เล่ห์รักเกมหัวใจ
มีน เขาถูกว่าจ้างให้หักอกเธอ "อลินา" ที่คนว่าจ้างบอกว่าเธอเป็นผู้หญิงร้ายกาจ
อลินา ถูกว่าจ้างให้ดักหลังผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเพลย์บอยตัวพ่อ อย่าง"มีน" ที่ไม่ยอมสยบให้หญิงใด
เมื่อ แผนถูกซ้อนเป็นชั้นๆเหมือนขนมที่แสนหวาน กับดักที่พันจนวุ่นวาย
หมายเหตุ เรื่องนี้เขียนสดๆ ดังนั้นอาจจะมีเนื้อหาที่จะมีการเปลี่ยนแปลงภายหลังค่ะ
อลินา ถูกว่าจ้างให้ดักหลังผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเพลย์บอยตัวพ่อ อย่าง"มีน" ที่ไม่ยอมสยบให้หญิงใด
เมื่อ แผนถูกซ้อนเป็นชั้นๆเหมือนขนมที่แสนหวาน กับดักที่พันจนวุ่นวาย
หมายเหตุ เรื่องนี้เขียนสดๆ ดังนั้นอาจจะมีเนื้อหาที่จะมีการเปลี่ยนแปลงภายหลังค่ะ
Tags: เล่ห์รักเกมหัวใจ คีตา ณิชนิตา
ตอน: บทที่ ๑๔ มือที่อบอุ่น
บทที่ ๑๔
มือที่อบอุ่น
หญิงสาวจับพวงมาลัยแน่นหลังจากที่ซ้อมขับรถเรียบร้อยแล้วรอสักพักจึงดับเครื่อง มีเพื่อนร่วมสนามหลายคนเริ่มทยอยกลับกันหมดแล้ว เธอเดินออกมาจากสนามคิดว่าจะออกไปหาน้ำดื่มก่อนที่จะกลับที่โรงแรมที่พัก
“คราวนี้มั่นใจไหมลีน่า” เสียงของอนุทัตเอ่ยถามอย่างอารมณ์ดี
“ไม่มั่นใจเฮียก็ส่งลงแข่งแล้วนี่คะ” เธอตอบพร้อมกับรับน้ำมาจากหัวหน้าทีม
“เชื่อว่าทำได้ เธอเก่งพัฒนาขึ้นเยอะ”
“เฮียไม่เสียดายเงินแสนที่ลงทุนมั่งเหรอคะ ลีน่าใช่ว่าจะเก่ง” หญิงสาวกล่าวถามในสิ่งที่ค้างคาใจ เรื่องการแข่งขันที่แต่ละครั้งนั้นมีค่าใช้ใช้เหยียบแสน ใครที่ชอบกีฬาประเภทนี้ส่วนใหญ่ก็เป็นจำพวกลูกเจ้าของบริษัท คนที่มีเงินเหลือใช้ ซึ่งในนั้นก็คงรวมเธอไปด้วย เงินที่ได้จากกงสี...
“อ้าว นั่นแขกเธอหรือเปล่าเดินหน้าหล่อมาเลย” อนุทัตแซวในทีก่อนจะหัวเราะผละออกจากหญิงสาว
อลินามองไปยังมุมของสนามไม่ไกลนัก มีนเดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มที่เหมือนกับเมื่อครั้งอดีตเขาดูสดใสมากหลังจากที่เธอยอมใหอภัย
“ตามหาตั้งนาน” เขาว่าพร้อมยกถุงขนมชูให้หญิงสาวดู “คิดว่าน่าจะหิว เลยซื้อมาเผื่อ”
“แล้วมายังไงคะ”
“ขับรถมาสิ” มีนอมยิ้มหลังคำตอบนั้น ยิ่งได้เห็นตาสวยตวัดค้อนขวับเข้าให้ เขาก็ยิ่งยิ้มกว้างขึ้น “ล้อเล่น พอดีมีถ่ายแบบใกล้ๆ นี่แหละ ก็เลยได้โอกาสเสร็จงานก็เร่งขับมาที่นี่เลย”
“พักพอดีค่ะ เดี๋ยวก็ลงซ้อมต่อ” เธอบอกเนิบๆ ก่อนจะก้าวเข้าไปนั่งตรงเก้าอี้ข้างสนาม มีนแกะห่อแซนด์วิชออกมาส่งให้หญิงสาวหลังจากที่เธอนั่งเรียบร้อยแล้ว ดวงตาสวยนั้นหันกลับมามองเขาอีกครั้ง
“พี่ทำเพื่อไถ่โทษอีกหรือคะ บอกแล้วไงว่ามันไม่จำเป็น”
“พี่ไม่ได้ไถ่โทษ แต่ทำด้วยความรู้สึกล้วนๆ เออ เดี๋ยวซ้อมเสร็จไปดูทะเลตอนเย็นกันนะ”
อลินาไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธเพราะคิดว่าอย่างไรเสียมีนมาถึงที่ เขาคงไม่ยอมปล่อยเธอกลับไปนอนพักที่โรงแรมโดยง่ายแน่ๆ หลังจากซ้อมอีกสองสามรอบเธอจึงออกไปพร้อมมีน เขาพาไปหาอะไรกินก่อนที่จะออกเดินเล่นตามชายหาด แสงสว่างตามเส้นทางไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกกลัวเลยแม้แต่น้อย ข้างกายที่มีชายคนหนึ่ง เขาไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา สองมือนั้นล้วงกระเป๋ากางเกงค่อยๆ ก้าวเดินเรื่อยๆ
