เล่ห์รักเกมหัวใจ
มีน เขาถูกว่าจ้างให้หักอกเธอ "อลินา" ที่คนว่าจ้างบอกว่าเธอเป็นผู้หญิงร้ายกาจ
อลินา ถูกว่าจ้างให้ดักหลังผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเพลย์บอยตัวพ่อ อย่าง"มีน" ที่ไม่ยอมสยบให้หญิงใด
เมื่อ แผนถูกซ้อนเป็นชั้นๆเหมือนขนมที่แสนหวาน กับดักที่พันจนวุ่นวาย
หมายเหตุ เรื่องนี้เขียนสดๆ ดังนั้นอาจจะมีเนื้อหาที่จะมีการเปลี่ยนแปลงภายหลังค่ะ
อลินา ถูกว่าจ้างให้ดักหลังผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเพลย์บอยตัวพ่อ อย่าง"มีน" ที่ไม่ยอมสยบให้หญิงใด
เมื่อ แผนถูกซ้อนเป็นชั้นๆเหมือนขนมที่แสนหวาน กับดักที่พันจนวุ่นวาย
หมายเหตุ เรื่องนี้เขียนสดๆ ดังนั้นอาจจะมีเนื้อหาที่จะมีการเปลี่ยนแปลงภายหลังค่ะ
Tags: เล่ห์รักเกมหัวใจ คีตา ณิชนิตา
ตอน: บทที่ ๑๙ เธอเจ็บฉันเจ็บ
บทที่ ๑๙
เธอเจ็บฉันเจ็บ
เมื่อมีนออกจากโรงพยาบาลเขายังคงลาพักต่ออีกสองสามวัน เพื่อให้แผลฟกช้ำนั้นหายไปก่อนที่จะเข้าไปทำงาน พอตื่นเช้าหลังจากที่กลับมาถึงห้องพัก เปิดเปลือกตาขึ้น ภาพแรกที่เห็นคือ พัชระนั่งมองเขาจากข้างเตียง
“เอาข้าวต้มกับนมมาให้” เพื่อนชายบอกเรียบๆ
“ขอบใจนะ ได้กินฝีมือพัชระถือว่าลาภปากจริงๆ เชียว” ระหว่างที่มีนกำลังตักข้าวเข้าปาก เขาสังเกตเห็นว่าเพื่อนชายมีสีหน้าเคร่ง ซึ่งก็คงเป็นผลมาจากเหตุการณ์ที่เขาเจ็บตัว
“ฉันเพิ่งรู้เรื่องที่แกคิดจะแก้แค้นจากสนต์ นี่แกคิดอะไรอยู่กันแน่”
“ก็ไม่ได้คิดอะไร”
“แล้วทำไมถึงเกิดเรื่องล่ะ ทำไมถึงเจ็บตัวขนาดนี้ ไม่ใช่เพราะอยากแก้แค้นหรอกหรือไง พอทีเถอะนะมีน”
“นี่จะบ่นฉันอีกคนใช่ไหมนั่น”
“ที่ฉันบ่นเพราะเป็นห่วงนะมีน แกเจ็บตัวขนาดนี้...ถึงแม้แกจะหมดเนื้อหมดตัวแต่แกไม่ได้อยู่คนเดียวนะมีน”
“ขอบใจจริงๆ พัช ถ้าไม่มีนายไม่มีสนต์ ไม่มีชารีน ฉันก็ไม่รู้จะอยู่ไปได้ยังไงเหมือนกัน”
“อย่าอยู่เพื่อคนอื่นมีน...อยู่เพื่อตัวเองก็พอ” พัชระกล่าวจบก็ลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องส่วนตัวของเพื่อน มีนได้แต่มองตามร่างสูงนั้นด้วยความรู้สึกขอบคุณ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้งเขาเหลือบมองดูเพียงเล็กน้อย ชื่อที่แสดงอยู่บนหน้าจอนั่นยิ่งทำให้เขาตัดสินใจที่จะไม่รับสาย เหมือนกำลังทิ้งปัญหาทุกอย่างไว้ โดยไม่ยอมแก้ไข แต่เขายังตัดสินใจไม่ได้เท่านั้นเองว่าตัวเองต้องการอะไรกันแน่
ลิษากดโทรศัพท์มือครั้งแล้วครั้งเล่าจนแทบนับไม่ได้แล้วว่ากี่ครั้งที่เธอติดต่อหามีน ทว่าเขาไม่เคยรับสายเลยสักครั้ง หลังจากเกิดเหตุการณ์ครั้งนี้ดูเขาหมางเมินและมีสายตาเย็นชาแปลกๆ แสดงออกมาเสมอ มันแปลกเกินไปแม้ใจเธอจะไม่ใคร่อยากยอมรับแต่มันค่อนข้างน่ากังวลเหลือเกิน
“โทร.หาใครน่ะษา แม่เห็นทำอย่างนี้มาเกือบชั่วโมงแล้วนะ”
“โทร.หาพี่มีนค่ะ” เธอตอบสั้นใจนั้นยังคงเคืองแม่เรื่องก่อนหน้านี้มากโข
รตีจ้องบุตรสาวด้วยความรู้สึกเหนื่อยใจ เธอไม่เคยเห็นลิษาดื้อรั้นขนาดนี้มาก่อน ครั้งนี้เป็นครั้งแรกและดูจะหนักหนาเอาการ หรือเป็นเพราะการเลี้ยงดูอย่างตามใจของเธอกำลังส่งผลเสียแล้ว
“แม่บอกแล้วใช่ไหมว่าให้เลิกกับผู้ชายคนนี้ทำไมลูกไม่ยอมเชื่อแม่เลย”
“เพราะคุณแม่มีอคติน่ะสิคะ พี่มีนไม่ดีตรงไหน หรือ เพราะเขาเป็นลูกของคุณลุงกิตติธรเท่านั้น”
“แม่ไม่ได้อคติ ลูกต่างหากที่หลงจนไม่ลืมหูลืมตา...ได้...ถ้าคิดว่ามันดีจริงก็ดูนี่สิ” รตีเดินกลับไปที่โต๊ะทำงานในบ้านก่อนจะหยิบแฟ้มพลาสติกใสขนาดเอสี่ส่งให้บุตรสาว ลิษารับมาเปิดอ่าน หน้านิ่ว แสดงอาการประหลาดใจ
“นี่มันอะไรกันคะ”
“ประวัติของมีน แล้วส่วนข้างหลังนั่น ผู้หญิงคนนั้นเป็นแฟนคนปัจจุบันของเขา” เธอจำเพาะเจาะจงชี้ให้ลิษาดูภาพที่อัศวินถ่ายมาประกอบ เธอยังจำเรื่องราวที่อัศวินเล่าได้ เขาหลอกถามจากเด็กหนุ่มในร้านเรดคลับ บอกชัดเจนว่าทั้งคู่กำลังคบกันอยู่ นั่นทำให้เธอปักใจเชื่อแล้วว่า...มีนกำลังแก้แค้นโดยใช้บุตรสาวเธอเป็นเครื่องมือ
“หนูไม่เชื่อหรอกค่ะ คุณแม่โกหก!!”
