เจ้าสาวพันธุ์สืบ
ปลื้ม---สาวเจ้าตัวดีที่มีนิสัย ซื่อ ทื่อ และโกง
ปลาย--น้องชาย ซึ่งกลายเป็นน้องสาวเธอช่างเป็นคนแสนดี
สองพี่น้องเป็นนางสาวสัปเหร่ออันเลื่อชื่อ ที่บรรดาผีผีรุมขอความเป็นธรรมกันเป็นแถวทีเดียว
คิมหันต์---บุรุษหนุ่มมาดเนี้ยบเจ้าของธุรกิจพันล้าน ผุ้มีเบื้องหลัง ต้องมาเป็นเจ้าบ่าวของนางสาวสัปเหร่ออย่างปลื้ม
วสันต์---หนุ่มหล่อซึ่งเป้นผีที่กลัวผีที่สุด และช่างน่าสงสารที่เขาหลงรักนางสาวทื่อ บื้อ อย่างปลื้มได้ลงคอ
เหมันต์---หนุ่มน้องคนสุดท้องที่ไม่ไว้ใจคนในครอบครัว และไม่ไว้ใจพี่สะใภ้ แต่เขากลับมาแอบรัก นาย...สาว ปลาย ซึ่งทุ่มหัวใจไปรักผีน่าสงสารเสียดาย
เรื่องราววุ่นวาย และสุดรักสุดหวงของ นางแก้ว ได้นำมาลงให้อ่านกันแล้วจ้ะ
ปลาย--น้องชาย ซึ่งกลายเป็นน้องสาวเธอช่างเป็นคนแสนดี
สองพี่น้องเป็นนางสาวสัปเหร่ออันเลื่อชื่อ ที่บรรดาผีผีรุมขอความเป็นธรรมกันเป็นแถวทีเดียว
คิมหันต์---บุรุษหนุ่มมาดเนี้ยบเจ้าของธุรกิจพันล้าน ผุ้มีเบื้องหลัง ต้องมาเป็นเจ้าบ่าวของนางสาวสัปเหร่ออย่างปลื้ม
วสันต์---หนุ่มหล่อซึ่งเป้นผีที่กลัวผีที่สุด และช่างน่าสงสารที่เขาหลงรักนางสาวทื่อ บื้อ อย่างปลื้มได้ลงคอ
เหมันต์---หนุ่มน้องคนสุดท้องที่ไม่ไว้ใจคนในครอบครัว และไม่ไว้ใจพี่สะใภ้ แต่เขากลับมาแอบรัก นาย...สาว ปลาย ซึ่งทุ่มหัวใจไปรักผีน่าสงสารเสียดาย
เรื่องราววุ่นวาย และสุดรักสุดหวงของ นางแก้ว ได้นำมาลงให้อ่านกันแล้วจ้ะ
Tags: คน ช่วย ผี
ตอน: ความในใจของพ่อ
“อั๊วไม่ปาย จนกว่าจะล่ายพบอาลูกซาใภ้”เจ้าสัวออกฤทธิ์ดื้อ
วิญญาณซึ่งปรากฏร่างกายที่สมบูรณ์เหมือนก่อนตาย ไม่ใช่ซากร่างผอมแกร็น ทำท่ากอดอกทำตัวลอยเหนือพื้น ผีหัวขาดเลยโยนหัวผีเข้าใส่ อย่างที่เคยหลอนผีตัวอื่นมาได้ แต่มาทำเช่นนี้กับเจ้าสัว แทนที่จะกลัว เจ้าสัวกลับดีดหัวขาดคืนให้เจ้าของด้วยส้นเท้า โดนหัวขาดเหมาะเหม็ง แรงดีดส่งหัวลอยละลิ่วกลับไปอีกที่ ร่างไร้หัวเดินขว้างตามไปรับหัวตัวเอง แม้สายตาจะเห็น แต่ร่างไม่มีตาพาลลอยเหนือพื้นไปเรื่อย ทำให้ศีรษะนั้นจะร่วงหล่นลงพื้น ซึ่งถ้าปลื้มไม่ใช่ ‘คนเห็นผี’ ปลื้มจะไม่ลืมตัวโผเข้าไปรับเอาไว้ แต่เพราะเธอมีร่างกายเป็นคนเธอจึงสะดุดบางอย่างล้มถลาไปข้างหน้า ล้มโครมกระแทกกับกระถางดอกไม้ ซึ่งปลูกเรียงรายอยู่เป็นแนวข้างโอ่งล้างเท้า
โครม
เพล้ง
วสันต์พุ่งไปรับร่างคนสวยได้รวดเร็วดังใจคิด หากว่า ร่างของเขาทะลุร่างของปลื้มได้อีก ปลื้มเอ็ดอีกครั้ง
“นี่ เลิกทำอย่างนั้นได้มั้ย เข้าที ออกที ปลื้มเสียวแปล๊บๆรู้มั้ย”
“ก็…”วสันต์อยากบอกว่าเขาเป็นห่วง แต่อดหวามในวิญญาณเสียไม่ได้เมื่อได้ยินคำว่าเสียว
เสียงครึกโครมจากข้างล่าง ส่งผลให้ปลายรีบชะโงกหน้าต่างห้องออกมาดู แสงไฟสลัวจากหน้าชานเรือนทำให้เห็นพี่สาว นอนเค้เก้ แต่ก็ลุกพรวดขึ้นนั่ง หันไปดุสิ่งที่ปลายไม่เห็น เธอจึงร้องถามพี่สาวลงมาว่า
“เป็นอะไรหรือเปล่าปลื้ม”
“ไม่เป็นอะไรหรอก แล้วคุณปรัชล่ะ ป่านนี้ออกจากห้องหรือยัง”สาวปลื้มพาดพิงไปถึงบิดา ปลายจึงผลุบไปตามผู้ให้กำเนิดด้วยความเป็นห่วง ส่วนปลื้มโยนหัวผีใส่ร่างเจ้าของเต็มแรง อีกฝ่ายโดนหัวตัวเองพุ่งชนจึงล้มหงายท้อง เมื่อหัวกลับที่แล้วจึงกรากเข้าไปเอาเรื่องผีต่างถิ่นทันที
“หน็อย หน็อย แก่แล้วซ่า มาเลย แน่จริงเข้ามา”
“อั๊วแน่อยู่เลี้ยว” กล่าวตอบโต้แล้วเจ้าสัวถลันเข้ามาจะเข้าบ้าน ทันใดนั้น แสงสว่างจากศาลตายายเจ้าที่พุ่งวาบมาจากศาลทั้งสองตายายเจ้าที่
ทั้งสองมีอาการลังเลกันอยู่บ่อยครั้ง ตาและยายเจ้าที่อยู่ประจำบ้านนี้แต่เสียหน้าหลายครั้งเพราะท่านออกมาไล่วิญญาณอื่นตามหน้าที่ ที่ต้องปกปักรักษาพื้นที่นั้นๆ แต่เจ้าของจอมวุ่นชอบชวนผีเข้าไปอยู่ด้วย และเวลานี้พวกท่านจึงหยั่งเชิง ว่าเจ้าของจะเชิญหรือจะไล่ เพราะนับแต่ปลื้มออดอ้อนพ่อปรับขอเป็นเจ้าของบ้าน และพ่อปรัชอนุญาต และให้ทำพิธี ประกาศตัวที่กลางบ้านว่าเป็นเจ้าของ ซึ่งเป็นพิธีเก่าแก่โบราณกาล ซึ่งจะทำให้ผี หรือวิญญาณกริ่งเกรง(ตามตำรานี้ครูจะไม่บอกกล่าวกับศิษย์ที่ไม่รัก เพราะถือว่าเป็นสุดยอดของตำราอย่างหนึ่ง)