“ทำไมพี่ถึงไม่ยอมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฉันฟังละคะ”
“อืม เพราะไม่อยากให้อลิสสงสารพี่...อยากให้อลิสตัดสินใจด้วยความรู้สึกจริงๆ ว่าต้องการให้อภัยกันได้จริงๆ หรือเปล่า”
“ไม่อยากให้อลิสสงสารเหรอกคะ”
“ความสงสารของอลิสมันจะทำให้พี่คิดว่าตัวเองน่าสมเพช”
“ต่างกันยังไงคะ”
“พี่ไม่อยากน่าสมเพชในสายตาของคนที่พี่รัก พี่ไม่อยากดูทุเรศสำหรับคนที่พี่คิดถึงอยู่ตลอดเวลา”
“แค่เด็กผู้หญิงแว่นหนา หน้าเต็มไปด้วยสิวคนหนึ่ง พี่ก็ชอบเธอเหรอคะ นี่อยากให้ฉันเชื่อไหมละ”
“พี่ไม่ได้ชอบเด็กคนนั้นนี่ พี่ชอบเด็กที่ให้อาหารแมวทุกเช้า เด็กคนที่ใจดีเอื้อเฝื้อช่วยเหลือคนอื่นเสมอคนนั้น คนที่พี่เดินไปโรงเรียนกับเขาทุกเช้า คนที่แอบมองพี่อยู่ตลอดเวลา คนที่เอาขนมที่ตัวเองทำไปไว้ในล็อกเกอร์ของพี่”
“นี่พี่มีนรู้ทั้งหมดเลยหรือคะ” น้ำเสียงนั้นประหลาดใจ เธอไม่คิดว่าเขาจะรู้แม้แต่เรื่องขนมที่ทำเอง
“พี่รู้ทุกอย่าง เพียงแต่ว่า พี่มันโง่เกินไป พี่กลัวการเผชิญหน้า กลัวว่าถ้าเผยสิ่งที่ตัวเองคิด มันจะทำให้เพื่อนๆ ในกลุ่มประนามแล้วก็รังเกียจพี่ พี่มันบ้าไปเอง”
“กลัวเสียชื่อหนุ่มฮ็อตงั้นหรือคะ”
มีนไม่ตอบเขายอมรับในความโง่เขลานั้น เขายอมรับและเชื่อว่าสิ่งนี้คงทำให้อลินาโกรธเขาเพิ่มขึ้น หญิงสาวหันมาจ้องชายหนุ่มด้วยสีหน้าที่ยากจะอธิบาย เธอยื่นมือมาตรงหน้าเขามือสวยนั้นทำให้เขาหยุดชะงัก ถามเธอกลับด้วยสายตา รอยยิ้มบางบนใบหน้าสวยมันเด่นชัดและทำให้ความอบอุ่นบางอย่างมันแล่นเข้าสู่หัวใจ
ชายหนุ่มยื่นมือออกไปเกาะเกี่ยวกุมมือนั้นไว้แน่นก่อนจะพาเธอก้าวออกไปข้างหน้า สายลมอ่อนๆ พัดมาเป็นระยะ ผมยาวสวยนั้นปลิวตามแรงของลม ภาพนั้นช่างสวยงามสำหรับมีน ไม่ว่าภาพสวยแค่ไหนที่เขาได้รับคำชมแต่ภาพในใจของเขาและอลินามันสวยงามยิ่งกว่า
ในช่วงเย็นพัชระและประวีย์เพิ่งเดินทางมาถึงโรงแรมที่พักซึ่งเป็นที่พักเดียวกันกับที่อลินาพักอยู่ สีหน้าของพัชระค่อนข้างเคร่งเครียดตั้งแต่ได้รับโทรศัพท์ของพ่อเมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา มือหนาจัดเรียงเสื้อผ้าที่อยู่ในกระเป๋าใส่ตู้อย่างเรียบร้อย ด้วยความเคยชิน
“พี่พัชว่าตอนนี้ลีน่าเลิกซ้อมหรือยัง”
“ไม่รู้สิลองโทร.ไปถามเขาสิ” พัชระตอบเสียงเบา ไม่ทันที่ประวีย์จะกดโทรศัพท์กลับมีสายเข้า สีหน้าเด็กหนุ่มตื่นเต้น
“พี่มีน ถึงไหนแล้วครับ” ประวีย์ทักชื่อนั้นทำให้พัชระรู้แล้วว่าเป็นใคร “อ้าว เจอกันแล้วเหรอ งั้นเดี๋ยวผมกับพี่พัชตามไปนะครับ” ประวีย์ตอบรับก่อนจะกดวางสายหันไปทางพัชระที่ลุกขึ้นเดินออกไปยังระเบียงห้องสายตาคมเหม่อมองออกไปยังทะเลที่สุดลูกหูลูกตานั้น “พี่พัชครับ พี่มีนมาถึงแล้วและก็ออกไปทานข้าวแล้วด้วย เห็นว่าเจอลีน่าแล้วด้วยครับ”
พัชระพยักหน้ารับ “ไปเตรียมตัวเดี๋ยวเราออกไปเจอพวกเขา พี่ขอนั่งพักสักหน่อย”
ชายหนุ่มยังคงเหม่อมองภาพเดิมตรงหน้า สิ่งที่วนเวียนอยู่ในหัวตอนนี้ก็คือเรื่องที่เกิดขึ้นเขาควรจัดการอย่างไรดี เขามีเลือดแม่เต็มตัว ดังนั้นสิ่งที่เขาทำอยู่ในปัจจุบันคือการปกป้องแม่ ไม่ได้หลีกหนีความวุ่นวายอย่างที่พ่อคิด
