กลิ่นรัก...อบอวลหัวใจ
หญิงสาวผู้มาดมั่นเลือกการงานมากว่าเรื่องรักใคร่ๆหรือต้องมาข้องแวะเกี่ยวหัวใจให้ชายคนไหน
กับชายหนุ่มเจ้าเสน่ห์ที่ไม่เคยคิดจะจริงจังพันใจกับผู้หญิงใดๆ ทั้งคู่จะมาบรรจบรักกันได้เช่นไร
โปรดคอยติดตามนะคะ

แนะนำตัวละคร

พระเอก
นายธารานนท์ เตชโชติ เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ รวมทั้งเจ้าของโรงแรมรีสอร์ทในเครือมากมายล้นฟ้า แต่ไร้คู่ครองเคียงข้าง เมื่อไม่เคยเจอผู้หญิงที่จะทำให้อิ่มเอมทั้งชีวิตโดยไม่รู้สึกเบื่อ หญิงสาวคู่ครองสักคนของเขาคงจะไม่มีในโลกนี้ แต่เมื่อได้มาทำงานในต่างจังหวัดและพื้นที่อำเภอท้องถิ่นเล็กๆ แห่งหนึ่ง โดย ได้พบกับส.ส. นรินศาสาวมั่นแสนสวย แต่ไม่ไร้สมอง ทั้งเก่งเอาตัวรอดโดยไม่ต้องขอความช่วยจาก ใครๆก็ได้ ทำให้ชายหนุ่มเพลินเพลิดไปกับเธอ ไม่ว่าเธอจะมาพบเจอเขาด้วยอย่างความบังเอิญหรือในสถานที่ไม่คาดถึงก็ตามทุกครั้ง แต่หัวใจของเขากลับอบอุ่นร้อนทั้งโหยหา มีแต่ความคิดถึงให้เธอทั้งกลางวันและกลางคืนที่นอนหลับฝัน รวมทั้งยังเข้าไปเจออุปสรรคด้านการเมืองการทำของเธอ ซึ่งชายหนุ่มนั้น ทั้งแสนชิงชังอาชีพการเมืองของพ่อผู้ให้กำเนิดนัก

นิสัย : การพูดทั้งจริงจังอย่างมาก ทั้งพูดเล่นกับคนที่ถูกชะตา เจ้าชู้ไม่เคยจริงใจกับผู้หญิงคนไหนๆเลย แต่จริงๆแล้ว ส่วนมากผู้หญิงจะเป็นฝ่ายชอบวิ่งเข้าหา เขาจึงต้องตอบรับบรรดาผู้หญิงเหล่านั้น ในใจลึกๆ เขากำลังต้องการผู้หญิงที่จะมาเป็นแม่ของลูก ไม่ใช่ชอบเขาเพียงแค่เงินตราอันมหาศาลของเขา ด้านการทำงานไม่มีที่ติและเขาต้องทำให้จนสำเร็จ แม้ว่า ฝ่ายตรงข้ามจะต้องล้มละลายเขาก็ไม่สนใจ

นางเอก
นางสาว นรินศา อัณณ์ศญา หญิงสาวผู้มีใจรักในบ้านเกิดของตนเองยิ่งชีวิต อยากให้บ้านเกิดของตนเองมีความสุข ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขตามแบบประเพณีวิถีชีวิตดั่งเดิมในรัชสมัยๆที่ผ่านๆมา จึง ขอก้าวเข้ามาเป็นตัวแทนของราษฎร และประชาชน เพื่อนำความสุขมาสู่บ้านเกิดของตนเอง แต่อุปสรรค์มากมายทั้งภายในไม่ลงรอยกับนักการเมืองในพรรค ทั้งภายนอกด้านการมีเส้นสายที่คอยจะคดโกงกินแผ่นดิน กว่าจะเปลี่ยนความคิดให้รู้จัก คำว่า “สามัคคี” อีกครั้ง มันคงทำให้เธอใช้ความรู้และสามารถ ทั้งหัวใจยิ่งชีวิต บนเส้นทางวิถีดำเนินชีวิตปัจจุบันที่มีเล่ห์เหลี่ยมชักจูงหวาดล้อมมากมาย รวมทั้งบนเส้นทางแห่งความรักที่ก่อเกิดโดยไม่รู้ตัว เพราะความอวดดีอวดเก่งของชายหนุ่มเจ้าของรีสร์อทคนใหม่ ที่มีหัวใจแบบคนโกง เจ้าชู้ จนครบทุกรูปแบบเป็นผู้ชายที่หญิงสาวแสนเกลียดนัก และจะไม่ยอมแต่งงานกับผู้ชายพันธุ์นี้เด็ดขาด

นิสัย : สาวมั่น ผู้มีอุดมการณ์ของตนเองสูง การพูดจาจะนิ่งหนักแน่น จะอ่อนหวานเฉพาะคนเป็นพ่อกับแม่และเพื่อนสาวคนสนิทเท่านั้น

แล้วกลิ่นรักที่คุกรุ่นหมองหม่น ในใจของชายหนุ่มธารานนท์กับท่ามกลางธรรมชาติท้องทุ่งนาแสนอันจะใกล้กลับคืนมาให้สมบรูณ์อีกครั้ง...ด้วยหัวใจอันรักยิ่งแห่งบ้านเกิดของหญิงสาวนรินศานี้จะจบลงได้เช่น ไร ในเวลาไม่ช้านี้ ตะวันที่รอทอแสงรุ่งอรุณให้สดใสกำลังจะพิสูจน์ความรักของทั้งคู่...
Tags: รักโรแมนติก,รักหวานแหวว,หวานน่ารัก,แนวรักสบายๆ

ตอน: บทที่ 8 ข้อแลกเปลี่ยนหัวใจ



บทที่ 8 ข้อแลกเปลี่ยนหัวใจ

ณ รีสอร์ทแมกไม้กอหญ้า หลังกลับมาจากสำนักงานของท่านนรินศา หนุ่มธารานนท์ก็ตกอยู่กับห้วงคิดของตนทั้งวัน จนเข้าสู่ช่วงหัวค่ำในหัวของเขาก็ยังมีแต่เรื่องของท่านส.ส.คนเก่งเต็มไปหมด ปากก็ชอบพ่นไฟหาเรื่องให้เธอปวดหัวเล่นบ่อยๆ ครั้ง ทว่าครั้งนี้ พี่กิตดาดันเสนอความคิดแปลกๆ ทำให้เขาต้องนั่งคิดหมกมุ่นเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าไปอีก

ก๊อกๆ

"เข้ามาได้ครับ" พอธารานนท์เงยหน้าขึ้น ก็พบว่าเป็นพี่กิตดาที่ชายหนุ่มกำลังบ่นนิทาอยู่ในใจพอดี

"ค่ำมากแล้วนะครับคุณนนท์ ผมเข้ามาเปลี่ยนผ้าติดแผลให้ครับ" และพี่ชายแสนดีแห่งแมกไม้กอหญ้า ก็เข้ามาทำหน้าที่ดูแลอย่างดี

"ดีเลยครับ เช็ดตัวให้ผมด้วยนะพี่กิตต์ ผมคงอาบน้ำไม่ถนัดน่ะครับ"

"ได้ครับ เดี๋ยว...พี่ไปเตรียมน้ำอุ่นๆ ให้สักครู่นะครับ"

ธารานนท์พยักหน้ารับและก็พยายามถอนเสื้อออกอย่างช้าๆ ก่อนจะเดินมานอนคว่ำหน้าบนโซฟาใหญ่ห้องทำงาน และนอนรอ...บุรุษพยาบาลจำเป็นอย่างพี่กิตดาผู้จัดการรีสอร์ทมาทำแผล ธารานนท์ถอนลมหายใจเบาๆ และเผลองีบหลับสักพักเป็นการพักผ่อนไปในตัว แล้วก็รู้สึกตัวตื่น รู้สึกถึง...ว่าเนื้อตัวนั้นกำลังได้รับความชุ่มชื่นจากผ้าขนหนูเปียกๆ และแล้วผ้าก๊อซกับพลาสเตอร์ปิดแผลก็แปะแผลที่หลังเปลี่ยนใหม่เรียบร้อยแล้ว ด้วยฝีมือของพี่กิตดาล่ะมั้ง แต่ว่าความรู้สึกธารานนท์มันบอกว่า...

