ป่าหนาวไม่หนาวรัก
ความรักช่างเกิดขึ้นได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่ได้สบตากันครั้งแรก
นายหัวหนุ่มแห่งป่าหนาวพยายามบอกหัวใจตัวเองมาตลอดเวลาทุกครั้งที่ได้เจอหน้าเธอว่าเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะรักใครได้อีกแล้วเพราะทั้งหัวใจตอนนี้มีเพียงแค่ปรายฟ้าคนเดียวเท่านั้นถึงแม้แฟนสาวได้จากเขาไปแล้ว หมอเคียวเพียงได้สบตานายหัวหนุ่มราวกับมีประกายไฟแล่นเข้าสู่ร่างกายเธอทันที ความรักทำให้เธอเข้าไปพัวพันกับการตายของปรายฟ้า และเหตุการณ์ครั้งนั้นนั่นเองผูกความสัมพันธ์ของเขากับเธอให้แน่นยิ่งกว่าเดิม เธอจะทำอย่างไรเมื่อเจอกับปัญหาใหญ่หลวง และเขาจะทำอย่างไรเลือกความรักครั้งเก่า หรือเลือกหัวใจตัวเอง
Tags: รักหวานแหวว แววตาซึ้ง ๆ

ตอน: การเริ่มงานวันแรก

บทที่ 3 การเริ่มงานวันแรก

ขวัญพรรษลืมตาขึ้นมองเมื่อได้ยินเสียงร้องของอะไรบางอย่างดังขึ้นใกล้ ๆ กับที่เธอนั่งอยู่ เผลอหลับไปนิดเดียวเช้าแล้วหรือนี่ ขวัญพรรษขยี้ตาแล้วเหลือบมองนกมาคอร์น้อยทันทีเมื่อนึกได้ว่าอะไรเป็นอะไร
“ไงเราดีขึ้นแล้วใช่มั้ย”
หญิงสาวถามน้องแก้วตาตัวน้อย ลูบหัวอีกฝ่ายเบา ๆ
“แต่ว่าฉันคงต้องกลับบ้านแล้วล่ะ เจ้านายเราเขาไม่ยอมให้ฉันทำงานด้วย ฮึ..ฮึ..ดูถูกฉันทั้ง ๆ ที่ยังไม่ให้ฉันเริ่มงานด้วยซ้ำไป เราอีกตัวอย่ากินอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าอีกนะ เดี๋ยวฉันพาไปส่งที่บ้านแล้วกัน”
หญิงสาวอุ้มนกมาคอว์ตัวน้อยออกจากห้องพักฟื้นเมื่อเห็นว่ามันแข็งแรงดีแล้ว ขวัญพรรษยิ้มออกมาอย่างยินดีเมื่อเห็นไม้กำลังทำความสะอาดอยู่ในกรงของพวกมัน
“ไม้ ฉันเอาน้องแก้วตามาคืน มันดีขึ้นแล้ว แต่ยังไงต้องแยกมันไว้ทางด้านหน้านี้ก่อนนะ”
หญิงสาวอุ้มนกน้อยเดินเข้ากรงที่ไม้ออกมาเปิดให้ ขวัญพรรษส่งนกมาคอว์ให้ไม้แล้วมองไปรอบ ๆ อย่างชื่นชอบ
“ไม่น่าเชื่อเลย แต่ละตัวสวย ๆ ทั้งนั้นเลยไม้ ที่บ้านเคียวนะมีอยู่สามตัว ชื่อใบตอง ใบเตย แล้วก็ตัวสุดท้ายชื่อใบตาล เฮ้อ...พูดถึงแล้วก็คิดถึงน้อง ๆ จังเลย”
คุณหมอคนสวยยิ้มให้กับไม้เมื่อนึกถึงนกน้อยสามตัวที่บ้าน
“เอ่อ..บ้านคุณหมอเคียวมีด้วยหรือครับ เจ้าพวกนี้มันเป็นของรักของนายหัวมากครับ”
“เหรอ เคียวรักพวกมันเลยหล่ะ อยากมาเล่นกับพวกนี้จัง นอกจากน้องแก้วตาแล้วเพื่อน ๆ มันมีชื่อหรือยัง”
คุณหมอคนสวยหันไปถามไม้ซึ่งกำลังทำความสะอาดฟาร์มอยู่
“ยังครับ คุณเคียวครับ น้ำยาที่ทำความสะอาดผสมแค่นี้พอมั้ยครับ แล้วฉีดพ่นด้านล่างและรอบ ๆ กรงเลยใช่หรือเปล่า”
“ค่ะ พอแล้ว เมื่อคืนเคียวเข้าไปดูในห้องยาแล้วนะคะ ยาที่ต้องใช้กับเจ้าพวกนี้มีครบเลย เมื่อก่อนใครเป็นคนจัดให้ค่ะ”
คุณหมอถามออกมาด้วยความสงสัย
“คุณบุษครับ หรือไม่ก็นายหัว เพราะนายหัวไปฟังการอบรม หรือถ้ามันเป็นหนัก ๆ ก็ไปเชิญสัตวแพทย์เพื่อนนายหัวที่ในเมืองครับ”
อ้าว...มีสัตวแพทย์อยู่แล้ว แล้วเปิดรับสมัครอีกทำไม หญิงสาวขมวดคิ้วเรียวเข้าหากันด้วยความสงสัย
“เดี๋ยวก่อนไปฉันจะผสมยาไว้ให้ แล้วให้แก้วตากินสักสามสี่วันนะ”
“อ้าว..คุณเคียวจะไปไหนหรือครับ”
ไม้ถามออกไปอย่างสงสัย
“ก็ นายหัวของไม้เขาไม่อยากทำงานกับผู้หญิงอย่างฉันนี่ เฮ้อ..เสียดายจัง อยากเล่นกันเจ้าพวกนี้จริง ๆ ฉันไปก่อนละนะยินดีที่ได้รู้จักนะไม้”
คุณหมอคนสวยส่งยิ้มให้ไม้ ซึ่งแทบจะทำไม้กวาดหลุดมือด้วยความเขิน ตั้งแต่เกิดมาเป็นผู้เป็นคนยังไม่เคยมีใครยิ้มหวาน ๆ แบบนี้ให้มาก่อน

หญิงสาวกล่าวลาไม้เสร็จแล้วก็เดินกลับไปที่บ้านพักของตัวเองเพื่อจัดกระเป๋ากลับบ้านทันที เฮ้ย...เธอจะอยู่ทำไมอีกให้เขาดูถูกเธอ กลับบ้านเราดีกว่า ไปหาพ่อจ๋า แม่จ๋าดีกว่า ยังไม่ทันได้หยิบเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเลย เสียงเคาะประตูบ้านพักของเธอก็ดังขึ้น
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนจะเปิดออกเข้ามาเมื่อได้รับคำอนุญาตจากคนด้านในเรียบร้อยแล้ว
“ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย ไปที่สำนักงานได้มั้ย”
