เจ้าสาวแสนแสบ
เมื่อสายลับสาวแสบ ต้องจับพลัดจับผลูไปเป็นเมียเจ้าพ่อหนุ่มเข้าให้
มาลุ้นกันว่า...เธอจะทำภารกิจลับที่ได้รับมอบหมายสำเร็จ
หรือจะ...เสร็จ...มาเฟียตัวร้ายก่อนกัน!!
และถ้าต้องเลือก...เธอจะเลือกอย่างไหน...
หน้าที่...หรือ...หัวใจ
มาลุ้นกันว่า...เธอจะทำภารกิจลับที่ได้รับมอบหมายสำเร็จ
หรือจะ...เสร็จ...มาเฟียตัวร้ายก่อนกัน!!
และถ้าต้องเลือก...เธอจะเลือกอย่างไหน...
หน้าที่...หรือ...หัวใจ
Tags: รัตนรัตน์,เจ้าสาวแสนแสบ,romantic comedy
ตอน: บทที่ 4 : กระตุกหนวดเสือ (PART II)
เจ้าสาวแสนแสบ
โดย รัตนรัตน์
บทที่ 4 : กระตุกหนวดเสือ (ต่อ)
“ที่นี่นะเหรอ?”
ภิตะวันมองดูอาคารขนาดใหญ่เบื้องหน้าด้วยแววตาฉงน นึกแปลกใจไม่น้อยว่าทำไม ‘ดนัย’ ซึ่งเป็นรุ่นพี่ที่คอยสอนงาน กับทั้งเป็นคนที่เธอต้องทำหน้าที่เป็นคู่หู คอยสืบหาข้อมูลร่วมกับเขา จะนัดเธอมา ณ ที่แห่งนี้ หนำซ้ำยังบอกให้เธอปลอมตัวมาอีกต่างหาก ทั้งๆ ที่ถ้าแค่เพียงจะมอบหมายงานชิ้นใหม่ให้ นัดเจอกันตามร้านอาหารธรรมดาๆ สักร้านไม่ง่ายกว่าหรือ
ใบหน้าหวานถูกซ่อนอย่างมิดชิดภายใต้หนวดและเคราที่ยาวตลอดแนวข้างแก้มจนถึงขากรรไกร ส่งให้ใบหน้านวลดูเข้มและมาดแมนขึ้น ขณะที่เส้นผมยาวสลวยถูกรวบเก็บไว้ใต้วิกผมสั้นที่จัดทรงตามสมัยนิยม เรือนร่างผอมเพรียวได้สัดส่วนถูกปกปิดด้วยชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงแสล็คและรองเท้าหนังสีดำ เสื้อผ้าที่สวมใส่นั้นดูผ่านๆ คล้ายคลึงกับบริกรที่ยืนต้อนรับและเด็กเสริฟตามร้านอาหารทั่วไป ด้วยเพราะเจ้าตัวไม่อยากทำตัวให้โดดเด่นนั่นเอง
ร่างบางเดินเข้าสู่ด้านในอาคาร ส่วนชั้นล่างเป็นคลับหรูตกแต่งในสไตล์ทันสมัย ชั้นบนเป็นร้านอาหารนานาชาติ และเลาจ์สำหรับบริการแขกวีไอพี ทั้งนี้ผู้คนที่มาใช้บริการมีไม่มากนัก น่าจะเป็นเพราะความหรูหราของสถานที่และบริการก็เป็นได้
ภิตะวันเลือกนั่งยังโซฟาด้านในสุด ซึ่งเป็นมุมมืดและห่างไกลผู้คน ส่วนหนึ่งก็เพื่อที่เธอจะได้สังเกตความเป็นไปของใครต่อใครได้สะดวก ว่าแล้วก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาหมายโทรหาดนัยอีกครั้ง แต่ยังไม่ทันได้กดโทรออก ใครบางคนที่เธอแช่งชักหักกระดูกมาตลอดสองสามวันที่ผ่านมาก็ปรากฏตัวขึ้น
“นั่นมันไอ้เจ้าพ่อขี้เก๊กนี่นา...มาทำอะไรที่นี่นะ!” ภิตะวันมองตามร่างสูงใหญ่ในชุดสูทเรียบหรูที่ดูดีทุกกระเบียดนิ้ว ซึ่งกำลังเดินเข้าสู่ด้านในคลับแห่งนี้พร้อมกับบรรดาลูกน้องคนสนิทอีกจำนวนหนึ่ง
ใบหน้าของชายคนนั้นโดดเด่นราวกับมีออร่าในตัว ด้วยรูปหน้าที่พอเหมาะ รับกับดวงตาคมเข้มแสนทรงอำนาจ จมูกโด่ง ริมฝีปากบางเฉียบ ทำให้เหล่าพนักงานและผู้คนที่มาใช้บริการอดเหลียวมองราวกับโดนคาถานะจังงังไม่ได้
“ใครๆ ก็แอบมอง แหวะ! หล่อตายล่ะ! เช๊อะ! สงสัยวันๆ จะถนัดแต่ชี้นิ้วสั่ง ดูซิหนังหน้าขาวเนียนใสอมชมพูซะขนาดนั้น แล้วดูหน้าพวกลูกน้องสิ...ดูได้ที่ไหน หน้าดำยังกะขี่คูโบต้าไถนาทั้งปีงั้นแหละ!”
ภิตะวันแอบค่อนขอดอีกฝ่าย ด้วยเธอยังโมโหชายหนุ่มตรงหน้าไม่หายที่เคยทุ่มเธอลงไปกองกับพื้น นักยูโดสายดำอย่างเธอไม่เคยเสียท่าให้ใครมาก่อน ทั้งนี้เจ้าตัวเชื่อมั่นว่า...ที่ตนนั้นเพลี่ยงพล้ำน่าจะเป็นเพราะอีกฝ่ายเล่นทีเผลอ ในขณะที่เธอยังไม่ทันตั้งตัวนั่นเอง...