ปลื้มยืนมองเฉย ส่วนวสันต์ขยับจะทักทายผู้ให้กำเนิดอย่างดีใจ
“เตี่ย เตี่ยครับ”
“อาว้า”
เจ้าสัว มองตามเสียงเรียก พอเห็นร่างใสเกินมนุษย์ ท่านใจหาย รู้ทันที่ว่าลูกตายแล้ว เจ้าสัวลิ้มถลันล้ำจะกระโดดข้ามรั้ว แต่เจ้าที่ทั้งสองชี้มือไปที่ร่างผู้พยายามบุกรุก ทันใด ประกายไฟติดแขนเสื้อเจ้าสัวจอมซ่า เจ้าสัวร้อนยิ่งกว่าโดนยันต์บนหน้ากระโปรงรถ ร้องพลางดับไฟที่ลุกไหม้อยู่เพียงแขนแห่งเดียว
“ไอ๊หย่า ไอ๊หย่าร้อน ร้อน ร้อนโว้ย” เจ้าสัวร้องลั่น ปัดไฟไปมา แล้วหันไปชี้หน้ายายเจ้าที่ ตาเจ้าที่
“ พวกลื้อทำอารายว้า อั๊วจะไปหา ลูก หาอาลูกซาไภ้ของอั๊ว”
“เตี่ย” วสันต์ร้องเรียกอีกฝ่าย เจ้าสัวจึงได้เห็นลูกชาย ท่านตาเหลือกค้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นร่างบางใสของอีกฝ่ายมายืนเยื้องร่างของสาวที่เจ้าสัวเรียก อาสะไภ้
“อาว้า มาทำราย ไอ๊หย่า ร้อน ร้อนชิงชิง”
วสันต์ไม่ตอบ แต่ออกไปช่วยดับไฟให้บิดา ซึ่งไฟประหลาดนั้นทำให้เขาร้อนจนมือพองทันตา เขายกมือขึ้นเป่าให้หายแสบ เจ้าสัวร้องเรียกสาวปลื้ม
“อาสะใภ้ ลื้อไม่เห็งหรืองาย อั๊วโดนรังแก”
“เห็ง เอ๊ยเห็นสิอาแปะ”
“เลี้ยวทามมายลื้อไม่ห้าม โอ๊ย ร้อนชิกชิก” เจ้าสัวร้อนมากเข้าก็วิ่งหนีไฟ แต่ไฟติดตัว หมาหอนเสียงยาววสันต์สงสารบิดามากจึงเอ่ยปากกับสาวสวยซึ่งมีนิสัยไม่ค่อยสวยเสียแล้ว
“คุณช่วยเตี่ยผมได้ใช่มั้ยคุณปลื้ม”
“เตี่ยคุณแกล้งปลื้มก่อนนี่ โดนซะบ้างจะได้รู้ว่าความอายมันเป็นยังไง”
“แสบปะร้อนมากอย่างนี้จะเหมือนกับความอายได้ยังไง”
“ไอ๊หย่า ไอ๊หย่า” เจ้าสัวลงนั่งแปะกับพื้น แถกเป็นเด็กไม่ได้ดังใจ วสันต์เข้าไปประคองบิดา แต่ความร้อนที่ไม่ธรรมดาทำให้เขาเข้าใกล้ไม่ได้ ปลื้มเอ่ยกับยายเจ้าที่ว่า
“ยายจ๋ายาย สั่งสอนพอแล้วจ้ะ ให้อาแปะเขารู้ซะบ้างว่า ตัวเองไม่ใช่ผู้ยิ่งใหญ่ไปทุกที่”
“แต่อั๊วมีเงินเป็นพังๆล้าง”
“นั่นละมันพังพังไปแล้ว”ปลื้มย้อนสำเนียงเจ้าสัว ด้วยความหมายไม่เหมือนกัน
“ตายไปแล้วเอามาได้สักบาทหรือเปล่าอาแปะ”
“ชีช้ำน่อ”เจ้าสัวรำพัน นอกจากเอาสมบัติมาไม่ได้ ยังเข้าบ้านที่เคยเป้นของตนเองไม่ได้อีก
ส่วนยายเจ้าที่เป่าไปที่ร่างเจ้าสัวพรวดเดียว ไฟดับฉับพลัน อาการร้อนหายเป็นปลิดทิ้ง เมื่อหายร้อน เจ้าสัวก็หันไปถามลูกชายให้คลายสงสัยเป็นอันดับแรก
“อาว้า ลื้อตายเลี้ยวล่ายยางงาย ลื้ออยู่เมืองนอก”
“ผมกลับมาเมืองไทย ไม่ทันได้พบใครสักคนครับเตี่ย”
“แล้วใครฆ่าลื้อ ร่างของลื้ออยู่ที่ไหน”
“ไม่ทราบครับ ผมเดินมาเรื่อยๆจนถึงที่นี่ครับ ไม่รู้เหมือนกันว่าใครฆ่า ไม่รู้ด้วยว่าร่างผมอยู่ที่ไหน แล้วเตี่ยละครับ หายไปตั้งห้าปี”
“เตี่ยไม่รู้เหมือนกังว่าใครทามอาราย รู้แต่ว่ามันหนัก พอหนักล่ายสักพักเลียว เตี่ยก็มืดอยู่ในหลุม ไม่ล่ายปายไหน”สองพ่อลูกบอกเล่าตามความจำที่พอจำกันได้
สาวปลื้มทำไม่สนใจทั้งสองวิญญาณ จากนั้นทำท่าจะผละหนี แต่เจ้าสัวลิ้มสำแดงเดชด้วยการถลันจะเข้าบ้าน ไปหาอีกฝ่าย แต่พื้นที่ที่จะข้าม เป็นแนวไฟตลอดเขต ไม่สามารถล่วงล้ำเข้าไปได้ ปลื้มเห็นความเอาแต่ใจของเจ้าสัวแล้วพาลไปที่ลูกชายคนโตเพราะคลับคล้ายกันไม่น้อยทางด้านการแสดงออกว่าไม่สนใจว่าอยู่ในสถานภาพใด จึงอดปากไม่อยู่
“เอ้าเจ้าของไม่อนุญาตยังจะเข้าให้ได้อีกแน่ะ นี่ไม่รู้เรื่องนี้จริงๆหรือแกล้ง ถ้าแกล้งจะได้ขอให้ยายเขาจุดไฟอีกรอบ”
“ไอ๊หย่า” เจ้าสัวชักขยาด ‘อาลูกซาไภ้’ “ลื้อลูมีคุณธรรมสูงส่ง แต่ทามมายลื้อกลายเป็นมาเฟียผีไปล่าย”
