงค่ะ ไม่ได้หมายถึงความรักในเรื่องนะ แต่เป็นการเรียนของนางเอกอ่ะค่ะ ส้มเรียนมาแบบนั้นเลย ต้องไปดูศพ แล้วก็ไปค้นไส้ติ่งเค้าเหมือนกัน 555+

คุยกันดีกว่าเนาะ

คุณ AprilSK ขอบคุณค่า ^^
คุณ รอให้เป็นเล่ม มุขนี้เจอมากับตัวค่ะ 555+
คุณ ร้อยวจี เอามาลงให้แล้วนะคะ หวังว่าคงสนุกกับการอ่านนะคะ
คุณ ameerahTaec อยากดิสเครดิตหมอภูว่าอย่าเพิ่งชอบนะคะ เพราะอีหมอนี่มันเกรียน+รั่วได้โล่ โดยเฉพาะตอนเมา 555+
คุณ mhengjhy มา ม. เค้าเร็ว คนหล่อน้ำใจดียังมีอยู่เน้อ ^^
คุณ lovemuay ตอนที่ส้มลงไปจับจริงก็ค่อนข้างสั่นหน่อยๆ เหมือนกันค่ะ
ขอตอบข้อที่แย้งมาหน่อยนะคะ
1. เรื่องกลิ่นแอลกอฮอล์ คงต้องขอโทษด้วยที่ไม่ได้อธิบายไว้อย่างละเอียด อันนี้ส้มลืมจริงๆ คือเรื่องของเรื่องเนี่ย ศพที่ไปดูตอนนั้นเค้าดื่มเหล้าก่อนตายด้วยค่ะ เพราะฉะนั้นตอนผ่านี่จะโชยกลิ่นแอลกอฮอล์สุดๆ เพราะยังมีตกค้าง ยิ่งตอนผ่าช่วงตัวนี่ยิ่งชัดเจนเลยล่ะค่ะ
ส่วนเรื่องศพ ศพที่ทำการชันสูตรหาสาเหตุการตายไม่ได้ผ่านการดองศพนะคะ มาแล้วเข้าตู้เย็น (เอ่อ...ตู้เก็บนั่นแหละ) แล้วก็เอาออกมาผ่าเลยถ้าศพเข้ามาตอนที่ไม่มีคน แต่อย่างศพที่ส้มไปดูวันนั้นนี่ (จำได้เพราะเป็นรายแรก) เค้ามาตอนเช้าค่ะ ประมาณตี 5 6 โมงเช้า เลยเอาเข้าตู้นิดหน่อยแล้วออกมาผ่าให้ดู เพราะฉะนั้นไม่มีการดองศพทางคดีนะคะ
2. อันนี้ขอยืนยันว่าที่จับมานิ่ม ไม่ได้นิ่มอะไรมากมาย (สงสัยต้องเปลี่ยนคำบรรยาย) ค่ะ เพราะเคยผ่าสมอง (ศพสด) เพื่อดู subarachnoid หรือเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองด้วย ตอนถือมันจะนุ่มๆ หยุ่นๆ ไม่ได้นิ่มมากมาย แต่ไม่น่าจะเท่ายางลบนะคะ แล้วเวลาผ่าจะผ่าออกเป็นชิ้นค่อนข้างบางประมาณเซ็นนึง (ไม่ได้เข้านิติเวชเป็นปีแล้ว ชักลืม) ถ้าสมองสดนี่จะนิ่มและหยุ่นคล้ายเยลลี่แข็งๆ นะคะ แต่สำหรับกรอสนี่ส้มไม่รู้แฮะ 555+

แต่ยังไงก็ขอขอบคุณสำหรับคำแย้งด้วยนะคะ จะได้แลกเปลี่ยนกัน คุณ lovemuay ต้องเป็นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์แน่ๆ เลย ถึงข้อมูลแน่นเปรี๊ยะ ยังไงต้องขอบคุณมากนะคะ ถ้าส้มมีอะไรที่ผิดพลาดนี้ต้องขอให้แย้งนะคะ จะได้นำไปปรับปรุงด้วย

อย่าลืมติดตามภิรมย์รักด้วยน้า พยายามจะเอามาลงคืนนี้ให้ได้ค่ะ



ปณัชญา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 พ.ย. 2555, 00:16:30 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 พ.ย. 2555, 02:19:04 น.

จำนวนการเข้าชม : 4465





<< บทนำ + บทที่ 1 [100%]   บทที่ 3 : ระหว่างคำว่า “เรา” [100%] >>
lovemuay 22 พ.ย. 2555, 06:32:11 น.
อ่อ เราเป็นนศพ.ค่ะ เคยจับแต่ของกรอสซะด้วย อิอิ
สงสัยต้องใช้นางเอกของเรามีแฟน หรือมีคนมาจีบก่อนซะหล่ะม้าง คุณท่านถึงจะรู้ตัว


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account