ตอนนั้นสิ่งที่เขาคิดได้ก็คือ ไม่อยากเห็นแม่เสียน้ำตาเพราะความเจ้าชู้ของพ่ออีกแล้ว เขาเก็บเรื่องอลินาไว้มิด ไม่ว่าใครจะเข้าใจผิดคิดร้ายอย่างไร เขาก็ไม่เคยสนใจ แค่แม่ไม่เจ็บก็พอ แม่เป็นลูกคุณหนูลูกที่แต่งงานกับพ่อตามกฎระเบียบการเลือกคู่ในสมัยก่อน เรียกง่าย ๆ ว่าคลุมถุงชน แค่ท่านก็ยังเชื่อมั่นในความรักที่ก่อเกิดอย่างเงียบๆ
เขากับมีนเป็นเพื่อนสนิทกันจากมิตรภาพของแม่ แม่ของมีนและแม่ของเขาเป็นญาติกัน ลูกสาวผู้ดีเก่าที่ได้แต่งงานตามที่พ่อแม่เลือกให้ ความที่สนิทกันมาตั้งแต่เด็กเรื่องราวในใจหลายอย่างก็แทบไม่ต้องพูดคุยกันมากความ ทว่าเรื่องของอลินามันจะทำให้เขาและมีนต้องผิดใจกันหรือเปล่า มันยังเป็นคำถาม แม่เขาคงไม่มีทางยอมรับอลินาได้...ไม่ว่าจะด้วยฐานะอะไรก็ตาม
เกือบเดือนที่พ่อเขาไม่เคยติดต่อหาแม้กระทั่งเรื่องของอลินาพ่อก็ยังไม่ยอมสอบถาม ปล่อยให้เขาทำหน้าที่พี่ชายที่แสนดีอย่างนี้ตลอดมา “พัช...แม่เขารู้เรื่องลีน่าแล้วนะ เขาอยากเจอลีน่าน่ะ”
“ทำไมเรื่องถึงแตกออกมาล่ะครับ”
“เขาให้คนสืบเรื่องแล้วเอาเอกสารทุกอย่างมาให้พ่อดู พัชก็รู้ว่าแม่เป็นคนยังไง เขาละเอียดและทำทุกอย่างต้องมีหลักฐาน ซึ่งงานนี้พี่ดิ้นไม่หลุดเลย”
“แล้วคุณแม่ต้องการเจอลีน่าทำไมกันครับ”
“เขาบอกว่า อยากดูแลลีน่าเอง”
“อะไรนะครับ!!” พัชระเสียงหลงทันทีที่ได้ยินคำตอบของพ่อ “ไม่มีทางครับ แม่ไม่มีทางยินดีกับการดูแลลีน่าแน่ๆ งั้นผมจะเข้าไปคุยกับแม่เอง”
“ทำไมละพัช พ่อว่าแม่เขาอยากดูแลก็ดีอยู่แล้ว เราก็จะได้ไม่ลำบาก”
“ผมไม่คิดอย่างนั้นหรอกครับพ่อ ผมรู้จักแม่ดีพอๆ กับรู้จักตัวเอง ชีวิตของน้องมันน่าสงสารพอแล้วนะครับ อย่าให้มันมากกว่านี้อีกเลย ผมขอละครับ ปล่อยลีน่าไป ถือเสียว่าไม่มีเธอบนโลกนี้” พัชระวางสายโทรศัพท์พร้อมกับกำหมัดแน่น
แม่ต้องการเจออลินาหมายความว่าแม่ต้องการแก้แค้นมากกว่า การที่รู้เรื่องพ่อนอกใจเหมือนเป็นสิ่งที่เลวร้ายพอแล้วแม่คงไม่ยอมปล่อยอลินาไปง่ายๆ หรอก
“พี่พัชมาถึงแล้วเหรอคะ” อลินากล่าวถามเมื่อเห็นว่ามีนเก็บโทรศัพท์มือถือเข้าไว้ในกระเป๋ากางเกงเรียบร้อยแล้ว มีนหันกลับมาสิ่งยิ้มให้
“ใช่ เพิ่งมาถึงเมื่อครู่พี่เลยนัดไปเจอกันที่ร้านอาหารใกล้ๆ นี่” อธิบายพร้อมกับจ้องใบหน้าสวยนั้นด้วยแววตาบางอย่าง
“งั้นเราก็รีบไปกันเถอะค่ะ” เธอบอกสีหน้าตื่นเต้น
“ไม่ต้องรีบหรอก ค่อยๆเดิน พี่อยากอยู่อย่างนี้นานขึ้นอีกสักหน่อย”
“ทำไมคะนึกอยากกินลมชมวิวชายทะเลตอนค่ำ”
“เปล่า พี่อยากอยู่กับเรานานๆ ขึ้นอีกหน่อยเท่านั้นเอง”
อลินายิ้มบาง สมองกลับคิดไปอีกเรื่อง เธอสงสัยในตัวมีนหลายอย่างแต่ยังไม่กล้าพอที่จะถามอย่างตรงไปตรงมา
“อลิสชักสงสัยแล้วว่าที่พี่มีนง้อขอคืนดีกับอลิสเพราะอลิสคนนี้หน้าตาสวยหรือเปล่า”
“อะไรทำให้อลิสคิดแบบนั้นล่ะ” เขาหันมาถามหญิงสาวสีหน้าจริงจังขึ้นมาในทันที
“ไม่รู้สิ มันเป็นปมด้อยของอลิสมั้งคะ” หญิงสาวหลบตาก่อนจะเดินเลี่ยงออกมาจ้องท้องทะเลที่แทบจะมองไม่เห็นอะไรแล้ว
“ถ้าเป็นเพราะหน้าตา พี่คงถอยห่างตั้งแต่รู้ว่าเป็นอลิสแล้วล่ะแต่นี่พี่ยังอยากรัก อยากเข้าใกล้ มันคงไม่ใช่เหตุผลนั้นแล้ว”
