สื่อสลับขั้ว
เมื่อ "วุ้น" สาวหวานเรียบร้อย กับ "ปาล์ม" หนุ่มตี๋ขี้อาย คิดจะปลูกต้นรักออนไลน์ เลยร้อนถึงเพื่อนซี้ อย่าง "แพท" กับ "บิ๊ก" ที่ต้องเข้ามาช่วยแก้ปัญหาให้คนทั้งคู่
ก็เพราะว่าจีบกันดีๆก็คงจะไม่สนุก จึงต้องลากเอาเพื่อนๆ เข้ามาวุ่นวายด้วย เนื่องจากสาวเจ้าไม่มั่นใจในความงามของตัวเองจึงส่งรูปเพื่อนสาวตัวดีไปให้หนุ่มดูซะได้ ทางฝ่ายชายก็กำมะลอไม่แพ้กัน ส่งรูปหนุ่มหล่อระเบิดมาให้สาววุ้นฝันหวานถึงขั้นเก็บไปเพ้อแล้วเพ้ออีก เรื่องราวรักวุ่นๆ ครั้งนี้จะลงเอยอย่างไร
ก็เพราะว่าจีบกันดีๆก็คงจะไม่สนุก จึงต้องลากเอาเพื่อนๆ เข้ามาวุ่นวายด้วย เนื่องจากสาวเจ้าไม่มั่นใจในความงามของตัวเองจึงส่งรูปเพื่อนสาวตัวดีไปให้หนุ่มดูซะได้ ทางฝ่ายชายก็กำมะลอไม่แพ้กัน ส่งรูปหนุ่มหล่อระเบิดมาให้สาววุ้นฝันหวานถึงขั้นเก็บไปเพ้อแล้วเพ้ออีก เรื่องราวรักวุ่นๆ ครั้งนี้จะลงเอยอย่างไร
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: ตอนที่ 4
มองน่ะใช่ แต่มองด้วยความสมเพชเวทนา ปนรำคาญหรอกย่ะ พราวตะวันนึกค่อนในใจ แต่เมื่อพูดออกมากลับออดอ้อน กระเง้ากระงอด
“แต่หนูได้ยินว่าเสี่ยมีเมียอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ คราวที่แล้วที่เสี่ยส่งตัวแทนมาเสนอซื้อตัวหนู หนูก็กลุ้มใจไม่รู้จะทำยังไงดี หนูไม่อยากยุ่งกับคนมีลูกมีเมียแล้วนี่คะเสี่ย”
ดวงตาเล็กหยีบนหน้าขาว ๆ อวบอ้วน ส่งประกายหวาน ยิ้มออดอ้อน ดูน่าเกลียดมากกว่าน่าดู
“ไม่เอาสิจ้ะหนู อย่าไปพูดถึง มงเมียอะไรกัน พูดถึงแล้วเสี่ยอารมณ์เสีย”
“ทำไมละคะเสี่ย”
“แหม...นังแก่ที่บ้านนี่ เสี่ยไม่ได้รักใคร่ใยดีอะไรหรอก ที่แต่งด้วยเพราะที่บ้านเขาหมั้นหมายกันไว้ให้ ตอนยังสาว ๆ ก็ยังพอไหวนะ เดี๋ยวนี้ปล่อยตัวเผละ”
ยิ่งพูดยิ่งมันปาก เสี่ยสมพลสรรเสริญภรรยาให้หญิงสาวฟัง ไม่มองตัวเองที่เผละไม่ยิ่งหยอ่นไปกว่าภรรยา
“ปากก็ร้าย ดุก็เท่านั้น ไม่อ่อนหวานเหมือนหนูเลย เห็นหนูแล้วเฮียสบายใจ ฟังเสียงหนูพูดแล้วเฮียเหมือนได้ยินเสียงนางฟ้า ไม่เหมือนนังแก่ที่บ้านพูดจาทีเสียงยังกะปีศาจ”
“เหรอคะ”
พราวตะวันยิ้มกว้าง มองข้ามไหล่ของเสี่ยร่างอ้วนไปยังหญิงสาวร่างเจ้าเนื้อไม่แพ้สามีที่มายืนฟังถ้อยคำบาดหูที่อีกฝ่ายพูดถึงตัวเองได้หลายประโยคแล้ว
“เมียเสี่ยนี่ หน้าตาน่ากลัวเหมือนคุณคนที่ยืนอยู่ข้างหลังเสี่ยไหมคะ”
เสี่ยสมพลหันไปมองข้างหลังตัวเอง แล้วส่งเสียงร้องอี๊ด ฟังแล้วเหมือนเสียงหมูในโรงฆ่าสัตว์
“คนนี้แหละค่ะ คุณนาย ที่มาตามตอแยดิฉัน คงเห็นว่าดิฉันจะเป็นผู้หญิงรักสบาย ซื้อง่าย ดิฉันก็ได้แต่ปลงนะคะ ลำพังสเปคก็ไม่ใช่แล้ว แถมแต่งงานมีลูกเมียแล้วอีกต่างหาก ดิฉันสงสารคุณนายก็เลยโทรศัพท์ไปบอก ว่าสามีคุณนายแอบมาเที่ยวหาผู้หญิงสาว ๆ ทาบทามไปเป็นเมียเก็บ”
เสี่ยร่างอ้วนหน้าซีดเผือด หันมามองพราวตะวัน ปากคอสั่น
“ทำไมพูดอย่างนี้ล่ะหนู”
“แล้วจะให้พูดยังไงดีคะเสี่ย พูดว่าเขาลือกันแซ่ดว่าเสี่ยน่ะ ชอบทาบเด็กใหม่ๆ เดินวนตามงานแสดงสินค้า งานโน้นงานนี้ไปทั่วดีไหมคะ”
พราวตะวันไม่สนใจเสี่ยสมพลที่ทำท่าทางเป็นทีขอร้องให้หญิงสาวหยุดพูด รัศมีพิฆาตของภรรยาแผ่กระจายไปทั่วในบรรยากาศ ทำเอาเสี่ยหมูตู้ทองใจเสีย
“จัดการกันเองแล้วกันนะคะคุณนาย ดิฉันมีธุระต้องไปจัดการต่อ”
หญิงสาวพูดแล้วเดินผละออกมา ไม่สนใจเสียงตบตี และเสียงร้องวุ่นวายเบื้องหลัง ถอนใจอย่างเหนื่อยหน่าย เมื่อจะก้าวขึ้นรถ เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นเกือบจะทันทีที่พราวตะวันเปิดเครื่อง
“สวัสดีครับ พร้อมรับแผนการฉบับที่หนึ่งรึยัง”
พราวตะวันยิ้มกับโทรศัพท์ อารมณ์ดีขึ้นมาเล็กน้อย
“ยังไม่พร้อมค่ะ ฉันกำลังจะขับรถ”
“งั้นดีเลย ออกมาเจอกันนะ ทานข้าวเย็นกัน คุยแผนกันไปดีไหม ผมบอกนายปาล์มให้จัดการนัดกันวันอาทิตย์นี้ ผมอยากให้คุณมาฟังแผนแล้วแสดงความเห็นหน่อย เพราะผมรู้จักนายปาล์ม ส่วนคุณรู้จักคุณวุ้น เราจะได้มาดูกันว่าจะทำยังไงได้บ้าง”
พราวตะวันตอบรับนัด ขับรถออกมาจากช่องจอด มองกระจกหลังเห็นคู่สามีภรรยาเดินเคียงข้างกัน หรือจะให้ถูกต้องบอกว่า ภรรยาลากหูสามีเดิน กระชากหนักเสียจนเสี่ยร่างอ้วน ๆ ปลิวเหมือนนุ่นโดนลม วันนี้มีแต่เรื่องที่ทำให้หล่อนอารมณ์ดี โดยเฉพาะเรื่องนัดอาหารเย็น
หญิงสาวนึกถึงตรงนี้ก็สะดุด คงจะยากอยู่เหมือนกันถ้าเวณิกายังคิดว่าบดินทร์คือปริวัตร หญิงสาวก็ไม่อยากทำอะไรให้เพื่อนเสียใจ แต่จะว่าไปคนที่เวณิกาชอบก็คือปริวัตร ไม่ใช่บดินทร์ เพียงแต่ชอบนิสัยใจคอ ส่วนรูปร่างหน้าตา เอาไว้ให้หล่อนเห็นปริวัตรเสียก่อน ค่อยตัดสินใจ จะว่าไปเรื่องหลังก็ไม่ใช่ประเด็นหลักที่หญิงสาวให้ความสำคัญ และคิดว่าเวณิกาก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่มองใครแต่รูปกายภายนอกเหมือนกัน