“อืมๆ มือเบามากเลยครับพี่กิตต์ เคยเรียนนวดมาหรือเปล่า...” พี่กิตดาต้องยิ้มแห้งๆ ก่อนจะตอบว่า

“ไม่เคยครับ” แล้วเอามือเกาศีรษะตนเองหงิกๆ ยืนดูการกระทำของผู้รับอาสามาเช็ดตัวให้เจ้านายหนุ่มแห่งแมกไม้กอหญ้า ใบหน้าสวยเด้ง ปากแดงจัดจ้าแทบอยากจะร้องซี้ดๆ เพราะผิวกายของหนุ่มร่างกำยำน่ากินเสียเหลือเกินจนห้ามใจไมไหวแล้ว และแล้วผู้รับอาสาก็ทนกับการเช็ดตัวให้ชายหนุ่มหล่อโดยใช้ผ้าขนหนู ซึ่งมันไม่ถึงอารมณ์เอาเสียเลย จึงจัดการโดยเริ่มมือบางและเล็บแหลมสวยงามทาบมานวดบ่าไหล่ของธารานนท์แทน ผิวหลังของธารานนท์ได้สัมผัสถึงเนื้อมืออันนุ่มนิ่มไม่ใช่หยาบกระด้างของผู้ชาย คิ้วดกหน้าก็ย่นเข้าหากัน ด้วยความแปลกใจ

‘มือนุ่มๆ’ พลันเกิดความสงสัยแล้ว จึงพยายามจะพลิกตัวมาดูผู้เป็นหมอนวดจำเป็นดังกล่าว แต่เจอแรงของมือนุ่มๆ ยั้งไว้ พร้อมก้มหน้ามากระซิบเสียงเซ็กซี่ข้างหูของธารานนท์

“นอนเฉยๆ สิคะ คุณนนท์ขา นิดจะนวดให้นะคะ” ได้ยินน้ำเสียงอันยั่วยวน ธารานนท์รีบลุกพรวดพลิกตัวเองอย่างรวดเร็วจนมันกลายเป็นว่า ร่างสัดส่วนอวบๆ กับหน้าอกอึ้มระเบิดของณัฐภรณ์ เข้าประทะอยู่ในวงล้อมอ้อมอกแกร่งของชายหนุ่มในฝันโดยปริยาย

“คุณนิด!”

“ว้ายๆ จะขยับตัวก็ไม่บอกกันเลยอ่ะ คุณนนท์ขา” ภาพที่พี่กิตดาเห็นมันช่างล้อตาล้อใจ จนต้องอ้างปากค้างในอากาศและกำลังจะกลายเป็นส่วนเกินด้วยล่ะมั้ง

“โอ๊ยๆ” ธารานนท์ร้องเสียงหลงด้วยเจ็บแผลที่หลังแนบชิดพิงเข้ากับโซฟา พร้อมกับน้ำหนักอันกึ่งเบากึ่งหนัก แต่ไม่เท่าหน้าอกล้นๆ ของณัฐภรณ์

“ว้ายๆ คุณนนท์ขา นิดขะ...ขอโทษค๊า เจ็บมากหรือเปล่าคะ” ณัฐภรณ์ทะลึ่งเด้งตัวอันยั่วยวนออกจากธารานนท์ฉับพลัน เมื่อได้ยินเสียงร้องของชายหนุ่มรูปหล่อกระชากหัวใจเธอ

“ไม่เป็นไรครับ ผมแค่ตกใจ จนหัวใจเต้นไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ไม่คิดว่าคุณนิดจะหาครับ” วาจาจากชายหนุ่มเจ้าของรีสอร์ทช่างเอ่ยคำหวานเป็นการปลอบใจลูกสาวเจ้าพ่อรับเหมาก่อสร้างอย่างเสี่ยชัดชัยซะมากเหลือเกิน พี่กิตดาจึงส่ายหน้าไปมา แล้วคิดว่าทำไมไม่พูดจาลูกยอลูกบ้าจีบแบบนี้กับท่าน ส.ส.บ้างล่ะ เอ๊ะหรือว่ากลัวใช้ไม่ได้ผล...การจะจีบท่านนรินศามันคงจะหินน่าดูสินะ หนุ่มหล่อเจ้าสำราญถึงต้องการหาผู้ช่วย...

“แหมๆ คุณนนท์ขา นิดก็คิดถึงสิคะ” ได้ยินณัฐภรณ์ตอบเสียงลากสูง ธารานนท์ก็เผลอกลืนน้ำลายลงคอไปอึกโตๆ แล้วก็ตะลึงตาโตว่องไว เมื่อณัฐภรณ์พาร่างอันอวบอิ่มแสนเย้ายวนมานั่งโซฟารวบตัวเดียวกับเขา แบบชิดท่าชิดเนื้อ มือเรียวเล็บงามก็ไม่อยู่เฉยๆ เล่นปูไต่มาจับที่หัวนมหน้าอกแกร่งของธารานนท์ จนเจ้าตัวต้องสะดุ้งเฮือก ทะลึ่งลุกขึ้นยืนแทน และพี่กิตดาเกือบจะได้ชมความสยิวของยัยนิดหน้าอกระเบิดกับเจ้านายเสียแล้ว

“เอ่อ...คุณนิด ไปรอผมที่เรือนศาลาลานอาหารดีกว่าครับ เดี๋ยวทานมื้อดินเนอร์กับผมนะครับ”