เสียงของพนาพรรษดังขึ้น ชายหนุ่มกวาดตาไปบนเตียงกว้างเมื่อเห็นเสื้อผ้าหลายตัววางกระจัดกระจาย ชายหนุ่มขมวดคิ้วเรียวยาวเข้าหากันอย่างสงสัย
“จะไปไหน”
คำถามห้วน ๆ ดังขึ้น ทำให้ขวัญพรรษหันไปมองทางอื่นที่ไม่มีพนาพรรษยืนอยู่ตรงหน้า
“ฉันก็มีเรื่องจะคุยกับคุณเหมือนกัน ไม่ต้องไปถึงสำนักงานหรอก ฉัน...จะกลับบ้านตามที่คุณต้องการ เงินเดือนสามเดือนฉันก็ไม่รับ ยังไงก็ขอบคุณที่ให้ฉันได้ทำงานที่ฉันรักถึงแม้จะได้แค่คืนเดียวเท่านั้น”
ขวัญพรรษกล่าวเสียงเรียบ ห้องทั้งห้องเงียบไปพักใหญ่ก่อนจะมีเสียงของพนาพรรษทำลายบรรยากาศเงียบเชียบน่ากลัวเช่นนั้น
“ทำไมแค่โดนฉันว่าแค่นี้ทนไม่ไหวแล้วหรือ ไหนบอกว่าจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองไง แล้วนี่อะไรยังไม่ทันได้ทำงานก็ร้องกลับบ้านเสียแล้ว”
ชายหนุ่มถามอีกฝ่ายเสียงขุ่น ลืมไปว่าเป็นเขาเองที่ไล่หญิงสาวตั้งแต่วันแรกที่มาถึงด้วยซ้ำ
“ก็คุณเป็นคนบอกฉันเองว่า คุณไม่อยากทำงานกับผู้หญิง ทำงานกับผู้หญิงมันน่าเบื่อหน่าย ฉันก็ยอมคุณแล้วไง”
หญิงสาวพูดพร้อมกับเก็บเสื้อผ้าที่วางระเนระนาดบนเตียงใส่กระเป๋าเดินทางทันที ภาพตรงหน้าทำให้ชายหนุ่มยืนนิ่งมองภาพตรงหน้าอย่างหมดคำพูด หญิงสาวหันไปมองหน้าของอีกฝ่ายแล้วนึกขึ้นในใจทันที โฮย...คนอะไรพูดยังไม่ทันข้ามวันก็ลืมแล้ว แล้วหน้าเฉย ๆ เกร็ง ๆ นั่นอีกยิ้มกับเขาเป็นหรือเปล่านี้ วัน ๆ เอาแต่สั่ง ๆ มิน่าคนงานถึงกลัวกันขนาดนี้
“ถ้าฉันอยากให้เธอพิสูจน์เธอจะทำมั้ย”
เสียงเข้มกล่าวออกมาอย่างขัดเขิน นี่เขากำลังง้อผู้หญิงคนนี้อยู่หรือ ชายหนุ่มหันหน้าไปอีกทางที่ไม่มีหญิงสาวอยู่ตรงหน้าด้วยความเขินอาย
“ว่าไง ทำไมเงียบไป หรือว่าไม่เก่งจริงอย่างที่ปากพูดไว้”
คำเยอะที่ดังขึ้นมาทำให้หญิงสาวลุกขึ้นยืนทันที แก้มนวลป่องขึ้นเมื่อเกิดความไม่พอใจ และการกระทำแบบนี้ชายหนุ่มตรงหน้าก็สังเกตหลายครั้งแล้ว
“ฉันเก่งพอ ก็ได้ฉันจะพิสูจน์ให้คุณเห็น แล้วต่อไปคุณจะต้องเป็นฝ่ายขอร้องไม่ให้ฉันไปคอยดูเถอะ”
ขวัญพรรษพูดเสร็จแล้วก็เดินออกไปจากบ้านพักตัวเองทันที เสื้อผ้าค่อยมาเก็บทีหลังแล้วกันช่างมัน ตอนนี้ไม่อยากเห็นหน้านายหัวปากร้ายนั่นเลย หญิงสาวเดินไปสำนักงานทันทีเธออยากเจอคุณมนูญที่สุด เธออยากไปฟาร์มมุก อยากเรียนรู้งานรอบ ๆ ฟาร์มแห่งนี้จะได้ไม่โดนใครบางคนดูถูกอีก
“คุณเอมี่คะ เคียวอยากไปฟาร์มมุกค่ะให้ใครพาไปได้หรือเปล่าคะ”
เอมี่หันไปตามเสียงเรียกแล้วยิ้มหวาน ก่อนที่เธอจะตอบก็มีเสียงดังมาจากด้านหลังทันที
“ฉันกำลังจะไปพอดี ถ้าอยากไปด้วยก็เชิญ”
พนาพรรษพูดเสร็จแล้วก็เดินออกไปจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้เอมี่ซึ่งมองนายหัวของตัวเองอย่างงง ๆ เพราะปกตินายหัวป่าไม่เคยข้องแวะกับใครก่อนทั้งสิ้นแต่กับสาวคนนี้ทำไมถึง....เอมี่คิดได้แค่นั้นก็ต้องพยักหน้าให้ขวัญพรรษวิ่งตามนายหัวของตัวเองออกไปเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มจะไม่รอ ขวัญพรรษวิ่งตามร่างสูงที่เดินไม่รอเธอไปยังสะพานที่สร้างออกไปในทะเลกว้างแห่งนั้นเขาสร้างสะพานนี้ขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกในการไปมาระหว่างฟาร์มมุกของเขาได้อย่างไม่เดือดร้อน ไม่ว่านักท่องเที่ยวอยากไปเที่ยวฟาร์มหรือว่าอยากตกปลา เราก็มีสถานที่ให้ เพราะว่าสะพานนี้ยาวเกือบสองกิโลเมตรยาวไปจนถึงบรเวณน้ำลึกซึ่งเป็นสิ่งที่ดีสำหรับการเลี้ยงหอยมุกของเขา และมันเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของนักท่องเที่ยวมาก เพราะตอนเย็น ๆ ใกล้ตะวันตกดินจะเห็นคู่รักหลายคู่เดินจับมือ กอดแขนกันไปชมพระอาทิตย์ที่กำลังตกดินอย่างน่าอิจฉา และมีอีกหลายคู่ที่นั่งแกว่งขาไปมาข้างสะพานนั่นเอง
“จะไปหรือเปล่า นี่แหล่ะน้า... ฉันถึงไม่อยากให้ผู้หญิงทำงานด้วย”
เสียงห้าวของพนาพรรษทำให้ขวัญพรรษฉุนขึ้นมาทันที หนอยมาดูถูกเธอได้อย่างไร หญิงสาวเดินฉับ ๆ ตามเขาไปอย่างรวดเร็วแต่มันก็ยังเร็วไม่พอเมื่อเธอพยายามเร่งเท่าไร เขาก็เดินไปไกลเธอเท่านั้น
เฮ้ย...คนหรือว่าจักรยานว๊ะนี่ไวแท้
“เฮ้ย..”