“ลิษา...นี่ลูกคิดว่าแม่จะโกหกลูกไปเพื่ออะไร ลูกเคยเชื่อแม่ทุกอย่างไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงได้ทำอย่างนี้ล่ะ”
“แม่ก็อาจจะเกลียดพี่มีนมากจนสร้างเรื่องนี้ขึ้นมา เหมือนอย่างที่แม่จ้างคนไปทำร้ายเขาน่ะสิคะ แล้วเรื่องนี้ก็เพราะแม่คนเดียว ทำให้พี่มีนเย็นชาใส่หนู”
“ลิษา!!” เสียงตวาดดังลั่นด้วยโกรธที่บุตรสาวเอาแต่ใจไม่ยอมฟังเหตุผลเลยสักนิด “ฟังให้ดีนะลูก แม่เลี้ยงหนูมาด้วยความรัก แล้วผู้ชายคนนั้นเพิ่งมาเจอหนูเค้าจะรักหนูเท่าแม่ไหม ไม่มีทางแน่ๆ ตั้งสตินะษา ลูกควรคิดให้ดีเสียก่อน เขาอาจจะหว่านล้อมด้วยคำหวานให้ลูกตกหลุมรักเขาแต่แม่ไม่เคยโกหกหรือคิดอยากให้ลูกเสียใจเลยแม้สักครั้ง เชื่อแม่เถอะนะลองคิดดูดีๆ ลูกอาจจะเป็นแค่หมากในเกมของมีนเท่านั้นเอง”
ลิษายืนนิ่งพลางครุ่นคิดเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น ภาพตรงหน้ายิ่งเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญ เธอจำผู้หญิงคนนี้ได้ เป็นน้องสาวของพัชระ เธอกล่าวแนะนำนตัวเพียงเท่านั้นโดยไม่ได้แสดงทีท่าความสัมพันธ์ที่เกินเลยกับมีน พวกเขารวมหัวกันหลอกเธออย่างนั้นหรือ
อลินาเปิดประตูห้องส่วนตัวของมีนเข้ามาด้วยความรู้สึกแปลกๆ ตั้งแต่รู้จักกันมา เธอไม่เคยได้ย่างกรายเข้ามาเลยสักครั้ง ห้องของมีนนั้นไม่ค่อยมีเฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่งมากมาย มีเตียงนอน โต๊ะเล็กๆ ข้างเตียงแล้วก็ตู้เสื้อผ้า เสียงน้ำในห้องน้ำทำให้หญิงสาวพอจะรู้ว่าเขาหายตัวไปที่ไหน เธอเลือกที่จะเดินออกไปเปิดประตูกระจกที่ต่อออกไปยังชานห้อง
ประตูห้องน้ำเปิดออกพร้อมกับร่างของชายหนุ่มที่พันกายด้วยผ้าขนหนูผืนเดียว ท่อนบนมีน้ำเกาะพราวเต็มไปหมด เขาสะดุดกับร่างเพรียวที่ยืนอยู่ด้านนอก ดวงตาคมตื่นตระหนกเมื่อคิดว่าตัวเองอยู่ในสภาพใดแต่กลับนิ่วหน้าเพียงเล็กน้อยก่อนจะอมยิ้ม ทำทีกระแอมเสียงดังจนแขกสะดุ้งหันกลับเข้ามาในห้อง
“พี่มีน พี่พัชบอกว่า...” เธอสะดุดลมหายใจตัวเองทันทีที่เห็นมีน ใบหน้าร้อนผ่าวด้วยความรู้สึกเขินอาย
“บอกว่าอะไรเหรอ” ว่าทั้งเปิดตู้เสื้อผ้า
“พี่ไปแต่งตัวก่อนก็ได้เดี๋ยว ฉันมาบอกอีกที” เธอว่าพลางรีบเร่งเท้าจะชิ่งหนีออกไปก่อนแต่มือหนาคว้าแขนเธอไว้ก่อน สายตาคู่นั้นที่จ้องมามันเหมือนมีประกายวิบวับจนใจเต้นแรงอย่างช่วยไม่ได้
“จะไปไหนรอในห้องก็ได้”
“ก็ดูพี่สิ แต่งตัวให้เรียบร้อยดีกว่านะคะ”
“เขินเหรอ..” รอยยิ้มนั้นล้อในที “เขินทำไมนะ เดี๋ยวไม่นานก็ได้เห็นอยู่ดี”
“ใครจะไปมองพี่ล่ะ ปล่อยเลยนะคนลามก”
“พี่ยังไม่ได้บอกว่าจะเห็นตอนไหน ใครกันแน่ที่ลามก ใครกันแน่ที่คิดไปไกลก่อน หืม...” เขาล้อก่อนจะดึงตัวหญิงสาวมาที่ตู้เสื้อผ้า “เลือกให้พี่หน่อยสิ”
“เรื่องอะไร” ค้อนเล็กน้อย ก่อนพยายามบังคับสายตาไม่ได้มองต่ำกว่าใบหน้า
“เผื่อว่าอนาคตจะได้ทำแบบนี้ไปตลอดนะ ต้องเริ่มหัดไว้ตั้งแต่ตอนนี้” เขาว่าทั้งอมยิ้ม แก้มแดง ๆของคนตรงหน้ายิ่งทำให้เขามีความสุขเพิ่มขึ้นอีกมาก อลินารู้ว่าไม่มีทางเลือกจึงหันไปสุ่มๆ หยิบเสื้อยืดสีเทากับกางเกงวอร์มสีเข้มหันมาส่งให้
“ชั้นในด้วยสิ”
“ห๊ะ!!!!” น้ำเสียงแผดดังด้วยความตกใจและใบหน้าตื่นของหญิงสาวทำให้มีนเผลอหลุดหัวเราะออกมา
“ล้อเล่น พี่ใส่เรียบร้อยแล้ว อยากดูไหม” ว่าพลางจะเลิกผ้าขนหนูขึ้น อลินาตกใจรีบคว้ามือเขาไว้ก่อนที่จะทำการนั้นสำเร็จ ทว่าในขณะที่เธอหมกมุ่นกับการป้องกันภาพอุจาดตา ชายหนุ่มก็ก้มลงประทับจูบแผ่วเบาที่ริมฝีปากนุ่มทันที
