The song of heart...เพลงหัวใจ
“กิดาหยัน” ช่างภาพสาวประจำนิตยสารเลิฟลี่โฮมเพิ่งฟื้นตัวจากการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจได้ไม่นาน ก็ต้องมาพบกับเรื่องราวอันแสนน่าเวียนหัวของพี่สาวฝาแฝด “กิดานันท์” ที่ยังคงตัดใจจากอดีตแฟนเก่าอย่าง"โยธิน" ไม่ได้ แถมเจ้าเพื่อนเวร (กิดาหยันเรียกเขาว่าอย่างนั้น) ยังมีชนักติดหลัง พา “กวินภพ” อดีตว่าที่พี่เขยที่แสนจะคุ้มดีคุ้มร้ายเข้ามาเกี่ยวพันกับคนป่วยอย่างกิดาหยันอีก

งานนี้ช่างภาพสาวจะหลุดพ้นจากมลทินที่กวินภพกล่าวหาว่าหล่อนเป็นภรรยาลับได้หรือไม่

**ข้อมูลทั้งหมดในเรื่องเป็นสิ่งที่ผู้เขียนค้นคว้าไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ.2553**
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ 4

บทที่ 4


รถเปิดประทุนสีน้ำเงินเทียบจอดหน้าบ้านสามชั้นหลังมหึมา ชายร่างสูงก้าวลงจากรถโดยมีสาวใช้ประจำบ้านกุลีกุจอเข้ามาหวังว่านายจะมีของให้ช่วยขน แต่ต้องผิดหวังเมื่อคนเป็นนายโบกปัด

“ไม่ต้องหรอกมั่น ฉันแค่แวะมาเอาของไม่นาน” กวินภพเอ่ยบอกชายร่างท้วมที่รอรับกุญแจรถจากเขาเพื่อขับรถไปเก็บที่โรงจอดรถเหมือนเช่นทุกคราว

สาวเท้าเข้าไปในบ้านหากมีเสียงเรียกของสาวใช้คนหนึ่งรั้งไว้ “คุณผู้หญิงอยากพบคุณภพค่ะ ตอนนี้รออยู่ในห้องอาหารแล้ว”

กวินภพครางรับเป็นการรับรู้ ลูกชายรู้ดีว่ามารดาต้องการพบด้วยเรื่องอะไรสีหน้าเรียบเฉยเมื่อครู่จึงเปลี่ยนเป็นยุ่งเหยิง พ่นลมหายใจอย่างเซ็งๆ ก่อนเดินเข้าไปรับชะตากรรมตามคำบัญชานั้น

ภายในห้องอาหารขนาดโอ่โถงมีโต๊ะไม้สักตัวยาวตั้งวางอยู่กลางห้องและเก้าอี้นับสิบวางเรียงรอบโต๊ะ

หญิงมีอายุที่นั่งเด่นตระหง่านอยู่ตรงหัวโต๊ะ ส่งสัญญาณบอกเป็นนัยว่าให้สาวใช้ออกไปรอข้างนอก หล่อนอยากอยู่ตามลำพังกับลูกชาย “นั่งสิตาภพ”

ลูกชายทำตามอย่างว่าง่าย “ทำไมวันนี้แม่ถึงอยู่บ้านได้ล่ะครับ ปกติเช้าๆ แบบนี้เห็นออกไปทำงานแล้วทุกที”

“ใครบอกว่าวันนี้แม่จะอยู่บ้านกันละจ๊ะ แม่มีนัดกับคุณอนันต์ตอนสายๆ น่ะ” ทวีนุชหมายถึงเจ้าของบริษัทเงินทุนที่หล่อนมักหารือเรื่องธุรกิจพันล้านด้วยเสมอ “ว่าแต่เราเถอะสนใจจะไปกับแม่รึเปล่า คุณอนันต์พาหนูอรมาด้วยนะ ถ้าเราไปด้วยก็จะได้ทานข้าวกันพร้อมหน้าพร้อมตาเลย ไม่ได้เจอน้องนานแล้วไม่ใช่เหรอ”

คำถามหยั่งเชิงนั้นไม่เทียบเท่ากับชื่อของลูกสาวเจ้าของบริษัทเงินทุนที่ทำให้ลูกชายหัวเราะอยู่ในลำคอ “แม่จะมาถามผมให้เสียเวลาทำไม ในเมื่อแม่ก็น่าจะรู้คำตอบดีอยู่แล้ว”