“อ๊ายๆ ได้ค๊า คุณนนท์ขา” ณัฐภรณ์ทำตาเยิ้มๆ ด้วยความปลื้มปริ่มดีอกดีใจ คิดว่าจะมาเสียเที่ยวแล้วล่ะมั้ง แถมคุณธารานนท์ก็ไม่ได้ต่อว่าเธอด้วย ที่เข้ามาในห้องทำงานโดยพลการ จริงๆ เธอเข้ามาพร้อมพี่กิตดาต่างหาก ณัฐภรณ์แล่นรถเก๋งมาถึงรีสอร์ทแมกไม้กอหญ้าด้วยความคิดถึงคุณธารานนท์จนฝันถึงไม่ไหวแล้ว อยากเจอชายในฝันตัวเป็นๆ เธอก้าวเข้ามาก็เจอพี่กิตดาที่หน้าฟร้อน รีเซฟชั่นพอดี จึงเอ่ยถามหาคุณธารานนท์ก็บอกว่าอยู่ที่ห้องทำงาน แต่ดวงตาจิกแสนเสน่ห์ดันเหลือบไปเห็นเด็กพนักงานถือของเกี่ยวกับพวกเครื่องปฐมพยาบาลเยอะแยะ ยืนด้านหลังพี่กิตดา ณัฐภรณ์จึงแปลกใจและเอ่ยถามต่ออีก ผู้จัดการฝ่ายทั่วไปก็ตอบว่า คุณนนท์เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย แค่นั้นณัฐภรณ์ก็หน้าตาตื่นตกใจดิ้นพล่าถามยกใหญ่อีกชุด ด้วยความเป็นห่วงชายในฝัน พี่กิตดาทนเสียงแหลมร้องถามจนแสบแก้วหูไม่ไหว จึงให้เดินตามมาดูด้วยกับตาตนเองไปเลยดีกว่า แต่ว่าพอมาถึงห้องทำงาน ก็เห็นคุณนนท์นอนคว่ำหน้าเหมือนกำลังนอนหลับอยู่ พี่กิตดาจึงขอให้หญิงสาวร่างเย้ายวนยืนเงียบๆ เก็บปากเก็บคำ และยืนดูพี่กิตดาทำแผลให้คุณนนท์อย่างหน้ายี้ๆ รู้สึกเหมือนเจ็บแทนชายในฝัน พอทำแผลเรียบร้อย ณัฐภรณ์ก็พี่กิดตาเอาผ้าขนหนูผืนปานกลางชุบน้ำอุ่นในอ่างที่เตรียมไว้เหมือนจะทำการเช็ดตัวให้เจ้านาย ณัฐภรณ์จึงแย่งขอทำหน้าที่นี้ให้แทน

ด้านธารานนท์ตวัดสายตาส่งมาทางพี่กิตดาเป็นการขอความช่วยเหลือโดยด่วน เขาอยากให้ณัฐภรณ์ออกจากสภาพอันล้อแหลมชวนขึ้นเตียงแบบนี้

“อ้อ...คุณนิดครับ เชิญไปรอคุณนนท์ที่เรือนศาลาอาหารดีกว่านะครับ ขอเวลาให้คุณนนท์แต่งตัวสักครู่”

“ไม่เป็นไรค่ะ นิดรอได้ เอ๊ะ ให้นิดช่วยแต่งตัวให้ดีกว่าคุณนนท์ขา”

“เหอๆ ไม่เป็นไรครับ ผมขอทำธุระส่วนตัวอีกนิดหน่อยด้วย คุณนิดไปสั่งอาหารรอผมดีกว่านะครับ เดี๋ยวผลให้พี่กิตดาคอยดูแลเองนะครับ”

“ครับๆ ผมนายกิตดาจะขอดูแลแขกพิเศษของเจ้านายเป็นอย่างดีเลยครับ” ดูท่าทางณัฐภรณ์จะเสียดาย การสัมผัสตัวคุณชายใจฝัน แต่ก็ต้องอดใจไว้ก่อน คิดซะว่าเขายังบาดเจ็บอยู่

“เฮ้อ..ก็ได้ค่ะ นิดจะรอทานข้าวนะคะ จุ๊บ!” ริมฝีปากแดงจัดจ้า ถลาเข้ามาหอมแก้มธารานนท์เสียงดังจ๊วบ ธารานนท์ก็ยิ้มแห้งรับเป็นอย่างดีอีกต่างหาก เพราะปัดหลบหนีไม่ทันหรอก พี่กิตดาจึงหันมาส่งสายตายิ้มๆ ทิ้งท้าย แล้วพูดว่า

“งานเข้าแล้วสินะครับ เจ้านาย...”

“ต้องไม่เข้าสิ พี่กิตต์ พี่นั่นแหละต้องช่วยผมนะครับ ผมขอร้องเลย...”

“คร้าบ...” พี่กิตดารับขานราวกับจะเข้าใจในสิ่งที่เจ้านายเอ่ยขอร้อง ธารานนท์จึงถอนหายใจเฮือกใหญ่ที่สุดอย่างโล่งใจ เนื่องจากเจอหญิงสาวณัฐภรณ์อยากจับปล้ำตั้งแต่ไปส่งที่บ้านครั้งนั้นแล้ว เขาก็ขอถอยห่างตลอดกาลเลยยิ่งดี แถมเกือบทำตัวไปคลุกกับร่างเย้ายวนนั่นด้วยแล้ว นี่ขนาดเพิ่งรู้จักกันนะ เล่นซะขนในร่างกายเขาลุกตั้งชูต่อหน้าต่อสายตาของพี่กิตดาอีกต่างหาก

“เกือบไปแล้ว ไอ้นนท์เอ้ย...ดีแล้วที่คิดถึงแต่ ยัยผู้หญิงขี้เก๊ก...”



เสียงแอบกดโทรศัพท์มือถือในมุมมืดพร้อมกับภาพที่เพิ่งจะถ่ายมาได้แบบสดร้อนๆ เมื่อห้านาทีก่อนนี้

“ลูกพี่กำพลครับ ผมไอ้หมากครับ ผมเจอภาพเด็ดๆ ผู้หญิงของลูกพี่ฮะ เดี๋ยวผมจะส่งรูปให้ดูนะครับ” ไอ้หมากเด็กเสริ์ฟอาหารในรีสอร์ทแมกไม้ เป็นลูกน้องลิ่วล้อนายกำพล วัฒนากิจ นานเกือบสองปีแล้ว เกิดอยากมีความคิดขยันสร้างผลงาน หาเรื่องทะเลาะวิวาทให้ลูกพี่กำพลเป็นใหญ่ที่สุดในอำเภอตลอด งานนี้หนุ่มธารานนท์อาจจะต้องได้รับมือกับนายกำพลนักเลงประจำถิ่นแน่ๆ



ตลอดสามวันธารานนท์ต้องอยู่ติดตัวกับณัฐภรณ์ลูกสาวเสี่ยชัดชัยรับเหมาก่อสร้าง เพราะทว่าเจ้าหล่อนขอรับอาสามาทำหน้าที่พยาบาลจำเป็นแทนพี่กิตดา ณัฐภรณ์แล่นมาหาตั้งเช้าเที่ยงกลางวันจนมืดค่ำ และการที่ชายหนุ่มหลุดรอดจากร่างยั่วพันธุ์ปลาหมึกมาได้ทั้งสามวัน ก็เพราะพี่กิตดาขยันมาเป็นผู้ช่วยบางเวลาที่จะเกือบๆ หนีไม่พ้นต่างหาก ดีแค่ไหนที่พิษแผลที่หลังชายหนุ่มเจ้าสำราญไม่อักเสบ ในวันนี้ธารานนท์จึงต้องตื่นตั้งแต่เช้ามืด เพื่อทำการหนีแม่สาวร่างอึ้มๆ แม้หญิงสาวดังกล่าวจะเข้าตาอยู่เหมือนกัน แต่ว่าพอเจอสายตาของณัฐภรณ์อัน เคลิบเคลิ้มๆ แปลกๆ ธารานนท์จึงขอหนีไม่เอาตัวเข้าเสี่ยงชิมรสจะดีกว่า

“สวัสดียามเช้าครับ คุณแอ้ม” เวรรอบเช้าประจำหน้าฟร้อนรีเซฟชันวันนี้เป็นของคู่หมั้นพี่กิตดา แอ้มหรืออุรุชา หันหาเจ้านายหนุ่มจอมเสน่ห์

“อรุณสวัสดิ์ตอนเช้ามืดค่ะ เจ้านาย มีอะไรให้แอ้มช่วยเหลือหรือเปล่าคะ” อุรุชาทักทายและก็แปลกใจที่เห็นเจ้านายลุกขึ้นตื่นนอนแต่เช้ามืด

