พักตร์อสูร
ชีวิตปกติสุขของเธอต้องสิ้นสลาย เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองอยู่ในร่างของเด็กหญิงคนหนึ่ง โชคชะตาหรือเวรกรรม ทำให้มาโผล่ในสถานการณ์ผัว1เมีย6 แถมต้องสู้รบเพื่อเอาตัวให้รอดอีก “ขอชีวิตเก่าฉันคืนมาเถิด”
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ 2 (ครึ่งแรก)




ท้องฟ้าดำมืดไร้เมฆหมอก แสงดาวส่องประกายระยิบระยับ ผิดกับท้องฟ้าที่เพชรน้ำค้างเคยเห็น เธอนั่งมองดวงดาวผ่านหน้าต่างของห้องนี้มานานมาก ความคิดล่องลอยไปไกล ว่าทำไมความฝันนี้ยังไม่จบสิ้นลง เธอมารู้ตัวว่าอยู่ที่นี่ก็น่าจะบ่ายแก่ๆ ของวันจนตอนนี้ดึกมากแล้ว ตามตำแหน่งของพระจันทร์ที่ลอยเกินครึ่งท้องฟ้า ‘มันเกิดอะไรขึ้นกับเธอ’ พลางกระชับผ้าผืนใหญ่ที่เอามาห่อคลุมร่างกายเพราะรู้สึกหนาว

เธอมองไปยังสาวน้อยที่ชื่อตยาวดี หล่อนยังหลับอยู่เช่นเดียวกับจิตรานางพี่เลี้ยงที่นอนอยู่หน้าห้อง เครื่องเรือนของใช้และสภาพแวดล้อมที่นี่ไม่แตกต่างจากเมืองไทยในอดีตเมื่อกวาดตามองอีกครั้งหนึ่ง เพชรน้ำค้างถอนหายใจ อะไรที่ทำให้มาพบเจอเรื่องราวแปลกประหลาดนี่กันหนอ ฉับพลัน ก็นึกย้อนไปถึงตอนเย็นของวันที่เธอเริ่มพิสูจน์บางอย่าง

“ตยาวดี” เพชรน้ำค้างเรียกคนที่กำลังจะเดินออกไป

หล่อนเดินกลับเข้ามา “ลูกเอ๋ย ลูกต้องเรียกแม่ว่า ‘คุณแม่’ ตยาวดีชื่อของแม่นั้น ผู้ใหญ่ท่านจักเรียก พูดสิเจ้า คนดีของแม่ ‘คุณแม่’ ”

รอยยิ้มบนใบหน้าหวานซึ้งทว่าแววตาเศร้าสร้อยกำลังรอฟัง เพชรน้ำค้างกระอักกระอ่วนใจ เมื่อความจริงเธออายุมากกว่าตยาวดีนับสิบปี แต่ก็ไม่มีทางเลือกนักเมื่อเจ้าของร่างนี้เป็นลูกของหล่อนจริงๆ

“คุณแม่”

“ลูกเป็นหญิง หางเสียง ‘เจ้าข้า’ ต้องมีพร้อม ความเป็นกุลสตรีอย่าให้บกพร่อง จะมีคนต่อว่าแม่ได้ เรียกใหม่สิเจ้า”

เพชรน้ำค้างอยากจะบอกว่าที่ที่เธอเคยอยู่ไม่จำเป็นต้องมีความเป็นกุลสตรีให้มากสักนิด เพราะในยุคที่สิทธิส่วนบุคคล สิทธิสตรี และสิทธิในการใช้ชีวิตส่วนตัวสูง ย่อมเป็นของใครของมัน ไม่มีใครสนใจใคร ไม่มีใครบังคับใคร ฉับพลัน ในส่วนลึกก็แย้งขึ้นมาว่าที่นี่ไม่ใช่ที่เดิมที่เคยอยู่ และตยาวดีก็ทำหน้าที่อบรมสั่งสอนลูกของหล่อนซึ่งถือว่าเป็นเรื่องดีมาก ตัวเธอไม่ควรคิดอะไรแบบนั้น สภาพสังคมที่นี่เป็นแบบไหนก็ยังไม่รู้แน่ชัด ไม่ควรตั้งป้อมปฏิเสธสิ่งหนึ่งสิ่งใดหรือใช้อคติกับสิ่งหนึ่งสิ่งใดถ้าหากอยากจะรอดเพื่อกลับไปหาพ่อไกรกับแม่สร้อย เธอก็ต้องเป็นไผ่ลู่ไปตามลม จะแข็งขืนก็คงไม่ดี