“เรานี่จริงๆ ระวังเถอะ ถ้าคุณอนันต์มาได้ยินเข้า ลูกสาวเขาทั้งคน เกิดเขาส่งลูกสมุนมาหักคอเราแม่จะไม่ช่วยเลย” มารดาแกล้งเย้าอย่างอ่อนใจ

“เมื่อไหร่จะใจอ่อนเสียทีนะตาภพ ชีวิตนี้แม่เหลือเราอยู่คนเดียวที่จะช่วยดูแลบริษัทของแม่ได้เราก็รู้”

“แต่ผมยังมีร้านอาหารที่ทำร่วมกับเพื่อนๆ แม่ลืมไปแล้วเหรอครับ”

“มันก็ร้านที่ลูกเล่นดนตรีอยู่ไม่ใช่รึ แม่ไม่เห็นว่ามันจะทำเงินให้ลูกตรงไหน ทำเลก็ใช่ว่าจะดี ลูกค้าก็น้อย” ลูกชายเคยพามารดาไปดูร้านอาหารครั้งหนึ่งตอนที่เพิ่งเริ่มเปิดร้านใหม่ๆ แต่ด้วยสายตานักธุรกิจหญิงดีเด่นหลายปีซ้อนอย่างทวีนุชบวกกับประสบการณ์ด้วยแล้วย่อมอ่านเกมการตลาดออกทะลุปรุโปร่ง

“แม่เป็นห่วงอนาคตของเรานะตาภพ”

“ครับ ผมรู้ดีว่าแม่รักและเป็นห่วงผมเสมอ” ลูกชายกอดคอมารดาจากด้านหลังประจบ “เอาแบบนี้ เพื่อความสบายใจของแม่ผมสัญญาว่าถ้าผมเบื่องานที่ผมทำอยู่เมื่อไหร่ ผมจะยอมไปทำงานกับแม่ทันที ตกลงมั้ยครับ”

“จริงรึ” พอลูกชายตอบรับขึ้นมาจริงๆ คนที่ไม่มั่นใจกลับกลายเป็นหล่อนเสียเอง “อย่าหลอกให้คนแก่ดีใจนะเรา”

“โธ่แม่ครับ ใครบอกว่าแม่แก่กัน แม่ของผมยังสาวยังสวย ไม่อย่างนั้นลูกของแม่ไม่หล่อเลือกได้อย่างนี้หรอก”

ได้ยินเสียงออดอ้อนของลูกชายแล้วอดฟาดแขนคนอ้อนด้วยความหมั่นไส้ไม่ได้ “ทำเป็นพูดดีไป ตกลงเรายอมไปทำงานกับแม่แล้วใช่มั้ย”

“ยังไม่ยอมครับ แค่ขอเวลาทำใจนิดนึง”

“นั่นแหละ เป็นอันว่าเรารับปากแม่แล้ว ห้ามผิดคำสัญญาเด็ดขาด” มารดายื่นคำขาดมาเช่นนั้นกวินภพจึงได้แต่ยิ้มๆ หอมแก้มมารดาอย่างประจบเอาใจ

คล้อยหลังผละจากทวีนุชมาได้กวินภพก็ขึ้นบันไดบ้านมายังห้องนอนชั้นบน เขาดึงม่านลายลูกไม้ขึ้นเหนือบานหน้าต่าง อาศัยแสงอาทิตย์ที่ส่องเข้ามาทำลายความมืดที่ปกคลุมทั่วบริเวณ ช่วยให้มองเห็นข้าวของภายในห้องนอนที่เดิมเลือนรางในความทรงจำชัดเจนทันตา ก่อนที่จะทรุดตัวลงนั่งบนปลายเตียงใช้นิ้วเรียวสวยอย่างผู้หญิงลูบไล้ไปบนผ้าปูที่นอนที่คุ้นเคย เตียงขนาดกลางและข้าวของเครื่องใช้ของเขายังคงวางอยู่ที่เดิมไม่เปลี่ยนแปลง

