นิยามรักหัวใจร็อค ภาค 2 (นิยามรักของเจ้าชายเย็นชา)
เรื่องราวของอีริค หนุ่มลูกครึ่งฮ่องกงอังกฤษ ที่แสนจะเงียบขรึม คนที่เป็นหัวใจหลักของการทำงานดนตรีของ Evasion ผู้มีความหลังอันลึกลับ และขมขื่น ....
Tags: สิรินดา, นิยามรัก, หัวใจร็อค, แจ่มใส, ภาค 2,นิยาย, sirinda, jamsai, novels, love story, อีริค
ตอน: 29: ถึงอย่างไร ก็ต้องมีการจากไป
ตรัยหัวหน้าการ์ดที่รับผิดชอบดูแลความปลอดภัยของอีริคแอบคิดว่า ผ่านเวลาเกือบหนึ่งอาทิตย์ไปอย่างรวดเร็วนับแต่รมิดาเข้ามาดูแลมือกีตาร์วง Evasion เขาไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะพยาบาลพิเศษของอีริคทำงานได้ดีเกินคาดหมาย หรือเธอทำงานไม่ได้เรื่องจนทุกอย่างปั่นป่วนวุ่นวายกันไปหมดแน่ เพราะตรัยจะได้ยินเสียงอีริคโวยวายเกี่ยวกับการทำงานของรมิดาเป็นระยะๆ ทุกวัน และเกือบจะทุกเวลา
สิ่งที่เขาเห็นว่าเป็นเรื่องดี ก็คือบรรยากาศในห้องพักผู้ป่วยดูมีชีวิตชีวากว่าที่มันเคยเป็น ไม่ได้แห้งแล้ง น่าเบื่อ และเครียดขึงอยู่ตลอดเวลาเหมือนตอนที่อีริคอยู่กับพยาบาลพิเศษจากโรงพยาบาลที่จ้างมาดูแลเมื่อก่อนนั้น
ถึงแม้อีริคไม่ชอบหนังสือนิยายที่หญิงสาวคนนั้นอ่านให้ฟัง บ่นว่ามันเป็นเรื่องแสนจะน้ำเน่า ไร้สาระ พอเธอเปลี่ยนไปอ่านปรัชญาศาสนา เขาก็ว่าเนื้อหามันบ้าศีลธรรมจนเกินไปเหมือนคนแก่ พอเธอเปลี่ยนเป็นเรื่องเกี่ยวกับดนตรี เขาก็บ่นว่าเธอไม่เข้าใจเนื้อหามากพอ อ่านผิดๆ ถูกๆ แต่หญิงสาวกลับทำเหมือนคำบ่นเหล่านั้นเป็นเรื่องที่ผ่านหูซ้ายทะลุหูขวาไปซะอย่างนั้น
เธอตอบโต้ทุกเสียงบ่นนั้นตามวิธีการของเธอย่างมุ่งมั่น เจ้าตัวดึงดันอ่านนิยายเล่มบางๆ นั่นจนจบ อ่านปรัชญาศาสนาตอนบ่ายที่ให้เขานอนพัก แล้วก็อ่านข่าวคราวเกี่ยวกับดนตรีให้เขาฟังหลังอาหารเย็นทุกวัน ไม่สนใจว่าคนฟังจะทำหน้าบูดเบี้ยว มึนตึงอย่างไร
ส่วนเรื่องอาหาร ชายหนุ่มออกปากติอาหารเกือบทุกจานที่ริมดาสั่งมาให้ พอให้สั่งเอง เขาก็บอกว่าไม่รู้จะสั่งอะไรมากินดี ในที่สุดก็ยกหน้าที่ให้รมิดาสั่งอีกเหมือนเดิม
สำหรับอาการป่วยของอีริค แผลไฟใหม้ และแผลที่ได้รับจากอุบัติเหตุ ดีขึ้นจนแทบจะหายสนิทแล้ว เขาสามารถเดินไปในระยะใกล้ๆ ได้ อาบน้ำได้เอง โดยมีคนพาไปที่ห้องน้ำเท่านั้น
ตอนนี้หญิงสาวพาตัวเองมาอยู่ห้องพักสำหรับญาติ ซึ่งเป็นห้องเล็กๆ ภายในห้องซึ่งอีริคพักอยู่ ตรัยรู้สึกได้ว่าเธอใช้ความพยายามอย่างมากที่จะเอาใจอีริคที่กลายเป็นผู้ชายเรื่องมากไปแล้ว
ถึงแม้จะต่อล้อต่อเถียงกับอีริคทุกเรื่อง ตรัยยังแอบเห็นเธอถอนหายใจบ่อยๆ บางทีหลังจากคนป่วยนอนหลับไปแล้ว เธอยังออกไปเดินเล่น หรือคุยโทรศัพท์อีกจนดึกกว่าจะนอนพักผ่อน
