พักตร์อสูร
ชีวิตปกติสุขของเธอต้องสิ้นสลาย เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองอยู่ในร่างของเด็กหญิงคนหนึ่ง โชคชะตาหรือเวรกรรม ทำให้มาโผล่ในสถานการณ์ผัว1เมีย6 แถมต้องสู้รบเพื่อเอาตัวให้รอดอีก “ขอชีวิตเก่าฉันคืนมาเถิด”
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ 2 (ครึ่งหลัง)




กลิ่นปลาย่างหอมฉุยทำให้เพชรน้ำค้างน้ำลายสอ ปกติเธอไม่ใช่คนตะกละหรือหิวง่าย แต่อาจเป็นเพราะว่าร่างกายของอุษามันตรา เธอจึงต้องมานั่งกลืนน้ำลายขณะบ่าวไพร่ยกสำรับขึ้นมาเรียงไว้ตรงเรือนชานโอ่โถงแห่งนี้

“เดี๋ยวฉันจะป้อนอุษามันตราเองเจ้าข้า พี่จิตรา”

ตยาวดีพูด เพชรน้ำค้างได้แต่มองตาแป๋ว ในใจนั้นเร่ง อยากให้รีบป้อนข้าวเร็วที่สุด เธอหิวจนจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว หรือถ้าไม่ป้อน จะให้กินเองก็ได้ การเปิบข้าวด้วยมือนั้นคงไม่ยากเกินไปนักหรอก

อาการจ้องแบบใจจดใจจ่อสร้างรอยยิ้มให้คนเป็นแม่ได้ในทันที ตยาวดีรีบฉีกเนื้อปลา จับคู่กับข้าว แล้วป้อนเข้าปากอุษามันตราอย่างพอดีคำ

‘อืม... ช่างเป็นข้าวกับปลาย่างอร่อยที่สุดในโลก ข้าวซ้อมมือนี่ก็หอมมาก เคี้ยวหนุบหนับอร่อยจริงๆ’

ไม่น่าเชื่อว่าแค่ของกินง่ายๆ จะทำให้รู้สึกเหมือนได้ขึ้นสวรรค์ เพชรน้ำค้างไม่สนท่าทางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ของจิตราและตยาวดี เพราะตอนนี้เธอสนแต่ข้าวในชามตรงหน้าและเพิ่มเป็นชามที่สองในเวลาไม่นาน ส่วนปลาก็เกือบจะหมดตัว

“แม่นายน้อยอุษากินเก่งเหลือเกินเจ้าข้า จิตราดีใจนัก เห็นแบบนี้คงหมดเคราะห์หมดโศก หมดโรค หมดภัยจริงๆ เสียทีนะเจ้าข้าแม่นายตยา เจ็บออดๆ แอดๆ นับแต่เกิดครบสามขวบปีวันนี้ พระคุณเจ้าท่านทำนายไว้แม่นนัก ว่าหากครบสามขวบปีไม่หายไข้ ก็จักหมดบุญ แต่ถ้าหายไข้ ถือว่าเกิดใหม่ ได้เป็นที่พึ่งที่หวังของแม่แลตระกูลเลยเทียว”

เพชรน้ำค้างหันขวับ นี่เธอฟังอะไรผิดไปหรือเปล่า “สามขวบ เกิดใหม่ อะไรเจ้าข้า คุณป้าจิตรา”

“โถๆๆๆ แม่นายน้อยอุษาเจ้าข้า เรียกแค่ป้าจิตรา...ก็นับว่าเป็นบุญของอีแก่นี่นักแล้วเจ้าข้า อย่าได้เรียกคุณเลย ก็วันนี้นะเจ้าข้า แม่นายน้อยอุษาของจิตราครบสามขวบปีพอดิบพอดี ขึ้นสิบห้าค่ำ เดือนอ้าย ยามบ่ายเจ้าข้า”

เอาละเหวย อาหารอร่อยๆ ที่กินมาเหมือนจะติดคอ หวังว่ามันจะเป็นแค่ความบังเอิญนะ แต่จิตราก็ยังใจดี อธิบายเพิ่มว่า

