The song of heart...เพลงหัวใจ
“กิดาหยัน” ช่างภาพสาวประจำนิตยสารเลิฟลี่โฮมเพิ่งฟื้นตัวจากการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจได้ไม่นาน ก็ต้องมาพบกับเรื่องราวอันแสนน่าเวียนหัวของพี่สาวฝาแฝด “กิดานันท์” ที่ยังคงตัดใจจากอดีตแฟนเก่าอย่าง"โยธิน" ไม่ได้ แถมเจ้าเพื่อนเวร (กิดาหยันเรียกเขาว่าอย่างนั้น) ยังมีชนักติดหลัง พา “กวินภพ” อดีตว่าที่พี่เขยที่แสนจะคุ้มดีคุ้มร้ายเข้ามาเกี่ยวพันกับคนป่วยอย่างกิดาหยันอีก

งานนี้ช่างภาพสาวจะหลุดพ้นจากมลทินที่กวินภพกล่าวหาว่าหล่อนเป็นภรรยาลับได้หรือไม่

**ข้อมูลทั้งหมดในเรื่องเป็นสิ่งที่ผู้เขียนค้นคว้าไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ.2553**
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ 3



บทที่ 3


กิดาหยันสาวเท้าเข้ามาในโรงพยาบาล ใจนั้นร้อนรนนึกเป็นห่วงพี่สาวฝาแฝดอย่างบอกไม่ถูก หญิงสาวที่เร่งฝีเท้าเร็วพอๆ กับหัวใจที่เต้นรัวทำให้คุณหมอที่รับผิดชอบอาการป่วยของหล่อนต้องรั้งตัวไว้เป็นทำนองเตือนสติสาวเจ้าให้ค่อยๆ เดิน กิดาหยันจึงยอมชะลอฝีเท้าลง

หลังจากที่หล่อนได้รับโทรศัพท์จากหมอราเมศ หล่อนก็รีบนั่งรถแท็กซี่ตรงดิ่งมายังโรงพยาบาลทันที แล้วต้องเห็นคุณหมอนั้นยืนรออยู่ที่หน้าโรงพยาบาลแล้ว

ราเมศบอกว่ากิดานันท์เป็นลมหมดสติไปตอนช่วยเขาตรวจดูอาการผู้ป่วยรายหนึ่ง ผลการตรวจรักษาพี่สาวฝาแฝดไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แค่เกิดจากความเครียดที่สะสมมานานเท่านั้น หากสำหรับกิดาหยันแล้ว ผลการตรวจไม่ได้ช่วยให้หล่อนรู้สึกดีขึ้นมาสักนิด

เข้ามาในห้องพักฟื้นคนไข้ได้ก็ถลาเข้าไปหาพี่สาวที่นอนพักอยู่บนเตียงทันที “นันท์...เธอเป็นยังไงบ้าง”

หญิงสาวบนเตียงค่อยๆ ลืมตาตื่น ดูเหมือนกิดานันท์จะรู้สึกตัวนานแล้ว ที่หลับตาคงเพียงเพื่อพักสายตาคลายความเหนื่อยล้าที่สุมรวมในใจหล่อนก็เท่านั้น

แต่แล้วภาพฝาแฝดผู้น้องที่ยืนอยู่ข้างกายทำให้กิดานันท์กระพริบตาถี่ปรับเลนส์สายตามองมาทางน้องสาวอย่างไม่เชื่อสายตา ดวงหน้าซีดเซียวนั้นเผยยิ้มให้เห็นที่มุมปากเล็กน้อย “หยัน...เธอมาได้ยังไง”

“ไม่ต้องพูดอะไรแล้วนันท์ ลุกไหวพอจะกลับไปกับฉันรึเปล่า”

“กลับไปกับเธอ ?” กิดานันท์ทวนคำอย่างงงๆ เสียงนั้นแหบพร่าจนน่าใจหายก่อนพยุงตัวเองลุกขึ้นนั่งโดยมีน้องสาวช่วยประคอง

“เธอหมายความว่ายังไงที่จะให้ฉันกลับไปกับเธอ”

