อาทิตย์พรางดาว
เมื่อความเคียดแค้นชิงชังที่มีมาระหว่างพี่น้องต่างมารดา ทำให้เกิดเรื่องราวต่างที่นำมาซึ่งความสุข เศร้า และโศกนาฏกรรม! ดาวเหนือจะทำอย่างไรเมื่อตะวันฉายผู้เป็นเกลียดเธอจนไม่อยากจะอยู่ร่วมโลก และตฤณจะทำอย่างไรเพื่อปกป้องคนรักไม่ให้โดนทำร้าย ต้องติดตามใน 'อาทิตย์พรางดาว'
Tags: ดราม่า

ตอน: ตอนที่ 43

ตอนที่ 43

ตฤณเดินออกจากห้องผ่าตัด เขาโยนถุงมือยางสีขาวที่ตอนนี้ชุ่มโชกไปด้วยเลือดลงถังขยะ ก่อนจะถอดเสื้อคลุมกันเปื้อนให้กับก้อยเอาไปซัก เขาเพิ่งจะทำการผ่าตัดทำหมันให้กับสุนัขพันธ์เยอรมัน แชพเพิร์ด เพศผู้เสร็จ อาการหลังผ่าตัดของสุนัขตัวใหญ่ไม่น่าเป็นห่วง เหลือแค่รอให้ยาสลบหมดฤทธิ์เท่านั้น เจ้าของสุนัขตกลงที่จะฝากเอาไว้จนกว่าแผลผ่าตัดจะดีขึ้นเพราะกลัวว่าหากเอากลับบ้านไป จะไปซ่าจนแผลฉีก

ชายหนุ่มล้างมือ เดินออกมายังเคาน์เตอร์หน้าร้านเพื่อดูตารางงานว่าวันนี้ต้องออกไปตรวจลูกค้านอกสถานที่หรือไม่ ระหว่างที่กำลังดูอยู่นั้นก็มีอะไรบางอย่างมาสะกิดที่หัวเข่าข้างซ้าย ส่วนข้อเท้าข้างขวาก็มีบางอย่างเข้ามาคลอเคลียพร้อมส่งเสียงอ้อน ‘เมี๊ยว’ ตฤณก้มมองก็พบกับเจ้าแสบเบอร์หนึ่งประจำร้านกำลังนั่งหลังตรง ยกเท้าหน้าสะกิดยิกๆ ดวงตากลมโตมองมาอย่างคาดหวัง ลิ้นสีชมพูหนาห้อยออกมานอกปาก พร้อมน้ำลายยืดบ่งบอกว่าได้เวลาอาหาร (มื้อไหนก็ไม่รู้) แล้วนั่นเอง

เขาหัวเราะหึหึ ทั้งหมั่นไส้ ทั้งเอ็นดู มือหนาวางบนหัวใหญ่สีทอง ขยี้ไปมาอย่างเมามัน เทอร์โบสะบัดตัวให้พ้นจากอุ้งมือมารมองเจ้านายคล้ายจะค้อน แล้วเปลี่ยนเป็นกระดิกหางไปมาอย่างร่าเริง เมื่อตฤณย่อตัวลงนั่งอุ้มเอาเจ้าเบอร์สองขึ้นมาฟัดเล่น ก่อนจะเดินนำพาเจ้าเบอร์หนึ่งไปยังหลังร้านเพื่อให้อาหาร

ตฤณวางชามอาหารทั้งสองใบลงตรงหน้าสุนัขตัวโปรดของเขาและแมวน้อยที่เริ่มโตขึ้นเป็นแมวสาวของคนรัก ถอยออกมานั่งมองทั้งสองตัวกินอาหารอย่างมีความสุข นัยน์ตาคมจ้องมองเจ้าตัวสีทองของตนที่กำลังสวาปามอาหารเม็ดราวกับอดโซมาหลายวันแล้วส่ายหน้ากับความตะกละของเจ้าตัวดี นี่ถ้ามารดาเขามาเห็นเข้า เทอร์โบคงโดนลากไปอบรมมารยาทสุนัขที่ดีแน่นอน ชายหนุ่มเลื่อนสายตาไปที่แมวสาวตัวน้อย เพื่อนต่างสายพันธุ์ของเทอร์โบแล้วก็อมยิ้มออกมา รายนี้นี่คุณแม่สอนมาดี นั่งกินเรียบร้อย ไม่มูมมาม ต่างจากเพื่อนลิบลับ

ไม่นานพออาหารหมดเจ้าตัวเล็กก็เดินนวยนาดเอาหัวเล็กๆมาถูไถกับมือหนาเป็นการอ้อน ตฤณใช้นิ้วเกาคางให้มัน ซึ่งเจ้าตัวก็พอใจสงสัยครางอย่างเป็นสุขก่อนจะล้มตัวลงนอนหงายให้ชายหนุ่มเกาท้องให้ต่อ ตฤณยิ้มน้อยๆนึกไปถึงเจ้าของแมวตัวจริงที่ตอนนี้คงกำลังตั้งใจทำงานอยู่ สายตาอ่อนโยนมองสัตว์เลี้ยงวิ่งเล่นกัน ก่อนที่เจ้าตัวเล็กจะหนีขึ้นต้นไม้ทิ้งให้พี่ใหญ่ของบ้านเกาต้นไม้แกรกๆอยู่ด้านล่างเพราะปีนต้นไม้ไม่เป็น

ตฤณนึกอยากให้ดาวเหนืออยู่ตรงนี้ด้วย หญิงสาวต้องดีใจแน่ๆที่เห็นว่าเจ้าตัวเล็กปีนต้นไม้ได้แล้ว เพราะก่อนจะเกิดเรื่องพวกเขายังช่วยกันลุ้นให้แมวน้อยปีนต้นไม้กันอยู่เลย แต่ก็ไม่สำเร็จเพราะเจ้าตัวเล็กเกิดกลัวขึ้นมา เขาจำได้ว่าคนรักมีท่าทางผิดหวังมาก

มือหนาล้วงเอาโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง จัดการถ่ายภาพความสำเร็จของลูกแมวน้อยเอาไว้สองสามรูป ตฤณเลือกเอาภาพที่ชัดที่สุด พิมพ์ข้อความลงไปว่า ‘หนูทำสำเร็จแล้วค่ะ คุณแม่ดาว’ ก่อนจะกดส่งออกไปยังปลายทาง ภาพนี้คงจะทำให้คนรักของเขาหายเครียดจากงานไปได้บ้าง

