มนตรากระดังงา
นางพริมา กีรติอนันต์ พัฒนภิรมย์ กับ นายภัทร์ พัฒนภิรมย์ คู่สามีภรรยาที่ครองรักกันมากว่า 6 ปี และมีพยานรักเป็นเด็กชายน่ารัก 2 คน ต้องจบชีวิตคู่ที่เริ่มจากรั้วมหาวิทยาลัยลงเพราะฝ่ายชายไปมีเมียน้อยซึ่งกำลังจะมีลูกสาวด้วยกัน หญิงสาวยอมหย่าให้และยอมเป็นแม่หม้ายในวัยเพียง 30 ปี ชีวิตคู่ที่พังทลายกลับสร้างพริมาคนใหม่ให้แกร่งกว่าเดิม เธอเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวขึ้น กระดังงาลนไฟดอกนี้จึงกลายเป็นที่หมายปองของชายหนุ่มทั้งหลาย รวมทั้งภัทร์ พัฒนภิรมย์ ที่เพิ่งสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของอดีตภรรยา จนทำให้ความรักที่เขาคิดว่าได้มอดเชื้อไปแล้วนั้นปะทุขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
รักครั้งใหม่กับคนเดิมจะสมหวังได้หรือไม่ เพราะฝ่ายชายก็มีครอบครัวใหม่แล้ว ส่วนฝ่ายหญิงก็มีชายหนุ่มมากมายมาเข้าแถวให้เลือก อานุภาพของความรักจะประสานรอยร้าวของหัวใจสองดวงให้กลับมาหลอมเป็นหนึ่งเดียวได้อีกครั้งหรือไม่ โปรดติดตาม......อาทิตา

Tags: รักร้าว มีเมียน้อย คืนดี

ตอน: ตอนที่ 19......50%



ขอชี้แจงนะคะตามที่มีนักอ่านถามว่า ลูกสาวของภัทร์ทำไมต้องชื่อแป้งร่ำ เพราะไปพ้องกับตัวละครในนิยายอีกเรื่อง (ที่ดังกว่าเรื่องนี้มาก) ขออธิบายนะคะว่า ภัทร์ต้องการให้ลูกสาวมีชื่อเล่นขึ้นต้นด้วย ป เพื่อพ้องกับพี่ชายทั้งสองคนน่ะค่ะ ชื่อจริงก็ พ พาน (พิมพ์ชนก) คนเขียนวางแผนไว้ตั้งแต่แรกแล้วน่ะค่ะ....แต่ก็แอบแปลกใจเช่นกันเมื่อมีคนมาท้วงติง ที่พล็อตเรื่องก็คล้าย ๆ กัน แถมตอนนี้ดันมามีชื่อตัวละครซ้ำกันอีก

ส่วนอีกประเด็น คือ ผลดีเอ็นเอ ต้องใจเย็น ๆ นิดหนึ่งนะคะ ยังไม่เฉลยตอนนี้ค่ะ (อยากแกล้งคนอ่าน อิๆๆ)



ตอนที่ 19



ทันทีที่เจ้าหน้าที่ของคอนโดฯเปิดประตูห้องพักหรูราคาหลายล้านด้วยการ์ดสำรองแล้ว ภัทร์ก็รีบรุดเข้าไปข้างในอย่างรีบร้อน โดยมีลูกชายคนเล็กอยู่ในอ้อมแขนซึ่งหนูน้อยในวัยเกือบ 3 ขวบกำลังร้องไห้ด้วยอาการตระหนกตกใจ ส่วนลูกชายคนโตที่วิ่งตามหลังมาติด ๆ แม้จะไม่ร้องไห้เหมือนน้องชาย แต่หน้าก็เสียและน้ำตาที่ปริ่มขอบตานั้นก็พร้อมที่จะไหลลงมาได้ตลอดเวลาเพราะความเป็นห่วงผู้เป็นแม่ ซึ่งสีหน้าของลูกชายคนโตนั้นก็ไม่แตกต่างมากนักจากภัทร์ผู้เป็นพ่อ เด็กชายทั้งสองออกอาการขวัญผวาตั้งแต่ได้เห็นพ่อพยายามทั้งเคาะประตูและกดกริ่งไฟฟ้าหน้าห้องหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีวี่แววของผู้เป็นแม่จะมาเปิดรับแต่อย่างใด จนในที่สุดภัทร์เลยต้องแจ้งขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ดูแลคอนโดฯ