“สะใภ้ เอ๊ย ปลื้มไม่ใช่มาเฟียสักหน่อย” สาวสวยปฏิเสธไม่เต็มเสียง ทั้งที่ใช้ผีทำเรื่องผลประโยชน์ของตนเองบ่อยๆ “ อาแปะมาเหมาปลื้มเป็นสะใภ้ได้ไง ลูกชายอาแปะไม่น่ารักสักนิด”
“คนตายไม่น่ารัก แต่อั๊วเห็งลื้อมองอาคิมแล้วรู้น่าว่าลื้อชอบลูกอั๊ว”
“ทำรู้มาก ยืนตรงนั้นจนถึงเช้าเลยก็แล้วกัน”กล่าวจบทำท่าจะเดินขึ้นบันได เจ้าสัวรีบง้อทันที
“เอ้า เอ้า อย่าเพิ่งไปซี่ นี่อั๊วมาขอความช่วยเหลือจากลื้อนะอาลูกซาไภ้”
“จะอยู่ที่นี่หรือไงอาแปะ”ปลื้มย้อนถาม
ผีกี่ตัวๆ ถ้าลองได้เจรจากับเธอเมื่อไหร่บ้านนี้ยิ่งแคบลงทุกที รู้กันทั่วว่าได้ชื่อว่าบ้านผีสิง ซึ่งมีผีตายโหงทุกประเภท และคนธรรมดาไม่มีทางอยู่ได้แน่ เพราะผีก็คือผี เชื่อกันไม่ค่อยได้ นิสัยชอบหลอก ชอบลองดี หรือแม้แต่ช่างขอ หากไม่ให้ ก็จะสำแดงเดช หากว่า ผีที่อยู่บ้านหลังนี้ กลัวเดชสาวปลื้มมากกว่า เพราะเจ้าตัวดีมีดรีกรีเรื่องชอบใช้ผีอยู่เสมอ เมื่อไม่ได้ดังใจ มีขู่และเอาจริงจับถ่วงหม้อ หรือหลอกให้อาบแดดได้อยู่บ่อยๆ แม้แต่ขโมยยังไม่กล้าแม้จะเดินผ่านหน้าบ้านหลังนี้ ซึ่งมีเพียงรั้วต้นไม้ชาดัดเท่านั้นไม่ใช่รั้วไม้หรือรั้วลวดหนาม
“ม่ายช่าย อ้า ช่ายก็ล่าย”อาแปะรีบเปลี่ยนคำพูด เมื่อได้คิดว่าอีกฝ่ายคงไม่ตกลงโดยง่าย ถ้าจะชวนไปแต่งงานกับลูกชายของตนเอง
“ถ้าอาแปะเดือดร้อนก็มาอยู่ที่นี่ก่อนก็ได้ ปลื้มจะได้ทำบุญให้กินทุกเช้า ทุกคืน”
“กลางคืนทำบุญล่ายล่วย”
“แหม…”ปลื้มลากเสียงยาว “เก่งเรื่องหาเงิน แต่ไม่เก่งเรื่องใกล้ตัวเลยนะ มิน่าถึงได้ติดอยู่กับร่างใต้ดินตั้งห้าปีไปส่งข่าวให้ใครรู้ก็ไม่ได้”
“เลี้ยวตกลงทำบุญเย็นมันเป็งงายงาย”
“ตอนเย็นก็สวดมนต์ กรวดน้ำให้คนตาย ที่มีแรงกรรมน้อยได้มารับส่วนบุญกุศล ผีในบ้านนี้แรงกรรมน้อย แม้จะตายโหงทุกตัว แต่ก่อนตายทำดีไว้มาก ถึงได้วนเวียนมาเจอกัน”
“บุพเพสันนิวาสครับเตี่ย”วสันต์สอดคำ แต่บิดาผู้ให้กำเนิดส่ายหน้า ด้วยความเห็นใจ กระซิบเบา แต่ไม่พ้นคนหูดี
“ให้เฮียคิมมันไปเถอะอาว้า ยังไงพวกเขาก็อยู่ภพเลียวกัง”
“อาแปะจะเข้ามาก็เข้านะ ปลื้มจะไปอาบน้ำแล้วจะนอนเสียที”
“ล่ายๆ”เจ้าสัวรีบรับคำ จากนั้นก้าวเดินเข้าบ้าน แต่ท่าทีไม่ค่อยไว้ใจ จึงทำท่าก้าวเข้า แล้วชัดเท้าออก แต่เมื่อแน่ใจว่าเข้ามาได้แล้วจึงเดินเข้ามาทันที วสันต์ตามเข้ามาพร้อมบิดา
เจ้าสัวเดินรี่เข้าไปจะสำรวจบ้าน แต่โดนมือน้าผีสะกิด เจ้าสัวหันมามอง น้าผียกหัวขาดขึ้นหลอกอีกฝ่าย เจ้าสัวจึงชกเปรี้ยงเข้าเบ้าตาเต็มๆ สาวปลื้มเห็นโดยตลอดจึงเค้นเสียง
“สมน้ำหน้า หลอนดีนัก”
“เรื่องอะไรมาว่าพี่เล่าน้องปลื้ม พี่แค่อยากให้รู้ว่ามาทีหลังอย่าแซงหน้าเท่านั้น ท่าทางอาแปะคนนี้จะมาเป็นเจ้าที่เจ้าทางเสียด้วย”
“ดีไง จะได้มีคนหวงที่เพิ่มขึ้นอีกคน เอ๊ยอีกตัว” ปลื้มเอ่ย “ไปอาแปะไปทำความรู้จักกับเจ้าถิ่นกันหน่อย ยังมีอีกเยอะ ไม่ใช่แค่น้าหัวขาดตัวนี้เท่านั้น”
ผีหลายตัวในบ้านนี้เรียงหน้าเข้ามาทำความรู้จักกับเจ้าสัวลิ้ม ซึ่งมอบไมตรีให้กับทุกตัว แต่ผีช้ำรักมองนิ่ง ท่าทางตึง และเครียด ทำให้เจ้าสัวหันไปถามผีหัวขาด
“อีเป็นอารายว้า ท่าทางอีไม่ค่อยปกติเลยน้า หรืออีไม่เต็มใจให้อั๊วอยู่ที่นี่ว้า”
“อย่าไปสนใจเลยเฮีย”ผีหัวขาดตีซี้กับเจ้าสัว เรียกข้ามอายุไปมากทีเดียว
ส่วนวสันต์ได้แต่มองบิดาด้วยความรักและเคารพ เขาอดเสียดายไม่ได้ว่า เขาน่าจะพบกับอีกฝ่ายในสภาพที่มีลมหายใจมากกว่าที่เป็นอยู่นี้
ปลายเคาะประตูเรียกบิดาหลายครั้งจึงมีเสียงตอบออกมาว่า
“พ่อขอคิดอะไรตามลำพังก่อนนะปลาย” พ่อปรัชญาเดาได้ว่าต้องเป็นปลาย เพราะถ้าเป็นปลื้ม อีกฝ่ายจะไม่เคาะประตู แม้รู้ว่าเสียมารยาท แต่ปลื้มชอบจ๊ะเอ๋กับผู้ให้กำเนิดจนเป็นนิสัยถาวร เลิกไม่ได้
“พ่อจ๋า ให้ปลายเข้าไปได้มั้ยจ๊ะ”
พ่อปรัชญานิ่งอึ้ง ปลื้มโวยวาย ป่านนี้ยังสังสรรค์กับผีไม่เลิก แต่ปลายลูกสาวมีความอ่อนโยน และปกติมากกว่า ในที่สุดพ่อปรัชญาเลือกที่จะให้ลูกสาวคนเล็กเข้าไปถามสารทุกข์สุกดิบของเขา