“พี่รักฉันจริงๆ น่ะเหรอคะ” เธอถามย้ำอีกครั้ง
“ไม่ต้องเชื่อพี่ก็ได้นะ เชื่อใจของอลิสเอง พี่บอกอลิสไปแล้วนี่ว่าขอโอกาสอีกครั้ง และครั้งนี้อลิสต้องตัดสินใจเองว่าพี่เหมาะสมที่จะทำให้อลิสเริ่มต้นใหม่ไหม”
“แค่เริ่มต้นกันใหม่เท่านั้นเอง” น้ำเสียงนั้นเหมือนขอความเห็น ก่อนที่จะยื่นมือมาหาเธออีกครั้ง
อลินาลังเลใจเพียงเล็กน้อยก่อนที่จะเอื้อมไปจับมือหนานั้นไว้ ในใจนั้นเริ่มรู้สึกหวั่นไหว หลังจากนั้นเขาก็พาเธอเดินเรียบเรื่อย จุดหมายคือร้านอาหารที่นัดกับเพื่อนๆ ไว้ เขาก้าวขาอย่างเชื่องช้าอย่างที่ตั้งใจ ปล่อยให้ความเงียบครอบคลุม
มีเพียงเสียงหัวใจเท่านั้นที่พูดคุยกันได้ มือที่เกี่ยวกุมไว้นั้นช่างอบอุ่นเหลือเกิน มีนยิ้มกว้างก่อนจะแกว่งมือนั้นเบาๆ เป็นจังหวะ จังหวะที่เขาต้องระมัดระวังไม่ให้มืออีกฝ่ายหลุดไปอีกครั้ง...
พัชระเหลือบมองเพื่อนชายที่เพิ่งเดินเข้ามาพร้อมกับน้องสาวก่อนจะก้มลงอ่านเมนูอาหารในมือต่อไป ประวีย์ยิ้มรับหนุ่มสาวทั้งสองก่อนจะเลื่อนเมนูอาหารส่งให้
“นี่ทำไมได้เจอกันก่อนละครับ”
อลินาแอบสบตาชายหนุ่มหวังว่าเขาจะเป็นคนตอบแต่ไม่มีท่าทีนั้นแสดงให้เห็นแม้แต่น้อย “บังเอิญน่ะ” เธอบอกก่อนจะก้มลงอ่านเมนูอาหารทั้งๆที่เพิ่งเรียบร้อยไปก่อนหน้านี้ไม่กี่ชั่วโมง
มีนลอบยิ้มกับกระดาษตรงหน้า “ฉันเพิ่งทานเสร็จพวกนายเลือกเลยละกัน”
“อ้าว นึกว่าจะรอกันพี่มีนละก็...” ประวีย์บ่นแต่สายตายังคงกวาดมองหาอาหารที่ตัวเองชื่นชอบ เลือกสองสามอย่างเผื่อหัวหน้าทั้งสองคนด้วย
“แล้วนี่ลีน่าจะแข่งวันไหนเหรอ” น้ำเสียงที่ไม่แสดงอารมณ์นั้นเพื่อนลอบมองพัชระ
“วันมะรืนนี้ค่ะ” เธอตอบเสียงเบา เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมานั้นพัชระไม่เคยเห็นด้วยกับสิ่งที่เธอทำเลยแม้แต่น้อย
“อะไร...ถามแบบนี้จะไปเชียร์ใช่ไหมล่ะ ทำเป็นถามเสียงขรึม” มีนแซวขึ้นมาเสียงดังพร้อมกับหัวเราะเมื่อเห็นตาเข้มตวัดจ้องตาเขาเป็นเชิงคาดโทษ
“ต้องไปเชียร์อยู่แล้ว ผมคนหนึ่งละจะเกาะขอบสนามเลย” ประวีย์เสริม พัชระเลือกที่จะเงียบแทนคำตอบ
“ว่าแต่ลีน่ามาเป็นนักแข่งรถได้ยังไง” ประวีย์ตั้งคำถามที่หนุ่มสองคนอยากรู้แต่กลับไม่เอ่ยปากถามเลยสักครั้ง
“อืม...เกิดจากอยากเอาชนะความกลัวของตัวเองน่ะ สมัยเด็กฉันเคยประสบอุบัติเหตุ ไม่กล้าแม้กระทั่งนั่งรถด้วยซ้ำ จนวันหนึ่งได้เจอกับเฮียสามซึ่งเป็นญาติของโยธินเพื่อนสนิทของฉันเอง เฮียสามบอกให้ฉันลอง เริ่มต้นจาก โกคาร์ท แล้วก็ค่อยไต่ระดับมาเป็นรถแข่งสนามตรง” เธอเล่าง่าย ๆ ประวีย์พยักหน้ารับ
“อดทนมากเหมือนกันนะ”
“มันทำให้ฉันได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างเลยทีเดียว ความอดทน เชื่อมั่น และความกล้าที่จะเผชิญหน้า ตัดสินใจในสิ่งที่ตัวเองกลัว”
มีนหันมามองหญิงสาวพร้อมกับยิ้มบางๆ ให้ มือหนาเอื้อมไปกุมมือเธอที่วางอยู่บนตักนั้นไว้แน่น เหมือนกับอยากถ่ายทอดความรู้สึกบางอย่างให้ ความรู้สึกที่จากนี้ไป เขาจะไม่มีทางปล่อยให้เธอต้องจมอยู่กับความหวาดกลัวอีกต่อไป
“I give my hand to you with all my heart
Can't wait to live my life with you
Can't wait to start
You and I will never be apart