“ปริม ๆ คุณอยู่ไหน” ภัทร์ร้องเรียกพร้อมทั้งกวาดสายตาหาร่างของอดีตภรรยาในห้องรับแขก และก็สำรวจดูความเรียบร้อยของที่พักหรูที่ซึ่งเคยเป็นเรือนหอของเขามาก่อนไปพร้อม ๆ กัน แต่ภัทร์ก็ไม่พบความผิดปกติแต่อย่างใด ชายหนุ่มกระชับร่างลูกน้อยในอ้อมแขนให้แน่นขึ้น พร้อมทั้งปลอบประโลมและเรียกขวัญไปในตัว ภัทร์สาวเท้าตรงไปยังห้องนอน และทันทีที่เปิดประตูเข้าไป ชายหนุ่มก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกที่เห็นพริมานอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงนอน......อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้ถูกทำร้าย หรือประสบอุบัติเหตุอย่างที่เขาแอบคิดไว้ในใจ

“คุณแม่ครับ ๆ ๆ” ภัทรดนัยลูกชายคนโตรีบกระโจนขึ้นไปบนเตียงนอน พร้อมทั้งโถมร่างเข้ากอดผู้เป็นแม่ที่ยังนอนหลับตาอยู่ ส่วนพัทธดนย์ก็พยายามดิ้นรนที่จะลงจากอ้อมแขนของผู้เป็นพ่อ ทันทีที่ได้สัมผัสตัวของผู้ให้กำเนิด เด็กชายตัวน้อยก็รีบหอมแก้มผู้เป็นแม่ครั้งแล้วครั้งเล่าทั้งน้ำตา ด้วยเสียงอึกทึกครึกโครมและหยาดน้ำตาของลูกน้อยที่ไหลรินรดหน้าของพริมา หญิงสาวจึงค่อย ๆ รู้สึกตัวและลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ

“คุณแม่ตื่นแล้ว ๆ ” ลูกชายคนเล็กร้องบอกด้วยความดีใจ ภัทร์ที่เพิ่งนั่งลงบนเตียง มองใบหน้าซีดเซียวของพริมาด้วยความเป็นห่วง ก่อนที่จะเอ่ยถามออกไปว่า

“ปริมไม่สบาย ทำไมไม่โทรบอกพี่” พริมาที่เพิ่งลืมตา เพ่งมองใบหน้าของผู้มาเยือนทั้ง 3 ก่อนที่จะตอบออกมาว่า

“ปริม....แค่กๆๆ” พริมาไอโขลก ๆ ไม่สามารถตอบคำถามภัทร์ได้ หญิงสาวที่ดูไร้เรี่ยวแรงแต่ยังพยายามยกมือทั้งสองข้างขึ้นโอบกอดลูกน้อยทั้งสอง ก่อนที่จะบรรจงจูบกระหม่อมของลูก ๆ และพูดเบา ๆ ราวกับกระซิบว่า

“คุณแม่ไม่เป็นไรนะครับ ไม่ต้องร้องไห้นะครับคนเก่ง หยุดร้องนะลูก”

“ปริมมีไข้นี่” ภัทร์ที่เอื้อมมือมาแตะหน้าผากของคนป่วย พูดพลางส่ายหน้าไปมา พริมามักไม่ค่อยบอกใคร ๆ ให้รับรู้เวลาที่ตัวเองต้องล้มหมอนนอนเสื่ออย่างคราวนี้