“เอ่อ...มีที่ไหน ที่จะให้ผมออกจากรีสอร์ท แล้วกลับสักช่วยเกือบเที่ยงๆ บ้างไหมครับ” ธารานนท์ถามออกไป เพราะเขาคิดหนทางไม่ออกเหมือนว่าทำไม ต้องตื่นตอนท้องฟ้ายังไม่สว่าง

“คะ? คุณนนท์อยากจะออกไปเที่ยวหรือคะ” อุรุชาร้องถามด้วยความงุนงง ตกลงเจ้านายของเธอ ตื่นก่อนพระอาทิตย์ยังไม่ทันขึ้น แถมยังไม่มีโปรแกรมเดินทางไปที่ไหนอีกด้วย

“เปล่าครับๆ คือผม ก็ไม่รู้ว่าตื่นมาทำไมเหมือนกัน แฮะๆ” ธารานนท์ไม่กล้าบอกว่า เขานั้นกำลังหนีแม่สาวร่างอวบอึ้มๆ พยาบาลจำเป็น ซึ่งช่วงประมาณเจ็ดโมงเช้าเจ้าหลอนก็จะมายืนอวดร่างเคาะประตูถึงห้องนอนแล้วต่างหากล่ะ

“เหรอคะ เอ่อ..งั้นคุณนนท์ไปวัดดีไหมคะ” อุรุชานึกไม่ออกเช่นกัน แต่ปากก็ตอบไป เนื่องจากว่าวันนี้หนุ่มคู่หมั้นจะขึ้นไปทำบุญตักบาตรวัดป่าบนภูเขา

“ก็ได้ครับ แล้ววัดอยู่ไหนครับ” ธารานนท์ตอบทันที เพราะเขาต้องการออกจากรีสอร์ทโดยเร็วที่สุด

“ไม่ไกลจากที่นี่ค่ะ ผ่านเส้นทางรีสอร์ทไปสักห้ากิโลและก็ขับรถข้ามขึ้นเขาประมาณสองลูก ก็ถึงแล้วค่ะ” อุรุชาพยาบาลอธิบาย ดูเหมือนเจ้านายหนุ่มจะรีบร้อนเหลือเกิน

“โอเคครับ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” ธารานนท์ว่าจบก็รีบอย่างเดินว่องไว

“เดี๋ยวคะ คุณนนท์ แอ้มจะบอกว่าอาจจะหลงได้นะคะ คือเส้นทางเข้าวัดมันก็...ถ้าคนไม่เคยขึ้นไปค่ะ” มันไม่มีป้ายบอกทางนั่นสิ แค่มีถนนยางมะตอยครึ่งเดียวเอง ที่เหลือก็ถนนดินแดง

“จริงด้วยสิครับ...ผมยังไม่คุ้นเคยกับที่นี่เท่าไหร่ด้วย” ธารานนท์รีบเกินจนลืมนึกถึง สถานที่ตนจะบอกไป

“คืออย่างนี้ค่ะ พอดีพี่กิตต์เตรียมของไปใสบาตรอยู่แล้ว เดี๋ยวคุณนนท์ไปพร้อมกับพี่กิตต์ดีกว่านะคะ”

“ขอบคุณครับ สุดท้ายผมก็ต้องมีผู้ช่วยอย่างพี่กิตดาเสมอๆ เลยครับ” ธารานนท์พูดกับคู่หมั้นผู้จัดการทั่วไปจบ ก็หัวเราะขบขันเบาๆ ตั้งแต่มาทำงานที่จังหวัดแห่งนี้ เขาก็ได้รับความช่วยเหลือจากพี่กิตดาตลอดทุกครั้งเลย อุรุชารีบทำการโทรติดต่อไปยังฝ่ายชายคู่หมั้นก่อนที่จะขับรถขึ้นภูเขาจนไกลเกินเสียแล้ว พี่กิตดาได้รับสายจากอุรุชาก็ตีรถกลับมารับเจ้านายหนุ่มทันที ตลอดเส้นทางธารานนท์นั่งรถกระเบาะคันแกร่งของผู้จัดการรีสอร์ท ก่อนลอบมองบรรยายกาศรอบทาง ซึ่งเป็นไปตามที่อุรุชาว่าจริงๆ เส้นทางนั้นแทบไม่มีอะไรบ่งบอกนอกจากถนนมืดๆ ถ้าเขารีบออกมาคงจะหลงภูเขาไปหลายลูกแน่นอน

“อยากไปทำบุญหรือครับ เจ้านาย” พี่กิตดาเอ่ยถาม

“ครับ เอ่อ...ผมอยากลองทำบุญสักครั้งเหมือนกัน”

“หือ!” คราวนี้พี่กิตดาถึงกับร้องอุทาน ก่อนจะนึกภาพชีวิตประจำวันของนายหนุ่มเจ้าสำราญคนนี้ ซึ่งคงมีแต่งานๆ การทำงาน และการพักผ่อนด้วยออกเที่ยวกับแสงสีในวิกาลมากกว่าล่ะมั้ง

“ตั้งแต่ คุณแม่เสียไป ผมก็แทบไม่รู้จักคำว่า ‘วัด’ หรอกครับ” ใช่แล้ว ตั้งแต่วันที่เผาศพผู้เป็นแม่ ธารานนท์ก็ไม่รู้จักถึงวัดวาอารามอีกเลย ชีวิตของเขา ตื่นเช้ามาก็มีแต่วงทำงาน เลิกงาน ก็เข้าวงแสงผีเสื้อราตร และผู้หญิงนอนชั่วคราวข้ามคืนเดียว

“อย่างงั้นหรือครับ ดีแล้วครับที่เจ้านายมาใส่บาตรกับพี่วันนี้” พี่กิตดาบอกพลางยิ้มๆ

“ครับ วันนี้ผมขอไปที่ไหนก็ได้”

“แล้วบอกคุณนิดหรือเปล่าครับ ว่าจะออกไปไหน”

“โธ่! พี่กิตต์คร้าบ อย่าถามผมแบบนั่นสิ” ได้ยินพี่กิตดาถาม ธารานนท์แทบหายใจไม่ทั่วท้องเลย

“หึๆ พี่พอจะรู้แล้ว ว่าทำไมคุณนนท์ถึงตื่นตั้งแต่เช้ามืดแบบนี้”

“ก็ประมาณนั้นแหละครับ” ธารนนท์ยิ้มแห้งๆ ให้พี่กิตดา เมื่อพี่ชายแห่งรีสอร์ทแมกไม้กอหญ้า รู้จุดประสงค์ของเขาเข้าเสียแล้ว อีกอย่างเขาไม่กล้าเอ่ยปากห้าม ไม่ให้ณัฐภรณ์มาหาด้วย การทำตัวเป็นมิตรหมายกับเสี่ยชัดชัยอาจจะมีผลพลอยได้ในภาคหน้าก็ย่อมเป็นไปได้

และแล้วรถกระเบาคันโตของสองหนุ่มแมกไม้กอหญ้าก็เข้ามาถึงวัดป่าบนภูเขาที่หมาย ธารานนท์ทำตัวช่วยจัดของและอาหารใส่บาตรตามที่พี่กิตดา จนกิจจะวัตรประจำวัดป่าบ้านของที่นี่ แม้สายตาของชายหนุ่มนั่นจะมาพบเจอคนที่เฝ้าคิดถึงในใจอีกเช่นเคย มันคือความบังเอิญใช่หรือเปล่านะ ธารานนท์รู้สึกเกิดความสบายใจและอารมณ์ดีสดใสขึ้นมา ยิ่งได้ลอบมองเห็นสาวเจ้าอันใจชักอยากกลายเป็นคนหมายปองเข้าไปทุกที

