ชะตาฟ้า...ลิขิตรัก (ฟ้าดลรัก)
จากหญิงสามัญชนกลับกลายเป็นเจ้าหญิงสูงศักดิ์ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ชีวิตของเธอจะดำเนินต่อไปอย่างไร ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงมากมาย และเธอจะมีโอกาสได้เคียงคู่กับเจ้าชายที่แสนดีอย่างในนิทานหรือไม่....
Tags: เจ้าชาย-เจ้าหญิง

ตอน: บทที่ 7

บทที่ 7

เช้านี้อากาศดีแต่หัวใจกลับหม่นหมอง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะต้องห่างร้างไกลกับคนของหัวใจอีกครั้ง อีกส่วนก็คือ ไม่มีโอกาสพบเจอกันก่อนจากลา มีเพียงจดหมายฉบับหนึ่งที่ฝากนางกำนัลคนสนิทนำมามอบให้ ทั้งยังบอกว่าเจ้าหญิงทรงประชวร ความห่วงหาอาทรก็มีมาก หากเวลาก็ไม่เอื้ออำนวยให้เห็นกับตาว่าเจ้าแน่งน้อยเป็นอย่างไรบ้าง เมื่อเครื่องบินพระที่นั่งทะยานขึ้นเหนือน่านฟ้ามินธุรา เจ้าชายรัชทายาทแห่งมุราดาก็ทรงเปิดจดหมายในพระหัตถ์ ด้วยอยากรู้ว่าคนป่วยฝากข้อความใดถึงพระองค์

‘หญิงขอพระราชทานอภัยที่ไม่สามารถมาส่งพระองค์ได้ตามสัญญา เนื่องจากเมื่อคืนหญิงนอนไม่ค่อยหลับ เพราะคิดหาคำตอบในเรื่องที่ทรงถามไว้ เช้านี้จึงเกิดอาการวิงเวียนและปวดศีรษะ หญิงไม่รู้ว่าจะตอบคำถามเช่นไรดี พี่ชายฟ้าจึงจะไม่ทรงกริ้ว ในที่สุดหญิงก็คิดว่าควรทูลความจริงบางอย่างให้ทรงทราบ นั่นก็คือ หญิงสาวนิรนามที่พระองค์พบทั้งสองครั้งก็คือ หญิงเองค่ะ พระองค์คงจะสงสัยต่อไปอีกว่าแล้วเหตุใดหญิงจึงจำพระองค์ไม่ได้ ทั้งๆ ที่เรามีสัญญาใจต่อกัน เรื่องนี้เองที่ทำให้หญิงไม่แน่ใจว่าจะอธิบายอย่างไรดี...เฮ้อ! หญิงไม่ใช่เจ้าหญิงน้อยของพระองค์ ไม่ใช่เจ้าหญิงกัญญ์วราที่ทรงรู้จักตั้งแต่ทรงพระเยาว์ แต่เป็นเจ้าหญิงกัญญ์วราในช่วงเวลาตั้งแต่อายุยี่สิบชันษาเป็นต้นมา คำอธิบายเท่านี้ก็คงไม่ทำให้พี่ชายฟ้าเข้าใจถึงคำตอบแน่ๆ หญิงกำลังจะบอกต่อว่า เมื่อครั้นที่อายุครบยี่สิบชันษา หญิงได้ประสบอุบัติเหตุ และเมื่อลืมตาตื่นขึ้น หญิงก็ไม่รู้จักใครเลย ไม่ว่าจะเป็นทูลกระหม่อมพ่อ ทูลกระหม่อมแม่ หรือพี่ชายธัญญ์ ความทรงจำของหญิงเกิดขึ้นจากการถ่ายทอดเรื่องราวทุกอย่างจากพี่ชายธัญญ์ ซึ่งเรื่องนี้ก็ถูกเก็บเป็นความลับระหว่างพี่น้อง เพราะพี่ชายธัญญ์ทรงไม่อยากเห็นทูลกระหม่อมพ่อและทูลกระหม่อมแม่ทุกข์พระทัย พี่ชายฟ้าทรงกริ้วหญิงไหมคะ ถ้าหญิงจะบอกว่าครั้งแรกที่เราได้เจอกัน หญิงมองพระองค์อย่างคนแปลกหน้าไม่ใช่คนคุ้นเคย หากทรงกริ้ว หญิงขอพระราชทานอภัยได้ไหมคะ หญิงมิได้มีเจตนาหลอกลวงแต่อย่างใด หญิงไม่ได้วาดหวังว่าพระองค์จะยอมรับเจ้าหญิงกัญญ์วราที่ไม่มีความทรงจำในวัยเด็กได้ หากก็ยังปรารถนาให้พระองค์ทรงเมตตาหญิงเช่นที่ผ่านมา...กัญญ์วรา’