ครบวันที่เจ็ดของการดูแลคนป่วย รมิดาลุกมาอาบน้ำแต่งตัวแต่เช้ามืด อิริคยังไม่ตื่น เพราะทุกคืนก่อนนอน หมอจะให้ยานอนหลับอ่อนๆ เพื่อให้ชายหนุ่มได้พักผ่อนอย่างเต็มที่พร้อมสำหรับการผ่าตัดในอีกไม่กี่วัน
“คุณตรัยคะ ตั้งแต่วันนี้ฉันขอฝากคุณอีริคด้วยนะคะ”
“อ้าว...คุณจะไปไหนครับ”
“เอ่อ ไปธุระสำคัญ อาจจะไม่กลับมาในวันสองวันนี้ค่ะ…”
หรือหญิงสาวคนนี้จะหมดความอดทนกับมือกีตาร์เรื่องมากคนนี้แล้ว การ์ดประจำตัวของอีริคคิด
“เอ่อ ถ้าเขาถามถึง ก็บอกว่าฉันไปธุระนะคะ ไม่อยากบอกเขาก่อน เพราะว่า ขี้เกียจโดนบ่นอีก”
“ก็...ครับ”
ตรัยพอจะรู้มาว่าหญิงสาวร่างเล็ก ผมซอยสั้นหยกศก หน้าตาน่ารักคนนี้เป็นใคร เขาจึงสรุปความสั้นๆ ตามที่ตนเองคิดว่า คนสวย รวย และน่าจะไม่เคยทำงานหนักอะไรเลยคนนี้ คงทนความร้ายกาจของคนไข้ไม่ได้แล้วแน่ๆ จึงหาเรื่องที่จะไปทำธุระนอกโรงพยาบาล และน่าจะมีแนวโน้มว่าเธอจะไม่กลับมาอีก
ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้...
“ฉันขอเบอร์มือถือของคุณไว้ได้ไหม”
“ได้ครับ”
“ขอบคุณค่ะ ฉันอาจโทรถามข่าวคราวของเขาบ้างนะคะ”
“ครับ” ตรัยตอบได้แค่นั้น
รมิดามีชายหนุ่มร่างสูงหน้าตาดีมารับถึงที่ ตรัยแอบสงสัยว่าจะเป็นคู่รักของเธอหรือเปล่า
มีพยบาลคนใหม่เข้ามาทำหน้าที่แทนรมิดา ส่วนอีริค เมื่อได้ข้อมูลจากพยาบาลคนใหม่ ว่าจะมาแทนรมิดา เขาก็ไม่ถามถึงหญิงสาวคนที่หายไปสักคำ ไม่ว่าพยาบาลจะทำอะไร เขาก็จะทำตามโดยง่ายผิดกับตอนรมิดายังอยู่ลิบลับ
ตรัยสังเกตเห็นว่าชายหนุ่มเอาแต่อีริคนอนนิ่งๆ บนเตียงเกือบทั้งวัน เขาฟังหมอมาตรวจและสรุปผลการเตรียมการผ่าตัดอย่างนิ่งๆ ไม่ออกความเห็น
“ถ้าอย่างนั้น พรุ่งนี้เราจะผ่าตัดกันนะครับ”
คนป่วยพยักหน้า
“มีอะไรห่วงหรือเปล่าครับ”
“ไม่นี่”
“โอเค ถ้าอย่างนั้น เราจะเตรียมตัวคุณตั้งแต่คืนนี้สำหรับการผ่าตัดต่อไป ถ้าทุกอย่างเรียบร้อยดี ตาของคุณน่าจะมองเห็นได้เร็วๆ นี้อย่างแน่นอน”
“ก็ดีครับ หลังผ่าตัดแล้วกี่วันมันถึงจะดีเหมือนเดิม หมอบอกได้ไหม ผมเบื่อที่จะนั่งๆ นอนๆ เต็มที”
“ผมเข้าใจครับ แต่ยังบอกไม่ได้ น่าจะเป็นอาทิตย์หรือมากกว่านั้น แล้วพบกันในห้องผ่าตัดพรุ่งนี้ก็แล้วกัน”
หมอสั่งทีมพยาบาลที่เข้ามาฟังคำสั่งหมอสำหรับเตรียมผ่าตัด ก่อนจะเดินออกไป พร้อมทีมพยาบาลส่วนใหญ่
ตรัยถูกเรียกเข้ามาเมื่อเกือบหนึ่งทุ่มในวันนั้น
“ผู้หญิงคนนั้นหายไปไหน นายรู้หรือเปล่า”
คนฟังลอบยิ้ม
“เธอบอกว่าไปทำธุระสำคัญครับ”
“หมายความว่า เขาจะไม่กลับมาแล้ว…ใช่ไหม”
ตรัยอยากให้ตัวเองสามารถมองเห็นดวงตาภายใต้ผ้าพันแผลของอีริคได้นัก จะได้รู้ว่าจริงๆ แล้วคนถาม ถามด้วยความรู้สึกแท้จริงอย่างไรกันแน่ สมน้ำหน้า หรือว่าห่วงหาอาทร
“เอ่อ…ผม ไม่ทราบครับ”
“….”