เพชรน้ำค้างเม้มปากเข้าหากันนิดหนึ่ง

“คุณแม่เจ้าข้า”

“ลูกแม่เก่งเหลือเกิน” ตยาวดีพูดอย่างภาคภูมิใจและกอดเธอไว้แน่น “เจ้าไม่ยอมพูดจาเลยนับแต่เกิด ครั้นพอเจ้าพูดได้วันนี้ ก็พูดรู้เรื่องเช่นเด็กโตนัก ผิดกับเด็กวัยเดียวกันเหลือเกิน”

ตยาวดีหอมแก้มอีกฟอด ก็มันจะเหมือนเด็กได้อย่างไรกันล่ะ อายุเธอปาเข้าไปยี่สิบเจ็ดย่างยี่สิบแปดแล้ว นี่ถ้าหล่อนรู้ว่าคนที่พูดด้วยและอยู่ในร่างนี้ไม่ใช่วิญญาณหรือตัวตนแท้จริงของลูกสาวหล่อน เจ้าตัวจะว่าอย่างไร

เพชรน้ำค้างพยายามยิ้มให้นิดๆ เมื่อตยาวดีจ้องมา และตัดสินใจถามหลังจากเงียบไปอึดใจหนึ่ง

“ที่นี่... คือที่ไหนเจ้าข้า”

“บ้านของเรา...ลูกเอ๋ย”

สีหน้าแปลกใจของตยาวดีแสดงออกชัดเจนกับคำถามแต่หล่อนก็ยิ้มแย้ม เพชรน้ำค้างแกล้งยิ้มตาม ทำตาใสให้สมกับวัยเจ้าของร่างนี้ เพราะไม่อยากให้ตยาวดีรับรู้ความผิดปกติ เธอยังต้องการข้อมูลให้มากที่สุด

“บ้านของเรา อยู่ในเมืองอะไร คุณแม่เจ้าข้า”

แม่เด็กคนนี้ยิ้มกว้าง ความภาคภูมิใจฉายชัดทั้งสีหน้าและแววตา เพชรน้ำค้างคาดว่าความรู้สึกดีใจคงเบียดบังข้อกังขาบางอย่างและกลบความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับลูกสาว เพราะตยาวดียังยิ้มและตอบว่า

“อุษามันตราลูกแม่ บ้านของเรา อยู่ในเมืองมิถิลา”

หา! มิถิลา! มันอยู่ส่วนไหนของโลกกันเนี่ย เพชรน้ำค้างอยากจะเป็นลม ที่คิดว่าฝันซ้อนฝันก็แปลกประหลาดมากพออยู่แล้ว นี่ดันมาอยู่ในเมืองมีชื่อคล้ายนิทานปรัมปราเสียได้ ตอนแรกคิดว่าอาจเจอเหตุการณ์เหมือนในนิยายหรือละครหลายเรื่องที่ย้อนไปในอดีตของประเทศที่เคยอยู่ แต่นี่เธอมาโผล่ที่ไหนกันเนี่ย

เพชรน้ำค้างส่งรอยยิ้มที่เหมือนแยกเขี้ยวให้ตยาวดีที่ยังยิ้มและมองมา รู้สึกว่าทั้งมือและเนื้อตัวชาไปหมดจนแทบทำอะไรไม่ถูก

‘ฝันแน่ๆ ละเมอแน่ๆ รีบตื่นเถอะน้ำค้าง จะอยู่รอดได้ยังไงกันแบบนี้ แกชักจะจินตนาการสูงเกินไปแล้ว สงสัยเป็นเพราะทำงานทั้งเจ็ดวันแบบไม่ได้พักผ่อน เลยเอาบทละครในกองถ่ายมาฝันได้เหมือนจริงสุดๆ’

“ไปอาบน้ำกันเถิด”

