อาทิตย์พรางดาว
เมื่อความเคียดแค้นชิงชังที่มีมาระหว่างพี่น้องต่างมารดา ทำให้เกิดเรื่องราวต่างที่นำมาซึ่งความสุข เศร้า และโศกนาฏกรรม! ดาวเหนือจะทำอย่างไรเมื่อตะวันฉายผู้เป็นเกลียดเธอจนไม่อยากจะอยู่ร่วมโลก และตฤณจะทำอย่างไรเพื่อปกป้องคนรักไม่ให้โดนทำร้าย ต้องติดตามใน 'อาทิตย์พรางดาว'
Tags: ดราม่า

ตอน: ตอนที่ 44

ตอนที่ 44

รถญี่ปุ่นกลางเก่ากลางใหม่กำลังเข้าจอดที่ลานหน้าบ้านเรียกเอาสายตาของตรีทิพย์ละจากหนังสือที่กำลังอ่านอยู่ หญิงวางของในมือลงก่อนจะหยิบไม้ค้ำยันพาตัวเองเดินไปหาพี่ชาย ตอนนี้เธอเริ่มเดินได้แม้จะยังต้องใช้ไม้ค้ำคอยช่วย แต่ก็ดีกว่าเมื่อก่อนที่ต้องนั่งรถเข็นตลอดเวลา ทำให้ใครหลายๆคนต้องเดือดร้อน จะเหลือก็แต่ความทรงจำที่ขาดหายไป ซึ่งส่วนนี้คุณหมอที่รักษาเธอบอกไม่ต้องไปรีบเร่ง ค่อยเป็นค่อยไปจะดีกว่า

ตรีทิพย์พาตัวเองเข้าไปใกล้ ร้องทักตฤณที่กำลังหยิบของฝากออกมาจากกระโปรงหลัง ตฤณเงยหน้ามองอย่างประหลาดใจแกมกังวลเมื่อน้องสาวคนเดียวเดินโขยกเขยกมาหา

“อ้าว...ยายตาล ออกมาเดินทำไม เดี๋ยวกลางคืนก็ปวดแผลหรอก”

“ไม่เป็นไรหรอกพี่ตฤณ ขืนไม่เดินเลยเดี๋ยวเส้นยึดหมด เมื่อวานวีก็พาเดินไปที่ร้านมา”

“อยู่ในโอวาทดีแฮะ ว่าที่น้องเขยคนนี้ ถามแทนพี่ทีว่าอนาคตจองตำแหน่งประธานชมรมคนกลัวเมียแล้วใช่ไหม พี่จะได้ไม่แย่ง” เขาแซวยิ้มๆ แล้วยิ้มกว้างขึ้นอีกเมื่อเห็นว่าพวงแก้มอิ่มของน้องสาวแดงระเรื่อ ตรีทิพย์ค้อนขวับ

“แซวจังนะพี่ตฤณ แล้วไปเที่ยวมาเป็นยังไงบ้างคะ สนุกไหม?”

ผู้เป็นพี่ชะงักมือที่กำลังเลื่อนประตูรั้วปิด ดูกระอักกระอ่วนที่จะพูดถึงเรื่องเที่ยวคราวนี้ ปกติเวลาเขาไปเที่ยวกับดาวเหนือกลับมาก็จะมีเรื่องสนุกสนานเล่าให้ตรีทิพย์ที่ไปด้วยไม่ได้ฟังทุกครั้ง ยกเว้นคราวนี้ที่เล่าไม่ได้เนื่องจากคนที่ไปด้วยไม่ใช่คนเดิม แต่เพราะไม่อยากให้น้องสาวสงสัย ตฤณจึงฝืนยิ้มออกไป

“ก็ดีนะ ทะเลหัวหินสวยดี ไว้คราวหน้าพี่พาเราไปแล้วกัน” มือหนาโยกศีรษะของตรีทิพย์ไปมาอย่างเอ็นดู แววตาอ่อนโยน

“ดีค่ะ ไปกันทั้งบ้านเลยนะ”

“เอาสิ ชวนน้องดาวกับนายวีด้วยนะ อีกหน่อยทั้งสองคนก็มาเป็นครอบครัวเดียวกันกับเราแล้ว”

“ยายดาวน่ะใช่ค่ะ แต่กับนายหน้าหยกนั่น...” ตรีทิพย์ย่นจมูก บอกอย่างหมั่นไส้ “...ขอดูนิสัยอีกยาวๆ วันก่อนนั่งดูหนังอยู่กับตาลแท้ๆ พอสาวที่ไหนไม่รู้โทรศัพท์มาก็ ปร๋อไปคุย เชอะ!”