“กำลังทำอะไรอยู่เหรอคะ ตฤณ”

เสียงเรียบเฉยไม่บ่งบอกอารมณ์ดังขึ้นเบื้องหลัง ทำให้ชายหนุ่มตัวชาวาบ รีบกดเปลี่ยนหน้าจอทันที แล้วหันไปเผชิญหน้ากับตะวันฉายที่ยืนกอดอกพิงกำแพงทางเดินมองมาอย่างจับผิด ตฤณรีบปรับอารมณ์ ส่งยิ้มสุภาพไปให้

“สวัสดีครับตะวัน มาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับเนี่ย”

ตะวันฉายหรี่ตามองชายหนุ่มแต่ก็ไม่เห็นว่าเขาจะแสดงพิรุธออกมา ก็ตอบคำถามของเขาแต่ก็ยังไม่วางใจ วันนี้เธอจะต้องรีดเอาความลับออกมาให้หมด

“ตะวันเพิ่งมาถึงค่ะ เข้ามาแล้วไม่เห็นมีคนอยู่ในร้านก็เลยเดินมาเรื่อยๆ จนมาเจอคุณ ว่าแต่คุณยังไม่ตอบตะวันเลยว่าเมื่อกี้กำลังทำอะไรอยู่”

“ให้อาหารเทอร์โบกับเจ้าตัวเล็กอยู่ครับ”

“ตะวันหมายถึงกับโทรศัพท์ต่างหากล่ะคะ กำลังโทรหาใครที่ตะวันไม่ชอบขี้หน้าอยู่หรือเปล่า”

“อ๋อ...” ชายหนุ่มลากเสียงยาว นึกรู้แล้วว่าอีกฝ่ายมาทำไมวันนี้ทั้งที่ไม่ได้นัดกันไว้ จะมาจับผิดเขางั้นเหรอ ฝันไปก่อนเถอะ! “... ผมกำลังเช็คอีเมล์อยู่น่ะครับ”

“ขอตะวันดูหน่อยได้รึเปล่าคะ” บอกพร้อมกับแบมือมาตรงหน้า ไม่ยอมให้ปฏิเสธแต่อย่างได้ ตฤณยิ้มน้อยๆวางโทรศัพท์ลงบนมือบาง ตะวันฉายรับไปเปิดดูทันที หญิงสาวชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าหน้าจอที่ปรากฏขึ้นมานั้นเป็นกล่องขาเข้าของอีเมล์ชายหนุ่มจริงๆ

ตะวันฉายมองตฤณที่ยังยืนยิ้มสลับกับโทรศัพท์ในมือ เธอส่งมันคืนให้แล้วเข้าไปเกาะแขนเขา ซบศีรษะลงกับต้นแขน บอกเสียงอ่อย

“ตะวันขอโทษนะคะที่ต้องทำแบบนี้ ก็ตะวันกลัวว่าคุณจะยังไม่เลิกติดต่อกับนังดาว”

“เอาเถอะครับ แต่คราวหน้าอย่าทำแบบนี้ก็พอ”

ตะวันฉายยิ้มดีใจที่ตฤณไม่โกรธ แถมยังยิ้มให้เธออีกโดยไม่รู้เลยว่ายิ้มที่เห็นคือยิ้มการค้าแบบที่ชอบทำเวลามีลูกค้าสนใจสินค้าในร้าน ตฤณดันแว่นขึ้นรีบปลดมือกาวของอีกฝ่ายออก เดินนำเข้าไปภายในร้าน ตะวันฉายรีบเดินตาม เมื่อเจ้าตัวเล็กเห็นตฤณไม่นั่งดูพวกมันเล่นกันแล้วก็กระโดดลงจากต้นไม้วิ่งตามเจ้านายเข้าร้านไปอย่างรวดเร็ว ทำให้เทอร์โบที่รอเล่นงานอยู่ด้านล่างรีบวิ่งตามไปบ้าง

แต่ด้วยความที่ขนาดตัวต่างกัน เจ้าตัวเล็กจึงวิ่งผ่านตะวันฉายได้โดยง่าย ผิดกับเทอร์โบที่ชนเข้าหญิงสาวอย่างแรงจนเซถลาไปกระแทกกับผนัง ตะวันฉายกรีดร้องด้วยความเจ็บและโมโห จ้องตามหลังเจ้าสุนัขตัวแสบไปอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ เทอร์โบชะงักหันมามองเล็กน้อย ก่อนจะสะบัดหัวกลับวิ่งไล่เจ้าตัวเล็กต่อ ไม่เกรงกลัวตะวันฉายเพราะถือว่ามีแบ๊คอัพดี

ตฤณส่ายหน้าให้กับสุนัขตัวโปรดที่ดูจะไม่ปลื้มกับหญิงสาวแม้แต่น้อย มาที่ร้านทีไรเป็นต้องได้เรื่องทุกที ชายหนุ่มเดินย้อนกลับมาสำรวจร่างเพรียวเพื่อดูว่าเป็นอะไรมากหรือเปล่า จะได้ให้ไปโรงพยาบาล เป็นวิธีไล่เจ้าหล่อนทางอ้อมที่เขาคิดได้ในเวลานี้ ‘แหม...เห็นทีต้องให้รางวัลเทอร์โบเสียหน่อย’

“มีแผลตรงไหนหรือเปล่าครับ”

ตะวันฉายรีบถอนสายตาดุดันกลับมามองเขาตาปรอย น้ำตาคลอเบ้า แสร้งบีบหัวไหล่เนียนของตัวเองเบาๆ เหมือนว่าเจ็บทั้งที่ความจริงแล้วไม่เป็นอะไรเลย บอกเสียงละห้อย

“เจ็บหัวไหล่จังเลยค่ะ ไม่รู้ว่าจะช้ำหรือเปล่า ตฤณดูให้ตะวันหน่อยสิคะ”

“เอ่อ ไม่เห็นเป็นอะไรนี่ครับ”

