เกลียดนักดันรักเธอ
ก็คนเกลียดกันมาตั้งนาน จะให้รักกันแบบธรรมดาๆ ได้ยังไง?
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: 3. บุญคุณต้องทดแทน ความแค้นต้องรับภาระ

เสียงปืนที่ดังขึ้นมานั้นทำเอาทั้งสามชะงักกึก และคนที่ได้สติก่อนคือลูกสาวที่คว้าปืนมาจากผู้เป็นพ่อจนได้

“โดนป๊ารึเปล่าเนี่ย!” ทับทิมเสียงสั่น กวาดสายตาสำรวจร่างของผู้เป็นพ่อด้วยความตกใจ

“ป๊าไม่เป็นไร แล้วหนูล่ะอาทิม” การุณรีบละล่ำละลัก พลิกตัวลูกสาวกลับหน้ากลับหลังเช่นกัน แต่เมื่อไม่เห็นรอยใดๆ ที่เกิดจากลูกกระสุน ทั้งคู่ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก

“เฮ้อ...โชคดีไปไม่มีใครเป็นอะไร” ทับทิมพูดพลางยิ้มอย่างพอใจ

“ไม่มีใครเป็นอะไรที่ไหนกัน!” แต่ทว่าเสียงของปุณที่ดังขึ้นมากลางวง เรียกให้สองพ่อลูกหันไปมองเป็นตาเดียว จึงได้เห็นภาพชายหนุ่มทรุดฮวบลงนั่งพิงกับรถ พร้อมเลือดที่ไหลท่วมต้นขาซ้าย จนเปราะเปื้อนกางเกงและพื้นเต็มไปหมด

การุณและทับทิมหน้าถอดสีทันที หลังเห็นเลือดสีแดงสดไหลทะลักจากมือซ้ายของหนุ่มดวงซวยจนโชกชุ่ม มือไม้ของลูกสาวสั่นระริก เพราะไม่เคยพบกับเหตุการณ์ระทึกขวัญเช่นนี้มาก่อน แข้งขาก็พานอ่อนเปลี้ยเพลียแรง จนต้องเกาะแขนของผู้เป็นพ่อเอาไว้

“ป๊า เราจะทำยังไงกันดีล่ะ” ทับทิมเขย่าแขนการุณที่ทำหน้าเครียดด้วยความร้อนใจ

“จะทำอะไรก็รีบๆ ทำเถอะ ผมเริ่มจะไม่ไหวแล้ว” ปุณที่นั่งพิงรถท่าทางไร้เรี่ยวแรงเริ่มหน้าซีดเผือด มือใหญ่พยายามกดปากแผลที่มีเลือดไหลทะลักออกมาอย่างเจ็บปวด ยิ่งเสียเลือดเยอะเท่าไร ยิ่งรู้สึกหน้ามืดมากเท่านั้น

“อะ อาทิมไปเอารถออกเร็ว!” การุณบอกเสียงสั่น โดยลืมฉุกคิดไปว่าถึงแม้จะมีรถมากมายเพียงใด ก็ไม่สามารถจะขยับเขยื้อนไปไหนได้

“ออกได้ที่ไหนล่ะป๊า!” ทับทิมหน้าเสีย สติที่มีอยู่กระเจิดกระเจิง “ก็รถนายนี่มันจอดขวางทางอยู่ จะทำยังไงดี ปล่อยให้ตายตรงนี้ก็ไม่ได้ รถก็ไม่มี!”

“งั้นไปเรียกรถพยาบาลเร็วอาทิม ทิ้งไว้นานเดี๋ยวไอ้หนุ่มนี่เกิดตายโหงขึ้นมา ป๊าก็ติดคุกสิวะ เร็วๆ!”

ได้ยินดังนั้นลูกสาวที่มือไม้สั่นเทา ก็รีบคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเบอร์ฉุกเฉินอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาไม่นานนักปลายทางก็รับสาย ทับทิมจึงรีบแจ้งที่อยู่และสภาพของคนเจ็บไปเสียงสั่น ก่อนจะวางสาย แล้วเหลือบไปมองยังร่างสูงของคนดวงซวยที่เริ่มไร้สติเข้าไปทุกทีอย่างเป็นห่วง พร้อมเดินเข้าไปนั่งยองๆ ข้างหนุ่มหน้าซีดที่มีเหงื่อเม็ดโตผุดพรายขึ้นเต็มใบหน้า

“รอแป๊บนะ เดี๋ยวรถพยาบาลก็มาแล้ว” ทับทิมพูดเสียงสั่น ทั้งรู้สึกผิดและหวาดกลัวว่าจะเป็นต้นเหตุหากทำให้เขาต้องมีอันเป็นไป

อย่าตายนะ...ฉันกลัวนายตามมาหักคอ

อีกฝ่ายทำได้แค่พยักหน้ารับ เพราะมันเจ็บจนเริ่มทนไม่ไหว ใบหน้าที่เคยซับสีเลือดก็ค่อยๆ ซีดลง จนทับทิมใจเสียมากยิ่งขึ้น

“ป๊า รีบไปเอาผ้าขนหนูมาห้ามเลือดนายนี่ก่อนเร็วเข้า” ลูกสาวหันไปบอกผู้เป็นพ่อที่กลายสภาพเป็นคนงกๆ เงิ่นๆ หลังเจอเหตุการณ์ระทึกขวัญ ได้ยินดังนั้นการุณก็พยักหน้ารับรีบวิ่งเข้าไปในบ้าน ก่อนจะกลับออกมาด้วยผ้าห่มผืนบางสีชมพูสดใส

“มันผ้าขนหนูที่ไหนล่ะป๊า นี่มันผ้าห่มนะ!”

