สื่อสลับขั้ว
เมื่อ "วุ้น" สาวหวานเรียบร้อย กับ "ปาล์ม" หนุ่มตี๋ขี้อาย คิดจะปลูกต้นรักออนไลน์ เลยร้อนถึงเพื่อนซี้ อย่าง "แพท" กับ "บิ๊ก" ที่ต้องเข้ามาช่วยแก้ปัญหาให้คนทั้งคู่

ก็เพราะว่าจีบกันดีๆก็คงจะไม่สนุก จึงต้องลากเอาเพื่อนๆ เข้ามาวุ่นวายด้วย เนื่องจากสาวเจ้าไม่มั่นใจในความงามของตัวเองจึงส่งรูปเพื่อนสาวตัวดีไปให้หนุ่มดูซะได้ ทางฝ่ายชายก็กำมะลอไม่แพ้กัน ส่งรูปหนุ่มหล่อระเบิดมาให้สาววุ้นฝันหวานถึงขั้นเก็บไปเพ้อแล้วเพ้ออีก เรื่องราวรักวุ่นๆ ครั้งนี้จะลงเอยอย่างไร
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 4

มองน่ะใช่ แต่มองด้วยความสมเพชเวทนา ปนรำคาญหรอกย่ะ พราวตะวันนึกค่อนในใจ แต่เมื่อพูดออกมากลับออดอ้อน กระเง้ากระงอด

“แต่หนูได้ยินว่าเสี่ยมีเมียอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ คราวที่แล้วที่เสี่ยส่งตัวแทนมาเสนอซื้อตัวหนู หนูก็กลุ้มใจไม่รู้จะทำยังไงดี หนูไม่อยากยุ่งกับคนมีลูกมีเมียแล้วนี่คะเสี่ย”

ดวงตาเล็กหยีบนหน้าขาว ๆ อวบอ้วน ส่งประกายหวาน ยิ้มออดอ้อน ดูน่าเกลียดมากกว่าน่าดู

“ไม่เอาสิจ้ะหนู อย่าไปพูดถึง มงเมียอะไรกัน พูดถึงแล้วเสี่ยอารมณ์เสีย”

“ทำไมละคะเสี่ย”

“แหม...นังแก่ที่บ้านนี่ เสี่ยไม่ได้รักใคร่ใยดีอะไรหรอก ที่แต่งด้วยเพราะที่บ้านเขาหมั้นหมายกันไว้ให้ ตอนยังสาว ๆ ก็ยังพอไหวนะ เดี๋ยวนี้ปล่อยตัวเผละ”

ยิ่งพูดยิ่งมันปาก เสี่ยสมพลสรรเสริญภรรยาให้หญิงสาวฟัง ไม่มองตัวเองที่เผละไม่ยิ่งหยอ่นไปกว่าภรรยา

“ปากก็ร้าย ดุก็เท่านั้น ไม่อ่อนหวานเหมือนหนูเลย เห็นหนูแล้วเฮียสบายใจ ฟังเสียงหนูพูดแล้วเฮียเหมือนได้ยินเสียงนางฟ้า ไม่เหมือนนังแก่ที่บ้านพูดจาทีเสียงยังกะปีศาจ”

“เหรอคะ”

พราวตะวันยิ้มกว้าง มองข้ามไหล่ของเสี่ยร่างอ้วนไปยังหญิงสาวร่างเจ้าเนื้อไม่แพ้สามีที่มายืนฟังถ้อยคำบาดหูที่อีกฝ่ายพูดถึงตัวเองได้หลายประโยคแล้ว

“เมียเสี่ยนี่ หน้าตาน่ากลัวเหมือนคุณคนที่ยืนอยู่ข้างหลังเสี่ยไหมคะ”

เสี่ยสมพลหันไปมองข้างหลังตัวเอง แล้วส่งเสียงร้องอี๊ด ฟังแล้วเหมือนเสียงหมูในโรงฆ่าสัตว์

“คนนี้แหละค่ะ คุณนาย ที่มาตามตอแยดิฉัน คงเห็นว่าดิฉันจะเป็นผู้หญิงรักสบาย ซื้อง่าย ดิฉันก็ได้แต่ปลงนะคะ ลำพังสเปคก็ไม่ใช่แล้ว แถมแต่งงานมีลูกเมียแล้วอีกต่างหาก ดิฉันสงสารคุณนายก็เลยโทรศัพท์ไปบอก ว่าสามีคุณนายแอบมาเที่ยวหาผู้หญิงสาว ๆ ทาบทามไปเป็นเมียเก็บ”

เสี่ยร่างอ้วนหน้าซีดเผือด หันมามองพราวตะวัน ปากคอสั่น

“ทำไมพูดอย่างนี้ล่ะหนู”