“นิดหน่อยเองค่ะ” คนป่วยยังดื้อรั้น

“นิดหน่อยอะไรกัน พี่ทั้งโทร ทั้งเคาะประตู ไหนจะกดออดจนมือแทบหงิก ลูก ๆ ก็ช่วยกันตะโกนเรียกแม่เสียงดังลั่น ปริมยังไม่รู้สึกตัวแบบนี้นี่นะ ถ้าพี่ไม่ตามเจ้าหน้าที่มาเปิดประตู พวกเราคงยังเข้ากันมาไม่ได้ ถ้าเป็นแบบนั้นก็คงต้องรอให้ปริมตื่นเองน่ะสิ!” ภัทร์ต่อว่าคนป่วยแต่น้ำเสียงยังเจือไปด้วยความเป็นห่วงอย่างท่วมท้น ชายหนุ่มหันไปกล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ของคอนโดฯที่ยังตามเข้ามาดูด้วยความเป็นห่วง และเมื่อเห็นสถานการณ์ปกติดีแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งสองก็ขอตัวกลับไปทำงานต่อ

“เป็นมากี่วันแล้วนี่” ภัทร์ถามพริมา พร้อมทั้งกวาดตาดูซองยา 2 – 3 ซองที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงนอน

“วันนี้แหละค่ะ...แค่ก ๆ ๆ....ที่ไข้ขึ้นสูง...แค่ก ๆ ๆ” พริมาไอจนตัวโยน

“คุณแม่ไอแบบนี้เพราะคุณแม่ติดหวัดมาจากน้องปิ๊ปครับคุณพ่อ น้องปิ๊ปเป็นหวัดอาทิตย์ก่อนโน้น” ภัทรดนัยได้ทีฟ้องผู้เป็นพ่อ

“น้องปิ๊ปก็ติดจากพี่ป๊อปไงล่ะ” พัทธดนย์ฟ้องบ้าง

“พี่ป๊อปเป็นไข้ เพราะพี่ป๊อปเล่นน้ำกลางแดดนานครับคุณพ่อ คุณแม่บอกให้เลิกเล่น พี่ป๊อปก็ไม่ยอมขึ้นจากทะเลสักที” พัทธดนย์เล่าด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ้วหลังจากคลายอาการตกใจ

“เล่นน้ำที่หัวหินน่ะเหรอครับ” ภัทร์ถามลูก ๆ

“ใช่ครับ พี่ป๊อปเล่นกับพี่อินกะวิน ลูกคุณน้าอัณณ์” ลูกชายคนเล็กยังไม่ยอมหยุดเล่า ซึ่งก็สร้างความโล่งใจให้กับผู้เป็นพ่อที่ได้รับความกระจ่างแจ้งจากการไปเที่ยวหัวหินของอดีตภรรยาและลูก ๆ

“ที่จริงน้องปิ๊ปก็นั่งเล่นทรายไม่ยอมเลิกครับคุณพ่อ ทีหลังน้าปรัชญ์เลยต้องอุ้มขึ้นห้องเลย” พี่ชายคนโตหันไปจ้องหน้าน้องชายอย่างไม่ยอมแพ้

“แต่พี่ป๊อปเป็นเพียง 3 วันก็หายแล้ว ไม่เหมือนน้องปิ๊ปเป็นตั้งอาทิตย์หนึ่ง คุณแม่ต้องคอยวัดไข้น้องปิ๊ปและเช็ดตัวให้ทั้งคืน คุณแม่เลยไม่ได้นอน เลยเหนื่อยจนไม่สบาย เพราะติดไข้จากน้องปิ๊ปนั่นแหละ แถมพี่ป๊อปยังต้องถูกทิ้งให้นอนคนเดียวตั้งหลายคืนด้วยนะครับ” เสียงภัทรดนัยเล่าให้ภัทร์ฟังต่อ พริมาที่นอนฟังลูกทั้งสองอยู่โยนความผิดกันไปมาจึงอดอมยิ้มไม่ได้ที่ได้เห็นลูก ๆ เป็นห่วงเธอแบบนี้