นี่สินะคำตอบของทุกสิ่งที่พระองค์สงสัย นี่สินะคือคำตอบของทุกคำพูดแปลกๆ ของพระสหายรักอย่างธุติยะธร นี่สินะที่ทำให้กัญญ์วรามิใช่เจ้าหญิงองค์เดิม หากแต่ก็ยังคงความน่ารักไว้เฉกเช่นเดิม ทั้งยังเพิ่มเสน่ห์แห่งความเป็นสตรีไว้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นรสมือในการทำอาหาร หรืองานฝีมือต่างๆ ที่พระองค์มีโอกาสได้ชื่นชม จนได้ติดพระหัตถ์กลับมาสองถึงสามชิ้น กระแตเกาะกิ่งแก้ว มาลัยรับเสด็จ แม้บัดนี้ความสดจะไม่หลงเหลืออยู่แล้ว แต่ทุกอย่างก็ยังคงสภาพเดิม เพราะผู้ที่ได้รับมาทะนุถนอมมันยิ่งกว่าสิ่งใด ยังมีถุงบุหงาหอมที่ฉวยติดมือมาชนิดที่เจ้าของไม่เต็มใจให้ รวมถึงของรักสุดหวงที่เขาเพิ่งได้รับมาสดๆ ร้อนๆ เมื่อวานนี้

ดวงเนตรคมปิดลงอย่างครุ่นคิด สิ่งที่หญิงกัญญ์กังวลคือ ความรู้สึกของพระองค์ที่มีต่อนาง ก็คงไม่แปลก เมื่อนางไม่อาจจดจำความอ่อนโยนของพระองค์ที่มีต่อนางในวัยเยาว์ได้ ทำให้นางไม่มั่นใจในความรู้สึกใดๆ ทั้งสิ้น และในระหว่างที่อยู่ในห้วงคำนึง คำพูดของมกุฎราชกุมารธุติยะธรก็แล่นเข้ามาในโสตประสาท

‘อาจจะมีบางอย่างเปลี่ยนไปบ้างตามวัย แต่สายใยก็มิได้ตัดขาดมิใช่หรือ หากหญิงกัญญ์หลงลืมอะไรไป มันก็คงไม่สายเกินไปหากนายจะสร้างมันขึ้นมาใหม่ให้ดีกว่าเดิม’

นั่นสิ! ทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวเขา เขาพร้อมที่จะสร้างความทรงจำใหม่ให้กับเธอหรือไม่ ถ้อยคำประโยคสุดท้ายในจดหมายก็บ่งบอกอยู่ในตัวของมันเองอยู่แล้วว่าอีกฝ่ายมิได้รังเกียจรังงอนอะไร ทั้งยังมัวแต่ใส่ใจความรู้สึกของเขาจนกระทั่งตัวเองป่วย เมื่อคิดได้ว่าเจ้าหญิงน้อยทรงประชวรเพราะอะไร รอยแย้มสรวลก็ประทับอยู่บนพระพักตร์ที่สื่อถึงความสุขใจ

“ไม่ว่าจะเป็นหญิงกัญญ์ในอดีตหรือหญิงกัญญ์ในปัจจุบัน หญิงก็คือหญิงเดียวในใจพี่ และจากนี้ไปพี่จะไม่ปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปอีกแล้ว เราจะสร้างความทรงจำใหม่พร้อมๆ กัน เจ้าหญิงน้อย”


สัมผัสแผ่วเบาดุจปุยนุ่น ทว่าความห่วงใยกลับมีมากจนล้นเหลือ จิตที่ล่องลอยออกไปเริ่มกลับคืนร่าง ดวงตาสุกใสปรือขึ้นอย่างเบลอๆ ราวกับเจ้าของดวงตายังตั้งสติได้ไม่ดีนัก