หญิงสาวลืมไปเสียสนิทว่า เป็นเธอต่างหากเล่า ที่เป็นฝ่าย...เริ่มก่อน!
‘ฉันจะทำให้นายมาสยบอยู่ใต้ฝ่าเท้าของฉันให้ได้ คอยดูสิ!’ ภิตะวันให้คำสัญญากับตัวเองในใจ ก่อนจะมองไปยังชายหนุ่มคนดังกล่าวด้วยแววตาหมายมาด และเมื่อเห็นว่าชายในชุดสูททั้งหลายเดินขึ้นบนไดเวียนไปสู่สู่ชั้นสองของตัวอาคาร เจ้าตัวก็รีบตามไปทันที ไม่ลืมทิ้งระยะห่างไว้ช่วงหนึ่ง เพราะเธอยังไม่อยากถูกอีกฝ่ายจับได้เสียก่อน
หญิงสาวเห็นคนเหล่านั้นหายเข้าไปยังห้องวีไอพี จากนั้นประตูก็ถูกปิดตาย พร้อมกับมีบอดี้การ์ดสองคนยืนคุมเชิงอยู่ด้านหน้า
“บ้าจริง หายเข้าไปในห้องซะแล้ว เอาไงดีเนี่ย?”
ภิตะวันเอ่ยด้วยความเสียดาย ขณะยืนซุ่มแอบดูห้องๆ นั้นไม่วางตา ไม่นานก็มีชายกลุ่มเล็กอีกกลุ่มตาเข้าไปในห้องนั้น ดูจากรูปร่างหน้าตา คนกลุ่มหลังน่าจะเป็นชาวญี่ปุ่น จากลักษณะการแต่งกายและท่วงท่าการเดินเหินที่ทรงพลัง ทำให้เธอเดาว่าคนเหล่านี้น่าจะเป็นมาเฟียจากแดนปลาดิบเป็นแน่...
‘ไอ้หมอนั่นต้องนัดคุยเรื่องเลวๆ กับพวกแก๊งค์มาเฟียญี่ปุ่นแหงๆ’ หญิงสาวผู้มีความฉลาดล้ำคิดในใจ จากนั้นจึงหวนคิดถึงสิ่งที่ตนแอบได้ฟังมาเมื่อหลายวันก่อน ...
‘ของ’
...หรือว่ามันจะเกี่ยวข้องกัน!
‘แต่บ้าจริง หายเข้าไปในห้องแบบนี้แล้วเราจะรู้เรื่องได้ยังไงกันล่ะ’ ภิตะวันคิดด้วยความเสียดาย หากแต่เพียงแค่ชั่วประเดี๋ยวเดียวร่างสูงในชุดสูทสีเข้มของศัตรูคู่อริก็เดินออกจากห้องมา ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะต้องการคุยโทรศัพท์เพียงลำพัง และคงไม่อยากให้คู่เจรจารับรู้เรื่องราวเหล่านั้นได้ ถึงได้ขอตัวเลี่ยงออกมานอกห้องเช่นนี้
“ไม่ต้องตามไป!” เสียงเข้มสั่ง ก่อนจะเดินออกไป
ข้างภิตะวันเมื่อเห็นศัตรูคู่อาฆาตเดินออกมาจากห้องเพียงลำพังเจ้าตัวก็อดยิ้มมุมปากไม่ได้ “ฟ้าเป็นใจสุดๆ! ...ไม่ก็...คนมันจะซวยช่วยไม่ได้จริงๆ หึๆ”
เรื่อง ‘ของ’ อะไรนั่นเอาไว้ก่อนละกัน ตอนนี้ขอเอาคืนให้หายแค้นก่อนดีกว่า ด้วยเพราะโอกาสงามๆ ใช่ว่าจะผ่านมาบ่อยๆเสียที่ไหน ว่าแล้วเจ้าตัวก็หันรีหันขวางมองหาอุปกรณ์ช่วยไปรอบกาย และในที่สุดก็พบ...
ไม่ไกลออกไปมีถังน้ำใบใหญ่ที่ถูกวางหลบอยู่ตรงมุมผนัง พร้อมกับไม้ถูพื้นก้านยาวและเสื้อคลุมแม่บ้านที่ถูกพาดอยู่ด้านบน และเมื่อก้มดูเห็นน้ำสีดำคล้ำด้านใน หญิงสาวผู้มีนิสัยเจ้าคิดเจ้าแค้นก็อดยิ้มมุมปากไม่ได้ เธอยังจำสายตาชื่นชมในมาดสุดเท่ หล่อเหลา ดูดีของศัตรูคู่อาฆาต ที่ส่งมาจากบรรดาสาวน้อยสาวใหญ่ตอนที่เขาเดินเข้ามาสู่ด้านในตัวอาคารได้ดี ไม่รู้ว่าเพราะความหล่อ หรือเพราะอวัยวะส่วนไหนของเขาเลี่ยมทองก็ไม่รู้ จึงทำให้แม้แต่ป้าแก่ๆ ที่อายุอานามแย้มฝาโรงก็ยังมองตามเขาตาละห้อย
“หล่อ เข้ม เท่ มาดแมนบาดใจนักใช่มั้ย! คราวนี้รับรองได้หล่อ‘เข้ม’ จริงๆ แน่ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เสียงหัวเราะอย่างนางร้ายดังขึ้น อยากรู้จริงว่าถ้าหน้าขาวๆ ผิวเนียนๆ ของไอ้เจ้าพ่อขี้เก๊ก จอมยโสคนนั้นกระดำกระด่างเพราะน้ำคลำพวกนี้จะเป็นยังไง!