บรรยากาศเงียบสนิท เหมือนมีช่องว่างอันกว้างใหญ่ระหว่างตรัยและคนที่นอนอยู่บนเตียง
“คุณอีริคอยากได้อะไรไหมครับ หรือโทรหาใคร ผมจะ…”
“ไม่ต้อง ฉันขอฟังวิทยุ ช่วยยกมันมาให้หน่อย”
“ครับ”
หลังจากนั้น ชายหนุ่มก็นอนฟังข่าวคราว และรายการเพลงภาคภาษาอังกฤษเงียบๆ
......
วันต่อมา เป็นวันที่วุ่นวายสำหรับทีมผ่าตัด อีริคถูกนำตัวออกจากห้องพักไปเตรียมตัวผ่าตัดแต่เช้า แพทย์ใหญ่เจ้าของใข้เชิญแพทย์ที่มีความชำนาญพิเศษด้านดวงตามาสำหรับงานนี้โดยเฉพาะ ทีมแพทย์มีการประชุมเตรียมการการผ่าตัดก่อนดำเนินการทางออนไลน์มาสองครั้งแล้ว และก่อนผ่าตัดจริงก็มีการประชุมร่วมกันอีกหนึ่งครั้ง
การผ่าตัดใช้เวลากว่าสามชั่วโมง คนไข้ถูกนำไปพักฟื้นอีกกว่าชั่วโมงกว่า และทีมพยาบาลเตรียมพร้อมนำคนป่วยกลับมาที่ห้องพักตามมาตรฐานปกติที่โรงพยาบาลเคยดำเนินการ
“เดี๋ยวก่อน” นายแพทย์ใหญ่เดินเข้ามาในห้องพักฟื้นคนป่วยหลังผ่าตัด
“การหายใจของเขายังไม่ปกติ แอทมิดไว้ที่นี่ก่อนสักคืน เพราะอุปกรณ์พร้อมกว่า เตรียมพร้อมการดูแลให้ดีที่สุดนะ ผมต้องไปโทรแจ้งคุณอีวาน ผู้จัดการวงก่อน เดี๋ยวจะกลับมาดูคนไข้ให้อีกที”
รมิดาโทรเข้ามาหาตรัย และได้ข้อมูลแค่ว่าอีริคถูกนำตัวไปผ่าตัดตั้งแต่เช้า และยังไม่ถูกนำกลับมาจนเย็น
“การผ่าตัดเป็นอย่างไรบ้างคะ คุณทราบหรือเปล่า” น้ำเสียงของหญิงสาวบ่งบอกความห่วงใยอย่างเห็นได้ชัด
“ผมไม่ทราบเลยครับ คุณอาจจะต้องโทรไปถามคุณอีวาน”
“ได้ค่ะ เอ่อ ฉันยังติดธุระอยู่ต่างจังหวัด คิดว่าพรุ่งนี้คงกลับได้นะคะ”
“ครับ ถ้าคุณอีริคกลับมา ผมจะบอกให้”
“เอ่อ…ไม่ต้องดีกว่าค่ะ อย่าบอกเลย เดี๋ยวกลับไป ฉันไปคุยกับเขาเอง”
“ก็ได้ครับ ตามนั้น”
แต่จนแล้วจนรอด รมิดาก็ยังไม่กลับเข้ามาโรงพยาบาลในวันรุ่งขึ้น ในขณะที่อีริคถูกนำกลับมาที่ห้องพักส่วนตัวแล้ว
เขายังมี่ผ้าพันแผลพันรอบดวงตาพาดไปรอบศรีษะ ถึงแม้จะฟื้นตัวทีละนิด แต่เจ้าตัวแทบจะไม่พูด
บรรยากาศทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนก่อนที่รมิดาจะเข้ามาดูแลคนป่วย รอบตัวดูเงียบเชียบ ไร้ชีวิตชีวา ทุกอย่างถูกปล่อยให้ผ่านไปตามเวลาอย่างช้าๆ