My dreams came true because of you”
มือที่อบอุ่น
หญิงสาวจับพวงมาลัยแน่นหลังจากที่ซ้อมขับรถเรียบร้อยแล้วรอสักพักจึงดับเครื่อง มีเพื่อนร่วมสนามหลายคนเริ่มทยอยกลับกันหมดแล้ว เธอเดินออกมาจากสนามคิดว่าจะออกไปหาน้ำดื่มก่อนที่จะกลับที่โรงแรมที่พัก
“คราวนี้มั่นใจไหมลีน่า” เสียงของอนุทัตเอ่ยถามอย่างอารมณ์ดี
“ไม่มั่นใจเฮียก็ส่งลงแข่งแล้วนี่คะ” เธอตอบพร้อมกับรับน้ำมาจากหัวหน้าทีม
“เชื่อว่าทำได้ เธอเก่งพัฒนาขึ้นเยอะ”
“เฮียไม่เสียดายเงินแสนที่ลงทุนมั่งเหรอคะ ลีน่าใช่ว่าจะเก่ง” หญิงสาวกล่าวถามในสิ่งที่ค้างคาใจ เรื่องการแข่งขันที่แต่ละครั้งนั้นมีค่าใช้ใช้เหยียบแสน ใครที่ชอบกีฬาประเภทนี้ส่วนใหญ่ก็เป็นจำพวกลูกเจ้าของบริษัท คนที่มีเงินเหลือใช้ ซึ่งในนั้นก็คงรวมเธอไปด้วย เงินที่ได้จากกงสี...
“อ้าว นั่นแขกเธอหรือเปล่าเดินหน้าหล่อมาเลย” อนุทัตแซวในทีก่อนจะหัวเราะผละออกจากหญิงสาว
อลินามองไปยังมุมของสนามไม่ไกลนัก มีนเดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มที่เหมือนกับเมื่อครั้งอดีตเขาดูสดใสมากหลังจากที่เธอยอมใหอภัย
“ตามหาตั้งนาน” เขาว่าพร้อมยกถุงขนมชูให้หญิงสาวดู “คิดว่าน่าจะหิว เลยซื้อมาเผื่อ”
“แล้วมายังไงคะ”
“ขับรถมาสิ” มีนอมยิ้มหลังคำตอบนั้น ยิ่งได้เห็นตาสวยตวัดค้อนขวับเข้าให้ เขาก็ยิ่งยิ้มกว้างขึ้น “ล้อเล่น พอดีมีถ่ายแบบใกล้ๆ นี่แหละ ก็เลยได้โอกาสเสร็จงานก็เร่งขับมาที่นี่เลย”
“พักพอดีค่ะ เดี๋ยวก็ลงซ้อมต่อ” เธอบอกเนิบๆ ก่อนจะก้าวเข้าไปนั่งตรงเก้าอี้ข้างสนาม มีนแกะห่อแซนด์วิชออกมาส่งให้หญิงสาวหลังจากที่เธอนั่งเรียบร้อยแล้ว ดวงตาสวยนั้นหันกลับมามองเขาอีกครั้ง
“พี่ทำเพื่อไถ่โทษอีกหรือคะ บอกแล้วไงว่ามันไม่จำเป็น”
“พี่ไม่ได้ไถ่โทษ แต่ทำด้วยความรู้สึกล้วนๆ เออ เดี๋ยวซ้อมเสร็จไปดูทะเลตอนเย็นกันนะ”
อลินาไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธเพราะคิดว่าอย่างไรเสียมีนมาถึงที่ เขาคงไม่ยอมปล่อยเธอกลับไปนอนพักที่โรงแรมโดยง่ายแน่ๆ หลังจากซ้อมอีกสองสามรอบเธอจึงออกไปพร้อมมีน เขาพาไปหาอะไรกินก่อนที่จะออกเดินเล่นตามชายหาด แสงสว่างตามเส้นทางไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกกลัวเลยแม้แต่น้อย ข้างกายที่มีชายคนหนึ่ง เขาไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา สองมือนั้นล้วงกระเป๋ากางเกงค่อยๆ ก้าวเดินเรื่อยๆ
“ทำไมพี่ถึงไม่ยอมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฉันฟังละคะ”
“อืม เพราะไม่อยากให้อลิสสงสารพี่...อยากให้อลิสตัดสินใจด้วยความรู้สึกจริงๆ ว่าต้องการให้อภัยกันได้จริงๆ หรือเปล่า”
“ไม่อยากให้อลิสสงสารเหรอกคะ”
“ความสงสารของอลิสมันจะทำให้พี่คิดว่าตัวเองน่าสมเพช”
“ต่างกันยังไงคะ”
“พี่ไม่อยากน่าสมเพชในสายตาของคนที่พี่รัก พี่ไม่อยากดูทุเรศสำหรับคนที่พี่คิดถึงอยู่ตลอดเวลา”
“แค่เด็กผู้หญิงแว่นหนา หน้าเต็มไปด้วยสิวคนหนึ่ง พี่ก็ชอบเธอเหรอคะ นี่อยากให้ฉันเชื่อไหมละ”
“พี่ไม่ได้ชอบเด็กคนนั้นนี่ พี่ชอบเด็กที่ให้อาหารแมวทุกเช้า เด็กคนที่ใจดีเอื้อเฝื้อช่วยเหลือคนอื่นเสมอคนนั้น คนที่พี่เดินไปโรงเรียนกับเขาทุกเช้า คนที่แอบมองพี่อยู่ตลอดเวลา คนที่เอาขนมที่ตัวเองทำไปไว้ในล็อกเกอร์ของพี่”