“ป๊าเห็นเลือดมันเยอะนี่ กลัวมันจะไม่พอ” ผู้เป็นพ่อบอกเสียงสั่น ปรายตาไปมองหนุ่มหน้าซีดที่นั่งพิงหลังอยู่กับรถอย่างกลัวความผิด

“เอาวะ ผ้าห่มก็ผ้าห่ม” ทับทิมตัดบทรับผ้าห่มมาจากมือพ่อ เพื่อจัดการพันมันเข้ากับต้นขาเลือดโชกของปุณ แม้มือจะสั่นแค่ไหน แต่เธอก็ไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบนี้ไปได้

ปุณฝืนเปลือกตาหนักอึ้งขึ้นมามองคนที่กำลังจัดการกับเลือดตรงต้นขาของเขาอยู่ แม้อยากจะจัดการแม่สาวแสบคนนี้ขนาดไหน แต่ความเจ็บที่กำลังปะทุขึ้นมาเรื่อยๆ ก็ทำให้เขาไม่สามารถฝืนขยับตัวทำอะไรได้เลย



ไม่นานนักหลังจากที่ทางโรงพยาบาลได้รับแจ้งเหตุปืนลั่น ปุณก็ถูกนำตัวไปยังแผนกฉุกเฉินทันที โดยมีชายวัยหกสิบรูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเครา เดินวนไปเวียนมาหน้าห้องราวกับหนูติดจั่น ผมสีดำที่มีสีขาวขึ้นแซมทั้งหัว ดูยุ่งเหยิงไร้ระเบียบไม่เหมือนกับทุกวัน รอยย่นระหว่างคิ้วหนาก็เริ่มจะเห็นชัดขึ้น เมื่อเจ้าของยังขมวดมุ่นด้วยความกังวลจนนั่งไม่ติด

ทางฝ่ายลูกสาวเองที่นั่งอยู่ตรงม้านั่งหน้าห้องก็ร้อนรนไม่แพ้กัน แม้จะรู้ดีว่าบาดแผลจากกระสุนปืนนั้นไกลหัวใจ ทว่าเลือดที่ไหลนองอยู่บนพื้นมันก็มากเสียจนเธออดว้าวุ่นใจไม่ได้ แถมสีหน้าครั้งสุดท้ายก่อนจะเข้าห้องผ่าตัดของคู่อรินั้นก็ยังซีดเซียวราวกับซากศพ สิ้นฤทธิ์คนเคยปากดีจนแทบไม่เหลือเค้า

“ป๊า...ป๊าว่านายนั่นจะเป็นไรมากรึเปล่า”

ทับทิมถามขึ้นด้วยความหวาดหวั่น กลัวจะเป็นต้นเหตุให้คู่อริตาย แล้วจะกลายเป็นความผิดที่เธอไม่สามารถปฏิเสธได้

“คงไม่เป็นอะไรมากนักหรอกน่าอาทิม เชื่อป๊า” การุณให้ความหวัง แม้ว่าจะไม่ค่อยแน่ใจนักก็ตาม

“แต่ทิมกลัวจังป๊า ถ้าเกิดหมอนั่นเอาเรื่องเราขึ้นมาจะทำยังไงดีล่ะ แม่เอาตายแน่”

เพียงแค่คิดไปถึงใบหน้าโกรธเกรี้ยวของคุณบุษราคัม ลูกสาวก็แทบอยากจะร้องไห้ออกมาเสียตรงนั้น

คนที่ฟังอยู่ถึงกับสะดุ้งโหยง รู้ดีว่าหากภรรยาเขารู้เรื่องนี้ มีหวังมีหวังตายสถานเดียว ขนาดเคลียร์กับตำรวจเกี่ยวกับเหตุปืนลั่นที่เขาเพิ่งจัดการมา ยังไม่น่ากลัวเท่านี้เลย เพราะตำรวจที่ไปเคลียร์ก็เพื่อนกันทั้งนั้น แต่คนที่ยังไม่ได้เคลียร์นี่สิ...น่ากลัว!

“งั้นเราก็อย่าบอกเรื่องนี้ให้แม่หนูรู้เลยนะอาทิม” การุณพูดเสียงเบา แต่ทว่าก็ยังมีคนได้ยินอยู่ดี

“อย่าให้แม่รู้เรื่องอะไร”

สิ้นเสียงดุๆ ของใครคนหนึ่ง หนุ่มใหญ่ก็สะดุ้งเฮือก ใบหน้าเข้มเต็มไปด้วยหนวดซีดเผือด ก่อนจะทำใจดีสู้เสือหันไปหาต้นเสียงที่เป็นหญิงวัยห้าสิบตอนปลาย รูปร่างท้วมนิดๆ ทว่าใบหน้าก็คงความสวยเอาไว้ตามอายุ ขณะเดินเข้ามาพร้อมลูกจ้างสาวตัวใหญ่บึกบึน หน้าตากร้านแดดกร้านลม แต่ดวงตาสุกใส นิสัยซื่อตรง

“อะ...อาแม่ มาที่นี่ได้ยังไงจ๊ะ”