ร่างสูง และยังคงความหล่อเหลาอยู่มากเปิดประตูรับลูกสาว ปลายเยื้องกรายผ่านเข้าห้อง แล้วปิดประตูเรียบร้อย เดินตามหลังผู้ให้กำเนิดเข้าไป พ่อปรัชญานั่งลงบนริมเตียง ลูกสาวคนสวยนั่งพื้นใกล้ สายตามองเห็นรูปเก่า แต่เป็นรูปสี
“รูปพ่อหรือจ๊ะ”ปลายถาม “ใบนี้ปลายไม่เคยเห็นเลยจ้ะ”
“พ่อเก็บไว้ ไม่เคยเอาออกมาจากกล่อง แม่ของปลายก็ไม่เคยเห็น”
“แม่ขี้หึงหรือจ๊ะพ่อ”
“ไม่หรอก แต่แม่เขาขี้กลัวมากกว่า กลัวจนอยู่ไม่ได้ เลยหนีไป”
“พ่อไม่ตามหาแม่เลยหรือจ๊ะ ไม่รักแม่ของปลายหรือ”ปลายถามโดยไม่มองหน้าบิดา แต่ก้มมองสาวสวยนักศึกษา เธอสวยมากทีเดียว สวยสมกับหนุ่มในรูปนักหนา “คนนี้สวยมากเลยนะจ๊ะพ่อ”
ปรัชญาถอนใจยาว ระบายความในใจให้ลูกสาวคนเล็กฟัง
“แม่เขาไม่มีความสุขเลยตลอดเวลาที่อยู่กับพ่อ พอมีลูกทั้งสองคน แม่ก็รับไม่ได้อีก”
“เพราะปลายผิดปกติใช่มั้ย แล้วปลื้มล่ะจ๊ะ”
“เขาเห็นหน้าปลื้มเป็นคนแก่ เขากลัวจนไม่กล้าอุ้มปลื้ม ไม่ให้กินนม และก็หนีไป”
ปลายพยักหน้ารับ อย่างยอมรับเหตุผลในการหนีไปของแม่
“ลูกไม่ปกติทั้งคู่ เลยเป็นยาใจให้แม่ไม่ได้”
พ่อปรัชญายิ้มในสีหน้า เอื้อมมือมาโยกศีรษะลูกสาวด้วยความเอ็นดู เมื่ออีกฝ่ายเข้าใจผู้ให้กำเนิด ซึ่งพ่อปรัชญาเชื่อว่าถ้าหากปลื้มมานั่งฟัง อีกฝ่ายต้องทำหน้าง้ำ และถ้ารู้ว่าแม่ยังอยู่ ปลื้มอาจจะตามไปเรียกร้อง หรือไม่ก็หลอกหลอน พอกันกับผีที่เธอเลี้ยงนั่นเอง
“วันนี้พ่อไปเจอคุณคนนี้โดยบังเอิญหรือจ๊ะ ปลายได้ยินปลื้มบอก”
“อืม…”พ่อปรัชญารับคำลงคอ ก่อนถอนใจ ได้ระบายออกมาอีกครั้ง “พ่อลืมความรู้สึกที่ว่ารักไปนานแล้วล่ะ ตั้งใจดูแลลูกสองคนของพ่อมาตลอด แต่วันนี้พ่ออดไม่ได้ที่จะคิดถึงเรื่องเก่าๆของพ่อกับผู้หญิงคนนี้”
“ปลื้มบอกว่าเป็นเมียเจ้าสัว เอ่อไปเป็นได้ยังไงจ๊ะพ่อ”
“พ่อของน้ำฝนเขาต้องรักษาตัว ต้องใช้เงินเป็นล้าน พ่อไม่มีปัญญาหาได้ แม้พ่อของเขาจะยอมตาย แต่ว่า ทั้งแม่และน้ำฝนเขาทำไม่ได้ พ่อก็เข้าใจเขานะ เพราะคนเราต้องกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ พ่อจะเห็นแก่ตัว เห็นแก่ความรักของตัวเองไม่ได้”
พ่อแสนดีอย่างนี้ ปลื้มจึงคาดหวังว่า ท้าวมหาพรหมคงใกล้หมดวาระแล้ว และพ่อปรัชญาจะขึ้นไปแทนที่เอง พ่อยิ้มในสีหน้า รู้สึกความหนักในอกได้ถูกยกออกไปแล้ว ด้วยการรับฟังของลูกสาวคนเล็ก ไม่กวนอย่างน่าเขกกะโหลกเหมือนปลื้ม
“จะเป็นท้าวมหาพรหมได้ต้องมีพรหมวิหารสี่ครบถ้วน ถึงจะเป็นได้ แค่ศีลห้าไม่พอหรอกปลาย”
“แต่พ่อของปลายแสนดีจริงๆจ้ะ”ปลายซบตักบิดา ท่านวางมือลงบนเรือนผมนุ่มสลวย ปลายเอ่ยต่อไปว่า
“เค้าเป็นม่ายแล้ว ไม่มีคู่ครองอีก พ่อรักเขาได้ไม่น่ามีอะไรมาขวางอีกนะจ๊ะพ่อ”
“ฐานะเราแตกต่างกัน พ่อเองก็ไม่ใช่หนุ่มน้อย เขาเองก็มีลูกโตๆแล้ว เรื่องหัวใจลูกเป็นสิ่งสำคัญมาก”
“พ่ออย่าหนักใจกับปลื้มเลยจ้ะ ยังไงปลื้มก็เป็นคนดี แม้จะเพี้ยนๆไปบ้าง”
“นั่นสินะ พ่อมีลูกน่ารักมากทั้งสองคน” พ่อปรัชญารับคำด้วยความเอ็นดูต่อสายเลือดซึ่งเป็นเด็กดี และถึงแม้ปลื้มจะขาดเกิน บางทีล้นไปบ้าง แต่ปลื้มเป็นคนดีมากทีเดียว
“แอ๊ะ” เปิดเปิดประตูเข้ามาพร้อมเสียงคุ้นเคย พ่อปรัชญาเบือนหน้าไปซ่อนยิ้ม แต่ลูกสาวคนโตคิดว่าพ่อโกรธจึงถลาเข้าไปหาทั้งที่คุกเข่า แต่ความลื่นของพื้นทำให้แรงส่งตัวของปลื้มไถลไปได้ถึงหน้าเตียง จากนั้นเข้าไปกอดรัดบิดา พร้อมกับหอมตามร่างกายอีกฝ่าย
“พ่อจ๋าจะมีเมียใหม่ก็ไม่ว่านะ แต่ห้ามโกรธปลื้มเด็ดขาด ปลื้มยอมพ่อทุกอย่างแล้วขอให้รักปลื้มก็พอ”
“เจ้าหัวรั้นของพ่อ” พ่อปรัชญา ยีผมลูกรักจนยุ่งเหยิง
“กินข้าวกันนะพ่อนะ ปลื้มหิวแสบท้องแล้วเนี่ย พอพ่อไม่กินข้าว ปลื้มเลยกินไม่ลงไปด้วย ไปเถอะพ่อ จะได้มีแรงแย่งเมียเจ้าสัว”
ไอ๊หย่า…เสียงเจ้าสัวอุทานอยู่หน้าห้องนั้นเอง!!
