ทางเดินหัวใจ
เรื่องหนึ่งเรื่องเริ่มมาจากความฝัน อีกหลายเรื่องคืความผูกพันธ์
มีการพัฒนาอย่างเงียบๆ รอเพียงเวลาที่เหมาที่ควรเท่านั้น
แล้วความรกจะดำเนินต่อไป

Tags: ฝัน และ จริง

ตอน: ตอนที่เจ็ดจุดสอง ด่านที่สอง

สวัดดีเพื่อนๆนะคะ กว่าจะเขียนแต่ละตัวได้ทำไมมันยากจังเนอะ ฝากอ่านด้วยนะะะะคร้าาาาา

///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

ชายทะเล วันที่สอง
วันนี้เด็กชินทุนเหลือ สี่สิบคน นรี ณหทัย สารินา เมฆา และกระบี่ ก็ได้เข้ารอบนี้ด้วย
“ดีใจจังเลยที่พวกเราห้าคนได้เข้ารอบด้วย”
ณหทัย พูดด้วยความดีใจจริงๆที่ออกมาจากข้างใน
“จริงสิเมื่อวานผมยังไม่ได้ขอบคุณน้ำค้างเลย”
กระบี่ เองก็เพิ่งนึกออกว่ายังไม่ได้ขอบคุณนรีที่ช่วยชีวิตเธอ
“ไม่เป็นไรหรอกเพื่อนกัน”
นรีตอบยิ้มๆผิดกลับอาการที่ดูไม่ร่าเริง แต่ก็ยังไม่มีใครสังเกต
“แล้วทำไมสองคนนั้นต้องแกล้งนายด้วยล่ะกระบี่”
เมฆาเองก็สงสัยว่าลักษณะอย่ากระบี่ไม่น่าจะไปขัดแข่งขัดขาใครได้ และดูเหมือนว่าเพื่อนคนอื่นๆจะเห็นด้วย
“เขาสองคนเป็นเพื่อนที่โรงเรียนนะครับ เขาไม่ค่อยชอบหน้าผม”
“คนเรานี่ดูหน้ากันไม่ได้เลย”
สารินาพูดออย่าเสียดาย
“เธอชอบเขาเหรอมิ้นต์ คนไหนล่ะ คนตัวบึกๆเหรอ”
เมฆาแซวเพื่อน
“บ้าต้องคนหล่อๆสินายหมอก ฮาๆๆ”
ทุกคนหัวเราะกันเว้นก็แต่นรี ที่มองเหม่อ
“น้ำค้างวันนี้ดูเธอไม่ร่าเริงเลย”
สารินาเพิ่งสังเกตว่านรีดูซึมๆไป
“ไม่อะไรหรอกสงสัยแปลกที่นะเมื่อคืนเลยนอนไม่หลับ”
น้ำค้างพูดโกหกใครว่าเธอไม่หลับล่ะ เธอหลับเป็นตายเลยล่ะ แต่เธอไม่ได้ฝันเห็นดิวนะสิ
“น้องๆมาเข้าแถวตามกลุ่มเมื่อวานนะครับ”
ปรวัฒน์ เรียกบรรดาเด็กชิงทุนให้มาเข้าแถว หลังจากปล่อยเด็กชิงทุนเดินชิวกันได้สักพักหลังทานอาหารเช้า
“เราไปกันเถอะ”
นรีเลี่ยนประเด็นทันที ไม่อยากพูดอะไรให้เพื่อนใหม่ฟัง
“เข้าแถวๆ ทุกคนอิ่มกันแล้วใช่ไหม ตอบ”
“ค่ะ/ครับ”
“ดี” ปรวัฒน์หยุดพูดแล้วส่งสัญญาณให้เพื่อนเอาน้ำไปแจกเด็กชิงทุนคนละขวด“น้องๆรู้แล้วใช่ไหมว่าวันนี้เราจะต้องเล่นด่านต่อไป เก็บน้ำนี้ไว้ให้ดีเพราะมันสำคัญมากในด่านต่อไป”
“เขาจะให้พวกเราแข่งอะไรอีกวะ”
ผู้ชายหน้าตากวนๆพูดกับผู้ชายอีกคนหนึ่งที่นั่งข้างๆกัน
“อยากรู้ก็เงียบสิครับ ด่านต่อไป เราจะเดินป่า ทุกคนจะดำรงอยู่ด้วยน้ำขวดนี้จนกว่าจะออกจากป่า”
ทุกคนดูท่าทางตกใจ รวมถึงนรีด้วย เดินป่านี่นะ เธอมาทำอะไรที่นี่กันแน่ เดินป่าเหรอนี่เป็นสิ่งเดียวที่เธอเกียจที่สุด เพราะตอนเด็กๆเธอเคยมาเข้าค่ายเดินป่ากับโรงเรียนแล้วพลัดหลงกับเพื่อนติดอยู่ในป่าเกือบสองวัน
“น้ำขวดเดียวนี่นะ”
“ใช่ ฟังต่อ ด่านนี้จะมีคนผ่านด่านสามสิบคน ไปเราไปเริ่มเกมกัน”