ว่าแล้วจึงไม่รอช้า คว้าถังใบใหญ่ที่ด้านในบรรจุน้ำสีคล้ำที่คาดว่าน่าจะเป็นน้ำที่เกิดจากการล้างผ้าถูพื้น เดินไปยังเป้าหมาย ไม่ลืมหยิบผ้ากันเปื้อนขึ้นมาสวมเพื่อความแนบเนียนอีกที
ด้านเจ้าพ่อหนุ่มนั่งไขว่ห้างอย่างมีมาดอยู่บนโซฟาทรงหลุยส์หุ้มผ้าบุสีแดงเข้ม ดวงตาสีสนิมทรงอำนาจมองไกลออกไปยังหน้าต่างทรงสูงซึ่งแสดงภาพการจราจรขวั่กไขว่ภายนอก ขณะที่ริมฝีปากบางเฉียบเป็นเส้นตรงขณะรับฟังคำพูดจากปลายสาย ชายหนุ่มคนดังกล่าวหาได้รู้เลยว่า...ภัยร้ายกำลังย่างกรายเข้ามาใกล้ตัวเพียงไร
‘นั่งยังกะตุ๊ด แอ๊บแมนป่าววะ?’ ภิตะวันแอบแขวะในใจกับท่านั่งแบบผู้ดีแปดสาแหรกของอีกฝ่าย ที่ดูเผินๆ ก็เหมือนมาเฟียหนุ่มสุดเท่ หากแต่ดูไปดูมาก็คล้ายๆ พวกชายไม่จริงอยู่ไม่ใช่น้อย
‘จะตุ๊ดแต๋วหรืออะไรก็เรื่องของนาย ฉันไม่สน! รู้แต่ว่านายจะต้องชดใช้ที่ทำกับฉันเมื่อวันก่อน!’
หญิงสาวกะไว้ว่าจะเอาคืนด้วยการสาดน้ำสกปรกไปยังฝ่ายตรงข้าม จากนั้นจึงเอาถังครอบหัวเขาไว้ แล้วค่อยซัดให้หายแค้นซักตุ๊บสองตุ๊บ จากนั้นก็เปิดหนีให้เร็วที่สุด ว่าแล้วก็มองทางหนีทีไล่ไว้ให้ตัวเองเสร็จสรรพ ซึ่งโชคดีเหลือเกินที่ใกล้ๆ กันนั้นเป็นทางออกสู่บันไดหนีไฟ เจ้าตัวจึงหมายมาดไว้ว่าเส้นทางสวรรค์เส้นนี้แหละที่จะพาเธอให้หนีรอดไปได้
ร่างบางจึงทำทีก้มหน้าก้มตาถูพื้นไปยังบริเวณที่เจ้าพ่อหนุ่มนั่งอยู่ และเมื่อเห็นว่าเหล่าบอดี้การ์ดไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร ฝ่าเท้าขนาดเล็กก็ค่อยๆ คืบคลานเข้าหาทีละก้าวสองก้าว จนในที่สุดก็อยู่ในระยะประชิด ตำแหน่งที่เธอยืนอยู่นั้นห่างจากชายหนุ่มจอมเก๊กไม่ถึงเมตร และดูท่าว่าอีกฝ่ายจะยังไม่รู้ตัวเสียด้วย เพราะดูเหมือนว่าเรื่องราวที่คุยผ่านทางโทรศัพท์จะเป็นเรื่องที่สำคัญเอามากๆ ใบหน้าขรึมจึงตีหน้าเครียดและทำราวกับว่าอยู่ในโลกส่วนตัว
‘เอาวะ ตอนนี้แหละ!’ ภิตะวันก้มลงจับหูหิ้วถังน้ำเตรียมยกขึ้น
ทว่าจู่ๆ เป้าหมายของเธอก็ดันลุกขึ้นยืนซะก่อน!
‘เฮ้ย! มีตาหลังรึเปล่าเนี่ย?’
หญิงสาวจำต้องถอยออกไปตั้งหลักอีกครั้ง หากแต่เพราะกำลังถูพื้นอยู่ และเธอเองก็แสดงท่าถูๆๆๆๆ อยู่บริเวณด้านหลังโซฟาที่เขานั่งนานเกินไปแล้ว กลัวจะผิดสังเกตจึงจำต้องย้ายตำแหน่งมาด้านข้างโซฟาตัวดังกล่าวแทน ไม่ลืมที่จะยกผ้าจุ่มลงในถังน้ำอีกทีเพื่อความสมบทบาท แต่เพราะมัวแต่เหลือบมองใครบางคนอยู่ตลอดเวลา จึงไม่ได้สังเกตเลยว่าผ้าที่เธอชุบน้ำนำมาถูพื้นนั้นเปียกชุ่มแค่ไหน ดังนั้นถูไปได้ไม่กี่ที น้ำสีดำจางๆ จึงเจิ่งนองไปทั่วบริเวณ
ข้างเจ้าพ่อหนุ่มเมื่อจบบทสนทนาทางโทรศัพท์ ก็ทำท่าจะก้าวออกไปจากที่แห่งนั้น ภิตะวันตั้งใจไว้ว่าจะใช้โอกาสครั้งสุดท้ายของตนหนนี้แหละ จัดการเอาคืนคู่อริ แต่ดูเหมือนว่าฟ้าดินจะไม่เป็นใจ เพราะทันทีที่เธอก้มลงหมายคว้าถังน้ำขึ้นมานั้น ฝ่าเท้าเจ้ากรรมก็ดันลื่นไถลไปกับน้ำคลำที่นองพื้น
พลั่ก!!!
ร่างบางเสียหลักลื่นจนเซไปชนเข้ากับใครบางคนเข้าอย่างจัง แรงกระแทกทำให้ร่างสองร่างพากันล้มไปยังโซฟาตัวกว้างด้วยกัน แต่นั่นคงไม่ร้ายแรงเท่ากับที่ใบหน้าของเธอไปซบอยู่บนอะไรบางอย่างของเขาเข้า!!!
ใบหน้าเนียนใต้หนวดและเคราจึงแดงแปร๊ดยิ่งกว่ามะเขือเทศสุก ก็อะไรบางอย่างที่ว่านั้น จะเป็นอะไรเธอคงไม่รู้สึกแย่เท่ากับ....