“ครั้นพอเลยเวลาเกิด แม่น้อยน้อยอุษาที่นอนไม่มีเรี่ยวแรงมานาน ก็ลุกนั่งได้ พูดจารึก็ฉะฉาน เฉลียวฉลาด ฉอเลาะน่าฟังเช่นยามนี้อย่างไรละเจ้าเข้า จิตรานี่ดีใจนัก เหตุเมื่อครู่ก็ทำจิตราแทบจะตายตาม พอเห็นแม่นายน้อยอุษาพ้นน้ำ ก็เหมือนปาฏิหาริย์นักเจ้าข้า แม่นายน้อยอุษาของบ่าว”

แล้วจิตราก็เอาหน้ามาแนบหลังเท้าน้อยๆ อย่างรัก หวงแหง และเทิดทูน เพชรน้ำค้างได้แต่นิ่ง จิตราหันไปพูดน้ำตาคลอกับตยาวดีเหมือนหาพวก

“นะเจ้าข้า แม่นายตยา”

ตยาวดีพยักหน้ารับ น้ำตาคลอเช่นกัน

‘รีบตื่นเถอะน้ำค้าง รีบตื่นเถอะ เพราะหากเป็นอย่างจิตราว่า ความซวยมาเยือนแกแน่ๆ’

เพชรน้ำค้างรีบยกน้ำในขันมาดื่ม แต่ไม่ค่อยได้อย่างใจ เพราะมันหนักเสียจนน้ำกระฉอกออกมา เธอสำลัก ตยาวดีช่วยถือ สายตาเปี่ยมไปด้วยความรักยังมีอยู่เต็มเปี่ยม ฝ่ามือนั้นลูบหลังให้เบาๆ

“อุษามันตรา เจ้าเป็นหญิง จงดื่มแต่น้อย แต่เจ้ากินได้ แม่ก็ดีใจยิ่งนัก”

เพชรน้ำค้างได้แต่จ้องมอง ในใจอยากตะโกนให้ดังก้องว่าเธอไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว ข้อมูลหลายอย่างแม้ไม่ปะติดปะต่อ แต่ก็พอจับใจความได้ ถึงแม้ว่าจิตราจะพูดกับเธอเหมือนคุยกับเด็กทั่วไป แต่ก็มากพอสำหรับความเข้าใจเป็นอย่างดี จะเหลือให้สงสัยก็เพียงว่าเธอมาอยู่ที่นี่ทำไมและมาได้อย่างไร

‘ไม่เอาเหตุการณ์สลับร่างกับใครนะ ฉันอยากกลับบ้าน’

ทว่ายังไม่ทันคิดได้จบ

“อุษามันตราตกน้ำรึตยาวดี น้องเจ้าปล่อยให้ลูกตกน้ำไปได้อย่างไรกัน”

เพชรน้ำค้างหันไปมองเจ้าของเสียงที่ขัดจังหวะการอุทธรณ์ของเธอ ท่านโชติระเส พ่อของอุษามันตรานั่นเอง น้ำเสียงนุ่มนวลแฝงการให้เกียรติช่างไม่เข้ากับท่าทางขึงขังและสีหน้ากังวลขณะเดินเข้ามาหาเธอสักนิด เขามาลูบที่แขนที่หัว เพชรน้ำค้างเบี่ยงหลบ ขยับเข้าไปชิดตยาวดีทันที

“อย่ากลัวพ่อเลย ลูกเอ๋ย พ่อเป็นห่วงเจ้านักอุษามันตรา บ่าวมันไปบอกพ่อที่เรือนแม่วาด พ่อจึงรีบมาดู นี่แม่ของเจ้าดูแลเจ้าอย่างไร จึงตกน้ำตกท่าได้ ถึงพ่อมิได้ดูเจ้าเช้าค่ำ แต่พ่อก็ห่วงเจ้านัก จะอย่างไร เจ้าก็เป็นลูกของพ่อ”

พูดจบ นายช่างโชติระเสก็หันไปมองตยาวดีที่กำลังก้มหน้าลง เขาไม่กล่าวคำใดออกมาอีก เพชรน้ำค้างไม่รู้ว่าตัวเองตาฝาดไปหรือเปล่า ที่เห็นแววตาของตยาวดีมีความน้อยใจเต็มเปี่ยม น้ำตาของหล่อนคลอเบ้า