“อ้าว พ่อหนุ่มนนท์กับคุณกิตดานี่นา”

“สวัสดีครับ คุณหญิง” คุณนริศรารับไหวทักทายจากสองหนุ่มปาท่องโก๋นี้ แล้วก็ดีใจที่ได้พบทั้งสองด้วย ตั้งแต่วันที่ไปทานข้าวเช้าครั้งโน้น ท่านก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย

“สวัสดีจ๊ะ หนุ่มๆ”

“คุณกิตดา แม่เห็นมาวัดออกจะบ่อยๆ แต่วันนี้แม่เพิ่งจะเห็นพ่อหนุ่มนนท์นะ”

“ครับ เพิ่งมาครั้งแรก และผมอาจจะตามพี่กิตต์มาบ่อยๆ ครับ” ธารานนท์ปากก็คุยกับคุณหญิงนริศรา แต่เจ้าลูกตากรุ่มกริ่มนี่สิ มองไปหาคนที่ยืนอยู่ไกลๆ ทางต้นไม้ใหญ่โน้น และด้านสาวเจ้าดังกล่าวนั้น ดูเหมือนจะมัวแต่คุยโทรศัพท์อยู่ก่อนจะวางสายไป และนอบน้อมยกมือบางไหว้สวัสดีบรรดาลุงป้าน้าอาหลายคนที่มาวัดประจำแห่งนี้ ซึ่งเดินเข้ามาทักทาย ส.ส.หญิงขวัญใจ โดยที่นรินศายังไม่รู้ตัวเลยว่าถูกใครบ้างคนชายตามองอย่างสนใจเป็นพิเศษ...

“ดีแล้วลูก เข้าวัดเข้าวา มาตักบาตร ทำบุญ ทำทาน ทำกุศลเยอะๆ จะได้ส่งเสริมบารมีติดตัวไปจนชาติหน้า” คุณหญิงบอก และกำลังปลื้มใจเพิ่มขึ้นอีกที่ได้เห็นคนยังหนุ่มยังแน่นรู้จักเข้าวัดอาราม วันนี้สามีของเธอไม่สบายเป็นไข้หวัด คุณหญิงจึงชวนให้ลูกสาวแสนรักมาเป็นเพื่อน ซึ่งนานๆ ทีเจ้าลูกสาวคนเดียวจะมีเวลาว่างมาทำบุญตักบาตรเข้าวัดเช่นกัน เนื่องจากท่านส.ส.คนเก่งนั้น เป็นคนช่างห่วงแต่งานบ้านเมืองอย่างทุ่มเทเต็มร้อยหมดใจ จนลืมเวลาแห่งการผ่อนพักสมอง พักร่างกายให้จิตใจผ่องใสบ้าง

“ครับ”

“จริงสิ พ่อหนุ่มทั้งสองมีธุระที่ไหนต่อหรือเปล่าเอ่ย ไปทานข้าวมื้อเที่ยงที่บ้านแม่ต่อกันไหมจ๊ะ”

“ขอผมมีธุระต่อครับ แต่ของคุณนนท์ว่างครับ” พี่กิตดาตอบกลับอย่างรวดเร็ว เนื่องเจ้านายหนุ่มของเขานั้น คงจะตอบคำถามคุณหญิงไม่ได้แล้วมั้ง ทว่าสายตาเจ้าหนุ่มสำราญกับหัวใจมันกำลังลอยไปทางฝ่ายโน้นแล้ว

“งั้น พ่อหนุ่มนนท์เดินทางกลับรถของแม่แล้วกันนะ และไปทานข้าวเป็นเพื่อนพ่อศตราหน่อยนะจ๊ะ คุณกิตดาจะได้ไปทำธุระต่อเลย” คุณหญิงบอกตามใจที่ท่านต้องการ

“เอ่อ...” ธารานนท์ได้ยินก็ยังทำตัวออกจะงุนงงๆ อยู่เลย ทำให้พี่กิตดาตัดสินใจแทนเองเสร็จสรรพเรียบร้อย

“ดีเลยครับ งั้นผม ขอฝากเจ้านายด้วยนะครับคุณหญิง เดี๋ยวช่วงบ่ายๆ ผมทำธุระเสร็จแล้ว จะไปรับที่บ้านคุณหญิงเองนะครับ” ตกลงกันจบ คุณหญิงก็ควงหนุ่มหล่อเจ้าสำราญกลับบ้านมาพร้อมด้วย ตลอดเส้นทางนั้น เสียงคุยกันดั่งซักประวัติของคุณหญิงกับหนุ่มธารานนท์ออกจะเยอะกว่าคนเป็นลูกสาวเสียด้วย นรินศาเอาแต่นั่งเงียบ นั่งหลับตลอดทาง ทักทายสวัสดีตามมารยาทนายธารานนท์ก่อนจะขึ้นรถตู้คันโตมาแค่นั้นเอง นานเกือบตะวันเลยเวลาช่วงกลางวันไปแล้ว การเดินทางจากวัดป่าบนภูเขาก็จบลงที่บ้านหลังโตของท่าน ส.ส.คนเก่งจอมขี้เก็ก ธารานนท์พลิกดูนาฬิกาข้อมือ แล้วก็ต้องแปลกใจกับเวลา มันไม่น่าเชื่อเลยว่าเขาจะไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการทำงานของตนสักอย่าง ช่างเป็นการผ่อนคลายพักสมองที่ไม่ใช่การลาพักผ่อนช่วงสั้นๆ แบบอย่างที่เขาสัมผัสมาก่อน

“แม่คะ ริน ต้องเข้าสำนักงานต่อ คงไม่ได้ทานข้าวกลางวันด้วยนะคะ” เสียงหวานร้องขึ้น เรียกสติให้ธารานนท์กลับมาสนใจ

“อ้าว วันหยุดไม่ใช่หรือลูก”

“ค่ะ ตอนอยู่วัด พี่ณัฐโทรมาคะ มีเอกสารบ้างอย่างที่รินจะต้อง...” นรินศากำลังจะพูดต่อ แต่สายตาเล็กเหลือบมองเห็นชายหนุ่มที่เดินมายืนข้างๆ ผู้เป็นแม่พอดิบพอดี “...ไปจัดการให้มันเรียบร้อยค่ะ”

“เฮ้อ...ลูกสาวแม่นี่ห่วง แต่งานๆ จริงๆ เลย มีลูกสาวคนเดียว วันหยุดทั้งที ก็ดันไม่คิดจะดูแลคนเป็นแม่ แถมพ่อก็ยังนอนเป็นไข้หวัดด้วย” คนเป็นแม่ออกอาการบ่นๆ ด้วยความเหนื่อยใจแทน งานนี้อุตส่าห์ล็อกตัวชายหนุ่มที่เข้าตาเฉพาะฝ่ายคนเป็นแม่เท่านั้นนะ มาทำตัวกลิ้งๆ อยู่ที่บ้านได้แล้วแท้ๆ แต่แล้วทำไมยัยแม่ลูกสาวคนเก่ง คิดจะหาเรื่องชิ่งหนีเสียได้ละนี่

“งั้นเดี๋ยวผม อยู่เป็นลูกชายให้คุณหญิงแทนสักวันก็ได้ครับ ปล่อยให้ท่านนรินศาทำงานไปเถอะครับ” ธารานนท์หันมาเอาใจฝ่ายแม่หญิงสาวดีกว่า ไหนๆ คนเป็นลูกสาวก็จะหนีเขาไปทำงานแล้วนี่นา