บรึ๊ยยยยย!!!!
‘ซวยอิ๊บหาย!!!’ ภิตะวันร้องลั่นในใจ ดวงตาคู่โตเบิกกว้างราวกับเห็นผีกลางวันแสกๆ ด้วยตกใจยิ่งนักเมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังล้มทับอยู่บนร่างของศัตรูคู่อริ ในท่าที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าถ้ามีใครเห็นเข้าจะเข้าใจผิดว่าอย่างไร...
‘บ้าเอ๊ย! ทำไมถึงได้กะเปิ๊บกะป๊าบได้ขนาดนี้นะ ยัยตะวัน! รู้อยู่ว่าเป็นโรคไม่ถูกับงานบ้าน ยังหาเรื่องจนได้เรื่องอีกนะเรา’ หญิงสาวแทบจะอยากเขกกะโหลกตัวเองเสียให้รู้แล้วรู้รอดกับซุ่มซ่ามของตนที่ดูท่าจะผิดที่ผิดเวลาอย่างสุดๆ
ว่าแล้วเจ้าของใบหน้าแดงก่ำก็เด้งตัวออกจากสถานที่ไม่พึงประสงค์รวดเร็วราวกับติดสปริง เร็วชนิดที่ไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายทันเอ่ยไล่เสียด้วยซ้ำ
หญิงสาวไม่กล้าแม้แต่จะสบตาชายคนดังกล่าวสักนิด....ก็ถ้าใครประสบสถานการณ์อย่างเธอ แล้วยังกล้ามองหน้าคู่กรณีได้อีกล่ะก็ มันก็ไม่ธรรมดาแล้วล่ะ!!!
เธอไม่รู้หรอกว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกอย่างไรเพราะยังไม่กล้ามองหน้าเขา รู้แต่ได้ยินเสียงลมหายใจฟึดฟัดคล้ายคนที่พยายามสะกัดกั้นอารมณ์โมโหโกรธาจากชายหนุ่มผู้เป็นคู่กรณี...แน่ล่ะเป็นใครก็น่าจะโกรธนะ ที่สำคัญน่าจะ ‘จุก’ ไม่ใช่น้อย!!!
บอดี้การ์ดสองคนที่เห็นเหตุการณ์รีบรุดเข้ามาใกล้ พร้อมกับกระชับปืนที่ซ่อนอยู่ในชุดสูทเพื่อเตรียมพร้อม “เจ้านายมีอะไรรึเปล่าครับ?”
ทว่าดูเหมือนว่าดวงของเธอจะยังไม่ถึงฆาต เมื่อสุดท้ายเจ้าพ่อหนุ่มก็สั่งห้ามบรรดาลูกน้อง
“ไม่ต้อง ไม่มีอะไร!” น้ำเสียงดุดันแฝงความเกรี้ยวกราดเอ่ยปฎิเสธ
“เอ่อ...คือว่า...ผมขอโทษฮะ ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ” เสียงขอโทษขอโพยตะกุกตะกักดังขึ้นจากริมฝีปากจิ้มลิ้มสีชมพูสด ก็ใครจะไปคิดล่ะว่าเหตุการณ์จะกลับตาลปัตรไปเป็นแบบนี้ได้ เธอไม่ได้ต้องการทำร้ายเขาด้วยวิธี...ที่...เอ่อ...เปลืองตัวแบบนี้!...นี่ดูซิ ไม่รู้ว่าคืนนี้กลับบ้านไปจะนอนหลับรึเปล่า ซวยชะมัด!!!
“ไม่ต้องพูดมาก ออกไปให้พ้นหน้าฉันเดี๋ยวนี้!”
พายุสะบัดมือไล่อย่างไม่สนใจมากนัก เพราะลำพังเรื่องยุ่งๆ ที่เขาเพิ่งได้รับรู้ทางโทรศัพท์เขาก็ปวดหัวมากพอแล้ว แล้วนี่ยังต้องมาเผชิญกับเรื่องไม่เป็นเรื่องเช่นนี้อีก
เมื่อได้ยินดังนั้นภิตะวันจึงรีบหันหลังกลับโดยเร็ว นึกขอบคุณฟ้าและดินที่แม้จะไม่เป็นใจ แต่ก็ไม่ถึงกับลงโทษให้เธอต้องโชคร้ายไปกว่านี้ ‘เอาวะ โอกาสหน้ายังมี คราวนี้ขอถอยไปตั้งหลักก่อนแล้วกัน’หญิงสาวคิดในใจ ก่อนจะทำปากขมุบขมิบเอ่ยคำพูดของบรรดาตัวร้ายในหนังบู๊ ยามต่อสู้แพ้พระเอกในเรื่อง...ฝากไว้ก่อนเถอะ ไว้วันหลังจะมาเอาคืน!
ร่างสูงใหญ่ของเจ้าพ่อหนุ่มยืนขึ้นเต็มความสูง ก่อนจะปัดไปตามเนื้อตามตัวอย่างมีมาด และนั่นก็ทำให้เขาเห็นอะไรบางอย่างตกอยู่บนเบาะโซฟา
นิ้วเรียวยาวหยิบเจ้าของสิ่งนั้นขึ้นมาดู
“เดี๋ยวก่อน!”
น้ำเสียงทรงอำนาจที่ดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้ภิตะวันสะดุ้งวาบ
“หันหน้ากลับมาช้าๆ!”
to be continued....
***************************
ตอนนี้มีฉากไม่เหมาะกะเยาวชนเล็กน้อย หุหุ >///<
(ใครหาไม่เจอ อยากรู้ว่าฉากไหนฟระ หลังไมค์มาถามนะ 5555)
ขอบคุณที่แวะมาเน้อ...^^
รัตนรัตน์
*****************************
โดย รัตนรัตน์
บทที่ 4 : กระตุกหนวดเสือ (ต่อ)
“ที่นี่นะเหรอ?”