อีวานและเพื่อนๆ ในวง Evasion แอบมาเยี่ยมเพื่อนร่วมวงกลางดึก แล้วก็ต้องรีบกลับไปเพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกตของคนไข้รายอื่น เพื่อนๆ กลับไป อีริคก็กลับเป็นคนป่วยที่พูดน้อย เอาแต่เงียบทั้งวันเหมือนเดิม
วันที่สี่รอยยิ้มบนหน้าของตรัยเกิดขึ้นเมื่อเห็นหญิงสาวร่างเล็ก ท่าเดินคุ้นตาเดินออกจากลิฟท์ตรงมาที่หน้าห้องพักคนป่วย
“สวัสดีค่ะคุณตรัย เขาอยู่ที่ห้องหรือเปล่าคะ”
“ไม่อยู่ครับ คุณหมอพาไปตรวจ ได้ยินพยาบาลคุยกันว่าจะเอาเขาไปทดสอบว่าผลจากการผ่าตัดโอเคดีไหม”
“ค่ะ ถ้าอย่างนั้น ฉันเข้าไปรอในห้องแล้วกันนะคะ”
“ก็…ได้ครับ แต่ว่า…” คนพูดมองไปที่อีกสองคนที่เดินตามหญิงสาวมาด้วย ทั้งคู่เป็นชายหญิงสูงวัย ดูจากภายนอก คงไม่ใช่แฟนเพลงของ Evasion เป็นแน่ แต่…ค่ายสั่งให้เขากันทุกคนออกไป ไม่ยอมให้คนอื่นๆ ได้พบอีริคนี่
“ฉันขอแนะนำทั้งสองคนนี่นะคะ นี่คุณเฮเลน แม่ของคุณอีริค แล้วนี่ก็คุณลี พ่อของเขา ค่ายคงไม่ว่าอะไรนะที่พ่อกับแม่จะขอเยี่ยมดูอาการของลูกชายหน่อยน่ะ”
ค่ายปิดข่าวทุกเรื่อง พ่อกับแม่ของอีริค จึงรู้แค่ว่าลูกชายประสบอุบัติเหตุ และรักษาตัวอยู่ต่างประเทศ อีริคเองก็ส่งข่าวกลับไปครั้งเดียวว่าไม่เป็นอะไรมาก ทั้งคู่จึงไม่ทราบเลยว่าลูกชายของตัวเองมีอาการหนักหนาสาหัสแค่ไหน
“คือ…”
“ฉันจะโทรบอกคุณอีวาน ผู้จัดการของวงเอง ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้ฉันรับผิดชอบเองหากว่ามีอะไรเกิดขึ้น”
“ก็…เอ่อ”
“ตามนี้นะ" คนพูดยิ้มประจบ ก่อนจะหันไปหาผู้สูงวัยทั้งคู่ "เชิญค่ะคุณเฮเลน เชิญค่ะคุณลี มาดื่มน้ำ พักผ่อนกันก่อน อีกสักพักคุณอีริคคงกลับเข้ามาแล้ว” หญิงสาวเดินนำผู้สูงวัยทั้งคู่เข้าห้องพักไปอย่างคุ้นเคย ก่อนจะยกหู สั่งเครื่องดื่มมาต้อนรับแขกวีไอพีของอีริคทั้งคู่
สิ่งที่เขาเห็นว่าเป็นเรื่องดี ก็คือบรรยากาศในห้องพักผู้ป่วยดูมีชีวิตชีวากว่าที่มันเคยเป็น ไม่ได้แห้งแล้ง น่าเบื่อ และเครียดขึงอยู่ตลอดเวลาเหมือนตอนที่อีริคอยู่กับพยาบาลพิเศษจากโรงพยาบาลที่จ้างมาดูแลเมื่อก่อนนั้น
ถึงแม้อีริคไม่ชอบหนังสือนิยายที่หญิงสาวคนนั้นอ่านให้ฟัง บ่นว่ามันเป็นเรื่องแสนจะน้ำเน่า ไร้สาระ พอเธอเปลี่ยนไปอ่านปรัชญาศาสนา เขาก็ว่าเนื้อหามันบ้าศีลธรรมจนเกินไปเหมือนคนแก่ พอเธอเปลี่ยนเป็นเรื่องเกี่ยวกับดนตรี เขาก็บ่นว่าเธอไม่เข้าใจเนื้อหามากพอ อ่านผิดๆ ถูกๆ แต่หญิงสาวกลับทำเหมือนคำบ่นเหล่านั้นเป็นเรื่องที่ผ่านหูซ้ายทะลุหูขวาไปซะอย่างนั้น