กิดาหยันอ่านสีหน้าเป็นกังวลของคนบนเตียงออกจึงถอนใจออกมาอย่างระอาในตัวพี่สาว หลายครั้งไปที่หล่อนขอร้องให้แฝดผู้พี่ย้ายมาอยู่อพาร์ทเม้นด้วยกันโดยให้เหตุผลว่าเปลืองค่าใช้จ่าย แต่พี่สาวมักค้านกลับมาทุกทีโดยอ้างว่าคอนโดของตัวเองมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่อุดอู้อย่าง อพาร์ทเม้นท์ของน้องสาว ซึ่งเหตุผลแต่ละข้อทำให้กิดาหยันเถียงไม่ออกอยู่ร่ำไป

ถ้าเป็นเมื่อก่อนกิดาหยันอาจยอม แต่ครั้งนี้สุขภาพของพี่สาวทำให้หล่อนไม่อาจตามใจได้ “พักนี้เธอดูโทรมมากเลยนะนันท์ ฉันว่าเปลี่ยนไปพักที่อพาร์ทเม้นของฉันน่ะดีแล้ว”

“ไม่ต้องหรอกหยัน ห้องเธอเล็กนิดเดียวจะพอสำหรับเราสองคนได้ยังไง”

“แต่ฉันไม่ไว้ใจให้เธออยู่คนเดียว ยังดีนะที่วันนี้มีหมอราเมศอยู่ด้วย แต่วันหลังเธออาจไม่โชคดีแบบนี้นะนันท์”

กิดานันท์เงียบไปอึดใจหนึ่งคล้ายครุ่นคิดในสิ่งที่น้องสาวว่า แต่แล้วกลับส่ายหน้าค้านด้วยเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น “ฉันสบายใจจะอยู่ที่คอนโดมากกว่า”

“โธ่นันท์ อพาร์ทเม้นท์ฉันมันน่ารังเกียจนักรึไง ถึงมันจะไม่สวยหรูแต่ก็ใกล้โรงพยาบาลที่เธอทำงานอยู่ก็แล้วกัน”

“แต่ฉัน...”

“นันท์...” เรียกชื่อพี่สาวแล้วยิ้มเหยียดออกมา ชื่ออดีตคนรักของอีกฝ่าย ดีกรีเป็นถึงเพื่อนเวรของหล่อนที่ปรากฏบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือ กิดานันท์วันก่อนยังจำฝังใจ “ฉันพอจะรู้แล้วว่าทำไมเธอถึงอยากอยู่ที่คอนโดนั่นนัก อยู่อพาร์ทเม้นท์ฉันเธอคงจะแอบติดต่อกับไอ้โยธินมันไม่สะดวกสินะ”

“หยัน !”

กิดาหยันตั้งท่าจะขึ้นเสียงใส่พี่สาวบ้างแต่ราเมศออกปากห้ามไว้ทัน “ดึกมากแล้ว ผมว่าคุณสองคนกลับไปพักผ่อนก่อนดีกว่า ผมจะเป็นคนไปส่งพวกคุณเอง”

เสียงสุภาพของคุณหมอทำให้กิดาหยันยอมวางมวย ไม่สนใจสีหน้าไม่พอใจของพี่สาว สะบัดหน้าหนีเดินกลับออกไปนอกห้องแล้วก็ต้องชะงักงันเพียงปากประตูเพราะเสียงเอ่ยของพี่สาวที่ตามหลังมาว่า “คุณไปส่งหยันแล้วกันค่ะ”

“แล้วคุณล่ะ”

“ฉันขออยู่คนเดียวสักพักนะคะ”

ราเมศครางรับในลำคอ แต่แค่คิดจะผละจากไปก็อดห่วงไม่ได้หยุดนิ่งอยู่แค่ปลายเตียง เมื่อเห็นนางพยาบาลผู้ช่วยของเขายิ้มยืนยันว่าอยู่คนเดียวได้ถึงยอมตามกิดาหยันออกมา

ฝ่ายกิดาหยันนั้นหลบหายไปหลังบานประตูห้องตั้งแต่เห็นราเมศหันกลับมาทางฝั่งที่หล่อนยืน ใช่ว่าเขาจะเป็นห่วงกิดานันท์อยู่ฝ่ายเดียวหล่อนเองทั้งเป็นห่วงและไม่สบายใจยิ่งกว่า...หากไม่อยากให้อีกฝ่ายจับความรู้สึกนั้นได้