“น้องๆคะเราจะเริ่มจากจุดนี้นะคะ เดินไปตามแผนที่จะไปเป็นกลุ่มหรือเดี่ยวก็ได้ ตามปกติเราจะได้เจอกันที่จุดหมายภายในสามชั่วโมง”
เนวดีรับบทพิธีกรต่อจากปรวัฒน์
“แล้วถ้าไม่ปกติละพี่”
ผู้ชายที่ทางกวนๆอีกคนถามขึ้น
“สามวัน เอาล่ะเริ่ม”
เนวดีตอบเล่นๆไม่อยากขยายความและให้สัญญาณเริ่มเกม
ทุกคนเริ่มวิ่งออกไปเว้นแต่นรี เธออยู่กับที่เหมือนถูกทำให้แข็ง
“สะ...สามวันเลยเหรอ”
นรีได้แต่เพ้อคำนี้ ไม่มีทางที่เธอจะก้าวเข้าไปในป่านี้เป็นเด็ดขาด
“น้องเป็นอะไรไปคะ”
เนวดีเดนมาจับไหล่นรี ทำเอาสาวน้อยสะดุ้ง
“น้ำค้างขอ...”
นรีจะพูดว่าขอถอนตัว แต่ก็โดนมือของเนวดีปิดปากไว้เสียก่อน
“หยุดอย่าพูดคำนั้นออกมา ระวังจะเสียความตั้งใจของคนที่ฝากฝังน้องไว้แล้วเขาจะเสียใจนะ”
“ใครคะ ใครฝากน้ำค้างไว้ พี่ชายน้ำค้างเหรอคะ”
“ไม่ใช่ เขาเป็นนักร้องดัง”
เนวดีไม่ยอดบอกตรงๆเพราะเธออยากรู้ว่าสาวน้อยคนนี้เธอจะรู้รึเปล่าว่าไปเข้าตาคนดังเข้าแล้ว
นรีชั่งใจว่าจะตอบคนที่เธอคิดไว้ดีรึเปล่า
“พี่ดิว”
“ใช่”
แม้คำตอบของเนวดีจะทำให้หัวใจของสาวน้อยพองโตแต่ก็ไม่สามารถลบความกลัวของเธอได้
“แต่น้ำค้างกลัว น้ำค้างไม่อยากเดินป่าคนเดียว”
“ใครว่าน้องเดินคนเดียว ดูนั้น”
นรีมองตามมือของเนวดี เธอเห็น เมฆา กระบี่ สารินา และ ณหทัย ยืนรออยู่ นรียิ้มทั้งน้ำตาที่ไม่รู้ว่าไกลมาจากไหน เพื่อน เธอจะไม่ต้องหลงป่าแล้วใช่ไหม
“ทุกคน”
“ไปได้แล้วพี่เชื่อว่าน้องจะต้องทำได้”
น้ำค้างออกเดินไปหาเพื่อนๆที่รออยู่
“มาช้าจัง”
“ขอบคุณนะ”
ทั้งห้าคนยิ้มให้กันและออกวิ่งไปพร้อมๆกัน
“สงสัยพี่โมจิจะบรรลุเป้าหมายแล้ว”
ปรเมตรที่ยืนฟังอยู่ไม่ห่างเดินมากอดแฟนสาว
“เนวก็ว่ายังงั้นแหละค่ะพี่ข้าวปั้น”
“จะไม่สวีดกันสักพักจะเป็นอะไรไหมครับ”
ปรวัฒน์เดินมาขัดจังหวะหวานของพี่ชาย
“นายอิจฉาฉันล่ะสิ แล้วไม่เอามากี้มาด้วยล่ะ”
“เธอคงจะมาหรอกพี่ พวกเราไปรอเด็กชิงทุนที่เส้นชัยเถอะ”
แล้วสามคนก็พากันเดินไปขึ้นรถแล้วออกตัวไปยังเส้นชัย