“แหมๆ พ่อหนุ่มนนท์ใจดีจังจ๊ะ” คุณหญิงแทบระริระรี้ตื่นเต้นปลื้มหัวใจ อยากจะกระโดดกอดชายหนุ่มหล่อ ที่ช่างพูดจาได้ดีมาก มันถูกใจคนแก่ที่สุดเลยด้วย

“ครับ วันนี้ผมว่าง...” ธารานนท์ตอบแล้วยิ้มหวานกริ่ม

“โอเคเลย งั้นเราไปทำกับข้าวเที่ยงกันทานดีกว่านะ เผื่อพ่อศาตราด้วย นี่นอนเป็นไข้ คนลูกสาวแสนเลิฟก็ไม่เห็นจะมาดูแลท่าน!” คุณหญิงถึงขั้นแสดงท่าทางไม่สนใจลูกสาวแล้ว แถมท่านยังล็อกควงแขนหนุ่มธารานนท์เดินเข้าไปในบ้าน พร้อมกับการคุยเมนูอาหารมื้อเที่ยงนี้อย่างออกรสอีกต่างหาก

“คุณแม่!” นรินศาตาโตร้องอุทานตามหลังคนเป็นแม่ด้วยอึ้งตกใจ แล้วเธอกลับต้องเป็นฝ่ายเสียอารมณ์ขึ้นมาดื้อๆ จากที่จะไม่คิดต่อปากต่อคำกับผู้ชายคนนี้ แต่เขากลับกำลังทำตัวเอาใจคนเป็นแม่ของเธอ แถมยังคิดจะมาแย่งตำแหน่งลูกคนโปรดไปอีกด้วย ใครจะยอมล่ะ มือบางคว้าหาโทรศัพท์ของตน และทำการต่อสายโรไปถึงคนที่เธอนัดเอาไว้

“กอหญ้า รินไม่ไปหาแล้วนะ รินจะต้องอยู่บ้าน!” ลุงเข้มกระตุกยิ้มให้คุณหนูของบ้านอัณณ์ศญา ที่กำลังจะขับไปจอดเก็บที่โรงรถประจำบ้าน อีกไม่นานบางทีบ้านหลังโตนี้ อาจจะมีเสียงหัวเราะเล็กๆ ก็ได้

การมีลูกมือทำครัววันแรกในบ้านท่าน ส.ส.ก็ไม่ได้เป็นตามที่คุณหญิงปรารถนา เนื่องจากชายหนุ่มรูปหล่อแห่งรีสอร์ทแมกไม้ เจอสายตาดุไม่เป็นมิตรจากลูกสาวคนเก่งเข้านั่น ช่างประกาศบอกว่า ‘นี่คือแม่ของฉัน’ ธารานนท์จึงได้ถูกคุณหญิงให้ออกจากครัว ไปพบพ่อศาตราจะดีกว่า

“ไหนว่าจะต้องเข้าสำนักงานไงจ๊ะ คุณลูกร้ากจ๋า” คุณแม่นริศราเอ่ยประชดลูกสาว หลังจากชายหนุ่มสุดหล่อของท่าน เดินออกจากครัวไปแล้ว ป้าแม่ครัวดวงพรร่างท้วมหรือภรรยาของลุงเข้ม ก็ทำหน้าที่เตรียมอาหารต่อ พลางเอ่ยบ่นแกล้งๆ ว่าเสียดายหนุ่มหน้าหล่อหน้าใสกิ๊กมาเป็นลูกมือในครัวทั้งที นรินศาได้แต่ค้อนใส่คนเป็นป้าและแม่ด้วย

“เกิดอยากทานข้าวกลางวันก่อนค่ะ” ตอบเสร็จก็ยกถาดผลไม้นานนาชนิดพร้อมน้ำหวานสมุนไพร เดินออกจากห้องครัวไปดื้อๆ แน่นอนเธอจะต้องดิ่งไปหาคุณพ่อสุดที่รักนั่นสิ หวังว่าคนเป็นพ่อคงไม่คิดจะเห่อลูกชายคนใหม่เหมือนแม่หรอกนะ การได้ยินเสียงหัวเราะดังลั่นอารมณ์ดีจากคนเป็นพ่อ มันก็ยิ่งทำให้หญิงสาวหน้าหงิกๆ

“เชอะ เอาใจคนแก่เก่งเสียเหลือเกินนะ...นายหน้าเลือดกวนประสาท” เสียงหวานบ่นพึมพำก่อนจะพาร่างตน เข้ามาทำลายบรรยากาศเฮฮาของคนเป็นพ่อ

“น้ำขิงหวานค่ะ คุณพ่อ”

“ขอบใจจะลูกรัก วันนี้หยุดอยู่บ้านได้ด้วยหรือเราน่ะ” คุณพ่อถามพร้อมรับน้ำขิงแก้อาการหวัดหนึ่งแก้วกับลูกสาวที่ตอบว่าอยู่แค่ทานข้าวมื้อเที่ยงนี้ด้วยเท่านั้น แล้วท่านก็ส่งน้ำขิงให้หนุ่มธารานนท์อีกหนึ่งแก้ว เพื่อให้ดื่มเป็นเพื่อนท่าน ธารานนท์รับน้ำขิงเย็นมาแล้วก็ยกขึ้นดื่มทันทีด้วยความกระหาย และนึกว่ามันคงจะหวานเหมือนน้ำลำไย แต่ก็ต้องสำลักในลำคอด้วยความเผ็ดหวานของมันเข้าเต็มๆ สายตาชายหนุ่มจึงพุ่งมองไปหากับหญิงสาวที่ยกน้ำสมุนไพรมาให้ดื่ม แล้วมันก็ช่างเหมือนกับใบหน้าของหญิงสาวที่หวานเจี๊ยบ แต่ซ่อนความเผ็ดไว้ในตัวนั่นสิ

“พอดื่มได้ไหมพ่อนนท์ ดื่มเพื่อสุภาพด้วยนะ” พ่อศาตราถาม เมื่อเห็นอาการสักลักของคนเป็นลูกชายของรุ่นน้องนักการเมือง

“ดะ...ดื่มได้ครับ”

“นานๆ ทีจะมีคนหนุ่มมาคุยเล่นเป็นเพื่อนพ่อ อ้อๆ ไปวัดป่ามาด้วยกันสินะ แล้วได้เจอหลวงพี่นทีหรือเปล่า พ่อนนท์”

“ไม่ได้เจอสิคะคุณ หลวงพี่นทีพาท่านอาจารย์ปู่ไปทำบุญถวายผ้ากฐินพระราชทานที่อินเดีย วันนี้พ่อหนุ่มนนท์เลยไม่ได้พบ” เสียงคุณหญิงนริศราเดินเข้ามาตอบแทนชายหนุ่มแขกของบ้าน พร้อมกับอาหารเที่ยงชุดแรก และเห็นสีหน้าของธารานนท์เหมือนจะสงสัยถาม

“พี่ชายของยัยรินจ๊ะ บวชเป็นพระตั้งแต่พ่อศาตราละเลิกเล่นเป็น ส.ส.โน้น แต่ก็ยังไม่แคล้วลูกสาวคนแสนดีกระโดนมาเล่นแทนท่าน...”

