ลิขิตรักในสายลม # จุฬามณี
รัก หวานๆ ขม ของสาวไทยกับหนุ่มมาเลย์
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: 2.2

เขาวางแก้วกาแฟลงพร้อมกับจานใส่เค้กพลางร้องทักหญิงสาวที่สวมแว่นตาสีชาปกปิดดวงตาคู่สวยด้วยความรู้สึกประหลาดใจหนักเข้าไปอีก...“สวัสดีครับ...”

“สวัสดีค่ะ”

“มาคนเดียวเหรอครับ” เขาถือวิสาสะทรุดตัวลงนั่งพลางเอ่ยถามตามมารยาทและขวัญชีวีก็ผายมือไปที่เคาน์เตอร์ หลินฮันหมิงมองตามไปจึงได้เห็นว่าผู้ชายคนหนึ่งตัวป้อม ๆ กำลังยืนสั่งอาหารและเครื่องดื่ม...และเขาก็มั่นใจว่าผู้ชายคนนั้นไม่ใช่แฟนของขวัญชีวีแน่ ๆ

“โลกกลมจังเลยครับ”

“ค่ะ...มาคนเดียวเหรอคะ” แรกทีเดียวเขาคิดว่าขวัญชีวีจะเชิดใส่ ดีแต่ว่ายังมีคำถามถัดมาที่ทำให้เขาไม่รู้สึกเก้อเขิน...

“ครับผม ผมมาคนเดียว” เขาใช้หลอดกระแทกกาแฟเย็นในแก้วไปพลาง

“ขอโทษนะคะ คุณมาร์คพูดไทยชัดทีเดียว ถ้าไม่บอกว่าเป็นชาวต่างชาติอย่างไรขวัญก็ไม่เชื่อ..” ระหว่างที่คุยกับเขาขวัญชีวีก็พินิจพิจารณาใบหน้าขาวอินเทรนด์แบบพระเอกเกาหลีซึ่งมีดวงตาสีน้ำเงินเข้มไปด้วย...ขวัญชีวียอมรับว่าเพื่อนชายคนนี้ของวิศรุตหน้าตาดีทีเดียว และถ้าอายุอานามของเขาน้อยกว่านี้ วงการบันเทิงไทยคงจะได้ต้อนรับเขาแน่ ๆ

“คุณขวัญทายซิครับว่าผมมาจากประเทศไหน”

“ฮ่องกงหรือเปล่าคะ”

“มาแล้ว ๆ ...” เสียงของกนกอรที่ถือถาดเครื่องดื่มพร้อมกับขนมเข้ามาดังขัดจังหวะ และกนกอรก็ยิ้มแย้มให้กับคนที่นั่งอยู่กับขวัญชีวีที่ตัวเองก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร โดยสีหน้าของกนกอรนั้นมีคำถามให้ขวัญชีวีต้องตอบด้วย

“มิสเตอร์มาร์คค่ะ” ขวัญชีวีแนะนำคนที่นั่งร่วมโต๊ะให้ผู้จัดการส่วนตัวได้รับรู้

“ผมมาร์คครับ” หลินฮันหมิงแนะนำตัวเองอย่างที่ขวัญชีวีแนะแนะอีกครั้ง และเขาก็เพิ่งรู้ตัวว่า เขามองคนผิดอีกแล้ว จากที่คิดว่าเป็นผู้ชาย คนผมสั้นดูห่าม ๆ ที่นั่งอยู่ตรงหน้านี่กลับเป็นผู้หญิง เป็นผู้หญิงที่เหมือนผู้ชายแบบนี้น่าจะเรียกว่า ‘ทอมบอย’ แต่พอเห็นสายตาของหญิงสาว เขาก็มั่นใจว่า เธอไม่ใช่พวกรักร่วมเพศอย่างแน่นอน

“ฉันกนกอรค่ะ เป็นผู้จัดการส่วนตัวของขวัญชีวี”

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ”

“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ” กนกอรโปรยยิ้มพลางยกแก้วกาแฟเย็นให้ขวัญชีวี สองสาวยกแก้วขึ้นมาใช้หลอดดูดกาแฟเข้าปาก ช่วงนั้นหลินฮันหมิงก็ไม่ได้ชวนคุย ปล่อยให้ความเงียบครอบงำ โดยที่เขาไม่ได้รู้สึกอึดอัด มีเพียงความลิงโลดใจเกิดขึ้นมาอย่างยากระงับ...