“นี่พี่มีนรู้ทั้งหมดเลยหรือคะ” น้ำเสียงนั้นประหลาดใจ เธอไม่คิดว่าเขาจะรู้แม้แต่เรื่องขนมที่ทำเอง
“พี่รู้ทุกอย่าง เพียงแต่ว่า พี่มันโง่เกินไป พี่กลัวการเผชิญหน้า กลัวว่าถ้าเผยสิ่งที่ตัวเองคิด มันจะทำให้เพื่อนๆ ในกลุ่มประนามแล้วก็รังเกียจพี่ พี่มันบ้าไปเอง”
“กลัวเสียชื่อหนุ่มฮ็อตงั้นหรือคะ”
มีนไม่ตอบเขายอมรับในความโง่เขลานั้น เขายอมรับและเชื่อว่าสิ่งนี้คงทำให้อลินาโกรธเขาเพิ่มขึ้น หญิงสาวหันมาจ้องชายหนุ่มด้วยสีหน้าที่ยากจะอธิบาย เธอยื่นมือมาตรงหน้าเขามือสวยนั้นทำให้เขาหยุดชะงัก ถามเธอกลับด้วยสายตา รอยยิ้มบางบนใบหน้าสวยมันเด่นชัดและทำให้ความอบอุ่นบางอย่างมันแล่นเข้าสู่หัวใจ
ชายหนุ่มยื่นมือออกไปเกาะเกี่ยวกุมมือนั้นไว้แน่นก่อนจะพาเธอก้าวออกไปข้างหน้า สายลมอ่อนๆ พัดมาเป็นระยะ ผมยาวสวยนั้นปลิวตามแรงของลม ภาพนั้นช่างสวยงามสำหรับมีน ไม่ว่าภาพสวยแค่ไหนที่เขาได้รับคำชมแต่ภาพในใจของเขาและอลินามันสวยงามยิ่งกว่า
ในช่วงเย็นพัชระและประวีย์เพิ่งเดินทางมาถึงโรงแรมที่พักซึ่งเป็นที่พักเดียวกันกับที่อลินาพักอยู่ สีหน้าของพัชระค่อนข้างเคร่งเครียดตั้งแต่ได้รับโทรศัพท์ของพ่อเมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา มือหนาจัดเรียงเสื้อผ้าที่อยู่ในกระเป๋าใส่ตู้อย่างเรียบร้อย ด้วยความเคยชิน
“พี่พัชว่าตอนนี้ลีน่าเลิกซ้อมหรือยัง”
“ไม่รู้สิลองโทร.ไปถามเขาสิ” พัชระตอบเสียงเบา ไม่ทันที่ประวีย์จะกดโทรศัพท์กลับมีสายเข้า สีหน้าเด็กหนุ่มตื่นเต้น
“พี่มีน ถึงไหนแล้วครับ” ประวีย์ทักชื่อนั้นทำให้พัชระรู้แล้วว่าเป็นใคร “อ้าว เจอกันแล้วเหรอ งั้นเดี๋ยวผมกับพี่พัชตามไปนะครับ” ประวีย์ตอบรับก่อนจะกดวางสายหันไปทางพัชระที่ลุกขึ้นเดินออกไปยังระเบียงห้องสายตาคมเหม่อมองออกไปยังทะเลที่สุดลูกหูลูกตานั้น “พี่พัชครับ พี่มีนมาถึงแล้วและก็ออกไปทานข้าวแล้วด้วย เห็นว่าเจอลีน่าแล้วด้วยครับ”
พัชระพยักหน้ารับ “ไปเตรียมตัวเดี๋ยวเราออกไปเจอพวกเขา พี่ขอนั่งพักสักหน่อย”
ชายหนุ่มยังคงเหม่อมองภาพเดิมตรงหน้า สิ่งที่วนเวียนอยู่ในหัวตอนนี้ก็คือเรื่องที่เกิดขึ้นเขาควรจัดการอย่างไรดี เขามีเลือดแม่เต็มตัว ดังนั้นสิ่งที่เขาทำอยู่ในปัจจุบันคือการปกป้องแม่ ไม่ได้หลีกหนีความวุ่นวายอย่างที่พ่อคิด
ตอนนั้นสิ่งที่เขาคิดได้ก็คือ ไม่อยากเห็นแม่เสียน้ำตาเพราะความเจ้าชู้ของพ่ออีกแล้ว เขาเก็บเรื่องอลินาไว้มิด ไม่ว่าใครจะเข้าใจผิดคิดร้ายอย่างไร เขาก็ไม่เคยสนใจ แค่แม่ไม่เจ็บก็พอ แม่เป็นลูกคุณหนูลูกที่แต่งงานกับพ่อตามกฎระเบียบการเลือกคู่ในสมัยก่อน เรียกง่าย ๆ ว่าคลุมถุงชน แค่ท่านก็ยังเชื่อมั่นในความรักที่ก่อเกิดอย่างเงียบๆ
เขากับมีนเป็นเพื่อนสนิทกันจากมิตรภาพของแม่ แม่ของมีนและแม่ของเขาเป็นญาติกัน ลูกสาวผู้ดีเก่าที่ได้แต่งงานตามที่พ่อแม่เลือกให้ ความที่สนิทกันมาตั้งแต่เด็กเรื่องราวในใจหลายอย่างก็แทบไม่ต้องพูดคุยกันมากความ ทว่าเรื่องของอลินามันจะทำให้เขาและมีนต้องผิดใจกันหรือเปล่า มันยังเป็นคำถาม แม่เขาคงไม่มีทางยอมรับอลินาได้...ไม่ว่าจะด้วยฐานะอะไรก็ตาม