“แล้วจะให้พูดยังไงดีคะเสี่ย พูดว่าเขาลือกันแซ่ดว่าเสี่ยน่ะ ชอบทาบเด็กใหม่ๆ เดินวนตามงานแสดงสินค้า งานโน้นงานนี้ไปทั่วดีไหมคะ”

พราวตะวันไม่สนใจเสี่ยสมพลที่ทำท่าทางเป็นทีขอร้องให้หญิงสาวหยุดพูด รัศมีพิฆาตของภรรยาแผ่กระจายไปทั่วในบรรยากาศ ทำเอาเสี่ยหมูตู้ทองใจเสีย

“จัดการกันเองแล้วกันนะคะคุณนาย ดิฉันมีธุระต้องไปจัดการต่อ”

หญิงสาวพูดแล้วเดินผละออกมา ไม่สนใจเสียงตบตี และเสียงร้องวุ่นวายเบื้องหลัง ถอนใจอย่างเหนื่อยหน่าย เมื่อจะก้าวขึ้นรถ เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นเกือบจะทันทีที่พราวตะวันเปิดเครื่อง

“สวัสดีครับ พร้อมรับแผนการฉบับที่หนึ่งรึยัง”

พราวตะวันยิ้มกับโทรศัพท์ อารมณ์ดีขึ้นมาเล็กน้อย

“ยังไม่พร้อมค่ะ ฉันกำลังจะขับรถ”

“งั้นดีเลย ออกมาเจอกันนะ ทานข้าวเย็นกัน คุยแผนกันไปดีไหม ผมบอกนายปาล์มให้จัดการนัดกันวันอาทิตย์นี้ ผมอยากให้คุณมาฟังแผนแล้วแสดงความเห็นหน่อย เพราะผมรู้จักนายปาล์ม ส่วนคุณรู้จักคุณวุ้น เราจะได้มาดูกันว่าจะทำยังไงได้บ้าง”

พราวตะวันตอบรับนัด ขับรถออกมาจากช่องจอด มองกระจกหลังเห็นคู่สามีภรรยาเดินเคียงข้างกัน หรือจะให้ถูกต้องบอกว่า ภรรยาลากหูสามีเดิน กระชากหนักเสียจนเสี่ยร่างอ้วน ๆ ปลิวเหมือนนุ่นโดนลม วันนี้มีแต่เรื่องที่ทำให้หล่อนอารมณ์ดี โดยเฉพาะเรื่องนัดอาหารเย็น

หญิงสาวนึกถึงตรงนี้ก็สะดุด คงจะยากอยู่เหมือนกันถ้าเวณิกายังคิดว่าบดินทร์คือปริวัตร หญิงสาวก็ไม่อยากทำอะไรให้เพื่อนเสียใจ แต่จะว่าไปคนที่เวณิกาชอบก็คือปริวัตร ไม่ใช่บดินทร์ เพียงแต่ชอบนิสัยใจคอ ส่วนรูปร่างหน้าตา เอาไว้ให้หล่อนเห็นปริวัตรเสียก่อน ค่อยตัดสินใจ จะว่าไปเรื่องหลังก็ไม่ใช่ประเด็นหลักที่หญิงสาวให้ความสำคัญ และคิดว่าเวณิกาก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่มองใครแต่รูปกายภายนอกเหมือนกัน

สงสัยต้องวางแผนจับให้ถูกคู่เสียแล้ว พูดคุยกัน ศึกษานิสัยกันมาเป็นปี ถ้าไม่มีโอกาสที่จะทำความรู้จักคบหากันจริง ก็น่าเสียดายไม่น้อย เอาไว้ปรึกษากับบดินทร์ดูอีกทีก็แล้วกัน





อารมณ์ดี ๆ ของหญิงสาวพาลจะบูดเมื่อเข้าไปในร้านอาหารที่นัดกับชายหนุ่มเอาไว้แล้ว เจอตวงพรนั่งร่วมโต๊ะกับชายหนุ่มอยู่ก่อนแล้ว ตวงพรนั่งอยู่ข้าง ๆ บดินทร์มือทั้งสองข้างเกาะแขนของชายหนุ่มหนึบ ชี้ชวนคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้ จนกระทั่งหันมาเห็นหญิงสาว ตวงพรก็ทำเมินแล้วหันไปคุยกับบดินทร์ต่อ ไม่สนใจว่าพราวตะวันจะยืนอยู่ตรงหน้า

พราวตะวันทำท่าจะหันกลับ แต่ก็แพ้สายตาที่มองมาอย่างอ้อนวอนขอความช่วยเหลือของบดินทร์ อีกอย่างนึกขัดกับสายตาที่มองอย่างสบประมาทของนางร้ายนอกจออย่างตวงพร จึงนั่งลงตรงข้ามกับชายหนุ่ม ท่าทางวันนี้ที่นัดวางแผนกันคงเหลว ต้องขึ้นสังเวียนชกกับนางร้ายสาวแทนเสียแล้ว