เพชรน้ำค้างปล่อยให้ตยาวดีอุ้มเพราะยังมึนงงไม่หาย แต่เมื่อนึกขึ้นได้

“เดี๋ยวค่ะ...เจ้าข้า ผ้าคลุม ลูกหนาว”

ตยาวดีพยักหน้าให้กับจิตรา นางพี่เลี้ยงไปหยิบผ้าแพรมาห่อตัวเธอโดยตยาวดียังอุ้มอยู่ หล่อนหอมที่ศีรษะ

“เดี๋ยวอิฉันจะพาแม่นายน้อยอุษาอาบน้ำเองเจ้าข้า แม่นายตยา”

เพิ่งสังเกตว่าจิตราเรียกตยาวดีไม่เหมือนคนอื่น ตยาวดีพยักหน้าแต่ก็ยังอุ้มเธอลงจากเรือนหลังนี้ เพชรน้ำค้างพิจารณาสิ่งที่เห็น

‘นี่มันบ้านเรือนไทยภาคกลางชัดๆ แต่ผิวพรรณ หน้าตาของผู้คนไม่ค่อยเหมือนคนไทยสักเท่าไหร่ รูปหน้าคมคายกันมาก จะว่าคนไทยแท้ๆ ก็ไม่ใช่ เพราะมีดั้งจมูก จะว่าคล้ายพวกแขกขาวก็ไม่เชิงอีก เพราะบางคนผิวก็เข้มตามแบบฉบับคนไทย ดูๆ แล้วลักษณะคล้ายพวกลูกผสมหรือลูกครึ่งมากกว่า’

ระหว่างที่พินิจพิจารณาสิ่งที่เห็น เพชรน้ำค้างก็รู้ว่าระยะห่างจากบ้านกับที่อาบน้ำอยู่ไม่ไกลกัน ที่อาบน้ำเป็นท่า ปูพื้นด้วยไม้ และทำเป็นขั้นบันไดลงไปในคลอง คนไม่พลุกพล่านหรือที่จริงคือไม่มีใครเลย ความเป็นอยู่ของที่นี่คล้ายเมืองไทยในอดีตที่เคยเรียนและรู้มามากทีเดียว

จิตราเดินตามมา หล่อนนุ่งผ้าถุงกระโจมอกพร้อมกับถือขันเงินในมือมาหนึ่งใบ ร่างของเด็กน้อยถูกส่งตัวให้นางพี่เลี้ยงเมื่อหล่อนลงไปอยู่ในคลอง

“ไม่!” เพชรน้ำค้างห้ามเสียงหลง เพราะถูกปลดผ้าท้าลมท้าแดด ก่อนจะพูดแบบก้มหน้าเพราะทั้งสองต่างจ้องเธอเป็นตาเดียว “อายเจ้าข้า” ก็เธออายจริงๆ นี่ แม้ว่าร่างกายนี้เป็นเด็กตัวกะเปี๊ยกก็เถอะ จะอย่างไรก็ไม่เอาด้วยหรอก

ทั้งสองคนแอบหัวเราะ

“แม่นายน้อยอุษาเจ้าข้า แม่นายน้อยยังเล็กนัก รู้จักอายแล้วรึเจ้าข้า ดีจริง อิฉันจะได้เรียกแม่นายอุษาให้ชินปากแต่เนิ่น มิต้องรอให้แตกเนื้อสาวอย่างบุตรีบ้านอื่น”

เพชรน้ำค้างทำหูทวนลม มือยังจับผ้าแพรไว้แน่นขณะค่อยๆ เดินลงตามขั้นบันได นี่ถ้าไม่มีมือของจิตราช่วยพยุงไว้ งานนี้อาจมีการพุ่งหลาวลงน้ำเพราะสะดุดผ้าแน่ๆ

“แม่นายน้อยอุษาค่อยๆ ก้าวนะเจ้าข้า อิฉันจะประคอง” และเมื่อเธอนั่งตรงกะไดเรียบร้อย “วันนี้แม่นายน้อยอุษาของจิตราเก่งเหลือเกินเจ้าข้า รู้เรื่องนัก จิตราดีใจ คงหายเจ็บหายไข้ ลงมาวิ่งเล่นได้เสียทีนะเจ้าข้า”