“แต่มันปวดม๊าก มากเลยนะคะ เนี่ย...ดูสิเขียวเลย” ไม่พูดเปล่ายังพยายามกระแซะเข้ามาใกล้จนสัมผัสได้ถึงความนุ่มนิ่มของบางอย่าง และเมื่อจะหันไปมองหัวไหล่สายตาเจ้ากรรมก็ดันไพล่มองต่ำทำให้ ‘เห็น’ อะไรที่เรียกเอาเลือดในกายสูบฉีด ผ่านเสื้อคอลึกรูปตัววีสีชมพูอ่อน

ตฤณอยากจะบ้า เขาไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะถึงจะได้ไม่รู้สึกอะไร หากคนที่ทำแบบนี้เป็นดาวเหนือ เขาคงกระชากมาจูบให้หนำ แต่ว่ามันไม่ใช่เนี่ยสิปัญหาใหญ่ และเขาก็ไม่ใช่คนหื่นกามที่เห็นผู้หญิงไม่ได้ต้องลากขึ้นเตียงซะด้วย ชายหนุ่มหลับตาลง ท่องชื่อดาวเหนือในใจเพื่อทำสมาธิ ก่อนจะยิ้มบางๆ

“ไม่เขียวหรอกครับ ตะวันคงกังวลไปเอง แต่ยังไงเพื่อความสบายใจเดี๋ยวผมไปเอายามาให้ทาแล้วกันรอสักครู่นะ” ตฤณรีบลุกเดินเลี่ยงเข้าห้องทำงานไป ไม่รอให้เจ้าหล่อนได้แย้งอะไร ตะวันฉายกอดอกหน้ามุ่ย รู้สึกขัดใจ เธอพยายามเบียดกระแซะ ดันหน้าอกอวบอิ่มที่เธอภูมิใจให้เห็นแล้วนะ แต่เขาก็ยังยิ้มเฉยไม่สนใจ บ้าที่สุด! ผู้ชายอะไรตายด้านเสียจริง

“มาหาผมเนี่ย มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ” ตฤณเริ่มทายาบริเวณหัวไหล่พร้อมนวดให้หญิงสาวเบาๆ ปากก็ถามเข้าเรื่องเพื่อไม่ให้เสียเวลา ตะวันมองค้อน ย้อนเสียงขุ่น

“ทำไมคะ ไม่มีธุระแล้วจะมาหาแฟนตัวเองไม่ได้เหรอ”

“ไม่ใช่อย่างนั้นครับ แค่แปลกใจเพราะปกติคุณไม่ชอบอยู่ในร้าน ต้องชวนผมไปโน่นนี่อยู่เรื่อยๆ”

“ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ วันนี้ตะวันแค่จะมาจับผิดคุณ” หญิงสาวลอยหน้าลอยตาพูดออกมาตรงๆไม่มีอ้อม “แล้วก็จะย้ำว่าอย่าลืมนัดไปเที่ยวของเราวันพรุ่งนี้ คุณต้องไปรับตะวันที่บ้านด้วยสิบโมง”

ตฤณอึ้งไป เขาลืมไปเสียสนิทใจว่ามีนัดไปเที่ยวกับตะวันฉายพรุ่งนี้ เพราะมัวแต่อารมณ์ดีที่ได้คุยกับคุยกับคนรัก ไอ้เรื่องที่ไม่อยากจะจำเลยถูกลบออกจากสมองเกลี้ยง ร้ายไปกว่านั้นแม่เจ้าประคุณยังหวังให้คนบ้านโน้นรู้ว่ากำลังจะไปเที่ยวกับเขา ถ้าไม่ไปรับก็จะเป็นการเพิ่มความระแวงให้เจ้าหล่อนเข้าไปอีก โธ่!...

งานเข้าแล้วไง ไอ้ตฤณ!


พัดยศนอนอมยิ้มอยู่บนเก้าอี้ชายหาด มองร่างบางของคู่หมั้นสาวที่กำลังวิ่งเล่นกับลูกสุนัขตัวอ้วนขนสีทองที่เขาลากตฤณไปช่วยเลือกเป็นของขวัญวันเกิดเมื่ออาทิตย์ก่อน สีหน้าและแววตาของพรายจันทร์ดูมีความสุขมาก ดีที่เขาตัดสินใจพามาเที่ยวเปลี่ยนบรรยากาศเป็นเวลาสามวันสองคืน คืนนี้ก็คืนสุดท้ายแล้ว

หมู่นี้บ้านหลังนั้นมีแต่เรื่อง พลอยทำให้พรายจันทร์ซึมเศร้าไปด้วย อีกอย่างเขาอยากจะเคลียร์ตัวเองเรื่องของดาวเหนือที่มั่นใจว่าคนรักของเขายังคาใจอยู่ไม่มากก็น้อยให้จบๆไป คำพูดให้ร้ายของตะวันฉายจะได้ไม่มีผลกระทบต่อจิตใจของพรายจันทร์อีก

วันนั้นถ้าไม่ติดว่าพ่อแม่ของตะวันฉายอยู่ด้วย เขาจะขอผิดวินัยสุภาพบุรุษ ตบปากผู้หญิงซะที มีอย่างที่ไหนพูดจาทำร้ายจิตใจน้องสาวตัวเองได้ลงคอ ผู้หญิงอะไรไม่มีคุณสมบัติของความเป็นพี่เอาซะเลย แต่ก็นะจะไปว่าอะไรได้ แค่คุณสมบัติของความเป็นคน ตะวันฉายยังไม่เอาติดตัวมาจากท้องแม่ด้วยซ้ำ

เขาไม่รู้สึกผิดเลยที่ร่วมมือกับตำรวจเปิดโปงตะวันฉาย แม้ว่าคนที่รับบทหนักที่สุดจะเป็นสัตวแพทย์หนุ่มก็ตาม หากแต่เขาไม่ได้นิ่งนอนใจ ให้ความช่วยเหลือด้านข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่เจ้าหน้าที่ เพราะเขาคุ้นเคยกับครอบครัวนี้มานานจนรู้ว่าอะไรเป็นอะไร

ซึ่งนายตำรวจหนุ่มก็เอาข้อมูลที่ได้ไปขยายต่อจนความมั่นใจในเรื่องฆาตกรที่ฆ่าบุษบาและแววคือตะวันฉาย เพิ่มขึ้นสูงกว่าเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว เหลือแค่หาหลักฐานที่จะใช้มัดตัวให้เจ้าหล่อนดิ้นไม่หลุดเท่านั้น ส่วนนี้เป็นหน้าที่ของตฤณที่ทำหน้าตาเหมือนโลกถล่มเมื่อได้ยิน หึหึ..