ภิตะวันมองดูอาคารขนาดใหญ่เบื้องหน้าด้วยแววตาฉงน นึกแปลกใจไม่น้อยว่าทำไม ‘ดนัย’ ซึ่งเป็นรุ่นพี่ที่คอยสอนงาน กับทั้งเป็นคนที่เธอต้องทำหน้าที่เป็นคู่หู คอยสืบหาข้อมูลร่วมกับเขา จะนัดเธอมา ณ ที่แห่งนี้ หนำซ้ำยังบอกให้เธอปลอมตัวมาอีกต่างหาก ทั้งๆ ที่ถ้าแค่เพียงจะมอบหมายงานชิ้นใหม่ให้ นัดเจอกันตามร้านอาหารธรรมดาๆ สักร้านไม่ง่ายกว่าหรือ
ใบหน้าหวานถูกซ่อนอย่างมิดชิดภายใต้หนวดและเคราที่ยาวตลอดแนวข้างแก้มจนถึงขากรรไกร ส่งให้ใบหน้านวลดูเข้มและมาดแมนขึ้น ขณะที่เส้นผมยาวสลวยถูกรวบเก็บไว้ใต้วิกผมสั้นที่จัดทรงตามสมัยนิยม เรือนร่างผอมเพรียวได้สัดส่วนถูกปกปิดด้วยชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงแสล็คและรองเท้าหนังสีดำ เสื้อผ้าที่สวมใส่นั้นดูผ่านๆ คล้ายคลึงกับบริกรที่ยืนต้อนรับและเด็กเสริฟตามร้านอาหารทั่วไป ด้วยเพราะเจ้าตัวไม่อยากทำตัวให้โดดเด่นนั่นเอง
ร่างบางเดินเข้าสู่ด้านในอาคาร ส่วนชั้นล่างเป็นคลับหรูตกแต่งในสไตล์ทันสมัย ชั้นบนเป็นร้านอาหารนานาชาติ และเลาจ์สำหรับบริการแขกวีไอพี ทั้งนี้ผู้คนที่มาใช้บริการมีไม่มากนัก น่าจะเป็นเพราะความหรูหราของสถานที่และบริการก็เป็นได้
ภิตะวันเลือกนั่งยังโซฟาด้านในสุด ซึ่งเป็นมุมมืดและห่างไกลผู้คน ส่วนหนึ่งก็เพื่อที่เธอจะได้สังเกตความเป็นไปของใครต่อใครได้สะดวก ว่าแล้วก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาหมายโทรหาดนัยอีกครั้ง แต่ยังไม่ทันได้กดโทรออก ใครบางคนที่เธอแช่งชักหักกระดูกมาตลอดสองสามวันที่ผ่านมาก็ปรากฏตัวขึ้น
“นั่นมันไอ้เจ้าพ่อขี้เก๊กนี่นา...มาทำอะไรที่นี่นะ!” ภิตะวันมองตามร่างสูงใหญ่ในชุดสูทเรียบหรูที่ดูดีทุกกระเบียดนิ้ว ซึ่งกำลังเดินเข้าสู่ด้านในคลับแห่งนี้พร้อมกับบรรดาลูกน้องคนสนิทอีกจำนวนหนึ่ง
ใบหน้าของชายคนนั้นโดดเด่นราวกับมีออร่าในตัว ด้วยรูปหน้าที่พอเหมาะ รับกับดวงตาคมเข้มแสนทรงอำนาจ จมูกโด่ง ริมฝีปากบางเฉียบ ทำให้เหล่าพนักงานและผู้คนที่มาใช้บริการอดเหลียวมองราวกับโดนคาถานะจังงังไม่ได้
“ใครๆ ก็แอบมอง แหวะ! หล่อตายล่ะ! เช๊อะ! สงสัยวันๆ จะถนัดแต่ชี้นิ้วสั่ง ดูซิหนังหน้าขาวเนียนใสอมชมพูซะขนาดนั้น แล้วดูหน้าพวกลูกน้องสิ...ดูได้ที่ไหน หน้าดำยังกะขี่คูโบต้าไถนาทั้งปีงั้นแหละ!”
ภิตะวันแอบค่อนขอดอีกฝ่าย ด้วยเธอยังโมโหชายหนุ่มตรงหน้าไม่หายที่เคยทุ่มเธอลงไปกองกับพื้น นักยูโดสายดำอย่างเธอไม่เคยเสียท่าให้ใครมาก่อน ทั้งนี้เจ้าตัวเชื่อมั่นว่า...ที่ตนนั้นเพลี่ยงพล้ำน่าจะเป็นเพราะอีกฝ่ายเล่นทีเผลอ ในขณะที่เธอยังไม่ทันตั้งตัวนั่นเอง...
หญิงสาวลืมไปเสียสนิทว่า เป็นเธอต่างหากเล่า ที่เป็นฝ่าย...เริ่มก่อน!
‘ฉันจะทำให้นายมาสยบอยู่ใต้ฝ่าเท้าของฉันให้ได้ คอยดูสิ!’ ภิตะวันให้คำสัญญากับตัวเองในใจ ก่อนจะมองไปยังชายหนุ่มคนดังกล่าวด้วยแววตาหมายมาด และเมื่อเห็นว่าชายในชุดสูททั้งหลายเดินขึ้นบนไดเวียนไปสู่สู่ชั้นสองของตัวอาคาร เจ้าตัวก็รีบตามไปทันที ไม่ลืมทิ้งระยะห่างไว้ช่วงหนึ่ง เพราะเธอยังไม่อยากถูกอีกฝ่ายจับได้เสียก่อน
หญิงสาวเห็นคนเหล่านั้นหายเข้าไปยังห้องวีไอพี จากนั้นประตูก็ถูกปิดตาย พร้อมกับมีบอดี้การ์ดสองคนยืนคุมเชิงอยู่ด้านหน้า
“บ้าจริง หายเข้าไปในห้องซะแล้ว เอาไงดีเนี่ย?”