ปุ๊ก!!
มันเป็นคำอุทานของพนาพรรษนั่นเอง ชายหนุ่มเอื้อมมือไปคว้าร่างบางไว้ก่อนที่หญิงสาวจะร่วงลงไปนอนเค้เก้บนพื้นสะพานสะขาวสะอาดตานั่นเสียก่อน ด้วยความกลัวว่าตัวเองจะล้มหญิงสาวจึงคว้าสิ่งที่ช่วยพยุงตัวเธอเอาไว้ก่อนเป็นอันดับแรก แต่ความที่ไม่ได้ลืมหูลืมตาหญิงสาวจึงคว้าท่อนแขนของพนาพรรษก่อนที่จะลมลงไปแต่ปรากฎว่าเธอคิดผิดไปเสียแล้วเมื่อร่างสูงถลาเข้ามาทับร่างบางของเธอก่อนจะล้มลงไปนอนที่พื้นทั้งคู่
ตาสบตา ลมหายใจสัมผัสถึงกันและกัน ชายหนุ่มมองคนที่นอนอยู่ด้านล่างของตัวเองอย่างบอกความรู้สึกที่เกิดขึ้นไม่ถูก มันเป็นความแปลกใหม่ซึ่งเขาไม่เคยได้รับจากใครแม้แต่กับเพียงฟ้าหญิงสาวคนรักของเขานั่นเอง หัวใจที่เคยตายด้านมาแล้วของเขากลับเต้นไม่เป็นจังหวะ รัวและแรงขึ้น นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ สิ่งที่เขาคิดว่าควบคุมได้กลับไม่เป็นอย่างที่คิด ขวัญพรรษได้สติก่อนจึงผลักร่างสูงนั้นออกจากตัวที่ที่ตัวเองยังสั่น ๆ อยู่เลย
“อุ้ย..โอ๊ย..คุณ..ลุกเดี๋ยวนี้นะ”
ขวัญพรรษโวยวายกลบเกลื่อนความอายทันทีเพราะปากหนาของชายหนุ่มห่างจากหน้าของเธอเพียงแค่นิ้วเดียวเท่านั้นเอง ชายหนุ่มเองก็ตกใจไม่แพ้กันรีบดันตัวเองลุกขึ้น แล้วดึงหญิงสาวขึ้นมาด้วยเหมือนกันก่อนจะปล่อยยืนขึ้นให้มั่นคงก่อนจะลงมือฉะอีกฝ่ายทันทีที่ขวัญพรรษตั้งตัวได้
“เธอนี่นอกจะดื้อ ชอบเถียงแล้ว ยังเฟอะฟะ แล้วก็ซุ่มซ่ามที่สุดด้วย ล้มคนเดียวไม่พอยังพาฉันล้มไปอีกคนด้วย”
เสียงแข็ง ๆ ของพนาพรรษเอ่ยขึ้น เขาเองก็รู้สึกวูบวาบไปชั่วขณะเมื่อสักครู่เขาเกือบจะสัมผัสแก้มนวลนั้นอยู่แล้ว ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ อีกที ฟ้าช่วยป่าด้วย..ชายหนุ่มพึมพำกับหัวใจของตัวเอง
“ก็คุณหยุดเดินแล้วทำไมไม่บอกฉัน หยุดเร็วแบบนั้นคนที่วิ่งตามมาข้างหลังก็ชนเข้าอย่างจังนะสิ แล้วแทนที่คุณจะเป็นสุภาพบุรุษช่วยพยุงขึ้นก็ไม่มี ดีแต่สมน้ำหน้าคนอื่น”
หญิงสาวบ่นพึมพำแต่ก็เสียงดังหวังให้อีกฝ่ายได้ยิน ก่อนจะถอยห่างออกจากชายหนุ่มไปประมาณหนึ่งเมตร แล้วรีบเดินนำหน้าชายหนุ่มออกไปก่อนโดยไม่รอร่างสูงๆ ที่เดินตามมาช้า ๆ ด้านหลังเลย แค่นี้เธอก็รู้สึกอย่างไรก็ไม่รู้ ใจเธอมันเต้นรัวไปหมด มันเกิดอะไรขึ้น หญิงสาวยกมือขึ้นแตะริมฝีปากของตัวเองเบา ๆ ความคิดลอยไปลอยมาใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เมื่อกี้เขากับเธอจูบกันหรือ โอ๊ย...คิดแล้วขนลุก แต่เขาคงไม่รู้สึกอะไรหรอก แต่เธอนี่สิ ความประทับใจในครั้งแรกอาจจะไม่ดี แต่ก็ไม่ใช่ว่าเธอจะปฏิเสธได้เลยว่าชายหนุ่มคนนี้หน้าตาดี และดูน่าอบอุ่น ทำให้เธออยากอยู่ใกล้ แต่รู้สึกเหมือนชายหนุ่มจะไม่อยากอยู่ใกล้เธอสักเท่าไหร่ แทบจะวิ่งหนีเธอด้วยซ้ำไป บ้าไปแล้วไอ้เคียวอย่านี่อย่าบอกว่าเธอกำลังคิดอะไรแปลก ๆ กับผู้ชายเย็นชา หน้าตาย ปากร้าย กับผู้ชายคนนี้นะ

เมื่อเห็นหญิงสาวเดินจ้ำอ้าวอย่างรวดเร็วชายหนุ่มที่เดินอยู่ด้านหลังก็มองตามร่างบางนั้นไปอย่างห่าง ๆ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเขา เหมือนกับร่างกายโดนช๊อตด้วยไฟฟ้าอย่างรุนแรง ขนาดกับปลายฟ้า อดีตคนรักของเขาที่จากเขาไปแล้วนั้นยังไม่เกิดแบบนี้เลย เขาสลัดความคิดอันปวดใจนั้นออก ก่อนจะรีบเดินตามหญิงสาวคนข้างหน้าไป
“นี่คุณรู้แล้วหรือว่ามันไปทางไหน”