พราวตะวันมองภาพนางร้ายสาวทำท่าทางสนิทสนมกับบดินทร์ อย่างขัดเคือง หย่อนตัวลงนั่งอย่างเซ็งอารมณ์ ยิ่งเห็นหน้าขาว ๆ ซีด ๆ ทำอะไรไม่ถูกของบดินทร์แล้วยิ่งหมั่นไส้ เห็นท่าทางออกจะเก่ง ขายขนมจีบหล่อนป้อ แต่พอเจอลูกตื้อของแม่ตุ๊กแกแล้วกลับเดี้ยงไปเสียอย่างนั้น

“เอ๊...เด็กคนนี้”

ตวงพรลากเสียงยาว มองหน้าพราวตะวันอย่างหมิ่น ๆ

“ใช่คนที่ตุ๊กไปเจอนั่งทานข้าวกับคุณเมื่อวันก่อนรึเปล่าคะ”

‘เด็ก’ มองค้อนกลับตาคว่ำ ดีกรีความโมโหพุ่งขึ้นมาอีกหลายองศา

“คราวนั้นไม่ได้สนใจอะไร คิดว่าไม่ใช่คนสำคัญ แต่เห็นนัดเจอคุณบ่อย ๆ อย่างนี้ ตุ๊กชักอยากรู้แล้วสิคะว่าเป็นใคร”

บดินทร์อ้าปากค้าง เหมือนจะพูดอะไรออกมา แต่แล้วก็งับปากสนิท พูดไม่ออก พราวตะวันเห็นแล้วนึกโมโหขึ้นมาอีกระลอก

“ดิฉันเป็นเพื่อนของคุณบิ๊กค่ะ เรามีธุระส่วนตัวต้องคุยกัน เลยนัดกันมาที่ร้านนี้ ไม่นึกว่าจะมีคนอื่น อุ๊ย ...ไม่ใช่ค่ะ ไม่คิดว่าจะมีคุณตุ๊กมาร่วมคุยธุระส่วนตัว กับเราด้วย”

ตวงพรควันออกหู ปกติหล่อนแน่ใจในฝีปาก เพราะจดจำมาได้หมดจากบทละครที่หล่อนเล่น ลองใครเข้ามาวอแวกับบดินทร์หล่อนก็เขี่ยออกไปได้ทุกคน แต่กับหญิงสาวที่นั่งตรงหน้าดูท่าทางจะไม่ง่ายเสียแล้ว

“โธ่...หนูจ๊ะ คุณบิ๊กเขาไม่คิดว่าฉันเป็นคนอื่นหรอกนะ เราน่ะสนิทสนมกันออกจะตายไป”

ตวงพรลอยหน้าตอบแล้วหันไปจ๊ะจ๋ากับบดินทร์

“ใช่ไหมคะ บิ๊ก นี่ที่เราเจอกันวันนี้ก็เป็นเรื่องที่จะเรียกว่า ยังไงดีล่ะ รู้จักไหมจ๊ะ บุญพาวาสนาส่งน่ะ”

ประโยคหลังหันมาพูดกับพราวตะวัน ยิ้มเยาะน้อย ๆ

“ฉันกำลังถ่ายละครอยู่ที่ห้องเสื้อฝั่งตรงข้ามพอดี กำลังพักกองอยู่ก็เห็นรถคุณบิ๊กเขาเลี้ยวเข้ามาร้านนี้พอดี ไม่น่าเชื่อนะ ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้นัดแนะกันไว้ ก็กลับมาเจอกันได้ จริงไหมคะบิ๊ก”

“เอ่อ...ครับ”

บดินทร์รับคำออกมาได้แค่นั้น ก็นั่งตัวลีบต่อ และยิ่งชายหนุ่มพยายามทำตัวลีบเท่าไหร่ หญิงสาวข้างตัวก็พยายามเบียดเข้าใกล้มากขึ้นเท่านั้น พราวตะวันมองท่าทางของทั้งสองคนแล้วกึ่งโมโหกึ่งขำ รู้ดีว่าบดินทร์อึดอัดไม่น้อย

แปลกคนจริงผู้ชายคนนี้ ทั้งที่ดูออกจะกล้า แต่ทำไมกลับต้องมาตกม้าตาย กับลูกตื้อผู้หญิงอย่างหมดท่า เอาล่ะ ถือว่าช่วยเอาบุญก็แล้วกัน หมั่นไส้แม่ตุ๊กแกด้วย ทำพูดเหมือนหล่อนเป็นเด็ก ๆ ทั้งที่ เจ้าหล่อนก็ไม่ได้อายุมากกว่าสักกี่ปีหรอก

“แหม น่าสงสารนะคะ อยากจะเจอบิ๊กทั้งที...”

