เจ้าสาวพันธุ์สืบ
ปลื้ม---สาวเจ้าตัวดีที่มีนิสัย ซื่อ ทื่อ และโกง
ปลาย--น้องชาย ซึ่งกลายเป็นน้องสาวเธอช่างเป็นคนแสนดี

สองพี่น้องเป็นนางสาวสัปเหร่ออันเลื่อชื่อ ที่บรรดาผีผีรุมขอความเป็นธรรมกันเป็นแถวทีเดียว

คิมหันต์---บุรุษหนุ่มมาดเนี้ยบเจ้าของธุรกิจพันล้าน ผุ้มีเบื้องหลัง ต้องมาเป็นเจ้าบ่าวของนางสาวสัปเหร่ออย่างปลื้ม

วสันต์---หนุ่มหล่อซึ่งเป้นผีที่กลัวผีที่สุด และช่างน่าสงสารที่เขาหลงรักนางสาวทื่อ บื้อ อย่างปลื้มได้ลงคอ

เหมันต์---หนุ่มน้องคนสุดท้องที่ไม่ไว้ใจคนในครอบครัว และไม่ไว้ใจพี่สะใภ้ แต่เขากลับมาแอบรัก นาย...สาว ปลาย ซึ่งทุ่มหัวใจไปรักผีน่าสงสารเสียดาย

เรื่องราววุ่นวาย และสุดรักสุดหวงของ นางแก้ว ได้นำมาลงให้อ่านกันแล้วจ้ะ


Tags: คน ช่วย ผี

ตอน: รักแรก

รักแรก
ปลื้มนั่งนิ่วหน้าอยู่ข้างบิดา ซึ่งเงียบขรึมไปกว่าที่เคย ไม่มีเสียงหยอกยั่วจากลูกสาว และไม่มีความสงสัยจากบิดา ต่างคนต่างเงียบ จมอยู่ในความคิดของตนเอง
ยี่สิบกว่าปีก่อน หนุ่มนักศึกษานิติศาสตร์ ควงคู่ดาวคณะบัญชี ให้หลายคนต่างอิจฉา ต่างมีความหวังร่วมกัน
“ปรัชสอบทนายความได้ ฝนจะเป็นนักบัญชีทำงานในสำนักงานของปรัชนะคะ”หญิงสาวแสนสวยซบหน้ากับแขนของคู่รักวากฝันไปด้วยกัน
“ปรัชอยากเป็นอัยการ หรือไม่ ปรัชอาจจะสอบผู้พิพากษามากกว่าเป็นทนาย”ชายหนุ่มรูปงาม บอกคนรัก น้ำฝนหัวเราะเบาๆ พยักหน้ารับ
“นั่นสิคะ ทนายความต้องเจ้าเล่ห์ แก่หาเรื่องช่างยั่ว แต่ปรัชของฝนเป็นคนดี ซื่อสัตย์ คงเป้นทนายที่แก้ต่างให้ใครได้ยาก บางทีอาจจะชี้ผิดลูกความของตัวเองก็ได้”
ปรัชญายิ้มในสีหน้าทำให้ยิ่งรูปงาม น้ำฝนเบียดหน้ากับต้นแขนคู่รัก เอ่ยออกมาจากใจ
“ฝนหวงคุณจังเลยค่ะปรัช รู้มั้ยว่าที่คณะเขาอิจฉาฝน”
“คงพอกันกับที่คณะนิติศาสตร์เขาพากันสงสัยว่าปรัชมีดีอะไรฝนถึงยอมควง”
“มีสิคะ มีความดีมากกว่าทุกคน ฝนต่างหากที่โชคดีที่ได้ควงปรัช”
ปรัชญาเลื่อนแขนมาโอบเอวบาง ก่อนฉวยโอกาสตามประสาชาย หอมแก้มคนรัก ซึ่งทำอีกฝ่ายตกตลึงเพราะเป็นจูบแรก หญิงสาวยกมือเรียวแตะพวงแก้มซึ่งร้อนผ่าว จากนั้นเธอมีสีหน้าแดงจัด ก่อนลงมือทุบตีชายหนุ่มซึ่งเป็นคนรักอย่างขวยเขิน