ไม่รู้ว่าป่านนี้เพื่อนร่วมอุดมการณ์ของเขาจะคลั่งจนพ่นไฟได้แล้วหรือยัง

บ็อก บ็อก

“หือ?” เสียงเห่าแหลมเล็กดังขึ้นที่ข้างหู ทำให้คนที่คิดอะไรเพลินจนเผลอหลับไปต้องสะดุ้งตื่น พอหันไปมองกเจอจมูกโตๆของลูกหมาตัวอ้วนในระยะประชิด ยังไม่ทันที่จะได้กระเถิบหนี ลิ้นเปียกๆสีชมพูก็ยื่นมาเลียแก้มของเขาเป็นการทักทาย พัดยศร้องเฮ้ยดังลั่น คราวนี้ตื่นเต็มตาแล้วจริงๆ ชายหนุ่มถลึงตาใส่ลูกหมาตัวดี แต่พออีกฝ่ายทำตาปรอย หูลู่ หางตกก็อดสงสารไม่ได้เปลี่ยนจากท่าดีดหน้าผากมาเป็นลูกหัวกลมๆนั่นแทน

เสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นเหนือหัว เมื่อเงยหน้าขึ้นไปก็พบกับคนรักที่กำลังหน้าแดงเพราะความขำ พัดยศเขยิบตัวขึ้นนั่ง มองค้อน

“ขำอะไรน่ะจันทร์”

“จันทร์ขำพี่พัด เจอท่าสยบมารของชาบูเข้าไป ใจร้ายไม่ออกเลยสิ”

“ใครว่า พี่รอเวลาอยู่ต่างหาก เย็นเมื่อไหร่ โยนลงหม้อ!” ชายหนุ่มหิ้วคอเจ้าชาบู ยกขึ้นมาในระดับสายตาด้วยมือเดียว หรี่ตามองอย่างเล่ห์พร้อมแสยะยิ้มโรคจิต พรายจันทร์ตาโต รีบคว้าเอาลูกหมาตัวน้อยมากอดเอาไว้อย่างหวงแหน มองคนตัวโตที่ก้าวเข้ามาช้าๆ พร้องเสียงหัวเราะน่ากลัว ร้องห้ามเสียงหลง

“อย่านะ! พี่พัด ถ้าพี่พัดทำอะไรชาบูนะ จันทร์จะฟ้องยายดาว” พรายจันทร์รีบยกเอาน้องสาวคนโปรดขึ้นมาขู่ เพราะหลังจากที่พัดยศเคลียร์เรื่องของเขากับดาวเหนือให้ฟังแล้วเธอก็ไม่มีอะไรต้องกังวลอีก นอกจากนั้นดาวเหนือยังโทรมาหาเธอแล้วบอกด้วยว่า หากพัดยศแกล้งอะไรให้บอกเดี๋ยวจะกลับมาจัดการให้

พัดยศชะงักไป เขาแกล้งทำเป็นกลัวจนตัวสั่น “กลัวแล้วจ้า กลัวแล้ว...ซะเมื่อไหร่!” ก่อนจะกระโดดเข้าไปกอดรัดร่างบางทีเผลอ ทำเอาพรายจันทร์ตกใจปล่อยชาบูหล่นจากอ้อมแขนลงไปนั่งงงกับพื้นทราย

“ว้าย!”

“หึ หึ หึ จับลูกแกะได้แล้ว มามะ มาให้หมาป่าหม่ำซะดีๆ” แล้วหมาป่าเจ้าเล่ห์ก็ก้มลงลิ้มความหวานปานน้ำผึ้งบนกลีบปากสีชมพูอ่อน พัดยศไล้ลิ้นไปทั่วจนพรายจันทร์อ่อนระทวย และเมื่อพอใจแล้ว พ่อหมาป่าก็ผละออกมายิ้นกริ่ม

“อร่อยจังเลย”

“บ้า! พี่พัดบ้าที่สุด จันทร์กลับโรงแรมดีกว่า อยู่แล้วโดนเอาเปรียบ” พรายจันทร์ที่อายจนหน้าแดงหันหลังวิ่งกลับขึ้นที่พักไป สาเหตุมาจากคู่รักชาวต่างชาติคู่หนึ่งที่เห็นภาพหวานเมื่อครู่ ได้หันมาชี้ชวนกันดูเธอกับพัดยศ

พัดยศมองตามไปอย่างเอ็นดู ขายาวก้าวตามคนรักกลับไปบ้าง โดยไม่ลืมที่จะส่งเสียงเรียกเจ้าชาบูให้ตามาด้วย ในใจก็ภาวนาให้ตฤณหาหลักฐานเจอไวๆ พรายจันทร์ของเขาจะได้มีความสุขอย่างนี้ทุกวันซะที

ชายหนุ่มชะงัก เมื่อรู้สึกได้ว่าโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงสั่น เมื่อหยิบขึ้นมาดูก็ต้องหัวเราะเบาๆ กรอกเสียงทักทายอย่างอารมณ์ดี แล้วยกออกห่างไม่ทันเพราะเสียงตวาดของคู่สนทนา

“คุณพัด! คุณต้องกลับมากรุงเทพเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นจะซวยกันหมด!”