และยังไม่ทันที่เขาจะเอ่ยปากชวนขวัญชีวีคุยกันต่อ โทรศัพท์ในกระเป๋าสะพายข้างตัวของหญิงสาวที่เพียงปรายตาไปดูเขาก็รู้ว่าเป็นของแท้แบรนด์นอกสมฐานะก็ดังขึ้น

ขวัญชีวีรีบเปิดกระเป๋า ควานหาโทรศัพท์มือถือรุ่นทันสมัยที่สุดมากดรับสายในทันที....

“อ้อ ขวัญอยู่ชั้นสามค่ะ...พี่ปุ้มถึงไหนแล้วคะ...โอเคค่ะ งั้นเดี๋ยวเจอกันที่ร้านเดิมค่ะ...ค่ะ ๆ พี่อรอยู่ด้วย แล้วเจอกันค่ะ” ตัดบทด้วยเสียงหวาน ๆ แล้วขวัญชีวีก็ยิ้มให้หลินฮันหมิงตามมารยาทก่อนจะหยักหน้าเป็นเชิงรู้กันกับกนกอร...

สองสาวขอตัวลุกไปแล้ว โดยหาได้รู้สักนิดว่าจิตใจของหลินฮันหมินนั้นถูกหญิงสาวนามขวัญชีวีหยิบฉวยไปด้วย....


หลังจากที่หมดคิวถ่ายทำในวันนี้แล้วณิชกานต์อดีตนางเอกนำเดี่ยวที่ถูกลดบทบาทมาเป็นนางเอกสมทบกึ่งๆ ตัวร้ายในเรื่องลานลูกไม้ก็เดินเตร็ดเตร่เข้าร้านโน้นออกร้านนี้เช็คเรตติ้งดูว่ามีคนสนใจมองมาหาเธอด้วยความสนใจบ้างหรือไม่

...และขณะที่ยืนเลือกกระเป๋าถือยี่ห้อดังอยู่ในช็อปหรู ที่หางตาของณิชกานต์ก็รู้สึกว่ามีชายรูปงามคนหนึ่งเดินผ่านช็อปที่ตัวเองยืนอยู่ ณิชกานต์หันไปมองเขาทันที เพียงเห็นใบหน้าด้านข้างกับทรงผม ส่วนสูงหุ่นก้านและการแต่งกายของเขา ณิชกานต์ก็มั่นใจว่าเขามีดีพอที่จะให้เธอเดินเข้าไปทำความรู้จัก ณิชกานต์วางกระเป๋าลงแล้วเดินออกจากร้านโดยไม่ได้เห็นสีหน้าของพนักงานที่เบ้หน้าไล่หลัง

พอออกจากร้านกระเป๋ามาแล้ว ณิชกานต์ก็เห็นว่าหลินฮันหมิงเดินเลี้ยวขวาเข้าทางเดินแคบ ๆ ระหว่างร้านเสื้อผ้าสองร้านไปยังห้องน้ำที่อยู่ด้านใน และอึดใจใหญ่ ๆ พอเห็นว่าเขาเดินออกมาจากห้องน้ำอยู่ระหว่างช่องทางเดินแคบ ๆ ณิชกานต์ก็รีบสาวเท้าเดินสวนเข้าไป

แรงปะทะนั้นทำให้โทรศัพท์ในมือของณิชกานต์หลุดจากมือกระเด็นลงพื้นจนกระทั่งชิ้นส่วนแตกออกจากกัน นอกจากนั้นณิชกานต์ยังล้มลงไปร้องโอดครวญกระทั่งหลินฮันหมิงต้องรีบก้มลงประคองหญิงสาวให้ลุกขึ้นยืน และพอณิชกานต์ลุกขึ้นมาแล้ว เขาก็ตามไปไล่เก็บชิ้นส่วนโทรศัพท์มือถือของหญิงสาวมาคืนให้...

“เจ็บขาจังเลยค่ะ” ณิชกานต์ทำท่าจะทรุดตัวลงนั่งคลำที่ข้อขาข้างซ้ายตัวเอง..แต่ว่าหลินฮันหมิงก็รีบประคองร่างบอบบางไว้ โดยที่ชิ้นส่วนโทรศัพท์มือถือของหญิงสาวก็ยังอยู่มือของเขา

“ผมขอโทษครับ ผมไม่ทันได้มอง เจ็บมากไหมครับ”