รักแรกซึ่งเป็นดั่งฝัน หลังจากเรียนจบปรัชญายังไปมาหาสู่บ้านฝ่ายหญิงซึ่งอยู่คนละอำเภอ ปรัชญาสอบ
ความเศร้าที่เห็นสภาพสามีเสียชีวิตอย่างน่าอนาถใจ ยังคงถูกตอกย้ำจากสื่อมวลชน ซึ่งติดต่อเข้ามาขอทำข่าวเข้าฝ่ายนิติบัญญัติได้ ในขณะที่คนรักได้รับเลือกจากจังหวัดให้เป้นตัวแทนประกวดสาวงาม และพิชิตรางวัลนางงามประจำภาคได้
สองหนุ่มสาวต่างมีข่าวดี และใกล้วันวิวาห์ หากว่า มารดาของน้ำฝนมาเอ่ยปากกับชายหนุ่มด้วยตนเอง
“ขอโทษนะปรัช แม่ไม่อยากทำร้ายใจปรัช แต่แม่ไม่มีเงินมากพอจะรักษาพ่อของน้ำฝน ซึ่งต้องใช้เงินล้าน”
“คุณแม่ครับ ผมจะ”ปรัชญาเอ่ยค้างกับคำว่าขายที่ไร่ที่นา สมบัติของบิดาซึ่งเป็นสัปเหร่อ การขายที่นักร้อยไร่ ไม่ใช่เรื่องง่าย และคงได้เงินไม่มากพอ
“เจ้าสัวลิ้มเขาให้เงินมาช่วยเหลือโดยไม่หวังผลตอบแทน”
“แต่น้ำฝนต้องตอบแทนใช่มั้ยครับแม่”ชายหนุ่มย้อนถาม ลำคอแห้งผาก มารดาของน้ำฝนป้ายน้ำตาทิ้ง
“แม่ไม่รู้จะทำยังไง พ่อก็ยอมตายมากกว่าจะยอมผ่าตัด แต่พวกเราจะทนดูดายได้อย่างไรกัน ในเมื่อยังมีทางเลือก”
ทางเลือกของครอบครัวหญิงสาวคือ การเป็นเมียเจ้าสัวลิ้ม โดยไม่ยอมพบหน้าคนรักเก่าอีก ปรัชญาหมดแรงใจในความทะเยอทะยานที่จะไปให้ถึงฝัน เหมือนปราสาททรายสวยงามแต่อยู่ใกล้ริมฝั่ง เมื่อโดนน้ำทะเลซัดสาด พังครืน แล้วกลืนหาย ไม่เหลือรอย ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครอยากจดจำความเจ็บปวด
จากความคิดเป็นผู้พิพากษา ปรัชญากลับเลือกที่จะเดินตามบิดาด้วยการเป็นสัปเหร่อ อยู่กับซากร่างไร้วิญญาณไปวันๆโดยไม่มีความรังเกียจ หรือกริ่งกลัว
หากชีวิตมนุษย์ไม่พ้นการมีคู่ บิดาของปรัชญาหาสาวสวยมาเป็นคู่ครองให้ลูกชายในวัยที่ท่านใกล้เผา แต่ภรรยาของชายรูปงามกลัวผีเป็นที่สุด เมื่อให้กำเนิดลูกแฝด อีกคนมีสองเพศ และอีกคนเธอเห็นเป็นคนแก่ ทำให้คู่ครองหนีไปมีคู่ครองคนใหม่ ซึ่งปรัชญาไม่เคยเอ่ยปากบอกลูกให้เสียใจ นอกจากเล่าแต่เพียงว่ากลัวผีในบ้านเท่านั้นเอง