วิญญาณซึ่งปรากฏร่างกายที่สมบูรณ์เหมือนก่อนตาย ไม่ใช่ซากร่างผอมแกร็น ทำท่ากอดอกทำตัวลอยเหนือพื้น ผีหัวขาดเลยโยนหัวผีเข้าใส่ อย่างที่เคยหลอนผีตัวอื่นมาได้ แต่มาทำเช่นนี้กับเจ้าสัว แทนที่จะกลัว เจ้าสัวกลับดีดหัวขาดคืนให้เจ้าของด้วยส้นเท้า โดนหัวขาดเหมาะเหม็ง แรงดีดส่งหัวลอยละลิ่วกลับไปอีกที่ ร่างไร้หัวเดินขว้างตามไปรับหัวตัวเอง แม้สายตาจะเห็น แต่ร่างไม่มีตาพาลลอยเหนือพื้นไปเรื่อย ทำให้ศีรษะนั้นจะร่วงหล่นลงพื้น ซึ่งถ้าปลื้มไม่ใช่ ‘คนเห็นผี’ ปลื้มจะไม่ลืมตัวโผเข้าไปรับเอาไว้ แต่เพราะเธอมีร่างกายเป็นคนเธอจึงสะดุดบางอย่างล้มถลาไปข้างหน้า ล้มโครมกระแทกกับกระถางดอกไม้ ซึ่งปลูกเรียงรายอยู่เป็นแนวข้างโอ่งล้างเท้า
โครม
เพล้ง
วสันต์พุ่งไปรับร่างคนสวยได้รวดเร็วดังใจคิด หากว่า ร่างของเขาทะลุร่างของปลื้มได้อีก ปลื้มเอ็ดอีกครั้ง
“นี่ เลิกทำอย่างนั้นได้มั้ย เข้าที ออกที ปลื้มเสียวแปล๊บๆรู้มั้ย”
“ก็…”วสันต์อยากบอกว่าเขาเป็นห่วง แต่อดหวามในวิญญาณเสียไม่ได้เมื่อได้ยินคำว่าเสียว
เสียงครึกโครมจากข้างล่าง ส่งผลให้ปลายรีบชะโงกหน้าต่างห้องออกมาดู แสงไฟสลัวจากหน้าชานเรือนทำให้เห็นพี่สาว นอนเค้เก้ แต่ก็ลุกพรวดขึ้นนั่ง หันไปดุสิ่งที่ปลายไม่เห็น เธอจึงร้องถามพี่สาวลงมาว่า
“เป็นอะไรหรือเปล่าปลื้ม”
“ไม่เป็นอะไรหรอก แล้วคุณปรัชล่ะ ป่านนี้ออกจากห้องหรือยัง”สาวปลื้มพาดพิงไปถึงบิดา ปลายจึงผลุบไปตามผู้ให้กำเนิดด้วยความเป็นห่วง ส่วนปลื้มโยนหัวผีใส่ร่างเจ้าของเต็มแรง อีกฝ่ายโดนหัวตัวเองพุ่งชนจึงล้มหงายท้อง เมื่อหัวกลับที่แล้วจึงกรากเข้าไปเอาเรื่องผีต่างถิ่นทันที
“หน็อย หน็อย แก่แล้วซ่า มาเลย แน่จริงเข้ามา”
“อั๊วแน่อยู่เลี้ยว” กล่าวตอบโต้แล้วเจ้าสัวถลันเข้ามาจะเข้าบ้าน ทันใดนั้น แสงสว่างจากศาลตายายเจ้าที่พุ่งวาบมาจากศาลทั้งสองตายายเจ้าที่
ทั้งสองมีอาการลังเลกันอยู่บ่อยครั้ง ตาและยายเจ้าที่อยู่ประจำบ้านนี้แต่เสียหน้าหลายครั้งเพราะท่านออกมาไล่วิญญาณอื่นตามหน้าที่ ที่ต้องปกปักรักษาพื้นที่นั้นๆ แต่เจ้าของจอมวุ่นชอบชวนผีเข้าไปอยู่ด้วย และเวลานี้พวกท่านจึงหยั่งเชิง ว่าเจ้าของจะเชิญหรือจะไล่ เพราะนับแต่ปลื้มออดอ้อนพ่อปรับขอเป็นเจ้าของบ้าน และพ่อปรัชอนุญาต และให้ทำพิธี ประกาศตัวที่กลางบ้านว่าเป็นเจ้าของ ซึ่งเป็นพิธีเก่าแก่โบราณกาล ซึ่งจะทำให้ผี หรือวิญญาณกริ่งเกรง(ตามตำรานี้ครูจะไม่บอกกล่าวกับศิษย์ที่ไม่รัก เพราะถือว่าเป็นสุดยอดของตำราอย่างหนึ่ง)
ปลื้มยืนมองเฉย ส่วนวสันต์ขยับจะทักทายผู้ให้กำเนิดอย่างดีใจ
“เตี่ย เตี่ยครับ”
“อาว้า”
เจ้าสัว มองตามเสียงเรียก พอเห็นร่างใสเกินมนุษย์ ท่านใจหาย รู้ทันที่ว่าลูกตายแล้ว เจ้าสัวลิ้มถลันล้ำจะกระโดดข้ามรั้ว แต่เจ้าที่ทั้งสองชี้มือไปที่ร่างผู้พยายามบุกรุก ทันใด ประกายไฟติดแขนเสื้อเจ้าสัวจอมซ่า เจ้าสัวร้อนยิ่งกว่าโดนยันต์บนหน้ากระโปรงรถ ร้องพลางดับไฟที่ลุกไหม้อยู่เพียงแขนแห่งเดียว
“ไอ๊หย่า ไอ๊หย่าร้อน ร้อน ร้อนโว้ย” เจ้าสัวร้องลั่น ปัดไฟไปมา แล้วหันไปชี้หน้ายายเจ้าที่ ตาเจ้าที่
“ พวกลื้อทำอารายว้า อั๊วจะไปหา ลูก หาอาลูกซาไภ้ของอั๊ว”
“เตี่ย” วสันต์ร้องเรียกอีกฝ่าย เจ้าสัวจึงได้เห็นลูกชาย ท่านตาเหลือกค้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นร่างบางใสของอีกฝ่ายมายืนเยื้องร่างของสาวที่เจ้าสัวเรียก อาสะไภ้
“อาว้า มาทำราย ไอ๊หย่า ร้อน ร้อนชิงชิง”
วสันต์ไม่ตอบ แต่ออกไปช่วยดับไฟให้บิดา ซึ่งไฟประหลาดนั้นทำให้เขาร้อนจนมือพองทันตา เขายกมือขึ้นเป่าให้หายแสบ เจ้าสัวร้องเรียกสาวปลื้ม