จิตราพูดไปยิ้มไปและพยักหน้าให้เธอไปไม่หยุดเหมือนว่าคุยกับเด็ก

‘ก็ร่างนี้เป็นเด็กจริงๆ นี่น้ำค้าง’

นึกแล้วก็แอบเซ็ง นี่เธอจะต้องพยายามปรับตัวอย่างไรดีเพื่อไม่ให้คนสงสัย ตราบใดที่ยังไม่หลุดจากความฝันนี่

เพชรน้ำค้างนั่งนิ่งๆ ยอมให้จิตราขัดเนื้อตัวด้วยมะขามเปียกและมะกรูดผ่าซีก นางพี่เลี้ยงจัดการขัดถูได้เร็วมากจนเพชรน้ำค้างห้ามไม่ทันว่าอย่าแตะ ‘ตรงนั้น’

“ล้างเองได้” ได้แต่พูดพูดเสียงอ่อยพร้อมกับอาการขนลุกขนพอง เมื่อหันไปมองตยาวดีที่จ้องและทำตาดุเหมือนทำอะไรผิด “เจ้าค่ะ..เจ้าข้า” ตามมา ตอนนี้รู้สึกได้ว่าใบหน้าของตัวเองนั้นร้อนผ่าว สงสัยว่าคงจะแดงไม่น้อย เธอรู้ดีว่าทั้งสองคนคงไม่มีใครคิดอะไรกับเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งแน่นอน

แต่สำหรับเธอ... มันต้องใช้เวลาทำใจ

จิตราพาเธอลงไปล้างตัว หล่อนว่ายน้ำเก่งมากจนรู้สึกสนุกไปด้วย แต่ไม่นานก็มีเสียงวี้ดว้ายของตยาวดีและนางพี่เลี้ยงดังให้ได้ยินพร้อมกับเสียง ‘จ๋อม’ เบาๆ ควบคู่กับการจมดิ่งลงสู่ก้นคลอง

เพชรน้ำค้างรีบกลั้นหายใจหลังจากสำลักน้ำเพราะไม่ทันตั้งตัว น้ำที่นี่ลึกมากทีเดียว ร่างกายใหม่ไม่เป็นอุปสรรคกับการตีขา แต่ก็ไม่ถนัดนัก โชคดีที่เธอว่ายน้ำเป็นเลยไม่ลำบากมากตอนจมน้ำเพราะหลุดมือ ที่สำคัญคือยังตั้งสติได้และพาตัวเองให้พ้นน้ำ รีบสูดอากาศเข้าเต็มปอดซึ่งมาพร้อมกับอาการแสบจมูกและปวดหัวทันที

“ได้ตัวแล้วเจ้าข้า แม่นายตยา” เสียงของจิตราสั่นมากขณะกอดเธอไว้แน่น

ตยาวดีรับเธอเข้าสู่อ้อมอก มือและตัวของหล่อนสั่นมาก จูบหน้าผากจูบแก้มทั้งที่ร้องไห้สะอึกสะอื้น

“ลูกแม่ เจ้าเพิ่งพูดกับแม่ได้ ใยเจ้าจะจากแม่ไปอีก”

อยากจะบอกว่าเธอก็ยังไม่อยากตายหรอก ส่วนจิตราก็รีบคลานตามขึ้นมา ร้องไห้พลางลูบเนื้อลูบตัวทั้งที่มือยังสั่นไม่หยุดเช่นกัน

“เอะอะอะไรกันเจ้าข้า แม่นายตยาวดี”

เสียงไม่พอใจของใครคนหนึ่งดังชัดเจน เพชรน้ำค้างมองไม่เห็นเพราะตยาวดียังกอดไม่ปล่อย เธอเห็นขาของผู้หญิงและเด็กๆ อีกสามคนยืนอยู่ไม่ไกล

ในจังหวะที่ตยาวดีหันไปมอง เธอจึงได้เห็นว่าเจ้าของเสียงคือหญิงสาววัยประมาณยี่สิบ ผมของหล่อนแสกกลางยาวประบ่า หน้าตาสวยคม ผิวเข้ม ดวงตาเรียวแลดูร้ายกาจ แตกต่างจากตยาวดีที่ตากลมโตสวยหวานซึ้ง ดูบริสุทธิ์ไม่มีพิษภัย