วันนี้รอยแผลซึ่งรักษาหายมานานได้เกิดอาการผุพองขึ้นมาใหม่ ทำให้หัวใจของพ่อม่ายเคว้งคว้าง ไร้หลักยึดเหนี่ยว ทั้งที่เพียรบอกตัวเองว่าเขาไม่ใช่หนุ่มตัวเปล่าวัยคะนองอีกแล้ว หากว่า พ่อปรัชญาไม่อาจโกหกตัวเองเช่นกันว่าไม่คิดถึงคนรักเก่าอย่างไม่อาจสะกดใจให้ลืม
พ่อคิดไปถึงแม่ ส่วนลูกสาวคิดเคืองใจต่อคนเป็นลูก คือคิมหันต์ ปลื้มพานนึกไปถึงเรื่องผีสางนางไม้หลายต่อหลายเรื่อง หากที่สุดใบหน้าคมคายหล่อเหลาของคิมหันต์ก็ตามมาหลอนความรู้สึกด้วยมาดหยิ่ง ปากร้าย และหญิงสาวแค้นแสนแค้นที่โดนดูถูกด้วยการโดนอีกฝ่ายเอาเงินฟาดหัว
“เรียกเท่าไหร่ดีครับ” ประโยคนั้นกวนหัวใจคน ทื่อ ตรงอย่างปลื้มมาตลอด
เฮอะ !เรียกจริงก็ไม่มีปัญญาให้หรอกอ้ายตี๋เอ๊ย หัวใจมันซื้อขายกันไม่ได้หรอกน่า
อุ๊ย…ปลื้มสะดุดความคิดที่เลยเถิดไปที่หัวใจ จากนั้นแล้วเกิดอาการเก้อเขินเสียเอง ก่อนจะสรุปตามเรื่อง
หัวใจ ตับ กึ๋น เอาข้าวเหนียวห้าบาท ปลื้มลงหาที่แม่ค้าขายไก่จนได้สิน่า!!
รถปิกอัพสี่ประตูเข้าไปจอดยังที่จอด ก่อนที่พ่อลุกจะเปิดประตูลงจากรถในเวลาไล่เลี่ยกัน ซึ่งแม้กลิ่นกับข้าวฝีมือสาวปลายจะส่งกลิ่นหอมออกมา แต่ไม่ทำให้ทั้งพี่และพ่อสนใจจะทักทายหรือชมอย่างเคย ทั้งคู่เกือบแย่งกันขึ้นบันได้เสียด้วยซ้ำ ซึ่งปลื้มต้องเป็นฝ่ายให้พ่อขึ้นไปก่อน ขากนั้นทำท่าจะขึ้นตาม แต่โดนน้องสาวฉุดเอาไว้
“เดี๋ยวสิ ทำไมทำท่าเหมือนมีเรื่องร้ายเลยล่ะ”
“ไม่มี๊”พี่สาวปฏิเสธเสียงสูง
“แสดงว่ามีเยอะเลย ไปเจออะไรมา”
“ผีไม่กลัวแดด”ปลื้มพาลไปที่ผีเจ้าสัว “เลยหงุดหงิด”
“พ่อคงไม่หงุดหงิดเรื่องนั้นแน่”
“คุณปรัชเขาไม่ได้หงุดหงิด แต่เขาเกิดอาการงุ่นง่านหัวจายต่างหาก เธ่อเอ๊ย ไปเจอแควนเก่าเข้าหน่อยทำเป็นลืมความรักของลูกสาวน่ารักอย่างปลื้ม” เจ้าตัวเริ่มนินทาบิดาได้ จึงถอยกลับ เปลี่ยนใจไม่ขึ้นไปข้างบน แต่เป็นฝ่ายปล่อยให้น้องสาวจับแขนเดินไปที่โต๊ะทานข้าว เมื่อนั่งลงแล้ว ปลายนิ่งฟัง ส่วนปลื้มทำหน้าพิลึกเมื่อเริ่มสานต่อ
“รู้มั้ยว่าเมียเจ้าสัวที่ตายเป็นคนรักเก่าของพ่อ”