หลังจากกวินภพช่วยหญิงสาวที่อพาร์ทเม้นท์หิ้วกระเป๋าลงมาชั้นล่าง รอส่งสาวเจ้าเรียบร้อยก็ขับรถมุ่งตรงมาที่บ้านเพื่อกลับมาเก็บเสื้อผ้าที่เหลือ ไม่นึกว่าการกลับมาเยือนครั้งนี้จะเจอมารดารอพบอยู่ที่บ้าน

ตั้งแต่บิดาเสีย...ครอบครัวของเขาเหลือเพียงมารดาและน้องสาว แต่ก่อนทวีนุชมารดาของเขาอาจหวังพึ่งสโรชินีลูกสาวของหล่อนให้ทำหน้าที่บริหารบริษัทนิตยสารแทนลูกชายที่ปฏิเสธความต้องการนี้มาตลอด แต่เมื่อกลับต้องมาเสียลูกสาวไปกะทันหัน ความหวังเดิมจึงกลับมาที่ลูกชายเพียงคนเดียวของครอบครัว

กรอบรูปตั้งโต๊ะบนหัวเตียงถูกหยิบขึ้นมาเชยชม รอยยิ้มหวานของหญิงสาวที่ยืนขนาบข้างเขาในภาพทำให้ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มจางๆ ออกมา อดหวนนึกถึงความสุขระหว่างเขากับน้องสาวยามที่อยู่ในบ้านหลังโตหลังนี้ด้วยกันไม่ได้

บ้านที่เคยอบอวลไปด้วยความรักระหว่างพี่น้อง...บัดนี้ มันคงไม่มีทางหวนกลับมาได้อีกแล้ว

‘ตาภพ ! ...นะ...น้องแย่แล้ว’ คืนที่สโรชินีเสียชีวิต กวินภพกำลังเล่นดนตรีอยู่ที่ร้านอาหารกับเพื่อน มารดาของเขาโทรศัพท์มาบอกถึงข่าวร้ายเกี่ยวกับน้องสาวในคืนนั้น

ทันทีที่รู้ข่าวพี่ชายก็ผลุนผลันออกจากร้านอาหารทันที แต่กว่าเขาจะมาถึงโรงพยาบาลมันก็สายไปเสียแล้ว สโรชินีเสียชีวิตก่อนหน้ากวินภพจะมาถึงโรงพยาบาลไม่ถึงนาที

...การจากไปของน้องสาวโดยที่เขาไม่มีโอกาสแม้แต่ร่ำลา...ยังคงเป็นตราบาปในใจพี่ชายมาจนถึงทุกวันนี้

สาเหตุที่กวินภพย้ายไปอยู่อพาร์ทเม้นท์ก็เพื่อที่จะลืมความทรงจำเลวร้ายเหล่านั้นออกไปจากหัวสมอง ยิ่งอยู่ไกลจากความทรงจำเก่าๆ ระหว่างเขากับน้องสาวได้เท่าไหร่ยิ่งดี !

เหตุผลนี้เขาไม่เคยบอกให้ทวีนุชรู้ เพราะถึงแม้มารดาจะไม่เคยแสดงความอ่อนแอให้ลูกชายเห็น แต่ลูกชายย่อมรู้ดีว่าการสูญเสียลูกไปทั้งคน...หัวอกของผู้เป็นแม่ย่อมเจ็บปวดสาหัสกว่าใคร

ถึงเขาจะเสียใจมากเพียงใดก็ต้องฝืนทำตัวให้เข้มแข็งเข้าไว้เพื่อเป็นหลักให้กับมารดา

และที่ตอบรับคำขอร้องนั้นในห้องอาหารก็เพื่อต้องการเห็นรอยยิ้มของมารดาเท่านั้น แค่ได้ยินทวีนุชหัวเราะได้ดังเดิมลูกชายก็หายห่วงแล้ว

“มัวคิดอะไรอยู่คะคุณภพ ปล่อยให้ป้าเคาะประตูตั้งหลายครั้ง”

เสียงสั่นเครือตามอายุขัยฉุดกวินภพหลุดจากห้วงภวังค์ หันมองหญิงมีอายุที่ยืนหลบอยู่หลังบานประตู “อ้าว ป้าผิง นึกว่าจะไม่เจอป้าเสียแล้วครับ”