“ไม่เป็นไรค่ะ นิดซุ่มซ่ามเองค่ะ” ว่าพลางณิชกานต์ก็รับชิ้นส่วนโทรศัพท์ที่ยังไม่ได้ประกอบกลับเข้าที่หย่อนลงกระเป๋าที่สะพายไหล่อยู่ สีหน้านั้นบ่งบอกให้รู้ว่าเธอเจ็บขาจนหลินฮันหมิงรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก

“คุณนิดจะไปห้องน้ำใช่ไหมครับ” หลินฮันหมิงพอรู้อยู่บ้างว่าคนไทยนั้นนิยมเอ่ยชื่อเล่นของตัวเองแทนคำว่ า ‘ฉัน’ และถ้าคู่สนทนาเอ่ยชื่อตัวเองออกมาแบบนี้ เขาก็จำต้องเอ่ยชื่อนั้นตอบกลับไปประหนึ่งว่าได้รับการแนะนำตัวอย่างเป็นทางการแล้ว

“ไม่ปวดห้องน้ำแล้วค่ะ ตอนนี้นิดปวดขา ปวดขามากเลย”

“ไปหาหมอไหมครับ” เขากุลีกุจอเอาใจใส่

“พักสักครู่ก็คงจะดีขึ้นค่ะ น่าจะแค่ขาแพลง...หาที่นั่งก่อนค่ะ” เขาประคองหญิงสาวไว้พลางสอดส่ายสายตามองหาที่นั่งพักริมทางเดิน แต่ว่าห้างหรูแห่งนี้ก็หาได้มีที่นั่งพักขาสำหรับนักช็อป เขาหันซ้ายหันขวา เหลือบไปเห็นร้านอาหารญี่ปุ่นที่ตั้งอยู่ไม่ไกลนัก...

“คุณนิดพอจะเดินไปร้านนั้นไหวไหมครับ”...

“ไหวค่ะไหว”...


พอได้เดินเคียงคู่กับเขาโดยเกาะแขนกำยำของเขาแบบคนขาแพลงแล้วริมฝีปากของณิชกานต์ก็แย้มเพราะแผนจับผู้ชายสำเร็จอย่างที่ได้คาดการณ์ไว้...และพอเดินไปถึงหน้าร้านณิชกานต์ก็กวาดสายตาไปในร้านมองหาโต๊ะว่างสำหรับการทำความรู้จักเขาให้ดียิ่งขึ้น

...และเหมือนจะเป็นลิขิตจากฟ้าเพราะสายตาของณิชกานต์เหลือบไปเห็นว่าที่โต๊ะมุมหนึ่งของร้านมีขวัญชีวีนั้นนั่งเคียงคู่อยู่กับปวุฒิเพื่อนดาราชายที่เธอพยายามทอดสะพานให้เขาตั้งหลายหนแต่ว่า ปวุฒินั้นหาได้คิดก้าวเดินมาบนสะพานที่ทอดไว้รอ.. ส่วนกนกอรที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วยนั้นก็เป็นคู่ปรับกับบุษยาผู้จัดการส่วนตัวของเธอ กี่งานแล้วที่กนกอรสามารถปาดหน้าเอางานไปให้เด็กในสังกัดตัวเองได้...
เมื่อเห็นลูกค้ามาชะเง้ออยู่หน้าร้าน พนักงานต้อนรีบกรากมาทำหน้าที่....

“ขอโต๊ะนั้นแล้วกันค่ะ” ณิชกานต์จงใจเลือกโต๊ะที่อยู่ในสายตาของขวัญชีวีและปวุฒิ...และเมื่อจะทรุดตัวลงนั่งโดยที่ผู้ชายที่มากับเธอเป็นคนเลื่อนเก้าอี้ให้ ขวัญชีวีกับปวุฒิก็เงยหน้าขึ้นมาเห็นณิชกานต์ในทันที..

ณิชกานต์ยิ้มให้ทั้งคู่...แล้วก็เอ่ยปากขอบคุณชายหนุ่มรูปงามที่ตัวเธอเองก็ยังไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร...แต่จากเปลือกที่ห่อหุ้มตัวเขากับกลิ่นน้ำหอมเย้ายวนอารมณ์...ณิชกานต์มั่นใจว่าเขามีดีพอที่เธอจะอวดใครต่อใครในช่วงเวลาที่เธอยังว่างเว้นจากคู่ควงได้อย่างแน่นอน...