“พ่อบอกหรือ”
“ปลื้มรู้เอง”
“มั่วอีกล่ะ” น้องสาวทำท่าไม่เชื่อ “เรื่องผีอาจจะเก่ง แต่เรื่องคนไม่ค่อยแน่ใจ”
“ไม่มั่ว เชื่อสิปลาย ปลื้มโดนพ่อไล่ไม่มองหน้าเลยล่ะ”
“จริงอ่ะ”ปลายไม่อยากเชื่อ เพราะปีสาวกระล่อนได้เรื่อย แต่ท่าทางจริงจังทำให้น้องสาวพยักหน้ายอมรับ ก่อนเอ่ยว่า
“พ่อคงมีเหตุผลถึงได้ไล่”
“นี่ ตัวเป็นน้องเค้า ตัวต้องเขาข้างพี่ ไม่ใช่ข้างพ่อ พอเจอหน้าคนรักเก่าเท่านั้นล่ะลืมหมดแม้กระทั่งลูก”
“ลืมบ้างก็ดี เพราะปลื้มบางครั้งก็ยุ่งมากไป” น้องสาวต่อว่า ปลื้มจึงชะงัก หันไปถามด้วยสีหน้าแสนซื่อ
“จริงอ่ะ”
“จริง บางครั้งทำเป็นเด็กเกเร งอแง ขี้โมโห”
“แย่ขนาดนั้นเลยเหรอ”เจ้าตัวทำหน้าไม่อยากเชื่อ แต่ต้องเชื่อจากนั้นจึงหลุดปากออกไปอย่างไม่ตั้งใจ “มิน่าเลยไม่มีเสน่ห์เอาเสียเลย”
“แน่ะต้องการเสน่ห์ไปทำอะไร หรือว่าไปเจอตัวลูกคนโตของเจ้าสัวเข้าให้ด้วย” ปลายเดาได้ตรงประเด็น และสังเกตเห็นหน้าตาเจื่อนสนิทของพี่สาว ซึ่งแสดงอารมณ์ได้ไม่เก่งเท่ากับความไถลลื่น
“แสดงว่าใช่ ไงเขาทำให้ไม่ปลื้มล่ะสิ”
“เขาดูถูกพ่อกับปลื้มนี่นา หน็อยแน่ เอาเงินมาฟาดหัว ทำเหมือนกับว่าเราขับรถตามไปขอเงินอย่างนั้นล่ะ ไม่รู้ว่าพ่อแม่สั่งสอนมายังไง”
“คนเราแม้ถูกสอนมาดี อาจจะไม่ดีตามที่ถูกสอนมาก็ได้ อย่าไปโทษพ่อแม่ของเขาเลย”
“ต้องโทษสิ เจ้าสัวน่ะ ถึงตายแล้วยังมีท่าทางเอาแต่ใจอยู่เลย มาผลักปลื้มไปหาเจ้าหมอนั่น แหมตานั่นรีบผลักปลื้มกลับยังกะปลื้มเป็นผีเน่าอย่างนั้นล่ะ” พี่สาวค้อนควักตามลมไปถึงคนที่ถูกพาดพิง น้องสาวหัวเราะเสียงเบา ปลื้มมองแล้วค้อนปลาย จากนั้นจึงพลอยหัวเราะก่อนเอ่ย “ลมเลยเสียมาถึงบ้าน ว่าแต่ปลาทูหอมเชียวนะ ทำผักน้ำพริกเหรอ”
“ฮื่อ ไปซื้อกับข้าว พอดีร้านป้าเขามีปลาทูใหม่เลยเอามาทอดทำผักน้ำพริก พ่อจะได้เจริญอาหาร”
“สงสัยไม่ค่อยเจริญแล้วล่ะ รักผลิดอกออกกอกลางใจเข้าให้แล้ว”
“ว่าแต่พ่อ ระวังจะเข้าตัวเอง”
“ไม่มีทาง”
คนปฏิเสธ กลับเสียวปลาบๆที่ปลายนิ้วทั้งสองข้างราวกับว่ากระแสไฟจากมวลในร่างกายวิ่งลัดวงจรกระนั้น!!