ความไม่ชอบมาพากลท่ามกลางความเงียบนั้นเพชรน้ำค้างรู้สึกได้ โดยเฉพาะตยาวดี เหมือนหล่อนจะไม่ค่อยสู้คน นั่นก็เพราะหล่อนยังกอดร่างเล็กๆ พลางเช็ดน้ำตา ไม่มองหน้าคนถามขณะตอบกลับไปว่า

“ฉันกำลังจะขึ้นเรือน”

แต่สำหรับจิตรานั้นไม่ใช่ เพราะหล่อนพูดว่า “แม่นายตยายังใช้ท่าไม่เสร็จ เหตุใดคุณวาดจึงเข้ามาล่ะเจ้าข้า บ่าวมันไม่ได้บอกรึ” คำพูดไม่เท่ากับน้ำเสียงบ่งบอกความไม่พอใจ ทว่าเทียบไม่ได้กับสายตาที่จิตราใช้มอง

ผู้หญิงชื่อวาดมีอาการไม่พอใจ สายตาของสองคนที่มองกันยิ่งกว่าการประดาบจนประกายไฟลุกพรึบ

‘ไม่กินเส้นกันนี่หว่า’

เพชรน้ำค้างนึก ลืมอาการไอและแสบจมูกเพราะสำลักน้ำก่อนนั้นเสียสนิท

“ข้าร้อน อยากอาบน้ำแต่ไว” ผู้หญิงชื่อวาดพูดไปก็แสร้งมองทางอื่น

เพชรน้ำค้างมองนิ่ง ตยาวดีอุ้มเธอขึ้นมาพร้อมกับดึงแขนของจิตรา แล้วทำปากขมุบขมิบว่า ‘ช่างเถอะ’ ยิ่งทำให้รู้นิสัยของตยาวดีชัดเจน

‘ถ้าอยู่ที่นี่นาน จะรอดตายได้ไงเนี่ย ถ้ามีแม่แบบนี้’ เพชรน้ำค้างคิด เพราะตยาวดีดูเป็นกุลสตรีมีสกุลรุนชาติ ไม่เถียงคน เงียบ และยังยอมให้ผู้หญิงคนนี้ข่มด้วยคำพูดและกิริยาอาการ ดีที่ว่าจิตรายังสู้และปกป้องเจ้านายได้ ไม่อย่างนั้นคงแย่แน่

เพชรน้ำค้างมอง และเมื่อนึกบางอย่างขึ้นได้

‘อ๋อ วาด แม่วาด ใช่คนที่พ่อเด็กนี่บอกว่าวันนี้จะไปอยู่ด้วยใช่หรือเปล่า’ อาการโคลงเคลงไม่เป็นอุปสรรคต่อการมองเป้าหมายและเก็บข้อมูล ขณะค่อยๆ ห่างออกมา ‘มิน่าล่ะ ก่อนนี้ตยาวดีถึงได้ร้องไห้ฟูมฟาย ก็เพราะเป็นเมียเอกแต่ดันถูกเมียรองจิกได้ มันก็น่าเสียใจอยู่หรอกนะ เฮ้อ ปวดหัว’

และยิ่งปวดหัวหนักขึ้นเมื่อเข้ามาถึงในห้อง เสื้อผ้าของเธอดูเหมือนเธอจะมีแค่จับปิ้งคู่ใจ จนต้องเข้าไปนั่งใกล้ๆ ตยาวดีที่กำลังหยิบผ้าออกมาวางไว้ข้างๆ เตรียมผลัดเปลี่ยนให้ตัวเอง ส่วนเธอจิตราก็ตามมาเช็ดตัวอย่างเบามือให้ไม่หยุด

อุษามันตราเอามือวางไว้บนเข่าของตยาวดี แหงนมองแม่และยิ้มตาใส ส่งเสียงเล็กๆ ออกไปว่า