“ขอบใจนะ ที่เลือกเสื้อผ้าให้พี่” เขายิ้มกว้างแล้วเดินผละออกไปยังห้องน้ำเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า ปล่อยให้อลินายืนนิ่งอึ้งด้วยอาการตกใจแถมยังเขินอายอย่างที่สุด ใบหน้าร้อนผะผ่าวจนต้องเอามือขึ้นทาบแก้มทั้งสองข้างเพื่อลดทอนความร้อนที่พวยพุ่งขึ้นมา
คนเจ้าเล่ห์...เธอต่อว่าชายหนุ่มในใจ
หญิงสาวในชุดเสื้อกระโปรงสีน้ำเงินเข้าก้าวเดินฉับๆ เข้ามายังร้านอาหารที่เธอนัดกับแพรไหมไว้ ลิษาเห็นเพื่อนนั่งรออยู่แล้วที่โต๊ะด้านในสุดของร้านอาหารสุดหรู
“มีเรื่องอะไรเหรอถึงได้โทร.ไปหาฉันตั้งแต่เช้าแถมยังจี้ให้รีบมาสุดๆ แบบนี้” น้ำเสียงนั้นค่อนข้างหงุดหงิดในทีแต่ไม่สามารถแสดงออกได้มากนักเพราะถ้าลิษาวีนกลับ เธอต่างหากที่จะเดือดร้อน
“ฉันมีเรื่องให้เธอช่วย” ว่าจบจึงก้มลงควานหารูปในกระเป๋าถือออกมายื่นให้เพื่อนสาว “สืบเรื่องผู้หญิงคนนี้ให้ที”
“ฉันไม่ใช่นักสืบเอกชนนะ ไปจ้างนักสืบสิ ฉันเป็นนักข่าว”
“ก็เพราะเธอเป็นนักข่าวฉันถึงได้ให้เธอช่วย แล้วฉันก็ไว้ใจเธอมากนะสุดนะแพรไหม ฉันได้ยินว่าผู้หญิงคนนี้เป็นแฟนกับพี่มีน”
“อ๋อ” น้ำเสียงลากยาวของแพรไหมนั้นแสดงถึงความเข้าใจเรื่องโดยเร็ว เธอเพิ่งเคยเห็นลิษาเต้นก็คราวนี้เอง
“งั้นเดี๋ยวฉันจะสืบให้ คงไม่ใช่เรื่องยากอะไรหรอกเพราะมีพี่มีนเป็นตัวเชื่อมเรื่อง แต่จริง ๆ เธอน่าจะรู้อยู่แล้วนะว่าเขาค่อนข้างเจ้าชู้ ไม่เคยจริงใจกับใครหรอก”
“แต่ฉันเชื่อว่าเขารักฉัน!!” น้ำเสียงเข้มนั้นทำให้แพรไหมถึงกับสะอึก ไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงที่มั่นใจในตัวเองอย่างลิษาจะแพ้พ่ายให้กับผู้ชายร้อยเล่ห์อย่างมีน วัฒนะ ได้ แต่อย่างไรเสีย จิ้งจอกก็คือจิ้งจอก เหยื่อสดสวยร่ำรวยอย่างลิษาก็ต้องแพ้เป็นธรรมดา
“งั้นก็ไปที่เรดคลับด้วยกันเลย แต่เธอต้องปลอมตัวนิดหน่อยนะ” แพรไหมออกความเห็น ลิษานิ่วหน้า “หรือถ้าเธอกลัวพวกเขาจำได้ก็นั่งในรถแล้วฉันจะโทร.ไปบอกเอง”
แพรไหมเดินเข้าไปในร้านเรดคลับเธอเลือกที่จะนั่งในมุมที่เห็นบาร์ยาวด้านในร้านอย่างชัดเจนที่สุด แม้ว่าที่เรดคลับจะขายเครื่องดื่มแต่ก็ยังมีขนมเค้กและอาหารพวกทอดที่เรียกว่าเป็นกับแกล้มสำหรับนักดื่ม ช่วงเช้านั้นจะเน้นพวกกาแฟและเครื่องดื่มสำหรับอาหารเช้า เธอเลือกสั่งกาแฟและเค้กชิ้นหนึ่ง สายตามองหาหญิงสาวในรูปที่ลิษาเอาให้ดู แต่เกือบสิบนาทีก็ยังไม่เห็นวี่แววว่าจะได้เจอ หลังจากที่คิดวางแผนการใหม่ระหว่างนั้นเธอจึงเหลือบเห็นหญิงสาวที่เป็นเป้าหมายเดินลงบันไดมาพร้อมกับมีน
มือที่เกี่ยวกันไว้นั้นผิดสังเกตมาก หญิงสาวพยายามถ่ายรูปเอาไว้โดยใช้เมนูปิดบังกล้องมือถือเอาไว้ แม้ทั้งคู่จะแยกกันไปทำงานแต่มีนเป็นฝ่ายเดินตามคอยช่วยหยิบโน่น หยิบนี่ให้หญิงสาวตลอด มันเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาอยู่แล้ว แพรไหมกดส่งภาพไปยังมือถือของเพื่อนรักก่อนรอสักพัก ลิษาจึงเป็นฝ่ายโทรศัพท์กลับมา
“นี่หมายความว่ายังไง”
“ฉันว่ามันไม่ธรรมดาแล้วแหละ อาจจะเป็นจริงตามที่เธอได้ยินมานะษา เดี๋ยวนะถือสายรอแป๊บ” แพรไหมว่าพลางวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ กวักมือเรียกให้ประวีย์มาหา
“สั่งอะไรเพิ่มหรือครับ”
“ขอม็อคค่าเย็นแก้วหนึ่งนะคะพี่จะถือกลับบ้านค่ะ” ประวีย์พยักหน้าพร้อมกับตอบรับ “อ้อ น้องคะ พี่สงสัยพี่เคยเห็นหน้าคนที่ติดผ้าพันแผลคนนั้นคุณมีนใช่ไหมคะ”
“ครับใช่ครับ”