ข่าวการพบร่างเจ้าสัวเป็นข่าวใหญ่ระดับประเทศ
รายงานข่าวอย่างต่อเนื่อง นับแต่ร่างเจ้าสัวถูกนำเข้าสู่ขบวนการทางนิติเวชเพื่อพิสูจน์หาสาเหตุการตาย คุณน้ำฝนนั่งซึมเศร้าตามลำพังภายในห้องส่วนตัว ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของลูกชายออกให้สัมภาษณ์ทุกวัน ทั้งทางรายการโทรทัศน์ และทางหนังสือพิมพ์
เจ้สัวติดตามครอบครัวกลับมาบ้าน ความถือดีที่เคยเป็นผู้ยิ่งใหญ่ของครอบครัว ทำให้เจ้าสัวเดินกร่างเข้าบ้าน แต่ไม่ทันข้ามรั้ว เจ้าที่แต่งกายจีนออกมายืนขวางหน้าถมึงทึง ซึ่งเจ้าสัวจำได้ว่าเป็นตีจู้เอี้ย หรือเรียกว่าแปะกง เจ้าสัวยิ้มร่าทักทาย
“ไงอาแปะกงมาต้อนรับในการกลับมาบ้านของอั๊วช่ายม้าย ทำไมลื้อมาคนเลียว ไม่เอาเหล็กมาให้เอิอเริกเล่า อั๊วชอบลื้อก็รู้นี่” คำว่าเอิกเริกการต้อนรับจากเด็กๆคือพวกกุมารจีน หรือรูปจีนที่เจ้าสัวชอบ หากว่าพอขาดคำของเจ้าสัว เจ้าที่ก็จัดให้ทันทีด้วยการขานรับของเสียงสุนัขใหญ่จากในบ้าน แม้เป็นหมาฝรั่งหลายพันธุ์ แต่มีเสียงหอนได้โหยหวนไม่แพ้หมาข้างถนนทีเดียว
“ไอ๊หย่า”เจ้าสัวทำสีหน้าไม่พอใจ โบกมือไล่สุนัขที่กรูกันออกมาจากในบ้านมายืนหอนกันสลอนเต็มประตูรั้ว ยิ่งไล่ยิ่งเกิดการหอนเสียงโหยหวนมากขึ้น
จากปรากฏการณ์ธรรมชาติของสัตว์เลี้ยงเห็นผีในคราวนี้ เรียกให้เจ้านายพากันออกมาสังเกตการณ์อย่างฉงนใจ และสรุปว่าน่าจะเป็นวิญญาณเจ้าสัว
คิมหันต์นั่งในห้องส่วนตัว รู้สึกแปลกใจที่หมาในบ้าน ว฿งญาติพี่น้องเป้นคนเลี้ยงไว้ ต่างส่งเสียงร้องโหยหวน เขารำคาญ แต่ไม่มีแก่ใจออกมาสั่งให้คนใช้จัดการให้เงียบ เขาจึคงนั่งทนรำคาญ และจมในความคิดเรื่องการตายของผู้เป้นบิดา และการหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยของน้องชาย เขาไม่อยากเห็ฯสภาพน้องชายตายเช่นเดียวกับเจ้าสัว เขาอยากเห็ฯวสันต์ยืนอยู่ที่ไหนสักแห่งบนโลกอย่างมีชีวิตมากกว่า
ส่วนเหมันต์ได้ยินเสียงหมาหอนโหยหวน เขานั่งไม่ติดจึงเดินไปหามารดา เคาะประตูเรียกคุณน้ำฝนซึ่งเปิดมารับ
“คุณแม่กำลังทำอะไรครับ”
“สวดมนต์ แผ่เมตตาให้เตี่ย”
“คุณแม่ได้ยินหมาบ้านเราหอนแล้วใช่มั้ยครับ”