“เอ่อ ใจเย็นก่อนดีไหม คุณตฤณ เกิดอะไรขึ้นเหรอ”

แล้วปลายสายก็บอกเล่าถึงเรื่องที่โดนมัดมือชกให้ไปรับตะวันฉายที่บ้าน พัดยศมีสีหน้าเคร่งเครียด ก่อนจะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ

“เอาล่ะๆ คุณใจเย็นๆนะ เดี๋ยวผมจัดการเอง พรุ่งนี้คุณก็ไปรับยายแม่มดตามเวลาที่เขานัดก็แล้วกัน...เถอะน่า เดี๋ยวเรื่องอื่นผมจัดการเอง คุณวางใจเถอะ”

หลังวางสายจากพัดยศแล้ว ตฤณก็ทิ้งตัวลงนั่งกุมขมับกับโซฟากลางบ้านของตน โดยมีวีกิจที่มาคอยดูแลตรีทิพย์อยู่เป็นประจำมองมาอย่างเห็นใจ ชายหนุ่มหน้าตี๋เอี้ยวคอไปมองในครัวที่คนรักของเขากับมารดากำลังช่วยกันทำอาหารกลางวันอยู่ เมื่อเห็นทั้งสองคนไม่มีวี่แววจะออกมาในเร็วๆนี้แน่ เลยถามออกไป

“แล้วนี่คุณพัดยศว่าไงบ้างล่ะพี่”

ตฤณเหลือบมองทั้งที่ยังกุมหัวอยู่ ใบหน้าหล่อดูเครียด คิ้วหนาขมวดเข้าหากัน จนวีกิจนึกกลัวว่าอีกฝ่ายจะแก่ก่อนวัย “เขาบอกเดี๋ยวจัดการให้ ให้พี่ไปรับตะวันฉายตามที่นัดกันไว้”

“แสดงว่าคุณพัดยศคงมีแผนในใจแล้วล่ะ ไปเที่ยวให้สนุกเถอะพี่”

ตฤณเหล่มองคนพูด หมอนี่ลืมไปแล้วใช่ไหมว่าคนที่เขาจะต้องไปด้วยคือใคร

“จะให้สนุกยังไงไหว ไปเที่ยวกับคนอื่นที่ไม่ใช่แฟนตัวเองเนี่ย น้องดาวรู้เข้ามีหวังตายแหง”

วีกิจหัวเราะหึหึ เขาว่ามันมีเรื่องอื่นที่น่ากังวลกว่านั้นมากกว่า “ผมว่าพี่ควรจะเอาเวลาไปนั่งคิดหาวิธีให้ตัวเองปลอดภัยจากการโดนลักหลับมากกว่ามานั่งห่วงเรื่องของดาวนะ อย่าลืมว่าพวกพี่ไปกันสองต่อสอง...” ชายหนุ่มยิ้มกว้างมากขึ้นอีก เมื่อเห็นพี่ชายคนรักหน้าซีด

“...ยิ่งอีกฝ่ายเป็นสาวไฟแรงสูง ชนิดหม้อไฟของการไฟฟ้ายังต้องชิดซ้ายแบบนี้ พี่ควรจะเพิ่มระดับความปลอดภัยให้ตัวเองเป็นสองเท่า เลือกพักกันคนละชั้นไปเลย ยิ่งห่างยิ่งดี แม่มดชุดแดงนั่นจะได้ขี้เกียจหอบสังขารลงมาปล้ำพี่” วีกิจเสนอทางออกให้ หนุ่มตี๋เลิกคิ้วอย่างแปลกใจเมื่อเห็นสีหน้าหมดอาลัยตายอยาก ตฤณบอกเสียงแผ่วคล้ายคนหมดแรง

“ไม่ทันแล้วล่ะ เขามีคอนโดที่หัวหิน”

วีกิจอึ้งไป มองตฤณที่เลื่อนฝ่ามือมาปิดหน้าอย่างไม่รู้จะแนะนำอะไรดี หากพักโรงแรมยังมีโอกาสรอดสูงเพราะอยู่กันคนละห้อง แต่นี่...

เห็นทีงานนี้เขาคงต้องยืนสงบนิ่งไว้อาลัยให้พี่ตฤณเสียแล้ว

วีกิจเอื้อมมือไปตบไหล่หนาของคนอายุมากกว่าเบาๆ แล้วลุกขึ้นเดินไปหาตรีทิพย์ที่ตะโกนเรียก ไม่ลืมที่จะอวยพรส่งท้าย ทำให้คนที่นั่งจิตตกต้องขยี้ผมตัวเองจนยุ่ง ปวดหัวแทบบ้า

“ไปดีนะพี่”

โว้ย! ขอให้หาหลักฐานเจอมันวันพรุ่งนี้เลย สาธุ!


“น้องเป็นสาวขอนแก่น ยังบ่เคยมีแฟน บ้านอยู่แดนอีสาน....” เสียงร้องแบบไม่สนใจทำนองดังขึ้นจากปากของหวานที่กำลังเช็ดราวบันได เด็กสาวเสียบหูฟัง ส่ายสะโพกไปมาให้เข้ากับจังหวะการร้องของตนเองอย่างเมามัน เสียงเพลงที่เปิดดังทำให้ไม่ได้ยินเสียงรอบข้าง จึงไม่เห็นว่าเจ้านายสาวเจ้าอารมณ์ของบ้านกำลังเดินมา

ตะวันฉายที่แต่งตัวเรียบร้อยลงบันไดมาด้วยท่วงท่าราวกับนางพญา เธออยู่ในชุดพร้อมเที่ยว ตัวเสื้อสายเดี่ยวสีชมพูอ่อนโชว์หน้าท้องแบนราบ รับกับกางเกงขาสั้นเหนือต้นขาสีขาวเผยให้เห็นช่วงขาเรียวยาว เนียนสวยอย่างน่าอิจฉา มีกระเป๋าถือใบกะทัดรัดแต่ราคาสูงกว่ารถยนต์คล้องอยู่

ดวงตายาวรีที่กรีดอายไลน์เนอร์สีดำเน้นให้ดวงตากลมโตมองซ้ายขวาอย่างแปลกใจที่วันนี้บ้านเงียบผิดปกติ หญิงสาวตั้งใจจะถามหามารดากับใครสักคน แต่ดูเหมือนว่าวันนี้พวกคนใช้ยุ่งกันหมด แต่แล้วสายตาก็เห็นแม่สาวใช้วัยรุ่นคู่อริเมื่อหลายวันก่อนกำลังเมามันในเสียงเพลงอยู่ที่ปลายบันได หญิงสาวร้องเรียก

“นี่นังหวาน”

“...น้องเป็นสาววัยอ่อน ได้แต่นอนตะแคง ยามเมื่อแลงฝันหวาน...”

ตะวันฉายหายใจเข้าลึก ระงับความหงุดหงิดที่เริ่มก่อตัวขึ้นเมื่อเห็นว่าหวานยังคงเต้นไปมา ไม่ได้ยินที่เธอเรียก น้ำเสียงที่ใช้จึงเข้มขึ้น

“นังหวาน” แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล เส้นอารมณ์ที่เปราะบางจึงขาดลงทันใด ตะวันฉายตวาดเสียงก้อง มือเรียวกระชากไหล่ของสาวใช้ให้หันมา

“นังหวาน!”