“สาวที่ไหนล่ะคร้าบ คุณลูกตาล...”เสียงกวนประสาทของจำเลยหมาดดังขึ้น ก่อนที่เจ้าตัวจะรีบเดินมายืนข้างเขา เท้าสะเอวหมับ จ้องหน้าคู่กรณีของตัวเองเขม็ง ตรีทิพย์เมินหนี “...ที่โทรมาน่ะ อาเจ๊ของผม โทรมาจิกตัวให้กลับไปดูหน้าหลานสาว”

“เจ๊วาคลอดแล้วเหรอ ทำไมนายไม่พาฉันไปด้วย” หญิงสาวขมวดคิ้ว ไอ้อาการงอนเรื่องที่เขาหนีไปคุยโทรศัพท์กับสาวหายไป เหลือแต่ความสนใจกับเรื่องที่อีกฝ่ายเล่า

“ผมเห็นคุณกำลังสนใจกับหนังนี่ อีกอย่างวันนั้นคุณฝึกเดินตั้งหลายชั่วโมง คิดว่าคงเหนื่อยเลยอยากให้พักผ่อนมากกว่า หลานสาวผมคงไม่กลายเป็นฝุ่นหายไปหรอกน่า ไปหาเมื่อไหร่ก็ได้”

“ปากเหรอนั่น...ฉันไม่กลัวหลานหาย แต่กลัวที่บ้านนายจะหาว่าฉันไม่มีน้ำใจ”

“โธ่คุณ! บ้านผมไม่คิดอะไรหยุมหยิมหรอก เจ๊วา ป๊า แล้วก็แม่เข้าใจหรอกน่าว่าคุณยังไม่หายดี เอางี้! ถ้ายังไม่สบายใจผมพาไปหาเดี๋ยวนี้เลยเอ้า” เขาบอกอย่างใจป้ำเพราะเห็นหน้าหงิกๆของคนรักสาว ตฤณยืนมองสองหนุ่มสาวทะเลาะกันยิ้มๆ เหมือนอยู่ในโลกส่วนตัว ก่อนจะเดินเลี่ยงเข้าไปในตัวบ้าน

“นี่คุณ ว่าไหมหมู่นี้พี่ตฤณดูแปลกๆไป” ลับหลังพี่ชาย ตรีทิพย์ก็ถามคนที่ยืนอยู่ด้วยกัน เธอสังเกตมาสักพักแล้วว่าตฤณพยายามกลบเกลื่อนด้วยการทำร่าเริงเช่นปกติเวลาอยู่กับคนในครอบครัว แต่เวลาที่อยู่คนเดียวเขามักเหม่อลอย บางครั้งก็เอาแต่จ้องโทรศัพท์ ยิ่งอาทิตย์กว่าที่ผ่านมาพี่ชายของเธอกลับบ้านดึกทุกวัน ท่าทางเหนื่อยล้ามากทั้งที่บ้านและสถานที่ทำงานห่างกันแค่สนามหญ้าหลังบ้านกั้นเท่านั้น

อีกเรื่องที่ทำให้รู้สึกผิดปกติก็คือ ดาวเหนือ หญิงสาวไม่ได้มาที่บ้านเกือบๆสองสัปดาห์แล้ว เรื่องนี้แม่ของเธอเองก็แปลกใจและเป็นกังวลอย่างมาก กลัวว่าทั้งคู่จะมีปัญหาจนถึงขั้นเลิกรากันไปแล้วหรือเปล่า อีกทั้งก้อย เด็กสาวผู้ช่วยของตฤณแอบมากระซิบบอกหลายครั้งว่าหมู่นี้ตะวันฉายมาเกาะแกะตฤณทุกวัน ทำให้มารดาเธอเริ่มระแวงกลัวจะได้ลูกสะใภ้ที่ไม่พึงปรารถนา

วีกิจมองตามหลังตฤณไปอย่างเห็นใจ แต่ทำอะไรไม่ได้ หากตฤณยังไม่ขอความช่วยเหลือเขาก็ควรอยู่นิ่งๆ สิ่งเดียวที่พอจะทำให้ได้ก็คือพยายามเลี่ยงความสนใจของคนอื่นๆในบ้านให้ เพื่อที่พี่ชายคนนั้นของเขาจะได้มีเวลาให้กับตัวเองคิดถึงคนรักโดยไม่มีใครไปรบกวน วีกิจหันกลับมามองคนรักเมื่อแขนของตนถูกเขย่า

“ไม่หรอก ลูกตาลเชื่อมคิดไปเองมากกว่า”

“จะจริงเหรอ”

“เชื่อผมสิว่าอีกไม่นานพี่ตฤณจะกลับมามีรอยยิ้มอีกครั้ง รอยยิ้มที่แสดงให้เห็นว่าเขามีความสุขจริงๆ” วีกิจกุมมือตรีทิพย์ บอกอย่างเชื่อมั่น ตรีทิพย์หลบสายตาคมมองไปทางประตูบ้าน แล้วกลับมาสบตากับคนที่ยังจ้องเธออยู่

“แต่ตอนนี้คุณไปเยี่ยมน้องวีวี่กับผมก่อนดีกว่า” ว่าแล้วก็ช้อนเอาร่างของตรีทิพย์เข้ามาในอ้อมแขน ทำให้หญิงสาวตัวแข็ง หน้าตื่นที่โดนกระทำอย่างอุกอาจ เมื่อได้สติก็ร้องโวยวายให้ชายหนุ่มปล่อยเธอลง

“ปล่อยฉันลงนะ ไอ้หน้าหยก! ฉันเดินเองได้ ปล่อย!”