“ส่งฉันแค่นี้ก็พอค่ะหมอ” กิดาหยันบอกเมื่อหล่อนและราเมศมาหยุดยืนอยู่หน้าโรงพยาบาล

“แต่นี่มันดึกมากแล้วนะคุณหยัน ให้ผมไปส่งคุณปลอดภัยกว่า”

“คุณกลับไปดูแลนันท์เถอะค่ะ” ปฏิเสธแล้วต้องยิ้มขอบคุณความหวังดีของเขา นึกเลยผ่านไปถึงเสียงใสๆ ของพี่สาวที่ชอบเล่าให้หล่อนฟังอยู่บ่อยๆ ถึงความสุภาพนุ่มลึกของชายผู้นี้

ถึงกิดาหยันจะเพิ่งรู้จักราเมศเมื่อตอนมารักษาตัวที่โรงพยาบาล ทว่าแววตาสุดท้ายที่ราเมศมองมายังพี่สาวฝาแฝดของหล่อนในห้องพักฟื้นเมื่อครู่ทำให้กิดาหยันรับรู้ได้ว่าเขาแอบมีใจให้กิดานันท์อยู่ไม่น้อย

พี่สาวของหล่อนน่าจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้ถ้าได้ราเมศคอยปกป้องดูแล ไม่ใช่นายโยธินนั่น !

“ระยะทางจากโรงพยาบาลไปอพาร์ทม้นท์ใกล้แค่นี้เองค่ะ เรียกมอเตอร์ไซค์แถวนี้แป๊บเดียวก็ถึง…ฝากพี่สาวฉันด้วยนะคะหมอ”




******************



กิดาหยันพับเสื้อผ้าใส่กระเป๋าในเช้าวันรุ่ง หลังจากที่กลับมาจากโรงพยาบาลหล่อนก็โทรศัพท์เรียกตัวกฤษณะให้มารับหล่อนไปคอนโดพี่สาวฝาแฝดเช้าวันนี้ทันที รายนั้นประหลาดใจอยู่หรอกเพราะตอนแรกหล่อนดื้อแพ่งไม่ยอมไปอยู่กับกิดานันท์ท่าเดียวแต่พอให้เหตุผลไปว่าเป็นห่วงพี่สาวจึงกระตือรือร้นมารับได้ ทั้งที่หารู้ไม่ว่าแท้จริงแล้วเพื่อนสาวต้องการจะไปกัน กิดานันท์ออกจากโยธินต่างหากเล่า

คนเก็บเสื้อผ้ายืนเท้าสะเอวมองผลงานชิ้นเอกหน้าเตียง กระเป๋าสองใบตรงหน้าทำให้หล่อนต้องถอนใจอย่างเซ็งๆ ก่อนยันกระเป๋าให้พ้นทางทิ้งตัวลงนั่งบนปลายเตียง หล่อนเบื่อสภาพตัวเอง เมื่อไหร่ร่างกายจะแข็งแรงเหมือนเดิมเสียทีจะได้ไม่ต้องมานั่งรอขอความช่วยเหลือจากคนอื่นแบบนี้

ครั้นจะโทรศัพท์เรียกยามชั้นล่างก็กลัวหื่นกามก่อเรื่องอีก อพาร์ทเม้นท์นี้ถึงจะไม่ใช่ระดับล่าง โกโรโกโส แต่ก็ไม่ได้หรูหรามีพนักงานเป็นสิบให้หล่อนเรียกใช้ ยามรักษาความปลอดภัยจึงมีนับคนได้แถมแต่ละคนก็ล้วนน่ากลัวทั้งนั้น !

กิดาหยันยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา นัดกับพี่สาวไว้ว่าจะไปให้ทันก่อนพี่สาวจะออกไป แต่นี่อีกครึ่งชั่วโมงกิดานันท์ก็ต้องไปเข้าเวรแล้ว ยัย ‘คิตตี้’ ยังไม่โผล่หัวมาเลย

จากที่ตั้งใจจะรอให้เพื่อนมาช่วยขนก็เปลี่ยนใจพึมพำสรุปกับตัวเองง่ายๆ ว่า “ค่อยๆ แบกไปทีละใบน่าจะไหว”

กิดาหยันใช้แรงทั้งหมดที่มียกกระเป๋าใบที่เบาที่สุด แต่แค่ใช้แรงยกขึ้นเหนือพื้นหล่อนก็รู้สึกเจ็บหน้าอกจนต้องวางมันลงดังเดิม นี่หล่อนจะพึ่งตัวเองไม่ได้เลยใช่มั้ย !