เธอตอบโต้ทุกเสียงบ่นนั้นตามวิธีการของเธอย่างมุ่งมั่น เจ้าตัวดึงดันอ่านนิยายเล่มบางๆ นั่นจนจบ อ่านปรัชญาศาสนาตอนบ่ายที่ให้เขานอนพัก แล้วก็อ่านข่าวคราวเกี่ยวกับดนตรีให้เขาฟังหลังอาหารเย็นทุกวัน ไม่สนใจว่าคนฟังจะทำหน้าบูดเบี้ยว มึนตึงอย่างไร
ส่วนเรื่องอาหาร ชายหนุ่มออกปากติอาหารเกือบทุกจานที่ริมดาสั่งมาให้ พอให้สั่งเอง เขาก็บอกว่าไม่รู้จะสั่งอะไรมากินดี ในที่สุดก็ยกหน้าที่ให้รมิดาสั่งอีกเหมือนเดิม
สำหรับอาการป่วยของอีริค แผลไฟใหม้ และแผลที่ได้รับจากอุบัติเหตุ ดีขึ้นจนแทบจะหายสนิทแล้ว เขาสามารถเดินไปในระยะใกล้ๆ ได้ อาบน้ำได้เอง โดยมีคนพาไปที่ห้องน้ำเท่านั้น
ตอนนี้หญิงสาวพาตัวเองมาอยู่ห้องพักสำหรับญาติ ซึ่งเป็นห้องเล็กๆ ภายในห้องซึ่งอีริคพักอยู่ ตรัยรู้สึกได้ว่าเธอใช้ความพยายามอย่างมากที่จะเอาใจอีริคที่กลายเป็นผู้ชายเรื่องมากไปแล้ว
ถึงแม้จะต่อล้อต่อเถียงกับอีริคทุกเรื่อง ตรัยยังแอบเห็นเธอถอนหายใจบ่อยๆ บางทีหลังจากคนป่วยนอนหลับไปแล้ว เธอยังออกไปเดินเล่น หรือคุยโทรศัพท์อีกจนดึกกว่าจะนอนพักผ่อน
ครบวันที่เจ็ดของการดูแลคนป่วย รมิดาลุกมาอาบน้ำแต่งตัวแต่เช้ามืด อิริคยังไม่ตื่น เพราะทุกคืนก่อนนอน หมอจะให้ยานอนหลับอ่อนๆ เพื่อให้ชายหนุ่มได้พักผ่อนอย่างเต็มที่พร้อมสำหรับการผ่าตัดในอีกไม่กี่วัน
“คุณตรัยคะ ตั้งแต่วันนี้ฉันขอฝากคุณอีริคด้วยนะคะ”
“อ้าว...คุณจะไปไหนครับ”
“เอ่อ ไปธุระสำคัญ อาจจะไม่กลับมาในวันสองวันนี้ค่ะ…”
หรือหญิงสาวคนนี้จะหมดความอดทนกับมือกีตาร์เรื่องมากคนนี้แล้ว การ์ดประจำตัวของอีริคคิด
“เอ่อ ถ้าเขาถามถึง ก็บอกว่าฉันไปธุระนะคะ ไม่อยากบอกเขาก่อน เพราะว่า ขี้เกียจโดนบ่นอีก”
“ก็...ครับ”
ตรัยพอจะรู้มาว่าหญิงสาวร่างเล็ก ผมซอยสั้นหยกศก หน้าตาน่ารักคนนี้เป็นใคร เขาจึงสรุปความสั้นๆ ตามที่ตนเองคิดว่า คนสวย รวย และน่าจะไม่เคยทำงานหนักอะไรเลยคนนี้ คงทนความร้ายกาจของคนไข้ไม่ได้แล้วแน่ๆ จึงหาเรื่องที่จะไปทำธุระนอกโรงพยาบาล และน่าจะมีแนวโน้มว่าเธอจะไม่กลับมาอีก
ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้...