“ขอบใจทุกคนมากนะที่ช่วยกันทำให้งานครั้งนี้ลุล่วงไปด้วยดี หวังว่างานหน้าดาวคงจะมีโอกาสร่วมงานกับทุกคนอีกครั้ง”

ดาวเหนือบอกขอบคุณคนงานทุกคนที่ช่วยกันทำให้งานเร่งด่วนชนิดไฟลนก้นนี้จบลงได้ด้วยดี วันนี้คือวันสุดท้ายการทำงาน หลังจากที่ยกเฟอร์นิเจอร์ทั้งหลายเข้ามาประดับห้องทุกห้องตามแบบแล้วก็เป็นอันจบ พอลูกค้าเข้ามาดูก็พอใจเป็นอย่างมาก บอกว่าพรุ่งนี้จะเซ็นค่าจ้างอีกครึ่งให้

ทุกคนส่งเสียงเฮลั่นด้วยความดีใจ เพราะมันหมายความว่าพวกเขาจะได้รับค่าจ้างและกลับไปหาครอบครัวเสียที หลังจากต้องมาอยู่ไกลบ้านกันนานพอดู

ดาวเหนือส่งยิ้ม มองอาการกระโดดโลดเต้นของเหล่าคนงานที่เคยมีปัญหากันอย่างดีใจไปกับเขาด้วย ที่ใช้คำว่าเคยก็เพราะหลังจากได้คำแนะนำจากตฤณ เธอก็มานั่งทบทวนและดูพฤติกรรมของเหล่าคนงานโดยร่วมทำให้รู้ว่าพวกเขามีแต่ความกังวลใจกับสถานะในการทำงานของพวกเขา เนื่องจากพวกเขาเป็นคนงานในสังกัดของอดีตรุ่นพี่ แต่พออีกฝ่ายโกงบริษัทแล้วหนีหายไป ทิ้งลูกน้องตาดำๆเอาไว้ทำให้พวกเขาไม่รู้ว่าจะได้ทำงานต่อไปหรือต้องตกงาน

พอเธอจับเรื่องได้ ดาวเหนือโทรไปปรึกษาเมืองแมน ถามถึงความเป็นไปได้ในเรื่องการทำงานต่อของเหล่าคนงาน ว่าหากจบงานนี้แล้ว ทางบริษัทจะยังจ้างต่อหรือเปล่า หรือต้องให้ออกตามเจ้านายไป ดาวเหนือรู้สึกเห็นใจพวกเขาเป็นอย่างมาก อยากจะให้มาทำงานกับทีมเธอ แต่ติดที่ทีมของเธอนั้นคนเต็มแล้ว จะรับเพิ่มก็ได้แค่สามสี่คนเท่านั้น

โชคดีที่เมืองแมนบอกกลับมาว่า เรื่องของเจ้านายก็ส่วนเจ้านาย ลูกน้องไม่เกี่ยว ทุกคนยังได้รับการจ้างงานเหมือนเดิม ยกเว้นแต่คนงานคนนั้นจะทำผิดกฎของบริษัทเสียเอง หลังจากวางสายดาวเหนือจึงรีบมาแจ้งให้บรรดาคนงานทั้งชายและหญิงได้ฟังรายละเอียดทั้งหมด พร้อมทั้งต่อสายไปให้เมืองแมนได้ยืนยันอีกครั้ง

เมื่อได้ฟังว่าพวกตนจะไม่ตกงานจากปากเจ้าของบริษัทเองอย่างนี้ คนงานบางส่วนที่เป็นตัวตั้งตัวตีขัดขวางการทำงานของเธอมาหลายวันก็พากันมายกมือไหว้ของโทษปะหลกๆ ร่วมไปถึงหัวหน้าคนงานวัยกลางคนที่เป็นแกนนำกลุ่ม ก็เข้ามาขอโทษและขอบคุณเธอด้วยน้ำตานองหน้า ซึ่งเธอก็ไม่ถือโทษอะไร

ดาวเหนือเคยได้ยินมาหัวหน้าคนนี้ว่ามีปัญหาเรื่องเงิน เพราะลูกสาวคนเล็กเป็นโรคหัวใจ ค่ารักษาจึงสูงมาก และหากเขาตกงานก็จะมีผลไปถึงลูกสาวเขาด้วย เพราะฉะนั้นเขาจึงต้องหยุดงานประท้วงจนกว่าจะแน่ใจว่าพวกเขาทุกคนจะไม่กลายเป็นคนว่างงาน

หลังจากนั้นเหล่าคนงานก็แยกย้ายไปทำงานในส่วนของตนอย่างแข็งขัน ใครมีอะไรไม่เข้าใจหรือมีตรงไหนที่เห็นว่ามันไม่น่าจะทำได้ก็เดินเข้ามาหาเธอ เมื่อทุกคนร่วมแรงร่วมใจงานที่เคยมีปัญหาก็สำเร็จตามความต้องการของลูกค้าภายในเวลาที่ตกลงกันไว้ ทำให้บริษัทของเธอไม่โดนฟ้องเรียกค่าเสียหายแต่อย่างใด

“แล้วนี่คุณดาวจะกลับพร้อมพวกเราวันนี้เลยไหมครับ” ลุงยอด หัวหน้าคนงานเดินเขามาถามเธอ ดาวเหนือส่ายหน้าน้อยๆ ตอบปฏิเสธ

“คงยังหรอกลุงยอด ดาวต้องรอรับเช็คจากลูกค้าพรุ่งนี้น่ะ”

“งั้นเหรอครับ ถ้างั้นก็แยกกันตรงนี้เลย ขอให้คุณดาวโชคดี หวังว่าพวกเราคงจะได้ร่วมงานกับคุณดาวอีกนะครับ เฮ้อ! ไม่รู้ว่าหัวหน้าใหม่จะเป็นยังไง” ลุงยอดยังอดกังวลไม่ได้ แม้จะได้ทำงานต่อ แต่ก็มีหัวหน้าคนใหม่มาแทน หากคนใหม่เป็นอย่างคนเก่า พวกเขาคงแย่