“อ้าว! แล้วพี่บัวไปไหนเสียละครับ” ภัทร์หลอกถามลูก ๆ

“พี่บัวกลับบ้านครับ คุณยายพี่บัวไม่สบายมาก ตอนนี้อยู่ห้องไอซียูด้วยนะครับ” ลูกชายคนโตหันมาบอกผู้เป็นพ่อ แต่มือน้อย ๆ ยังคงจับกุมมือของมารดาไม่ยอมปล่อย

“แค่ก ๆๆ” เสียงไอของพริมาเรียกให้ภัทร์หันมามองคนป่วยอีกครั้ง พริมาดูเหนื่อยและล้ามากทีเดียว คงสะสมมาจากการที่ต้องดูแลลูก ๆ ที่ป่วยเพียงลำพัง เมื่อร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ จึงรับเอาเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้อย่างง่ายดาย ภัทร์รู้สึกผิดที่ปล่อยให้เธอต้องดูแลลูก ๆ ตามลำพัง

“บัวไม่อยู่ แถมลูกก็ไม่สบาย ปริมน่าจะบอกพี่บ้างนะ” ภัทร์พูด

“ปริม...แค่ก ๆๆ .....อะแฮ่ม ๆ เห็นพี่ยุ่ง ๆ เรื่องลูกสะ...แค่ก ๆๆ” พริมาไม่ได้ตัดพ้อแต่พูดจากใจจริง ตั้งแต่กลับมาจากหัวหินเธอยังไม่ได้ส่งลูก ๆ ให้ไปนอนกับภัทร์ในช่วงเย็นวันศุกร์ถึงบ่ายวันอาทิตย์เพราะคิดว่าภัทร์ยังคงวุ่นวายและเห่อลูกคนใหม่อยู่

“สองคนนี่ก็ลูกพี่ ปริมอย่าลืมสิ!” ภัทร์เถียงกลับ ชายหนุ่มรู้สึกว่าตัวเองทำหน้าที่พ่อได้บกพร่อง ยิ่งวันนี้ที่ได้มาเห็นลูกชายทั้งสองถูกทิ้งให้อยู่โรงเรียนจนเย็น เขายิ่งคิดว่าตัวเองเป็นพ่อที่ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย ภัทร์แอบวางแผนในใจไว้คร่าว ๆ ว่านับจากนี้ไปเขาต้องปรับการใช้ชีวิตเสียใหม่ หน้าที่พ่อของเขาจะต้องครอบคลุมถึงลูกทั้งสามอย่างเท่าเทียมกัน

“ทีหลัง อย่ารอให้เกิดแบบนี้อีกนะลูก ถ้าใครไม่สบายแล้วคุณแม่ไม่ยอมโทรบอกพ่อ ป๊อปกับปิ๊ปก็โทรหาพ่อเองเลยนะครับ” ภัทร์กำชับกับลูกชายอย่างหนักแน่น

“ครับคุณพ่อ” เด็กชายทั้งสองขานรับด้วยรอยยิ้ม อย่างน้อยเหตุการณ์ในวันนี้ก็ทำให้ดวงใจน้อย ๆ ทั้งสองได้รับความอบอุ่นของพ่อกลับคืนมา.....ไออุ่นที่ขาดหายไปร่วมหนึ่งเดือน