พราวตะวันตัดคำว่าคุณทิ้งไป อย่างจงใจจะแสดงความสนิทสนม ซึ่งได้ผล เพราะตวงพรหันขวับ ส่วนบดินทร์ทำท่าเหมือนจะยิ้มดีใจ แต่พอโดนตีนตุ๊กแกบีบหนัก ๆ ก็หน้าเสีย พราวตะวันสนใจท่าทีของตวงพรมากกว่า จึงไม่เว้นช่วงนานรีบพูดต่อ

“ต้องพึ่งพาบุญวาสนา ที่จริงจะว่าไปก็คงเป็นเรื่องบังเอิญมากกว่านะคะ จริงไหมคะบิ๊ก ไม่เหมือนแพท ถ้าแพทอยากเจอบิ๊กเมื่อไหร่ แค่ยกหูโทรศัพท์ โทรหา ก็ได้เจอแล้ว”

ฝ่ายน้ำเงินกำลังปล่อยหมัดรัว ระฆังบอกเวลาหมดยกที่หนึ่งก็ดังขึ้นเสียก่อน โดยบริกรหนุ่มที่จด ๆ จ้อง ๆ อยู่นาน เอารายการอาหารมาวางบนโต๊ะสามชุด

“จะสั่งอาหารเลยไหมครับ”

“ยัง”

สองสาวบนโต๊ะอาหารส่งเสียงออกมาเกือบจะพร้อมกัน ระดับความดังทำเอาบดินทร์กับบริกรหนุ่มสะดุ้ง ฝ่ายแรกหน้าซีดส่วนฝ่ายหลังรู้หน้าที่หลบฉากไปอย่างรวดเร็ว





“แหม เด็กคนนี้ช่างต่อปากต่อคำจริงนะคะ บิ๊ก ทำตัวเป็นเด็ก ๆ “

“เอ่อ...”

บดินทร์เกือบจะหลุดคำว่าครับออกมาแล้ว ถ้าไม่เห็นตาเขียวปั๊ดของพราวตะวันที่ส่งมากำราบ ดุเอาการเด็กคนนี้

“คุณตุ๊กคงไม่ถือสาเด็กอย่างดิฉันมั้งคะ ดิฉันเป็นคนพูดตรง คิดอะไรพูดอย่างนั้น จะให้ทำสะดิ้ง จีบปากจีบคอ คิดอย่างพูดอย่างเหมือนพวกนางร้ายในละคร ดิฉันก็ทำไม่เป็น......”

พราวตะวันไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมืออยู่แล้ว เมื่อได้โอกาสตี หล่อนก็ตีไม่ยั้ง

“ท่าทางคุณตุ๊กจะเล่นบทบาทแสแสร้ง เอ้ย...ไม่ใช่ค่ะ ดิฉันหมายถึง คุณตุ๊กเล่นละครเก่ง ลองสอนดิฉันดูบ้างสิคะ เผื่อว่าดิฉันจะได้ทำตัวเป็นผู้ใหญ่ขึ้นได้บ้าง”

ฝ่ายแดงที่โดนไปหลายหมัด ทำท่าจะลุกขึ้นมาลงไม้ลงมือจริง ๆ ก็พอดีกับเสียงโทรศัพท์เคลื่อนที่ของหล่อนดังขึ้น นางร้ายสาวกดรับสาย แม้สีหน้าที่แสดงออกนั้นบอกได้ว่าโมโหสุดขีด แต่เสียงพูดที่ออกมานั้นหวานใส

“ค่ะ จะเริ่มถ่ายฉากต่อไปแล้วเหรอคะ...แหม ได้สิคะ...ตุ๊กพักหายเหนื่อยพอดี นี่กำลังคุยทักทายกับเพื่อนน่ะค่ะ เพื่อนสนิท...เดี๋ยว ตุ๊กรีบไปเลยนะคะ ค่ะ ค่ะ”

นางร้ายสาวตัดสาย ก่อนที่จะถอนใจ ทำท่าเสียดมเสียดาย อาลัยอาวรณ์

“แหม เสียดายจังนะคะ กำลังคุยกันสนุกเชียว”

พราวตะวันรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงฟันกระทบกันกรอด ๆ เลิกคิ้วมองหน้านางร้ายสาว ในขณะที่อีกฝ่ายเริ่มควบคุมอารมณ์ตัวเอง เพราะเห็นแก่หนุ่มข้างตัวมากกว่าอารมณ์เอาชนะคะคานกับเด็กเมื่อวานซืน เด็กเมื่อวานซืนที่ปากร้ายมาก ๆ เสียด้วย

“ถ้ารู้ว่า จะถ่ายไป ออกอากาศไปเหมือนถ่ายทอดสดขนาดนี้ ตุ๊กคงไม่รับละครเรื่องนี้หรอกนะคะ ดูมันไม่ได้คุณภาพ แต่ก็แปลกนะคะ ละครเรื่องนี้เรตติ้งดีมาก ๆ ตุ๊กก็ปลื้มค่ะ เพราะเล่นกี่เรื่อง ก็ดังทุกเรื่อง”