ชายหนุ่มตะโกนถามอีกฝ่ายเสียงเข้มเมื่อเห็นว่าร่างบางไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเขาอีกเลย แหม...ทำเป็นเก่งเสียจริงตัวแค่นี้นะ แม่คุณเอ๊ย
“สะพานมันก็เดินตรงไปทางนี้ไม่ใช่หรือ ตาไม่บอดฉันมองเห็นหรอกน่า”
เสียงแหว ๆ ของอีกฝ่ายทำให้พนาพรรษหยุดเดินแล้วยืนกอดออกมองหญิงสาวตรงหน้า เมื่อขวัญพรรษมองไม่เห็นเงาของคนที่เดินตามมาจึงหยุดแล้วหันไปมองอีกฝ่ายอย่างงง ๆ ว่าทำไมชายหนุ่มไม่เดินตามเธอมา
“นี่คุณแล้วทำไมไม่เดินตามมาหล่ะ แล้วฉันจะไปถูกหรือเปล่าละนี่”
ขวัญพรรษลืมตัวไปเสียแล้วเพราะเมื่อครู่ยังตะโกนเหยง ๆ กับเขาอยู่เลยว่าทางสะพานมันไปตรงขนาดนั้นเธอจะหลงได้อย่างไร แล้วนั่นทำไมต้องหันมามองขอความช่วยเหลือกับเขาอีกหล่ะ เก่งจริง เดินไปเองซิแม่คุณ
“ไหนบอกว่าไปเองถูกไงคุณ เดินไปสิ”
พนาพรรษตะโกนถามร่างบางที่ยืนท้าวเอวมองเขาอยู่ขณะนี้ เป็นผู้ที่หญิงที่ไร้ความอ่อนหวานเหลือเกิน แก่นกะโหลกขนาดนี้ใครจะทนไหว คนเป็นพ่อเป็นแม่ต้องทุกข์ใจตายวันละสิบรอบแน่ ๆ
“ไม่ใช่ไปไม่ถูกแค่อยากให้เจ้าบ้านแสดงความมีน้ำใจเสียหน่อย ไม่งั้นจะหาว่าคนเพิ่งมาใหม่อย่างฉันรู้ดีเสียทุกอย่าง”
ขวัญพรรษซึ่งเกิดมาในชีวิตไม่เคยยอมใครเหมือนกัน แม่กระทั่งพ่อจ๋ายังยอมให้เธอเพียงคนเดียวเลย พี่ทิกก็อีกรายนั้นยิ่งแล้วใหญ่มีอะไรเดือดร้อนนิดเดียวแทบแจ้นมาหาน้องรักอย่างขวัญพรรษถึงอุบลฯ เลยทีเดียว พนาพรรษเดินนำหน้าหญิงสาวไปยังแพหอยมุกที่อยู่ด้านหน้าเป็นพื้นที่ที่ใหญ่มากดูในขณดนี้เกือบสุดลูกตาโน่น
“นี่คุณเดินดี ๆ นะตกน้ำไปผมไม่งมขึ้นมานะ”
พนาพรรษกล่าวบอกกับอีกฝ่ายก่อนจะเดินไปตามทางไม้ที่ทำให้เล็ก ๆ เป็นช่องให้เหยียบข้ามไปยังแพอื่น ๆ โดยไม่หันกลับไปมองผู้หญิงอีกคนที่ยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่ข้างนอก เพราะเธอว่ายน้ำไม่เป็นแล้วเดินมาซะขนาดนี้น้ำต้องลึกมากนั่นเอง แล้วถ้าตกไปจะทำอย่างไร อีตาบ้านั่นก็บอกว่าจะไม่งมเราขึ้นมาด้วย ถึงแม้แสงสว่างที่ส่องอยู่นี้จะทำให้เห็นทางสะดวกก็เถอะแต่ขาเจ้ากรรมกลับก้าวไม่ออกเสียนี่ แต่มีหรือคนอย่างขวัญพรรษจะให้ศัตรูรู้จุดอ่อนของเธอว่ากลัวน้ำ แค่คิดถึงตอนที่เล่นน้ำทะเลก็เสียวแล้วขนาดคิดว่ามันตื่น ๆ ว่ายไม่ไกลจากฝั่งเท่าไหร่เลย แต่พอเล่นมาเล่นไปกลับเลยไปเสียตรงที่ยืนไม่ถึงได้อย่างไรก็ไม่รู้ โอย..คิดแล้วผวา
“อ้าว เดินเข้ามาสิ จะรอให้หอยมุกมันไปเชิญหรือไง”
นั่น ดูเขาพูดสิ น้ำเสียประชดประชันแบบนี้น่าจะเกิดเป็นผู้หญิงเสียให้รู้แล้วรู้รอดไป พนาพรรษมองร่างบางที่ยืนนิ่งมองทางเดินมองน้ำที่อยู่รอบ ๆ ไปมาด้วยใบหน้าซีดเผือด เป็นอะไร ยัยตัวแสบเป็นอะไรวันนี้ ชายหนุ่มเดินย้อนกลับไปที่หญิงสวนยืนอีกครั้งและเมื่อชายหนุ่มเดินกลับมาพื้นมันก็ยวบลงทำให้ร่างบางที่กลัวอยู่แล้วร้องเสียหลงจนคนเป็นเจ้าของฟาร์มยังตกใจ
“อ๊าย....คุณอย่าเดินเข้ามา เดี๋ยวมันพัง เดี๋ยวฉันหล่นน้ำ ฉันว่ายน้ำไม่เป็น ฉันกลัว”
เสียงสั่น ๆ ของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มมองหน้านั้นแปลก ๆ กลัวแล้วทำไมมาเลือกทำงานกับสัตว์น้ำ ต้องเจอน้ำแบบนี้นะ หรือว่ายัยคนนี้อยากให้เราสนใจจึงเรียกร้องความสนใจแบบนี้ แต่ใบหน้าซีด ๆ แบบนี้ไม่น่าจะใช่มารยาหญิงร้อยเล่มเกวียนที่มีกันอย่างมากมายหรอกนะ