“ใช่ บางทีอาจจะเป็นเตี่ยกลับมาบ้าน แม่ขอให้เตี่ยช่วยเราตามว้า เอ่อ เหมมีอะไรหรือเปล่า หรือกลัวเตี่ย”
“เปล่าครับ เอ่อ คุณแม่ก็ร็ว่าผมไม่เชื่อเรื่องวิญญาณ แต่ผมห่วงคุณแม่ เลยมาดูครับ”
“ไม่ต้องห่วงหรอกลูก ขอบใจนะ ไปนอนเถอะลูก”
“ครับ”เหมันต์รับคำมารดา ไม่ดื้อดึง ชายหนุ่มเดินกลับไปที่ห้องของตนเอง และมองข้ามไปทางห้องของพี่ชายซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม แสงไฟลอดจากพื้นห้องบอกให้รุ้ว่าคิมหันต์ยังไม่นอน ชายหนุ่มทำท่าคิดนิดนึงจากนั้นลังเลใจที่จะไปหาพี่ชาย แต่แล้วกลับตัดสินใจกลับไปห้องนอน ของตนเอง
ฝ่ายเจ้าสัวลิ้ม แทนที่จะได้รับการต้อนรับ แต่ทุกคนต่างแสดงอาการหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นคนใช้ชาย หรือหญิง ซึ่งพากันมาจูงหมาให้เข้าบ้าน แต่ทุกตัวพากันขัดขืนการจูงหรืออุ้ม ด้วยการเรียงหน้าเข้ามาหอนใส่วืญญาณเจ้าสัว
ลูกสาว หลานสาว หลานชายของเจ้าสัว ต่างพนมมือไหว้เจ้า ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้คุ้มครอง ยิ่งเรียกสิ่งศักดิ์สิทธิ์ยิ่งทำให้เจ้าที่มีอำนาจในการสกัดกั้นเจ้าสัวมากขึ้น
“ไปที่ชอบที่ชอบนะเตี่ย อั๊วจะทำศาลบรรพชนรับลื้อให้ใหญ่กว่าเดิม”ลูกสาวทั้งสามไหว้สี่ทิศบอกกล่าววิญญาณเจ้าสัว
ส่วนอาหม่านั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ในห้องนอนส่วนตัวเอ่ยออกมาว่า
“อย่ามาทำให้ลูกหลานตกจาย ลื้อควรรู้ว่าโลกตายโลกเป็นไม่ช่ายโลกเลียวกังอาเฮีย หากม่ายเชื่อฟัง อั๊วจะเอาอาซินแสทำพิธีเจ็ดดาวไล่ลื้อ”
เสียงเมียเก่าแก่ของเจ้าสัวกระทบโสตเข้าอย่างชัดเจน ทำให้เจ้าสัวบ่นงึมงำ เหมือนผีแก่ขี้หงุดหงิด
“อ้ายพวกเลี้ยงเสียข้าวสุก ตอนยังอยู่บอกรักอั๊วทุกลมหายจาย แต่ตอนนี้ดันมาไหว้ไล่ส่งให้อั๊วไปที่ชอบ ก็อั๊วชอบที่นี่มากที่สุดทำมาย ม่ายเปิดประตูรับ” พูดพลางคิดแทรกตัวเข้ารั้วแสตนเลส หากว่า เจ้าที่ในร่างจีนผลักออกมาเต็มที่ทำให้เจ้าสัวหงายท้องมานอนกลิ้งอยู่กลับพื้น เจ็บ จุก ร่างร้อน เหมือนไม่ใช่คนตาย ทำให้เจ้าสัวโมโหเป็นอันมาก จึงรีบผุดลุกชี้หน้าด่าไม่เว้นวรรค