สงสัยต้องวางแผนจับให้ถูกคู่เสียแล้ว พูดคุยกัน ศึกษานิสัยกันมาเป็นปี ถ้าไม่มีโอกาสที่จะทำความรู้จักคบหากันจริง ก็น่าเสียดายไม่น้อย เอาไว้ปรึกษากับบดินทร์ดูอีกทีก็แล้วกัน
อารมณ์ดี ๆ ของหญิงสาวพาลจะบูดเมื่อเข้าไปในร้านอาหารที่นัดกับชายหนุ่มเอาไว้แล้ว เจอตวงพรนั่งร่วมโต๊ะกับชายหนุ่มอยู่ก่อนแล้ว ตวงพรนั่งอยู่ข้าง ๆ บดินทร์มือทั้งสองข้างเกาะแขนของชายหนุ่มหนึบ ชี้ชวนคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้ จนกระทั่งหันมาเห็นหญิงสาว ตวงพรก็ทำเมินแล้วหันไปคุยกับบดินทร์ต่อ ไม่สนใจว่าพราวตะวันจะยืนอยู่ตรงหน้า
พราวตะวันทำท่าจะหันกลับ แต่ก็แพ้สายตาที่มองมาอย่างอ้อนวอนขอความช่วยเหลือของบดินทร์ อีกอย่างนึกขัดกับสายตาที่มองอย่างสบประมาทของนางร้ายนอกจออย่างตวงพร จึงนั่งลงตรงข้ามกับชายหนุ่ม ท่าทางวันนี้ที่นัดวางแผนกันคงเหลว ต้องขึ้นสังเวียนชกกับนางร้ายสาวแทนเสียแล้ว
พราวตะวันมองภาพนางร้ายสาวทำท่าทางสนิทสนมกับบดินทร์ อย่างขัดเคือง หย่อนตัวลงนั่งอย่างเซ็งอารมณ์ ยิ่งเห็นหน้าขาว ๆ ซีด ๆ ทำอะไรไม่ถูกของบดินทร์แล้วยิ่งหมั่นไส้ เห็นท่าทางออกจะเก่ง ขายขนมจีบหล่อนป้อ แต่พอเจอลูกตื้อของแม่ตุ๊กแกแล้วกลับเดี้ยงไปเสียอย่างนั้น
“เอ๊...เด็กคนนี้”
ตวงพรลากเสียงยาว มองหน้าพราวตะวันอย่างหมิ่น ๆ
“ใช่คนที่ตุ๊กไปเจอนั่งทานข้าวกับคุณเมื่อวันก่อนรึเปล่าคะ”
‘เด็ก’ มองค้อนกลับตาคว่ำ ดีกรีความโมโหพุ่งขึ้นมาอีกหลายองศา
“คราวนั้นไม่ได้สนใจอะไร คิดว่าไม่ใช่คนสำคัญ แต่เห็นนัดเจอคุณบ่อย ๆ อย่างนี้ ตุ๊กชักอยากรู้แล้วสิคะว่าเป็นใคร”
บดินทร์อ้าปากค้าง เหมือนจะพูดอะไรออกมา แต่แล้วก็งับปากสนิท พูดไม่ออก พราวตะวันเห็นแล้วนึกโมโหขึ้นมาอีกระลอก
“ดิฉันเป็นเพื่อนของคุณบิ๊กค่ะ เรามีธุระส่วนตัวต้องคุยกัน เลยนัดกันมาที่ร้านนี้ ไม่นึกว่าจะมีคนอื่น อุ๊ย ...ไม่ใช่ค่ะ ไม่คิดว่าจะมีคุณตุ๊กมาร่วมคุยธุระส่วนตัว กับเราด้วย”
ตวงพรควันออกหู ปกติหล่อนแน่ใจในฝีปาก เพราะจดจำมาได้หมดจากบทละครที่หล่อนเล่น ลองใครเข้ามาวอแวกับบดินทร์หล่อนก็เขี่ยออกไปได้ทุกคน แต่กับหญิงสาวที่นั่งตรงหน้าดูท่าทางจะไม่ง่ายเสียแล้ว
“โธ่...หนูจ๊ะ คุณบิ๊กเขาไม่คิดว่าฉันเป็นคนอื่นหรอกนะ เราน่ะสนิทสนมกันออกจะตายไป”
ตวงพรลอยหน้าตอบแล้วหันไปจ๊ะจ๋ากับบดินทร์
“ใช่ไหมคะ บิ๊ก นี่ที่เราเจอกันวันนี้ก็เป็นเรื่องที่จะเรียกว่า ยังไงดีล่ะ รู้จักไหมจ๊ะ บุญพาวาสนาส่งน่ะ”
ประโยคหลังหันมาพูดกับพราวตะวัน ยิ้มเยาะน้อย ๆ
“ฉันกำลังถ่ายละครอยู่ที่ห้องเสื้อฝั่งตรงข้ามพอดี กำลังพักกองอยู่ก็เห็นรถคุณบิ๊กเขาเลี้ยวเข้ามาร้านนี้พอดี ไม่น่าเชื่อนะ ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้นัดแนะกันไว้ ก็กลับมาเจอกันได้ จริงไหมคะบิ๊ก”
“เอ่อ...ครับ”
บดินทร์รับคำออกมาได้แค่นั้น ก็นั่งตัวลีบต่อ และยิ่งชายหนุ่มพยายามทำตัวลีบเท่าไหร่ หญิงสาวข้างตัวก็พยายามเบียดเข้าใกล้มากขึ้นเท่านั้น พราวตะวันมองท่าทางของทั้งสองคนแล้วกึ่งโมโหกึ่งขำ รู้ดีว่าบดินทร์อึดอัดไม่น้อย
แปลกคนจริงผู้ชายคนนี้ ทั้งที่ดูออกจะกล้า แต่ทำไมกลับต้องมาตกม้าตาย กับลูกตื้อผู้หญิงอย่างหมดท่า เอาล่ะ ถือว่าช่วยเอาบุญก็แล้วกัน หมั่นไส้แม่ตุ๊กแกด้วย ทำพูดเหมือนหล่อนเป็นเด็ก ๆ ทั้งที่ เจ้าหล่อนก็ไม่ได้อายุมากกว่าสักกี่ปีหรอก
“แหม น่าสงสารนะคะ อยากจะเจอบิ๊กทั้งที...”
พราวตะวันตัดคำว่าคุณทิ้งไป อย่างจงใจจะแสดงความสนิทสนม ซึ่งได้ผล เพราะตวงพรหันขวับ ส่วนบดินทร์ทำท่าเหมือนจะยิ้มดีใจ แต่พอโดนตีนตุ๊กแกบีบหนัก ๆ ก็หน้าเสีย พราวตะวันสนใจท่าทีของตวงพรมากกว่า จึงไม่เว้นช่วงนานรีบพูดต่อ
“ต้องพึ่งพาบุญวาสนา ที่จริงจะว่าไปก็คงเป็นเรื่องบังเอิญมากกว่านะคะ จริงไหมคะบิ๊ก ไม่เหมือนแพท ถ้าแพทอยากเจอบิ๊กเมื่อไหร่ แค่ยกหูโทรศัพท์ โทรหา ก็ได้เจอแล้ว”
ฝ่ายน้ำเงินกำลังปล่อยหมัดรัว ระฆังบอกเวลาหมดยกที่หนึ่งก็ดังขึ้นเสียก่อน โดยบริกรหนุ่มที่จด ๆ จ้อง ๆ อยู่นาน เอารายการอาหารมาวางบนโต๊ะสามชุด
“จะสั่งอาหารเลยไหมครับ”
“ยัง”
สองสาวบนโต๊ะอาหารส่งเสียงออกมาเกือบจะพร้อมกัน ระดับความดังทำเอาบดินทร์กับบริกรหนุ่มสะดุ้ง ฝ่ายแรกหน้าซีดส่วนฝ่ายหลังรู้หน้าที่หลบฉากไปอย่างรวดเร็ว
“แหม เด็กคนนี้ช่างต่อปากต่อคำจริงนะคะ บิ๊ก ทำตัวเป็นเด็ก ๆ “
“เอ่อ...”
บดินทร์เกือบจะหลุดคำว่าครับออกมาแล้ว ถ้าไม่เห็นตาเขียวปั๊ดของพราวตะวันที่ส่งมากำราบ ดุเอาการเด็กคนนี้
“คุณตุ๊กคงไม่ถือสาเด็กอย่างดิฉันมั้งคะ ดิฉันเป็นคนพูดตรง คิดอะไรพูดอย่างนั้น จะให้ทำสะดิ้ง จีบปากจีบคอ คิดอย่างพูดอย่างเหมือนพวกนางร้ายในละคร ดิฉันก็ทำไม่เป็น......”
พราวตะวันไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมืออยู่แล้ว เมื่อได้โอกาสตี หล่อนก็ตีไม่ยั้ง
“ท่าทางคุณตุ๊กจะเล่นบทบาทแสแสร้ง เอ้ย...ไม่ใช่ค่ะ ดิฉันหมายถึง คุณตุ๊กเล่นละครเก่ง ลองสอนดิฉันดูบ้างสิคะ เผื่อว่าดิฉันจะได้ทำตัวเป็นผู้ใหญ่ขึ้นได้บ้าง”
ฝ่ายแดงที่โดนไปหลายหมัด ทำท่าจะลุกขึ้นมาลงไม้ลงมือจริง ๆ ก็พอดีกับเสียงโทรศัพท์เคลื่อนที่ของหล่อนดังขึ้น นางร้ายสาวกดรับสาย แม้สีหน้าที่แสดงออกนั้นบอกได้ว่าโมโหสุดขีด แต่เสียงพูดที่ออกมานั้นหวานใส
“ค่ะ จะเริ่มถ่ายฉากต่อไปแล้วเหรอคะ...แหม ได้สิคะ...ตุ๊กพักหายเหนื่อยพอดี นี่กำลังคุยทักทายกับเพื่อนน่ะค่ะ เพื่อนสนิท...เดี๋ยว ตุ๊กรีบไปเลยนะคะ ค่ะ ค่ะ”
นางร้ายสาวตัดสาย ก่อนที่จะถอนใจ ทำท่าเสียดมเสียดาย อาลัยอาวรณ์
“แหม เสียดายจังนะคะ กำลังคุยกันสนุกเชียว”
พราวตะวันรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงฟันกระทบกันกรอด ๆ เลิกคิ้วมองหน้านางร้ายสาว ในขณะที่อีกฝ่ายเริ่มควบคุมอารมณ์ตัวเอง เพราะเห็นแก่หนุ่มข้างตัวมากกว่าอารมณ์เอาชนะคะคานกับเด็กเมื่อวานซืน เด็กเมื่อวานซืนที่ปากร้ายมาก ๆ เสียด้วย
“ถ้ารู้ว่า จะถ่ายไป ออกอากาศไปเหมือนถ่ายทอดสดขนาดนี้ ตุ๊กคงไม่รับละครเรื่องนี้หรอกนะคะ ดูมันไม่ได้คุณภาพ แต่ก็แปลกนะคะ ละครเรื่องนี้เรตติ้งดีมาก ๆ ตุ๊กก็ปลื้มค่ะ เพราะเล่นกี่เรื่อง ก็ดังทุกเรื่อง”
พราวตะวันทำหน้าเซ็ง เมื่อตวงพรทำท่าเหมือนไม่สนใจจะราวีหล่อนอีก กำลังมันเชียว แล้วดูสินั่น ตอนคุยโทรศัพท์ก็คะขาดีอยู่ แต่พอวางสายแล้ว กลับแอบนินทาปลายสายเสียอย่างนั้น
“ตุ๊กไปก่อนนะคะบิ๊ก”
บดินทร์ไม่ทันตั้งตัว เมื่อตวงพรขยับตัวเข้ามาจุมพิตเบา ๆ ที่แก้มของเขา ชายหนุ่มถึงกับเหวอ อ้าปากค้าง
“ไปนะจ๊ะหนู เราคงได้เจอกันอีก”
พูดจบ ตวงพรก็เดินสะบัดพริ้ว ส่งสายตามองไปทั่วร้าน อย่างมั่นใจในตัวเอง พราวตะวันมองตามอย่างหมั่นไส้ ก่อนที่จะหันมามองบดินทร์ ที่ยังหาวิธีหุบปากตัวเองไม่ลง
“นี่คุณ หุบปากได้แล้วค่ะ น่าเกลียด”
พราวตะวันแปลกใจตัวเอง ทั้งที่อารมณ์ขุ่นมัวสุด ๆ แต่ก็ยังพูดคะขา กับผู้ชายตรงหน้าได้
“ง่า...ครับ”
“คุณนี่จริง ๆ เลยนะ นั่งตัวลีบเชียว กลัวอะไรเขานักหนาคะ”
“ผมไม่ได้กลัวนะคุณ แต่...”
บดินทร์อ้ำอึ้ง นึกไม่ออกว่าจะใช้คำว่าอะไรดี กับความรู้สึกที่มีเวลาเจอมือตุ๊กแกของตวงพร
“ค่ะ คุณคงเหมือนพวกพระเอกละครไทยมั้งคะ ฉันก็นึกว่ามีแต่ในละครเสียอีก เพิ่งเคยเจอนี่แหละค่ะ ว่ามีจริง”
“โธ่...คุณ ผมก็แค่ไม่อยากให้เขาเสียน้ำใจ คุณตุ๊กเขาเดินแบบเครื่องประดับให้บริษัทผมด้วย อีกอย่างเขาก็ไม่ได้ทำอะไรเอ่อ...น่าเกลียด”
“แล้วไอ้ที่ทำท่าจะกระโดดกัดหูคุณเมื่อกี้ล่ะคะ”
“เฮ้ย ! คุณ เขาแค่...ง่า...”
พราวตะวันถอนใจ ปกติเคยเจอแต่ผู้ชายที่วิ่งใส่ผู้หญิง เพิ่งจะมีรายนี้แหละ ที่กลัว หญิงสาวบอกตัวเองว่านี่คงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ตัวเองนึกชอบผู้ชายตรงหน้า แม้จะแสดงท่าทีสนใจหล่อน แต่ก็พอเหมาะ ไม่มากจนเกินไปนัก
“เอาเถอะค่ะ สั่งอาหารเลยได้ไหมคะ ฉันหิว”
“เอาสิคุณ ร้านนี้ของเขาอร่อยทุกอย่าง ผมรับประกัน”
บดินทร์เริ่มยิ้มออก ดูผ่อนคลายขึ้นอีกครั้ง ยิ้มแบบนี้แหละน้า ที่ทำเอาใจของหญิงสาวละลายเป็นห้อง ๆ
“ตกลงแผนคุณว่าไงคะ เรื่องที่จะจับคู่ให้ยายวุ้น กับคุณปาล์ม”
พราวตะวันถามขึ้นเมื่อเห็นชายหนุ่มรวบช้อนส้อม
“ขั้นแรก ก็ต้องทำให้เขาสองคนพูดความจริงออกมากันให้ได้ก่อน”
“ก็รู้ล่ะค่ะ แต่จะทำยังไงล่ะ ยายวุ้นก็เหมือนนกรู้ หลบไปหลบมา ไม่ยอมมาตามนัดสักที ส่วนเพื่อนคุณเห็นว่าถ้าคุณยังไม่บอกความจริงก็ไม่กล้ามา”
บดินทร์พยักหน้าเบา ๆ สีหน้าครุ่นคิด
“เอาอย่างนี้ นัดครั้งต่อไปก่อนที่ผมกับนายปาล์มจะไปเชียงใหม่ ผมจะให้นายปาล์มไปด้วย ผมจะหลอกว่าจะพูดความจริงให้ แล้วให้เขาเข้ามาคุยกับคุณ...ผมหมายถึงคุณวุ้น”
“ถ้ายายวุ้นไม่ยอมไปล่ะคะ ฉันว่าเพื่อนฉันเบี้ยวอีกแน่ ๆ”
“คุณก็ไปแทน แต่คุณต้องทำท่าทีสนิทสนมกับผมมาก ๆ นะ แล้วผมก็จะทำเป็นหนักใจ ไม่กล้าบอกความจริง นายปาล์มจะได้อึดอัดมากขึ้น ถ้าเขากล้าพูดความจริงกับคุณเลย ก็จบ เราพาเขาไปหาคุณวุ้นกัน แต่ถ้าไม่ ค่อยคิดกันต่อว่าจะทำยังไง”
“คู่นี้เขาจะลงเอยกันไหมคะเนี่ย ยายวุ้นท่าทางชอบคุณมาก ตั้งแต่เจอคุณที่ร้านวันนั้นแล้ว”
“เพื่อนผมก็ชอบคุณมาก ถึงจะไม่ได้เห็นตัวคุณเลยก็เถอะ แต่อย่างที่บอกไงครับ มันก็แค่รูปลักษณ์ ไม่ใช่ชอบเพราะรู้จัก พูดคุยกันมานาน อย่างที่สองคนนั้นคิด”
พราวตะวันพยักหน้าเบา ๆ หลังจากนั้นทั้งสองนั่งนิ่งอย่างครุ่นคิด เวณิกาจะรู้สึกอย่างไรถ้ารู้ว่าผู้ชายที่ไปที่ร้านนั้นไม่ใช่ปริวัตร จะยังหลงใหลได้ปลื้มกับรูปลักษณ์ภายนอกของบดินทร์หรือไม่ เพราะถ้าจะมองกันจริง ๆ แล้วคนที่เวณิกาปักใจคือปริวัตร ไม่ใช่บดินทร์ แต่เวณิกาจะรับความจริงได้แค่ไหน นั่นเป็นเรื่องที่ต้องรอดูกันต่อไป
“ก่อนอื่น ผมคงต้องไปกระตุ้นคุณวุ้นที่ร้านสักหน่อย ก่อนวันนัดจริง สักวันสองวัน คุณหาเวลาเข้าไปที่ร้านนะ แล้วโทรบอกผม”
“ดีใจจังที่แพท มาได้ วันนี้ร้านเงียบจัง”
เวณิกายิ้มแย้มทักทายเมื่อเห็นพราวตะวันเปิดประตูเดินเข้ามาในร้าน
“เหนื่อยจะแย่ นี่อีกสองอาทิตย์ก็สอบแล้ว ขอหลบมาอ่านหนังสือในร้านวุ้นดีกว่า เย็นดี”
“แพทมาก็ดี ฉันจะได้ไม่เหงาไง”
เวณิการินน้ำให้อย่างเอาใจ
“แล้วช่วงนี้ไม่มีงานเหรอ”
“งดรับจ้ะ สองอาทิตย์ก่อนสอบ ไม่รับงาน เรามีเวลาอ่านหนังสือไม่เท่าคนอื่นเขา ขอเวลาอ่านนานหน่อยก่อนสอบ”