“อิฉันไม่ระวังเองเจ้าข้านายท่าน แม่นายน้อยอุษาจึงตกน้ำตกท่า ขอนายท่านยกโทษให้อิฉันด้วยเถิด แม่นายตยาไม่เกี่ยวด้วยเลยเจ้าข้า”

“ข้าพูดกับลูกของข้า”

จิตราหน้าเสีย ก้มหน้าลง และขยับห่างออกไปทันใด

โชติระเสยังไม่ละสายตาไปจากตยาวดีที่ยังก้มหน้าเอาไว้แม้อ้างว่าคุยกับเธอ แต่กิริยาทุกอย่างที่เห็นมันล้วนตรงกันข้ามหมด เขามองตยาวดีเหมือนจะลงโทษ น้ำเสียงนุ่มนวลยามพูดจาผิดกันลิบลับกับสายตาไม่พอใจ นี่เธอคงดูถูกหนุ่มสาวแถวนี้ไม่ได้เสียแล้ว เพราะดูไป วุฒิภาวะของแต่ละคนมีมากทีเดียว อาจมากกว่าเธอเสียด้วยซ้ำ

ตยาวดีขยับตัว กราบเท้าของนายช่างโชติระเสซึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ข้างๆ เธอ

“น้องกราบขอโทษคุณพี่ ต่อไปจะมิให้เกิดเหตุเช่นนี้อีกเจ้าข้า”

เธอพูดอะไรไม่ถูก นี่มันสังคมอะไรกัน ไม่เข้าใจหรือไงว่ามันเป็นอุบัติเหตุ ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่โชติระเสก็ไม่พูดอะไร ใบหน้าหล่อเหลาคมคายเชิดขึ้นเล็กน้อยเหมือนไม่ยอมรับการขอโทษครั้งนี้ เขาหันมาหาเธอ

“อุษามันตราลูกพ่อ ใครหาผ้ามาห่มกายเจ้าเช่นนี้ อากาศก็ร้อนนัก ยังเจ้าจับนุ่งผ้า ประหลาดแท้”

นั่นก็เพราะเธอนุ่งโจงกระเบนใส่เสื้อคอกระเช้าประดับระบายน่ารักฝีมือประณีตของตยาวดี แม้จะหลวมไปบ้างแต่ก็สวมใส่สบาย แต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายอารมณ์ไม่ค่อยดี เธอจึงยิ้มให้ พูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน ขยับเข้าไปเกาะต้นขา ทิ้งอารมณ์ไม่สนิทใจออกไปก่อน เพราะคงต้องหาทางเอาตัวรอดให้แม่ในโลกใหม่ นางพี่เลี้ยง และรวมถึงตัวเธอด้วย

“ลูกไม่อยากแก้ผ้าเจ้าข้าคุณพ่อ”

คนถูกเรียกว่าคุณพ่อเลิกคิ้วขึ้น หน้าผากย่นเข้าหากัน ก่อนจะหันไปมองตยาวดีและจิตราเหมือนจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น

“นับแต่บ่ายที่ลูกตื่น อุษามันตราก็พูดจารู้เรื่องเช่นเด็กเรือนอื่นเจ้าข้าคุณพี่” ตยาวดีรายงาน มองโชติระเสเป็นระยะและก้มหน้าเอาไว้อีกครั้ง

“ฉอเลาะ ฉะฉาน ดูเฉลียวฉลาดมากเจ้าข้านายท่าน” จิตราเสริม

โชติระเสไม่ยอมพูดกับทั้งสอง แต่หันมาจ้องมองเธอเหมือนกำลังค้นหาอะไรบางอย่าง

‘นี่เขาอายุยี่สิบจริงหรือเปล่าเนี่ย ท่าทางที่เห็นไม่สมอายุสักนิด เห็นนิ่งๆ แต่พอจะเอาเรื่อง แค่สายตาก็ทำให้คนมองขนลุกได้’

เพชรน้ำค้างรู้สึกว่ามีเหงื่อผุดขึ้นเต็มหลัง แต่ก็ยังส่งยิ้มสดใส พูดออกไปว่า

“วันนี้ลูกอยากพูดแล้วเจ้าข้า คุณพ่อ”