“คุณแม่เจ้าข้า ลูกอยากใส่เสื้อเจ้าค่ะ ไม่เอาอันนี้” พร้อมกับชูสร้อยจับปิ้งให้ดู

ตยาวดีก้มมองอย่างไม่อยากเชื่อสายตา รอยยิ้มบนใบหน้าหวานซึ้งปรากฏแทนความหม่นเศร้าพร้อมกับเอามือปัดน้ำตาบนแก้ม หล่อนอุ้มร่างน้อยๆ นี้วางไว้บนตัก เกยคางไว้บนกลางกระหม่อมที่เปียกม่อลอกม่อแลกของลูกและโยกตัวไปมาดั่งเห่กล่อม น้ำเสียงขึ้นจมูกเอ่ย

“แม่มีผ้าอยู่หลายผืน เย็บปักเตรียมไว้ให้เจ้าแล้วอุษามันตรา แต่วันนี้อากาศร้อนอบอ้าว ใส่จับปิ้งจะดีกว่านะเจ้า”

เอาละหวา เธอจะใส่ไอ้เจ้าสามเหลี่ยมชิ้นเล็กรูปหัวใจเพียงชิ้นเดียวบนร่างกายได้ยังไงกัน ถึงมันจะสวย เป็นแฟชั่นคลายร้อนของเด็กสุดฮิตตามสมัยนิยม แถมยังฝังอัญมณีบ่งบอกฐานะ แต่เธอก็ไม่เอาด้วยหรอก เป็นตายร้ายดียังไงก็ต้องหาผ้านุ่ง ไม่ขอแก้ผ้าเด็ดขาด

เพชรน้ำค้างไม่พูดอะไร

“แม่นายตยาเจ้าข้า ให้แม่นายน้อยอุษาใส่เถิดเจ้าข้า ก่อนนี้เราก็กลัวว่าแม่นายน้อยอุษาจะไม่...” จิตราหยุดพูด เหลือบมองตยาวดีนิดหนึ่งเหมือนสื่อความหมายบางอย่างที่รู้กัน “จะอย่างไรเสีย แม่นายน้อยอุษาก็สดชื่นแจ่มใสผิดกับหลายวันที่ผ่านมานัก ผ้าที่เราเคยเย็บเคยตัด จักให้แม่นายน้อยใส่เสียแต่วันนี้ ก็ถือว่าเป็นฤกษ์ดีนักเจ้าข้า”

ตยาวดีหมุนร่างน้อยๆ บนตักเข้าหา จ้องหน้านิ่ง และค่อยๆ เผยรอยยิ้มนิดๆ ออกมา หันไปพูดกับจิตราว่า

“เช่นนั้นก็ได้เจ้าข้า พี่จิตรา”

แม้ว่าคำพูดนี้ดูเหมือนจะไม่มีอะไร แต่แววตาของตยาวดีฉายชัดถึงอารมณ์หลากหลาย ทั้งเศร้า ทั้งดีใจ ทั้งปีติยินดี และตื้นตัน ซึ่งเพชรน้ำค้างล้วนรับรู้ได้ทั้งสิ้น

‘สงสัยว่ามันต้องมีอะไรมากกว่าที่เห็นแน่ๆ’

และจากนั้น ปฏิบัติการหาเสื้อผ้าให้เธอใส่ก็เริ่มต้นขึ้น

- * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * -




หมายเหตุ.- ดึกๆ จะมาตอบคอมเม้นท์จากตอนที่แล้วจ้าาา



สุชาคริยา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 ธ.ค. 2555, 17:57:52 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 ธ.ค. 2555, 17:59:46 น.

จำนวนการเข้าชม : 2617





<< บทที่ 1   บทที่ 2 (ครึ่งหลัง) >>
แล่นแต๊ 19 ธ.ค. 2555, 18:09:57 น.
ติดตามค่ะ


ปิศาจสัญจร 19 ธ.ค. 2555, 18:54:33 น.
อีกครึ่งล่ะค้า


nunoi 19 ธ.ค. 2555, 19:22:14 น.
รออีกครึ่งหลังค่ะ


หนอนฮับ 19 ธ.ค. 2555, 19:35:27 น.
ดีอ้อยขาาาาาา...รีบมาต่อนะ หนุกๆ คร่าาาาาา ชอบๆ


แว่นใส 20 ธ.ค. 2555, 08:23:54 น.
น่ารัก น่าศึกษาจริง


ree 21 ธ.ค. 2555, 07:25:13 น.
น่าติดตามยิ่งขึ้นอีก


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account