“คุณกลัวอะไร มันแข็งแรงออก ไม่หล่นลงไปง่าย ๆ หรอก ถ้าคุณไม่ซุ่มซ่าม เฟอะฟะหล่นไปเองนะ เอ้า..เอามือมาจับผมไว้แล้วค่อย ๆ เดินไปด้วยกันผมจะได้อธิบายเรื่องฟาร์มมุกต่อจะได้ไม่เสียเวลาเพราะคน ๆ เดียว”
ถึงแม้จะยินดีในตอนแรกที่อีกฝ่ายแสดงความมีน้ำใจแต่พอจบประโยคสุดท้ายหญิงสาวแทบจะสะบัดมือที่จับเธอไว้ให้หลุดไปเลย ถ้าไม่ติดว่ากลัวนะ แม่จะ...โอ๊ย...คิดแล้วแค้น

พนาพรรษเอื้อมมือไปจับมือบางไว้แน่นแล้วเดินจูงกันออกไป ปากของชายหนุ่มขยับไปเรื่อย ๆ เมื่ออธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับการเลี้ยงหอยมุก มือหนาอีกข้างของชายหนุ่มชี้ไปตามแพหอยมุกที่อยู่ถัดออกไป หญิงสาวมองชายหนุ่มอธิบายรายละเอียดทุกอย่างอย่างเพลิดเพลินไม่รู้สึกตัวเลยกระทั่งชายหนุ่มหยุดเดินแล้วหันกลับมามองหน้าของขวัญพรรษพร้อมกับเขย่ามือที่กุมไว้
“คุณ...คุณ..ฟังผมหรือเปล่าเนี่ย”
น้ำเสียงที่เอ่ยออกมานั้นอ่อนโยนอย่างไม่รู้ตัว พนาพรรษอมยิ้มนิด ๆ เมื่อเห็นอาการของหญิงสาว ความจริงเขาก็ยอมรับอยู่หรอกนะว่าเขาหน้าตาดี แต่มาเจอลักษณะการมองของหญิงสาวเวลานี้เขารู้สึกเขิน ๆ อย่างไรไม่รู้ ผู้ชายอย่างเขาก็เขินเป็นเหมือนกันนะ
“เอ่อ...ฟะ..ฟังค่ะ”
น้ำเสียงตะกุกตะกักของหญิงสาวยิ่งทำให้พนาพรรษยิ้มออกมาอย่างเอ็นดูอีกฝ่าย ยิ่งเมื่อเห็นแก้มนวล ๆ นั้นแดงขึ้นมาทันตาเห็น
“แดดร้อนหรือไง หน้าถึงแดงแบบนี้”
คำล้อเลียนของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวเริ่มรู้สึกตัวเธอแสดงกิริยาให้อีกฝ่ายรู้ตัวเสียแล้ว บ้า..เอ้ย..เคียว แกไม่เคยเจอผู้ชายหล่อหรือไงกัน หญิงสาวบิดมือตัวเองออกจากมือหนาทันทีเมื่อเห็นสายตาของชายหนุ่มที่มองมาอย่างล้อเลียน แต่ก็เพียงครู่เดียวเท่านั้น ดูเหมือนชายหนุ่มก็เริ่มรู้สึกตัวเหมือนกัน พนาพรรษปล่อยมือนุ่มอบอุ่นนั้นออกทันที แล้วหันไปอีกด้านก่อนจะเดินไปที่ลุงหวานที่กำลังยกกระชังหอยมุกขึ้นมาดูความเรียบร้อย
“เป็นไงมั่งลุงหวาน”
ชายหนุ่มถามลุงชื่อหวานแต่หน้าโหดเป็นการเป็นงานทันที แต่ก็ยังไม่วายเหลือบมองหญิงสาวที่กำลังเดินมาหาเขาอย่างระมัดระวัง
“เหมือนเดิมครับ ยังดีอยู่ ช่วงนี้แพลงตอนมาแถวนี้เยอะครับ มุกของเราเลยได้อาหารดีมีประโยชน์ ถ้าเป็นอย่างนี้ทุกวันเราคงได้มุกสวย ๆ เยอะเลยครับนายหัว”
สำเนียงใต้ดังลอดออกจากปากของลุงหวาน ลุงหวานเหลือบสายตาขึ้นมองหน้าหวาน ๆ ของหญิงสาวที่กำลังมองดูกระชังหอยมุกอย่างสนใจ
“ยังไม่ได้แนะนำเป็นทางการนี่ลุงหวานคนดูแลที่นี่ แล้วนี่ก็คุณเคียว ขวัญพรรษ สัตวแพทย์ที่จะมาดูแลฟาร์มนกแล้วก็อาจจะแวะมาดูมุกของเราด้วยถ้าพวกมันมีปัญหา”
หญิงสาวยกมือไหว้ลุงหวานทันทีที่ชายหนุ่มแนะนำเสร็จ
“โอ้โฮ...คุณหมอคนใหม่นี่เอง สวยจั่งฮู้”
ลุงหวานบอกเสียงดัง จนคนเป็นนายต้องปรามด้วยสายตา ขวัญพรรษหน้าแดงขึ้นมาอีกทีเมื่อได้ยินคำชมของลุงหวาน
“เราต้องเลี้ยงมันกี่ปีค่ะกว่าจะเก็บหอยมุกได้”
ความจริงเธอก็พอทราบมาบ้างแต่ความประหม่าทำให้เธอต้องทำเป็นไม่รู้เสียบ้างเพื่อจะหาเรื่องคุยกับลุงหวานปิดบังความรู้สึกของตัวเอง
“สองถึงสามปีก็เก็บได้แล้วครับ แต่ไม่เกินห้าปีนะครับไม่งั้นหอยมันจะคายมุกออก เราก็จะไม่ได้ไข่มุกจากหอยตัวนั้นเลย”