“อาสะใภ้ ลื้อไม่เห็งหรืองาย อั๊วโดนรังแก”
“เห็ง เอ๊ยเห็นสิอาแปะ”
“เลี้ยวทามมายลื้อไม่ห้าม โอ๊ย ร้อนชิกชิก” เจ้าสัวร้อนมากเข้าก็วิ่งหนีไฟ แต่ไฟติดตัว หมาหอนเสียงยาววสันต์สงสารบิดามากจึงเอ่ยปากกับสาวสวยซึ่งมีนิสัยไม่ค่อยสวยเสียแล้ว
“คุณช่วยเตี่ยผมได้ใช่มั้ยคุณปลื้ม”
“เตี่ยคุณแกล้งปลื้มก่อนนี่ โดนซะบ้างจะได้รู้ว่าความอายมันเป็นยังไง”
“แสบปะร้อนมากอย่างนี้จะเหมือนกับความอายได้ยังไง”
“ไอ๊หย่า ไอ๊หย่า” เจ้าสัวลงนั่งแปะกับพื้น แถกเป็นเด็กไม่ได้ดังใจ วสันต์เข้าไปประคองบิดา แต่ความร้อนที่ไม่ธรรมดาทำให้เขาเข้าใกล้ไม่ได้ ปลื้มเอ่ยกับยายเจ้าที่ว่า
“ยายจ๋ายาย สั่งสอนพอแล้วจ้ะ ให้อาแปะเขารู้ซะบ้างว่า ตัวเองไม่ใช่ผู้ยิ่งใหญ่ไปทุกที่”
“แต่อั๊วมีเงินเป็นพังๆล้าง”
“นั่นละมันพังพังไปแล้ว”ปลื้มย้อนสำเนียงเจ้าสัว ด้วยความหมายไม่เหมือนกัน
“ตายไปแล้วเอามาได้สักบาทหรือเปล่าอาแปะ”
“ชีช้ำน่อ”เจ้าสัวรำพัน นอกจากเอาสมบัติมาไม่ได้ ยังเข้าบ้านที่เคยเป้นของตนเองไม่ได้อีก
ส่วนยายเจ้าที่เป่าไปที่ร่างเจ้าสัวพรวดเดียว ไฟดับฉับพลัน อาการร้อนหายเป็นปลิดทิ้ง เมื่อหายร้อน เจ้าสัวก็หันไปถามลูกชายให้คลายสงสัยเป็นอันดับแรก
“อาว้า ลื้อตายเลี้ยวล่ายยางงาย ลื้ออยู่เมืองนอก”
“ผมกลับมาเมืองไทย ไม่ทันได้พบใครสักคนครับเตี่ย”
“แล้วใครฆ่าลื้อ ร่างของลื้ออยู่ที่ไหน”
“ไม่ทราบครับ ผมเดินมาเรื่อยๆจนถึงที่นี่ครับ ไม่รู้เหมือนกันว่าใครฆ่า ไม่รู้ด้วยว่าร่างผมอยู่ที่ไหน แล้วเตี่ยละครับ หายไปตั้งห้าปี”
“เตี่ยไม่รู้เหมือนกังว่าใครทามอาราย รู้แต่ว่ามันหนัก พอหนักล่ายสักพักเลียว เตี่ยก็มืดอยู่ในหลุม ไม่ล่ายปายไหน”สองพ่อลูกบอกเล่าตามความจำที่พอจำกันได้
สาวปลื้มทำไม่สนใจทั้งสองวิญญาณ จากนั้นทำท่าจะผละหนี แต่เจ้าสัวลิ้มสำแดงเดชด้วยการถลันจะเข้าบ้าน ไปหาอีกฝ่าย แต่พื้นที่ที่จะข้าม เป็นแนวไฟตลอดเขต ไม่สามารถล่วงล้ำเข้าไปได้ ปลื้มเห็นความเอาแต่ใจของเจ้าสัวแล้วพาลไปที่ลูกชายคนโตเพราะคลับคล้ายกันไม่น้อยทางด้านการแสดงออกว่าไม่สนใจว่าอยู่ในสถานภาพใด จึงอดปากไม่อยู่
“เอ้าเจ้าของไม่อนุญาตยังจะเข้าให้ได้อีกแน่ะ นี่ไม่รู้เรื่องนี้จริงๆหรือแกล้ง ถ้าแกล้งจะได้ขอให้ยายเขาจุดไฟอีกรอบ”
“ไอ๊หย่า” เจ้าสัวชักขยาด ‘อาลูกซาไภ้’ “ลื้อลูมีคุณธรรมสูงส่ง แต่ทามมายลื้อกลายเป็นมาเฟียผีไปล่าย”
“สะใภ้ เอ๊ย ปลื้มไม่ใช่มาเฟียสักหน่อย” สาวสวยปฏิเสธไม่เต็มเสียง ทั้งที่ใช้ผีทำเรื่องผลประโยชน์ของตนเองบ่อยๆ “ อาแปะมาเหมาปลื้มเป็นสะใภ้ได้ไง ลูกชายอาแปะไม่น่ารักสักนิด”
“คนตายไม่น่ารัก แต่อั๊วเห็งลื้อมองอาคิมแล้วรู้น่าว่าลื้อชอบลูกอั๊ว”
“ทำรู้มาก ยืนตรงนั้นจนถึงเช้าเลยก็แล้วกัน”กล่าวจบทำท่าจะเดินขึ้นบันได เจ้าสัวรีบง้อทันที
“เอ้า เอ้า อย่าเพิ่งไปซี่ นี่อั๊วมาขอความช่วยเหลือจากลื้อนะอาลูกซาไภ้”
“จะอยู่ที่นี่หรือไงอาแปะ”ปลื้มย้อนถาม
ผีกี่ตัวๆ ถ้าลองได้เจรจากับเธอเมื่อไหร่บ้านนี้ยิ่งแคบลงทุกที รู้กันทั่วว่าได้ชื่อว่าบ้านผีสิง ซึ่งมีผีตายโหงทุกประเภท และคนธรรมดาไม่มีทางอยู่ได้แน่ เพราะผีก็คือผี เชื่อกันไม่ค่อยได้ นิสัยชอบหลอก ชอบลองดี หรือแม้แต่ช่างขอ หากไม่ให้ ก็จะสำแดงเดช หากว่า ผีที่อยู่บ้านหลังนี้ กลัวเดชสาวปลื้มมากกว่า เพราะเจ้าตัวดีมีดรีกรีเรื่องชอบใช้ผีอยู่เสมอ เมื่อไม่ได้ดังใจ มีขู่และเอาจริงจับถ่วงหม้อ หรือหลอกให้อาบแดดได้อยู่บ่อยๆ แม้แต่ขโมยยังไม่กล้าแม้จะเดินผ่านหน้าบ้านหลังนี้ ซึ่งมีเพียงรั้วต้นไม้ชาดัดเท่านั้นไม่ใช่รั้วไม้หรือรั้วลวดหนาม