“เป็นอย่างไรบ้างลูก” พระหัตถ์นุ่มไล้ไปตามพระนลาฏเลยมาถึงพระปรางอย่างจงใจวัดไข้

“ทูลกระหม่อมแม่” เสียงใสปนงัวเงียปรายตามองหญิงสาววัยกลางคนที่นั่งอยู่ริมเตียง

“ยังวิงเวียนอีกหรือเปล่าจ๊ะ”

“ดีขึ้นแล้วเพคะ” ร่างอรชรของคนป่วย ขยับตัวลุกขึ้นนั่งกึ่งนอน เอนหลังพิงหัวเตียง ระบายยิ้มอ่อนส่งให้พระมารดา หวังจะช่วยกลบความกังวลที่ส่งผ่านมาทางสายพระเนตร

“เมื่อคืนลูกนอนไม่หลับใช่ไหมจ๊ะ”

“ทรงทราบ?” กัญญ์วราถามอย่างแปลกใจ เพราะเธอมิได้บอกใครถึงสาเหตุการป่วย ยกเว้นบุรุษที่เดินทางจากไปแล้ว

“ก็นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หญิงมีอาการเช่นนี้ แต่หญิงจะเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่ชายฟ้ากลับบ้าน” สมเด็จพระราชินีรวิธาเปรยอย่างรู้ใจ

“จริงหรือเพคะ” พระราชธิดาเอ่ยถามอย่างไม่ทรงเชื่อ

“หญิงติดชายฟ้ามาตั้งแต่เด็กๆ เพราะชายฟ้ารักและเอ็นดูหญิง ตามใจทุกอย่าง ปกป้องหญิงยิ่งกว่าชายธัญญ์เสียอีก ช่วงที่ชายฟ้าพักที่นี่ หญิงก็มักจะมองหาและเรียกหาพี่ชายฟ้าของหญิงเสมอ และทุกครั้งที่ชายฟ้ากลับบ้าน หญิงก็จะงอแงเป็นพิเศษ และมักจะไม่ยอมหลับยอมนอนจนป่วยแบบนี้”

“นั่นมันสมัยยังเด็กนะเพคะ ตอนนี้หญิงโตแล้วไม่ได้ติดพี่ชายฟ้าแบบนั้นสักหน่อย”

“แล้วทำไมหญิงถึงนอนไม่หลับล่ะลูก”

“เอ่อ...” เมื่อทรงทูลถามกลับมาแบบนี้ พระราชธิดาถึงกับอ้ำอึงไปต่อไม่ถูก

“คิดถึงชายฟ้าจริงๆ ใช่ไหมจ๊ะ”

“ก็ไม่เชิงหรอกเพคะทูลกระหม่อมแม่ เพียงแต่พี่ชายฟ้าทรงตั้งคำถามให้หญิงตอบ แต่หญิงไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร ก็เลยหมกมุ่นอยู่กับการหาคำตอบจนนอนไม่หลับเท่านั้นเองเพคะ...ทูลกระหม่อมแม่เพคะ” เจ้าหญิงน้อยของทุกคน ขยับพระวรกายเอนลงนอนหนุนตักพระมารดาอย่างออดอ้อน

“ว่าไงจ๊ะ”

“ทรงเล่าเรื่องสมัยเด็กๆ ของหญิงกับพี่ชายฟ้าให้ฟังได้ไหมเพคะ หญิงจำไม่ใคร่จะได้ มันลางเลือน จนไม่อยากเชื่อว่าหญิงจะนอนไม่หลับทุกครั้งที่พี่ชายฟ้าเสด็จกลับมุราดา” เพราะความอยากรู้ในเรื่องอดีตระหว่างกัน ทำให้กัญญ์วราแสร้งสับสนเล็กน้อยให้น่าเชื่อถือ

“มันก็เป็นอาการของเด็กผู้หญิงที่ติดพี่ชายใจดีนั่นล่ะจ้ะ โดยเฉพาะมันเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่ได้พบกัน ชายฟ้าจึงยอมตามใจหญิงทุกอย่าง เมื่อถึงวันที่ชายฟ้าเดินทางกลับ ลูกจะงอแงและเหงาอยู่เพียงวันสองวันก็กลับมาเป็นน้องหญิงที่น่ารักของพี่ชายธัญญ์เช่นเดิม ยกเว้นก็แต่ครั้งที่พี่ชายธัญญ์กับพี่ชายฟ้าของหญิงเดินทางไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศ เวลานั้นหญิงน้อยใจมาก คิดว่าพี่ๆ ไม่รักและทิ้งหญิงไว้เพียงลำพัง หญิงเป็นไข้นอนซมเป็นสัปดาห์ ส่วนชายธัญญ์กับชายฟ้าก็ติดต่อกลับมาทันทีที่เดินทางไปถึง แต่แม่กับทูลกระหม่อมพ่อของหญิงไม่กล้าแจ้งข่าวให้ทราบ กลัวทั้งสองคนจะเป็นห่วง ก็ได้แต่บอกว่าหญิงยังไม่หายงอน” พระมารดาของเจ้าหญิงแย้มสรวลด้วยความเอ็นดู เมื่อเห็นเจ้าของเรื่องสบตาแป๋ว เหมือนไม่อยากเชื่อ