“ลุงยอดไม่ต้องห่วงนะ หัวหน้าใหม่ของลุงยอดน่ะ เก่งมาก ใจดีด้วย เป็นน้องรหัสดาวเอง ดาวรับประกันให้” หญิงสาวบอกให้เขามั่นใจ ลุงยอดยิ้มกว้างพูดคุยอีกสองสามคำ ก่อนจะขอตัวไปขึ้นรถตู้ของบริษัทที่จะพาคนงานทั้งหมดกลับกรุงเทพ

ดาวเหนือหันหลังกลับห้องพักของตน ระหว่างทางมือเรียวกดโทรศัพท์หาคนรักที่ไม่ได้คุยกันมาสามวัน พอเสียงทุ้มปลายสายทักมา เธอจึงรีบบอกข่าวดีทันที

“พี่ตฤณ ดาวเสร็จงานแล้วนะ พรุ่งนี้ก็กลับกรุงเทพแล้ว”

ตฤณนั่งอึ้ง ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดีที่คนรักกำลังจะกลับมา หากเป็นเวลาอื่นเขาคงจะแล่นถลาไปรับมาเลยก็ได้ แต่ตอนนี้เรื่องยังไม่จบ ผลพิสูจน์หลักฐานที่เขาเก็บได้ยังไม่ออก ครั้งล่าสุดที่โทรคุยกับผู้กองหนุ่มก็เมื่อคืนที่สองของการไปเที่ยว ได้ความว่าอาจจะต้องใช้เวลาเนื่องจากเลือดที่ได้มันผสมกันไปหมด ทำให้ยากต่อการเทียบว่าเป็นตรงไหนเป็นเลือดใครบ้าง

เวลาแห่งการเป็นอิสระเขาจึงยืดออกไปอย่างไม่รู้กำหนด!

ความเครียดเพิ่มมากขึ้น จนแสดงออกทางสีหน้า ดวงตาภายใต้แว่นไร้กรอบแฝงไว้ด้วยความกังวล มือกำแน่น นอกจากจะต้องคิดแผนรับมือตะวันฉายที่เริ่มรุกหนักเหลือเกินแล้ว ยังต้องมาหาทางปิดเรื่องที่กำลังทำอยู่กับดาวเหนือด้วย เหนื่อยเป็นสองเท่าแน่

“พี่ตฤณ?” ดาวเหนือเรียกชื่อเขาอย่างไม่แน่ใจว่าปลายสายยังฟังเธออยู่หรือเปล่า เห็นเงียบหายไปหลังจากที่เธอบอกว่าจะกลับไป ตฤณสะดุ้ง รีบตอบกลับ

“ครับ ครับ พี่ฟังอยู่”

“ไม่สบายหรือเปล่า” น้ำเสียงของหญิงสาวดูกังวลจนเขาอดยิ้มไม่ได้ ตฤณขยับยิ้ม

“พี่สบายดีครับ คงแค่...”

“ตฤณค่ะ ตฤณอยู่หรือเปล่า”

ตฤณชะงัก หันขวับไปมองคนที่ยืนเกาะรั้วบ้านตะโกนอยู่อย่างตกใจ มือหนาเลื่อนไปปิดส่วนหูฟังโดยอัตโนมัติ

‘ตะวันฉาย...มาได้ไงเนี่ย’

“เสียงใครน่ะพี่ตฤณ” ดาวเหนือขมวดคิ้ว เมื่อกี้เหมือนได้ยินเสียงผู้หญิงเรียกชื่อคนรักของเธอ ตฤณสะดุ้งเฮือก รีบโกหก

“เอ่อ เสียง เสียงยายตาลไง สงสัยจะเรียกให้ไปช่วยหั่นผัก แค่นี้ก่อนนะครับดาว เดี๋ยวดึกๆพี่โทรไปหา” วางสายทันทีโดยไม่รอให้เธอได้ตอบรับ

ดาวเหนือมองโทรศัพท์ในมืออย่างประหลาดใจ ดูคนรักของเธอรีบร้อนพิกล แถมเสียงที่ได้ยินเมื่อกี้คุ้นหูมาก ไม่ว่าจะฟังยังไงก็ไม่น่าจะใช่เสียงตรีทิพย์ ตรีทิพย์ไม่ร้องเสียงแหลมอย่างนั้น

“เสียงยายตาลเหรอ ทำไม...เหมือนเสียงคุณตะวันจัง” แต่เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้ที่สองคนนั้นจะมาเจอกัน หลังจากที่ตฤณพูดตัดรอนตะวันฉายไปในงานศพแม่เธอ แล้วไม่น่าจะใช่ หญิงสาวยักไหล่ไม่สนใจ เก็บโทรศัพท์ มุ่งหน้ากลับไปเก็บของต่อ

ฝ่ายตฤณก็โยนโทรศัพท์ทิ้งไว้บนโซฟา รีบวิ่งไปเปิดประตูให้ตะวันฉายที่ยังคงอยู่ในชุดที่ใส่กลับมาจากหัวหิน เจ้าหล่อนเดินนวยนาดเข้ามาหยุดยืนตรงหน้าเขา ใบหน้างอง้ำ

“ช้าจัง ตะวันยืนรอจนเมื่อย นึกว่าตฤณยังกลับมาไม่ถึงบ้านซะอีก”