“แล้วผู้หญิงคนที่จูงมือตอนลงบันไดมานี่ ใช่แฟนเขาหรือเปล่า” คำถามนั้นทำให้ประวีย์นิ่วหน้าก่อนจะหันไปมองคนทั้งคู่อีกครั้ง
“ครับ ลีน่าแฟนพี่มีน เขาคบกันมานานแล้วนะ เห็นว่าตั้งแต่เรียนเมืองนอกโน่นแน่ะ” ประวีย์กล่าวย้ำ คิดว่าหญิงสาวคนนี้ต้องเป็นหนึ่งในสาวๆ ที่มาติดพันมีนอย่างแน่นอน อย่างไรเสียเขาก็เชียร์อลินามากกว่าหญิงสาวคนอื่น
แพรไหมพยักหน้ารับบอกว่าเข้าใจจนเมื่อประวีย์เดินออกไป เธอจึงก้มลงมองโทรศัพท์มือถือ ซึ่งคู่สนทนาวางสายไปแล้ว
ลิษาที่นั่งอยู่ในรถกำโทรศัพท์มือถือแน่นแทบอยากขว้างมันทิ้งเสียด้วยซ้ำไป เป็นเรื่องโกหกหลอกลวงอย่างนั้นหรือ...มีน หลอกเธอจริงๆ
วันต่อมาอลินาจัดเตรียมเสื้อผ้าพับใส่เป้เพื่อเตรียมตัวไปแข่งสนามที่สอง เมื่อเสร็จเรียบร้อยจึงยกขึ้นสะพายหลัง ทว่าพอเปิดประตูห้องกลับเจอร่างสูงโปร่งของมีนพิงผนังด้านข้างประตู มือหนาเอื้อมมาดึงกระเป๋าเป้ใบเล็กนั้นออกจากบ่าหญิงสาว
“พี่ไปด้วยนะ”
“ไปทำไม ยังไม่หายดีนี่คะ”
“ใครว่าหายดีแล้ว แต่มันยังดูช้ำๆ แค่นั้นเอง”
“ดื้อจริงเลย แล้วจะไปทำไมคะ ไม่ได้แข่งด้วยเสียหน่อย”
“ไม่ได้แข่งแต่ไปเป็นกำลังใจให้นักแข่งต่างหาก” เขาว่าหน้าตาเฉยก่อนจะเดินนำออกไป อลินาอมยิ้มหวาน นึกหมั่นไส้ชายหนุ่ม
กว่าจะมาถึงโรงแรมก็เกือบเที่ยงแล้ว หญิงสาวต้องไปรายงานตัวกับอนุทัตก่อน หนึ่งเดือนพอดีหลังจากที่แข่งสนามแรก ต่อด้วยสนามที่สองซึ่งเป็นคนละพื้นที่กับสนามแรก หญิงสาวมาเตรียมความพร้อมทั้งเรื่องเครื่องยนต์มาคอยดูร่วมกับทีมช่าง แล้วยังทดสอบการขับขี่ในสนามใหม่อีกด้วย
อนุทัตเหลือบมองคนติดตามของรุ่นน้องสาวก่อนจะกระเถิบเข้าไปนั่งใกล้ๆ มีนหันมามองก่อนจะส่งยิ้มให้
“สวัสดีครับ ไม่คิดว่าคุณจะมาด้วย ปกติ ลีน่าเขาชอบไปไหนมาไหนคนเดียว เมื่อก่อนมีโยหลานชายผมเองมาด้วยแต่เขาไปเรียนต่อแล้ว”
“ครับ ผมนึกอยากดูแข่งรถอีกน่ะครับ แล้วก็อยากมาเป็นกำลังใจให้เขา”
“แหม...ดีจริง ๆ แล้วจะอยู่ตลอดทั้งสี่วันของการแข่งเลยหรือเปล่าครับ”
“ครับ อลิสเคยเล่าเรื่องที่มาแข่งรถให้ฟังเหมือนกัน คุณเป็นคนทำให้เธอเข้มแข็งขึ้น เธอชมคุณอยู่บ่อยๆ เชียวครับ”
“อ๋อ ผมเปล่านะครับ แค่เรื่องบังเอิญ ลีน่าค่อนข้างพิเศษเพราะเธอกลัวมาก่อน แค่ต้องสร้างความกล้าขึ้นมาใหม่ ผมไม่ได้หวังให้เธอเป็นนักแข่งมืออาชีพหรอกครับแค่ได้ทำสิ่งที่ตัวเองรักก็พอ”
“ขอบคุณนะครับที่ช่วยดูแลอลิสตลอดมา”
“ผมไม่ได้ทำอะไรเลย เธอดูแลตัวเองตลอด ว่ากันว่าบาดแผลของคนเราเกิดขึ้นได้ ร่างกายก็จะรักษาตัวมันเอง เคสอลิสก็เหมือนกัน แล้วคุณจะเข้าใจเอง”
มีนตอบรับพร้อมกับยิ้มกว้างแสดงออกถึงความสุขในแบบที่อนุทัตไม่ค่อยได้เห็นจากใครมากนัก ผู้ชายคนนี้ดูมีเสน่ห์ไม่แปลกใจเลยที่อลินาจะปักใจ
ในวันแข่งมีนยืนอยู่ขอบสนามท่ามกลางกองเชียร์และคนดูมากมาย ส่วนใหญ่เป็นเพื่อนร่วมทีมของนักแข่ง อีกส่วนเป็นพริตตี้สาวสวยภายในงาน เขาถือโอกาสนี้ถ่ายภาพสวยๆ ไปอวดเพื่อนร่วมงานด้วย ภพธรคงร้องลั่นสำนักงานเป็นแน่หากได้เห็นสาวๆ เหล่านี้ เมื่อถึงเวลาแข่ง เขาจึงหันไปจดจ่อที่สนามแทน กดชัตเตอร์รัวเร็วในการถ่ายภาพของนักแข่งสาวสวยของเขา จวบจนรถทะยานออกไปอย่างรวดเร็วไปถึงโค้งแรก รถของอลินากลับแฉลบออกข้างทางชนไถลไปกับป้ายโฆษณาเรื่อยกว่าจะหยุดด้วยสภาพที่มีนถึงกับมือไม้อ่อน กล้องในมือหลุดโชคดีที่เขาคล้องสายไว้ที่คอไม่เช่นนั้นมันคงตกลงพื้นไปแล้ว