“ฉันขอเบอร์มือถือของคุณไว้ได้ไหม”
“ได้ครับ”
“ขอบคุณค่ะ ฉันอาจโทรถามข่าวคราวของเขาบ้างนะคะ”
“ครับ” ตรัยตอบได้แค่นั้น
รมิดามีชายหนุ่มร่างสูงหน้าตาดีมารับถึงที่ ตรัยแอบสงสัยว่าจะเป็นคู่รักของเธอหรือเปล่า
มีพยบาลคนใหม่เข้ามาทำหน้าที่แทนรมิดา ส่วนอีริค เมื่อได้ข้อมูลจากพยาบาลคนใหม่ ว่าจะมาแทนรมิดา เขาก็ไม่ถามถึงหญิงสาวคนที่หายไปสักคำ ไม่ว่าพยาบาลจะทำอะไร เขาก็จะทำตามโดยง่ายผิดกับตอนรมิดายังอยู่ลิบลับ
ตรัยสังเกตเห็นว่าชายหนุ่มเอาแต่อีริคนอนนิ่งๆ บนเตียงเกือบทั้งวัน เขาฟังหมอมาตรวจและสรุปผลการเตรียมการผ่าตัดอย่างนิ่งๆ ไม่ออกความเห็น
“ถ้าอย่างนั้น พรุ่งนี้เราจะผ่าตัดกันนะครับ”
คนป่วยพยักหน้า
“มีอะไรห่วงหรือเปล่าครับ”
“ไม่นี่”
“โอเค ถ้าอย่างนั้น เราจะเตรียมตัวคุณตั้งแต่คืนนี้สำหรับการผ่าตัดต่อไป ถ้าทุกอย่างเรียบร้อยดี ตาของคุณน่าจะมองเห็นได้เร็วๆ นี้อย่างแน่นอน”
“ก็ดีครับ หลังผ่าตัดแล้วกี่วันมันถึงจะดีเหมือนเดิม หมอบอกได้ไหม ผมเบื่อที่จะนั่งๆ นอนๆ เต็มที”
“ผมเข้าใจครับ แต่ยังบอกไม่ได้ น่าจะเป็นอาทิตย์หรือมากกว่านั้น แล้วพบกันในห้องผ่าตัดพรุ่งนี้ก็แล้วกัน”
หมอสั่งทีมพยาบาลที่เข้ามาฟังคำสั่งหมอสำหรับเตรียมผ่าตัด ก่อนจะเดินออกไป พร้อมทีมพยาบาลส่วนใหญ่
ตรัยถูกเรียกเข้ามาเมื่อเกือบหนึ่งทุ่มในวันนั้น
“ผู้หญิงคนนั้นหายไปไหน นายรู้หรือเปล่า”
คนฟังลอบยิ้ม
“เธอบอกว่าไปทำธุระสำคัญครับ”
“หมายความว่า เขาจะไม่กลับมาแล้ว…ใช่ไหม”
ตรัยอยากให้ตัวเองสามารถมองเห็นดวงตาภายใต้ผ้าพันแผลของอีริคได้นัก จะได้รู้ว่าจริงๆ แล้วคนถาม ถามด้วยความรู้สึกแท้จริงอย่างไรกันแน่ สมน้ำหน้า หรือว่าห่วงหาอาทร
“เอ่อ…ผม ไม่ทราบครับ”
“….”
บรรยากาศเงียบสนิท เหมือนมีช่องว่างอันกว้างใหญ่ระหว่างตรัยและคนที่นอนอยู่บนเตียง
“คุณอีริคอยากได้อะไรไหมครับ หรือโทรหาใคร ผมจะ…”
“ไม่ต้อง ฉันขอฟังวิทยุ ช่วยยกมันมาให้หน่อย”
“ครับ”
หลังจากนั้น ชายหนุ่มก็นอนฟังข่าวคราว และรายการเพลงภาคภาษาอังกฤษเงียบๆ
......
วันต่อมา เป็นวันที่วุ่นวายสำหรับทีมผ่าตัด อีริคถูกนำตัวออกจากห้องพักไปเตรียมตัวผ่าตัดแต่เช้า แพทย์ใหญ่เจ้าของใข้เชิญแพทย์ที่มีความชำนาญพิเศษด้านดวงตามาสำหรับงานนี้โดยเฉพาะ ทีมแพทย์มีการประชุมเตรียมการการผ่าตัดก่อนดำเนินการทางออนไลน์มาสองครั้งแล้ว และก่อนผ่าตัดจริงก็มีการประชุมร่วมกันอีกหนึ่งครั้ง
การผ่าตัดใช้เวลากว่าสามชั่วโมง คนไข้ถูกนำไปพักฟื้นอีกกว่าชั่วโมงกว่า และทีมพยาบาลเตรียมพร้อมนำคนป่วยกลับมาที่ห้องพักตามมาตรฐานปกติที่โรงพยาบาลเคยดำเนินการ
“เดี๋ยวก่อน” นายแพทย์ใหญ่เดินเข้ามาในห้องพักฟื้นคนป่วยหลังผ่าตัด
“การหายใจของเขายังไม่ปกติ แอทมิดไว้ที่นี่ก่อนสักคืน เพราะอุปกรณ์พร้อมกว่า เตรียมพร้อมการดูแลให้ดีที่สุดนะ ผมต้องไปโทรแจ้งคุณอีวาน ผู้จัดการวงก่อน เดี๋ยวจะกลับมาดูคนไข้ให้อีกที”