เวณิกาขยับแว่น สีหน้าที่มองเพื่อนสาวออกจะทึ่ง
“แพทนี่เก่งนะ เรียนไปทำงานไป เกรดยังอยู่ตั้งสามต้น ๆ ไม่เหมือนฉัน เรียนอย่างเดียวแท้ ๆ เกรดแค่ผ่าน”
พราวตะวันส่ายหน้า เมื่อเห็นเวณิกาทำท่าสลดลง เมื่อพูดถึงตัวเอง
“นี่...คนเราน่ะมีดีไม่เหมือนกันนะจ๊ะ มัวแต่มานั่งนึกน้อยใจอะไรอยู่ได้ เธอเองก็มีดีในแบบของเธอ ฉันก็มีในแบบของฉัน มันเทียบกันไม่ได้ เข้าใจไหม พูดถึงเรื่องนี้แล้ว นัดครั้งต่อไป วุ้นต้องไปให้ได้นะ ไปบอกความจริงกับคุณปาล์มเขาเอง”
เวณิกาพยักหน้าเบา ๆ แต่สีหน้ายังหนักใจ
“ฉันกลัวเขาจะโกรธ ที่ไปโกหกเขา”
พราวตะวันตั้งท่าจะพูดว่าอีกฝ่ายก็โกหกเหมือนกัน แต่นึกแล้วให้เพื่อนสาวรู้เองจะดีกว่า
“อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดนะวุ้น ทำแล้วก็ต้องยอมรับ จะให้ฉันสวมบทแทนวุ้นไปถึงไหนล่ะ วุ้นยอมรับความจริงเสียตอนนี้ จะได้รู้ ๆ กันไป”
หญิงสาวพูดเหมือนกับจะพูดกับตัวเองด้วย การจับคู่ครั้งนี้อย่างน้อยพราวตะวันจะได้รู้สึกผิดน้อยลง หากหล่อนกับบดินทร์คิดจะคบกันจริงจังขึ้นมาจริง ๆ เวณิกาก็ไม่ควรจะเคว้งคว้าง อย่างน้อยก็น่าจะได้รู้จักสนิทสนมกับปริวัตรบ้าง ที่จริงต้องบอกว่ารู้จักกันอย่างเป็นทางการมากกว่า เพราะทั้งคู่รู้จักสนิทสนมกันผ่านทางการสนทนาในอินเตอร์เน็ตอยู่แล้ว
บดินทร์ผลักประตูร้านเข้ามาในอีกไม่กี่อึดใจ พราวตะวันนั้นแอบนัดแนะกันไว้แล้วจึงไม่มีปฏิกิริยากระโตกกระตาก แต่เวณิกาที่โดนจู่โจมแบบไม่ตั้งตัวนั้น แทบจะทำถาดขนมที่กำลังจัดวางใส่ตู้หล่นโครม
“มาได้ไงเนี่ย ฉันไม่ได้นัดเขาไว้นะแพท ดีนะที่แพทอยู่”
“นี่ เพิ่งจะพูดอยู่เมื่อกี้นี้เอง ว่าจะให้บอกความจริงไง”
“ถ้าบอกแล้วเขาโกรธล่ะ แพทรับหน้าให้ก่อนได้ไหมขอเวลาฉันทำใจก่อนไม่ได้เหรอ”
เวณิกาต่อรอง หน้าซีดเผือด พราวตะวันจึงพยักหน้ารับช้า ๆ ตามแผนที่ตกลงไว้ ทั้งสองไม่คิดว่าเวณิกาจะเกิดกล้าขึ้นมาทันทีทันใดอยู่แล้ว
“สวัสดีค่ะ คุณปาล์ม”
กระดากพิกลที่ต้องเรียกบดินทร์ว่าปาล์ม อีตาปาล์มนี่ หน้าตาเป็นยังไงก็ยังไม่เคยจะเห็นสักที
“สวัสดีครับ คุณวุ้น”
แหม...นี่ถ้าพวกผู้จัดละครมาเห็น บดินทร์กับหล่อนน่าจะได้งานละครไม่ขาดมือ เพราะรับส่งกันดียิ่งกว่าพระนางวัยรุ่นที่เล่นละครกันให้เกร่อจอโทรทัศน์เสียอีก
“ลมอะไรหอบมาถึงนี่คะเนี่ย”
“ผมจะมาเตือนเรื่องนัดวันมะรืนครับ คุณแพ....เอ่อ คุณวุ้นลืมรึเปล่าครับ”
พราวตะวันลุ้นใจหาย กำลังนึกชมอยู่ในใจว่าเล่นละครเก่ง พระเอกก็ลืมบทเสียแล้ว ลืมชื่อนางเอกเสียด้วย
“วุ้นจะลืมได้ยังไงคะ จำได้ค่ะว่านัดกันไว้”
ปากรับคำว่านัดไว้ แต่ก็แอบหันมองกลับไปมองเวณิกาอย่างตั้งคำถาม อีกฝ่ายก้มหน้างุดไม่ยอมสบตา พราวตะวันแอบยิ้มกับบดินทร์ ชายหนุ่มเองรักษามาดเอาไว้ได้ค่อนข้างดี ถ้าไม่นับที่เกือบเรียกชื่อหล่อนผิดเมื่อครู่
“แล้ววันนี้ที่ร้านคนไม่เยอะเหรอคะ”
“โอ๊ย...ขายหมดตั้งแต่บ่ายแล้วครับ อยากมาหา ไม่รู้เป็นอะไรคิดถึงคุณวุ้นเหลือเกิน”
บดินทร์ทำตามแผน คลั่งไคล้ ‘คุณวุ้นตัวปลอม’ หวังให้เวณิกาเกิดลูกฮึดขึ้นมาบ้าง แต่เมื่อลอบมองไปทางเวณิกาปรากฏว่าหญิงสาวยังก้มหน้าก้มตาจัดขนมในตู้ ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมองเลย ชายหนุ่มจึงเอื้อมมือไปกุมมือพราวตะวันไว้
หญิงสาวเกือบร้องจ๊ากเมื่อบดินทร์เล่นนอกบท แต่พออีกฝ่ายหลิ่วตาให้ ก็นึกได้ ทำท่าทางสะเทิ้นอาย
“คุณปาล์มนี่ ปากหวานเชียวค่ะ”
แอบเหลียวไปมองนิด ๆ ก็ยังเห็นเวณิกาจัดขนมอยู่ เด็กบ๊วยมองมาอย่างงง ๆ ก่อนที่เวณิกาจะพยักเพยิดให้เด็กสาวหลบไปหลังร้าน
พราวตะวันพูดเบา ๆ ให้ได้ยินกันแค่สองคน
“หวานน้อย ๆ หน่อยก็ได้ค่ะ ฉันว่าจะฟาล์วซะเปล่า ๆ ยายวุ้นคงไม่ลุกมาเต้นแน่ ๆ เก็บแรงไว้คราวหน้าจะดีกว่า”
“นี่กำลังว่าจะชวนคุณวุ้นไปเดินเลิกซื้อของขวัญอยู่พอดีครับ ผมซื้อของขวัญให้คุณแม่ทุกปี จนเลือกไม่ค่อยจะถูกแล้ว”
“คะ”
พราวตะวันอึ้งอีกครั้ง เพราะบดินทร์เล่นนอกบทกันจะจะ เพราะตกลงกันไว้ว่าแค่จะมาหวานโชว์เวณิกาเท่านั้น ไม่ได้นัดหมายไว้ว่าจะออกไปไหนกันต่อ
“อย่าปฏิเสธนะคุณเสียแผนหมด”
บดินทร์แอบกระซิบไม่เปิดปาก พราวตะวันบอกไม่ถูกว่าทำไมถึงไม่โมโหที่โดนมัดมือชก ลองไปดูสักทีไม่เสียหลาย เอ...หรือว่าหล่อนเองก็อยากไปอยู่เหมือนกัน
“ร้ายนะคุณ มัดมือชกนี่นา”
ปากต่อว่า ว่าชายหนุ่มตรงหน้าร้าย แต่ทำไม พอมองรอยยิ้มของบดินทร์แล้ว พราวตะวันพาลจะใจอ่อนเสียก็ไม่รู้ จึงพยักหน้าเบา ๆ เดินไปที่เคาน์เตอร์ซึ่งเวณิกาเพิ่งจะไปนั่ง
“เอาไงวุ้น จะบอกความจริงกับเขาเสียตอนนี้ไหม ไม่แน่นะ เขาอาจจะชวนวุ้นไปแทนเราก็ได้”
ถามไปทั้ง ๆ ที่รู้คำตอบ เวณิกาไม่กล้าแน่
“ไม่เอา แพทไปแหละดีแล้ว ฉันขอเวลาทำใจหน่อยนะ นะแพท...อีกอย่างดูท่าทางเขาจะชอบแพทจริง ๆ เสียด้วย ฉันกะแล้วว่าอย่างฉันคงไม่มีใครชอบ”
ประโยคหลังเวณิกาพูดแล้วก้มหน้างุด ความไม่มั่นใจในตัวเองมีมาก ยิ่งเมื่อมักเทียบตัวเองกับพราวตะวันด้วยแล้ว เวณิกายิ่งรู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่าเพื่อนมาก
“ฉันจะพูดเรื่องนี้กับเธอทีหลังนะวุ้น เธอไม่ได้ด้อยไปกว่าใครแน่ ๆ ฉันรับรองได้ เฮ้อ... แผนอ่านหนังสือของฉันต้องพับกลับบ้าน เพราะคุณปาล์มของเธอคนเดียวแท้ ๆ”
พราวตะวันเน้นย้ำชื่อ ‘คุณปาล์ม’ ก่อนที่จะหันไปมองหันต้นเหตุที่นั่งยิ้มเล็กน้อย ทำท่าทางไม่สนใจ ก่อนที่จะลุกเดินมาหาสองสาว
“เป็นไงครับ คุณแพท ผมเห็นมาเฝ้าร้านให้คุณวุ้นทุกวัน”
“เอ่อ...ก็ดีค่ะ”