พราวตะวันทำหน้าเซ็ง เมื่อตวงพรทำท่าเหมือนไม่สนใจจะราวีหล่อนอีก กำลังมันเชียว แล้วดูสินั่น ตอนคุยโทรศัพท์ก็คะขาดีอยู่ แต่พอวางสายแล้ว กลับแอบนินทาปลายสายเสียอย่างนั้น

“ตุ๊กไปก่อนนะคะบิ๊ก”

บดินทร์ไม่ทันตั้งตัว เมื่อตวงพรขยับตัวเข้ามาจุมพิตเบา ๆ ที่แก้มของเขา ชายหนุ่มถึงกับเหวอ อ้าปากค้าง

“ไปนะจ๊ะหนู เราคงได้เจอกันอีก”

พูดจบ ตวงพรก็เดินสะบัดพริ้ว ส่งสายตามองไปทั่วร้าน อย่างมั่นใจในตัวเอง พราวตะวันมองตามอย่างหมั่นไส้ ก่อนที่จะหันมามองบดินทร์ ที่ยังหาวิธีหุบปากตัวเองไม่ลง





“นี่คุณ หุบปากได้แล้วค่ะ น่าเกลียด”

พราวตะวันแปลกใจตัวเอง ทั้งที่อารมณ์ขุ่นมัวสุด ๆ แต่ก็ยังพูดคะขา กับผู้ชายตรงหน้าได้

“ง่า...ครับ”

“คุณนี่จริง ๆ เลยนะ นั่งตัวลีบเชียว กลัวอะไรเขานักหนาคะ”

“ผมไม่ได้กลัวนะคุณ แต่...”

บดินทร์อ้ำอึ้ง นึกไม่ออกว่าจะใช้คำว่าอะไรดี กับความรู้สึกที่มีเวลาเจอมือตุ๊กแกของตวงพร

“ค่ะ คุณคงเหมือนพวกพระเอกละครไทยมั้งคะ ฉันก็นึกว่ามีแต่ในละครเสียอีก เพิ่งเคยเจอนี่แหละค่ะ ว่ามีจริง”

“โธ่...คุณ ผมก็แค่ไม่อยากให้เขาเสียน้ำใจ คุณตุ๊กเขาเดินแบบเครื่องประดับให้บริษัทผมด้วย อีกอย่างเขาก็ไม่ได้ทำอะไรเอ่อ...น่าเกลียด”

“แล้วไอ้ที่ทำท่าจะกระโดดกัดหูคุณเมื่อกี้ล่ะคะ”

“เฮ้ย ! คุณ เขาแค่...ง่า...”

พราวตะวันถอนใจ ปกติเคยเจอแต่ผู้ชายที่วิ่งใส่ผู้หญิง เพิ่งจะมีรายนี้แหละ ที่กลัว หญิงสาวบอกตัวเองว่านี่คงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ตัวเองนึกชอบผู้ชายตรงหน้า แม้จะแสดงท่าทีสนใจหล่อน แต่ก็พอเหมาะ ไม่มากจนเกินไปนัก

“เอาเถอะค่ะ สั่งอาหารเลยได้ไหมคะ ฉันหิว”

“เอาสิคุณ ร้านนี้ของเขาอร่อยทุกอย่าง ผมรับประกัน”

บดินทร์เริ่มยิ้มออก ดูผ่อนคลายขึ้นอีกครั้ง ยิ้มแบบนี้แหละน้า ที่ทำเอาใจของหญิงสาวละลายเป็นห้อง ๆ





“ตกลงแผนคุณว่าไงคะ เรื่องที่จะจับคู่ให้ยายวุ้น กับคุณปาล์ม”

พราวตะวันถามขึ้นเมื่อเห็นชายหนุ่มรวบช้อนส้อม

“ขั้นแรก ก็ต้องทำให้เขาสองคนพูดความจริงออกมากันให้ได้ก่อน”

“ก็รู้ล่ะค่ะ แต่จะทำยังไงล่ะ ยายวุ้นก็เหมือนนกรู้ หลบไปหลบมา ไม่ยอมมาตามนัดสักที ส่วนเพื่อนคุณเห็นว่าถ้าคุณยังไม่บอกความจริงก็ไม่กล้ามา”

บดินทร์พยักหน้าเบา ๆ สีหน้าครุ่นคิด

“เอาอย่างนี้ นัดครั้งต่อไปก่อนที่ผมกับนายปาล์มจะไปเชียงใหม่ ผมจะให้นายปาล์มไปด้วย ผมจะหลอกว่าจะพูดความจริงให้ แล้วให้เขาเข้ามาคุยกับคุณ...ผมหมายถึงคุณวุ้น”

“ถ้ายายวุ้นไม่ยอมไปล่ะคะ ฉันว่าเพื่อนฉันเบี้ยวอีกแน่ ๆ”