“หรือครับ ผมนึกว่าคุณท่านทั้งสองมีลูกคนเดียวเสียอีก”

“มีลูกชายลูกสาวอย่างละคนนี้แหละจ๊ะ แม่ถึงอยากได้...ลูกชายคนใหม่เพิ่ม” คุณหญิงพูดจบก็หัวเราะน้อยๆ ชอบอกชอบใจ

“คุณแม่!” ผิดกับลูกสาวที่ร้องประท้วง ทำให้คุณหญิงเดินเข้ามาบีบจมูกเล็กๆ ทำโทษเหมือนเคยๆ

“แม่เหงานี่ มีลูกสาวก็ทำแต่งานๆ และก็งานๆ” นรินศาหลบวงมือของคนเป็นแม่ไม่ทัน จึงมีจมูกโด่งสีแดงอ่อนๆ เข้าจนได้ เรียกเสียงหัวเราะเบาๆ จากสองหนุ่มต่างวัยที่มองเห็นเหตุการณ์ ‘น่ารักดีแฮะ บ้านหลังนี้’ ธารานนท์บอกตามความรู้สึกตนในใจ เขาไม่ค่อยได้ความอบอุ่นจากคนเป็นแม่ พร้อมมีคนเป็นพ่ออยู่ด้วยแบบนี้หรอก

“ให้ผมเป็นลูกชายของคุณหญิงอีกคนก็ได้ครับ ผมก็ไม่มีคุณแม่แล้ว ท่านเสียตั้งแต่ผมยังเด็กๆ” เขาเผลอพูดตามความรู้สึกตนเองออกจากไป ดันลืมไปว่ามันได้แฝงความนัยอะไรสักอย่างที่คาดคิดไม่ถึงด้วย

“โธ่! พ่อหนุ่มนนท์ งั้น...ต่อไปก็มาหาแม่บ่อยๆ นะจ๊ะ เดี๋ยวแม่จะทำหน้าที่แทนเอง และคนแก่แถวนี้จะไม่คิดว่าแม่ใจดำ” คุณหญิงทำเสียน่าสงสารสุดตัว แล้วเอ่ยแขวะสามีด้วย เพราะรู้ว่าหนุ่มน้อยรูปหล่อเป็นลูกของใคร พ่อศาตราแทบหัวเราะในลำคอก็จะหันออกไปไอแค่กๆ เบาๆ สองสามครั้ง ท่านยังหลงเอ่ยพึมพำให้คนเป็นว่าภรรยาเป็นเอามาก นี่คงหลงเสน่ห์นายหนุ่มน้อยคนนี้มากหรือเปล่า ดันเอาเรื่องสมัยก่อนระหว่างแม่ของชายหนุ่มและท่านมาจุดชนวนเสริมด้วย

“ได้ครับ” ธารานนท์ขานรับอย่างว่องไวไม่ต้องคิดเลย ก่อนจะยกคิ้วหนหนึ่งให้คนเป็นลูกสาวแสนเก่ง เขาสักอยากมาเป็นลูกชายบ้านหลังนี้แล้วมันเหมือนกลิ่นอายความอบอุ่นที่เคยสัมผัสในสมัยที่ผู้เป็นแม่บังเกิดกล้ายังมีชีวิตอยู่ บนโต๊ะทานมื้อกลางวันพ่อศาสตราก็ชวนชายหนุ่มเรื่องโน้นนี้ในการทำงานบ้าง ก่อนจะชวนให้ไปชมเรือนเพาะชำกล้วยไม้นานาชนิดของท่าน เอาไว้ไปเป็นดอกไม้ประดับประดาตกแต่งรีสอร์ท

“ริน อิ่มแล้วค่ะ ขอตัวไปสำนักงานก่อนนะคะ” วันนี้ดูเหมือนเธอจะกลายเป็นส่วนเกินอย่างไงไม่รู้ คุณพ่อคุณแม่ก็สนใจแต่นายธารานนท์อยู่ได้ ลูกสาวคนเดียวเกิดอาการน้อยอกน้อยใจนิ่งๆ

“อ้าว จะไปแล้วเหรอลูก แม่ว่าจะให้ช่วยพ่อนนท์ไปเลือกกล้วยไม้สวยๆ เรือนสวนหลังบ้านเสียหน่อย พ่อของลูกก็เป็นไข้ต้องกินยาและนอนพักผ่อน ส่วนแม่สักเริ่มเพลียๆ เหมือนกัน” คุณหญิงนริศราพยายามหาเรื่องรั้งลูกสาวแสนเก่งเอาไว้ให้ได้นานที่สุด และข้ออ้างของคนเป็นแม่ดูเหมือนจะสำเร็จด้วย

หลังทานอาหารเรียบร้อย ธารานนท์ก็เดินตามหลังท่านส.ส.หญิงร่างบางแสนรักทะนุถนอมจนว่าพบว่า น่าจะเอาไปนอนกอดไว้ข้างเสียจริงๆ ภายในความคิดที่ตั้งใจเหมือนจะฝันหวานว่าสักวันนั้นอาจจะเป็นได้ ก็โผล่ออกมาทางสีหน้าชายหนุ่มซะเคลิ้ม ก่อนจะเดินชนเข้ากับกระถางกล้วยไม้ดอกสีอ่อนๆ ที่ห้อยยาวลงมาด้านหน้า และแล้วเท้าหนาก็ดันเผลอก้าวเหยียบทับเต็มๆ จนเขาต้องร้องเสียงหลงเอง เพราะกลัวว่าจะทำให้เจ้าดอกกล้วยไม้สวยแสนเบาะบางนี้ช้ำเอาแน่ๆ

“เดินให้มันดีๆ หน่อยสิ คุณพ่อท่านหวงและรักกล้วยไม้ทุกต้นเลยนะ ท่านไม่ยอมให้ใครมาเหยียบย้ำมันเล่นๆ ด้วย” หญิงสาวหันมาเอ่ยดุ ระหว่างเดินเข้ามาถึงเรือนกล้วยไม้ของผู้เป็นพ่อเรียบร้อยแล้ว

“ขอโทษครับ” ธารานนท์รีบเอ่ยกล่าวแสดงความผิดที่เขาเผลอกระทำ เผลอทำร้ายมันเข้าแบบไม่ได้ตั้งใจด้วย ก่อนจะเอาเจ้าต้นกล้วยไม้ดอกสีอ่อนห้อยเก็บไว้ตรงที่เดิมของมัน แต่แล้วอยู่ๆ เสียงหวานร้องห้ามเอาไว้เสียก่อน

“หยุดนะ ไม่ต้องเอาไปเก็บนะ นายเอาต้นนั้นแหละ กลับไปดูแลเลย ไหนๆ นายก็ทำมันเสียหายนี่ นายต้องผิดชอบ...ไอยเรศเวียดนามด้วย” ธารานนท์เกิดอาการอึ้งไปวินาทีกับชื่อของต้นกล้วยไม้หรือเปล่า แล้วจึงเปลี่ยนมายิ้มกริ่มๆ

“ก็ได้ครับผมจะดูแลมันเอง แต่ท่านล่ะครับ ไม่คิดจะรับผิดชอบบ้างผมหรือครับ หึๆ”

“ฉันจะต้องรับผิดชอบอะไรนายกัน”

“อ้าว ลืมไปหรือไงคร้าบ ที่หลังผมไง ท่านอย่ามาทำเป็นลืมนะครับ ผมเสียใจนะเนี่ย” สองชายหญิงวัยคอนไปทางคนแก่ พากันเดินย่องๆ หามุมแอบฟังการสนทนาของคู่หนุ่มสาวรุ่นลูกนี้ และเมื่อได้ยินท่านทั้งสองถึงขั้นต้องเผลอร้องว้ายตกใจเบาๆ เมื่อดันคิดภาพว่ายัยลูกสาวคนเก่งของพวกท่านไปทำอะไรพ่อหนุ่มธารานนท์เข้าล่ะเนี่ย นรินศาชำเลืองมองผ่านๆ แล้วก็เอาวงแขนขึ้นมากอดอกยืนนิ่งๆ