หัวหน้าแม่บ้านยิ้ม “ป้ามัวแต่ยุ่งๆ อยู่ในครัวน่ะค่ะ พอคุณผู้หญิงบอกว่าคุณกลับมาบ้านป้าก็รีบมาหาเลยเผื่อคุณจะมีอะไรให้ป้าช่วย”

“ไม่ต้องหรอกป้า ผมแค่กลับมาเอาของนิดเดียว” กวินภพวางกรอบรูปลงที่เดิม เปิดลิ้นชักตู้ข้างหัวเตียงหยิบสิ่งที่เขาตั้งใจมาเอาโดยเฉพาะวางไว้บนตัก “เผอิญผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าลืมของที่จะให้กับทางโรงพยาบาลไว้น่ะครับ แล้วว่าจะพับเสื้อผ้าใส่กระเป๋าไปเพิ่มอีกสักสองสามตัว”

“เมื่อคราวก่อนก็พับไปเยอะแล้วนี่คะ นี่คุณคิดจะไปอยู่ยาวเลยเหรอคะเนี่ย”

กวินภพหัวเราะแห้ง ถึงป้าผิงจะอายุมากแต่ความจำของหล่อนดีเลิศทีเดียวล่ะ “ที่โน่นมันใกล้ที่ทำงานผมมากกว่าครับ”

“แน่ใจนะคะว่าเป็นเหตุผลนั้น อย่าให้ป้าจับได้ล่ะว่าแอบไปติดใจสาวที่นั่นเลยไม่ยอมกลับมาอยู่บ้าน”

“อะไรกันป้า ผมเนี่ยนะจะทำอะไรแบบนั้น”

“ไม่ทำน้อยไปสิคะ” ว่าแล้วก็อดยิ้มขันในสีหน้ากระอักกระอ่วนของลูกชายเจ้าของบ้านไม่ได้

หล่อนเห็นกวินภพตั้งแต่แบเบาะ ช่วยทวีนุชเลี้ยงเองมากับมือมีเหรอจะไม่รู้จักนิสัยชายหนุ่มตรงหน้า “ป้าไม่รู้หรอกค่ะว่าคุณคิดอะไรอยู่ แต่ป้ารู้ว่าคุณผู้หญิงไม่มีทางยอมให้คุณเอาผู้หญิงที่ไหนไม่รู้เข้ามาในบ้านโดยไม่ผ่านความเห็นชอบจากท่านก่อนแน่ๆ”

“แล้วแบบไหนล่ะครับที่ป้าคิดว่าผ่าน”

“อืม...อย่างน้อยลูกสะใภ้ของท่านก็ต้องมีความอ่อนหวาน เป็นกุลสตรีพร้อมพอที่จะมาดูแลลูกชายของท่านได้แหละค่ะ”

กวินภพนิ่วหน้าจินตนาการภาพผู้หญิงตามที่ป้าผิงว่า แต่แล้วภาพของหญิงสาวที่เขาเพิ่งช่วยขนกระเป๋าที่อพาร์ทเม้นท์เมื่อเช้าทำให้เขาหัวเราะ

ท่าทางอวดดีแถมยังปากเก่งอย่างเจ้าหล่อนคงไม่ใช่ผู้หญิงที่เป็นกุลสตรีพร้อมอย่างที่มารดาต้องการแน่

“ตายจริง ! คุณนี่ชวนป้าคุยเพลิน ป้ามีของสำคัญจะให้คุณด้วยค่ะ” หัวหน้าแม่บ้านเอ่ยพลางส่งซองเอกสารสีน้ำตาลที่ถือค้างอยู่ในมือนานแล้วให้ลูกชายเจ้าของบ้าน “ป้าตั้งใจจะให้คุณนานแล้วแต่ไม่มีโอกาสได้เจอสักที”

“อะไรเหรอครับ”

“ลองเปิดดูเองดีกว่าค่ะ ป้าเจอมันตกอยู่ที่ห้องของคุณโร”

ชื่อของน้องสาวทำให้คิ้วหนาขมวดเป็นปมยุ่ง ปากซองเอกสารนั้นอยู่ในลักษณะถูกฉีกขาดแสดงว่าก่อนหน้านี้ต้องมีคนเปิดดูของข้างในแล้ว