“กระโดดร่มมามั้งคะอาป๊า” บุษราคัมสวนกลับทันควัน คิ้วงามเลิกสูงขึ้นเพื่อหยั่งเชิง “อย่านึกนะว่าแม่ไม่รู้ว่าป๊าไปทำอะไรกับลูกมา” พูดแล้วก็ปรายตาไปมองลูกสาวตัวดีที่นั่งทำตัวลีบๆ อยู่หลังพ่อ ที่กำลังพยายามทำตัวลีบไม่แพ้กันไปไหน

“มันเป็นอุบัติเหตุจริงๆ นะแม่ ทิมกับป๊าไม่ได้ตั้งใจซะหน่อย”

ลูกสาวรีบบอกก่อน เพราะกลัวจะโดนหนักกว่านี้ หากยังคิดที่จะโกหก ขณะหันไปพยักพเยิดกับผู้เป็นพ่อ

“ก็ไอ้หมอนั่นมันมาลวนลามลูกสาวเราก่อนนะ” การุณพูดเสียงอ่อน เรียกคะแนนความสงสาร

บุษราคัมยืนกอดอกหรี่ตามองสามีด้วยความอิดหนาระอาใจ ไม่เข้าใจว่าเหตุใดการุณถึงไม่เคยใจเย็นลงตามอายุที่มากขึ้นเหมือนคนปกติคนอื่นเขาบ้าง กระทั่งลูกสาวที่เธออุตส่าห์เลี้ยงดูฟูมฟักมาอย่างดี ได้รับนิสัยใจร้อนแบบนี้ไปเต็มๆ

“แม่ไม่เชื่อว่าจะมีคนบ้าที่ไหนคิดจะมาลวนลามผู้หญิงหน้าบ้านของเธอหรอก เรื่องนี้มันต้องมีเหตุ” พูดพลางหันไปมองลูกสาวที่นั่งตัวลีบแล้วลีบอีกอย่างคาดคั้น “ว่าไงทับทิม บอกแม่มาซิว่าเรื่องมันเกิดขึ้นได้ยังไง”

“เอ่อ...มัน...เอ่อ...คือว่า...” จู่ๆ ลูกสาวก็กลายเป็นคนติดอ่างขึ้นมาทันควัน ด้วยกลัวว่าหากบอกไปจะกลายเป็นการสาวเรื่องที่เธอโดนจูบให้ยิ่งแย่ลงไปอีก

“ข้าวตัง...โทร.เรียกตำรวจให้ฉันหน่อยซิ สงสัยว่าพ่อลูกคู่นี้คงอยากจะเข้าไปดัดนิสัยกันในคุกทั้งคู่” พูดแล้วก็หันไปบอกสาวร่างบึกที่ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก เมื่อถูกทั้งคุณผู้ชายและคุณลูกสาวส่งสายตาปรามเอาไว้อย่างอ้อนวอน

“คือคุณบุษขา ข้าวตังว่า...”

“ไม่โทร.หักเงินเดือน” คุณบุษราคัมสั่งคำขาด

“ก็ได้ค่ะ” ข้าวตังรับเสียงอ่อน แม้อยากจะช่วยคุณทับทิมแค่ไหน แต่หากคุณบุษราคัมสั่งมา คำไหนก็ต้องเป็นคำนั้น

“โอเคแม่ ทิมยอมแล้ว” ในที่สุดลูกสาวตัวดีก็ต้องยอม “ทิมเองแหละที่ไปสร้างเรื่องไว้กับไอ้บ้าปุณ แต่มันกวนอารมณ์ทิมก่อนนะแม่ ทิมเลยทนไม่ไหว ปากุญแจรถมันลงไปในบ่อน้ำหน้าบ้านเราน่ะ”

“แล้วป๊าล่ะ มีอะไรจะสารภาพผิดกับแม่รึเปล่า” หลังได้ยินคำตอบของลูกสาว ก็หันไปคาดคั้นเอากับสามีต่อ เพื่อความยุติธรรม

“โธ่...แม่จ๋า ครั้งนี้ยกโทษให้ป๊าเถอะนะ ที่ป๊าทำไปก็ทำไปเพราะลูกนั่นแหละ ใครจะไปรู้ล่ะว่าลูกเรามันจะเป็นตัวต้นเหตุ” การุณออดอ้อนภรรยาคนสวย ตวัดแขนไปโอบเอวเพื่อเอาใจ

“อ้าวป๊า...โยนความผิดให้ทิมเฉยเลย ป๊าก็ผิดเหมือนกันแหละ ทิมบอกว่าเอาปืนมาให้ทิมป๊าก็ไม่เชื่อ เห็นไหมเกิดเรื่องขึ้นจนได้”

“พอกันทั้งคู่นั่นแหละ” บุษราคัมขัดขึ้นเพื่อตัดบท “คราวนี้เห็นผลของความใจร้อนรึยัง คนเรามีอะไรก็ค่อยพูดค่อยจากันก็ได้ ไม่ใช่เอะอะอะไรก็เอาแต่ใช้กำลัง แล้วอย่างนี้เมื่อไหร่ปัญหามันแก้ไขได้สักทีล่ะ”

สาธุ...การุณคิดในใจแต่ไม่กล้าที่จะพูดออกมา เพราะถ้าหากเผลอหลุดออกไปเมื่อไร คงเป็นเขาเองที่จะถูกอีกฝ่ายใช้กำลังแทนการพูดคุย

“ทิมขอโทษนะแม่ที่ทิมใจร้อนไปหน่อย”