รมิดาโทรเข้ามาหาตรัย และได้ข้อมูลแค่ว่าอีริคถูกนำตัวไปผ่าตัดตั้งแต่เช้า และยังไม่ถูกนำกลับมาจนเย็น
“การผ่าตัดเป็นอย่างไรบ้างคะ คุณทราบหรือเปล่า” น้ำเสียงของหญิงสาวบ่งบอกความห่วงใยอย่างเห็นได้ชัด
“ผมไม่ทราบเลยครับ คุณอาจจะต้องโทรไปถามคุณอีวาน”
“ได้ค่ะ เอ่อ ฉันยังติดธุระอยู่ต่างจังหวัด คิดว่าพรุ่งนี้คงกลับได้นะคะ”
“ครับ ถ้าคุณอีริคกลับมา ผมจะบอกให้”
“เอ่อ…ไม่ต้องดีกว่าค่ะ อย่าบอกเลย เดี๋ยวกลับไป ฉันไปคุยกับเขาเอง”
“ก็ได้ครับ ตามนั้น”
แต่จนแล้วจนรอด รมิดาก็ยังไม่กลับเข้ามาโรงพยาบาลในวันรุ่งขึ้น ในขณะที่อีริคถูกนำกลับมาที่ห้องพักส่วนตัวแล้ว
เขายังมี่ผ้าพันแผลพันรอบดวงตาพาดไปรอบศรีษะ ถึงแม้จะฟื้นตัวทีละนิด แต่เจ้าตัวแทบจะไม่พูด
บรรยากาศทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนก่อนที่รมิดาจะเข้ามาดูแลคนป่วย รอบตัวดูเงียบเชียบ ไร้ชีวิตชีวา ทุกอย่างถูกปล่อยให้ผ่านไปตามเวลาอย่างช้าๆ
อีวานและเพื่อนๆ ในวง Evasion แอบมาเยี่ยมเพื่อนร่วมวงกลางดึก แล้วก็ต้องรีบกลับไปเพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกตของคนไข้รายอื่น เพื่อนๆ กลับไป อีริคก็กลับเป็นคนป่วยที่พูดน้อย เอาแต่เงียบทั้งวันเหมือนเดิม
วันที่สี่รอยยิ้มบนหน้าของตรัยเกิดขึ้นเมื่อเห็นหญิงสาวร่างเล็ก ท่าเดินคุ้นตาเดินออกจากลิฟท์ตรงมาที่หน้าห้องพักคนป่วย
“สวัสดีค่ะคุณตรัย เขาอยู่ที่ห้องหรือเปล่าคะ”
“ไม่อยู่ครับ คุณหมอพาไปตรวจ ได้ยินพยาบาลคุยกันว่าจะเอาเขาไปทดสอบว่าผลจากการผ่าตัดโอเคดีไหม”
“ค่ะ ถ้าอย่างนั้น ฉันเข้าไปรอในห้องแล้วกันนะคะ”
“ก็…ได้ครับ แต่ว่า…” คนพูดมองไปที่อีกสองคนที่เดินตามหญิงสาวมาด้วย ทั้งคู่เป็นชายหญิงสูงวัย ดูจากภายนอก คงไม่ใช่แฟนเพลงของ Evasion เป็นแน่ แต่…ค่ายสั่งให้เขากันทุกคนออกไป ไม่ยอมให้คนอื่นๆ ได้พบอีริคนี่
“ฉันขอแนะนำทั้งสองคนนี่นะคะ นี่คุณเฮเลน แม่ของคุณอีริค แล้วนี่ก็คุณลี พ่อของเขา ค่ายคงไม่ว่าอะไรนะที่พ่อกับแม่จะขอเยี่ยมดูอาการของลูกชายหน่อยน่ะ”
ค่ายปิดข่าวทุกเรื่อง พ่อกับแม่ของอีริค จึงรู้แค่ว่าลูกชายประสบอุบัติเหตุ และรักษาตัวอยู่ต่างประเทศ อีริคเองก็ส่งข่าวกลับไปครั้งเดียวว่าไม่เป็นอะไรมาก ทั้งคู่จึงไม่ทราบเลยว่าลูกชายของตัวเองมีอาการหนักหนาสาหัสแค่ไหน
“คือ…”
“ฉันจะโทรบอกคุณอีวาน ผู้จัดการของวงเอง ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้ฉันรับผิดชอบเองหากว่ามีอะไรเกิดขึ้น”
“ก็…เอ่อ”
“ตามนี้นะ" คนพูดยิ้มประจบ ก่อนจะหันไปหาผู้สูงวัยทั้งคู่ "เชิญค่ะคุณเฮเลน เชิญค่ะคุณลี มาดื่มน้ำ พักผ่อนกันก่อน อีกสักพักคุณอีริคคงกลับเข้ามาแล้ว” หญิงสาวเดินนำผู้สูงวัยทั้งคู่เข้าห้องพักไปอย่างคุ้นเคย ก่อนจะยกหู สั่งเครื่องดื่มมาต้อนรับแขกวีไอพีของอีริคทั้งคู่
สิรินดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 พ.ย. 2555, 05:24:21 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 พ.ย. 2555, 08:18:14 น.