“เอ่อ ผมคุยโทรศัพท์อยู่น่ะครับ ว่าแต่ตะวันมีธุระเหรอครับ เพิ่งแยกกันไปเอง” เขาถามเข้าเรื่อง ราวกับไม่อยากจะอยู่กับเธอ ทำให้ตะวันฉายขัดใจเป็นอย่างมาก

ตั้งแต่อยู่ที่หัวหินแล้ว เธอพยายามอ่อยเขาทุกวิถีทาง ไม่ว่าจะใส่บิกินีแบบจีสตริงนอนอบแดดก็แล้ว นุ่งผ้าเช็ดผืนเดียวเดินไปเดินมาในห้อง แกล้งเมาให้เขาอุ้มเข้าห้องก่อนจะโน้มคอเขามาจูบ อันสุดท้ายนี่เกือบจะสำเร็จแล้วเชียว เพราะตฤณปล่อยให้เธอจูบเฉย หลับตาพริ้ม ไม่ว่าอะไรซักคำ

ตะวันฉายเลยได้ใจ ระหว่างที่กำลังจะแกะกระดุมเสื้อชายหนุ่ม อยู่ดีๆคนที่นอนเฉยปล่อยให้เธอลวนลามก็ผลักเธอตกเตียง ลุกขึ้นมานั่งหลังตรง แต่เปลือกตายังปิดสนิท ตะวันฉายรีบตั้งหลักลุกขึ้นมาดู แล้วก็ต้องผงะเมื่อตฤณเดินลงจากเตียงมุ่งหน้ากลับห้องของเขาโดยที่ยังไม่ได้ลืมตา เธอได้แต่มองตามไปอย่างงงๆว่าเกิดอะไรขึ้น มาเข้าใจก็ตอนเช้า ตฤณถามเธอว่าเมื่อคืนเข้าทำอะไรแปลกไปหรือเปล่า พอเธอตอบตามความจริง แต่งเรื่องบางช่วงเท่านั้นไม่ให้เขารู้ว่าเธอแกล้งเมา พอฟังจบเขาก็ร้องอ้อยาวๆ ยกนิ้วเกาแก้ม ท่าทางเขิน

‘ผมชอบละเมอเดินไปไหนต่อไหนน่ะครับ บางครั้งเดินทั่วบ้านเลย ตื่นอีกที อ้าว! ไปอยู่ในกรงเทอร์โบได้ไงก็รู้’

ตะวันฉายที่ได้ฟังก็ยิ้มเฝื่อนๆ เจ็บใจมากที่แผนเธอพังเพราะโรคเดินละเมอของเขา บ้าที่สุด!

หญิงสาวนึกถึงเรื่องผ่านมาเมื่อคืนอย่างโมโห พอได้ยินคำถามเชิงไล่ของเขาอีกยิ่งของขึ้น ตะวันฉายเชิดหน้าขึ้น ตอบด้วยน้ำเสียงท้าทาย

“ตะวันลืมโทรศัพท์ไว้ในรถคุณ ก็เลยว่าจะมาเอา แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ตะวันอยู่ทานข้าวเย็นเลยดีกว่า” แล้วตะวันฉายก็เดินนำเข้าไปในบ้าน ไม่รอเจ้าของบ้านที่ยืนอ้าปากค้าง ตฤณรีบวิ่งเข้าไปต่อรองทันที แต่ไม่เป็นผล ตะวันฉายตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าจะรอทานอาหารด้วย ทำให้ตฤณจนใจ ต้องยอมตามน้ำ ชายหนุ่มเดินเลี่ยงเข้าไปในครัวเพื่อโทรไปหามารดา เห็นทีคงต้องเล่าความจริงให้ฟังซะแล้ว ถึงจะโดนบ่นจนหูชาก็ต้องยอม

ตะวันฉายกวาดตามองรอบๆบ้าน คราวที่แล้วที่เธอมาก็โดนสัตว์เลี้ยงของเขาเล่นงาน ทำให้ยังไม่ได้สำรวจข้างใน ร่างเพรียวลุกเดินไปยังชั้นวางของ หยิบรูปถ่ายในกรอบอะครีลิคสีขาวอันใหญ่ที่สุดขึ้นมาดู

ตฤณยิ้มกว้างมองก้อง ส่วนแขนก็ล็อกคอน้องสาวในชุดครุยเอาไว้ อีกมือกำลังขยี้บนซอยสั้นของอีกฝ่ายจนยุ่งเหยิง ดูอบอุ่นในสายตาคนอื่น แต่สำหรับเธอมันน่าหมั่นไส้ ‘ฉันได้แต่งงานกับเขาเมื่อไหร่ จะโละทิ้งให้หมดไอ้รูปกระจอกพรรค์นี้’

ตะวันฉายวาดฝันเอาไว้แล้วว่า หากได้แต่งงานกับตฤณเธอจะเปลี่ยนบ้านหลังนี้เสียใหม่ เอาให้ใหญ่โตกว่าบ้านเดิม แล้วจะบังคับให้ตฤณเลิกไอ้อาชีพหมอหมานั่นซะ เธอรับไม่ได้ที่ต้องมีสามีคลุกคลีอยู่กับสัตว์หน้าขนสกปรก

ตะวันฉายจะให้ตฤณเข้าไปทำงานในตำแหน่งผู้บริหารของบริษัท ส่วนเธอก็จะได้ลาออก แล้วไปช็อปปิ้งให้สมอยาก หากวันไหนมีงานเลี้ยงจะได้ควงเขาไปเย้ยพวกเพื่อนๆ ให้อิจฉาเล่น อ่อ...แล้วก็เอาไอ้หน้าขนตัวแสบไปปล่อยวัดด้วย