“และที่แน่ๆ หญิงโกรธชายฟ้าจนกระทั่งไม่ยอมรับของที่ระลึกที่พี่ชายฟ้าของหญิงประทานให้ แม่จึงต้องเป็นคนเก็บของสิ่งนั้นไว้ให้กับหญิง และวันนี้แม่ก็ตั้งใจจะนำมันมามอบคืนให้กับหญิง” กัญญ์วรารีบขยับตัวลุกขึ้นด้วยความอยากรู้ว่าสิ่งที่พระมารดาตรัสถึงนั้นคืออะไร

“พี่ชายฟ้าประทานอะไรให้หญิงหรือเพคะทูลกระหม่อมแม่”

“นี่จ้ะ” กำไลทองสลักลวดลายสวยงามวางอยู่บนพระหัตถ์ของสมเด็จพระราชินีรวิธา นิ้วเรียวนิ่มยื่นออกไปสัมผัสแผ่วเบาก่อนจะหยิบขึ้นมาพิจารณา ลวดลายบนกำไลถูกสลักลงบนเนื้อทองลักษณะคล้ายเถาวัลย์ที่มีดอกไม้ประดับรอบวง เป็นงานฝีมือที่ต้องอาศัยความประณีตมากๆ

“ลวดลายบนกำไลคือดอกพวงวิวาห์ ดอกไม้แทนความรักและความปรารถนาดี ชายฟ้าสั่งช่างทองให้สลักลวดลายนี้ขึ้นเป็นพิเศษ เพราะคิดว่าดอกไม้ชนิดนี้เหมาะกับหญิง ดอกไม้สีขาวมีกลิ่นหอมเย็นและหอมนาน เหมือนความสดใสที่มีอยู่ในตัวลูกสาวแม่ ชายฟ้าเป็นผู้ชายที่มีความอ่อนโยนและแข็งแกร่งสมเป็นผู้นำ หญิงคิดเช่นเดียวกับแม่ไหมลูก” พระราชมารดาแสร้งถาม เมื่อเห็นอาการทะนุถนอมของในมือ นัยน์ตาฉายแววอ่อนละมุนอุ่นหัวใจ พระธิดาของพระองค์เจริญชันษาเป็นผู้ใหญ่ เป็นหญิงสาวที่พร้อมจะรู้จักความรักในอีกหนึ่งรูปแบบแล้วสินะ สายใยความรักความผูกพันคงจะแปรเปลี่ยนเป็นความรักที่ลึกซึ้งในไม่ช้านี้ เมื่ออีกฝ่ายก็ซื่อตรงและมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง

“พี่ชายฟ้าทรงดีกับหญิงเสมอมาเพคะทูลกระหม่อมแม่ หากแต่ครั้งนี้หญิงทำผิดกับพี่ชายฟ้า มิรู้ว่าพระองค์จะทรงให้อภัยหญิงหรือเปล่าเพคะ” กัญญ์วราโน้มตัวไปกอดเอวพระมารดา ซบพระเศียรลงกับอกอุ่น

“แต่ไหนแต่ไรมาแม่ไม่เคยเห็นชายฟ้าโกรธลูกเลยสักครั้ง และชายฟ้าก็เป็นคนมีเหตุผล การจะโกรธใครสักคนคงไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะกับหญิง แม่เชื่อว่าหากชายฟ้าจะโกรธลูกสาวของแม่จริงๆ ชายฟ้าจะต้องหาเหตุผลที่ไม่อาจแก้ต่างลบความผิดของหญิงได้แล้ว นั่นแสดงว่าหญิงต้องทำผิดอย่างร้ายแรงที่สุด ซึ่งแม่ก็เชื่ออีกเหมือนกันว่าลูกสาวที่น่ารักของแม่ไม่ทำเช่นนั้นอย่างแน่นอน” พระหัตถ์นุ่มไล้ไปตามพระเกศายาวจรดหลังของพระธิดาอย่างปลอบโยน