“มีอะไรให้ผมช่วยรึเปล่า”

เสียงทุ้มที่ทักดังผ่านปากประตูเข้ามาเรียกเจ้าของห้องหันขวับ ลืมไปเสียสนิทว่าเปิดประตูทิ้งไว้

กิดาหยันเท้าสะเอว ตั้งท่าจะต่อว่าคนตรงหน้าที่บังอาจยื่นหน้าเข้ามาในห้องของหล่อนโดยพลการ แต่แล้วกลับนิ่วหน้ามองเขาอยู่อย่างนั้น ใบหน้าเรียวมน สะอาดตาซึ่งถูกบดบังด้วยแว่นสายตานั้นคุ้นตาหล่อนอย่างบอกไม่ถูก

จ้องกันไปจ้องกันมาอยู่นานจนเจ้าของใบหน้ามนต้องกระแอมขัด ถึงเรียกสติหล่อนกลับคืน กิดาหยันอ้ำอึ้งรู้ตัวว่าเสียมารยาท “เออ...ฉันกำลังจะยกกระเป๋าลงไปข้างล่างน่ะค่ะ”

“แล้วทำไมคุณไม่เรียกยามขึ้นมาช่วยขนเหมือนเดิมล่ะ”

คำตอบแปลกๆ นั้นทำให้กิดาหยันฉุกคิด อ้อ ! ที่แท้ผู้ชายใส่แว่นตรงหน้าก็คือคนที่มีเรื่องกับหล่อนเมื่อวานในลิฟท์นั่นเอง

น้ำเสียงจึงเปลี่ยนเป็นแข็งกระด้างทันที

“ฉันจัดการเองได้” ว่าแล้วหล่อนก็ยกกระเป๋าใบเดิมขึ้นมาถือไว้ รู้สึกเจ็บหน้าอกแต่ต้องปั้นหน้าไหว ขอให้ผ่านหน้าเขาไปได้ก็พอ

แต่ยังไม่ถึงปากประตูดีหล่อนกลับปล่อยกระเป๋าหลุดมือ คว้าขอบประตูยึดไว้เป็นที่พึ่ง ร้อนถึงคนที่มองเฉยถลาเข้ามาช่วยประคองร่างบางไว้ไม่ให้ทรุดลงไปกองกับพื้น

อาการเจ็บที่หน้าอกไม่ต่างจากความรู้สึกบนเขาคราวก่อนย้อนกลับเข้ามาในหัวสมองพลัน ทำเอากิดาหยันหน้าซีดเผือด หากยังมีแรงบิดตัวหลบการเกาะกุมจากเขาทั้งที่รู้สึกว่าหัวใจชักเต้นไม่เป็นจังหวะ

“ปล่อย !”

อีกฝ่ายไม่ยอมปล่อย มิหนำซ้ำยังโอบไหล่หล่อนแน่น กึ่งประคองกึ่งบังคับให้เดินกลับเข้าไปในห้อง ปรามเมื่อเห็นสาวในอ้อมแขนยังคงดิ้นขลุกขลัก “อย่าอวดเก่งน่ะคุณ เดี๋ยวก็ได้ล้มลงไปอีกหรอก”

เจอเขาเสียงแข็งกลับมา ‘คนอวดเก่ง’ เลยยอมอยู่นิ่งๆ ปล่อยให้เขาพามานั่งบนเตียง

กวาดตามองสัมภาระของเจ้าหล่อนที่วางระเกะระกะอยู่หน้าเตียง “ของคุณมีเท่านี้ใช่มั้ย”

“ค่ะ”

รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากชายหนุ่มเล็กน้อย ได้ยินอย่างนี้ค่อยรื่นหูหน่อย “งั้นผมจะช่วยคุณยกของพวกนี้ลงไปเอง”