หญิงสาววางกรอบรูปลง หมดความสนใจไปในทันที เธอเดินกลับมานั่งที่เดิม ตรีทิพย์ที่เพิ่งกลับเข้าบ้านมาชะงัก มองคนที่นั่งอยู่อย่างแปลกใจว่าเจ้าหล่อนมาทำอะไรที่บ้านของเธอ ตะวันฉายรู้สึกได้ว่าว่ามีคนกำลังมองเธออยู่เงยหน้าขึ้นมา พอเห็นว่าเป็นใครก็ส่งยิ้มมุมปากไปให้ เอ่ยทัก

“สวัสดีจ้ะ ตรีทิพย์ สบายดีไหม”

“สวัสดีค่ะ คุณตะวันฉาย ดีขึ้นแล้วค่ะ รอแค่ถอดเฝือกออกต้นเดือนหน้า” ตรีทิพย์ตอบไปตามมารยาท เธอเดินเลี่ยงจะขึ้นไปชั้นสอง เพราะไม่อยากอยู่กับผู้หญิงคนนี้แค่สองคน แต่ตะวันฉายตามมาดักหน้าไว้

“จะรีบไปไหนล่ะ อยู่คุยกับพี่ก่อนสิ พี่กำลังรอตฤณขึ้นไปเลี่ยนชุดน่ะ เย็นนี้พี่จะอยู่ทานข้าวด้วย คงไม่ว่าอะไรนะ”

“ถ้าพี่ตฤณอนุญาตแล้วตาลก็แย้งไม่ได้หรอกค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ ตาลรู้สึกไม่ค่อยสบาย ขอตัวขึ้นไปพักผ่อนก่อน” เธอเบี่ยงตัวหลบจับราวบันได ค่อยๆก้าวขึ้นไป เริ่มรู้สึกปวดหัวนิดๆ

ตะวันฉายตาวาว ‘นังเด็กนี่ ฉันอุตส่าห์ลดตัวลงไปคุยด้วยก่อนแล้วยังมาทำหยิ่ง’ จับต้นแขนอีกฝ่ายแน่น กระชากให้หันกลับมาอย่างแรง ตรีทิพย์เสียหลัก แต่โชคดีที่เธอจับราวบันไดเอาไว้ ไม่งั้นคงได้หล่นกระแทกพื้นอีกรอบ หญิงสาวสะบัดแขนตะวันฉายออก มองหน้าเจ้าของมืออย่างโมโห ปากน้อยๆกำลังจะต่อว่า แต่แววตาอำมหิตที่ได้เห็นทำให้เธอต้องเบิกตากว้าง

เธอเคยเห็นแววตาแบบนี้มาก่อน แววตาที่เย็นชาแฝงไปด้วยความอาฆาต ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นสาแก่ใจ เมื่อมือขาวยื่นออกมาผลักร่างของใครบางคนเต็มแรง

“กรี๊ด!!!”

ตะวันฉายชะงักมองอีกฝ่ายที่อยู่ๆทำตาโตเหมือนตกใจอะไรบางอย่าง ก่อนจะทรุดลงไปกองกับพื้นกรีดร้องลั่นอย่างงงๆ วีกิจที่เพิ่งจอดรถเสร็จรีบถลาเข้ามาหาคนรักทันทีที่ได้ยินเสียงร้อง ชายหนุ่มเขย่าคนรักก่อนจะหันมามองเธออย่างระแวง ตะคอกถาม

“คุณทำอะไรตาล!”

“บ้าเหรอ ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลย อยู่ดียายนี้ก็ลงไปร้องกรี๊ด” ตะวันฉายโวยวาย ตฤณรีบวิ่งลงมาหน้าตื่นเขาเข้าไปดูอาการน้องสาวที่ตอนนี้หยุดร้องแล้ว แต่ยังคงตัวสั่น ยกมือกุมหัว สำรวจด้วยตาเปล่าแล้วไม่พบบาดแผลใดก็โล่งใจไปเปลาะ หันไปหาคำตอบจากคนรักของน้องแทน

“ตาลเป็นอะไรไปวี”

“ผมไม่รู้พี่ พอเข้ามาก็เห็นตาลเป็นอย่างนี้” วีกิจบอกหนุ่มรุ่นพี่อย่างร้อนใจ

“ตาล ได้ยินพี่ไหม เกิดอะไรขึ้น”

“ตาล ตาลจำได้แล้ว” เสียงอ่อนระโหยดังขึ้นจากคนในอ้อมกอด ทำให้ทั้งหมดชะงัก ตฤณกับวีกิจมองหน้ากันอย่างดีใจ จำได้ หมายความว่าความจำของตรีทิพย์กำลังกลับมา ส่วนตะวันฉายยืนหน้าซีด มือกำแน่นเข้าหากันไม่รู้ตัว

“จำอะไรได้ตาล” ตฤณรีบถาม ตรีทิพย์หลับตาเรียบเรียงสิ่งที่เห็น ก่อนจะเล่า

“จำได้ว่าตาลไม่ได้ตกลงมาจากบันไดเอง มีคนผลักตาลลงมา”