แล้วครั้งหน้าจะทำให้เนียนกว่านี้ จนแม่จับไม่ได้เชียว ลูกสาวคิดแล้วปรี่เข้าไปกอดคนเป็นแม่ไว้อย่างออดอ้อน

“ป๊าก็ขอโทษ ป๊าสำนึกผิดแล้วจริงๆ นะแม่”

“ถ้าสำนึกแล้วก็ดี ยังไงทั้งพ่อทั้งลูกก็ต้องดูแลคนเจ็บเขาให้ดีที่สุด เพราะถ้าหากเขาไปแจ้งความลากคนร้ายเข้าตะราง ถึงคราวนั้นแม่ก็ช่วยอะไรไม่ได้” บุษราคัมพูดเสียงเข้ม จนข้าวตังต้องกลั้นหัวเราะไว้ เมื่อเห็นหน้าเหยเกของสองพ่อลูก

“ได้ๆ” หนุ่มใหญ่กระตือรือร้น “ถ้างั้นเดี๋ยวให้อาทิมมันดูแลเป็นอย่างดีไม่ให้ขาดตกบกพร่องแม้แต่อย่างเดียว เชื่อใจป๊าเถอะ”

“อ้าว ป๊าพูดงี้ได้ยังไงล่ะ ให้ทิมดูแลนายนั่นคนเดียวไม่เอาหรอกนะ งานนี้เราสองคนผิดกันคนละครึ่ง ฉะนั้นป๊าก็มาต้องช่วยทิมด้วย ไม่งั้นทิมไม่ยอม”

“พูดอย่างงี้ได้ยังไงอาทิม” การุณเท้าสะเอวจ้องมองลูกสาวที่ทำหน้าบึ้งอยู่ “ก็ป๊าแก่กว่าไอ้หนุ่มนั่นตั้งหลายรอบ จะให้ป๊าไปรับใช้มันได้ยังไง เสียสถาบันหมด”

“แม่เห็นด้วยกับป๊านะ เพราะว่าทิมเป็นต้นเหตุ ยังไงซะก็หนีความรับผิดชอบไม่พ้น ส่วนจะให้ป๊าเขาต้องมาดูแลคนเจ็บรุ่นราวคราวลูก แม่ก็ว่าไม่เหมาะ ให้ป๊าเป็นฝ่ายออกค่าหยูกค่ายาจะดีกว่า แล้วทิมนั่นแหละที่จะต้องเป็นฝ่ายมาดูแลเขาตอนอยู่โรงพยาบาล” สิ้นเสียงผู้เป็นใหญ่ในบ้าน การุณถึงกับอมยิ้มออกมาอย่างถูกใจที่ไม่ต้องมาคอยดูแลไอ้หนุ่มนั่นให้เมื่อย

แค่ออกเงินให้ สบายใจเฉิบ!

“แต่แม่! ทิมกับหมอนั่นไม่ถูกกันมาสักสิบชาติได้แล้วมั้ง อยู่ด้วยกันมีหวังฆ่ากันตายก่อน”

“ถ้าถึงตอนนั้นแล้วเราค่อยมาคุยกันอีกที ยังไงทิมก็ต้องรับผิดชอบ” บุษราคัมย้ำอีกครั้ง มองลูกสาวที่หน้าบูดบึ้งบอกบุญไม่รับอย่างอ่อนใจ ไม่รู้ว่าหนุ่มสาวคู่นี้จะทะเลาะอะไรกันมากมาย แต่ที่แน่ๆ ก็คืองานนี้ลูกสาวและสามีของเธอทำเกินเหตุไปจริงๆ

ทับทิมเซ็งจัด แอบกลอกตาไปมาอย่างห้ามไม่ได้ เมื่อนึกถึงเวลาที่ต้องมาทนอยู่กับผู้ชายหน้าทนที่ไม่อยากเห็นเป็นทุนเดิม ไม่รู้ว่าแผลโดนยิงมันจะต้องนอนโรงพยาบาลอีกนานไหม แต่รับรอง...ว่าเรื่องนี้จบไม่สวยแน่



“ถามจริง...ไม่มีญาติพี่น้องเพื่อนฝูงพ่อแม่บ้างเลยรึไง” ทับทิมโพล่งขึ้น หลังจากที่ต้องยอมรับความจริงว่าเธอไม่อาจหนีผู้ชายคนนี้ไปไหนได้ ด้วยคำสั่งระดับชาติของผู้เป็นแม่

“มี” ฝ่ายที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยในห้องพิเศษของโรงพยาบาล ตอบพลางขยับสายน้ำเกลือที่ถูกแขนทับอยู่ออกมา

“แล้วไม่คิดจะบอกเอริค หรือพ่อแม่นายเลยรึไงว่านอนเดี้ยงอยู่โรงพยาบาลนี่น่ะ”

ทับทิมหัวเสีย กระแทกตัวลงนั่งอยู่บนโซฟาตัวเขื่องที่อยู่ไม่ห่างจากเตียงด้วยอารมณ์ขุ่นมัว หลังจากที่พ่อและแม่ของเธอกลับบ้านไปหมดแล้ว

“ไม่ละ เดี๋ยวตกใจกันไปเปล่าๆ”

“แหม...คุณลูกผู้ประเสริฐ กลัวแม่ตกใจ แต่อยากให้คนอื่นมารับภาระ” คนตัวเล็กบ่นขรม จนคนที่ฟังอยู่อดแย้งขึ้นมาไม่ได้