ขวัญพรรษพยักหน้ารับทันทีเมื่อได้ยินลุงหวานอธิบายเป็นภาษากลางด้วยสำเสียงแปร่ง ๆ ลิ้นแข็ง ๆ อย่างไรก็ไม่รู้แต่เธอก็ฟังรู้เรื่อง ชายหนุ่มปล่อยมือหญิงสาวหลังจากที่คิดว่าเธอยืนเองได้แล้ว เขาหันไปคุยรายละเอียดอื่น ๆ กับลุงหวานโดยลืมเธอไปชั่วขณะ หญิงสาวเห็นสองคนกำลังคุยเกี่ยวกับเรื่องหอยมุกเป็นภาษาท้องถิ่นซึ่งเธอฟังไม่ออกก็พยายามขยับตัวเดินมาที่บ่อเล็กที่มีหอยมุกแขวนอยู่อย่างมากมาย หญิงสาวสาวมุกขึ้นมาดูแล้วก็ยิ้มออกมาอย่างพอใจเมื่อระบบการเลี้ยงของที่นี่ดีเพราะไม่มีตัวศัตรูของมุกเกาะอยู่ตามกาบหอยเลย หญิงสาวเหลียวไปมองด้านหลังที่เป็นเหมือนศาลากลางน้ำเสียมากกว่าบ้านเพราะมันเป็นห้องโถงใหญ่ซึ่งมีหลังคาปิดอยู่ ด้านบนกั้นเป็นชั้นลอยน่าจะเป็นที่พักคนงานมั้ง แล้วก็มีบรรไดอยู่ด้านขวามือ จากนั้นก็เป็นลานกว้างประมาณสามสี่เมตรเห็นจะได้เพื่อให้คนงานนั่งแกะและมัดตัวหอยมุกที่ชาวบ้านนำมาขาย แล้วนอกจากนั้นก็เป็นทางเดินเป็นปูนเหมือนหล่อเสาเอาไว้แต่เป็นทางขวางกว้างประมาณครึ่งเมตรเห็นจะได้พาดไปจรดความกว้างอีกด้านหนึ่งของโรงเรือนนั้นหลายสิบอัน แต่ละเสาก็จะมีเหล็กคล้องเกี่ยวกระชังหอยมุกเอาไว้อีกที คนงานหลาย ๆ คนกำลังทำงานกันอย่างขมักเขม้นยิ้มแย้มกันอย่างมีความสุขเสียงสำเนียงท้องถิ่นดังลั่นจนหญิงสาวต้องแอบยิ้มกับวิถีชีวิตที่น่ารักของคนแถบนี้

หลังจากเสร็จงานทั้งหมดแล้ว เวลาพลบค่ำอย่างนี้เป็นเวลาที่คุณหมอคนสวยชอบที่สุด เพราะเธอจะได้เดินเล่นไปรอบ ๆ หาดอย่างไม่ต้องกังวลใจอะไรทั้งสิ้น ขวัญพรรษทอดขาเดินเตะน้ำทะเลที่ซัดมาโดนขาตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า ใจลอยไปถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อหลายชั่วโมงที่ผ่านมา ดูเหมือนความรู้สึกแปลก ๆ ได้เกิดขึ้นในหัวใจเธออีกครั้ง ความรู้สึกอย่างนี้เรียกว่าอะไรกัน ทำไมเธอถึงได้สู้สึกวูบวาบทุกครั้งที่อยู่ใกล้ชายหนุ่ม ถึงแม้ช่วงเวลาแรก ๆ จะไม่ได้เจอกันด้วยความประทับใจก็เถอะ เถื่อนวะขนาดนั้น แถมยังปากเสียอีก แต่ดวงตาคู่นั้นกลับเหมือนมีความทุกข์ ซึ่งเธอก็ไม่รู้ว่ามีอะไร แต่มันก็ทำให้หัวใจเธอคิดถึงแต่นายหัวของฟาร์มนี้ได้เป็นอย่างดี นี่แกใจง่ายไปหรือเปล่าเคียว เจอหน้าเขาไม่กี่ครั้งก็เทหัวใจให้แล้วหรือ หญิงสาวส่ายหน้ากับตัวเองราวกับจะสลัดความรู้สึกนี้ให้ออกไปจากหัวและหัวใจเธอเสียที
“เป็นอะไร ผีทะเลเข้าสิงหรือไง” น้ำเสียงเข้ม ๆ ที่ถามด้านหลังทำให้หญิงสาวหันไปมองด้วยความตกใจ เอ๊ย..ทำไมต้องมาตอนนี้ด้วยนะ ตอนที่หัวใจเธอกำลังอ่อนแอเสียด้วย
“ปะ...เปล่าค่ะ”
ขวัญพรรษตอบเสียงสั่นน้อย ๆ เธอพยายามอย่างยิ่งแล้ว ขออย่าให้เขาจับน้ำเสียงเธอได้เลย
“แล้วมายืนทำอะไรตรงนี้ล่ะ ถึงมันจะเป็นหาดส่วนตัว แต่ก็ยังมีนักท่องเที่ยวทั้งไทยทั้งต่างชาติอยู่ มืด ๆ แบบนี้เดินก็ให้ระวังด้วย”
ความรู้สึกไหววูบบางอย่างเกิดขึ้นในหัวใจของเธออีกแล้ว
“ผมกลัวว่านักท่องเที่ยวจะนึกว่าผีมาเดินตอนมืด ๆ ค่ำ ๆ แบบนี้”
ประโยคต่อมาทำให้หัวใจที่ไหววูบเมื่อสักครู่หยุดลงโดยฉับพลัน ขวัญพรรษแก้มป่องขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินประโยคถัดมาอย่างชัดเจน กิริยาแบบนั้นหาได้รอดพ้นจากสายตาของชายหนุ่มไม่ พนาพรรษอมยิ้มขึ้นมาเขาอยากเอานิ้วจิ้มแก้มป่อง ๆ นั้นให้ยุบเสียที เฮ่ย..นี่เขาเป็นอะไรไปเนี่ย ชายหนุ่มหันไปมองทางอื่นที่ไม่มีหญิงสาวอยู่เพื่อสงบจิตใจที่เริ่มปั่นป่วนของตัวเอง