“เอาล่ะ ทีนี้พวกเรามาช่วยกันพาคุณแม่ไปส่งโรงพยาบาลดีกว่า ไข้สูงแบบนี้ เราให้คุณหมอเป็นคนดูแลคุณแม่ดีกว่านะครับ คุณแม่จะได้หายไวไว พ่อว่างานนี้คุณแม่ต้องโดนให้น้ำเกลือแน่ ๆ เลย” ภัทร์พูดพลางหันมายักคิ้วหลิ่วตาให้คนป่วย ที่เริ่มออกอาการแหย ๆ เพราะพริมาเกลียดและกลัวการให้น้ำเกลือมากที่สุด เนื่องจากตอนที่ให้กำเนิดลูกชายทั้งสองคนนั้น หญิงสาวถูกพยาบาลเจาะหาเส้นเลือดเพื่อให้น้ำเกลือหลายต่อหลายครั้ง ทำให้เธอขยาดและกลัวการให้น้ำเกลือมาจนถึงทุกวันนี้

“ไม่ต้องหรอกค่ะ ถ้าปริมไปนอนโรงพยาบาล แล้วลูก ๆ ล่ะคะ” ผู้เป็นแม่ไม่วายเป็นห่วงลูก ๆ

“เด็ก ๆ ก็ไปนอนที่บ้านพี่ไง ให้ไปอยู่กับคุณปู่คุณย่าสัก 2 – 3 คืนนะครับ รอให้คุณแม่หายไข้ก่อน ค่อยกลับมานอนที่นี่กัน” ภัทร์บอกกับลูก ๆ และนั่นหมายรวมถึงตัวเขาเองด้วย!!!

“ได้ครับ” บุตรชายคนโตรับปากอย่างว่านอนสอนง่าย

“แต่ปิ๊ปอยากไปนอนกับคุณแม่ที่โรงพยาบาลนี่ครับ” เด็กชายคนเล็กที่ติดแม่มากเริ่มทำตาแดง ๆ อีกครั้ง

“คุณพ่อค่อยไปรับปิ๊ปที่โรงเรียน แล้วพวกเราก็ไปเยี่ยมคุณแม่ที่โรงพยาบาลกันดีไหมครับ เพราะถ้าปิ๊ปไปนอนที่โรงพยาบาลกับคุณแม่ คุณหมอคงจะไม่ยอม เพราะคุณหมอกลัวปิ๊ปจะติดไข้จากคุณแม่อีกนะครับ ดีไม่ดีพ่อว่าปิ๊ปอาจจะโดนคุณหมอฉีดยาด้วยก็ได้นะ เอาไว้ให้คุณแม่หายดีเสียก่อน แล้วปิ๊ปค่อยนอนกับคุณแม่นะครับ โอเคไหมครับคนเก่ง” ภัทร์ดึงตัวลูกชายคนเล็กไปนั่งกอดบนตัก พร้อมทั้งรั้งตัวลูกชายตนโตให้พิงมาที่อกแกร่งของตนเอง ภาพของสามคนพ่อลูกสร้างรอยยิ้มให้ใบหน้าคนป่วยอย่างไม่รู้ตัว

“คุณพ่อสัญญานะครับ” ลูกชายคนเล็กยื่นนิ้วก้อยมาตรงหน้าผู้เป็นพ่อเพื่อทำพันธะสัญญา

“แต่ปริมว่า...” พริมาเอ่ยปากขึ้นบ้าง

“ไม่ต้องมีแต่อะไรทั้งนั้น ปริมน่ะ ตอนนี้เอาตัวเองไม่รอดอยู่แล้ว ถ้าแม่ไม่สบายแล้วจะดูแลจะเลี้ยงลูกได้ยังไง พี่ว่าไปรักษาตัวให้หายก่อนเถอะ” ภัทร์ส่งนิ้วก้อยของตัวเองไปเกี่ยวกับนิ้วน้อย ๆ ของลูกชายคนเล็ก

“แต่นี่ปริมก็ดีขึ้นมากแล้วนะคะ เมื่อเช้าพอส่งเด็ก ๆ ที่โรงเรียนเสร็จ ก็กลับมากินยาแล้วก็นอนพักยาวมาถึงตอนนี้เลยนะคะ แค่ก ๆๆ” พริมาพูดไม่ทันไรก็ไอโขลก ๆ อีกครั้ง