“ม่ายช่าย อ้า ช่ายก็ล่าย”อาแปะรีบเปลี่ยนคำพูด เมื่อได้คิดว่าอีกฝ่ายคงไม่ตกลงโดยง่าย ถ้าจะชวนไปแต่งงานกับลูกชายของตนเอง
“ถ้าอาแปะเดือดร้อนก็มาอยู่ที่นี่ก่อนก็ได้ ปลื้มจะได้ทำบุญให้กินทุกเช้า ทุกคืน”
“กลางคืนทำบุญล่ายล่วย”
“แหม…”ปลื้มลากเสียงยาว “เก่งเรื่องหาเงิน แต่ไม่เก่งเรื่องใกล้ตัวเลยนะ มิน่าถึงได้ติดอยู่กับร่างใต้ดินตั้งห้าปีไปส่งข่าวให้ใครรู้ก็ไม่ได้”
“เลี้ยวตกลงทำบุญเย็นมันเป็งงายงาย”
“ตอนเย็นก็สวดมนต์ กรวดน้ำให้คนตาย ที่มีแรงกรรมน้อยได้มารับส่วนบุญกุศล ผีในบ้านนี้แรงกรรมน้อย แม้จะตายโหงทุกตัว แต่ก่อนตายทำดีไว้มาก ถึงได้วนเวียนมาเจอกัน”
“บุพเพสันนิวาสครับเตี่ย”วสันต์สอดคำ แต่บิดาผู้ให้กำเนิดส่ายหน้า ด้วยความเห็นใจ กระซิบเบา แต่ไม่พ้นคนหูดี
“ให้เฮียคิมมันไปเถอะอาว้า ยังไงพวกเขาก็อยู่ภพเลียวกัง”
“อาแปะจะเข้ามาก็เข้านะ ปลื้มจะไปอาบน้ำแล้วจะนอนเสียที”
“ล่ายๆ”เจ้าสัวรีบรับคำ จากนั้นก้าวเดินเข้าบ้าน แต่ท่าทีไม่ค่อยไว้ใจ จึงทำท่าก้าวเข้า แล้วชัดเท้าออก แต่เมื่อแน่ใจว่าเข้ามาได้แล้วจึงเดินเข้ามาทันที วสันต์ตามเข้ามาพร้อมบิดา
เจ้าสัวเดินรี่เข้าไปจะสำรวจบ้าน แต่โดนมือน้าผีสะกิด เจ้าสัวหันมามอง น้าผียกหัวขาดขึ้นหลอกอีกฝ่าย เจ้าสัวจึงชกเปรี้ยงเข้าเบ้าตาเต็มๆ สาวปลื้มเห็นโดยตลอดจึงเค้นเสียง
“สมน้ำหน้า หลอนดีนัก”
“เรื่องอะไรมาว่าพี่เล่าน้องปลื้ม พี่แค่อยากให้รู้ว่ามาทีหลังอย่าแซงหน้าเท่านั้น ท่าทางอาแปะคนนี้จะมาเป็นเจ้าที่เจ้าทางเสียด้วย”
“ดีไง จะได้มีคนหวงที่เพิ่มขึ้นอีกคน เอ๊ยอีกตัว” ปลื้มเอ่ย “ไปอาแปะไปทำความรู้จักกับเจ้าถิ่นกันหน่อย ยังมีอีกเยอะ ไม่ใช่แค่น้าหัวขาดตัวนี้เท่านั้น”
ผีหลายตัวในบ้านนี้เรียงหน้าเข้ามาทำความรู้จักกับเจ้าสัวลิ้ม ซึ่งมอบไมตรีให้กับทุกตัว แต่ผีช้ำรักมองนิ่ง ท่าทางตึง และเครียด ทำให้เจ้าสัวหันไปถามผีหัวขาด
“อีเป็นอารายว้า ท่าทางอีไม่ค่อยปกติเลยน้า หรืออีไม่เต็มใจให้อั๊วอยู่ที่นี่ว้า”
“อย่าไปสนใจเลยเฮีย”ผีหัวขาดตีซี้กับเจ้าสัว เรียกข้ามอายุไปมากทีเดียว
ส่วนวสันต์ได้แต่มองบิดาด้วยความรักและเคารพ เขาอดเสียดายไม่ได้ว่า เขาน่าจะพบกับอีกฝ่ายในสภาพที่มีลมหายใจมากกว่าที่เป็นอยู่นี้
ปลายเคาะประตูเรียกบิดาหลายครั้งจึงมีเสียงตอบออกมาว่า
“พ่อขอคิดอะไรตามลำพังก่อนนะปลาย” พ่อปรัชญาเดาได้ว่าต้องเป็นปลาย เพราะถ้าเป็นปลื้ม อีกฝ่ายจะไม่เคาะประตู แม้รู้ว่าเสียมารยาท แต่ปลื้มชอบจ๊ะเอ๋กับผู้ให้กำเนิดจนเป็นนิสัยถาวร เลิกไม่ได้
“พ่อจ๋า ให้ปลายเข้าไปได้มั้ยจ๊ะ”
พ่อปรัชญานิ่งอึ้ง ปลื้มโวยวาย ป่านนี้ยังสังสรรค์กับผีไม่เลิก แต่ปลายลูกสาวมีความอ่อนโยน และปกติมากกว่า ในที่สุดพ่อปรัชญาเลือกที่จะให้ลูกสาวคนเล็กเข้าไปถามสารทุกข์สุกดิบของเขา
ร่างสูง และยังคงความหล่อเหลาอยู่มากเปิดประตูรับลูกสาว ปลายเยื้องกรายผ่านเข้าห้อง แล้วปิดประตูเรียบร้อย เดินตามหลังผู้ให้กำเนิดเข้าไป พ่อปรัชญานั่งลงบนริมเตียง ลูกสาวคนสวยนั่งพื้นใกล้ สายตามองเห็นรูปเก่า แต่เป็นรูปสี
“รูปพ่อหรือจ๊ะ”ปลายถาม “ใบนี้ปลายไม่เคยเห็นเลยจ้ะ”
“พ่อเก็บไว้ ไม่เคยเอาออกมาจากกล่อง แม่ของปลายก็ไม่เคยเห็น”
“แม่ขี้หึงหรือจ๊ะพ่อ”
“ไม่หรอก แต่แม่เขาขี้กลัวมากกว่า กลัวจนอยู่ไม่ได้ เลยหนีไป”
“พ่อไม่ตามหาแม่เลยหรือจ๊ะ ไม่รักแม่ของปลายหรือ”ปลายถามโดยไม่มองหน้าบิดา แต่ก้มมองสาวสวยนักศึกษา เธอสวยมากทีเดียว สวยสมกับหนุ่มในรูปนักหนา “คนนี้สวยมากเลยนะจ๊ะพ่อ”