“ก็หายดีแล้วนี่คะ ไม่เห็นนายจะร้องอวดครวญอะไร” พ่อกับแม่ท่านส.ส.คนเก่งตาโตเท่าไข่ห่านเลย พลางกันกระซิบต่อว่ายัยลูกบ้าไปทำอะไรพ่อหนุ่มธารานนท์เอาไว้หน่อ การสนทนานั้นมันช่างให้คิดสองแง่สองง่ามเสียจริงๆ ให้ตายสิ

“แหมๆ รอยแผลที่หลังของผม มันก็...ไม่ใช่เล็กๆ เลยนะครับ วันแรกก็ร้องเจ็บจะตาย” โอ๊ยๆ มันช่างน่าคิดไปไกลจริงจริ๊ง คนแก่ทั้งสองหัวใจเต้นเร้าๆ ในมุมซุ้มแอบฟัง และเริ่มอดเป็นห่วงทั้งลูกสาวและลูกชายคนใหม่เกือบทนไม่ไหวด้วยบทสนทนาของทั้งคู่ มันต้องมีอะไรมากกว่าที่ท่านทั้งสองคิดแน่ๆ พ่อศาสตรากับแม่นริศราสบตาก่อนจะพยักหน้าเห็นต้องใจกัน สวมบทบาทให้ถึงที่สุด

“ไอ้...ไอ้พ่อหนุ่มนนท์!!!” เสียงคำรามเปล่งกระหึ่มลั่นราวกับโกรธเกรี้ยวดังสายฟ้าฟาดพังพินาศ ธารานนท์สะดุ้งเฮือก กระโดดเด้งโหยงๆ ตื่นตกใจมากที่สุดในชีวิตนี้ ก่อนเหลือบเห็นดอกกล้วยไม้ที่เขาเผลอเอาเท้าเหยียบ มันก็ยังอยู่ในมือด้วย

“ขะ...ขอโทษคร้าบ! ผะ...ผมไม่ได้ตั้งใจนะครับท่าน คือๆ มะ...ไม่ได้เจตนาจะเหยียบจนชอกช้ำ...” ธารานนท์รีบร้องแกล้งตัวบอก พร้อมยกเจ้าต้นกล้วยไม้ แสดงให้คุณพ่อของหญิงสาวเห็นชัดเจน เขาขนลุกเลย ดูแล้วท่าทางท่านศาสตราจะหวงและรักเจ้าต้นกล้วยไม้มากจริงๆ ตามที่หญิงสาวพูดบอกเอาไว้ก่อนหน้านี้

“นี่ๆ ทำให้ชอกช้ำแล้ว คิดจะทอดทิ้ง งั้นเรอะ!”

“เปล่าครับ ผมจะรับผิดชอบอยู่ครับ สานบานสุดใจขาดเลยครับ” ธารานนท์แทบหายใจไม่ทั่วท้อง เวลาท่านโมโห รู้สึกน่ากลัวชะมัดเลย แล้วนี่ท่านถือปืนมาด้วยหรือเปล่าเนี่ย เขาไม่กล้ามองหน้าสบตากับท่านศาสตราเลย จึงเอาแต่เจ้ากล้วยไม้ปิดบังเอาไว้

“ตลอดชีวิตด้วยเว้ย!!”

“ครับตลอดชีวิตจนตายเลยครับ” เจอเสียงขู่คำรามอย่างกับเสือโคร่ง ยิ่งทำให้การเต้นหัวใจของธารานนท์หดลงทุกนาที...

“ดี! งั้นตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป พ่อนนท์ต้องมายัยรินไปทำงานทุกวัน เย็นก็ต้องมาส่งที่บ้าน พ่อจะดูความประพฤติของเราทั้งคู่เลย!” คนเป็นลูกสาวที่ดูพ่อโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ แทบสะดุ้งโหยงอีกรอบ พร้อมความอึ้งๆ มึนงงเป็นไก่ตาแตก

“ดะ...เดี๋ยวค่ะคุณพ่อ แล้วริน...ไปเกี่ยวอะไรด้วยคะเนี่ย”

“เกี่ยวสิลูกรักแสนนิสัยไม่ดี นี่ไปทำอะไรกันไว้ หือ! ทำไมถึงไม่เข้าคิดจะเข้าตามตรอกออกตามประตูให้ถูกต้องนะ แม่ไม่ยอมละ อย่าบอกนะว่าคิดจะเอานิสัยเด็กหัวสมัยใหม่มาใช้ในชีวิต แม่ไม่ปลื้มนะ” คนเป็นแม่ก็ไม่ยอมแพ้สั่งสอนลูกสาวต่อหน้าให้เห็นกันชัดๆ เลย

“คุณแม่คะ ไปกันใหญ่แล้วคะ มันไม่ใช่...”

“หยุด! ห้ามเถียง ห้ามขัด ห้ามหาข้อแก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้น ทางแม่กับพ่อได้ยินสิ่งที่พวกเราทั้งคู่ ยืนคุยกันหมดแล้ว” เสียงพ่อศาสตราขานรับยืนยันว่า ใช่อีกด้วย พวกท่านหูไม่ได้เพี้ยนนะ

“คุยอะไรนะคะ/คุยเรื่องอะไรนะครับ” โอ้พระเจ้า ไม่นะ อย่าบอกว่าพวกท่านพากันแอบฟังที่เธอและเขากำลังคุยกันอยู่ ทั้งคู่จึงนึกย้อนกับการสนทนาของตนเอง แล้วก็พากันตะลึงตาโตๆ และเพิ่งเข้าใจว่าได้หลงเอ่ยคำพูด คำจาอย่างกำกวมเอาไว้กันจริงๆ

“มันไม่ใช่อย่างที่พวกเราคุยกันอยู่นะครับ /มันไม่ใช่อย่างที่พวกเราคุยกันอยู่นะคะ คุณพ่อคุณแม่” สองหนุ่มสาวเอ่ยประสานเสียงอย่างตรงใจกันโดยไม่ต้องนัดหมาย...

“อืมๆ พูดเสียงเดียวและตรงกันด้วย ในโบราณเขาถือว่ามันคือความจริง!” พ่อศาสตราสรุปเรียบร้อย แต่ในใจนั่นโคตรๆ ดีใจสุดๆ อีกไม่นาน อีกไม่กี่นาที ท่านก็สามารถหาลูกเขยที่ท่านคาดหวังให้คนภรรยาได้แล้วเว้ย

“คุณพ่อคะ อย่าคิดแบบนั้น” น้ำเสียงหวานพึมพำออกมาอย่างจ๋อยๆ มันช่างน่าเห็นใจเหลือเกิน แล้วทำไมเธอต้องดันตกกระไดพลอยโจร แบบไม่สามารถค้านเหตุผล และอ้างความจริงให้มันขึ้นเป็นประจักษ์ได้เลย...



>______< v

โปรดติดตามตอนต่อไป

บทที่ 9 ข้อแลกเปลี่ยนหัวใจเข้มข้น....






Aricha
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 ธ.ค. 2555, 20:50:39 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 ธ.ค. 2555, 20:50:39 น.

จำนวนการเข้าชม : 1646





<< บทที่ 7 วางหมาก(ต่อ)…   บทที่ 9 ข้อแลกเปลี่ยนหัวใจเข้มข้น... >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account