เวณิกาไม่กล้ามองสบตา เห็นชายหนุ่มมองพราวตะวันด้วยแววตาเป็นประกาย แล้วต้องก้มหน้าหลบ ซ่อนความรู้สึกบางอย่างไว้
“ผมคงต้องขอคุณแพทช่วยดูร้านแทนคุณวุ้นหน่อยนะครับ จะยืมตัวไปเดินซื้อของด้วยน่ะครับ”
“ตามสบายค่ะ”
“งั้นไปครับ คุณวุ้น”
เมื่อเพื่อนสาวกับชายหนุ่มเดินออกไปจากร้านแล้ว เวณิกาถึงได้เงยหน้าขึ้นมอง เห็นแต่หลังของคู่หนุ่มสาวเดินลับไปไวไว เวณิกาถอนใจหนักหน่วง
“แต่หนูได้ยินว่าเสี่ยมีเมียอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ คราวที่แล้วที่เสี่ยส่งตัวแทนมาเสนอซื้อตัวหนู หนูก็กลุ้มใจไม่รู้จะทำยังไงดี หนูไม่อยากยุ่งกับคนมีลูกมีเมียแล้วนี่คะเสี่ย”
ดวงตาเล็กหยีบนหน้าขาว ๆ อวบอ้วน ส่งประกายหวาน ยิ้มออดอ้อน ดูน่าเกลียดมากกว่าน่าดู
“ไม่เอาสิจ้ะหนู อย่าไปพูดถึง มงเมียอะไรกัน พูดถึงแล้วเสี่ยอารมณ์เสีย”
“ทำไมละคะเสี่ย”
“แหม...นังแก่ที่บ้านนี่ เสี่ยไม่ได้รักใคร่ใยดีอะไรหรอก ที่แต่งด้วยเพราะที่บ้านเขาหมั้นหมายกันไว้ให้ ตอนยังสาว ๆ ก็ยังพอไหวนะ เดี๋ยวนี้ปล่อยตัวเผละ”
ยิ่งพูดยิ่งมันปาก เสี่ยสมพลสรรเสริญภรรยาให้หญิงสาวฟัง ไม่มองตัวเองที่เผละไม่ยิ่งหยอ่นไปกว่าภรรยา
“ปากก็ร้าย ดุก็เท่านั้น ไม่อ่อนหวานเหมือนหนูเลย เห็นหนูแล้วเฮียสบายใจ ฟังเสียงหนูพูดแล้วเฮียเหมือนได้ยินเสียงนางฟ้า ไม่เหมือนนังแก่ที่บ้านพูดจาทีเสียงยังกะปีศาจ”
“เหรอคะ”
พราวตะวันยิ้มกว้าง มองข้ามไหล่ของเสี่ยร่างอ้วนไปยังหญิงสาวร่างเจ้าเนื้อไม่แพ้สามีที่มายืนฟังถ้อยคำบาดหูที่อีกฝ่ายพูดถึงตัวเองได้หลายประโยคแล้ว
“เมียเสี่ยนี่ หน้าตาน่ากลัวเหมือนคุณคนที่ยืนอยู่ข้างหลังเสี่ยไหมคะ”
เสี่ยสมพลหันไปมองข้างหลังตัวเอง แล้วส่งเสียงร้องอี๊ด ฟังแล้วเหมือนเสียงหมูในโรงฆ่าสัตว์
“คนนี้แหละค่ะ คุณนาย ที่มาตามตอแยดิฉัน คงเห็นว่าดิฉันจะเป็นผู้หญิงรักสบาย ซื้อง่าย ดิฉันก็ได้แต่ปลงนะคะ ลำพังสเปคก็ไม่ใช่แล้ว แถมแต่งงานมีลูกเมียแล้วอีกต่างหาก ดิฉันสงสารคุณนายก็เลยโทรศัพท์ไปบอก ว่าสามีคุณนายแอบมาเที่ยวหาผู้หญิงสาว ๆ ทาบทามไปเป็นเมียเก็บ”
เสี่ยร่างอ้วนหน้าซีดเผือด หันมามองพราวตะวัน ปากคอสั่น
“ทำไมพูดอย่างนี้ล่ะหนู”
“แล้วจะให้พูดยังไงดีคะเสี่ย พูดว่าเขาลือกันแซ่ดว่าเสี่ยน่ะ ชอบทาบเด็กใหม่ๆ เดินวนตามงานแสดงสินค้า งานโน้นงานนี้ไปทั่วดีไหมคะ”
พราวตะวันไม่สนใจเสี่ยสมพลที่ทำท่าทางเป็นทีขอร้องให้หญิงสาวหยุดพูด รัศมีพิฆาตของภรรยาแผ่กระจายไปทั่วในบรรยากาศ ทำเอาเสี่ยหมูตู้ทองใจเสีย
“จัดการกันเองแล้วกันนะคะคุณนาย ดิฉันมีธุระต้องไปจัดการต่อ”
หญิงสาวพูดแล้วเดินผละออกมา ไม่สนใจเสียงตบตี และเสียงร้องวุ่นวายเบื้องหลัง ถอนใจอย่างเหนื่อยหน่าย เมื่อจะก้าวขึ้นรถ เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นเกือบจะทันทีที่พราวตะวันเปิดเครื่อง
“สวัสดีครับ พร้อมรับแผนการฉบับที่หนึ่งรึยัง”
พราวตะวันยิ้มกับโทรศัพท์ อารมณ์ดีขึ้นมาเล็กน้อย
“ยังไม่พร้อมค่ะ ฉันกำลังจะขับรถ”
“งั้นดีเลย ออกมาเจอกันนะ ทานข้าวเย็นกัน คุยแผนกันไปดีไหม ผมบอกนายปาล์มให้จัดการนัดกันวันอาทิตย์นี้ ผมอยากให้คุณมาฟังแผนแล้วแสดงความเห็นหน่อย เพราะผมรู้จักนายปาล์ม ส่วนคุณรู้จักคุณวุ้น เราจะได้มาดูกันว่าจะทำยังไงได้บ้าง”
พราวตะวันตอบรับนัด ขับรถออกมาจากช่องจอด มองกระจกหลังเห็นคู่สามีภรรยาเดินเคียงข้างกัน หรือจะให้ถูกต้องบอกว่า ภรรยาลากหูสามีเดิน กระชากหนักเสียจนเสี่ยร่างอ้วน ๆ ปลิวเหมือนนุ่นโดนลม วันนี้มีแต่เรื่องที่ทำให้หล่อนอารมณ์ดี โดยเฉพาะเรื่องนัดอาหารเย็น
หญิงสาวนึกถึงตรงนี้ก็สะดุด คงจะยากอยู่เหมือนกันถ้าเวณิกายังคิดว่าบดินทร์คือปริวัตร หญิงสาวก็ไม่อยากทำอะไรให้เพื่อนเสียใจ แต่จะว่าไปคนที่เวณิกาชอบก็คือปริวัตร ไม่ใช่บดินทร์ เพียงแต่ชอบนิสัยใจคอ ส่วนรูปร่างหน้าตา เอาไว้ให้หล่อนเห็นปริวัตรเสียก่อน ค่อยตัดสินใจ จะว่าไปเรื่องหลังก็ไม่ใช่ประเด็นหลักที่หญิงสาวให้ความสำคัญ และคิดว่าเวณิกาก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่มองใครแต่รูปกายภายนอกเหมือนกัน
สงสัยต้องวางแผนจับให้ถูกคู่เสียแล้ว พูดคุยกัน ศึกษานิสัยกันมาเป็นปี ถ้าไม่มีโอกาสที่จะทำความรู้จักคบหากันจริง ก็น่าเสียดายไม่น้อย เอาไว้ปรึกษากับบดินทร์ดูอีกทีก็แล้วกัน
อารมณ์ดี ๆ ของหญิงสาวพาลจะบูดเมื่อเข้าไปในร้านอาหารที่นัดกับชายหนุ่มเอาไว้แล้ว เจอตวงพรนั่งร่วมโต๊ะกับชายหนุ่มอยู่ก่อนแล้ว ตวงพรนั่งอยู่ข้าง ๆ บดินทร์มือทั้งสองข้างเกาะแขนของชายหนุ่มหนึบ ชี้ชวนคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้ จนกระทั่งหันมาเห็นหญิงสาว ตวงพรก็ทำเมินแล้วหันไปคุยกับบดินทร์ต่อ ไม่สนใจว่าพราวตะวันจะยืนอยู่ตรงหน้า
พราวตะวันทำท่าจะหันกลับ แต่ก็แพ้สายตาที่มองมาอย่างอ้อนวอนขอความช่วยเหลือของบดินทร์ อีกอย่างนึกขัดกับสายตาที่มองอย่างสบประมาทของนางร้ายนอกจออย่างตวงพร จึงนั่งลงตรงข้ามกับชายหนุ่ม ท่าทางวันนี้ที่นัดวางแผนกันคงเหลว ต้องขึ้นสังเวียนชกกับนางร้ายสาวแทนเสียแล้ว
พราวตะวันมองภาพนางร้ายสาวทำท่าทางสนิทสนมกับบดินทร์ อย่างขัดเคือง หย่อนตัวลงนั่งอย่างเซ็งอารมณ์ ยิ่งเห็นหน้าขาว ๆ ซีด ๆ ทำอะไรไม่ถูกของบดินทร์แล้วยิ่งหมั่นไส้ เห็นท่าทางออกจะเก่ง ขายขนมจีบหล่อนป้อ แต่พอเจอลูกตื้อของแม่ตุ๊กแกแล้วกลับเดี้ยงไปเสียอย่างนั้น
“เอ๊...เด็กคนนี้”
ตวงพรลากเสียงยาว มองหน้าพราวตะวันอย่างหมิ่น ๆ
“ใช่คนที่ตุ๊กไปเจอนั่งทานข้าวกับคุณเมื่อวันก่อนรึเปล่าคะ”