“ก็ใครใช้ให้ยิงขาฉันล่ะ ยัยทอมโหด”

“ก็ใครใช้ให้นายจับฉันใส่กุญแจมือ”

“เฮ้อ...ตามใจ” ปุณตัดบทเลิกที่จะต่อปากต่อคำ เพราะเขายังมึนๆ กับฤทธิ์ยาสลบอยู่

ทับทิมชำเลืองมองคนตัวใหญ่ด้วยหางตา เรียวปากอิ่มเบะออกอย่างไม่ใส่ใจ ในเมื่ออีกฝ่ายไม่อยากต่อปากต่อคำ เธอก็ไม่อยากเหมือนกัน เถียงกันไปมามีแต่จะทำให้โรคประสาทกำเริบได้ง่ายๆ

เมื่อเห็นปุณหลับตานิ่งอยู่บนเตียง สาวผมสั้นก็ไม่อยากใส่ใจ เธอจึงเดินออกไปจากห้อง เพราะไม่อยากจะอยู่ในห้องเดียวกันกับคู่อริอันดับหนึ่ง อย่าว่าแต่ห้องเดียวกันเลย แค่ตึกเดียวกัน ประเทศเดียวกัน เธอยังไม่อยู่เลย เอ้า!

หลังจากที่เดินเตร็ดเตร่แถวล็อบบีโรงพยาบาลอยู่นาน ทับทิมก็ตัดสินใจเดินกลับขึ้นไปบนห้องพักผู้ป่วย เพราะไม่อยากให้ผู้ชายปากปลาร้านินทาเธอได้ว่าทำเจ็บแล้วหนี ทว่าสายตาก็ต้องสะดุดอยู่กับร่างระหงของใครคนหนึ่ง ที่สวมชุดพนักงานทำความสะอาดประจำโรงพยาบาลอยู่อีกด้าน

“เฮ้ย ไอ้บ๊วย!” ทับทิมอุทานขึ้นมาอย่างตกใจ เมื่อเห็นงานใหม่ของเพื่อนรัก

“อ้าว...เป็นไงมาไงถึงได้มาอยู่โรงพยาบาลได้วะไอ้ทิม” บ๊วยที่กำลังเก็บไม้ถูพื้นอยู่หน้าห้องเก็บเครื่องมือทำความสะอาด เอ่ยทักเพื่อนอย่างไม่รู้สึกกระดาก ที่มีคนเห็นเธอมาเป็นพนักงานทำความสะอาดอยู่ที่นี่

“ฉันต้องถามแกสิไอ้บ๊วยว่าเป็นไงมาไงถึงได้มาเป็นแม่บ้านทำความสะอาดอยู่ที่นี่”

“เบื่อโลกว่ะ แค่อยากมาหาประสบการณ์ใหม่ ขี้เกียจล้างจานที่เมืองนอกเลยมาเป็นแม่บ้านโรงพยาบาลดู เผื่อจะมีอะไรตื่นเต้น”

“พูดจริง?”

“พูดเล่นมั้ง สงสัยยืมชุดคนอื่นมาใส่ถ่ายรูปอัพเฟซบุ๊ก” บ๊วยพูดยิ้มๆ จนคนฟังอดหัวเราะตามไม่ได้

“เฮ้ย...เอาจริงๆ นะ ถ้าแกยังหางานทำไม่ได้มารับจ๊อบที่ร้านเสื้อผ้าฉันก็ได้” ทับทิมยื่นข้อเสนอให้เพื่อนที่มีนิสัยหลุดโลกของเธออีกครั้ง

“ไม่อะ งานน่าเบื่อจะตาย ทำงานแม่บ้านมันก็สนุกไปอีกแบบนะเว้ย มันทำให้ฉันรู้ว่าเวลาที่ผ้าเปื้อนเลือดต้องทำยังไงก่อนซักถึงจะหายเกลี้ยง”

“ไอ้บ้า” พูดแล้วก็หัวเราะอีกครั้ง แม้จะไม่ค่อยเข้าใจเพื่อนคนนี้สักเท่าไร แต่ทับทิมรู้ว่าบ๊วยไม่ใช่คนที่ลอยไปลอยมาเหมือนอย่างที่ทำอยู่ ทุกอย่างที่บ๊วยทำย่อมมีเป้าหมายทุกครั้ง

“เออน่า...แล้วสรุปว่ามาโรงพยาบาลทำไมวะทับทิม” บ๊วยย้อนกลับมาที่คำถามเดิมอีกครั้ง

“เฝ้าไข้คนป่วย” คนที่ถูกถามตอบอย่างเสียไม่ได้

“ใคร?”

“ไอ้บ้าปุณ”

สิ้นเสียงของสาวหน้าหมวย คิ้วเรียวๆ ของบ๊วยก็ขมวดกันจนแทบจะผูกเป็นปม ไม่เคยคิดว่าเพื่อนรักของเธอจะสามารถโคจรมาเฝ้าไข้คู่อริอันดับหนึ่งได้

“ยังไงวะ?”