เกือบเดือนที่พ่อเขาไม่เคยติดต่อหาแม้กระทั่งเรื่องของอลินาพ่อก็ยังไม่ยอมสอบถาม ปล่อยให้เขาทำหน้าที่พี่ชายที่แสนดีอย่างนี้ตลอดมา “พัช...แม่เขารู้เรื่องลีน่าแล้วนะ เขาอยากเจอลีน่าน่ะ”
“ทำไมเรื่องถึงแตกออกมาล่ะครับ”
“เขาให้คนสืบเรื่องแล้วเอาเอกสารทุกอย่างมาให้พ่อดู พัชก็รู้ว่าแม่เป็นคนยังไง เขาละเอียดและทำทุกอย่างต้องมีหลักฐาน ซึ่งงานนี้พี่ดิ้นไม่หลุดเลย”
“แล้วคุณแม่ต้องการเจอลีน่าทำไมกันครับ”
“เขาบอกว่า อยากดูแลลีน่าเอง”
“อะไรนะครับ!!” พัชระเสียงหลงทันทีที่ได้ยินคำตอบของพ่อ “ไม่มีทางครับ แม่ไม่มีทางยินดีกับการดูแลลีน่าแน่ๆ งั้นผมจะเข้าไปคุยกับแม่เอง”
“ทำไมละพัช พ่อว่าแม่เขาอยากดูแลก็ดีอยู่แล้ว เราก็จะได้ไม่ลำบาก”
“ผมไม่คิดอย่างนั้นหรอกครับพ่อ ผมรู้จักแม่ดีพอๆ กับรู้จักตัวเอง ชีวิตของน้องมันน่าสงสารพอแล้วนะครับ อย่าให้มันมากกว่านี้อีกเลย ผมขอละครับ ปล่อยลีน่าไป ถือเสียว่าไม่มีเธอบนโลกนี้” พัชระวางสายโทรศัพท์พร้อมกับกำหมัดแน่น
แม่ต้องการเจออลินาหมายความว่าแม่ต้องการแก้แค้นมากกว่า การที่รู้เรื่องพ่อนอกใจเหมือนเป็นสิ่งที่เลวร้ายพอแล้วแม่คงไม่ยอมปล่อยอลินาไปง่ายๆ หรอก
“พี่พัชมาถึงแล้วเหรอคะ” อลินากล่าวถามเมื่อเห็นว่ามีนเก็บโทรศัพท์มือถือเข้าไว้ในกระเป๋ากางเกงเรียบร้อยแล้ว มีนหันกลับมาสิ่งยิ้มให้
“ใช่ เพิ่งมาถึงเมื่อครู่พี่เลยนัดไปเจอกันที่ร้านอาหารใกล้ๆ นี่” อธิบายพร้อมกับจ้องใบหน้าสวยนั้นด้วยแววตาบางอย่าง
“งั้นเราก็รีบไปกันเถอะค่ะ” เธอบอกสีหน้าตื่นเต้น
“ไม่ต้องรีบหรอก ค่อยๆเดิน พี่อยากอยู่อย่างนี้นานขึ้นอีกสักหน่อย”
“ทำไมคะนึกอยากกินลมชมวิวชายทะเลตอนค่ำ”
“เปล่า พี่อยากอยู่กับเรานานๆ ขึ้นอีกหน่อยเท่านั้นเอง”
อลินายิ้มบาง สมองกลับคิดไปอีกเรื่อง เธอสงสัยในตัวมีนหลายอย่างแต่ยังไม่กล้าพอที่จะถามอย่างตรงไปตรงมา
“อลิสชักสงสัยแล้วว่าที่พี่มีนง้อขอคืนดีกับอลิสเพราะอลิสคนนี้หน้าตาสวยหรือเปล่า”
“อะไรทำให้อลิสคิดแบบนั้นล่ะ” เขาหันมาถามหญิงสาวสีหน้าจริงจังขึ้นมาในทันที
“ไม่รู้สิ มันเป็นปมด้อยของอลิสมั้งคะ” หญิงสาวหลบตาก่อนจะเดินเลี่ยงออกมาจ้องท้องทะเลที่แทบจะมองไม่เห็นอะไรแล้ว
“ถ้าเป็นเพราะหน้าตา พี่คงถอยห่างตั้งแต่รู้ว่าเป็นอลิสแล้วล่ะแต่นี่พี่ยังอยากรัก อยากเข้าใกล้ มันคงไม่ใช่เหตุผลนั้นแล้ว”
“พี่รักฉันจริงๆ น่ะเหรอคะ” เธอถามย้ำอีกครั้ง
“ไม่ต้องเชื่อพี่ก็ได้นะ เชื่อใจของอลิสเอง พี่บอกอลิสไปแล้วนี่ว่าขอโอกาสอีกครั้ง และครั้งนี้อลิสต้องตัดสินใจเองว่าพี่เหมาะสมที่จะทำให้อลิสเริ่มต้นใหม่ไหม”
“แค่เริ่มต้นกันใหม่เท่านั้นเอง” น้ำเสียงนั้นเหมือนขอความเห็น ก่อนที่จะยื่นมือมาหาเธออีกครั้ง
อลินาลังเลใจเพียงเล็กน้อยก่อนที่จะเอื้อมไปจับมือหนานั้นไว้ ในใจนั้นเริ่มรู้สึกหวั่นไหว หลังจากนั้นเขาก็พาเธอเดินเรียบเรื่อย จุดหมายคือร้านอาหารที่นัดกับเพื่อนๆ ไว้ เขาก้าวขาอย่างเชื่องช้าอย่างที่ตั้งใจ ปล่อยให้ความเงียบครอบคลุม
มีเพียงเสียงหัวใจเท่านั้นที่พูดคุยกันได้ มือที่เกี่ยวกุมไว้นั้นช่างอบอุ่นเหลือเกิน มีนยิ้มกว้างก่อนจะแกว่งมือนั้นเบาๆ เป็นจังหวะ จังหวะที่เขาต้องระมัดระวังไม่ให้มืออีกฝ่ายหลุดไปอีกครั้ง...