ภิตะวันเอ่ยด้วยความเสียดาย ขณะยืนซุ่มแอบดูห้องๆ นั้นไม่วางตา ไม่นานก็มีชายกลุ่มเล็กอีกกลุ่มตาเข้าไปในห้องนั้น ดูจากรูปร่างหน้าตา คนกลุ่มหลังน่าจะเป็นชาวญี่ปุ่น จากลักษณะการแต่งกายและท่วงท่าการเดินเหินที่ทรงพลัง ทำให้เธอเดาว่าคนเหล่านี้น่าจะเป็นมาเฟียจากแดนปลาดิบเป็นแน่...
‘ไอ้หมอนั่นต้องนัดคุยเรื่องเลวๆ กับพวกแก๊งค์มาเฟียญี่ปุ่นแหงๆ’ หญิงสาวผู้มีความฉลาดล้ำคิดในใจ จากนั้นจึงหวนคิดถึงสิ่งที่ตนแอบได้ฟังมาเมื่อหลายวันก่อน ...
‘ของ’
...หรือว่ามันจะเกี่ยวข้องกัน!
‘แต่บ้าจริง หายเข้าไปในห้องแบบนี้แล้วเราจะรู้เรื่องได้ยังไงกันล่ะ’ ภิตะวันคิดด้วยความเสียดาย หากแต่เพียงแค่ชั่วประเดี๋ยวเดียวร่างสูงในชุดสูทสีเข้มของศัตรูคู่อริก็เดินออกจากห้องมา ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะต้องการคุยโทรศัพท์เพียงลำพัง และคงไม่อยากให้คู่เจรจารับรู้เรื่องราวเหล่านั้นได้ ถึงได้ขอตัวเลี่ยงออกมานอกห้องเช่นนี้
“ไม่ต้องตามไป!” เสียงเข้มสั่ง ก่อนจะเดินออกไป
ข้างภิตะวันเมื่อเห็นศัตรูคู่อาฆาตเดินออกมาจากห้องเพียงลำพังเจ้าตัวก็อดยิ้มมุมปากไม่ได้ “ฟ้าเป็นใจสุดๆ! ...ไม่ก็...คนมันจะซวยช่วยไม่ได้จริงๆ หึๆ”
เรื่อง ‘ของ’ อะไรนั่นเอาไว้ก่อนละกัน ตอนนี้ขอเอาคืนให้หายแค้นก่อนดีกว่า ด้วยเพราะโอกาสงามๆ ใช่ว่าจะผ่านมาบ่อยๆเสียที่ไหน ว่าแล้วเจ้าตัวก็หันรีหันขวางมองหาอุปกรณ์ช่วยไปรอบกาย และในที่สุดก็พบ...
ไม่ไกลออกไปมีถังน้ำใบใหญ่ที่ถูกวางหลบอยู่ตรงมุมผนัง พร้อมกับไม้ถูพื้นก้านยาวและเสื้อคลุมแม่บ้านที่ถูกพาดอยู่ด้านบน และเมื่อก้มดูเห็นน้ำสีดำคล้ำด้านใน หญิงสาวผู้มีนิสัยเจ้าคิดเจ้าแค้นก็อดยิ้มมุมปากไม่ได้ เธอยังจำสายตาชื่นชมในมาดสุดเท่ หล่อเหลา ดูดีของศัตรูคู่อาฆาต ที่ส่งมาจากบรรดาสาวน้อยสาวใหญ่ตอนที่เขาเดินเข้ามาสู่ด้านในตัวอาคารได้ดี ไม่รู้ว่าเพราะความหล่อ หรือเพราะอวัยวะส่วนไหนของเขาเลี่ยมทองก็ไม่รู้ จึงทำให้แม้แต่ป้าแก่ๆ ที่อายุอานามแย้มฝาโรงก็ยังมองตามเขาตาละห้อย
“หล่อ เข้ม เท่ มาดแมนบาดใจนักใช่มั้ย! คราวนี้รับรองได้หล่อ‘เข้ม’ จริงๆ แน่ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เสียงหัวเราะอย่างนางร้ายดังขึ้น อยากรู้จริงว่าถ้าหน้าขาวๆ ผิวเนียนๆ ของไอ้เจ้าพ่อขี้เก๊ก จอมยโสคนนั้นกระดำกระด่างเพราะน้ำคลำพวกนี้จะเป็นยังไง!
ว่าแล้วจึงไม่รอช้า คว้าถังใบใหญ่ที่ด้านในบรรจุน้ำสีคล้ำที่คาดว่าน่าจะเป็นน้ำที่เกิดจากการล้างผ้าถูพื้น เดินไปยังเป้าหมาย ไม่ลืมหยิบผ้ากันเปื้อนขึ้นมาสวมเพื่อความแนบเนียนอีกที
ด้านเจ้าพ่อหนุ่มนั่งไขว่ห้างอย่างมีมาดอยู่บนโซฟาทรงหลุยส์หุ้มผ้าบุสีแดงเข้ม ดวงตาสีสนิมทรงอำนาจมองไกลออกไปยังหน้าต่างทรงสูงซึ่งแสดงภาพการจราจรขวั่กไขว่ภายนอก ขณะที่ริมฝีปากบางเฉียบเป็นเส้นตรงขณะรับฟังคำพูดจากปลายสาย ชายหนุ่มคนดังกล่าวหาได้รู้เลยว่า...ภัยร้ายกำลังย่างกรายเข้ามาใกล้ตัวเพียงไร
‘นั่งยังกะตุ๊ด แอ๊บแมนป่าววะ?’ ภิตะวันแอบแขวะในใจกับท่านั่งแบบผู้ดีแปดสาแหรกของอีกฝ่าย ที่ดูเผินๆ ก็เหมือนมาเฟียหนุ่มสุดเท่ หากแต่ดูไปดูมาก็คล้ายๆ พวกชายไม่จริงอยู่ไม่ใช่น้อย
‘จะตุ๊ดแต๋วหรืออะไรก็เรื่องของนาย ฉันไม่สน! รู้แต่ว่านายจะต้องชดใช้ที่ทำกับฉันเมื่อวันก่อน!’