เด็กชิงทุนส่วนใหญ่เลือกที่จะไปตามลำพังมีเพียงไม่กี่คนที่จะไปเป็นคู่ หรือสามคนบ้าง มีเพียงพวกของนรีเท่านั้นที่ไปกันเป็นกลุ่มใหญ่ห้าคน
“พวกพี่เขาต้องแกล้งเราแน่เลย ดูจากแผนที่แล้วมันไปได้เป็นสิบทางเลย”
สารินาบ่นไปดื่มน้ำไปจนเหลือครึ่งขวด
“มิ้นต์ฉันว่าเธอค่อยๆจิบดีกว่านะ นี่เวลาก็ผ่านไปแค่สิบห้านาทีเอง”เมฆาเตือนเพื่อน สารินาหัวเราะแหะๆแก้เก้อ
“ที่พวกพี่เขาทำแบบนี้เขาอยากให้เราฝึกตัดสินใจ เราเชื่อว่าพวกพี่เขาต้องคิดแผนกันมาอย่างดี”
ณหทัยใช่หลักการที่เธอชอบศึกษามาอธิบายให้เพื่อนฟัง
“พวกเราดูนั้นสิ”
เมฆาชี้ให้เพื่อนๆดูกล้องที่ติดอยู่ที่ต้นไม้ ทุกคนมองตามและก็มองไปรอบๆก็เห็นกล้องอีกสองสามตัวติดอยู่
“จริงอยากที่เธอบอกเลยหลินพวกพี่เขานี่ทุ่มทุนสร้างจริงๆ”
กระบี่พูดอย่างชื่นชมณหทัยที่ดูมีความรู้เยอะ
“ถึงทางแยกแล้วเราจะไปทางไหนดี”
นรีมองอย่าสับสนไม่กล้าตัดสินใจ ดูจากแผนที่ก็น่าจะไปได้ทั้งสองทาง
“เราว่าไปทางขวาดีกว่าดูจากแผนที่แล้วทางซ้ายอาจจะใกล้กว่าแต่ตอนกลางทางจะต้องเดินขึ้นเขาอันตราย”
ทุกคนเห็นด้วย พวกสาวๆจูงมือกันเดิน ส่วนหนุ่มๆกอดคอกัน ห้าคนพากันเดนไปตามทางพลัดกันร้องเพลง
นรีรู้สึกมีความสุขมาก ไม่คิดว่าเพื่อนที่เพิ่งเจอกันจะเข้ากันได้ดีอย่างนี้
“ยินดีด้วยนะ”
เสียงกระซิบใสๆ ของใครดังมาอีกแล้ว นรีหันมองไปรอบตัว ‘เสียใคร’