‘เด็ก’ มองค้อนกลับตาคว่ำ ดีกรีความโมโหพุ่งขึ้นมาอีกหลายองศา
“คราวนั้นไม่ได้สนใจอะไร คิดว่าไม่ใช่คนสำคัญ แต่เห็นนัดเจอคุณบ่อย ๆ อย่างนี้ ตุ๊กชักอยากรู้แล้วสิคะว่าเป็นใคร”
บดินทร์อ้าปากค้าง เหมือนจะพูดอะไรออกมา แต่แล้วก็งับปากสนิท พูดไม่ออก พราวตะวันเห็นแล้วนึกโมโหขึ้นมาอีกระลอก
“ดิฉันเป็นเพื่อนของคุณบิ๊กค่ะ เรามีธุระส่วนตัวต้องคุยกัน เลยนัดกันมาที่ร้านนี้ ไม่นึกว่าจะมีคนอื่น อุ๊ย ...ไม่ใช่ค่ะ ไม่คิดว่าจะมีคุณตุ๊กมาร่วมคุยธุระส่วนตัว กับเราด้วย”
ตวงพรควันออกหู ปกติหล่อนแน่ใจในฝีปาก เพราะจดจำมาได้หมดจากบทละครที่หล่อนเล่น ลองใครเข้ามาวอแวกับบดินทร์หล่อนก็เขี่ยออกไปได้ทุกคน แต่กับหญิงสาวที่นั่งตรงหน้าดูท่าทางจะไม่ง่ายเสียแล้ว
“โธ่...หนูจ๊ะ คุณบิ๊กเขาไม่คิดว่าฉันเป็นคนอื่นหรอกนะ เราน่ะสนิทสนมกันออกจะตายไป”
ตวงพรลอยหน้าตอบแล้วหันไปจ๊ะจ๋ากับบดินทร์
“ใช่ไหมคะ บิ๊ก นี่ที่เราเจอกันวันนี้ก็เป็นเรื่องที่จะเรียกว่า ยังไงดีล่ะ รู้จักไหมจ๊ะ บุญพาวาสนาส่งน่ะ”
ประโยคหลังหันมาพูดกับพราวตะวัน ยิ้มเยาะน้อย ๆ
“ฉันกำลังถ่ายละครอยู่ที่ห้องเสื้อฝั่งตรงข้ามพอดี กำลังพักกองอยู่ก็เห็นรถคุณบิ๊กเขาเลี้ยวเข้ามาร้านนี้พอดี ไม่น่าเชื่อนะ ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้นัดแนะกันไว้ ก็กลับมาเจอกันได้ จริงไหมคะบิ๊ก”
“เอ่อ...ครับ”
บดินทร์รับคำออกมาได้แค่นั้น ก็นั่งตัวลีบต่อ และยิ่งชายหนุ่มพยายามทำตัวลีบเท่าไหร่ หญิงสาวข้างตัวก็พยายามเบียดเข้าใกล้มากขึ้นเท่านั้น พราวตะวันมองท่าทางของทั้งสองคนแล้วกึ่งโมโหกึ่งขำ รู้ดีว่าบดินทร์อึดอัดไม่น้อย
แปลกคนจริงผู้ชายคนนี้ ทั้งที่ดูออกจะกล้า แต่ทำไมกลับต้องมาตกม้าตาย กับลูกตื้อผู้หญิงอย่างหมดท่า เอาล่ะ ถือว่าช่วยเอาบุญก็แล้วกัน หมั่นไส้แม่ตุ๊กแกด้วย ทำพูดเหมือนหล่อนเป็นเด็ก ๆ ทั้งที่ เจ้าหล่อนก็ไม่ได้อายุมากกว่าสักกี่ปีหรอก
“แหม น่าสงสารนะคะ อยากจะเจอบิ๊กทั้งที...”
พราวตะวันตัดคำว่าคุณทิ้งไป อย่างจงใจจะแสดงความสนิทสนม ซึ่งได้ผล เพราะตวงพรหันขวับ ส่วนบดินทร์ทำท่าเหมือนจะยิ้มดีใจ แต่พอโดนตีนตุ๊กแกบีบหนัก ๆ ก็หน้าเสีย พราวตะวันสนใจท่าทีของตวงพรมากกว่า จึงไม่เว้นช่วงนานรีบพูดต่อ
“ต้องพึ่งพาบุญวาสนา ที่จริงจะว่าไปก็คงเป็นเรื่องบังเอิญมากกว่านะคะ จริงไหมคะบิ๊ก ไม่เหมือนแพท ถ้าแพทอยากเจอบิ๊กเมื่อไหร่ แค่ยกหูโทรศัพท์ โทรหา ก็ได้เจอแล้ว”
ฝ่ายน้ำเงินกำลังปล่อยหมัดรัว ระฆังบอกเวลาหมดยกที่หนึ่งก็ดังขึ้นเสียก่อน โดยบริกรหนุ่มที่จด ๆ จ้อง ๆ อยู่นาน เอารายการอาหารมาวางบนโต๊ะสามชุด
“จะสั่งอาหารเลยไหมครับ”
“ยัง”
สองสาวบนโต๊ะอาหารส่งเสียงออกมาเกือบจะพร้อมกัน ระดับความดังทำเอาบดินทร์กับบริกรหนุ่มสะดุ้ง ฝ่ายแรกหน้าซีดส่วนฝ่ายหลังรู้หน้าที่หลบฉากไปอย่างรวดเร็ว
“แหม เด็กคนนี้ช่างต่อปากต่อคำจริงนะคะ บิ๊ก ทำตัวเป็นเด็ก ๆ “
“เอ่อ...”
บดินทร์เกือบจะหลุดคำว่าครับออกมาแล้ว ถ้าไม่เห็นตาเขียวปั๊ดของพราวตะวันที่ส่งมากำราบ ดุเอาการเด็กคนนี้
“คุณตุ๊กคงไม่ถือสาเด็กอย่างดิฉันมั้งคะ ดิฉันเป็นคนพูดตรง คิดอะไรพูดอย่างนั้น จะให้ทำสะดิ้ง จีบปากจีบคอ คิดอย่างพูดอย่างเหมือนพวกนางร้ายในละคร ดิฉันก็ทำไม่เป็น......”
พราวตะวันไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมืออยู่แล้ว เมื่อได้โอกาสตี หล่อนก็ตีไม่ยั้ง
“ท่าทางคุณตุ๊กจะเล่นบทบาทแสแสร้ง เอ้ย...ไม่ใช่ค่ะ ดิฉันหมายถึง คุณตุ๊กเล่นละครเก่ง ลองสอนดิฉันดูบ้างสิคะ เผื่อว่าดิฉันจะได้ทำตัวเป็นผู้ใหญ่ขึ้นได้บ้าง”
ฝ่ายแดงที่โดนไปหลายหมัด ทำท่าจะลุกขึ้นมาลงไม้ลงมือจริง ๆ ก็พอดีกับเสียงโทรศัพท์เคลื่อนที่ของหล่อนดังขึ้น นางร้ายสาวกดรับสาย แม้สีหน้าที่แสดงออกนั้นบอกได้ว่าโมโหสุดขีด แต่เสียงพูดที่ออกมานั้นหวานใส
“ค่ะ จะเริ่มถ่ายฉากต่อไปแล้วเหรอคะ...แหม ได้สิคะ...ตุ๊กพักหายเหนื่อยพอดี นี่กำลังคุยทักทายกับเพื่อนน่ะค่ะ เพื่อนสนิท...เดี๋ยว ตุ๊กรีบไปเลยนะคะ ค่ะ ค่ะ”
นางร้ายสาวตัดสาย ก่อนที่จะถอนใจ ทำท่าเสียดมเสียดาย อาลัยอาวรณ์
“แหม เสียดายจังนะคะ กำลังคุยกันสนุกเชียว”
พราวตะวันรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงฟันกระทบกันกรอด ๆ เลิกคิ้วมองหน้านางร้ายสาว ในขณะที่อีกฝ่ายเริ่มควบคุมอารมณ์ตัวเอง เพราะเห็นแก่หนุ่มข้างตัวมากกว่าอารมณ์เอาชนะคะคานกับเด็กเมื่อวานซืน เด็กเมื่อวานซืนที่ปากร้ายมาก ๆ เสียด้วย
“ถ้ารู้ว่า จะถ่ายไป ออกอากาศไปเหมือนถ่ายทอดสดขนาดนี้ ตุ๊กคงไม่รับละครเรื่องนี้หรอกนะคะ ดูมันไม่ได้คุณภาพ แต่ก็แปลกนะคะ ละครเรื่องนี้เรตติ้งดีมาก ๆ ตุ๊กก็ปลื้มค่ะ เพราะเล่นกี่เรื่อง ก็ดังทุกเรื่อง”
พราวตะวันทำหน้าเซ็ง เมื่อตวงพรทำท่าเหมือนไม่สนใจจะราวีหล่อนอีก กำลังมันเชียว แล้วดูสินั่น ตอนคุยโทรศัพท์ก็คะขาดีอยู่ แต่พอวางสายแล้ว กลับแอบนินทาปลายสายเสียอย่างนั้น
“ตุ๊กไปก่อนนะคะบิ๊ก”
บดินทร์ไม่ทันตั้งตัว เมื่อตวงพรขยับตัวเข้ามาจุมพิตเบา ๆ ที่แก้มของเขา ชายหนุ่มถึงกับเหวอ อ้าปากค้าง
“ไปนะจ๊ะหนู เราคงได้เจอกันอีก”
พูดจบ ตวงพรก็เดินสะบัดพริ้ว ส่งสายตามองไปทั่วร้าน อย่างมั่นใจในตัวเอง พราวตะวันมองตามอย่างหมั่นไส้ ก่อนที่จะหันมามองบดินทร์ ที่ยังหาวิธีหุบปากตัวเองไม่ลง
“นี่คุณ หุบปากได้แล้วค่ะ น่าเกลียด”
พราวตะวันแปลกใจตัวเอง ทั้งที่อารมณ์ขุ่นมัวสุด ๆ แต่ก็ยังพูดคะขา กับผู้ชายตรงหน้าได้
“ง่า...ครับ”
“คุณนี่จริง ๆ เลยนะ นั่งตัวลีบเชียว กลัวอะไรเขานักหนาคะ”
“ผมไม่ได้กลัวนะคุณ แต่...”