ไม่พูดพร่ำทำเพลง เขาก็จัดการยกกระเป๋าสองใบนำลิ่วออกจากห้องไป

เจ้าของกระเป๋ามองค้างไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะเอาจริง พอเห็นเขาเดินลับหายไปแล้วนั่นแหละถึงได้ลุกพรวดตามออกมา

ทั้งเขาและหล่อนต่างมองตัวเลขที่ไล่ลงทีละชั้นอย่างใจจดใจจ่อ ตั้งแต่เข้าลิฟท์มาชายหนุ่มข้างกายก็ไม่พูดอะไรอีก หล่อนเองไม่รู้จะพูดอะไรเหมือนกันสุดท้ายจึงเงียบกันไปทั้งคู่

ลอบมองกระเป๋าของตัวเองที่บัดนี้วางไว้ข้างตัวชายหนุ่มเรียบร้อย มองเลยผ่านไปถึงใบหน้ามนนั้น ด้วยจมูกโด่งเป็นสันคมกับริมฝีปากบางได้รูปทำให้นึกย้อนไปถึงเมื่อวันที่ชายหนุ่มข้างกายมากับสาวของเขา เพิ่งสังเกตเห็นว่าเขาก็หน้าตาดีใช่ย่อย ถ้าไม่ใส่แว่นเหมือนอย่างวันนั้นคงดูดีกว่านี้ !

“ผมต้องขอโทษคุณด้วยสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน มินนี่ไม่น่าดูถูกคุณ”

กิดาหยันยักไหล่อย่างไม่ยี่หระในคำขอโทษของเขา “ช่างมันเถอะค่ะ ฉันลืมไปหมดแล้ว ยังไงฉันก็ต้องขอโทษแทนยามด้วยที่ทำกับแฟนของคุณแบบนั้น”

“แฟนของผม ?” อีกฝ่ายทวนคำแล้วต้องคลี่ยิ้มที่มุมปาก “ถ้าคุณหมายถึงมินนี่ เธอไม่ใช่แฟนผมหรอก แค่คนรู้จักกันเท่านั้น”

คนฟังอดยิ้มขันไม่ได้เมื่อนึกถึงเสียงเล็กแหลมแสบแก้วหูของหญิงสาว เจ้าหล่อนจะเป็นยังไงนะถ้ามาได้ยินสุดที่รักพูดถึงอย่างนี้ !

“คุณจะย้ายไปอยู่ที่อื่นแล้วเหรอ” เขาถามคราเดียวกับที่ประตูลิฟท์เปิดออก

กิดาหยันครางรับ กดปุ่มเปิดประตูค้างไว้ให้เขา รอจนอีกฝ่ายยกกระเป๋าให้พ้นทางแล้วถึงค่อยตอบพลางเดินตามออกมา “แค่ย้ายไปอยู่ที่อื่นชั่วคราวค่ะ คุณเองเพิ่งมาพักอยู่ที่นี่รึเปล่าคะฉันถึงไม่เห็นเคยเห็นหน้าคุณเลย”

“ผมเพิ่งย้ายมาอยู่ได้ไม่นานครับ เผอิญที่ทำงานผมอยู่แถวนี้ มาพักที่นี่เดินทางไปกลับสะดวกกว่า ห้องผมอยู่เหนือห้องของคุณชั้นนึงได้”

“อ้าว ! ฉันนึกว่าคุณพักอยู่ชั้นเดียวกับฉันเสียอีกค่ะ” แปลกใจเพราะเมื่อครู่เขาเป็นคนมาทักหล่อนที่หน้าห้องเองนี่นา ถ้าเขาไม่ได้พักชั้นเดียวกับหล่อนแล้วจะมาทำอะไรที่ชั้นของหล่อน

“ผมตั้งใจจะมาขอโทษคุณน่ะ ยามที่ช่วยคุณขนของเมื่อวานบอกว่าคุณพักอยู่ชั้นนั้น”

“อ้อ...” กิดาหยันร้องรับเสียงสูง ที่แท้ก็มาขอโทษ แต่แหม...ถึงกับต้องลงทุนมาหาถึงห้องเชียวเหรอ มันทะแม่งๆ อยู่นะ

“ยัยหยัน”