“...จะมีชายใดไผแดต้องการ จะมีชะ...ว้าย! คุณตะวัน!” พอหันมาเห็นหน้าถมึงทึงของเจ้านายสาว หวานรีบเอาหูฟังยัดลงกระเป๋าโดยด่วน ทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นก้มหน้านิ่งไม่กล้าสบตาดุของตะวันฉาย

“ฉันเรียกแกจนคอแทบแตก ก็ยังจะร้องอยู่ได้ เสียงอย่างกับเป็ดถูกเชือดแล้วยังสะเออะร้อง ทุเรศ!”

ตะวันฉายตวาดจนเด็กสาวหน้าจ๋อย ปลายนิ้วชี้ผลักหน้าผากของสาวใช้จนแหงนไปด้านหลัง “ถ้าอยากจะร้องเพลงนักก็เชิญเก็บข้าวของแล้วกลับไปร้องให้วัวให้ควายที่บ้านแกฟังโน่น ไป๊!” พอด่าเสร็จก็เดินลิ่วเข้าไปในห้องนั่งเล่น หวานเบ้ปาก ก่อนจะรีบลุกตามไปเพราะอีกฝ่ายตะโกนสั่ง

ตะวันฉายทิ้งตัวลงนั่ง วางกระเป๋าสะพายใบเล็กลงข้างตัว หันไปถามสาวใช้ “แล้วนี่คุณแม่กับคุณย่ายังไม่ตื่นเหรอ บ้านเงียบเชียว”

“ ตื่นแล้วค่ะ แต่ไม่อยู่”

“อ้าว! ไปไหนกัน”

“คุณพัดยศมารับออกไปตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ เห็นว่าจะไปดูฤกษ์แต่งงานกัน” หวานรายงานตามที่ได้ยินมา ตะวันฉายหันขวับกระชากแขนเด็กสาวเข้าไปไกล บีบแน่นจนหวานน้ำตาคลอ ตะคอกถาม

“แกว่าอะไรนะ ฤกษ์แต่งงานงั้นเหรอ ของใคร!!”

“โอ๊ย! คุณตะวัน หวานเจ็บ ปล่อยหวานก่อนค่ะ” เด็กสาวโอดครวญ ตะวันฉายชะงักยอมคลายแรงบีบลงแต่ยังไม่ปล่อยมือ

“เอาล่ะ เลิกสำออยแล้วตอบฉันมาว่าฤกษ์แต่งงานของใคร”

“ของคุณพัดยศกับคุณจันทร์ค่ะ”

“ก็เท่านี้ เล่นตัวอยู่ได้” ตะวันฉายสะบัดมือ โล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็ผิดหวังเพราะแผนเปิดตัวตฤณกลายเป็นหมันไปด้วยไม่มีใครอยู่บ้าน นึกเคืองไอ้ว่าที่เจ้าบ่าวอย่างพัดยศไม่น้อย ที่บังอาจมาตัดหน้าโฉบเอามารดาไป สงสัยอยู่แล้วเชียวว่าทำไมถึงกลับจากการพักผ่อนก่อนกำหนด นึกว่ามีงานด่วนที่แท้ก็แค่เรื่องไร้สาระ

ตะวันฉายเลิกสนใจ ไม่เป็นไรวันนี้ผิดแผน วันหน้าก็ยังมี คราวนี้ควงโชว์ต่อหน้านังดาวเหนือซะเลย จะได้เห็นมันกระอักเลือดตายต่อหน้า สะใจกว่ากันตั้งเยอะ หญิงสาวคว้าเอานิตยสารหัวนอกที่บอกรับอยู่เป็นประจำขึ้นมาอ่าน ปากก็สั่งกับหวานไปด้วย

“นังหวาน เดี๋ยวแกขึ้นไปเอากระเป๋าเสื้อผ้าที่วางบนเตียงมาให้ฉันที แล้วจัดการซักผ้าด้วย ฉันไปเที่ยวสามวัน กลับมาถ้าเสื้อฉันไม่สะอาด แกโดน”

หวานรับคำ ทำท่าจะออกไปจัดการงานที่ได้รับ “เดี๋ยว” เด็กสาวชะงักหันไปกลับไปมองเจ้านายงงๆ

“ลืมไป ยังมีเสื้อที่ฉันซื้อมาใหม่อยู่หนึ่งถุง ในตู้นะ เอาออกมาซักให้หมดด้วย ดูป้ายที่ติดก่อนนะยะ ว่าให้ซักมือหรือซักเครื่อง จำไว้ด้วยเสื้อฉันราคาแพงชนิดที่แกทำงานทั้งชาติยังไม่มีปัญญาซื้อ”

“ค่า...” เด็กสาวลากเสียงยาวอย่างหมั่นไส้ ตะวันฉายมองค้อนก่อนจะหันมาสนใจกับหนังสือในมือต่อ เหลือบมองนาฬิกาเล็กน้อยเห็นว่าเหลืออีกสิบห้านาทีกว่าจะถึงเวลานัด

หวานเดินกระแทกเท้าเข้าไปในห้องเจ้านาย เด็กสาวบ่นมาตลอดทาง “สั่ง สั่ง สั่ง! อยู่นั่นแหละ จิกหัวด่าได้ทุกวัน เขาเลิกทาสกันไปนานแล้วย่ะ”

หวานมองกระเป๋าเสื้อผ้าใบไม่มากที่วางบนเตียงตามที่อีกฝ่ายบอก แล้วเดินไปที่ตะกร้าใส่เสื้อผ้าใช้แล้วข้างประตูห้องน้ำ คะเนจากสายตาแล้วเห็นว่าพอจะถือลงไปพร้อมกันได้ เด็กสาวจึงเดินไปเปิดตู้หยิบเอาถึงกระดาษเคลือบมันพิมพ์ชื่อแบรนด์หราขึ้นมา หยิบของข้างในมาคลี่ดู เบ้ปาก