เสียงอื้ออึงเต็มไปทั้งสนาม หน่วยพยาบาลวิ่งเข้าไปยังที่เกิดเหตุทันที...มีนก้าวขาด้วยสัญชาตญาณ เขาวิ่งเลาะรอบสนามออกไปอย่างไม่คิดชีวิต หัวใจของเขาแทบหยุดเต้น น้ำใสๆ มันเอ่อล้นออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่เขาไม่รู้เลยด้วยซ้ำ รู้แต่ว่าตามันร้อนผะผ่าวเต็มไปด้วยความหวาดกลัว กลัวจนใจสั่น ตัวสั่นไปหมด...หวังว่าเธอจะไม่เป็นอะไร
/////////////////////////////////////
สวัสดีปีใหม่ค่ะ ขอให้เพื่อนๆมีความสขประสบความสำเร็จตลอดปีนะคะ ^^
เธอเจ็บฉันเจ็บ
เมื่อมีนออกจากโรงพยาบาลเขายังคงลาพักต่ออีกสองสามวัน เพื่อให้แผลฟกช้ำนั้นหายไปก่อนที่จะเข้าไปทำงาน พอตื่นเช้าหลังจากที่กลับมาถึงห้องพัก เปิดเปลือกตาขึ้น ภาพแรกที่เห็นคือ พัชระนั่งมองเขาจากข้างเตียง
“เอาข้าวต้มกับนมมาให้” เพื่อนชายบอกเรียบๆ
“ขอบใจนะ ได้กินฝีมือพัชระถือว่าลาภปากจริงๆ เชียว” ระหว่างที่มีนกำลังตักข้าวเข้าปาก เขาสังเกตเห็นว่าเพื่อนชายมีสีหน้าเคร่ง ซึ่งก็คงเป็นผลมาจากเหตุการณ์ที่เขาเจ็บตัว
“ฉันเพิ่งรู้เรื่องที่แกคิดจะแก้แค้นจากสนต์ นี่แกคิดอะไรอยู่กันแน่”
“ก็ไม่ได้คิดอะไร”
“แล้วทำไมถึงเกิดเรื่องล่ะ ทำไมถึงเจ็บตัวขนาดนี้ ไม่ใช่เพราะอยากแก้แค้นหรอกหรือไง พอทีเถอะนะมีน”
“นี่จะบ่นฉันอีกคนใช่ไหมนั่น”
“ที่ฉันบ่นเพราะเป็นห่วงนะมีน แกเจ็บตัวขนาดนี้...ถึงแม้แกจะหมดเนื้อหมดตัวแต่แกไม่ได้อยู่คนเดียวนะมีน”
“ขอบใจจริงๆ พัช ถ้าไม่มีนายไม่มีสนต์ ไม่มีชารีน ฉันก็ไม่รู้จะอยู่ไปได้ยังไงเหมือนกัน”
“อย่าอยู่เพื่อคนอื่นมีน...อยู่เพื่อตัวเองก็พอ” พัชระกล่าวจบก็ลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องส่วนตัวของเพื่อน มีนได้แต่มองตามร่างสูงนั้นด้วยความรู้สึกขอบคุณ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้งเขาเหลือบมองดูเพียงเล็กน้อย ชื่อที่แสดงอยู่บนหน้าจอนั่นยิ่งทำให้เขาตัดสินใจที่จะไม่รับสาย เหมือนกำลังทิ้งปัญหาทุกอย่างไว้ โดยไม่ยอมแก้ไข แต่เขายังตัดสินใจไม่ได้เท่านั้นเองว่าตัวเองต้องการอะไรกันแน่
ลิษากดโทรศัพท์มือครั้งแล้วครั้งเล่าจนแทบนับไม่ได้แล้วว่ากี่ครั้งที่เธอติดต่อหามีน ทว่าเขาไม่เคยรับสายเลยสักครั้ง หลังจากเกิดเหตุการณ์ครั้งนี้ดูเขาหมางเมินและมีสายตาเย็นชาแปลกๆ แสดงออกมาเสมอ มันแปลกเกินไปแม้ใจเธอจะไม่ใคร่อยากยอมรับแต่มันค่อนข้างน่ากังวลเหลือเกิน
“โทร.หาใครน่ะษา แม่เห็นทำอย่างนี้มาเกือบชั่วโมงแล้วนะ”
“โทร.หาพี่มีนค่ะ” เธอตอบสั้นใจนั้นยังคงเคืองแม่เรื่องก่อนหน้านี้มากโข
รตีจ้องบุตรสาวด้วยความรู้สึกเหนื่อยใจ เธอไม่เคยเห็นลิษาดื้อรั้นขนาดนี้มาก่อน ครั้งนี้เป็นครั้งแรกและดูจะหนักหนาเอาการ หรือเป็นเพราะการเลี้ยงดูอย่างตามใจของเธอกำลังส่งผลเสียแล้ว
“แม่บอกแล้วใช่ไหมว่าให้เลิกกับผู้ชายคนนี้ทำไมลูกไม่ยอมเชื่อแม่เลย”
“เพราะคุณแม่มีอคติน่ะสิคะ พี่มีนไม่ดีตรงไหน หรือ เพราะเขาเป็นลูกของคุณลุงกิตติธรเท่านั้น”
“แม่ไม่ได้อคติ ลูกต่างหากที่หลงจนไม่ลืมหูลืมตา...ได้...ถ้าคิดว่ามันดีจริงก็ดูนี่สิ” รตีเดินกลับไปที่โต๊ะทำงานในบ้านก่อนจะหยิบแฟ้มพลาสติกใสขนาดเอสี่ส่งให้บุตรสาว ลิษารับมาเปิดอ่าน หน้านิ่ว แสดงอาการประหลาดใจ
“นี่มันอะไรกันคะ”
“ประวัติของมีน แล้วส่วนข้างหลังนั่น ผู้หญิงคนนั้นเป็นแฟนคนปัจจุบันของเขา” เธอจำเพาะเจาะจงชี้ให้ลิษาดูภาพที่อัศวินถ่ายมาประกอบ เธอยังจำเรื่องราวที่อัศวินเล่าได้ เขาหลอกถามจากเด็กหนุ่มในร้านเรดคลับ บอกชัดเจนว่าทั้งคู่กำลังคบกันอยู่ นั่นทำให้เธอปักใจเชื่อแล้วว่า...มีนกำลังแก้แค้นโดยใช้บุตรสาวเธอเป็นเครื่องมือ
“หนูไม่เชื่อหรอกค่ะ คุณแม่โกหก!!”