เสียงตะโกนเรียกที่ดังมาแต่ไกลชวนให้คู่สนทนาหันมองรวมถึงสาวเจ้าของชื่อ รายหลังพอเห็นเพื่อนตัวดีวิ่งกระหืดหระหอบผ่านบานประตูเลื่อนเข้ามาถึงกับถลึงตาใส่ “ทำไมไม่มาซะเช้าพรุ่งนี้เลยล่ะแม่คุณ ดูสิ ฉันต้องขนของมารอแกข้างล่างแล้ว”

“โธ่ ก็แกเล่นนัดฉันตั้งแต่ไก่โห่ เมื่อคืนกว่าฉันจะกลับถึงบ้านก็เกือบเที่ยงคืนแล้ว” กฤษณะแก้ตัวปนเสียงหอบ ไม่วายยังจิกกัดเพื่อนว่า “ใครจะนั่งๆ นอนๆ สบายอย่างแกล่ะยะ”

“เงียบไปเลยยัยคิตตี้ ผิดแล้วยังมากัดฉันอีก เอาของพวกนี้ไปใส่รถแกเลยไป”

“เอ้อๆ” กฤษณะรับคำส่งๆ จะหันไปคว้ากระเป๋าแต่แล้วสายตาเจ้าหล่อนกลับสะดุดตากับชายร่างสูงที่ยืนล้วงกระเป๋าอยู่ข้างกิดาหยัน เพิ่งสังเกตเห็นว่าเพื่อนสาวมีชายหนุ่มรูปงามมายืนรอส่งด้วย

กระทุ้งแขนเพื่อน “แฟนแกเหรอ”

“แฟน ?” กิดาหยันนิ่วหน้า มองตามสายตาเพื่อนแล้วต้องร้องค้านเสียงหลง “บ้า นี่แกใช้สมองส่วนไหนคิดเนี่ย ฉันเพิ่งออกจากโรงพยาบาลจะเอาเวลาไหนไปหาแฟน เพ้อเจ้อจริง”

“อ้าว ! แกไม่รู้จักเขาหรอกเหรอ แหม...เสียดายจัง ฉันเลยอดรู้จักด้วยเลย”

กิดาหยันกรอกตาขึ้นฟ้า เหนื่อยใจกับอาการบ้าผู้ชายของเพื่อนเต็มประดา จะว่าไปหล่อนก็ไม่รู้จักเขาจริงๆ นั่นแหละ เรื่องคิดจะแนะนำลืมไปเสียเถอะคุณกฤษณะ

“ไปได้แล้ว ถ้าพี่สาวฉันไปทำงานสายฉันจะโทษแก”

“รู้แล้วน่ะ ย้ำอยู่ได้” ตอบไปแล้วก็ฉีกยิ้มกว้างให้ชายหนุ่มข้างเพื่อนสาว รายนั้นก็ยิ้มตอบอย่างเป็นมิตร ช่างไม่รู้อะไรเสียเลยว่ากำลังถูกเพื่อนของหล่อนหว่านเสน่ห์





สรัน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 23 ธ.ค. 2555, 17:41:14 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 23 ธ.ค. 2555, 17:41:14 น.

จำนวนการเข้าชม : 1262





<< บทที่ 2   บทที่ 4 >>
Auuuu 23 ธ.ค. 2555, 18:44:42 น.
อ่านไปอ่านมา คาดว่านันท์น่าจะไม่ได้มีอะไรกับโยธิน โยธินน่าจะตามตื้อ รึเปล่า?? แหะๆ


lovemuay 23 ธ.ค. 2555, 20:50:19 น.
ไม่บอกว่าแน่เลยแล้ว รึเปล่าก็ไม่เขียน เดี๋ยวไรเตอร์แซวอีก อิอิ
ตกลงยังไม่รู้เลย ตกลงพ่อรูปหล่อของเราจะได้เจอนางเอกอีกเมื่อไหร่น้า?


สรัน 23 ธ.ค. 2555, 21:17:13 น.
Auuuu-ฮี่ๆ อันนี้ต้องดูกันต่อไปจ้า หลังๆ ระวัง รำคาญโยธินถึงที่สุดในสามโลกนะคะ555555
lovemuay -กร๊ากกกกกก รันไม่แซวแล้วก็ได้ ฮา...เดี๋ยวกิดาหยันมีวีรกรรมให้กวินภพจดจำไปอีกนานค่ะ มิต้องห่วง อิอิ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account