เวลา 11.25 น.
“พี่ปั้นผมส่งคนไปชาร์ตพวกที่หลงป่าแล้วนะ”
ปรวัฒน์รายงานพี่ชาย ปรเมตรพยักหน้ารับรู้
“พี่ข้าวปั้นคะเหลืออีกห้าคนสุดท้ายเท่านั้นเองน้องๆกลุ่มนั้นยังมาไม่ถึงเลย”
เนวดีเริ่มเป็นห่วงว่าเด็กชิงทุนที่เธอหวังไว้จะไม่ได้เข้ารอบ
“เนวครับพี่ว่าเนวไม่ต้องห่วงเด็กชิงทุนขอถอนตัวไปสิบคนแล้ว ถ้าเด็กกลุ่มนั้นไม่ขอถอนตัวซะก่อนรับรองเด็กกลุ่มนั้นได้เข้ารอบชัวร์”
“ยัยเตี้ยดูนี่สิ”
ปรวัฒน์ดึงเพื่อนสาวไปดูที่จอมอนิเตอร์ เด็กชิงทุนห้าคนพากันร้องเพลงกันอย่างสนุกสนาน แล้วก็ใกล้ถึงเส้นชัยแล้ว

เมื่อเวลาผ่านไปไม่นานเด็กหนุ่มสาวห้าคนก็เดินมาถึงเส้นชัย ทั้งห้าคนมองคนที่อยู่บริเวณเส้นชัยที่มีมากจนพวกเขาคิดว่าคงจะตกรอบแล้วแน่นอน
นรีรู้สึกตัวชาเธอแพ้แล้วเหรอ เธอยังไม่ได้มีโอกาสเจอกับชายหนุ่มในฝันของเธอเลยนะ
เ นวดีกึ่งวิ่งกึ่งเดินมาที่นรี
“ทำหน้าเศร้าทำไมคะน้อง น้องได้เข้ารอบต่อไปนะ”
“จริงเหรอคะพี่”
นรีกระโดดกอดเนวดีอย่างไม่รู้ตัว เพื่อนๆที่เหลือก็กระโดดกอดกันหนุนกันไปเป็นวงกลมไชโยโห่ร้องกันอย่างสนุกสนาน

มาทางด้านของแดนไทย เขาต้องมาถ่ายเกมโชว์ที่ได้ชื่อว่าดังที่สุดในประเทศไทย และต้องใช่เวลาถ่ายกันข้ามวันข้ามคืน
“พี่ดิวสู้ๆ”
“พี่ดิวสู้ๆ”
กรี๊ด!!!!!!!!!!!!!! เฮ!!!!!!!!!!!!
เสียงแฟนคลับช่วยกันเชียร์แดนไทยที่กำลังแข่งเป่ากบ
ชายหนุ่มรู้สึกหัวเสียขึ้นเลยๆ ‘เป่าจนปากจะพังอยู่แล้ว จะให้เป่าจนทะลุท้องฟ้าเลยรึไง’
“ยินดีกับน้องดิวด้วยนะคะ น้องดิวเก่งมากๆเลยคะ พวกเราของเสียงหน่อย”
“กรี๊ด!!!!!!!”
แต่สิ่งที่ชายหนุ่มทำได้ก็คือ ยิ้ม ยิ้ม และยิ้ม ‘ใครก็ได้พาผมไปจากที่นี่ที’
“ฝันไปเถอะพ่อหนุ่ม อิๆ”
เสียงกังวารใสๆของใครบางคนลอยมา แดนไทยได้แต่มองหาที่มาของเสียง เสียงที่เขามักจะได้ยินเสมอหลังจากที่ได้อธิฐานต่อดาวตกในวันนั้น


////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

อยากให้ความฝันเป็นความจริง แต่ยากเหลือเกินที่จะทำให้มันดีถึงขั้นความฝันนั้นเป็นจริงยังไม่ได้



เพียงใจกล้า
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 ธ.ค. 2555, 22:40:21 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 พ.ค. 2559, 14:58:29 น.

จำนวนการเข้าชม : 781





<< บทที่เจ็ดจุดหนึ่ง ---->> สอบแข่งขัน รอบที่หนึ่ง   ตอนที่7.3 สอบแข่งขัน ปีน ปีน หน้าฝา >>
เพียงใจกล้า 17 ธ.ค. 2555, 22:43:13 น.


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account