“ทูลกระหม่อมแม่คิดอย่างนั้นหรือเพคะ”

“ใช่จ้ะ ถ้าไม่เชื่อเราลองพิสูจน์กันดูดีไหมจ๊ะ”

“พิสูจน์ยังไงเพคะ”

“ก็รอดูว่าภายในหนึ่งสัปดาห์นี้พี่ชายฟ้าของหญิงจะติดต่อมาหรือเปล่า”
“ถ้าเช่นนั้นคงไม่ต้องพิสูจน์หรอกเพคะทูลกระหม่อมแม่ หญิงตอบได้เลย ไม่มีทางที่พี่ชายฟ้าจะติดต่อมาแน่นอนเพคะ เพราะก่อนหน้านี้พี่ชายฟ้าก็ไม่เคยติดต่อหญิงมาสักที” กัญญ์วราเอ่ยอย่างรู้อนาคต

“นั่นมันก่อนหน้านี้นี่จ๊ะ” สมเด็จพระราชินีรวิธาทอดพระเนตรมองพระราชธิดาของตนอย่างเอ็นดู สิ่งที่กัญญ์วราถูกต้องเพียงครึ่งเดียว เพราะอีกฝ่ายคอยติดตามข่าวสารของคนของพระองค์ผ่านทางพระราชโอรสอย่างสม่ำเสมอ ที่เป็นเช่นนั้นเพราะมกุฎราชกุมารแห่งมุราดาต้องการปกป้องการเกิดข้อครหาในทุกกรณีที่อาจเกิดขึ้นได้ แม้ว่ามันจะไม่ใช่เรื่องเสียหาย เพราะยศศักดิ์ของทั้งสองก็คู่ควรกัน แต่ทางฝ่ายชายก็อยากให้ถึงเวลาที่เหมาะสมก่อน

“แล้วมันต่างกันตรงไหนเพคะ”

“ต่างกันตรงที่เวลานี้เจ้าหญิงกัญญ์วราไม่ใช่เจ้าหญิงตัวน้อยๆ อีกต่อไปแล้วไงจ๊ะ”

“ไม่เห็นเกี่ยวกันตรงไหนเลยนี่เพคะทูลกระหม่อมแม่” แม้เจ้าตัวจะบอกว่าไม่เกี่ยว แต่สองปรางซับสีระเรื่อ ดวงเนตรผลุบต่ำหลบไม่กล้าสบดวงเนตรพระมารดา

“ไม่เกี่ยวก็ไม่เกี่ยวจ้ะ แม่ไม่รบกวนเวลาพักผ่อนของหญิงดีกว่า ดูสิหน้าแดงเหมือนคนเป็นไข้ สงสัยไข้กลับแล้วกระมัง” เมื่อเห็นแววเก้อเขินก็อดที่จะกระเซ้าเย้าแหย่ไม่ได้ หากกระนั้นคนเป็นแม่ก็ยังขยับเข้าไปช่วยประคองร่างแบบบางให้นอนลง พร้อมห่มผ้าให้เสร็จสรรพ ส่วนกัญญ์วราก็อายจนทำอะไรไม่ถูก ได้แต่หลบสายตาซุกหน้าลงกับหมอน หลีกหนีรอยยิ้มรู้ทันของพระมารดา


หลังจากเสด็จลงจากรถพระที่นั่งดำเนินมาถึงด้านหน้าพระตำหนัก พระขนงโค้งเรียวดั่งวงพระจันทร์ขมวดเข้าหากัน เมื่อพระเนตรแววหวานสบกับพระเนตรคมดุจเหยี่ยวของพระเชษฐาที่ทรงประทับยืนคอยด้วยท่าทีสบายๆ บนพระพักตร์ประดับด้วยรอยยิ้มแปลกๆ ไม่ค่อยน่าไว้วางใจ

“พี่ชายมารอรับหญิงแบบนี้ มีอะไรหรือเปล่าคะ” กัญญ์วราย่อตัวลงทำความเคารพก่อนจะเอ่ยปากถาม

“พี่น่ะไม่มี แต่คนอื่นมี” เจ้าชายธุติยะธรทรงเล่นลิ้น ดวงตาพราวซุกซนเหมือนสมัยเยาว์วัย