บดินทร์อ้ำอึ้ง นึกไม่ออกว่าจะใช้คำว่าอะไรดี กับความรู้สึกที่มีเวลาเจอมือตุ๊กแกของตวงพร
“ค่ะ คุณคงเหมือนพวกพระเอกละครไทยมั้งคะ ฉันก็นึกว่ามีแต่ในละครเสียอีก เพิ่งเคยเจอนี่แหละค่ะ ว่ามีจริง”
“โธ่...คุณ ผมก็แค่ไม่อยากให้เขาเสียน้ำใจ คุณตุ๊กเขาเดินแบบเครื่องประดับให้บริษัทผมด้วย อีกอย่างเขาก็ไม่ได้ทำอะไรเอ่อ...น่าเกลียด”
“แล้วไอ้ที่ทำท่าจะกระโดดกัดหูคุณเมื่อกี้ล่ะคะ”
“เฮ้ย ! คุณ เขาแค่...ง่า...”
พราวตะวันถอนใจ ปกติเคยเจอแต่ผู้ชายที่วิ่งใส่ผู้หญิง เพิ่งจะมีรายนี้แหละ ที่กลัว หญิงสาวบอกตัวเองว่านี่คงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ตัวเองนึกชอบผู้ชายตรงหน้า แม้จะแสดงท่าทีสนใจหล่อน แต่ก็พอเหมาะ ไม่มากจนเกินไปนัก
“เอาเถอะค่ะ สั่งอาหารเลยได้ไหมคะ ฉันหิว”
“เอาสิคุณ ร้านนี้ของเขาอร่อยทุกอย่าง ผมรับประกัน”
บดินทร์เริ่มยิ้มออก ดูผ่อนคลายขึ้นอีกครั้ง ยิ้มแบบนี้แหละน้า ที่ทำเอาใจของหญิงสาวละลายเป็นห้อง ๆ
“ตกลงแผนคุณว่าไงคะ เรื่องที่จะจับคู่ให้ยายวุ้น กับคุณปาล์ม”
พราวตะวันถามขึ้นเมื่อเห็นชายหนุ่มรวบช้อนส้อม
“ขั้นแรก ก็ต้องทำให้เขาสองคนพูดความจริงออกมากันให้ได้ก่อน”
“ก็รู้ล่ะค่ะ แต่จะทำยังไงล่ะ ยายวุ้นก็เหมือนนกรู้ หลบไปหลบมา ไม่ยอมมาตามนัดสักที ส่วนเพื่อนคุณเห็นว่าถ้าคุณยังไม่บอกความจริงก็ไม่กล้ามา”
บดินทร์พยักหน้าเบา ๆ สีหน้าครุ่นคิด
“เอาอย่างนี้ นัดครั้งต่อไปก่อนที่ผมกับนายปาล์มจะไปเชียงใหม่ ผมจะให้นายปาล์มไปด้วย ผมจะหลอกว่าจะพูดความจริงให้ แล้วให้เขาเข้ามาคุยกับคุณ...ผมหมายถึงคุณวุ้น”
“ถ้ายายวุ้นไม่ยอมไปล่ะคะ ฉันว่าเพื่อนฉันเบี้ยวอีกแน่ ๆ”
“คุณก็ไปแทน แต่คุณต้องทำท่าทีสนิทสนมกับผมมาก ๆ นะ แล้วผมก็จะทำเป็นหนักใจ ไม่กล้าบอกความจริง นายปาล์มจะได้อึดอัดมากขึ้น ถ้าเขากล้าพูดความจริงกับคุณเลย ก็จบ เราพาเขาไปหาคุณวุ้นกัน แต่ถ้าไม่ ค่อยคิดกันต่อว่าจะทำยังไง”
“คู่นี้เขาจะลงเอยกันไหมคะเนี่ย ยายวุ้นท่าทางชอบคุณมาก ตั้งแต่เจอคุณที่ร้านวันนั้นแล้ว”
“เพื่อนผมก็ชอบคุณมาก ถึงจะไม่ได้เห็นตัวคุณเลยก็เถอะ แต่อย่างที่บอกไงครับ มันก็แค่รูปลักษณ์ ไม่ใช่ชอบเพราะรู้จัก พูดคุยกันมานาน อย่างที่สองคนนั้นคิด”
พราวตะวันพยักหน้าเบา ๆ หลังจากนั้นทั้งสองนั่งนิ่งอย่างครุ่นคิด เวณิกาจะรู้สึกอย่างไรถ้ารู้ว่าผู้ชายที่ไปที่ร้านนั้นไม่ใช่ปริวัตร จะยังหลงใหลได้ปลื้มกับรูปลักษณ์ภายนอกของบดินทร์หรือไม่ เพราะถ้าจะมองกันจริง ๆ แล้วคนที่เวณิกาปักใจคือปริวัตร ไม่ใช่บดินทร์ แต่เวณิกาจะรับความจริงได้แค่ไหน นั่นเป็นเรื่องที่ต้องรอดูกันต่อไป
“ก่อนอื่น ผมคงต้องไปกระตุ้นคุณวุ้นที่ร้านสักหน่อย ก่อนวันนัดจริง สักวันสองวัน คุณหาเวลาเข้าไปที่ร้านนะ แล้วโทรบอกผม”
“ดีใจจังที่แพท มาได้ วันนี้ร้านเงียบจัง”
เวณิกายิ้มแย้มทักทายเมื่อเห็นพราวตะวันเปิดประตูเดินเข้ามาในร้าน
“เหนื่อยจะแย่ นี่อีกสองอาทิตย์ก็สอบแล้ว ขอหลบมาอ่านหนังสือในร้านวุ้นดีกว่า เย็นดี”
“แพทมาก็ดี ฉันจะได้ไม่เหงาไง”
เวณิการินน้ำให้อย่างเอาใจ
“แล้วช่วงนี้ไม่มีงานเหรอ”
“งดรับจ้ะ สองอาทิตย์ก่อนสอบ ไม่รับงาน เรามีเวลาอ่านหนังสือไม่เท่าคนอื่นเขา ขอเวลาอ่านนานหน่อยก่อนสอบ”
เวณิกาขยับแว่น สีหน้าที่มองเพื่อนสาวออกจะทึ่ง
“แพทนี่เก่งนะ เรียนไปทำงานไป เกรดยังอยู่ตั้งสามต้น ๆ ไม่เหมือนฉัน เรียนอย่างเดียวแท้ ๆ เกรดแค่ผ่าน”
พราวตะวันส่ายหน้า เมื่อเห็นเวณิกาทำท่าสลดลง เมื่อพูดถึงตัวเอง
“นี่...คนเราน่ะมีดีไม่เหมือนกันนะจ๊ะ มัวแต่มานั่งนึกน้อยใจอะไรอยู่ได้ เธอเองก็มีดีในแบบของเธอ ฉันก็มีในแบบของฉัน มันเทียบกันไม่ได้ เข้าใจไหม พูดถึงเรื่องนี้แล้ว นัดครั้งต่อไป วุ้นต้องไปให้ได้นะ ไปบอกความจริงกับคุณปาล์มเขาเอง”
เวณิกาพยักหน้าเบา ๆ แต่สีหน้ายังหนักใจ
“ฉันกลัวเขาจะโกรธ ที่ไปโกหกเขา”
พราวตะวันตั้งท่าจะพูดว่าอีกฝ่ายก็โกหกเหมือนกัน แต่นึกแล้วให้เพื่อนสาวรู้เองจะดีกว่า
“อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดนะวุ้น ทำแล้วก็ต้องยอมรับ จะให้ฉันสวมบทแทนวุ้นไปถึงไหนล่ะ วุ้นยอมรับความจริงเสียตอนนี้ จะได้รู้ ๆ กันไป”
หญิงสาวพูดเหมือนกับจะพูดกับตัวเองด้วย การจับคู่ครั้งนี้อย่างน้อยพราวตะวันจะได้รู้สึกผิดน้อยลง หากหล่อนกับบดินทร์คิดจะคบกันจริงจังขึ้นมาจริง ๆ เวณิกาก็ไม่ควรจะเคว้งคว้าง อย่างน้อยก็น่าจะได้รู้จักสนิทสนมกับปริวัตรบ้าง ที่จริงต้องบอกว่ารู้จักกันอย่างเป็นทางการมากกว่า เพราะทั้งคู่รู้จักสนิทสนมกันผ่านทางการสนทนาในอินเตอร์เน็ตอยู่แล้ว
บดินทร์ผลักประตูร้านเข้ามาในอีกไม่กี่อึดใจ พราวตะวันนั้นแอบนัดแนะกันไว้แล้วจึงไม่มีปฏิกิริยากระโตกกระตาก แต่เวณิกาที่โดนจู่โจมแบบไม่ตั้งตัวนั้น แทบจะทำถาดขนมที่กำลังจัดวางใส่ตู้หล่นโครม