“ลิษา...นี่ลูกคิดว่าแม่จะโกหกลูกไปเพื่ออะไร ลูกเคยเชื่อแม่ทุกอย่างไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงได้ทำอย่างนี้ล่ะ”
“แม่ก็อาจจะเกลียดพี่มีนมากจนสร้างเรื่องนี้ขึ้นมา เหมือนอย่างที่แม่จ้างคนไปทำร้ายเขาน่ะสิคะ แล้วเรื่องนี้ก็เพราะแม่คนเดียว ทำให้พี่มีนเย็นชาใส่หนู”
“ลิษา!!” เสียงตวาดดังลั่นด้วยโกรธที่บุตรสาวเอาแต่ใจไม่ยอมฟังเหตุผลเลยสักนิด “ฟังให้ดีนะลูก แม่เลี้ยงหนูมาด้วยความรัก แล้วผู้ชายคนนั้นเพิ่งมาเจอหนูเค้าจะรักหนูเท่าแม่ไหม ไม่มีทางแน่ๆ ตั้งสตินะษา ลูกควรคิดให้ดีเสียก่อน เขาอาจจะหว่านล้อมด้วยคำหวานให้ลูกตกหลุมรักเขาแต่แม่ไม่เคยโกหกหรือคิดอยากให้ลูกเสียใจเลยแม้สักครั้ง เชื่อแม่เถอะนะลองคิดดูดีๆ ลูกอาจจะเป็นแค่หมากในเกมของมีนเท่านั้นเอง”
ลิษายืนนิ่งพลางครุ่นคิดเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น ภาพตรงหน้ายิ่งเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญ เธอจำผู้หญิงคนนี้ได้ เป็นน้องสาวของพัชระ เธอกล่าวแนะนำนตัวเพียงเท่านั้นโดยไม่ได้แสดงทีท่าความสัมพันธ์ที่เกินเลยกับมีน พวกเขารวมหัวกันหลอกเธออย่างนั้นหรือ
อลินาเปิดประตูห้องส่วนตัวของมีนเข้ามาด้วยความรู้สึกแปลกๆ ตั้งแต่รู้จักกันมา เธอไม่เคยได้ย่างกรายเข้ามาเลยสักครั้ง ห้องของมีนนั้นไม่ค่อยมีเฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่งมากมาย มีเตียงนอน โต๊ะเล็กๆ ข้างเตียงแล้วก็ตู้เสื้อผ้า เสียงน้ำในห้องน้ำทำให้หญิงสาวพอจะรู้ว่าเขาหายตัวไปที่ไหน เธอเลือกที่จะเดินออกไปเปิดประตูกระจกที่ต่อออกไปยังชานห้อง
ประตูห้องน้ำเปิดออกพร้อมกับร่างของชายหนุ่มที่พันกายด้วยผ้าขนหนูผืนเดียว ท่อนบนมีน้ำเกาะพราวเต็มไปหมด เขาสะดุดกับร่างเพรียวที่ยืนอยู่ด้านนอก ดวงตาคมตื่นตระหนกเมื่อคิดว่าตัวเองอยู่ในสภาพใดแต่กลับนิ่วหน้าเพียงเล็กน้อยก่อนจะอมยิ้ม ทำทีกระแอมเสียงดังจนแขกสะดุ้งหันกลับเข้ามาในห้อง
“พี่มีน พี่พัชบอกว่า...” เธอสะดุดลมหายใจตัวเองทันทีที่เห็นมีน ใบหน้าร้อนผ่าวด้วยความรู้สึกเขินอาย
“บอกว่าอะไรเหรอ” ว่าทั้งเปิดตู้เสื้อผ้า
“พี่ไปแต่งตัวก่อนก็ได้เดี๋ยว ฉันมาบอกอีกที” เธอว่าพลางรีบเร่งเท้าจะชิ่งหนีออกไปก่อนแต่มือหนาคว้าแขนเธอไว้ก่อน สายตาคู่นั้นที่จ้องมามันเหมือนมีประกายวิบวับจนใจเต้นแรงอย่างช่วยไม่ได้
“จะไปไหนรอในห้องก็ได้”
“ก็ดูพี่สิ แต่งตัวให้เรียบร้อยดีกว่านะคะ”
“เขินเหรอ..” รอยยิ้มนั้นล้อในที “เขินทำไมนะ เดี๋ยวไม่นานก็ได้เห็นอยู่ดี”
“ใครจะไปมองพี่ล่ะ ปล่อยเลยนะคนลามก”
“พี่ยังไม่ได้บอกว่าจะเห็นตอนไหน ใครกันแน่ที่ลามก ใครกันแน่ที่คิดไปไกลก่อน หืม...” เขาล้อก่อนจะดึงตัวหญิงสาวมาที่ตู้เสื้อผ้า “เลือกให้พี่หน่อยสิ”
“เรื่องอะไร” ค้อนเล็กน้อย ก่อนพยายามบังคับสายตาไม่ได้มองต่ำกว่าใบหน้า
“เผื่อว่าอนาคตจะได้ทำแบบนี้ไปตลอดนะ ต้องเริ่มหัดไว้ตั้งแต่ตอนนี้” เขาว่าทั้งอมยิ้ม แก้มแดง ๆของคนตรงหน้ายิ่งทำให้เขามีความสุขเพิ่มขึ้นอีกมาก อลินารู้ว่าไม่มีทางเลือกจึงหันไปสุ่มๆ หยิบเสื้อยืดสีเทากับกางเกงวอร์มสีเข้มหันมาส่งให้
“ชั้นในด้วยสิ”
“ห๊ะ!!!!” น้ำเสียงแผดดังด้วยความตกใจและใบหน้าตื่นของหญิงสาวทำให้มีนเผลอหลุดหัวเราะออกมา
“ล้อเล่น พี่ใส่เรียบร้อยแล้ว อยากดูไหม” ว่าพลางจะเลิกผ้าขนหนูขึ้น อลินาตกใจรีบคว้ามือเขาไว้ก่อนที่จะทำการนั้นสำเร็จ ทว่าในขณะที่เธอหมกมุ่นกับการป้องกันภาพอุจาดตา ชายหนุ่มก็ก้มลงประทับจูบแผ่วเบาที่ริมฝีปากนุ่มทันที
“ขอบใจนะ ที่เลือกเสื้อผ้าให้พี่” เขายิ้มกว้างแล้วเดินผละออกไปยังห้องน้ำเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า ปล่อยให้อลินายืนนิ่งอึ้งด้วยอาการตกใจแถมยังเขินอายอย่างที่สุด ใบหน้าร้อนผะผ่าวจนต้องเอามือขึ้นทาบแก้มทั้งสองข้างเพื่อลดทอนความร้อนที่พวยพุ่งขึ้นมา
คนเจ้าเล่ห์...เธอต่อว่าชายหนุ่มในใจ
หญิงสาวในชุดเสื้อกระโปรงสีน้ำเงินเข้าก้าวเดินฉับๆ เข้ามายังร้านอาหารที่เธอนัดกับแพรไหมไว้ ลิษาเห็นเพื่อนนั่งรออยู่แล้วที่โต๊ะด้านในสุดของร้านอาหารสุดหรู