“อะไรนะ!” สองหนุ่มประสานเสียง มองคนตรงหน้าอย่างตะลึง วีกิจรีบถามต่อทันที ดวงตาชายหนุ่มแดงก่ำ นึกแค้นคนที่ทำให้คนรักของเขาต้องเป็นแบบนี้

“ใครทำตาล ใครเป็นคนผลักคุณ”

ตะวันฉายเหงื่อซึม รีบมองหาทางหนีทีไล่ หากตรีทิพย์พูดออกมาอนาคตเธอก็จบทันที ตรีทิพย์ส่ายหน้าเบาๆ บอกเสียงเครือ

“ตาลจำไม่ได้ ตาลเห็นแค่มือเขายื่นมาผลักตาลตกบันไดลงมา แต่แววตาที่เขามองตาลมันน่ากลัวมาก เหมือนเขาสนุกกับการเห็นคนทรมาน ตาลกลัว ฮือ”

“ไม่ต้องกลัวนะ ไม่เป็นอะไรแล้ว” ตฤณกอดน้องสาวไว้แน่น เอ่ยปลอบโยน “พี่กับนายวีไม่ปล่อยให้ใครมาทำอะไรตาลได้อีก ขึ้นไปนอกพักเถอะ เรื่องที่เกิดพี่จะเอาไปปรึกษาตำรวจ อย่าไปพยายามคิดอะไรอีก พักผ่อนซะ วี...” เขาหันมาหาว่าที่น้องเขย มือหนาบีบไหล่รุ่นน้อง

“...พี่ฝากพายายตาลขึ้นไปนอนหน่อย”

“ครับ” วีกิจรับคำ ตรงเข้าประคองคนรักพาขึ้นไปข้างบน ตฤณมองตาม ใบหน้าคมราบเรียบ แต่ภายในใจนั้นกรุ่นไปด้วยโทสะ เขาจะต้องลากไอ้คนที่ทำร้ายน้องสาวเขามาลงโทษให้ได้ ตะวันฉายที่ยืนรอโอกาสอยู่นานก็รีบบอก

“เอ่อ ตะวันว่าวันนี้คุณคงไม่สะดวกแล้ว ตะวันกลับก่อนดีกว่า”

“ครับ เดี๋ยวผมไปหยิบโทรศัพท์ของคุณให้” ตฤณผงกหัวขอบคุณที่หญิงสาวเข้าใจและไม่สร้างความวุ่นวายให้ชีวิตเขาเพิ่มขึ้นกว่านี้ พอขึ้นมาอยู่บนรถแล้ว ตะวันฉายจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

“ใจหายใจคว่ำหมด นึกว่ามันจะจำได้ว่าเราเป็นคนผลักมัน โชคยังดีที่จำได้แค่โดนผลัก” หญิงสาวแสยะยิ้ม

“โชคยังเป็นของแกอยู่นังตาลที่จำได้แค่นั้น เพราะถ้าหากแกจำคนที่ผลักแกได้จริงๆ ฉันคงต้องฆ่าแกตามนังบุษบากับนังแววไป”


พัดยศกดรีโมทล็อกรถคันหรู ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปในร้านอาหารตามที่นัดไว้ ชายหนุ่มยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมอง เร่งฝีเท้าขึ้นอีกเนื่องจากเลยเวลานัดมาสิบห้านาทีแล้ว เพราะมัวแต่ก้มมองนาฬิกานั่นเองทำให้ไม่ทันเห็นว่าทางขึ้นด้านข้างมีร่างสูงเดินมาอย่ารีบร้อนเช่นกัน พัดยศเซไปเล็กน้อยเมื่อร่างของตนปะทะเข้ากับอีกฝ่าย

“ขอโทษครับ เป็นอะไรมากหรือเปล่า...อ้าว...คุณพัด” ปรากฏว่าคนที่ชนกับเขากลายเป็นตฤณ หนึ่งในคนที่เขามีนัดด้วยนั่งเอง พัดยศมองหนุ่มแว่น ว่าที่คู่เขยอย่างแปลกใจ ปกติเวลามีนัดกันคนตรงหน้าจะเป็นฝ่ายมานั่งรอก่อนเสมอ แต่ก็ดีมีคนสายเป็นเพื่อน

“แปลกนะเนี่ยที่คุณมาสายนะตฤณ”

“เมื่อวานที่บ้านมีปัญหานิดหน่อยครับ ความจำยายตาลกลับมาแล้ว” ชายหนุ่มพูดพร้อมถอนหายใจ หลังจากที่เขาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับตรีทิพย์ให้มารดาฟัง เขากับบิดาก็ต้องมานั่งปฐมพยาบาลมารดาที่หมดสติไปหลังจากรู้ว่าลูกสาวของตนไม่ได้ประสบอุบัติเหตุตกบันได แต่โดนคนผลักต่างหาก พอฟื้นขึ้นมาก็เฝ้าโทษตัวเองที่ไม่อยู่บ้านในวันนั้น กว่าทุกอย่างจะลงตัวก็เกือบเที่ยงคืน

“หือ? ยายตาลความจำกลับมาก็ดีแล้วนี่ แล้วมันมีปัญหายังไง” พัดยศยังไม่เข้าใจ ตฤณเลยขยายความ

“จำได้แค่บางส่วนเท่านั้นครับ แกจำได้ว่าไม่ได้ตกบันไดลงมาเอง มีคนผลักลงมา แต่จำไม่ได้ว่าเป็นใครเท่านั้น”

“เฮ้ย! แล้วนี่คุณแจ้งความไปหรือยัง”