หวังว่านี่คงจะตอบคำถามของชายหนุ่มตรงหน้าได้ในระดับหนึ่ง เพราะหากพูดอะไรมากไป เขาก็อาจสงสัยได้อีก โชติระเสเอาหลังมืออังหน้าผากของเธอ ไล่จับไปตามแขนและเนื้อตัว สายตามองหาความผิดปกติไม่หยุด

“คงเป็นดังที่พระคุณเจ้าท่านว่าเจ้าข้านายท่าน แม่นายน้อยอุษาจึงแข็งแรงเมื่อพ้นฤกษ์มฤต ”

จิตราอธิบาย โชติระเสจ้องเธอนิ่ง แล้วถอนหายใจ เขาประคองสองไหล่ของเธอให้ลุกขึ้นยืนแล้วดึงให้เข้าไปหา เธอเกร็งนิดๆ แต่ก็ไม่ขัดขืน เขาสวมกอด แล้วถอนหายใจออกมาอีกครั้งหนึ่ง ฝ่ามือใหญ่สากระคายลูบศีรษะแผ่วเบา

“ขอให้อุษามันตราของพ่อ จงอายุมั่นขวัญยืนนะลูกเอ๋ย”

“...”

คำพูดนี้เหมือนมีอะไรมาจุกอยู่ตรงลำคอของเธอ ความตื้นตันทำให้น้ำตาเอ่อ คำพูดนี้ทำให้หวั่นไหว ความว้าเหว่ หวาดกลัว คิดถึงพ่อกับแม่ส่งผ่านให้ค่อยๆ กอดอีกฝ่ายตามสภาพเอื้ออำนวย

สายสัมพันธ์ทางร่างกายทำให้เปิดใจรับชายคนนี้ ตยาวดี และจิตราได้ในระดับหนึ่ง ความรู้สึกลึกๆ ที่บอกให้รู้เสมอว่าเขาก็คือพ่อเช่นกัน เหมือนจะเป็นหลักยึดในยามที่เธอโดดเดี่ยว

‘พ่อขา... แม่ขา... น้ำค้างอยากกลับบ้าน’

“ให้บ่าวยกสำหรับของข้าขึ้นมาเรือนใหญ่”

ตยาวดีและจิตรามองหน้ากัน สีหน้านั้นดูตกตะลึง จิตราตั้งสติได้ก่อน จึงหันไปสั่งบ่าวรีบไปทำตามที่นายท่านสั่ง

และหลังจากทานข้าวโดยไม่มีเสียงพูดคุยได้ผ่านพ้นไป นายช่างโชติระเสก็ลงจากเรือน เพชรน้ำค้างสังเกตว่าเขาไม่คุยกับตยาวดีเลย และไม่ได้ค้างบนเรือนนี้เช่นกัน

ดูเหมือนว่าครอบครัวนี้จะมีอะไรแปลกประหลาดไม่ธรรมดา ผู้คนก็วางตัวกันแปลกๆ แต่เพชรน้ำค้างไม่อยากสนใจมากนัก เพราะส่วนลึกหวังไว้เพียงเธอจะตื่นและกลับไปหาพ่อกับแม่โดยเร็ว

ทว่าบัดนั้นจนบัดนี้ ที่ตะวันลับฟ้าและความมืดโรยตัว เพชรน้ำค้างก็ยังไม่ได้ไปไหน เธอยังอยู่บนเรือนหลังนี้และนอนไม่หลับ คงเป็นเพราะความไม่คุ้นเคยในหลายๆ อย่าง

ตอนนี้เธอได้แต่มองดวงดาว ดาวบนท้องฟ้าของที่นี่มีตำแหน่งคล้ายกับที่ที่จากมา เว้นเสียแต่ว่าเห็นได้ชัดเจนแม้จะเป็นวันพระจันทร์เต็มดวง สายลมเย็นพัดผ่าน เพชรน้ำค้างสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าไปเต็มปอด แต่นั่นก็แฝงมาด้วยการให้กำลังใจตัวเองว่าเธอจะผ่านมันไปได้

ร่างเล็กๆ ก้าวมายังเตียงนอนอย่างคล่องแคล่วผิดกับเด็กวัยเดียวกัน เตียงนี่สูงพอสมควรหรือที่จริงต้องโทษร่างนี้มากกว่าที่ยังเด็กและเตี้ยเกินไป ก็ตอนขาลงน่ะ ลงง่าย แต่ตอนขาขึ้นนี่สิ ไม่ได้ง่ายสักนิด เธอเดินไปดึงโต๊ะตัวเตี้ยสำหรับวางเครื่องประทินโฉมเข้ามาใกล้ๆ แต่มันก็ขยับไม่ออก