“เก้าเจ้ง ซี้วั้วต่า ยามมีชีวิตถวายให้เจี๊ยะของดีดี นี่ไม่สำนึกบุญคุณเลี้ยวยยางมาทำร้ายอั๊ว เป็นไงเป็นกังซี่”เจ้าสัวกวาดมือท่าไท้เก๊ก ซึ่งฝึกปรือมานาน และไม่คิดว่าชีวิตที่เป็นหรือตายจะต้องใช้ หากครั้งนี้ไม่อาจใช้ไม่ได้แล้ว เจ้าสัวโลกทยานได้เหมือนพระเอกหนังกำลังภายใน วิญญาณขึ้นสูงเหนือกำแพงประตู หากว่าเมื่อก้าวเท้าเข้าไป เจ้าที่จีนใช้เพียงฝ่ามือโบกสะบัดเบาๆ ผีเจ้าสัวล้มกลิ้งลงมาไม่เป็นท่า
“ไอ๊หย่า นี่บ้านอั๊ว นี่บ้านอั๊ว”
“ไม่ใช่บ้านของลื้อ ลื้อเป็นผี ไม่อาจเข้ามาอยู่บ้านได้อีกแล้ว”เจ้าที่ในร่างจีนเอ่ยตอบโต้ด้วยสีหน้าถมึงทึง ซึ่งเจ้าสัวจำได้ว่า รูปตีจู่เอี้ยนั้นเป็นรูปชายชรานั่งยิ้มร่าใจดี ซึ่งแตกต่างจากชายชรามาดดุคนนี้อย่างไม่น่าเชื่อ
“ไม่ช่ายล่ายไง อารายว้า ให้ของกินลีๆ ไหว้เจ้าทุกเทศกาล ล่ายกินของที่อั๊วเลี้ยวมาปฏิเสธว่าอั๊วม่ายช่ายเจ้าของบ้าน ลื้อไม่สำนึกบุญคุณนี่หว่า อาแปะ”
“อั๊วทำตามหน้าที่อันสูงส่ง ฟ้าดินย่อมรู้ว่าอั๊วซื่อสัตย์ที่สุด เมื่อลื้อตายไปแล้ว ลื้อไม่อาจเข้าบ้านได้โดยที่เจ้าของไม่อนุญาต”
“ลื้อก็ไปตามอาคิมว้าอาคิมมารับอั๊วซี่”
“อั๊วจะทำได้ยังไง อั๊วอยู่ในที่ๆเจ้าสัวคิมสื่อสารไม่ได้”
“แล้วตอนอั๊วอยู่ ทำมายลื้อช่างติกต่อ มาบอกอั๊วอยากล่ายโน่น ล่ายนี่อยู่เรื่อย”
“ลื้อเชื่อเรื่องวิญญาณบรรพบุรุษ แต่เจ้าสัวคิมไม่เชื่อเรื่องนี้ และถ้าเจ้าของบ้านไม่อนุญาตให้เข้า อั๊วก็ให้เข้าไม่ได้”
เจ้าสัวลิ้มจอมดื้อไม่รับกฎเหล็กของเจ้าที่ ท่านยังพยายามหลายครั้งที่จะเข้าไปในบ้านให้จงได้ แต่เจ้าสัวก็ประสบความล้มเหลวโดนผลักดันออกมาทุกทีไป
“อั๊ว อั๊วจาต้องทามยางงายอาแปะอั๊วจึงจะเข้าบ้างล่าย”
“ลื้อต้องรอให้เจ้าสัวลิ้มทำพิธีกงเต๊ก และเรียกลื้อเข้าสู่ป้ายวิญญาณ”
“ป้ายวิญญาณ ไอ๊หย่า อั๊วเอาป้ายพ่อแม่มาจากเมืองจีน อั๊วยังไม่เคยเห็นอาเตี่ยอาม้าอั้ว”
“ใช่ พวกเค้าอยู่ได้ในศาลบรรพชน”
“ลื้อหมายความว่า อั๊วไปไหนมาไหนไม่ล่ายช่ายม้าย”
“ทำไม่ได้ ยิ่งถ้าเถ้าแก่นำร่างลื้อไปฝังที่ฮวงซุ้ย แล้วไม่ทำป้ายวิญญาณ ซึ่งไม่น่าจะมีคนบอกให้ทำ เจ้าสัวยิ่งจะไม่ได้กลับบ้าน”