“ครับ แต่คงยาก เรื่องมันผ่านมานานแล้ว ผมกะจะปรึกษาผู้กองอยู่เหมือนกัน โชคดีที่เขานัดเจอวันนี้พอดี” เมื่อคืนหลังจากเขากลับขึ้นไปบนห้องแล้ว ร้อยตำรวจเอกนพนธ์ก็โทรศัพท์มาหาน้ำเสียงของผู้กองหนุ่มดูจริงจังมาก

“ไม่รู้ที่เรียกมาเนี่ยเรื่องอะไร หรือว่า!...” พัดยศหันไปมองคนที่เดินข้างๆ สีหน้าตื่นเต้น “...ผลดีเอ็นเอจะออกมาแล้ว”

“ผมก็หวังอย่างนั้น นั่นไงครับ ผู้กองนพนธ์นั่งอยู่นั่น” เขาชี้ไปทางด้านในสุดของร้าน ใกล้น้ำตกจำลองที่สร้างเอาไว้เพื่อเสริมบรรยากาศให้ร้าน ร้อยตำรวจเอกนพนธ์ลุกขึ้นยืนต้อนรับทั้งคู่

“สวัสดีครับ คุณพัดยศ คุณตฤณ เชิญนั่งครับ”

“ขอบคุณครับ” ตฤณเป็นฝ่ายขอบคุณ ส่วนพัดยศก็รีบเข้าเรื่องทันที

“ว่าไงครับผู้กองเรียกพวกเรามานี่ มีเรื่องอะไรเหรอ”

“โห...ไม่ทานอะไรก่อนเหรอคุณพัด มาถึงก็ยิงคำถามใส่เลยนะ” ผู้กองนพนธ์หัวเราะ มือหนาเลื่อนซองเอกสารสีน้ำตาลไปตรงหน้าชายหนุ่มทั้งสองที่มองกลับมางงๆ ทำนองว่าไอ้ซองนี่คืออะไร เขาบอกเสียงเรียบ

“ผลดีเอ็นเอออกมาแล้วครับ...” นายตำรวจมองสองหนุ่มที่แย่งกันคว้าเอกสารด้านในไปดู ทั้งคู่นิ่งไปเมื่อได้อ่านคำอธิบายด้านใน บรรยากาศตึงเครียดเข้าครอบคลุมทั้งโต๊ะ ก่อนที่นายตำรวจเจ้าของคดีจะสรุปได้ตรงใจ

“...เลือดบนเสื้อเป็นของคุณบุษบากับแวว”

---------------------------------------------------------------------------------------
ตอนก่อนจบนี่เป็นอะไรที่นั่งแก้แล้วแก้อีก แก้จนเจ็บตา เพราะมีอีกหลายประเด็นที่กะ

จะใส่ลงไป แต่เมื่อลองใส่ลงไปแล้วพบว่าทำเรื่องยิ่งยืดหนัก เลยต้องตัดใจทิ้งมันไป

พอทิ้งไปบางประเด็นก็ทำให้เรื่องรวน ต้องนั่งคิดใหม่อีก

ใครว่าตอนจบเขียนยาก ข้าพเจ้าขอบอกว่าตอนก่อนจบเขียนยากกว่า

มาร่วมนับถอยหลังตอนจบกันได้เลยนะคะ วันพุธที่ 27 นี้จะลงตอนสุดท้าย

มาลุ้นกันว่าจุดจบของคนที่มีจิตใจริษยาอย่างตะวันฉายจะเป็นอย่างไร (เอาเป็นว่าจะ

สะใจคนอ่านหรือเปล่าว่างั้นเหอะ)

เจอกันตอนหน้าตอนสุดท้ายค่ะ ติชมได้นะคะ

ป.ล. ใครอ่านแล้วรู้สึกว่ามันรวบรัดแปลกๆ ไม่เข้าใจบอกไรเตอร์ด้วยนะ จะได้แก้ตอนรี

ไรท์



ไอจันทร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 ธ.ค. 2555, 22:00:23 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 ธ.ค. 2555, 22:00:23 น.

จำนวนการเข้าชม : 1642





<< ตอนที่ 43   ตอนที่ 45 >>
goldensun 24 ธ.ค. 2555, 23:48:18 น.
ตะวันยังคิดจะฆ่าปิดปากตาลได้อีกหรือ ถ้าตาลบอก ตัวเองก็ต้องโดนจับทันทีแน่
ผลเลือดออกแล้ว เหลือแต่ล่อจับตะวันแล้ว
ดาวคงไม่เข้าใจตฤณผิดนะคะ


กาซะลองพลัดถิ่น 25 ธ.ค. 2555, 00:10:52 น.
รออ่านตอนจบ ... อยากรู้จุดจบของคนจิตใจชั่วร้ายอย่างตะวันว่าจะออกมารูปแบบไหน ...และขอให้ดาว ตาล ตฤณ ปลอดภัยนะคะ


Pat 25 ธ.ค. 2555, 11:42:19 น.
จับได้ซะทีเถอะก่อนที่จะมีใครเป็นอะไรหรือตฤณจะต้องเสียท่าตะวันฉาย


anOO 25 ธ.ค. 2555, 18:34:09 น.
ยัยตาลลลล
ทำไมดันมาบอกว่านึกได้ตอนยัยตะวันอยู่ล่ะ เดี๋ยวไ้ด้กลายเป็นศพอีกคน


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account