‘เบื่อร่างนี้จริงๆ’

นึกไปก็ถอนใจไป แสงสว่างจากคืนเดือนเพ็ญช่วยให้เธอทำอะไรง่ายขึ้นแต่ก็ติดที่กำลัง ครั้นลองโหนตัวขึ้นไปบนเตียงอีกครั้ง ร่างกายก็ไม่แข็งแรงอย่างใจคิด

‘สงสัยต่อไปนี้ต้องหาทางออกกำลังกายให้ได้’

และสุดท้าย

“คุณแม่เจ้าข้า”

เธอเรียกตยาวดี หล่อนงัวเงียอุ้มร่างเล็กๆ นี้ขึ้นมา ไม่อยากจะบอกว่าที่นอนนี่แข็งชะมัด หมอนก็ไม่รู้ว่าเอาอะไรยัดเข้าไป เพชรน้ำค้างจึงหนุนแขนแม่ในโลกใหม่เพราะนุ่มนิ่มที่สุดและอบอุ่นกับอ้อมกอดนี้ที่สุด

“ขอให้ทุกสิ่งที่เจอในวันนี้ เป็นเพียงแค่ฝันไป”

เพชรน้ำค้างพูดเบาๆ กับตัวเอง ตยาวดีขยับกอดเธอแน่นนิดหนึ่ง บอกให้ได้ยินว่า

“แม่รักลูก อุษามันตรา”

- * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * -






สุชาคริยา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 ธ.ค. 2555, 11:16:28 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 ธ.ค. 2555, 21:11:51 น.

จำนวนการเข้าชม : 2562





<< บทที่ 2 (ครึ่งแรก)   บทที่ 3 >>
สุชาคริยา 22 ธ.ค. 2555, 11:21:25 น.

ตอบคอมเม้นท์จากตอนที่แล้ว / บทที่ 2 (ครึ่งแรก) จ้า

คุณแล่นแต๊ = ขอบพระคุณค่ะ ดีใจที่ติดตามด้วยจ้า

คุณปิศาจสัญจร = วันนี้มาอัพครึ่งที่เหลือให้แล้วจ้า

คุณ nunoi = ขอบพระคุณจ้า วันนี้มาอัพครึ่งหลงแล้วนะคะ ^^

คุณหนอนฮับ = มาต่อแล้วจ้าน้องหนอน จุ๊บๆ

คุณแว่นใส = น่ารักน่าศึกษา หรือว่าน่ารักน่าสงสารคะ ถ้าน่ารักน่าศึกษา อันนี้เราก็ต้องมาเรียนและศึกษาโลกใหม่พร้อมๆ กับเพชรน้ำค้าง แต่ถ้าน่ารักน่าสงสาร ก็ต้องบอกว่างานนี้ งานเข้านางเอกเราเต็มๆ ค่ะ

คุณ ree = ขอบพระคุณจ้า o^,^o



หนอนฮับ 22 ธ.ค. 2555, 11:38:07 น.
มาแล้วค่าาาาาาา....


ree 22 ธ.ค. 2555, 12:04:18 น.
เพชรน้ำค้างจะเป็นโซ่ทองคล้องใจแก้ปัญหาครองครัวนี้ซะละมั้ง


สุชาคริยา 22 ธ.ค. 2555, 14:41:25 น.

หนอนฮับ = จุ๊บๆๆ

ree = อาจจะมีอะไรมากกว่านั้นก็ได้นะคะ ^^


แล่นแต๊ 22 ธ.ค. 2555, 14:52:34 น.
ใครเป็นพระเอก จะมีพระเอกมั๊ยคะเรื่องนี้


แว่นใส 22 ธ.ค. 2555, 15:28:34 น.
คงได้อยู่ที่นี่แน่ๆเลย


konhin 23 ธ.ค. 2555, 03:42:27 น.
โอ้ เผชิญโลกใหม่ พึ่งได้ตามมาอ่านค่ะ เรื่องนี้จะได้อ่านจนนางเอกโตอีกรอบใช่ป่ะคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account