พัชระเหลือบมองเพื่อนชายที่เพิ่งเดินเข้ามาพร้อมกับน้องสาวก่อนจะก้มลงอ่านเมนูอาหารในมือต่อไป ประวีย์ยิ้มรับหนุ่มสาวทั้งสองก่อนจะเลื่อนเมนูอาหารส่งให้
“นี่ทำไมได้เจอกันก่อนละครับ”
อลินาแอบสบตาชายหนุ่มหวังว่าเขาจะเป็นคนตอบแต่ไม่มีท่าทีนั้นแสดงให้เห็นแม้แต่น้อย “บังเอิญน่ะ” เธอบอกก่อนจะก้มลงอ่านเมนูอาหารทั้งๆที่เพิ่งเรียบร้อยไปก่อนหน้านี้ไม่กี่ชั่วโมง
มีนลอบยิ้มกับกระดาษตรงหน้า “ฉันเพิ่งทานเสร็จพวกนายเลือกเลยละกัน”
“อ้าว นึกว่าจะรอกันพี่มีนละก็...” ประวีย์บ่นแต่สายตายังคงกวาดมองหาอาหารที่ตัวเองชื่นชอบ เลือกสองสามอย่างเผื่อหัวหน้าทั้งสองคนด้วย
“แล้วนี่ลีน่าจะแข่งวันไหนเหรอ” น้ำเสียงที่ไม่แสดงอารมณ์นั้นเพื่อนลอบมองพัชระ
“วันมะรืนนี้ค่ะ” เธอตอบเสียงเบา เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมานั้นพัชระไม่เคยเห็นด้วยกับสิ่งที่เธอทำเลยแม้แต่น้อย
“อะไร...ถามแบบนี้จะไปเชียร์ใช่ไหมล่ะ ทำเป็นถามเสียงขรึม” มีนแซวขึ้นมาเสียงดังพร้อมกับหัวเราะเมื่อเห็นตาเข้มตวัดจ้องตาเขาเป็นเชิงคาดโทษ
“ต้องไปเชียร์อยู่แล้ว ผมคนหนึ่งละจะเกาะขอบสนามเลย” ประวีย์เสริม พัชระเลือกที่จะเงียบแทนคำตอบ
“ว่าแต่ลีน่ามาเป็นนักแข่งรถได้ยังไง” ประวีย์ตั้งคำถามที่หนุ่มสองคนอยากรู้แต่กลับไม่เอ่ยปากถามเลยสักครั้ง
“อืม...เกิดจากอยากเอาชนะความกลัวของตัวเองน่ะ สมัยเด็กฉันเคยประสบอุบัติเหตุ ไม่กล้าแม้กระทั่งนั่งรถด้วยซ้ำ จนวันหนึ่งได้เจอกับเฮียสามซึ่งเป็นญาติของโยธินเพื่อนสนิทของฉันเอง เฮียสามบอกให้ฉันลอง เริ่มต้นจาก โกคาร์ท แล้วก็ค่อยไต่ระดับมาเป็นรถแข่งสนามตรง” เธอเล่าง่าย ๆ ประวีย์พยักหน้ารับ
“อดทนมากเหมือนกันนะ”
“มันทำให้ฉันได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างเลยทีเดียว ความอดทน เชื่อมั่น และความกล้าที่จะเผชิญหน้า ตัดสินใจในสิ่งที่ตัวเองกลัว”
มีนหันมามองหญิงสาวพร้อมกับยิ้มบางๆ ให้ มือหนาเอื้อมไปกุมมือเธอที่วางอยู่บนตักนั้นไว้แน่น เหมือนกับอยากถ่ายทอดความรู้สึกบางอย่างให้ ความรู้สึกที่จากนี้ไป เขาจะไม่มีทางปล่อยให้เธอต้องจมอยู่กับความหวาดกลัวอีกต่อไป
“I give my hand to you with all my heart
Can't wait to live my life with you
Can't wait to start
You and I will never be apart
My dreams came true because of you”
ณิชนิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 ธ.ค. 2555, 08:08:06 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 ธ.ค. 2555, 08:08:06 น.
จำนวนการเข้าชม : 1607
<< บทที่ ๑๓ ยกโทษ | บทที่ ๑๕ หน้าที่ของพี่ชาย >> |
ปอปลาตากลม 13 ธ.ค. 2555, 13:17:25 น.
ณิชนิตา 13 ธ.ค. 2555, 21:36:27 น.
ขอบคุณค่า
ขอบคุณค่า
oikkw 14 ธ.ค. 2555, 03:52:17 น.
ณิชนิตา 14 ธ.ค. 2555, 06:18:14 น.