“ไม่ล่าย ไม่ล่าย ลูกหลานบ้านอั๊วยังมีปัญหา อาน้ำฝนยังเศร้าโศกไม่หาย อั๊วต้องลูแล”
เจ้าที่ทำหน้าบึ้งไม่ตอบคำ เจ้าสัวเกิดความไม่พอใจ และเมื่อคิดว่า สักวันถ้าคดีจบตนเองจะต้องสถิตอยู่ในป้ายวิญญาณไร้ความเป็นอิสระ เจ้าสัวลิ้มไม่อาจยอมรับได้ ดังนั้นเจ้าสัวลดเสียงลงมาพร้อมยอมรับว่าตอนนี้ตนเองไม่ใช่ผู้ยิ่งใหญ่ จึงค้อมร่างลงไหว้แบบจีนกับเจ้าที่ ซึ่งทำยืนเอามือไพล่หลังลูบเครายาวเหมือนงิ้ว เจ้าสัวแม้อยากปลดอีกฝ่ายออกจากหน้าที่ แต่ก็ต้องทำอารมณ์เย็น
“อั๊วขอคำแนะนำลีๆจากลื้อล่วยอาแปะกง”
“ถ้าลื้ออยากเข้าบ้าน ลื้อต้องหาคนที่จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางบอกกล่าวให้เจ้าสัวคิมได้รู้และทำการเชิญลื้อเข้าบ้าน”
“หมายความว่า ถ้าอาคิมมีเมียที่เก่งกล้าสามารถ และเมียอาคิมสามารถเรียกอั๊ว นำอั๊วเข้าไปล่ายช่ายม้ายอาแปะกง”
“ลิขิตฟ้าไม่อาจเปิดเผย อั๊วทำได้เท่านี้ เจ้าสัวอย่าพยายามเข้ามาด้วยตัวเองเลย จะเจ็บยิ่งกว่าเจ็บเสียอีก”
เจ้าสัวพยักหน้ารับ มิใช่ยอมแพ้ แต่เป็นการจำยอม ถ้อยคำของตนเองกลับมาในความคิดของผีไม่รู้จักตายอีกครั้ง…คนที่มองเห็นวิญญาณ คนที่จะสื่อสารสองโลกได้ และเป็นเมียเจ้าของบ้านตามกฎหมาย
คนที่ว่านั้นทำให้เจ้าสัวนึกถึงสาวปลื้มขึ้นมาในทันที เมื่อคิดได้ ร่างเจ้าสัวก็ลอยคว้างไปตามคิดรวดเร็ว บรรดาสุนัขต่างลดเสียงหาย และหางตกเข้าบ้านกันได้เป็นแถวและพากันยอมให้คนดูแลจูงเข้าไปยังบ้านพักหลังเล็กๆของหมาทั้งสี่ตัวเว้นเจ้าพันธุ์ปอมๆ ที่วิ่งรี่กลับห้องไปนอนกับเจ้าของ คือ หงส์หยก ลูกสาวของหงส์ทอง



นางแก้ว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 ธ.ค. 2555, 04:52:09 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 ธ.ค. 2555, 04:52:09 น.

จำนวนการเข้าชม : 1748





<< ร่างใคร   ความรู้สึกที่เปลี่ยนไป >>
Zephyr 15 ธ.ค. 2555, 19:12:09 น.
เจ้าสัวจะทำอะไรอีกกกก
ที่มาของสาวปลื้มในบ้านหลังใหญ่ๆ คริคริ


นางแก้ว 15 ธ.ค. 2555, 19:45:24 น.
ปลื้มจะยอมหรือเปล่าน้า


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account