“คุณก็ไปแทน แต่คุณต้องทำท่าทีสนิทสนมกับผมมาก ๆ นะ แล้วผมก็จะทำเป็นหนักใจ ไม่กล้าบอกความจริง นายปาล์มจะได้อึดอัดมากขึ้น ถ้าเขากล้าพูดความจริงกับคุณเลย ก็จบ เราพาเขาไปหาคุณวุ้นกัน แต่ถ้าไม่ ค่อยคิดกันต่อว่าจะทำยังไง”

“คู่นี้เขาจะลงเอยกันไหมคะเนี่ย ยายวุ้นท่าทางชอบคุณมาก ตั้งแต่เจอคุณที่ร้านวันนั้นแล้ว”

“เพื่อนผมก็ชอบคุณมาก ถึงจะไม่ได้เห็นตัวคุณเลยก็เถอะ แต่อย่างที่บอกไงครับ มันก็แค่รูปลักษณ์ ไม่ใช่ชอบเพราะรู้จัก พูดคุยกันมานาน อย่างที่สองคนนั้นคิด”

พราวตะวันพยักหน้าเบา ๆ หลังจากนั้นทั้งสองนั่งนิ่งอย่างครุ่นคิด เวณิกาจะรู้สึกอย่างไรถ้ารู้ว่าผู้ชายที่ไปที่ร้านนั้นไม่ใช่ปริวัตร จะยังหลงใหลได้ปลื้มกับรูปลักษณ์ภายนอกของบดินทร์หรือไม่ เพราะถ้าจะมองกันจริง ๆ แล้วคนที่เวณิกาปักใจคือปริวัตร ไม่ใช่บดินทร์ แต่เวณิกาจะรับความจริงได้แค่ไหน นั่นเป็นเรื่องที่ต้องรอดูกันต่อไป

“ก่อนอื่น ผมคงต้องไปกระตุ้นคุณวุ้นที่ร้านสักหน่อย ก่อนวันนัดจริง สักวันสองวัน คุณหาเวลาเข้าไปที่ร้านนะ แล้วโทรบอกผม”





“ดีใจจังที่แพท มาได้ วันนี้ร้านเงียบจัง”

เวณิกายิ้มแย้มทักทายเมื่อเห็นพราวตะวันเปิดประตูเดินเข้ามาในร้าน

“เหนื่อยจะแย่ นี่อีกสองอาทิตย์ก็สอบแล้ว ขอหลบมาอ่านหนังสือในร้านวุ้นดีกว่า เย็นดี”

“แพทมาก็ดี ฉันจะได้ไม่เหงาไง”

เวณิการินน้ำให้อย่างเอาใจ

“แล้วช่วงนี้ไม่มีงานเหรอ”

“งดรับจ้ะ สองอาทิตย์ก่อนสอบ ไม่รับงาน เรามีเวลาอ่านหนังสือไม่เท่าคนอื่นเขา ขอเวลาอ่านนานหน่อยก่อนสอบ”

เวณิกาขยับแว่น สีหน้าที่มองเพื่อนสาวออกจะทึ่ง

“แพทนี่เก่งนะ เรียนไปทำงานไป เกรดยังอยู่ตั้งสามต้น ๆ ไม่เหมือนฉัน เรียนอย่างเดียวแท้ ๆ เกรดแค่ผ่าน”

พราวตะวันส่ายหน้า เมื่อเห็นเวณิกาทำท่าสลดลง เมื่อพูดถึงตัวเอง

“นี่...คนเราน่ะมีดีไม่เหมือนกันนะจ๊ะ มัวแต่มานั่งนึกน้อยใจอะไรอยู่ได้ เธอเองก็มีดีในแบบของเธอ ฉันก็มีในแบบของฉัน มันเทียบกันไม่ได้ เข้าใจไหม พูดถึงเรื่องนี้แล้ว นัดครั้งต่อไป วุ้นต้องไปให้ได้นะ ไปบอกความจริงกับคุณปาล์มเขาเอง”

เวณิกาพยักหน้าเบา ๆ แต่สีหน้ายังหนักใจ

“ฉันกลัวเขาจะโกรธ ที่ไปโกหกเขา”

พราวตะวันตั้งท่าจะพูดว่าอีกฝ่ายก็โกหกเหมือนกัน แต่นึกแล้วให้เพื่อนสาวรู้เองจะดีกว่า

“อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดนะวุ้น ทำแล้วก็ต้องยอมรับ จะให้ฉันสวมบทแทนวุ้นไปถึงไหนล่ะ วุ้นยอมรับความจริงเสียตอนนี้ จะได้รู้ ๆ กันไป”