พอเห็นสายตาของปวุฒิกับขวัญชีวีที่มองไปยังจุดโฟกัสกนกอรก็เหลียวหลังกลับไปมองบ้าง และพอเห็นมิสเตอร์มาร์คชายหนุ่มที่เธอกับขวัญชีวีเพิ่งแยกตัวออกมา เข้ามานั่งอยู่ในร้านอาหารญี่ปุ่นพร้อมกับณิชกานต์ กนกอรถึงกับยกไหล่ขึ้นแล้วก็บอกว่า

“อั้ยยะ มาด้วยกันได้อย่างไรละเนี่ย”

“ใครเหรอครับ” ปวุฒินั้นรู้จักณิชกานต์เป็นอย่างดี...แต่ชายหนุ่มหน้าตาดีคนนั้น กับน้ำเสียงของกนกอรที่เปล่งออกมานั้น เหมือนว่าทั้งกนกอรกับขวัญชีวีจะรู้จักหมอนั่นมาก่อน ซึ่งความรู้สึกหึงหวงก็แล่นเป็นริ้ว ๆ เข้ามาสู่ใจของปวุฒิในทันที

“เพื่อนพี่วิศรุตค่ะ” ขวัญชีวีชิงตอบเสียเอง...

“เพื่อน?” น้ำเสียงของปวุฒิบ่งบอกอารมณ์ว่าหึงหวงอย่างยากระงับทั้งที่เขานั้นไม่มีสิทธิ์ทำแบบนั้น แต่ว่าเขาก็หักห้ามความรู้สึกของตัวเองไม่ได้...

ปวุฒิกับขวัญชีวีมีผู้จัดการคนเดียวกัน ดังนั้นทั้งคู่จึงทำข้อตกลงช่วยเหลือเกื้อกูลงานในวงการบันเทิงของกันและกัน เพื่อให้มีกระแสให้นักข่าวหยิบไปพูดถึง...ทั้งคู่ตกลงเป็นแฟนกันอย่างหลอก ๆ หรือจะเรียกว่ารักโปรโมต เพื่อให้สื่อมวลชนกับคนทั้งประเทศรับรู้ ชื่นชม เอาใจช่วยให้ทั้งคู่ลงเอยด้วยการแต่งงานกันในที่สุด

... ทั้งที่ความจริงแล้วหัวใจของขวัญชีวียังว่างเปล่า ส่วนปวุฒินั้นพยายามใช้โอกาสนี้ทำคะแนนพิชิตใจของขวัญชีวีมาโดยตลอด แต่ว่าขวัญชีวีวางตัวเสมอต้นเสมอปลายตามข้อตกลง ซึ่งปวุฒิก็รู้ดีว่า วันหนึ่งในอีกไม่กี่วันข้างหน้า นักข่าวจะต้องได้ข่าวร้างราของเขากับขวัญชีวีอย่างแน่นอน

“ชาวต่างชาติค่ะ เมื่อคืนนี้ขวัญเจอที่งานวันเกิดของวรรณ...”

“ชาติไหนเหรอ”

“ขวัญรู้แค่นั้นค่ะ”

“แต่เดี๋ยวอีกไม่กี่วันเราก็คงจะรู้มากกว่าที่รู้อย่างแน่นอน...เชื่อพี่” กนกอรเสริมเข้ามา และขวัญชีวีก็รู้สึกว่าอาหารญี่ปุ่นตรงหน้ามันไม่น่ากินเหมือนตอนที่บริกรนำมาเสิร์ฟเสียแล้ว...









จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 พ.ย. 2555, 14:32:57 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 พ.ย. 2555, 14:32:57 น.

จำนวนการเข้าชม : 1975





<< 2.1   3. >>
จุฬามณีเฟื่องนคร 25 พ.ย. 2555, 14:33:16 น.
ขอบคุณจากทุก ๆ กำลังใจนะครับ


คิมหันตุ์ 25 พ.ย. 2555, 15:48:43 น.
เอ๊า...มิได้เป็นแฟนกันจริงๆนี่นา แบบนี้คุณฮันหมิงก็ทางสะดวกโยธิน


Orathai 27 พ.ย. 2555, 17:34:39 น.
ฮันหมิงจะรู้ทันเขาไหมเนี่ย


loveleklek 28 พ.ย. 2555, 08:44:12 น.
ตามมาอ่าน


Zephyr 1 ธ.ค. 2555, 00:21:08 น.
อ้าว ตาฮันหมิง เค้ารักโปรโมตเฉยๆ มาโฉบขวัญไปได้เลย
อย่าโฉบผิดตัวสิ ไม่ต้องแมนขนาดนั้นก็ได้ ขัดตาขัดใจ ฮึ่ยยยย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account