“ใครหรือคะ” พระเชษฐามิได้ทรงตรัสอะไร หากยื่นกล่องขนาดหย่อมให้

“ของคนที่มีเรื่องอยากคุยกับหญิง ส่วนจะเรื่องอะไรนั้นหญิงต้องไปหาคำตอบเอาเอง พี่มีหน้าที่เป็นแค่คนส่งสาร หวังว่ามันจะช่วยให้อารมณ์เหี่ยวๆ ในช่วงสามสี่วันที่ผ่านมาของหญิงดีขึ้น” เจ้าชายหนุ่มมองพระน้องนางพลิกกล่องไปมา เพื่อหาที่มาของกล่อง แต่กลับไม่พบสิ่งที่ตอบข้อสงสัยได้

“เอาเข้าไปเปิดดูที่ห้องเถอะ วันนี้หญิงคงเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว พี่คงไม่รบกวนเวลาของหญิง พักผ่อนให้สบายนะจ๊ะน้องสาว” พระหัตถ์หนาวางลงบนศีรษะของพระขนิษฐาโยกเบาๆ ด้วยความรัก

“พี่ชายจะอยู่รับเครื่องเสวยพร้อมทูลกระหม่อมพ่อและทูลกระหม่อมแม่หรือเปล่าคะ”

“จ้ะ” คำสั้นๆ แต่เป็นคำมากความหมายสำหรับคนเป็นน้อง เพราะกัญญ์วราชอบที่สุดก็ตอนที่มีโอกาสได้รับประทานอาหารด้วยกันทั้งครอบครัว ซึ่งหาได้ยากมาก เพราะทุกคนต่างก็มีราชกิจที่ต้องทำ โดยเฉพาะผู้ดำรงตำแหน่งองค์รัชทายาทคนปัจจุบันอย่างพระเชษฐาของพระองค์

“ถ้าเช่นนั้น เจอกันที่โต๊ะเสวยนะคะ วันนี้หญิงจะให้ทางห้องเครื่องทำขนมที่พี่ชายทรงโปรดถวายค่ะ”

“ขอบใจจ้ะ พี่ขอตัวก่อน เดี๋ยวพบกัน”

“ค่ะ” เจ้าหญิงถวายพระพรลา ก่อนจะดำเนินเข้าไปในตำหนักพร้อมกับกล่องที่ยังไม่ทราบที่มา

พระทวารถูกเปิดออกด้วยฝีมือนางในคนสนิท ผู้เป็นเจ้าของห้องส่งยิ้มขอบคุณก่อนจะก้าวนำเข้าไปด้านใน โดยมีอรทัย อรสา และอรณีเดินตามเข้าไปเป็นลำดับ
“อรสาจ๊ะ หญิงรบกวนช่วยไปแจ้งที่ห้องเครื่องด้วยว่าพี่ชายจะอยู่รับเครื่องเสวยที่ตำหนักใหญ่ และให้จัดของหวานที่ทรงโปรดถวายด้วย”

“เพคะ” อรสารับคำพร้อมกับถอนสายบัวลา

“จะทรงสรงน้ำเลยไหมเพคะ” อรทัยถามเพื่อจะได้จัดเตรียมทุกอย่างไว้ให้

“อีกสักครู่ดีกว่าจ้ะ” แม้จะเอ่ยเช่นนั้น หากนางกำนัลก็รู้ดีกว่าควรเตรียมทุกอย่างให้พร้อม ทั้งสองจึงพร้อมใจกันย่อตัวทำความเคารพและไปปฏิบัติหน้าที่ที่ตนรับผิดชอบ ปล่อยให้เจ้านายอยู่ตามลำพังกับความสนใจที่พุ่งไปอยู่ที่กล่องปริศนา

สิ่งของที่บรรจุในกล่องค่อยเผยโฉมหน้าออกมาทีละน้อยจนกระทั่งเห็นเต็มสองพระเนตร ซองจดหมายมีตราสัญลักษณ์มกุฎราชกุมารแห่งมุราดา และที่อยู่เบื้องล่างซองจดหมายเป็นถุงผ้าไหมสีหวานที่ไม่อาจเดาได้ว่ามีสิ่งใดบรรจุอยู่ในนั้น พระหัตถ์งามเลือกสนใจซองขาวยาวขนาดมาตรฐานก่อนสิ่งใด ด้วยอยากรู้ว่าเนื้อความในนั้นสื่ออะไรถึงพระองค์บ้าง