“ป้าเจอมันตอนที่คุมเด็กเข้าไปทำความสะอาดในห้องเธอน่ะค่ะ ตอนที่ป้าเจอ มันไม่ได้อยู่ในสภาพดีอย่างนี้หรอกนะคะ ซองไปทาง รูปไปทาง ไม่รู้ว่ามีรูปใบไหนหลงอยู่ที่ห้องอีกรึเปล่า ป้าเก็บรวบรวมมาได้เท่าที่เห็นเนี่ยละค่ะ”

“รูปเหรอป้า ?” กวินภพทวนคำอย่างงงๆ หลังจากสโรชินีเสียได้ไม่นานมารดาก็สั่งให้คนในบ้านขนย้ายข้าวของภายในบ้านที่เป็นส่วนของสโรชินีเก็บไว้ที่บ้านพักตากอากาศหลังโปรดของน้องสาวแล้วไม่ใช่เหรอ

ทำไมยังมีซองใส่รูปภาพหลงอยู่ในมือป้าผิง “เอาไปเก็บไว้ในห้องตามเดิมเถอะครับ หรือไม่ก็ให้คนขับรถเอาภาพพวกนี้ไปเก็บรวมกับของใช้ของเจ้าโรที่บ้านพักตากอากาศก็ได้ คงเป็นรูปสำคัญของน้อง”

“แต่ป้าขอให้คุณเปิดดูเถอะค่ะ มันน่าจะสำคัญสำหรับคุณด้วย”

ข้อสันนิษฐานของหัวหน้าแม่บ้านทำให้กวินภพจับต้นชนปลายไม่ถูกเข้าไปใหญ่ พลิกดูซองเอกสารในมืออย่างชั่งใจก่อนเปิดซองเอกสารที่ว่าออก

แต่แล้ว...สิ่งที่พบในซองเอกสารกลับสร้างความตะลึงงันแก่เขาไม่น้อย สิ่งที่เห็นคือภาพถ่ายสองใบกับกระดาษแผ่นเล็กซ้อนทับกันอยู่ในนั้น

“นี่มันรูปอะไรกัน” ถามแล้วก็หน้ายุ่ง ภาพที่ปรากฏให้เห็นเป็นภาพของหนุ่มสาวเดินควงกันออกมาจากคอนโด แห่งหนึ่ง ด้วยความที่ภาพถ่ายนั้นถูกถ่ายจากระยะไกลทำให้เขาเห็นฝ่ายหญิงไม่ชัดนัก คล้ายกับหล่อนหันหลังให้คนถ่าย หากฝ่ายชายนั้นเห็นเพียงเสี้ยวหน้าก็รู้แล้วว่าเป็นใคร !

“ป้าเจอซองนี้ในห้องของโรตอนไหน”

“ก็คืนที่เธอถูกหามส่งโรงพยาบาลเพราะกินยาเกินขนาดนั่นแหละค่ะ”

“นี่ป้ากำลังจะบอกผมว่า...”

หญิงมีอายุพยักหน้าช้า พร้อมกับกลืนน้ำลายลงคออย่างยากยามเสริมต่อความคิดนั้นว่า “ป้า...ป้าคิดว่าภาพพวกนี้...เป็นสาเหตุที่ทำให้คุณโรคิดสั้นฆ่าตัวตายค่ะ”









***********************



เสียงกระดิ่งแขวนตรงระเบียงดังกรุ๋งกริ๋งคราเดียวกับมีลมแรงพัดผ่านบานหน้าต่างเข้ามา

กิดาหยันผ่อนลมหายใจทิ้งไปตามสายลมเอื่อย ดื่มด่ำกับเสียงเพลงบรรเลงคลาสสิกที่บรรเลงด้วยเปียโนเปิดคลอ คลายความเมื่อยล้าไม่นานก็หยิบแผ่นซีดีเพลงที่เปิดจากคอมพิวเตอร์พกพาตรงหน้า กวาดสายตาไล่รายชื่อเพลงที่ปรากฏบนหลังแผ่น

ประตูห้องนอนเปิดออกคราเดียวกับที่พี่สาวฝาแฝดก้าวออกมาจากห้องอย่างอ่อนแรง กิดาหยันวางแผ่นซีดีลงบนโต๊ะ รีบเข้าไปช่วยประคองร่างที่อ่อนระโหยนั้นลงนั่งบนเบาะนุ่มหน้าโทรทัศน์