หญิงสาวพูดเหมือนกับจะพูดกับตัวเองด้วย การจับคู่ครั้งนี้อย่างน้อยพราวตะวันจะได้รู้สึกผิดน้อยลง หากหล่อนกับบดินทร์คิดจะคบกันจริงจังขึ้นมาจริง ๆ เวณิกาก็ไม่ควรจะเคว้งคว้าง อย่างน้อยก็น่าจะได้รู้จักสนิทสนมกับปริวัตรบ้าง ที่จริงต้องบอกว่ารู้จักกันอย่างเป็นทางการมากกว่า เพราะทั้งคู่รู้จักสนิทสนมกันผ่านทางการสนทนาในอินเตอร์เน็ตอยู่แล้ว





บดินทร์ผลักประตูร้านเข้ามาในอีกไม่กี่อึดใจ พราวตะวันนั้นแอบนัดแนะกันไว้แล้วจึงไม่มีปฏิกิริยากระโตกกระตาก แต่เวณิกาที่โดนจู่โจมแบบไม่ตั้งตัวนั้น แทบจะทำถาดขนมที่กำลังจัดวางใส่ตู้หล่นโครม

“มาได้ไงเนี่ย ฉันไม่ได้นัดเขาไว้นะแพท ดีนะที่แพทอยู่”

“นี่ เพิ่งจะพูดอยู่เมื่อกี้นี้เอง ว่าจะให้บอกความจริงไง”

“ถ้าบอกแล้วเขาโกรธล่ะ แพทรับหน้าให้ก่อนได้ไหมขอเวลาฉันทำใจก่อนไม่ได้เหรอ”

เวณิกาต่อรอง หน้าซีดเผือด พราวตะวันจึงพยักหน้ารับช้า ๆ ตามแผนที่ตกลงไว้ ทั้งสองไม่คิดว่าเวณิกาจะเกิดกล้าขึ้นมาทันทีทันใดอยู่แล้ว

“สวัสดีค่ะ คุณปาล์ม”

กระดากพิกลที่ต้องเรียกบดินทร์ว่าปาล์ม อีตาปาล์มนี่ หน้าตาเป็นยังไงก็ยังไม่เคยจะเห็นสักที

“สวัสดีครับ คุณวุ้น”

แหม...นี่ถ้าพวกผู้จัดละครมาเห็น บดินทร์กับหล่อนน่าจะได้งานละครไม่ขาดมือ เพราะรับส่งกันดียิ่งกว่าพระนางวัยรุ่นที่เล่นละครกันให้เกร่อจอโทรทัศน์เสียอีก

“ลมอะไรหอบมาถึงนี่คะเนี่ย”

“ผมจะมาเตือนเรื่องนัดวันมะรืนครับ คุณแพ....เอ่อ คุณวุ้นลืมรึเปล่าครับ”

พราวตะวันลุ้นใจหาย กำลังนึกชมอยู่ในใจว่าเล่นละครเก่ง พระเอกก็ลืมบทเสียแล้ว ลืมชื่อนางเอกเสียด้วย

“วุ้นจะลืมได้ยังไงคะ จำได้ค่ะว่านัดกันไว้”

ปากรับคำว่านัดไว้ แต่ก็แอบหันมองกลับไปมองเวณิกาอย่างตั้งคำถาม อีกฝ่ายก้มหน้างุดไม่ยอมสบตา พราวตะวันแอบยิ้มกับบดินทร์ ชายหนุ่มเองรักษามาดเอาไว้ได้ค่อนข้างดี ถ้าไม่นับที่เกือบเรียกชื่อหล่อนผิดเมื่อครู่

“แล้ววันนี้ที่ร้านคนไม่เยอะเหรอคะ”

“โอ๊ย...ขายหมดตั้งแต่บ่ายแล้วครับ อยากมาหา ไม่รู้เป็นอะไรคิดถึงคุณวุ้นเหลือเกิน”

บดินทร์ทำตามแผน คลั่งไคล้ ‘คุณวุ้นตัวปลอม’ หวังให้เวณิกาเกิดลูกฮึดขึ้นมาบ้าง แต่เมื่อลอบมองไปทางเวณิกาปรากฏว่าหญิงสาวยังก้มหน้าก้มตาจัดขนมในตู้ ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมองเลย ชายหนุ่มจึงเอื้อมมือไปกุมมือพราวตะวันไว้

หญิงสาวเกือบร้องจ๊ากเมื่อบดินทร์เล่นนอกบท แต่พออีกฝ่ายหลิ่วตาให้ ก็นึกได้ ทำท่าทางสะเทิ้นอาย

“คุณปาล์มนี่ ปากหวานเชียวค่ะ”

แอบเหลียวไปมองนิด ๆ ก็ยังเห็นเวณิกาจัดขนมอยู่ เด็กบ๊วยมองมาอย่างงง ๆ ก่อนที่เวณิกาจะพยักเพยิดให้เด็กสาวหลบไปหลังร้าน