“แล้วนายหัวมาทำอะไรตรงนี้ล่ะคะ เคียว..เอ้ย..ฉันนึกว่านายหัวนอนแล้วเสียอีก”
คำเรียกที่เธอเรียกตามคนงานทุกคนทำให้พนาพรรษขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างหงุดหงิดในหัวใจนิด ๆ เขาจะหงุดหงิดทำไมเนี่ย กับอีแค่คำเรียกของผู้หญิงคนหนึ่งแค่นั้นเอง
“นี่แค่กี่ทุ่มเอง ผมก็มาตรวจความเรียบร้อยรอบหาดแบบนี้ทุกวัน”
โห..ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะมีคนประเภทนี้อยู่อีก เดินตรวจความเรียบร้อยรอบรีสอร์ตเนี่ยนะ ถ้าแบบนี้แสดงว่าเขาก็เป็นคนเอาใจใส่คนอื่นเหมือนกัน
“ทำไมทำเองล่ะคะ ไม่ให้คนงานหรือคนอื่น ๆ ทำ”
คำถามของขวัญพรรษทำให้ชายหนุ่มยิ้มออกมา
“ผมอยากดูความเรียบร้อยด้วยตัวผมเอง อยากให้คนที่มาพักที่นี่ประทับใจว่าเราใส่ใจเขาแม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้นเอง”
คำตอบของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวแอบยิ้มขึ้นมานิดนึง แต่ก็พยายามเก็บความรู้สึกของตัวเองเอาไว้
“คุณง่วงหรือยังครับ”
ชายหนุ่มถามคนข้าง ๆ ที่ตอนนี้ไม่ต้องถามเขาก็รู้แล้ว ดวงตากลมโตคู่นั้นยังใสแจ๋วอยู่เลย
“ยังค่ะ นายหัวง่วงแล้วหรือคะ ถ้าอย่างนั้นฉันไม่กวนแล้วค่ะ”
ร่างบางกำลังเดินผ่านชายหนุ่มกลับไปยังบ้านพักของตัวเองถ้าไม่ติดเสียงของชายหนุ่มที่รั้งเอาไว้
“ถ้างั้น เดินเล่นกันมั้ยครับ”
คำถามนั้นทำให้ร่างบางที่กำลังจะเดินผ่านเขาไปหยุดนิ่งจังงังชั่วขณะ เธอได้ยินผิดไปหรือเปล่า หญิงสาวหันไปมองหน้าคนชวนอย่างสงสัย ชายหนุ่มชวนแล้วก็ไม่ได้สนใจเลยว่าร่างบางนั้นจะเดินตามเขามาหรือเปล่า ขายาว ๆ เดินไปตามชายหาดเรื่อย ๆ พนาพรรษอมยิ้มนิด ๆ เมื่อเห็นเงาของใครบางคนเดินตามเขามาห่าง ๆ
“คุณเป็นลูกคนเดียวหรือเปล่า”
จู่ ๆ คำถามก็เกิดขึ้นหลังจากเดินเงียบ ๆ กันมาได้สักพัก
“ค่ะ”
เงียบ ไม่มีเสียงตอบอะไรอีกนอกจากนั้น เสียงที่ได้ยินดังลั่นตอนนี้คือเสียงคลื้นน้ำทะเลกระทบหาดทราย
“ทางบ้านคุณเขาไม่ห่วงบ้างหรือ เป็นสาวเป็นนางมาไกลบ้านแบบนี้”
คำถามยังดังแว่ว ๆ ตามสายลมมาเรื่อย ๆ ตัวชายหนุ่มเองก็ยังไม่หยุดเดินเหมือนกัน
“ทางบ้านฉันเข้าใจค่ะ”
เงียบเหมือนเดิมอีกครั้ง
“แล้วแฟน..เขาไม่ห่วงหรือ”
คำถามนี้ทำให้ร่างบางหยุดชะงักไม่ใช่เพราะอะไรแต่เป็นเพราะความแปลกใจเท่านั้นเอง
“ไม่ค่ะ”
หญิงสาวหารู้ไม่ว่าคำตอบแบบนี้ทำให้ใจของชายหนุ่มหวิว ๆ เหมือนกัน นั่นซิหน้าตาแบบนี้ไม่มีแฟนได้อย่างไรกัน นี่เขาคิดอะไรอยู่ พนาพรรษหยุดเดินทันที ก่อนจะพูดอีกครั้งแล้วเดินจากไปโดยไม่รอขวัญพรรษที่ยืนทำหน้างงอยู่ตรงนั้นอีกเลย
“งั้นคุณควรโทรบอกแฟนคุณด้วยว่าไม่ต้องเป็นห่วงที่นี่ปลอดภัยพอ”
น้ำเสียงกระแทกกระทั้นนั้นทำให้ร่างบางที่เดินตามชายหนุ่มอยู่ไม่ห่างนักหยุดเดินฉับพลัน อะไรกันเนี่ย วัยทองหรือไง เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เมื่อกี้ยังชวนเดินเล่นอยู่เลย แต่ทำไมตอนนี้จึงทำเหมือนรำคาญเธองั้นแหล่ะ หญิงสาวกระทืบเท้านิด ๆ ด้วยความไม่พอใจเมื่อเห็นผู้ชายวัยทองคนนั้นเปลี่ยนอารมณ์เดินไปแบบไม่รอเธอ
“บ้า..บ้า..บ้า.เป็นอะไรของเขาเนี่ยะ”
ขวัญพรรษตะโกนบอกอีกฝ่ายเสียงดัง หวังว่าเขาคงจะได้ยินนะ แล้วร่างบางก็เดินย้อนกลับไปยังบ้านพักของตัวเอง
“ถ้าไม่อยากให้เดินด้วยก็บอกดี ๆ ก็ได้”