จำนวนการเข้าชม : 4355
<< 28: พันธนาการ | 30 : สิ่งที่เปลี่ยนไป >> |
konhin 28 พ.ย. 2555, 06:12:51 น.
แหะๆๆ แอบคิดว่านางเอกจะสละตาให้(เน่าไปๆ) นึกไม่ทันว่าไปพาพ่อแม่มาให้ เก่งแฮะ
แหะๆๆ แอบคิดว่านางเอกจะสละตาให้(เน่าไปๆ) นึกไม่ทันว่าไปพาพ่อแม่มาให้ เก่งแฮะ
คิมหันตุ์ 28 พ.ย. 2555, 06:22:52 น.
เอาใจช่วยอีริค
เอาใจช่วยอีริค
สิรินดา 28 พ.ย. 2555, 08:22:29 น.
เฮ้อออออ ผ่านไปได้อีกหนึ่งตอน :) มาลุ้นตอนจบกันนะทุกคน อีกไม่กี่ตอนแล้ววววว
เฮ้อออออ ผ่านไปได้อีกหนึ่งตอน :) มาลุ้นตอนจบกันนะทุกคน อีกไม่กี่ตอนแล้ววววว
รัชต์ 28 พ.ย. 2555, 09:02:34 น.
อีริคโดนแม่ตีแน่ๆเจ็บหนักยังไม่ยอมบอก
อีริคโดนแม่ตีแน่ๆเจ็บหนักยังไม่ยอมบอก
supayalak 28 พ.ย. 2555, 13:38:25 น.
น่าอีจฉาอีริคเนอะ มีคนค่อยห่วงใยมากมายขนาดนี้ แล้วอย่าแผลงฤทธิ์ให้มากหล่ะเดี๊ยวสาวเจ้าหนีไปไม่รักแล้ว จะหนาววววว
น่าอีจฉาอีริคเนอะ มีคนค่อยห่วงใยมากมายขนาดนี้ แล้วอย่าแผลงฤทธิ์ให้มากหล่ะเดี๊ยวสาวเจ้าหนีไปไม่รักแล้ว จะหนาววววว
สิรินดา 28 พ.ย. 2555, 23:13:31 น.
น้องใบบัว ไม่ห่วงคนเขียนมั่งเหรอ จะเขียนต่อยังไง งือออออ
น้องใบบัว ไม่ห่วงคนเขียนมั่งเหรอ จะเขียนต่อยังไง งือออออ
เพียงพลอย 29 พ.ย. 2555, 00:28:15 น.
ถามถึงเค้า คิดถึงเค้าล่ะเซ่ 555
ถามถึงเค้า คิดถึงเค้าล่ะเซ่ 555
ของขวัญ 30 พ.ย. 2555, 00:26:49 น.
ขนาดเจ็บยังไม่วายเรื่องมากนะเนี่ยคุณอีริค หุหุ
ขนาดเจ็บยังไม่วายเรื่องมากนะเนี่ยคุณอีริค หุหุ
kin 30 พ.ย. 2555, 14:10:53 น.
อีริคนี่เยอะนะเนี่ย แต่เดี๋ยวแม่มาแล้วโดนแน่ๆ หึๆ
อีริคนี่เยอะนะเนี่ย แต่เดี๋ยวแม่มาแล้วโดนแน่ๆ หึๆ
สิรินดา 30 พ.ย. 2555, 14:22:29 น.
อ๊ะ ต้องติดตามกันต่อไป
อ๊ะ ต้องติดตามกันต่อไป
Zephyr 30 พ.ย. 2555, 21:18:30 น.
แอบคิดเหหือมกันว่ายายฝนจะทำอะไร 555 แต่แอบจิ้นให้เธอไปทำเรื่องยุ่งนะ ไม่ใช่เรื่องซึ้ง งิ้วๆๆๆๆ
แต่ไม่ซึ้งกะตาอีริค ชัวร์ แถมจะโดนหาว่าจุ้นสินะ ชิๆ
ปล่อยให้พ่อแม่เป็นห่วง เด็กนิสัยไม่ดี ฮึๆๆ
แอบคิดเหหือมกันว่ายายฝนจะทำอะไร 555 แต่แอบจิ้นให้เธอไปทำเรื่องยุ่งนะ ไม่ใช่เรื่องซึ้ง งิ้วๆๆๆๆ
แต่ไม่ซึ้งกะตาอีริค ชัวร์ แถมจะโดนหาว่าจุ้นสินะ ชิๆ
ปล่อยให้พ่อแม่เป็นห่วง เด็กนิสัยไม่ดี ฮึๆๆ