“มีเรื่องอะไรเหรอถึงได้โทร.ไปหาฉันตั้งแต่เช้าแถมยังจี้ให้รีบมาสุดๆ แบบนี้” น้ำเสียงนั้นค่อนข้างหงุดหงิดในทีแต่ไม่สามารถแสดงออกได้มากนักเพราะถ้าลิษาวีนกลับ เธอต่างหากที่จะเดือดร้อน
“ฉันมีเรื่องให้เธอช่วย” ว่าจบจึงก้มลงควานหารูปในกระเป๋าถือออกมายื่นให้เพื่อนสาว “สืบเรื่องผู้หญิงคนนี้ให้ที”
“ฉันไม่ใช่นักสืบเอกชนนะ ไปจ้างนักสืบสิ ฉันเป็นนักข่าว”
“ก็เพราะเธอเป็นนักข่าวฉันถึงได้ให้เธอช่วย แล้วฉันก็ไว้ใจเธอมากนะสุดนะแพรไหม ฉันได้ยินว่าผู้หญิงคนนี้เป็นแฟนกับพี่มีน”
“อ๋อ” น้ำเสียงลากยาวของแพรไหมนั้นแสดงถึงความเข้าใจเรื่องโดยเร็ว เธอเพิ่งเคยเห็นลิษาเต้นก็คราวนี้เอง
“งั้นเดี๋ยวฉันจะสืบให้ คงไม่ใช่เรื่องยากอะไรหรอกเพราะมีพี่มีนเป็นตัวเชื่อมเรื่อง แต่จริง ๆ เธอน่าจะรู้อยู่แล้วนะว่าเขาค่อนข้างเจ้าชู้ ไม่เคยจริงใจกับใครหรอก”
“แต่ฉันเชื่อว่าเขารักฉัน!!” น้ำเสียงเข้มนั้นทำให้แพรไหมถึงกับสะอึก ไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงที่มั่นใจในตัวเองอย่างลิษาจะแพ้พ่ายให้กับผู้ชายร้อยเล่ห์อย่างมีน วัฒนะ ได้ แต่อย่างไรเสีย จิ้งจอกก็คือจิ้งจอก เหยื่อสดสวยร่ำรวยอย่างลิษาก็ต้องแพ้เป็นธรรมดา
“งั้นก็ไปที่เรดคลับด้วยกันเลย แต่เธอต้องปลอมตัวนิดหน่อยนะ” แพรไหมออกความเห็น ลิษานิ่วหน้า “หรือถ้าเธอกลัวพวกเขาจำได้ก็นั่งในรถแล้วฉันจะโทร.ไปบอกเอง”
แพรไหมเดินเข้าไปในร้านเรดคลับเธอเลือกที่จะนั่งในมุมที่เห็นบาร์ยาวด้านในร้านอย่างชัดเจนที่สุด แม้ว่าที่เรดคลับจะขายเครื่องดื่มแต่ก็ยังมีขนมเค้กและอาหารพวกทอดที่เรียกว่าเป็นกับแกล้มสำหรับนักดื่ม ช่วงเช้านั้นจะเน้นพวกกาแฟและเครื่องดื่มสำหรับอาหารเช้า เธอเลือกสั่งกาแฟและเค้กชิ้นหนึ่ง สายตามองหาหญิงสาวในรูปที่ลิษาเอาให้ดู แต่เกือบสิบนาทีก็ยังไม่เห็นวี่แววว่าจะได้เจอ หลังจากที่คิดวางแผนการใหม่ระหว่างนั้นเธอจึงเหลือบเห็นหญิงสาวที่เป็นเป้าหมายเดินลงบันไดมาพร้อมกับมีน
มือที่เกี่ยวกันไว้นั้นผิดสังเกตมาก หญิงสาวพยายามถ่ายรูปเอาไว้โดยใช้เมนูปิดบังกล้องมือถือเอาไว้ แม้ทั้งคู่จะแยกกันไปทำงานแต่มีนเป็นฝ่ายเดินตามคอยช่วยหยิบโน่น หยิบนี่ให้หญิงสาวตลอด มันเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาอยู่แล้ว แพรไหมกดส่งภาพไปยังมือถือของเพื่อนรักก่อนรอสักพัก ลิษาจึงเป็นฝ่ายโทรศัพท์กลับมา
“นี่หมายความว่ายังไง”
“ฉันว่ามันไม่ธรรมดาแล้วแหละ อาจจะเป็นจริงตามที่เธอได้ยินมานะษา เดี๋ยวนะถือสายรอแป๊บ” แพรไหมว่าพลางวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ กวักมือเรียกให้ประวีย์มาหา
“สั่งอะไรเพิ่มหรือครับ”
“ขอม็อคค่าเย็นแก้วหนึ่งนะคะพี่จะถือกลับบ้านค่ะ” ประวีย์พยักหน้าพร้อมกับตอบรับ “อ้อ น้องคะ พี่สงสัยพี่เคยเห็นหน้าคนที่ติดผ้าพันแผลคนนั้นคุณมีนใช่ไหมคะ”
“ครับใช่ครับ”
“แล้วผู้หญิงคนที่จูงมือตอนลงบันไดมานี่ ใช่แฟนเขาหรือเปล่า” คำถามนั้นทำให้ประวีย์นิ่วหน้าก่อนจะหันไปมองคนทั้งคู่อีกครั้ง
“ครับ ลีน่าแฟนพี่มีน เขาคบกันมานานแล้วนะ เห็นว่าตั้งแต่เรียนเมืองนอกโน่นแน่ะ” ประวีย์กล่าวย้ำ คิดว่าหญิงสาวคนนี้ต้องเป็นหนึ่งในสาวๆ ที่มาติดพันมีนอย่างแน่นอน อย่างไรเสียเขาก็เชียร์อลินามากกว่าหญิงสาวคนอื่น
แพรไหมพยักหน้ารับบอกว่าเข้าใจจนเมื่อประวีย์เดินออกไป เธอจึงก้มลงมองโทรศัพท์มือถือ ซึ่งคู่สนทนาวางสายไปแล้ว
ลิษาที่นั่งอยู่ในรถกำโทรศัพท์มือถือแน่นแทบอยากขว้างมันทิ้งเสียด้วยซ้ำไป เป็นเรื่องโกหกหลอกลวงอย่างนั้นหรือ...มีน หลอกเธอจริงๆ
วันต่อมาอลินาจัดเตรียมเสื้อผ้าพับใส่เป้เพื่อเตรียมตัวไปแข่งสนามที่สอง เมื่อเสร็จเรียบร้อยจึงยกขึ้นสะพายหลัง ทว่าพอเปิดประตูห้องกลับเจอร่างสูงโปร่งของมีนพิงผนังด้านข้างประตู มือหนาเอื้อมมาดึงกระเป๋าเป้ใบเล็กนั้นออกจากบ่าหญิงสาว
“พี่ไปด้วยนะ”
“ไปทำไม ยังไม่หายดีนี่คะ”
“ใครว่าหายดีแล้ว แต่มันยังดูช้ำๆ แค่นั้นเอง”
“ดื้อจริงเลย แล้วจะไปทำไมคะ ไม่ได้แข่งด้วยเสียหน่อย”
“ไม่ได้แข่งแต่ไปเป็นกำลังใจให้นักแข่งต่างหาก” เขาว่าหน้าตาเฉยก่อนจะเดินนำออกไป อลินาอมยิ้มหวาน นึกหมั่นไส้ชายหนุ่ม