น้ำเสียงบ่นหงุดหงิดของหญิงสาวยังดังไปเรื่อย ๆ จนถึงบ้านพักของตัวเอง หญิงสาวเปิดประตูบ้านพักแล้วหยิบผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำทันที อาบน้ำดีกว่าเผื่ออารมณ์หงุดหงิดจะหายไปบ้าง หญิงสาวไม่รู้เลยว่าชายหนุ่มที่เดินหงุดหงิดไปเมื่อครู่เดินย้อมกลับตามเธอมาอย่างห่าง ๆ เรื่อย ๆ จนเมื่อหญิงสาวเข้าบ้านพักไปแล้ว พนาพรรษจึงหันหลังกลับไปยังท้องทะเลที่มืดดำนั้นอย่างเหม่อเลย
ฟ้า...ช่วยผมที ทำไมผมรู้สึกแบบนี้ ผมไม่อยากรู้สึกแบบนี้เลย ผมกลัว.. พนาพรรษเอ่ยในใจเบา ๆ เขาไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน เจอขวัญพรรษเพียงไม่กี่ครั้งเอง ทำไมเขาจึงรู้สึกแบบนี้ ทั้งที่ผู้หญิงหลาย ๆ คนก็เข้ามาในชีวิตเขาแต่ก็ไม่มีใครมีอำนาจหรือทำให้ใจของเขาสั่นได้มากเท่าขวัญพรรษอีกแล้ว ความหงุดหงิดเมื่อสักครู่นี้เรียกว่าอะไร แค่ได้ยินเท่านั้นเองว่าหญิงสาวมีแฟนแล้ว เขาก็อยากจะเดินหนีไปให้ไกลจากตรงนั้นเขาไม่อยากได้ยินคำบาดหัวใจอีก ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ อีกที เห็นทีเขาคงต้องอยู่ให้ไกลจากผู้หญิงคนนั้นแล้ว ไม่อย่างนั้นเหตุการณ์ที่เขากลัวมันต้องเกิดขึ้นแน่ ชายหนุ่มหันไปมองบ้านพักหลังนั้นอีกครั้งก่อนจะเดินอ้อมด้านหลังบ้านพักของหญิงสาวเพื่อกลับไปยังบ้านของตัวเองซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตรงนั้นนัก

หลังจากอาบน้ำเพื่อให้สบายอารมณ์ คลายโมโนจากบพฤติกรรมผีเข้าผีออกของนายหัวแห่งป่าหนาวแล้ว ขวัญพรรษก็หยิบโทรศัพท์โทรหาคนที่คิดถึงทันที
“พ่อจ๋า คิดถึงเคียวมั้ย เคียวคิดถึงพ่อจ๋ากับแม่จ๋าที่สุดเลย”
หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้ว อารมณ์ของหญิงสาวก็เริ่มดีขึ้น เธอเลยหยิบโทรศัพท์มือถือโทรหาคนที่เธอคิดถึงมากที่สุดในตอนนี้
“พ่อจ๋าก็คิดถึง แม่จ๋าด้วย สบายดีหรือเปล่าลูก อยู่กินอย่างไรเล่าให้พ่อจ๋าฟังหน่อย”
พัฒน์เอ่ยถามลูกสาวเพียงคนเดียวที่ไปทำงานไกลบ้านด้วยความเป็นห่วง
“ไม่ต้องห่วงหรอกพ่อจ๋าเขามีสวัสดิการให้ เคียวก็กินข้าวที่โรงอาหารของรีสอร์ตนั่นแหล่ะ ไม่ต้องทำกับข้าวเอง กินฟรีด้วยนะพ่อจ๋า”
เสียงเจื้อยแจ้วเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้พ่อจ๋า กับแม่จ๋าฟังยังคงดังต่อไปเรื่อย ๆ จนสักพักก็เงียบไปพร้อมกับไฟที่ดับตามไปด้วย เอาไว้วันพรุ่งนี้ค่อยคิดใหม่แล้วกันว่าทำไมชายหนุ่มผู้เป็นเจ้านายของเธอนั้นถึงได้อารมณ์แปรปรวนง่ายนักสังคมคนแถวนี้คงแคบเดี๋ยวก็รู้ว่านิสัยเจ้านายของเธอเป็นอย่างไรทำไมถึงได้ขึ้น ๆ ลง ๆ เหมือนราคาหุ้นแบบนี้
.......................................................................



เอรินี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 พ.ค. 2554, 21:30:09 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 พ.ค. 2554, 21:49:11 น.

จำนวนการเข้าชม : 1708





<< เพียงพบสบตา   ความรู้สึกนี้เรียกว่าอะไร >>
cherryfirm 21 พ.ค. 2554, 00:35:17 น.
นี่เค้าเรียกว่า บุพเพอาละวาด อ่ะเปล่า...อิอิ


ปูสีน้ำเงิน 21 พ.ค. 2554, 01:21:43 น.
กำลังคิดว่าเคยอ่านจนถึงตอนไหนน้า น่าจะครึ่งเรื่องได้มั้ง


MYsister 21 พ.ค. 2554, 07:35:29 น.
อิอิ ผู้ชายวัยทอง


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account