“เรื่องมันยาวว่ะ เอาเป็นว่านายนั่นมันถูกพ่อฉันยิง เฮ้ย...ไม่ได้ตั้งใจยิงนะ แค่ปืนมันลั่นเท่านั้นเอง ฉันก็เลยต้องมารับภาระอยู่นี่ไง” ทับทิมพูดปลงๆ ให้เพื่อนสาวเข้าใจพอประมาณ

“ดีๆ งั้นฉันไปเยี่ยมนายปุณกับแกเลยก็แล้วกัน” แม่บ้านสาวคนใหม่กระตือรือร้นขึ้นมาทันที

“ไปทั้งชุดเนี่ยนะ ไม่กลัวนายนั่นจะถามเหรอ”

“กลัวทำไม ถ้ากลัวก็ไม่มาทำแล้ว ไปกันยังถามมากจริง”

บ๊วยเร่งอีกครั้ง จนทับทิมต้องยอมแพ้ พากันเดินขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นของผู้ป่วยที่ไม่ค่อยน่าสงสารนอนซมยาอยู่



ทันทีที่ได้ยินเสียงประตูห้องเปิดออก คนป่วยที่นอนให้น้ำเกลือและยาอยู่บนเตียง ก็หันไปมองตามเสียง เพราะนึกว่าจะถูกปล่อยเกาะให้อยู่คนเดียวตามอัตภาพ

“ฉันบอกแม่เธอได้นะถ้าเธอไม่รับผิดชอบดูแลฉัน” ปุณพูดเสียงดังรอว่าอีกฝ่ายจะตอบกลับมาว่าอย่างไร แต่ก็ต้องแปลกใจ เมื่อเห็นสาวตัวเล็กเดินมาพร้อมกับแม่บ้านท่าทางคุ้นตา

“นี่ไง คนป่วยที่อยากจะตายเพราะปาก” ทับทิมบุ้ยปากไปทางเตียง ขณะหันไปพูดกับแม่บ้านหน้าตาคมคาย รวบผมยาวสลวยไปไว้ด้านหลังดูเรียบร้อย

“ดูสภาพก็ยังครบสามสิบสองอยู่นี่หว่าปุณ เป็นไง เจ็บแผลอยู่รึเปล่า” บ๊วยเอ่ยทักคนที่ยังทำหน้างุนงงสงสัยอยู่ เห็นดังนั้นแม่บ้านสาวก็ยิ้มน้อยๆ เพราะพอจะเดาออกว่าอีกฝ่ายคงจำตนเองไม่ได้

“จำฉันไม่ได้เหรอวะนายปุณ บ๊วยไง...บ๊วยรวยหญิงน่ะ”

ทันทีที่ได้ยินชื่อและฉายาห้อยท้าย ปุณก็พยักหน้าในทันที แต่แววตายังคงฉายแววแปลกใจอยู่ไม่หาย เมื่อเห็นเพื่อนซี้ของยัยทอมโหดอยู่ในชุดแม่บ้านโรงพยาบาลเช่นนี้

“เออ...อย่าถามเลย ฉันก็แค่มาเปลี่ยนงานลองประสบการณ์ใหม่ สนุกดีนะโว้ย...ถ้าเกิดนายเบื่องานที่ทำอยู่ จะมาสมัครตำแหน่งพนักงานรักษาความปลอดภัยดูก็ได้นะ ตอนนี้เห็นเขาเปิดรับสมัครอยู่” บ๊วยพูดจริงจัง จนสองคนที่ฟังอยู่อดขำไม่ได้

“ขอบใจนะบ๊วย แต่ฉันว่าฉันชอบงานที่ทำอยู่ตอนนี้มากกว่า” ปุณตอบเลี่ยงๆ แต่ทว่าเรียวปากหยักลึกก็ยังคงประดับด้วยรอยยิ้ม

“แล้วตอนนี้นายทำงานอะไรเหรอ”

อีกฝ่ายยังถามต่อด้วยความอยากรู้ ส่วนสาวผมสั้นอีกคนที่นั่งเอนหลังอยู่บนโซฟาก็อดที่จะรอฟังไปด้วยไม่ได้ เพราะตั้งแต่เจอกันมาเธอยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่านายนี่ทำมาหากินอะไร วันๆ ถึงได้ว่างมาตามเป็นเบ้ให้พี่ชายอยู่ได้

“เป็นดีลเลอร์รถในตลาดเกรย์มาร์เก็ต” ปุณตอบอย่างไม่อึดอัด เพราะเขาก็ไม่เคยคิดจะปิดบังอาชีพที่ทำอยู่อยู่แล้ว

“ยังไง?”

“พูดง่ายๆ ก็คือเซลล์ซื้อขายรถสปอร์ตราคาสูง ฉันจะติดต่อลูกค้าที่สนใจซื้อรถพวกนี้ แล้วก็จัดหารถให้ เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์จะเป็นรถนำเข้าทั้งหมด และเป็นรุ่นที่ไม่ค่อยมีในไทย ฉันก็จะรับเงินจากเปอร์เซ็นต์ที่ได้ ง่ายๆ ได้เงินเร็ว”

“อืมๆ น่าสนใจดี เอาเป็นว่าถ้าฉันเบื่องานแม่บ้าน แล้วจะไปปรึกษาก็แล้วกัน” บ๊วยพูดพลางครุ่นคิด

“เบื่อเมื่อไหร่ก็บอกได้” ปุณตอบ แต่ทว่าดวงตากลับเหลือบไปมองยังคนผมสั้นที่ทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่อยู่บนโซฟา แต่ที่จริงแล้วแอบฟังพวกเขาคุยกันอย่างไม่ต้องสงสัย

“ขอบใจ ถ้างั้นฉันไปก่อนแล้วกันนะ มีอะไรก็บอกได้ ฉันมาทำงานทุกวันไม่มีวันหยุด”