‘เจ้าหญิงน้อย’
‘หญิงจะว่ากระไรหรือไม่ หากเราจะย้อนยุคกันสักนิดด้วยการเขียนจดหมายแทนการใช้เครื่องมือสื่อสารยุคใหม่อย่างโทรศัพท์มือถือ หรือเทคโนโลยีทันสมัยอย่างอินเตอร์เน็ต ด้วยเหตุผลที่ว่าหากมีสิ่งใดที่ทำให้หญิงหลงลืมอดีตอีกครั้ง พี่ก็อยากให้หญิงจดจำเรื่องราวระหว่างเราด้วยความทรงจำของเราสองคน มิใช่การบอกเล่าของชายธัญญ์ หญิงจะโกรธหรือไม่ ถ้าพี่บอกว่าพี่หวงความทรงจำของหญิง พี่อยากเก็บความทรงจำของหญิงไว้กับตัวพี่ และเป็นคนถ่ายทอดมันให้หญิงรับรู้แต่เพียงผู้เดียว พี่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหญิงบ้างในช่วงเวลาที่หญิงป่วย แต่ก็อยากบอกให้หญิงรับรู้ว่าไม่ว่าวันใด อดีต ปัจจุบัน อนาคต หญิงก็คือเจ้าหญิงน้อยของพี่ ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นเพราะโชคชะตาหรือเพราะความประมาทก็ตาม เราไม่อาจกลับไปแก้ไขมันได้อีกแล้ว หากแต่วันนี้เวลานี้ต่างหากที่เราสามารถกำหนดและเลือกที่จะเดินไปในทิศทางใดก็ได้ หญิงพร้อมที่จะเดินไปด้วยกันหรือไม่ พี่ยอมรับการตัดสินใจของหญิงทุกอย่าง ไม่ว่าสายสัมพันธ์ที่หญิงหยิบยื่นให้จะเป็นรูปแบบใดก็ตาม สำหรับตัวพี่ไม่ว่าเวลาจะผันเปลี่ยนไปอย่างไรหัวใจพี่ยังคงเหมือนเดิมมิเคยผันแปรเป็นอื่น หญิงจะใช้เวลานานแค่ไหนก็ได้ในการคิดและตรึกตรองความรู้สึกของหญิง พี่จะรอวันที่หญิงพร้อมจะให้คำตอบ ส่วนช่วงเวลาระหว่างที่รอนี้เราจะร่วมกันสร้างความทรงจำที่ดีและสวยงามนะเจ้า และสิ่งแรกสำหรับความทรงจำใหม่ของเราสองคนก็คือ ของที่อยู่ในถุงผ้าไหม สิ่งแลกเปลี่ยนกับภาพแทนตัวของหญิง พี่คิดว่ามันมีคุณค่าพอไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าสิ่งที่หญิงมอบให้พี่ หวังว่าพี่จะมีโอกาสเห็นมันในรูปแบบที่สมบูรณ์’
‘พี่ชายฟ้า’


ปากถุงผ้าไหมแยกออกจากกัน สิ่งที่อยู่ในนั้นถูกหยิบออกมาที่ละชิ้นจนครบ เมื่อมันอยู่รวมกันก็ได้รู้ทันทีว่านี้คืออุปกรณ์ปักผ้าที่เป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายและเรียกกันติดหูว่า การปักครอสติช แต่นั่นก็ยังไม่อาจตอบคำถามที่อยู่ในใจกัญญ์วราได้ ‘นี่หรือคือสิ่งแลกเปลี่ยนที่มีคุณค่าเสมอกับผ้าปักภาพเหมือนของเธอ’ จนกระทั่งนิ้วเรียวยาวคลี่แบบลายที่ลงรหัสสีไว้ออกดู ในนั้นมีภาพถ่ายที่เธอคิดว่ามันคือต้นแบบของภาพสมบูรณ์ยามเมื่อปักภาพเสร็จ ซึ่งภาพถ่ายใบนั้นอยู่ในลักษณะคว่ำหน้าลง ไม่รอช้าเจ้าหญิงผู้แสนงามก็พลิกภาพขึ้นดูทันที ภาพชายหนุ่มผู้งามสง่าในชุดประจำตำแหน่งมกุฎราชกุมารเป็นภาพครึ่งตัวเผยให้เห็นตั้งแต่ช่วงอกขึ้นไป ใบหน้าคมคายอ่อนละมุนลงเมื่อมีรอยแย้มพระสรวลติดอยู่บนพระพักตร์ คำว่า ‘ภาพแทนใจ’ แวบเข้ามาในโสตประสาท ทำให้ผิวใสบนแก้มที่มีเลือดฝาดเป็นปกติแดงขึ้นจนผิดปกติ หัวใจเต้นระรัวยิ่งกว่าตอนอ่านถ้อยคำในจดหมายเสียอีก