เปิดบานหน้าต่างและบานประตูฝั่งระเบียงเพื่อรับลมด้านนอกเข้ามามากขึ้น โชคดีที่วันนี้มีเมฆปกคลุมทั่วฟ้าจึงไม่มีแดดมากวนใจ หวังว่าสายลมอ่อนๆ จะช่วยให้กิดานันท์สดชื่นขึ้นมาบ้าง “ไปหาหมอเถอะนันท์ ฉันขอร้อง วันนี้เธออาเจียนไปสองรอบแล้วนะ”

กิดานันท์ส่ายหน้าเนือย พลางดมยาดมที่น้องสาวส่งให้ “ฉันไม่เป็นอะไรมากหรอกหยัน แค่โรคกระเพาะกำเริบเหมือนเคยนั่นแหละ”

“ก็ฉันบอกแล้วว่าอย่าโหมงานให้มากนัก ดีแค่ไหนที่วันนี้ฉันบังคับให้เธอโทรศัพท์ไปลางานกับทางโรงพยาบาลเขา ไม่อย่างนั้นป่านนี้เธอได้เป็นลมคาเตียงคนป่วยไปแล้ว” หล่อนว่าพลางทิ้งตัวลงนั่งข้างกายพี่สาว

ตั้งแต่เช้ามืดจู่ๆ กิดานันท์ก็ลุกขึ้นมาอาเจียนกลางดึก น้องสาวเลยไม่เป็นอันนอนอย่างใจต้องการต้องลุกขึ้นมาปรนนิบัติพี่สาวตลอด กระทั่งสาย กิดานันท์ก็มีอาการขึ้นมาอีกรอบจนผล็อยหลับไป การวิ่งเข้าวิ่งออกระหว่างหน้าโทรทัศน์กับห้องน้ำทำให้กิดาหยันพลอยหมดแรงไปด้วย

ทรุดตัวลงนั่งข้างพี่สาว เหลือบมองอย่างเห็นใจ

“หิวรึเปล่านันท์ ฉันจะได้โทร.ไปเร่งยัยคิตตี้เดี๋ยวนี้แหละ” เอ่ยถึงเพื่อนครึ่งหญิงครึ่งชายแล้วถอดใจ รายนั้นบอกว่าจะเป็นคนซื้ออาหารมื้อเที่ยงมาฝากหล่อนกับเจ้าของห้องวันนี้เอง แต่ไฉนปาเข้าไปเกือบบ่ายแล้วยังไม่เห็นโผล่หัวมาเลย นัดไม่เป็นนัดจริงๆ ยัยเพื่อนคนนี้

กิดานันท์ส่ายหน้าแทนคำตอบ เอนกายพิงพนักเก้าอี้หลับตาพักสายตาราวกับหวังให้เสียงเพลงจากคอมพิวเตอร์ของน้องสาวช่วยให้รู้สึกดีขึ้น “ฉันเพิ่งรู้นะว่าเดี๋ยวนี้เธอฟังเพลงคลาสสิกกับเขาด้วย”

กิดาหยันเพียงยักไหล่อย่างไม่ยี่หระในคำแซวนั้น ไม่แปลกหรอกถ้า กิดานันท์จะสงสัยในตัวน้องสาว ก็ร้อยวันพันปีหล่อนไม่เคยคิดจะฟังเพลงสักเพลง อย่างมากแค่เพลงป๊อบใสๆ ธรรมดาเปิดผ่านหูไปเท่านั้น

ลุกขึ้นไปกดหรี่เสียงเพลงให้เบาลงไม่ขัดการสนทนา “เธอน่าจะกินอะไรสักหน่อยนะนันท์ เอานมสักแก้วมั้ย เดี๋ยวฉันไปรินมาให้”

พี่สาวยิ้มขอบคุณถึงยิ้มนั้นจะซีดอยู่มากก็ตาม เกรงใจน้องสาวอยู่เหมือนกันแต่แค่ลุกขึ้นยืนตอนนี้หล่อนยังแทบไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะพยุงตัวเองลุกขึ้นด้วยซ้ำ

เสียงกริ่งหน้าประตูห้องดังขึ้นทำลายความเงียบภายในห้อง กิดานันท์จะลุกขึ้นมาเปิดประตูด้วยตัวเองหากน้องสาวยกมือเป็นเชิงห้าม คงเป็นกฤษณะนั่นแหละที่มา ก่อนจัดการรินนมในตู้เย็นใส่แก้ว ส่งให้พี่สาว สาวเท้าไวไปเปิดประตูรับคนด้านนอก

“กว่าจะมาได้นะแก...บก.!”

กิดาหยันเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อพบว่าคนหลังประตูบานนั้นไม่ใช่ ‘คิตตี้’ อย่างที่คิด แต่เป็นจักรชัยบรรณาธิการนิตยสารเลิฟลี่โฮม

ชายร่างสันทัดตรงหน้าฉีกยิ้มกว้างชวนสยอง “ผมซื้อของกินมาฝากครับ เห็นกฤษบอกว่าคุณยังอยู่ในช่วงพักฟื้นไม่ใช่เหรอ ไม่น่ามาเปิดประตูรับผมเองเลยเดี๋ยวก็เป็นลมเป็นแล้งไปพอดี”

ไม่มีคำตอบจากกิดาหยัน หล่อนกำลังนิ่งอึ้งที่อยู่ดีๆ หัวหน้าก็มาโผล่ที่หน้าห้องของพี่สาวฝาแฝดได้เลยส่งยิ้มให้จักรชัยฝาดเฝื่อนพิกล ก่อนถอยหลบให้อีกฝ่ายเข้ามาในห้องตามมารยาท ไม่แปลกที่รายนั้นถึงได้ไม่รีรอที่จะก้าวเข้ามาในห้องพักใหม่ของลูกจ้างสาว

กิดาหยันกำลังจะปิดประตูแต่กลับมีมือของใครอีกคนดันไว้จึงชะงัก

กฤษณะซึ่งหลบอยู่หลังกำแพงข้างบานประตูโผล่หน้าออกมา ยิ้มแหยทักเพื่อนอย่างรู้ตัว

“ขอโทษนะแกที่ไม่ได้โทรศัพท์มาเตือนภัยก่อน เผอิญดวงซวยไปเจอบก.เข้าที่โรงอาหารของบริษัทตอนไปซื้ออาหารมาให้แกกับนันท์นั่นแหละ”

“ย่ะแม่ดวงซวย ฉันเลยพลอยซวยไปด้วยเลย” กิดาหยันไม่เปิดและก็ไม่ปิดประตูให้ ปล่อยมันอ้าค้างอยู่อย่างนั้นเชิดหน้าใส่เพื่อนด้วยความหมั่นไส้ก่อนตามหัวหน้าเข้ามาในห้อง





****************************************

Merry'x Mas ค่าทุกคน ^___^ มีความสุขมากๆนะคะ
วันนี้เอารูปมาฝากด้วยจ้า เมื่อวานรันไปเอเชียทีคมาสวยมาก>< เลยถ่ายรูปมาฝาก กำลังหิมะตกเลย ฮี่ๆ
http://www.facebook.com/photo.php?fbid=141264446027796&set=a.120669788087262.25570.120656234755284&type=1&theater



สรัน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 ธ.ค. 2555, 18:01:23 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 ธ.ค. 2555, 18:07:58 น.

จำนวนการเข้าชม : 1290





<< บทที่ 3   บทที่ 5 >>
lovemuay 25 ธ.ค. 2555, 22:06:44 น.
เสี้ยวหน้าที่แค่พระเอกมองปุ๊บก็รู้ว่าเป็นใคร แต่ไม่รู้ว่ามีฝาแฝดน่ะสิ
รู้สึกว่าเนื้อหาเรื่องเข้มข้นขึ้นซะแล้ว อิอิ


สรัน 26 ธ.ค. 2555, 13:09:43 น.
ได้กลิ่นตุๆว่ากิดาหยันจะงานเข้าค่ะ55555


nunoi 26 ธ.ค. 2555, 18:08:39 น.
อ้าว อย่าบอกนะ ว่ารูปที่ทำให้น้องคุณภพสิ้นสั้น คือรูปของนันท์ กับ โยธิน อ่ะ
งานงอกแน่ๆ กิดาหยัน


สรัน 26 ธ.ค. 2555, 19:39:50 น.
กร๊ากกกก รันขออุบไว้ก่อนดีกว่า แฮ่


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account