“หนักเกินไปรึเปล่าเนี่ย” ทับทิมที่นิ่งฟังอยู่ถามขึ้นมาด้วยความเป็นห่วงเพื่อน

“เฮ้ย...หนักบ้าอะไร มาทำงานสนุกดีออก ฉันไปก่อนละ ยังมีผ้าเปื้อนเลือดที่ต้องซักอยู่อีกเยอะ” พูดแล้วก็รีบโบกมือลาเพื่อนทั้งสอง เพื่อไปทำหน้าที่แม่บ้านอย่างภาคภูมิใจต่อไป

เมื่อเห็นสาวเพี้ยนเดินออกไปจากห้อง ปุณก็รีบเอ่ยถามคนที่นั่งพลิกนิตยสารอยู่ในมือทันที

“นี่ทอมโหด บ๊วยยังโอเคอยู่รึเปล่า” แต่ทว่าอีกฝ่ายก็ยังทำนิ่งไม่รู้ไม่ชี้

“คุณทอม” ปุณลองแหย่อีกครั้ง แต่ผลก็ยังเหมือนเดิม

“ถามไม่ตอบ เป็นอะไรหรือว่าตกใจที่เพื่อนเพี้ยนไปได้ถึงขนาดนั้น” สิ้นเสียงทุ้มๆ ของหนุ่มหน้าตี๋ สาวหน้าหมวยก็หันขวับมามองทันที

“เป็นทอม พอใจยัง” ทับทิมกระแทกเสียง เมื่อมีคนมาว่าเพื่อนเพี้ยน แม้เธอจะเห็นด้วยก็ตาม

“ฉันหิวน้ำ” ปุณสวนขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

“หิวก็กินสิ ใครห้าม”

“มันเอื้อมไม่ถึง”

ได้ยินดังนั้นหญิงสาวก็แสยะยิ้ม ไงล่ะ...คราวนี้นายปุณได้จ่ายหนี้แค้นให้เธออานแน่

หนุ่มหล่อเห็นรอยยิ้มแปลกๆ ของคนที่ถูกส่งมาดูแลก็เริ่มไม่ไว้วางใจ เพราะยังต้องพึ่งพาเธอไปอีกนาน จนกว่าจะหายดี

ทับทิมยิ้มกริ่ม เดินไปหยิบเหยือกใส่น้ำที่พยาบาลเตรียมเอาไว้ให้บนโต๊ะหัวเตียง ขึ้นมาจ่อไปยังริมฝีปากของหนุ่มเคราะห์ร้าย ที่ได้แต่นอนขมวดคิ้วอยู่บนเตียง

“คิดจะทำอะไรน่ะทับทิม”

“ก็หิวน้ำไม่ใช่เหรอ กำลังจะป้อนอยู่นี่ไง” คนที่ถือเหยือกอยู่ตอบเสียงหวานจ๋อย

“ถ้าเธอกรอก ฉันกด” ว่าแล้วก็ชูมือที่ถือออดเรียกพยาบาลขึ้นมาให้อีกฝ่ายเห็นว่าเธอไม่มีสิทธิ์ทำร้ายเขาได้แม้แต่ปลายเล็บ แถมยังย้ำเข้าไปอีก “ทำร้ายร่างกายคนป่วยจะโดนประณามเอาได้ง่ายๆ นะครับ แล้วจะหาว่าผมไม่เตือน ฉะนั้นยกเหยือกออกไป แล้วเทใส่แก้วยื่นมาให้ดีๆ จะดีกว่า”

ได้ยินดังนั้นทับทิมก็แค่นหัวเราะออกมา “แหม...จะมาไม้นี้ก็ไม่บอกนะ จะได้เปลี่ยนแผน”

ว่าแล้วสาวผมสั้นก้มลงไปจัดการกับอะไรบางอย่างที่หัวเตียง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมารินน้ำลงไปในแก้วที่วางอยู่บนข้างๆ แล้วจ่อมันเข้าไปตรงริมฝีปากของชายหนุ่ม ที่พยายามดันแก้วน้ำให้ออกห่างอย่างทุลักทุเล

“เสียใจด้วยนะสำหรับออดเรียกพยาบาล”

ได้ยินดังนั้นปุณก็เอะใจ รีบกดออดสีแดงในมือเรียกนางพยาบาลข้างนอก แต่ทว่ามันกลับเงียบไม่มีเสียงตอบรับ ราวกับว่าเขาถูกตัดขาดจากนางฟ้าชุดขาวเหล่านั้นแล้ว

“เธอทำอะไรกับออดของฉัน”

คิ้วเข้มขมวดมุ่น มองคนที่ยืนถือแก้วน้ำอยู่อย่างไม่ไว้ใจ ก่อนจะถึงบางอ้อ เมื่ออีกฝ่ายก้มลงไปหยิบสายไฟขึ้นมาอวด

ยัยทอมดึงปลั๊กออกเหรอนี่ ซวยแล้ว!

“หิวน้ำไม่ใช่เหรอ” ทับทิมถามซ้ำอีกครั้ง พร้อมดันแก้วไปยังปากของชายหนุ่มที่ยกมือขึ้นมาดันมันออกไป

“ไม่หิวแล้ว” ปุณผินหน้าหนีอย่างยากลำบาก

“เฮ้ย...ไม่เอาน่า คนป่วยอดน้ำมันไม่ดีต่อสุขภาพนะ”

หญิงสาวหรี่ตามองคนตรงหน้าอย่างกระหยิ่มใจ ก่อนจะคว้าหมับเข้าที่แก้มสาก เพื่อเตรียมการป้อนน้ำที่ดีต่อสุขภาพของคนป่วย

ตรงไหน?