“เจ้าหญิงเพคะ” เสียงของอรทัยเรียกสติของผู้ที่กำลังหลงอยู่ในวังวนของความหวานให้กลับคืน

“ว่าไงจ๊ะ”

“ใกล้เวลาตั้งโต๊ะเสวยแล้วนะเพคะ” นางกำนัลคนสนิททูลเตือน

“จริงด้วย” เจ้าของร่างอรชรไม่รอช้ากวาดทุกอย่างลงกล่องด้วยสองหัตถ์ มิได้เอ่ยปากกับคนสนิทให้ช่วยจัดการ เหมือนไม่ต้องการให้ใครมาจับต้องสิ่งของเหล่านั้น ฝากล่องปิดลงพร้อมกับยื่นให้อรทัย

“อรทัยเอาไปวางไว้บนโต๊ะตรงหัวเตียงให้หญิงหน่อย หญิงต้องรีบไปขัดสีฉวีวรรณแล้วล่ะ ไม่อย่างนั้นจะไม่ทัน ให้ผู้ใหญ่คอยคงไม่ดีแน่ใช่ไหมจ๊ะ” รอยยิ้มหวานๆ ประทานให้คนสนิทที่ยิ้มตอบอย่างรักใคร่และเทิดทูน แม้เจ้านายจะสูงศักดิ์เพียงใด ก็ไม่เคยปฏิบัติต่อเธอย่างชนชั้นต่ำ บางครั้งยังทรงเย้าแหย่หรือพูดคุยหยอกล้ออย่างไม่ถือองค์เสียด้วย

“อรสาเตรียมเครื่องทรงและน้ำสรงให้แล้วเพคะ” กัญญ์วราพยักหน้ารับรู้และผละจากอรทัยไปยังห้องสรง เพื่อจัดการคราบเหงื่อไคลและฝุ่นละอองที่จับอยู่ตามเนื้อตัวจากการออกภาคสนามไปเยี่ยมสหกรณ์สินค้าพื้นเมืองที่พระองค์ทรงจัดตั้งขึ้นและพูดคุยถกปัญหากับประชาชนที่มารับเสด็จอย่างเป็นกันเอง ทั้งยังขอคำแนะนำจากหญิงชราหลายๆ คนที่ได้รับการสืบทอดภูมิปัญญาชาวบ้านมาจากบรรพบุรุษ และขอให้มาเป็นครูสร้างอาชีพให้กับชุมชน ซึ่งถือเป็นการสืบทอดภูมิปัญญาชาวบ้านที่ควรอนุรักษ์ไว้ไปจนชั่วลูกชั่วหลานอีกด้วย

จะปีใหม่แล้วขอให้คุณผู้อ่านทุกๆ ท่านมีความสุข คิดสิ่งใดสมดังปรารถนาทุกประการะนะคะ สวัสดีปีใหม่ค่ะ




หนึ่งจันทร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 29 ธ.ค. 2555, 11:53:59 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 29 ธ.ค. 2555, 11:57:16 น.

จำนวนการเข้าชม : 1390





<< บทที่ 6   บทที่ 8 >>
หมูอ้วน 29 ธ.ค. 2555, 15:08:23 น.
ชอบมาก ๆ เลยค่ะ คู่นี้เหมาะสมกันมากเลย ฮิ..
สุขสันต์วันปีใหม่ค่าาาา


Auuuu 29 ธ.ค. 2555, 15:18:09 น.
ขอให้ไรเตอร์มีความสุข สมหวัง สุขภาพร่างกายแข็งแรงตลอดปี 2556 และตลอดไปนะคะ

เขินนนนแทนนางเอก


icewinter 29 ธ.ค. 2555, 17:54:53 น.
Wowww


Oleang 30 ธ.ค. 2555, 09:12:57 น.
Happy New Year 2013


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account