“มาได้ไงเนี่ย ฉันไม่ได้นัดเขาไว้นะแพท ดีนะที่แพทอยู่”
“นี่ เพิ่งจะพูดอยู่เมื่อกี้นี้เอง ว่าจะให้บอกความจริงไง”
“ถ้าบอกแล้วเขาโกรธล่ะ แพทรับหน้าให้ก่อนได้ไหมขอเวลาฉันทำใจก่อนไม่ได้เหรอ”
เวณิกาต่อรอง หน้าซีดเผือด พราวตะวันจึงพยักหน้ารับช้า ๆ ตามแผนที่ตกลงไว้ ทั้งสองไม่คิดว่าเวณิกาจะเกิดกล้าขึ้นมาทันทีทันใดอยู่แล้ว
“สวัสดีค่ะ คุณปาล์ม”
กระดากพิกลที่ต้องเรียกบดินทร์ว่าปาล์ม อีตาปาล์มนี่ หน้าตาเป็นยังไงก็ยังไม่เคยจะเห็นสักที
“สวัสดีครับ คุณวุ้น”
แหม...นี่ถ้าพวกผู้จัดละครมาเห็น บดินทร์กับหล่อนน่าจะได้งานละครไม่ขาดมือ เพราะรับส่งกันดียิ่งกว่าพระนางวัยรุ่นที่เล่นละครกันให้เกร่อจอโทรทัศน์เสียอีก
“ลมอะไรหอบมาถึงนี่คะเนี่ย”
“ผมจะมาเตือนเรื่องนัดวันมะรืนครับ คุณแพ....เอ่อ คุณวุ้นลืมรึเปล่าครับ”
พราวตะวันลุ้นใจหาย กำลังนึกชมอยู่ในใจว่าเล่นละครเก่ง พระเอกก็ลืมบทเสียแล้ว ลืมชื่อนางเอกเสียด้วย
“วุ้นจะลืมได้ยังไงคะ จำได้ค่ะว่านัดกันไว้”
ปากรับคำว่านัดไว้ แต่ก็แอบหันมองกลับไปมองเวณิกาอย่างตั้งคำถาม อีกฝ่ายก้มหน้างุดไม่ยอมสบตา พราวตะวันแอบยิ้มกับบดินทร์ ชายหนุ่มเองรักษามาดเอาไว้ได้ค่อนข้างดี ถ้าไม่นับที่เกือบเรียกชื่อหล่อนผิดเมื่อครู่
“แล้ววันนี้ที่ร้านคนไม่เยอะเหรอคะ”
“โอ๊ย...ขายหมดตั้งแต่บ่ายแล้วครับ อยากมาหา ไม่รู้เป็นอะไรคิดถึงคุณวุ้นเหลือเกิน”
บดินทร์ทำตามแผน คลั่งไคล้ ‘คุณวุ้นตัวปลอม’ หวังให้เวณิกาเกิดลูกฮึดขึ้นมาบ้าง แต่เมื่อลอบมองไปทางเวณิกาปรากฏว่าหญิงสาวยังก้มหน้าก้มตาจัดขนมในตู้ ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมองเลย ชายหนุ่มจึงเอื้อมมือไปกุมมือพราวตะวันไว้
หญิงสาวเกือบร้องจ๊ากเมื่อบดินทร์เล่นนอกบท แต่พออีกฝ่ายหลิ่วตาให้ ก็นึกได้ ทำท่าทางสะเทิ้นอาย
“คุณปาล์มนี่ ปากหวานเชียวค่ะ”
แอบเหลียวไปมองนิด ๆ ก็ยังเห็นเวณิกาจัดขนมอยู่ เด็กบ๊วยมองมาอย่างงง ๆ ก่อนที่เวณิกาจะพยักเพยิดให้เด็กสาวหลบไปหลังร้าน
พราวตะวันพูดเบา ๆ ให้ได้ยินกันแค่สองคน
“หวานน้อย ๆ หน่อยก็ได้ค่ะ ฉันว่าจะฟาล์วซะเปล่า ๆ ยายวุ้นคงไม่ลุกมาเต้นแน่ ๆ เก็บแรงไว้คราวหน้าจะดีกว่า”
“นี่กำลังว่าจะชวนคุณวุ้นไปเดินเลิกซื้อของขวัญอยู่พอดีครับ ผมซื้อของขวัญให้คุณแม่ทุกปี จนเลือกไม่ค่อยจะถูกแล้ว”
“คะ”
พราวตะวันอึ้งอีกครั้ง เพราะบดินทร์เล่นนอกบทกันจะจะ เพราะตกลงกันไว้ว่าแค่จะมาหวานโชว์เวณิกาเท่านั้น ไม่ได้นัดหมายไว้ว่าจะออกไปไหนกันต่อ
“อย่าปฏิเสธนะคุณเสียแผนหมด”
บดินทร์แอบกระซิบไม่เปิดปาก พราวตะวันบอกไม่ถูกว่าทำไมถึงไม่โมโหที่โดนมัดมือชก ลองไปดูสักทีไม่เสียหลาย เอ...หรือว่าหล่อนเองก็อยากไปอยู่เหมือนกัน
“ร้ายนะคุณ มัดมือชกนี่นา”
ปากต่อว่า ว่าชายหนุ่มตรงหน้าร้าย แต่ทำไม พอมองรอยยิ้มของบดินทร์แล้ว พราวตะวันพาลจะใจอ่อนเสียก็ไม่รู้ จึงพยักหน้าเบา ๆ เดินไปที่เคาน์เตอร์ซึ่งเวณิกาเพิ่งจะไปนั่ง
“เอาไงวุ้น จะบอกความจริงกับเขาเสียตอนนี้ไหม ไม่แน่นะ เขาอาจจะชวนวุ้นไปแทนเราก็ได้”
ถามไปทั้ง ๆ ที่รู้คำตอบ เวณิกาไม่กล้าแน่
“ไม่เอา แพทไปแหละดีแล้ว ฉันขอเวลาทำใจหน่อยนะ นะแพท...อีกอย่างดูท่าทางเขาจะชอบแพทจริง ๆ เสียด้วย ฉันกะแล้วว่าอย่างฉันคงไม่มีใครชอบ”
ประโยคหลังเวณิกาพูดแล้วก้มหน้างุด ความไม่มั่นใจในตัวเองมีมาก ยิ่งเมื่อมักเทียบตัวเองกับพราวตะวันด้วยแล้ว เวณิกายิ่งรู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่าเพื่อนมาก
“ฉันจะพูดเรื่องนี้กับเธอทีหลังนะวุ้น เธอไม่ได้ด้อยไปกว่าใครแน่ ๆ ฉันรับรองได้ เฮ้อ... แผนอ่านหนังสือของฉันต้องพับกลับบ้าน เพราะคุณปาล์มของเธอคนเดียวแท้ ๆ”
พราวตะวันเน้นย้ำชื่อ ‘คุณปาล์ม’ ก่อนที่จะหันไปมองหันต้นเหตุที่นั่งยิ้มเล็กน้อย ทำท่าทางไม่สนใจ ก่อนที่จะลุกเดินมาหาสองสาว
“เป็นไงครับ คุณแพท ผมเห็นมาเฝ้าร้านให้คุณวุ้นทุกวัน”
“เอ่อ...ก็ดีค่ะ”
เวณิกาไม่กล้ามองสบตา เห็นชายหนุ่มมองพราวตะวันด้วยแววตาเป็นประกาย แล้วต้องก้มหน้าหลบ ซ่อนความรู้สึกบางอย่างไว้
“ผมคงต้องขอคุณแพทช่วยดูร้านแทนคุณวุ้นหน่อยนะครับ จะยืมตัวไปเดินซื้อของด้วยน่ะครับ”
“ตามสบายค่ะ”
“งั้นไปครับ คุณวุ้น”
เมื่อเพื่อนสาวกับชายหนุ่มเดินออกไปจากร้านแล้ว เวณิกาถึงได้เงยหน้าขึ้นมอง เห็นแต่หลังของคู่หนุ่มสาวเดินลับไปไวไว เวณิกาถอนใจหนักหน่วง

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 พ.ย. 2555, 15:05:55 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 พ.ย. 2555, 15:08:54 น.
จำนวนการเข้าชม : 1628
<< ตอนที่ 3 | ตอนที่ 5 >> |


lovemuay 24 พ.ย. 2555, 18:32:57 น.
อ่านะ แล้วก็ยังไม่กล้าบอกเหมือนเดิม
อ่านะ แล้วก็ยังไม่กล้าบอกเหมือนเดิม