“เนี่ยนะราคาเป็นหมื่น อีหวานเจอที่ตลาดนัดแบบเดียวกันแค่ร้อยห้าสิบเอง คนซื้อนี่ต้องทั้งโง่ ทั้งบ้าไม่เบา” แล้วก็โยนลงตะกร้าไปพร้อมกับตัวอื่นๆ ขณะที่กำลังจะปิดตู้ สายตาก็เหลือบไปเห็นอะไรแดงๆตรงด้านของถุงกระดาษใบเมื่อครู่ หวานค่อยๆหยิบมากางดูพบว่ามันคือเสื้อของตะวันฉายที่เต็มไปด้วยคราบเลือดเกรอะกรังจำนวนมากจนแทบจะดูไม่ออกถึงความงามดั้งเดิมของมัน แต่ก็ไม่ติดใจว่าเพราะอะไรตะวันฉายถึงต้องเอาเก็บไว้มุมในสุดของตู้ เพราะคิดว่าเป็ชุดที่ตะวันฉายใส่เมื่อตอนล้มกระแทกกระจกเมื่อสองวันก่อน

เด็กสาวโยนเสื้อเปื้อนเลือดตัวนั้นลงตะกร้าไปด้วย ตั้งใจไปถามว่าจะทำยังไงกับเสื้อตัวนี้ดี จะให้ทิ้งหรือซัก แต่แหมถ้าเป็นเธอ คงทิ้งอย่างเดียว เปื้อนซะขนาดนั้น ผงซักฟอกเป็นถึงยังซักไม่ออกเลย


ตะวันฉายนั่งกอดอก มองหน้าบ้านสลับกับนาฬิกาอย่างหงุดหงิด เลยเวลานัดมาห้านาทีแล้วแต่ตฤณก็ยังไม่มา โทรไปก็ไม่รับ หรือเขาคิดจะเบี้ยวเธอ ก็ลองดูสิ แม่จะตามไปอาละวาดถึงบ้านเลย มือเรียวหยิบนิตยสารมาเปิดผ่านๆเป็นรอบที่สาม หวานเดินเอากระเป๋ามาวางให้ ร้องเรียก

“คุณตะวันขา เสื้อตัวนี้ให้ทำยังไงดีคะ”

หวานหยิบเสื้อตัวที่ว่าขึ้นมากางออก ตะวันฉายหันไปมองอย่างรำคาญ ก่อนใบหน้านวลจะซีดเผือด ดวงตาเบิกกว้างอย่างตระหนก ความทรงจำในคืนนั้นกลับมาทันที และเมื่อตั้งสติได้ตะวันฉายก็กระชากมันมาไว้กับตัว ตวาดหวานเสียงลั่น

“แก...ใครให้แกเอาเสื้อตัวนี้ออกมาฮะ นังบ้า!”

“หวานเห็นมันซุกอยู่ที่มุมตู้ คิดว่าคุณตะวันคงลืมหยิบใส่ตะกร้า เลยหยิบมาดู เห็นมันเปื้อนเลยเอาลงมาถามว่าจะหวานทำยังไง” เด็กสาวรีบแก้ตัว ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องโมโหขนาดนั้น

“สอด! สาระแนทุกเรื่อง ทีหลังทำที่ฉันสั่ง ไอ้ที่ไม่ได้สั่งไม่ต้องยุ่ง ไป ไปให้พ้นหน้าฉันเลยนังหวาน!” ตะวันฉายไล่เด็กสาว หวานรีบอุ้มตะกร้าผ้าวิ่งออกไปไม่เหลียวหลัง กลัวว่าอยู่นานกว่านี้เธอคงโดนตบเป็นแน่ ตะวันฉายยืนหอบหายใจ มองตามหลังสาวใช้วัยรุ่นไป มือที่ถือเสื้อเปื้อนเลือดนั้นกำแน่น หญิงสาวจ้องมองมันด้วยดวงตาวาวโรจน์
“ฉันไม่ยอมให้แกมาทำลายชีวิตฉันหรอกนังบุษบา แกต้องตายแบบที่หาฆาตกรไม่เจอตลอดกาล!”


ตะวันฉายเดินฉับๆไปยังสวนหลังบ้านมือข้างหนึ่งถือเสื้อเปื้อนเลือด อีกข้างถือไฟแช็กกับน้ำมันก๊าดไว้ มองซ้ายขวา เมื่อเห็นว่าปลอดคนก็โยนหลักฐานหนึ่งเดียวที่สามารถมัดตัวเธอได้ลงไปบนกองใบไม้ที่ถูกกวาดมารวมกันรอเผา ราดน้ำมันก๊าดตามลงไปจนชุ่ม มือเรียวจุดไฟแช็ก โยนลงไป รอจนไฟลุกท่วมใบไม้ค่อยเดินจากไป หญิงสาวแสยะยิ้มมุมปากอย่างพอใจ เท่านี้ก็ไม่มีใครทำอะไรเธอได้อีกแล้ว ตะวันฉายไม่รู้เลยว่าตัวเองได้ทำพลาดไปแล้ว

ใครคนหนึ่งที่แอบดูอยู่หลังต้นมะม่วงรีบวิ่งเข้าไป ชายหนุ่มมองหาไม้มาเขี่ยเอาเสื้อในกองไฟออกมา ดวงตาหลังแว่นสายตามุ่งมั่น หลังจากใช้ความพยายามอยู่ไม่นานสิ่งที่เขาต้องการก็หลุดออกมาจากกองไฟ ตฤณใช้เท้าดับไฟบางส่วนติดมาด้วย มองสภาพหลักฐานเพียงชิ้นเดียวที่เหลือแค่ครึ่งเดียวอย่างมีความหวัง

มือหนามองหาพื้นที่ที่ไม่เปื้อนเลือด ค่อยๆคีบขึ้นมายัดใส่กระเป๋ากางเกง ตฤณปาดเหงื่อบนหน้าผาก นึกขอบคุณสวรรค์ วันนี้เขาจอดรถเอาไว้ด้านนอกเพราะไม่อยากจะเสียเวลากลับรถ แล้วเดินเข้ามาในบ้านแทนก็เห็นว่าตะวันฉายกำลังเดินไปด้านหลังของบ้านอย่างรีบร้อน ท่าทางระแวดระวังกลัวใครเห็น ในมือถืออะไรบางอย่างเอาไว้ด้วย ลางสังหรณ์ของเขาก็บอกว่ามันต้องเกี่ยวกับคดีของคุณบุษบาไม่มากก็น้อย และเขาต้องพิสูจน์ให้รู้ให้ได้

พอตามมาก็เห็นหญิงสาวโยนเสื้อเปื้อนเลือดลงไปเผา เขายิ่งมั่นใจว่าที่เขาคิดต้องถูก รอจนกระทั่งตะวันฉายเดินกลับไปแล้วจึงรีบออกมา ตฤณรีบย้อนไปทางประตูทางเข้าที่ดาวเหนือทำเอาไว้เวลาอยากออกจากบ้านโดยไม่ต้องผ่านบ้านหลังใหญ่เพื่อที่จะเอาหลักฐานที่ได้มาไปเก็บ พร้อมกับโทรศัพท์หานายตำรวจเจ้าของคดี

“ผู้กองนพนธ์ ผมมีของบางอย่างจะให้คุณดู เดี๋ยวผมแวะไปหาที่ร้าน...”