ปรัชญาถอนใจยาว ระบายความในใจให้ลูกสาวคนเล็กฟัง
“แม่เขาไม่มีความสุขเลยตลอดเวลาที่อยู่กับพ่อ พอมีลูกทั้งสองคน แม่ก็รับไม่ได้อีก”
“เพราะปลายผิดปกติใช่มั้ย แล้วปลื้มล่ะจ๊ะ”
“เขาเห็นหน้าปลื้มเป็นคนแก่ เขากลัวจนไม่กล้าอุ้มปลื้ม ไม่ให้กินนม และก็หนีไป”
ปลายพยักหน้ารับ อย่างยอมรับเหตุผลในการหนีไปของแม่
“ลูกไม่ปกติทั้งคู่ เลยเป็นยาใจให้แม่ไม่ได้”
พ่อปรัชญายิ้มในสีหน้า เอื้อมมือมาโยกศีรษะลูกสาวด้วยความเอ็นดู เมื่ออีกฝ่ายเข้าใจผู้ให้กำเนิด ซึ่งพ่อปรัชญาเชื่อว่าถ้าหากปลื้มมานั่งฟัง อีกฝ่ายต้องทำหน้าง้ำ และถ้ารู้ว่าแม่ยังอยู่ ปลื้มอาจจะตามไปเรียกร้อง หรือไม่ก็หลอกหลอน พอกันกับผีที่เธอเลี้ยงนั่นเอง
“วันนี้พ่อไปเจอคุณคนนี้โดยบังเอิญหรือจ๊ะ ปลายได้ยินปลื้มบอก”
“อืม…”พ่อปรัชญารับคำลงคอ ก่อนถอนใจ ได้ระบายออกมาอีกครั้ง “พ่อลืมความรู้สึกที่ว่ารักไปนานแล้วล่ะ ตั้งใจดูแลลูกสองคนของพ่อมาตลอด แต่วันนี้พ่ออดไม่ได้ที่จะคิดถึงเรื่องเก่าๆของพ่อกับผู้หญิงคนนี้”
“ปลื้มบอกว่าเป็นเมียเจ้าสัว เอ่อไปเป็นได้ยังไงจ๊ะพ่อ”
“พ่อของน้ำฝนเขาต้องรักษาตัว ต้องใช้เงินเป็นล้าน พ่อไม่มีปัญญาหาได้ แม้พ่อของเขาจะยอมตาย แต่ว่า ทั้งแม่และน้ำฝนเขาทำไม่ได้ พ่อก็เข้าใจเขานะ เพราะคนเราต้องกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ พ่อจะเห็นแก่ตัว เห็นแก่ความรักของตัวเองไม่ได้”
พ่อแสนดีอย่างนี้ ปลื้มจึงคาดหวังว่า ท้าวมหาพรหมคงใกล้หมดวาระแล้ว และพ่อปรัชญาจะขึ้นไปแทนที่เอง พ่อยิ้มในสีหน้า รู้สึกความหนักในอกได้ถูกยกออกไปแล้ว ด้วยการรับฟังของลูกสาวคนเล็ก ไม่กวนอย่างน่าเขกกะโหลกเหมือนปลื้ม
“จะเป็นท้าวมหาพรหมได้ต้องมีพรหมวิหารสี่ครบถ้วน ถึงจะเป็นได้ แค่ศีลห้าไม่พอหรอกปลาย”
“แต่พ่อของปลายแสนดีจริงๆจ้ะ”ปลายซบตักบิดา ท่านวางมือลงบนเรือนผมนุ่มสลวย ปลายเอ่ยต่อไปว่า
“เค้าเป็นม่ายแล้ว ไม่มีคู่ครองอีก พ่อรักเขาได้ไม่น่ามีอะไรมาขวางอีกนะจ๊ะพ่อ”
“ฐานะเราแตกต่างกัน พ่อเองก็ไม่ใช่หนุ่มน้อย เขาเองก็มีลูกโตๆแล้ว เรื่องหัวใจลูกเป็นสิ่งสำคัญมาก”
“พ่ออย่าหนักใจกับปลื้มเลยจ้ะ ยังไงปลื้มก็เป็นคนดี แม้จะเพี้ยนๆไปบ้าง”
“นั่นสินะ พ่อมีลูกน่ารักมากทั้งสองคน” พ่อปรัชญารับคำด้วยความเอ็นดูต่อสายเลือดซึ่งเป็นเด็กดี และถึงแม้ปลื้มจะขาดเกิน บางทีล้นไปบ้าง แต่ปลื้มเป็นคนดีมากทีเดียว
“แอ๊ะ” เปิดเปิดประตูเข้ามาพร้อมเสียงคุ้นเคย พ่อปรัชญาเบือนหน้าไปซ่อนยิ้ม แต่ลูกสาวคนโตคิดว่าพ่อโกรธจึงถลาเข้าไปหาทั้งที่คุกเข่า แต่ความลื่นของพื้นทำให้แรงส่งตัวของปลื้มไถลไปได้ถึงหน้าเตียง จากนั้นเข้าไปกอดรัดบิดา พร้อมกับหอมตามร่างกายอีกฝ่าย
“พ่อจ๋าจะมีเมียใหม่ก็ไม่ว่านะ แต่ห้ามโกรธปลื้มเด็ดขาด ปลื้มยอมพ่อทุกอย่างแล้วขอให้รักปลื้มก็พอ”
“เจ้าหัวรั้นของพ่อ” พ่อปรัชญา ยีผมลูกรักจนยุ่งเหยิง
“กินข้าวกันนะพ่อนะ ปลื้มหิวแสบท้องแล้วเนี่ย พอพ่อไม่กินข้าว ปลื้มเลยกินไม่ลงไปด้วย ไปเถอะพ่อ จะได้มีแรงแย่งเมียเจ้าสัว”
ไอ๊หย่า…เสียงเจ้าสัวอุทานอยู่หน้าห้องนั้นเอง!!

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 ธ.ค. 2555, 02:28:45 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 ธ.ค. 2555, 02:28:45 น.
จำนวนการเข้าชม : 1763
<< ความรู้สึกที่เปลี่ยนไป | วางแผน >> |

Zephyr 21 ธ.ค. 2555, 19:04:59 น.
ฮ่าๆๆๆ แย่งเมีย โอ๊ยยยย
ฮ่าๆๆๆ แย่งเมีย โอ๊ยยยย