กว่าจะมาถึงโรงแรมก็เกือบเที่ยงแล้ว หญิงสาวต้องไปรายงานตัวกับอนุทัตก่อน หนึ่งเดือนพอดีหลังจากที่แข่งสนามแรก ต่อด้วยสนามที่สองซึ่งเป็นคนละพื้นที่กับสนามแรก หญิงสาวมาเตรียมความพร้อมทั้งเรื่องเครื่องยนต์มาคอยดูร่วมกับทีมช่าง แล้วยังทดสอบการขับขี่ในสนามใหม่อีกด้วย
อนุทัตเหลือบมองคนติดตามของรุ่นน้องสาวก่อนจะกระเถิบเข้าไปนั่งใกล้ๆ มีนหันมามองก่อนจะส่งยิ้มให้
“สวัสดีครับ ไม่คิดว่าคุณจะมาด้วย ปกติ ลีน่าเขาชอบไปไหนมาไหนคนเดียว เมื่อก่อนมีโยหลานชายผมเองมาด้วยแต่เขาไปเรียนต่อแล้ว”
“ครับ ผมนึกอยากดูแข่งรถอีกน่ะครับ แล้วก็อยากมาเป็นกำลังใจให้เขา”
“แหม...ดีจริง ๆ แล้วจะอยู่ตลอดทั้งสี่วันของการแข่งเลยหรือเปล่าครับ”
“ครับ อลิสเคยเล่าเรื่องที่มาแข่งรถให้ฟังเหมือนกัน คุณเป็นคนทำให้เธอเข้มแข็งขึ้น เธอชมคุณอยู่บ่อยๆ เชียวครับ”
“อ๋อ ผมเปล่านะครับ แค่เรื่องบังเอิญ ลีน่าค่อนข้างพิเศษเพราะเธอกลัวมาก่อน แค่ต้องสร้างความกล้าขึ้นมาใหม่ ผมไม่ได้หวังให้เธอเป็นนักแข่งมืออาชีพหรอกครับแค่ได้ทำสิ่งที่ตัวเองรักก็พอ”
“ขอบคุณนะครับที่ช่วยดูแลอลิสตลอดมา”
“ผมไม่ได้ทำอะไรเลย เธอดูแลตัวเองตลอด ว่ากันว่าบาดแผลของคนเราเกิดขึ้นได้ ร่างกายก็จะรักษาตัวมันเอง เคสอลิสก็เหมือนกัน แล้วคุณจะเข้าใจเอง”
มีนตอบรับพร้อมกับยิ้มกว้างแสดงออกถึงความสุขในแบบที่อนุทัตไม่ค่อยได้เห็นจากใครมากนัก ผู้ชายคนนี้ดูมีเสน่ห์ไม่แปลกใจเลยที่อลินาจะปักใจ
ในวันแข่งมีนยืนอยู่ขอบสนามท่ามกลางกองเชียร์และคนดูมากมาย ส่วนใหญ่เป็นเพื่อนร่วมทีมของนักแข่ง อีกส่วนเป็นพริตตี้สาวสวยภายในงาน เขาถือโอกาสนี้ถ่ายภาพสวยๆ ไปอวดเพื่อนร่วมงานด้วย ภพธรคงร้องลั่นสำนักงานเป็นแน่หากได้เห็นสาวๆ เหล่านี้ เมื่อถึงเวลาแข่ง เขาจึงหันไปจดจ่อที่สนามแทน กดชัตเตอร์รัวเร็วในการถ่ายภาพของนักแข่งสาวสวยของเขา จวบจนรถทะยานออกไปอย่างรวดเร็วไปถึงโค้งแรก รถของอลินากลับแฉลบออกข้างทางชนไถลไปกับป้ายโฆษณาเรื่อยกว่าจะหยุดด้วยสภาพที่มีนถึงกับมือไม้อ่อน กล้องในมือหลุดโชคดีที่เขาคล้องสายไว้ที่คอไม่เช่นนั้นมันคงตกลงพื้นไปแล้ว
เสียงอื้ออึงเต็มไปทั้งสนาม หน่วยพยาบาลวิ่งเข้าไปยังที่เกิดเหตุทันที...มีนก้าวขาด้วยสัญชาตญาณ เขาวิ่งเลาะรอบสนามออกไปอย่างไม่คิดชีวิต หัวใจของเขาแทบหยุดเต้น น้ำใสๆ มันเอ่อล้นออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่เขาไม่รู้เลยด้วยซ้ำ รู้แต่ว่าตามันร้อนผะผ่าวเต็มไปด้วยความหวาดกลัว กลัวจนใจสั่น ตัวสั่นไปหมด...หวังว่าเธอจะไม่เป็นอะไร
/////////////////////////////////////
สวัสดีปีใหม่ค่ะ ขอให้เพื่อนๆมีความสขประสบความสำเร็จตลอดปีนะคะ ^^
ณิชนิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 31 ธ.ค. 2555, 10:37:25 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 31 ธ.ค. 2555, 16:58:13 น.
จำนวนการเข้าชม : 1679
<< บทที่ ๑๘ ปกป้องตัวเอง | บทที่ ๒๐ แผนแตก >> |
phugan 1 ม.ค. 2556, 11:51:44 น.
สวัสดีปีใหม่...ขอคุณพระศรีรัตนตรัยคุ้มครอง.....สุข...สมหวังดั่งใจปอง....มีเงิน...มีทอง...ตลอดปี....^^
หวังว่าอลิสคงไม่เจ็บหนักอีกนะ...T_T
สวัสดีปีใหม่...ขอคุณพระศรีรัตนตรัยคุ้มครอง.....สุข...สมหวังดั่งใจปอง....มีเงิน...มีทอง...ตลอดปี....^^
หวังว่าอลิสคงไม่เจ็บหนักอีกนะ...T_T
Pat 1 ม.ค. 2556, 18:59:22 น.
ฝีมือแม่หรือลูกล่ะนี่ สวัสดีปีใหม่เช่นกันค่ะ
ฝีมือแม่หรือลูกล่ะนี่ สวัสดีปีใหม่เช่นกันค่ะ
nutcha 1 ม.ค. 2556, 22:01:42 น.
สวัสดีปีใหม่ค่ะ อลิสอย่าเป็นอะไรนะ ท่าทางพี่มีนจะนำเรื่องมาให้อลิสด้วยแล้ว
สวัสดีปีใหม่ค่ะ อลิสอย่าเป็นอะไรนะ ท่าทางพี่มีนจะนำเรื่องมาให้อลิสด้วยแล้ว
ณิชนิตา 2 ม.ค. 2556, 10:37:41 น.
สวัสดีปีใหม่ค่ะทุกคน รอตอนต่อไป หุหุหุ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่ยาวมากนัก ประมาณ 25 ตอนค่ะ ^^ เขียนจบแล้วแต่ยังไม่ได้รีไรท์เลย แฮ่ๆ
ขอบคุณเพื่อนๆ ที่เข้ามาอ่านเรื่องนี้นะคะ
สวัสดีปีใหม่ค่ะทุกคน รอตอนต่อไป หุหุหุ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่ยาวมากนัก ประมาณ 25 ตอนค่ะ ^^ เขียนจบแล้วแต่ยังไม่ได้รีไรท์เลย แฮ่ๆ
ขอบคุณเพื่อนๆ ที่เข้ามาอ่านเรื่องนี้นะคะ