หญิงสาวกะไว้ว่าจะเอาคืนด้วยการสาดน้ำสกปรกไปยังฝ่ายตรงข้าม จากนั้นจึงเอาถังครอบหัวเขาไว้ แล้วค่อยซัดให้หายแค้นซักตุ๊บสองตุ๊บ จากนั้นก็เปิดหนีให้เร็วที่สุด ว่าแล้วก็มองทางหนีทีไล่ไว้ให้ตัวเองเสร็จสรรพ ซึ่งโชคดีเหลือเกินที่ใกล้ๆ กันนั้นเป็นทางออกสู่บันไดหนีไฟ เจ้าตัวจึงหมายมาดไว้ว่าเส้นทางสวรรค์เส้นนี้แหละที่จะพาเธอให้หนีรอดไปได้
ร่างบางจึงทำทีก้มหน้าก้มตาถูพื้นไปยังบริเวณที่เจ้าพ่อหนุ่มนั่งอยู่ และเมื่อเห็นว่าเหล่าบอดี้การ์ดไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร ฝ่าเท้าขนาดเล็กก็ค่อยๆ คืบคลานเข้าหาทีละก้าวสองก้าว จนในที่สุดก็อยู่ในระยะประชิด ตำแหน่งที่เธอยืนอยู่นั้นห่างจากชายหนุ่มจอมเก๊กไม่ถึงเมตร และดูท่าว่าอีกฝ่ายจะยังไม่รู้ตัวเสียด้วย เพราะดูเหมือนว่าเรื่องราวที่คุยผ่านทางโทรศัพท์จะเป็นเรื่องที่สำคัญเอามากๆ ใบหน้าขรึมจึงตีหน้าเครียดและทำราวกับว่าอยู่ในโลกส่วนตัว
‘เอาวะ ตอนนี้แหละ!’ ภิตะวันก้มลงจับหูหิ้วถังน้ำเตรียมยกขึ้น
ทว่าจู่ๆ เป้าหมายของเธอก็ดันลุกขึ้นยืนซะก่อน!
‘เฮ้ย! มีตาหลังรึเปล่าเนี่ย?’
หญิงสาวจำต้องถอยออกไปตั้งหลักอีกครั้ง หากแต่เพราะกำลังถูพื้นอยู่ และเธอเองก็แสดงท่าถูๆๆๆๆ อยู่บริเวณด้านหลังโซฟาที่เขานั่งนานเกินไปแล้ว กลัวจะผิดสังเกตจึงจำต้องย้ายตำแหน่งมาด้านข้างโซฟาตัวดังกล่าวแทน ไม่ลืมที่จะยกผ้าจุ่มลงในถังน้ำอีกทีเพื่อความสมบทบาท แต่เพราะมัวแต่เหลือบมองใครบางคนอยู่ตลอดเวลา จึงไม่ได้สังเกตเลยว่าผ้าที่เธอชุบน้ำนำมาถูพื้นนั้นเปียกชุ่มแค่ไหน ดังนั้นถูไปได้ไม่กี่ที น้ำสีดำจางๆ จึงเจิ่งนองไปทั่วบริเวณ
ข้างเจ้าพ่อหนุ่มเมื่อจบบทสนทนาทางโทรศัพท์ ก็ทำท่าจะก้าวออกไปจากที่แห่งนั้น ภิตะวันตั้งใจไว้ว่าจะใช้โอกาสครั้งสุดท้ายของตนหนนี้แหละ จัดการเอาคืนคู่อริ แต่ดูเหมือนว่าฟ้าดินจะไม่เป็นใจ เพราะทันทีที่เธอก้มลงหมายคว้าถังน้ำขึ้นมานั้น ฝ่าเท้าเจ้ากรรมก็ดันลื่นไถลไปกับน้ำคลำที่นองพื้น
พลั่ก!!!
ร่างบางเสียหลักลื่นจนเซไปชนเข้ากับใครบางคนเข้าอย่างจัง แรงกระแทกทำให้ร่างสองร่างพากันล้มไปยังโซฟาตัวกว้างด้วยกัน แต่นั่นคงไม่ร้ายแรงเท่ากับที่ใบหน้าของเธอไปซบอยู่บนอะไรบางอย่างของเขาเข้า!!!
ใบหน้าเนียนใต้หนวดและเคราจึงแดงแปร๊ดยิ่งกว่ามะเขือเทศสุก ก็อะไรบางอย่างที่ว่านั้น จะเป็นอะไรเธอคงไม่รู้สึกแย่เท่ากับ....
บรึ๊ยยยยย!!!!
‘ซวยอิ๊บหาย!!!’ ภิตะวันร้องลั่นในใจ ดวงตาคู่โตเบิกกว้างราวกับเห็นผีกลางวันแสกๆ ด้วยตกใจยิ่งนักเมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังล้มทับอยู่บนร่างของศัตรูคู่อริ ในท่าที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าถ้ามีใครเห็นเข้าจะเข้าใจผิดว่าอย่างไร...
‘บ้าเอ๊ย! ทำไมถึงได้กะเปิ๊บกะป๊าบได้ขนาดนี้นะ ยัยตะวัน! รู้อยู่ว่าเป็นโรคไม่ถูกับงานบ้าน ยังหาเรื่องจนได้เรื่องอีกนะเรา’ หญิงสาวแทบจะอยากเขกกะโหลกตัวเองเสียให้รู้แล้วรู้รอดกับซุ่มซ่ามของตนที่ดูท่าจะผิดที่ผิดเวลาอย่างสุดๆ
ว่าแล้วเจ้าของใบหน้าแดงก่ำก็เด้งตัวออกจากสถานที่ไม่พึงประสงค์รวดเร็วราวกับติดสปริง เร็วชนิดที่ไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายทันเอ่ยไล่เสียด้วยซ้ำ
หญิงสาวไม่กล้าแม้แต่จะสบตาชายคนดังกล่าวสักนิด....ก็ถ้าใครประสบสถานการณ์อย่างเธอ แล้วยังกล้ามองหน้าคู่กรณีได้อีกล่ะก็ มันก็ไม่ธรรมดาแล้วล่ะ!!!