แต่ยังไม่ทันที่จะได้ป้อนน้ำอย่างใจหวัง ทับทิมก็ปลิวหวือเข้าหาคนที่นอนอยู่อย่างไม่ทันตั้งตัว จากมือของคนป่วยที่กระชากแขนเธอเข้ามา ปล่อยให้น้ำหกเลอะเปรอะเปื้อนเสื้อผ้าไปหมด

“ทำบ้าอะไรเนี่ย!” ทับทิมแหวลั่น รีบยันตัวเองขึ้นมาจากอกแข็งแกร่ง

“ก็บอกแล้วไงว่าถ้าเธอกรอกฉันกด แต่มันกดออดเรียกพยาบาลไม่ได้ เลยต้องกดอย่างอื่นแทน” ปุณยิ้มกริ่ม แต่ก็ไม่ยอมปล่อยคนตัวเล็กออกไปง่ายๆ

“ปล่อยฉันนะ เปียกหมดแล้วเนี่ย!”

“ถ้าเทให้ดีๆ ตั้งแต่แรกก็ไม่ต้องมาเปียกกันอย่างนี้หรอก”

ปุณยักคิ้วให้ ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปหาสาวน้อยใกล้ๆ จนเธอร้องแว้ดขึ้นมาอีกหน แล้วจึงยอมปล่อยออกไปแต่โดยดี

“ถ้านายทำอย่างนี้อีก อย่าหวังว่าฉันจะยอมมาเฝ้าไข้นายแน่” ทับทิมกัดฟันกรอดด้วยความโกรธจัด จนลืมคิดไปว่าเสื้อเชิ้ตสีขาวที่เธอใส่อยู่ตอนนี้ หากโดนน้ำแล้วก็ไม่ต่างอะไรกับผ้าขาวบาง ที่เห็นอะไรต่อมิอะไรจนหมด

“อันที่จริงเธอก็หุ่นดีเหมือนกันนะ” หนุ่มหน้าตี๋ไม่พูดเปล่า ยังจดจ้องไปยังทรวงอกอวบอิ่มของคนตัวเล็ก ใต้ชั้นในสีเหลืองอ่อนที่เด่นชัดขึ้นมา พร้อมรอยยิ้มน้อยๆ ที่มุมปาก

เพียงเท่านั้นคนที่ถูกชมว่าหุ่นดีก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ รีบยกมือขึ้นมาปิดเรือนร่างของตนเองเอาไว้ ทั้งโกรธ ทั้งอาย ก่อนจะแว้ดออกมาลั่นห้อง

“ฉันเกลียดนายที่สุดเลย!” พูดเสร็จก็กระแทกเท้าเข้าไปยังห้องน้ำ ปล่อยให้คนที่เพิ่งถูกบอกว่าเกลียดเหยียดยิ้มกว้างออกมาอย่างชอบใจ





ดารานิล
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 ธ.ค. 2555, 00:09:20 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 ต.ค. 2556, 14:08:58 น.

จำนวนการเข้าชม : 2604





<< 2. ดูช้างให้ดูที่หาง ดูนางให้ดูที่ตัวพ่อ   4. อักษรซ่อนยิ้ม >>
หนอนฮับ 6 ธ.ค. 2555, 01:02:40 น.
พ่อ ลูก สำเนาเป๊ะ 5555


bow 6 ธ.ค. 2555, 02:47:25 น.
อ๊าย.. น่ารักทั้งพ่อ ทั้งลูก..
เอิ่ม.. คุณดารานิลคะ ถ้าผลัดกันรุกผลัดกันรับนี่ ดูท่านิยายจะพลิกแนวในบัดดลเลยนะคะ >///<
รอตอนต่อนะคะ.. พ่อยอดชายนายปุณสู้ๆ (อย่าบอกนะว่าถูกยิง!?)


konhin 6 ธ.ค. 2555, 03:57:09 น.
หึๆๆ สองต่อหนึ่ง ยกนี้คงต้องยอมแพ้ไปก่อน เอ๊ะ หรือเสมอ?


supayalak 6 ธ.ค. 2555, 10:08:31 น.
ท่าทางคงจะได้ลับฝีปากกันอีกเยอะคู่นี้ ชอบค่ะทันกันดี อย่างยอมแพ้นะตัวเอ้งงงง


Zephyr 6 ธ.ค. 2555, 14:39:26 น.
อ้าววววว เฮ้ยยยยย ปังแล้ว โดนใคร ตรงไหนน่ะ
อ้ากกกกก ค้าง


goldensun 7 ธ.ค. 2555, 21:38:34 น.
ผลัดกันเอาคืนจริงๆ แต่รู้สึกทิมเอาคืนทีไร มีได้ย้อนมาเข้าตัวเกือบทุกที
ปุณก็กวนได้โล่ แถมแหย่ทิมขึ้นได้ตลอด
ว่าแต่ปืนลั่นงวดนี้ จะโดนอะไรล่ะคะ


นางสาวปลาดาว 11 ธ.ค. 2555, 21:26:35 น.
ว้าวๆๆ คุณพ่อมีหนวดด้วย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account