“นี่ไง! ไอขนาดนี้ยังจะบอกว่าดีขึ้นอีก ปากแดงแจ๋เพราะพิษไข้แล้ว รู้ตัวบ้างไหม ถ้าปริมอยู่นี่ แล้วจะกินจะอยู่ยังไง บัวก็ไม่อยู่ ว่าไงฮึ! จะอยู่คนเดียวได้ยังไง” ภัทร์ส่ายหน้าไปมาในความดื้อรั้นของพริมา

“ปริมชินแล้วล่ะค่ะที่ต้องอยู่คนเดียว” พริมาพูดออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจจะกระทบกระเทียบหรือประชดคนฟัง เพราะทุกครั้งที่ส่งลูก ๆ ไปอยู่กับภัทร์ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ เธอก็ส่งพี่เลี้ยงบัวตามไปดูแลเด็ก ๆ ด้วยตลอด ซึ่งก็เท่ากับว่าเธอต้องอยู่คนเดียวตามลำพังที่คอนโดฯแห่งนี้ แต่สำหรับภัทร์นั้น สิ่งที่ได้ยินนั้นก็ทำให้เขาถึงกับสะอึกและหน้าชา ชายหนุ่มจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาคู่งามที่ดูเหนื่อยล้าของอดีตภรรยาอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงพูดขึ้นมาว่า

“พี่ขอโทษ ขอโทษจริง ๆ”



************************

รอคอย ‘คอมเม้นต์’ ของทุกท่านอยู่นะคะ---จุ๊บ ๆ ๆ ขอบคุณมากค่ะ



อาทิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 ธ.ค. 2555, 01:35:31 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 ธ.ค. 2555, 01:35:31 น.

จำนวนการเข้าชม : 3998





<< ตอนที่ 18....100% แล้วจ้าาาาา (แก้ไข)   ตอนที่ 19....70% >>
konhin 18 ธ.ค. 2555, 04:30:55 น.
มาบอกอะไรป่านนี้ มาบอกอะไรเมื่อสายยยย
เชอะ ปริมอย่าใจอ่อน


pretty 18 ธ.ค. 2555, 08:48:46 น.
สายไปมากเลยอ่ะ ตอนทำทำไมไม่คิด


ปิศาจสัญจร 18 ธ.ค. 2555, 09:42:28 น.
ลืมจดหมายนั่นไปแล้ว


violette 18 ธ.ค. 2555, 12:37:55 น.
คิดช้าไปนะนายภัทร ต่อให้แป้งร่ำไม่ใช่ลูกยังไงก็ผิดอยู่ดีล่ะค่ะ ไม่เชียร์อิตานี่เลยจริงๆ อินมาก
ปล.ที่ว่าชื่อพอ้งเราไม่ซีเรียสนะคะ เพราะเนื้อเรื่องดำเนินมาต่างกันมากกับอีกเรื่องค่ะ
(ได้แต่หวังว่าอยากให้จบแนวอีกเรื่องมากกว่า ให้นายภัทร์อกแตกตายแบบนายลานั่นซะเลย


nunoi 18 ธ.ค. 2555, 15:12:20 น.
ขอโทษแล้วยังไงคะคุณภัทร ต่อให้แป้งร่ำไม่ใช่ลูก แต่คุณก็ทำผิดกับปริม อย่างมากอย่าใจอ่อนเชียวนะ ผู้ชายอย่างนี้ เดี๋ยวก็มีเรื่องให้ช้ำใจอีก แค่เหตุผลที่ว่า ต้องไปยุ่งกับผู้หญิงคนอื่น เพราะปริมมัวแต่ให้เวลากับลูกมากไป นี่ก็แย่ ที่สุดแล้ว


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account