เธอไม่รู้หรอกว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกอย่างไรเพราะยังไม่กล้ามองหน้าเขา รู้แต่ได้ยินเสียงลมหายใจฟึดฟัดคล้ายคนที่พยายามสะกัดกั้นอารมณ์โมโหโกรธาจากชายหนุ่มผู้เป็นคู่กรณี...แน่ล่ะเป็นใครก็น่าจะโกรธนะ ที่สำคัญน่าจะ ‘จุก’ ไม่ใช่น้อย!!!
บอดี้การ์ดสองคนที่เห็นเหตุการณ์รีบรุดเข้ามาใกล้ พร้อมกับกระชับปืนที่ซ่อนอยู่ในชุดสูทเพื่อเตรียมพร้อม “เจ้านายมีอะไรรึเปล่าครับ?”
ทว่าดูเหมือนว่าดวงของเธอจะยังไม่ถึงฆาต เมื่อสุดท้ายเจ้าพ่อหนุ่มก็สั่งห้ามบรรดาลูกน้อง
“ไม่ต้อง ไม่มีอะไร!” น้ำเสียงดุดันแฝงความเกรี้ยวกราดเอ่ยปฎิเสธ
“เอ่อ...คือว่า...ผมขอโทษฮะ ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ” เสียงขอโทษขอโพยตะกุกตะกักดังขึ้นจากริมฝีปากจิ้มลิ้มสีชมพูสด ก็ใครจะไปคิดล่ะว่าเหตุการณ์จะกลับตาลปัตรไปเป็นแบบนี้ได้ เธอไม่ได้ต้องการทำร้ายเขาด้วยวิธี...ที่...เอ่อ...เปลืองตัวแบบนี้!...นี่ดูซิ ไม่รู้ว่าคืนนี้กลับบ้านไปจะนอนหลับรึเปล่า ซวยชะมัด!!!
“ไม่ต้องพูดมาก ออกไปให้พ้นหน้าฉันเดี๋ยวนี้!”
พายุสะบัดมือไล่อย่างไม่สนใจมากนัก เพราะลำพังเรื่องยุ่งๆ ที่เขาเพิ่งได้รับรู้ทางโทรศัพท์เขาก็ปวดหัวมากพอแล้ว แล้วนี่ยังต้องมาเผชิญกับเรื่องไม่เป็นเรื่องเช่นนี้อีก
เมื่อได้ยินดังนั้นภิตะวันจึงรีบหันหลังกลับโดยเร็ว นึกขอบคุณฟ้าและดินที่แม้จะไม่เป็นใจ แต่ก็ไม่ถึงกับลงโทษให้เธอต้องโชคร้ายไปกว่านี้ ‘เอาวะ โอกาสหน้ายังมี คราวนี้ขอถอยไปตั้งหลักก่อนแล้วกัน’หญิงสาวคิดในใจ ก่อนจะทำปากขมุบขมิบเอ่ยคำพูดของบรรดาตัวร้ายในหนังบู๊ ยามต่อสู้แพ้พระเอกในเรื่อง...ฝากไว้ก่อนเถอะ ไว้วันหลังจะมาเอาคืน!
ร่างสูงใหญ่ของเจ้าพ่อหนุ่มยืนขึ้นเต็มความสูง ก่อนจะปัดไปตามเนื้อตามตัวอย่างมีมาด และนั่นก็ทำให้เขาเห็นอะไรบางอย่างตกอยู่บนเบาะโซฟา
นิ้วเรียวยาวหยิบเจ้าของสิ่งนั้นขึ้นมาดู
“เดี๋ยวก่อน!”
น้ำเสียงทรงอำนาจที่ดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้ภิตะวันสะดุ้งวาบ
“หันหน้ากลับมาช้าๆ!”
to be continued....
***************************
ตอนนี้มีฉากไม่เหมาะกะเยาวชนเล็กน้อย หุหุ >///<
(ใครหาไม่เจอ อยากรู้ว่าฉากไหนฟระ หลังไมค์มาถามนะ 5555)
ขอบคุณที่แวะมาเน้อ...^^
รัตนรัตน์
*****************************

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 เม.ย. 2554, 11:01:00 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 เม.ย. 2554, 11:04:34 น.
จำนวนการเข้าชม : 2505
<< บทที่ 3 : กระตุกหนวดเสือ (PART I) | บทที่ 4 : กระตุกหนวดเสือ (PART III) >> |

รัตนรัตน์ 5 เม.ย. 2554, 18:15:18 น.
ตอนนี้ไม่เหมาะกับเด็กและเยาวชนนะคะ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านค่า...(หาให้เจอนะ 5555)
ตอนนี้ไม่เหมาะกับเด็กและเยาวชนนะคะ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านค่า...(หาให้เจอนะ 5555)

jink 5 เม.ย. 2554, 18:55:44 น.
หนูตะวันจะโดนจับได้หรือเปล่านะ
หนูตะวันจะโดนจับได้หรือเปล่านะ

XaWarZd 29 พ.ค. 2554, 01:08:16 น.
ซุ่มซ่ามจริงๆ นะเนี่ยหนูตะวัน
ซุ่มซ่ามจริงๆ นะเนี่ยหนูตะวัน

fullmoonparty2000 18 ก.ค. 2554, 20:45:42 น.
นางเอกของเรา นอกจากหลงตัวเองแล้ว ยังซ่าไม่ดูตาม้าตาเรือด้วย ฮาโครตๆๆ
นางเอกของเรา นอกจากหลงตัวเองแล้ว ยังซ่าไม่ดูตาม้าตาเรือด้วย ฮาโครตๆๆ