พราวตะวันพูดเบา ๆ ให้ได้ยินกันแค่สองคน

“หวานน้อย ๆ หน่อยก็ได้ค่ะ ฉันว่าจะฟาล์วซะเปล่า ๆ ยายวุ้นคงไม่ลุกมาเต้นแน่ ๆ เก็บแรงไว้คราวหน้าจะดีกว่า”

“นี่กำลังว่าจะชวนคุณวุ้นไปเดินเลิกซื้อของขวัญอยู่พอดีครับ ผมซื้อของขวัญให้คุณแม่ทุกปี จนเลือกไม่ค่อยจะถูกแล้ว”

“คะ”

พราวตะวันอึ้งอีกครั้ง เพราะบดินทร์เล่นนอกบทกันจะจะ เพราะตกลงกันไว้ว่าแค่จะมาหวานโชว์เวณิกาเท่านั้น ไม่ได้นัดหมายไว้ว่าจะออกไปไหนกันต่อ

“อย่าปฏิเสธนะคุณเสียแผนหมด”

บดินทร์แอบกระซิบไม่เปิดปาก พราวตะวันบอกไม่ถูกว่าทำไมถึงไม่โมโหที่โดนมัดมือชก ลองไปดูสักทีไม่เสียหลาย เอ...หรือว่าหล่อนเองก็อยากไปอยู่เหมือนกัน

“ร้ายนะคุณ มัดมือชกนี่นา”

ปากต่อว่า ว่าชายหนุ่มตรงหน้าร้าย แต่ทำไม พอมองรอยยิ้มของบดินทร์แล้ว พราวตะวันพาลจะใจอ่อนเสียก็ไม่รู้ จึงพยักหน้าเบา ๆ เดินไปที่เคาน์เตอร์ซึ่งเวณิกาเพิ่งจะไปนั่ง

“เอาไงวุ้น จะบอกความจริงกับเขาเสียตอนนี้ไหม ไม่แน่นะ เขาอาจจะชวนวุ้นไปแทนเราก็ได้”

ถามไปทั้ง ๆ ที่รู้คำตอบ เวณิกาไม่กล้าแน่

“ไม่เอา แพทไปแหละดีแล้ว ฉันขอเวลาทำใจหน่อยนะ นะแพท...อีกอย่างดูท่าทางเขาจะชอบแพทจริง ๆ เสียด้วย ฉันกะแล้วว่าอย่างฉันคงไม่มีใครชอบ”

ประโยคหลังเวณิกาพูดแล้วก้มหน้างุด ความไม่มั่นใจในตัวเองมีมาก ยิ่งเมื่อมักเทียบตัวเองกับพราวตะวันด้วยแล้ว เวณิกายิ่งรู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่าเพื่อนมาก

“ฉันจะพูดเรื่องนี้กับเธอทีหลังนะวุ้น เธอไม่ได้ด้อยไปกว่าใครแน่ ๆ ฉันรับรองได้ เฮ้อ... แผนอ่านหนังสือของฉันต้องพับกลับบ้าน เพราะคุณปาล์มของเธอคนเดียวแท้ ๆ”

พราวตะวันเน้นย้ำชื่อ ‘คุณปาล์ม’ ก่อนที่จะหันไปมองหันต้นเหตุที่นั่งยิ้มเล็กน้อย ทำท่าทางไม่สนใจ ก่อนที่จะลุกเดินมาหาสองสาว

“เป็นไงครับ คุณแพท ผมเห็นมาเฝ้าร้านให้คุณวุ้นทุกวัน”

“เอ่อ...ก็ดีค่ะ”

เวณิกาไม่กล้ามองสบตา เห็นชายหนุ่มมองพราวตะวันด้วยแววตาเป็นประกาย แล้วต้องก้มหน้าหลบ ซ่อนความรู้สึกบางอย่างไว้

“ผมคงต้องขอคุณแพทช่วยดูร้านแทนคุณวุ้นหน่อยนะครับ จะยืมตัวไปเดินซื้อของด้วยน่ะครับ”

“ตามสบายค่ะ”

“งั้นไปครับ คุณวุ้น”

เมื่อเพื่อนสาวกับชายหนุ่มเดินออกไปจากร้านแล้ว เวณิกาถึงได้เงยหน้าขึ้นมอง เห็นแต่หลังของคู่หนุ่มสาวเดินลับไปไวไว เวณิกาถอนใจหนักหน่วง



กมลภัทร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 พ.ย. 2555, 15:05:55 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 พ.ย. 2555, 15:08:54 น.

จำนวนการเข้าชม : 1548





<< ตอนที่ 3   ตอนที่ 5 >>
กมลภัทร 24 พ.ย. 2555, 15:07:52 น.
lovemuay >>>> ^_^!

dee_jung >>>> 555


lovemuay 24 พ.ย. 2555, 18:32:57 น.
อ่านะ แล้วก็ยังไม่กล้าบอกเหมือนเดิม


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account