“แหม..เพื่อนคุณนี่น่าโมโหจริงๆ รอนิดรอหน่อยก็ไม่ได้” ตะวันฉายนั่งกอดอกหน้างออยู่บนรถ บ่นพึมเมื่อตฤณบอกว่าต้องแวะเอาของให้เพื่อนก่อน เธอยังงอนไม่หายเรื่องที่เขามาช้าไปตั้งเกือบครึ่งชั่วโมง แม้เหตุผลเรื่องรถติดที่ให้จะเป็นอะไรที่น่าเชื่อถือก็ตาม ตฤณส่งยิ้มให้หล่อน มือก็เอื้อมไปกุมอีกฝ่ายไว้ แก้ตัวแทนเพื่อน

“เห็นมันบอกว่าต้องรีบใช้ ช่วยไม่ได้จริงๆครับ ตะวันรอแปบนะครับ”

“เห็นแก่ตฤณนะคะ ไม่งั้นตะวันเข้าไปอาละวาดเพื่อนคุณนานแล้ว”

ตฤณไม่พูดอะไร รีบหยิบถุงใส่ ‘ของ’ ที่ว่า ตรงเข้าไปในร้าน เพื่อไปพบ ‘เพื่อน’ ที่นัดไว้ ร้อยตำรวจเอกนพนธ์โบกมือเรียกที่โต๊ะด้านในสุด นายตำรวจหนุ่มมาพร้อมกับลูกน้องคนสนิท

“นั่งก่อนครับคุณตฤณ”

“ไม่ได้หรอกครับ ตะวันฉายมาด้วย นี่ผมก็บอกว่าเอาของมาให้เพื่อนด่วน เขาเลยไม่สงสัย” คุณหมอหนุ่มบอกปัด ก่อนจะยื่นถุงกระดาษไปข้างหน้า “นี่ครับของที่ว่า”

ผู้กองหนุ่มรับเอามาเปิดดู ยิ้มมุมปาก เลื่อนส่งให้ร้อยตำรวจตรีพิษณุรับไป พร้อมออกคำสั่ง “เอาไปให้ฝ่ายพิสูจน์หลักฐานนะหมวด บอกเขาว่าให้เทียบหาว่าเลือดบนเสื้อเป็นของใคร เอาด่วนที่สุด”

“ครับผู้กอง” นพนธ์หันกลับมาหาตฤณ บอกอย่างมั่นใจ

“อีกไม่กี่วันเราก็จะได้รู้ความจริงกันแล้วครับ”

ตฤณถอนหายใจไม่ใช่หนักใจอย่างทุกครั้ง แต่โล่งใจมากกว่า เรื่องเลวร้ายกำลังจะจบลงสินะ ชายหนุ่มส่งยิ้มให้เพื่อนร่วมขบวนการอีกครั้ง ก่อนจะขอตัวกลับไปหาตะวันฉายเพื่อไปหน้าที่แฟนกำมะลอครั้งสุดท้าย

---------------------------------------------------------------------------------------
กลับมาพร้อมเหล่าสี่ขากันครึ่งตอน คราวนี้พระเอกของเราได้หลักฐานแล้ว มารอลุ้นกัน

ว่าจะใช้วิธีไหนเปิดโปงตะวันฉาย

เรื่องนี้ก็มาถึงโค้งสุดท้ายแล้วค่ะ เหลืออีกแค่สองตอนเท่านั้น

รอติดตามตอนจบกันได้นะคะ ก่อนสิ้นปีแน่นอน

เจอกันตอนหน้าค่ะ ติชมได้ค่ะ



ไอจันทร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 ธ.ค. 2555, 19:20:48 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 ธ.ค. 2555, 19:20:48 น.

จำนวนการเข้าชม : 1624





<< ตอนที่ 42   ตอนที่ 44 >>
sai 17 ธ.ค. 2555, 20:24:13 น.
โอ้ยยยย ลุ้นๆๆๆๆ พี่ตฤณเอาตัวรอดให้ได้นะคะ


wii 17 ธ.ค. 2555, 21:01:52 น.
เอ้าจะโดนปลํ้าหรือเปล่าเนี่ย


ใบบัวน่ารัก 17 ธ.ค. 2555, 22:05:17 น.
ให้ไวเลย สงสารดาวบ้างซิ
ทำไรนึกไว้เยอะๆๆ
ไงก่อนวันที่30ธค55เด้อ


กาซะลองพลัดถิ่น 18 ธ.ค. 2555, 00:12:00 น.
กลัวว่าวันหนึ่งตฤนจะพลาดท่าเสียทีให้กับตะวันจริง ๆ ถ้าเป็นแบบนั้นก็หมายความว่าอธรรมชนะธรรมะ ล่ะนะ.... สงสารดาว


anOO 18 ธ.ค. 2555, 17:39:03 น.
ลุ้นจริงๆ นะเนี้ย หลักฐานมีแล้วแต่ไม่รู้จะเอาผิดกับยัยตะวันได้ไหม
หวังว่าคุณตฤณคงไม่ซวย..ไปมากกว่านี้นะ ยัยดาวอย่าเพิ่งกลับมาล่ะ


goldensun 19 ธ.ค. 2555, 22:19:54 น.
ลุ้นจัง ได้หลักฐานแล้วอย่างนี้ ตฤณยังต้องใกล้ชิดตะวันฉายเพื่อรอผลยืนยันสิ
เอาตัวรอดให้ได้นะ ไม่อยากให้เสียทีตะวันฉายเลย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account